"พ่อบี มันหายหัวไปไหนห๊ะ!" สรรพนามจิกหัวเรียกดังมาจากริมฝีปากคนที่กำลังนอนไม่สบอารมณ์อยู่บนเตียงกว้าง ดวงตาจับจ้องโทรศัพท์มือถือ
ตรงหน้าจอฉายชัดว่า..เกมฝั่งตัวเองกำลังเสียเปรียบ ทว่าคำเดียวคำนั้นกลับทำให้บีบี ผู้เทิดทูนบดินทร์ ยิ่งกว่าชีวิต มองเขาตาดุ แล้วกล่าวบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ต่อจากนี้ห้ามเรียกพ่อบีว่ามันเด็ดขาด ท่านอยู่สูงกว่าเราสองคนมาก" "เหอะ..มันก็คนเหมือนกันนั่นแหละ" "เต!" "ครับผม รับทราบแล้ว..คร้าบบบบ" "แล้วจะถามถึงพ่อบีไปทำไม?" "อีกแค่สามวันจะถึงงานแต่งเราแล้ว คุณท่านเป็นพ่อประสาอะไร ถึงได้ปล่อยให้ลูกตัวเองวุ่นวายอยู่คนเดียว" คนหัวร้อนจากการแพ้เกมบ่นอุบ โยนมือถือทิ้งข้างตัว ยกมือยีหัวผมยุ่งเหยิง พร้อมยันกายลุกขึ้นนั่ง "แล้วเตล่ะ..นี่ก็ใกล้จะถึงงานแต่งของเราแล้วนะ วัน ๆ ไม่คิดจะไม่ทำอะไรเลยเหรอไง?" บีบีบ่นอุบ ดวงตามองชายเฮงซวยที่ตัวเองเลือกมาเป็นสามีด้วยความระอาใจ หากไม่ติดว่าตั้งท้องลูกเขา เธอไม่มีวัน คว้าเอาเตชินมาร่วมหอลงโรงด้วยเด็ดขาด "แล้วบีจะให้เตทำอะไรล่ะ..ในเมื่อธีมงาน เตเลือกสีฟ้า บีจะเอาสีชมพู แล้วก็เรื่องชุดเจ้าบ่าวอีก เตจะใส่สูทสีดำ บีกลับเลือกสีน้ำตาลให้ ถ้าแบบนั้น ไปจัดการเองดีกว่าไหม?" "เต! อย่ามายอกย้อนบีนะ" เสียงแหลมแวดใส่ โยนถุง ช้อปปิ้งลงพื้นลวก ๆ แล้วยืนกอดอก คิ้วขมวดชนกัน มาจากเรื่องที่ตนเผลอไล่ออแกไนท์จัดงานหมดกลุ่ม เพราะไม่พอใจที่วางดอกไม้ไว้ผิดที่ผิดทาง ขวางหูขวางตาทางที่จะเดินผ่านไปตรวจความเรียบร้อย สุดท้ายเลยมานั่งเป็นกังวล กลัวบดินทร์จะบ่นที่ไปหักหน้าบริษัทเพื่อนของเขา อีกทั้งใจหนึ่งก็รู้สึกโมโห เมื่อเห็นเขายังไม่ยอมกลับมาทำหน้าที่พ่อสักที ก็ได้แต่นึกสงสัย ทว่าเพราะไม่อยากก่อกวนเวลาบดินทร์มากนัก เลยได้แต่ยอมปล่อยไป ไม่กล้าหือกล้าอือ เนื่องด้วย..ยังใช้เงินเขาอยู่ "แล้วพ่อบีจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ ท่านผิดนัดเตมาสามรอบแล้วนะ ใจคอไม่คิดจะพูดคุยกันเลยเหรอไง!" เตชินอดไม่ได้ที่บ่นออกมา บดินทร์ทำให้เขาเหมือนเป็นคนไร้ค่า "คุณพ่อเพิ่งโทรมาบอกว่า..ท่านติดธุระส่วนตัว แต่จะกลับมาให้ทันงานแต่งเรา" บีบีว่า ก่อนจะเดินนวยนาดมาทรุดนั่งลงบนเตียงนุ่ม แต่มือยังคงเลื่อนไล้ จอมือถือ เลือกสรรข้าวของที่หมายปอง ไม่ได้สนใจจะเหลือบมองหน้าคนข้างกายที่กำลังยับยู่ยี่ ไม่สบอารมณ์ "เลิกซื้อของฟุ่มเฟือยสักทีเหอะ เตขี้เกียจรับ" เขาบ่นอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นบีบีกดสินค้าบางอย่างลงในตะกร้าอีกแล้ว พร้อมสลับสายตาเหลือบมองกล่องพัสดุที่ยังไม่ได้แกะ ตั้งเป็นกองพะเนิน อยู่ตรงมุมห้องอย่างรำคาญใจ วัน ๆ หนึ่งต้องวิ่งรับข้าวของที่เธอสั่งเป็นสิบ ๆ รอบ จนอันดับในเกมตกลงฮวบ ๆ "บีไม่ได้ขอเงินเตซื้อสักหน่อย จะบ่นอะไรหนักหนา..รู้ไหมมันโคตรน่ารำคาญ" "งั้นบีก็เดินไปรับของเองบ้างสิ จะมาใช้เตทำไม!" "ถ้าเรื่องแค่นี้ เตทำให้บีไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาใช้เงินของบี" คนถือไพ่เหนือกว่า ยื่นคำขาด ยังไงซะ..เตชินก็หาเงินใช้คนเดียวไม่ได้ และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอดีตทนายความมีชื่อ ทว่าเพราะข่าวฉาว เรื่องการสร้างหลักฐานปลอม เพื่อช่วยลูกความตัวเองให้ชนะคดี เลยทำให้ถูกริบใบประกอบวิชาชีพ สุดท้ายจึงเป็นแค่คนไร้งานที่มีเพียง ใบหน้าหล่อเหลา "เตขอโทษครับ ต่อไปนี้ เตจะเชื่อฟังบีทุกเรื่อง" "ให้มันจริงเหอะ" "เออ! แล้วพ่อของบี ท่านจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ?" "จะอะไรกับท่านนักหนา พ่อไม่อยู่เราก็แต่งงานกันได้" "ไม่ได้!" "ทำไม" บันนิดาถามด้วยสงสัย พักหลังมานี้ เตชินเอาแต่บ่นหาถึงบดินทร์อยู่ทุกวัน "บีลืมแล้วเหรอ..เรื่องสินสอดไง! ถ้าพ่อบีไม่โผล่หัวมา พี่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อย่าลืมสิ มะ..ท่านยังไม่ได้เอาของมาไว้ให้เรา" เตชินว่าอย่างกลัว ๆ เขาอุตส่าห์ไปคุยไว้กับเพื่อนสนิทหลายคนว่าตนนั้นนำทรัพย์สิน มาสู่ขอสาวหลายสิบล้านแล้วถ้าวันงานไม่มี หน้าบาง ๆ ของเขาคงต้องแตกละเอียด ไม่เหลือชิ้นดี "ฮ่า ๆ เรื่องแค่นี้เนี่ย!" บีบีหัวเราะร่วน จนตัวเกร็ง ไม่คิดว่าเตชินจะหวาดกลัวกับเรื่องแค่นี้ สองมือรีบเปิดกระเป๋าสุดหรู ใช้นิ้วคีบสิ่งหนึ่งขึ้นมาอวดโชว์ด้วยความภูมิอกภูมิใจ "เตจะกังวลไป ให้หน้าหล่อ ๆ ต้องหมองเศร้าไปทำไมล่ะคะ..ในเมื่อคุณพ่อ ท่านให้บัตรเครดิตวงเงินไม่จำกัดมาใช้ เราจะรูดสักสิบยี่สิบล้านมาไว้เป็นสินสอด ขนหน้าแข้งท่านก็ไม่ร่วงหรอกค่ะ" และคนหน้าเงินพอได้เห็นสิ่งนั้น นัยน์ตาคมพลันเต็มไปด้วยเลห์เหลี่ยมแสนแพรวพราว ฉีกยิ้มเริงร่า อารมณ์ดีจนลืมความขุ่นมัวของการแพ้เกมไปจนหมด ใช้วงแขนไปลากเอาตัวบีบีมาไว้ในอ้อมกอด บรรจงกดจมูกลงไปหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ ออดอ้อนตัวเงินตัวทองคนใหม่ คนที่จะทำให้เขาสบายไปชั่วชีวิต พร้อมทั้งออกแรงจับร่างบางกดกับเตียง เริ่มบรรเลงเพลงราคะเอาอกเอาใจคุณว่าที่ภรรยา ผู้เป็นทายาทเพียงคนเดียวแห่งตระกูล..วงศ์สูงส่ง กระทั่งบทเพลงคาวราคีได้ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จากพระจันทร์เป็นตะวัน จนแสงอาทิตย์เริ่มมอดดับลงอีกครั้ง เตชินยังคงถูกกักขังให้อยู่กับร่างกายที่แสนเบื่อหน่าย ในห้องสีขาวอันจืดชืด บีบีไม่ยอมปล่อยให้เขาออกไปไหนสักที่ เธอเอาแต่สั่งให้ทำอีก ๆ ทำอีก บำเรอตัวเองทั้งวันทั้งคืน จนความสนุกเริ่มจะกลายเป็นความทรมานสำหรับเขา ร่างกายกำยำซีดเผือดจนจะเป็นผีดิบ ผู้หญิงตรงหน้ากลับไม่ได้มีท่าทีจะลดราวาศอก ความต้องการที่มีในกามลงเลยสักนิดเดียว ทำให้เตชินเบื่อหน่ายเต็มทน อยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอก แต่ยังไม่ทันจะถึงประตู บีบีก็มาลาก กลับไปขึ้นเตียง อีกครั้งและอีกครั้ง และหากเป็นแบบนี้ต่อไป เตชินเกรงว่าตัวเองจะช็อกตายก่อนถึงวันแต่งงานแน่ ๆงานแต่งงานของเตชินและบีบี มีอาณาเขตอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตของเจ้าสาวที่สามารถต้อนรับผู้คนได้มากกว่าหลายพันชีวิต คฤหาสน์ตระกูลวงศ์สูงส่งจึงเต็มไปด้วยแขกที่มาร่วมงานมากมายเพื่อแสดงความยินดีกับลูกสาวตระกูลผู้ดีเก่าแก่อันเลื่องลือชื่อ แต่ฝ่ายชายอย่างเตชิน กลับเป็นคนโนเนม ไร้ชื่อเสียง แต่พอบรรดาคุณนายทั้งหลายเห็นหน้าก็ต่างพากันอยากได้เขาซะจนตัวสั่น ด้วยมีใบหน้าคมอันหล่อเหลา อย่างกับพระเอกซีรีย์เกาหลีเป็นเอกลักษณ์ติดตัวทว่าเพียงแค่หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงรับเข้ากับสรีระร่างกายแสนอวบอิ่ม ก้าวเท้าเดินเข้ามาในงานแต่งทุกสายตาล้วนจดจ้องมองมาทางเธอคนนั้น ไม่ใช่ว่าเพราะความสวยแค่อย่างเดียวแต่เป็นการแต่งตัวที่สุดแสนจะแซ่บสะท้านทรวง โดดเด่นมากซะจนบรรดาแขกเหรื่อผู้ชายไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ต่างพากันมองตามนัยน์ตาหยาดเยิ้มแต่แล้วร่างบางกลับหยุดชะงัก ยืนมองดูรูป..บ่าวสาวอย่างใจเย็น ครุ่นคิดหาวิธีป่วนงานกระทั่งถูกมือเย็น ๆ มาแตะที่ไหล่เปลือยเบา ๆ ทำเอาสะดุ้ง เผลอพลิกกลับไปล็อกตัวเขา ตามสัญชาตญาณที่ถูกฝึก"โอ๊ยย เจ็บนะครับ" คนโดนจับล็อก บ่นโอดครวญ ทำให้นิรณาต้องรีบปล่อยมือจากเขา
สองสาวงามเดินเทียบขนาบข้างกันมา คนหนึ่งหน้าคมคายดูสวยสง่าปนน่ารัก อีกคนบ๋องแบ๋วดูใสซื่อ เล่นเอาบรรดาแขกเหรื่อ งงกันตาแตก ใครกันแน่คือ..เจ้าสาวตัวจริง! ทว่าจังหวะที่นิรณาเดินไปทรุดนั่งข้างกายบดินทร์ ทั่วทั้งห้องพลันเกิดเสียงจ้อกแจ้กจอแจ รู้สึกฮือฮา คิดไม่ถึงว่าพ่อหม้ายลูกติดอย่างท่านชายผู้ทรงอิทธิพล จะเปิดตัวสาวสวยสะพรั่ง ในงานแต่งงานของลูกสาวตัวเอง ซ้ำยังตัวเล็ก ๆ หน้าตาสวยคม คล้ายคลึง..คุณบุษบาอดีตภรรยาเขาไม่ใช่น้อย เป็นเหตุให้บรรดาหญิงหม้ายสาวโสด ไม่เว้นแม้กระทั่งสาวรุ่นวัยขบเผาะ..ที่อุตส่าห์พากันแต่งตัวมาประชันซะเริศหรู ต้องอกหักดัง เป๊าะ! จำยอมรับประทานแห้วตามระเบียบ ด้านบดินทร์ที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกตกใจหนักเหมือนกัน เนื่องด้วยวันนี้เขาไม่ได้คิดจะเปิดตัวนิรณา แต่หากจะหักหน้าไล่ให้ไปนั่งที่แขก ดันกลัวเธอจะอาย สุดท้ายเลยจำใจต้องปล่อยเลยตามเลย ยังไงซะ! ผู้หญิงข้างกายก็คือภรรยาตามพฤตินัย เขาจึงไม่อยากขัดใจเธอมากนัก ฝั่งคนเป็น
"กลับมาแล้วเหรอคะ?" นิรณาว่า พร้อมส่งยิ้มให้จาง ๆ "พี่ควรต้องถามต่างหาก ว่า..นิเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง?" "พี่ดินลืมแล้วเหรอคะ..ว่านิเป็นใคร" นิรณาว่า แล้วฉีกยิ้มแหย ๆ พร้อมยกมือชูลวด ขึ้นมาหนึ่งเส้น "โจรสินะ" "ใช่ค่ะ นิเป็นโจรที่จะมาปล้นสวาท..พี่ดินไงคะ!" "เอาดี ๆ ครับ นิมาทำอะไรที่ห้องพี่" "ก็นิเบื่อนี่คะ! ช่างเป็นงานแต่ง..ที่โคตรของโคตรจะน่าเบื่อ" เสียงหวานบ่นอุบอิบ ใบหน้าสวยบึ้งตึงเล็กน้อย "เป็นยังไงบ้างครับ?" "หมายถึงอะไรเหรอคะ?" สาวเจ้าถามกลับ สีหน้าฉายแววงง ๆ ไม่รู้ว่าบดินทร์ต้องการจะสื่ออะไร "ตรงนี้เป็นยังไงบ้าง?" มือหนาจิ้มนิ้ว ลงกลางหัวใจเธอ นัยน์ตาแฝงด้วยความอบอุ่นและห่วงใย "ฮั่นแน่! คนลามก..อยากจะจิ้มนมเค้าก็ไม่บอก" ยัยคนปากแข็งพาเฉไฉไปเรื่อย คร้านจะวกเข้าเรื่องราวน่ารำคาญพวกนั้น "พี่จริงจังนะครับ" สิ้นน้ำเสียงดุ นิรณาจอมดื้อ เลยจำยอมตอบกลับออกมาเสียงแผ่ว "เรื่องก็ผ่านหลายเดือนแล้ว..พี่ดินอย่าไปสนใจเลยค่ะ!" เมื่อเห็นว่านิรณา น่าจะไม่อยากพูดถึงอดีตของตัวเอง บดินทร์เลยไม่เซ้าซี้ แล้วหยิบผ้าเปียกออกจากหน้าผากสาวตรงหน้า..ไม่อยากให้เธอต้องกลายเป็นไข้หวัดแทนปวดหัว "
"กลับมาแล้วเหรอคะ?" นิรณาว่า พร้อมส่งยิ้มให้จาง ๆ "พี่ควรต้องถามต่างหาก ว่า..นิเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง?" "พี่ดินลืมแล้วเหรอคะ..ว่านิเป็นใคร" นิรณาว่า แล้วฉีกยิ้มแหย ๆ พร้อมยกมือชูลวด ขึ้นมาหนึ่งเส้น "โจรสินะ" "ใช่ค่ะ นิเป็นโจรที่จะมาปล้นสวาท..พี่ดินไงคะ!" "เอาดี ๆ ครับ นิมาทำอะไรที่ห้องพี่" "ก็นิเบื่อนี่คะ! ช่างเป็นงานแต่ง..ที่โคตรของโคตรจะน่าเบื่อ" เสียงหวานบ่นอุบอิบ ใบหน้าสวยบึ้งตึงเล็กน้อย "เป็นยังไงบ้างครับ?" "หมายถึงอะไรเหรอคะ?" สาวเจ้าถามกลับ สีหน้าฉายแววงง ๆ ไม่รู้ว่าบดินทร์ต้องการจะสื่ออะไร "ตรงนี้เป็นยังไงบ้าง?" มือหนาจิ้มนิ้ว ลงกลางหัวใจเธอ นัยน์ตาแฝงด้วยความอบอุ่นและห่วงใย "ฮั่นแน่! คนลามก..อยากจะจิ้มนมเค้าก็ไม่บอก" ยัยคนปากแข็งพาเฉไฉไปเรื่อย คร้านจะวกเข้าเรื่องราวน่ารำคาญพวกนั้น "พี่จริงจังนะครับ" สิ้นน้ำเสียงดุ นิรณาจอมดื้อ เลยจำยอมตอบกลับออกมาเสียงแผ่ว "เรื่องก็ผ่านหลายเดือนแล้ว..พี่ดินอย่าไปสนใจเลยค่ะ!" เมื่อเห็นว่านิรณา น่าจะไม่อยากพูดถึงอดีตของตัวเอง บดินทร์เลยไม่เซ้าซี้ แล้วหยิบผ้าเปียกออกจากหน้าผากสาวตรงหน้า..ไม่อยากให้เธอต้องกลายเป็นไข้หวัดแทนปวดหัว "
ในสายตาของหมวดอากร นิรณาเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก แต่ก็มีข้อเสียใหญ่ ๆ คือชอบหมกมุ่น ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เจ้านายสาวเลยกลายเป็นคนกัดไม่ปล่อย ถ้าเกิดว่าได้ทำงานชิ้นไหนแล้ว หรือสงสัยอะไร..ความสนใจทั้งหมดจะพุ่งไปรวมที่จุดเดียว ไม่ต่างจากตอนนี้สักเท่าไหร่..ที่เธอเอาแต่ขลุกตัวอ่านเอกสารสี่ร้อยกว่าหน้า จนเป็นเวลาติดต่อกันมาร่วมกว่าสิบชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีท่าทีจะลุกออกจากห้อง "สารวัตรครับ มีคนต้องการเข้าพบ" "ใครคะ?" เธอเงยหน้าขึ้นมาจากกองงาน ดูอ่อนระโหย "เขาบอกว่าชื่อบดินทร์ เป็นแฟนของคุณ" "ให้เขาเข้ามาค่ะ" "สารวัตรมีแฟนใหม่..แล้วจริง ๆ เหรอ?" "ฉันไม่เคยบอกหมวดเหรอคะ..นึกว่าบอกแล้วซะอีก!" สารวัตรสาว ทำหน้าสงสัย แล้วนึกขึ้นได้ ตั้งแต่กลับมาทำงาน สิ่งเดียวที่ทำอยู่ตอนนี้คือ..การสืบหาเบาะแสใหม่ จนลืมพูดลืมคุยกับเพื่อนร่วมงานมาเป็นอาทิตย์ "งั้นผมให้เขาเข้ามานะครับ" "ค่ะ" หลังจากนั้น เพียงไม่นาน บดินทร์จึงเดินมาหา สีหน้าบอกบุญไม่รับ ทำเอานิรณาได้แต้ยิ้มจืด ต้อนรับคุณสามี "เลยเวลาเลิกงาน มาหกชั่วโมงแล้ว นิไม่คิดจะกลับเหรอครับ?" เสียงทุ้มบ่นออกมาแทบจะทันทีที่ได้เห็นหน้า ความเป็นจริงก็ไม่อ
เช้าแสนสดใสเริ่มต้นขึ้น นิรณาตื่นมาด้วยความสดชื่น หลังจากพักผ่อนไม่เพียงพอ มาหลายวัน พร้อมกับเร่งรี่เข้าไปอาบน้ำ หวังจะทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเร็ว ๆ จะได้ไปทำงานต่อ "พี่ได้ยินมาว่านิจะไปเต้นเปลื้องผ้าที่ไนน์คลับ" บดินทร์ทักทายคำแรกด้วยคำถาม ทันทีที่ได้เห็นเธอสาวเท้า เดินเช็ดผมเปียกชุ่มออกมาจากห้องน้ำ คนถูกถามได้แต่ยิ้มรับบางๆ จำได้ว่าตัวเอง ทำอะไรไปเมื่อตีสอง จากมือที่เช็ดผม พลันแปรเปลี่ยนเป็นเกาหัวหาคำแถ ทว่าสุดท้ายก็จนปัญญา ยอมพยักหน้าให้เล็กน้อยเชิงว่าเป็นความจริง "ไม่ทำ..ไม่ได้เหรอครับ?" บดินทร์ถาม ถึงแม้รู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายชีวิตของเธอ แต่ใจมันคงทนไม่แน่ หากต้องเห็นผู้หญิงของตัวเองต้องไปเต้นโชว์เนื้อโชว์หนัง ให้ใครต่อใครก็ไม่รู้มองดู "มันเป็นงานค่ะ พี่ดินเข้าใจนิหน่อยสิ" คนตัวเล็กกล่าวออดอ้อน แล้วเข้าไปใกล้ตัวเขา พลางหย่อนก้นนั่งลงบนตักกว้าง สอดวงแขนไปคล้องคอสามี "งั้นก็อย่าทำเลยนะ เมียคนเดียวพี่เลี้ยงได้" "ไม่เอา ๆ ไม่พูดเรื่องงานแล้วดีกว่านะ ๆ นะ นะ" เธอไล่เสียงอ้อนขอ พร้อมจู่โจม จุ๊บแก้มเขาไปฟอดใหญ่ เพื่อเติมกำลังใจ "ก็ได้ แต่หนูต้องสัญญานะ ว่าจะกลับบ้านให้ตรงเวลา"
เมื่อได้บัตรผ่านมา อย่างไรก็ต้องใช้ให้คุ้ม นิรณาเลยไม่คิดจะทนรอ ให้ถึงอาทิตย์หน้าตามกำหนดของแผนการ ตั้งใจจะลอบเข้าไปสืบด้วยตัวเอง แต่สุดท้าย..กลับมีบดินทร์ติดสอยห้อยตาม มาจนได้ "ไม่ว่านิจะทำอะไร..พี่ดินห้ามขวางเด็ดขาด และอย่าให้พวกมันจับไต๋เราได้นะ เพราะนั้นหมายถึงชีวิต""เชื่อใจพี่เถอะครับ บดินทร์คนนี้จะไม่ทำให้สารวัตรที่แสนใจดีคนนี้ ต้องบาดเจ็บแน่นอน"นิรณายืนอึ้ง ผู้ชายตรงหน้าเคยรู้ตัวบ้างไหมว่าเป็นคนปากหวานมากแค่ไหน แถมยังชอบพูดให้ใจสั่นอยู่เรื่อย"ค่ะ" เธอตอบรับเพียงสั้น ๆ ทั้งที่ใจเต้นระรัวและจำใจเดินนำทาง พาเขามาด้วยจนได้ อันเนื่องมาจาก ตั๋วผ่านทางบดินทร์เป็นคนเก็บรักษาไว้ ไม่ยอมให้ถือเด็ดขาดจนกว่าจะมายืนอยู่หน้าประตูทางเข้า ซึ่งเมื่อการ์ดได้เห็นบัตรผ่านก็ไม่ซักไซ้อะไร ยอมปล่อยให้เข้ามาด้านในง่าย ๆ และสมคำร่ำลือ สถานที่แห่งนี้ เปิดโลกหนุ่มผู้ดีวัยกลางคน ชายที่ไม่เคยมาเหยียบย่ำ สถานที่อโคจร ให้ได้..มาพานพบ ประสบเรื่องราวแห่งโลกใต้ดินกลุ่มคนที่ดูเหมือนเป็นพนักงาน ต่างไม่ใส่อะไรทั้งนั้น ไม่ว่า..ชายหรือหญิง พวกเขาเปลือยเปล่าล่อนจ้อน มีเพียงหมายเลขห้อยไว
"พี่ดิน แน่ใจเหรอ?" นิรณากระซิบถามเบา ๆ ระหว่างทางเดินมายังเวทีมวยใต้ดินที่อยู่อีกห้องหนึ่ง"ถามแบบนั้นออกมา เพื่ออะไรครับ ยังไงตอนนี้เราก็ให้ถอยไม่ได้อยู่ดี""ถ้านิไม่ใจร้อน บุ่มบ่าม เราสองคน คงจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้" ว่าแล้ว มือกดขอกำลังเสริม ให้มาล้อมไว้ แต่พวกเขา ไม่สามารถเข้ามาด้านในได้ ทางเดียวที่เหลือคือบดินทร์ต้องชนะ แต่เพราะกลัวเขาเจ็บ ใบหน้างามยิ่งเคร่งเครียดขึ้น จนคนข้างกายสังเกตุเห็น"โทษตัวเองไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก นิเชื่อใจพี่เถอะ" คนตัวสูงว่า มือหนาเอื้อมไปคว้าเอามือเล็กมากอบกุมไว้ หวังให้เธอคลายความกังวล ซึ่งนิรณาก็พยายามเชื่อใจเพราะยังไงซะ..ผู้ชายตรงหน้าก็ได้ชื่อว่าเป็นครูมวยใช่ บดินทร์คือหนึ่งในผู้ฝึกสอนนักมวยให้ค่ายชื่อดัง ซึ่งเป็นสมบัติที่ตามอบให้เขาเป็นคนสานต่อ และอย่างน้อย ๆ การต่อสู้ คงไม่จบง่ายดาย"นิมีวิธีแล้ว..พี่ดินยื้อเวลาสักพักนะ" ยัยคนเก่งว่าเร็ว ๆ แล้วผลุบหายตัวไปในฝูงชน ใช้เทคนิคการสะกดรอยตามกลุ่มคนหน้าสงสัยไป ทิ้งให้บดินทร์เดินตามชายคนนั้นไปหลังจากเดินตามกลุ่มคนน่าสงสัยไป ในที่สุดสารวัตรสาวก็มาหยุดข้างเวทีประมูลที่กำ
นิรณามองสามีด้วยแววตาอ่อนล้า หัวใจหนักอึ้งด้วยความเวทนา บดินทร์กลายเป็นเจ้าชายนิทรามานานกว่าห้าเดือนแล้ว ร่างกายที่เคยแข็งแรงบัดนี้นอนนิ่งไร้การตอบสนอง ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นคืนสติ"ขอโทษนะคะ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้านิไม่ก้าวมาในชีวิตของพี่ เรื่องราวก็คงไม่เป็นแบบนี้" เสียงแผ่วเบาแฝงความเศร้าหมอง คำพูดเดิมที่เธอพร่ำบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลาที่เขาหลับใหล เธอเอาแต่โทษตัวเอง วันแล้ววันเล่าที่จมดิ่งอยู่กับความรู้สึกผิด ไม่อาจปลดเปลื้องความทุกข์ในใจได้แต่เพราะเด็กชายที่อยู่ในท้อง คนเป็นแม่จำต้องพยายามไม่ให้ตัวเองเครียดมากนัก หาสิ่งต่าง ๆ ทำวนเวียนไป เพื่อไม่ให้มีเวลาครุ่นคิดจนเกินไป แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด ก็ไม่อาจลบเลือนความคิดถึงที่มีต่อสามีได้แม้แต่น้อยทุกลมหายใจเข้าออกยังคงเป็น...บดินทร์หากการอ้อนวอนต่อฟากฟ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ จะช่วยได้ นิรณาอยากจะร้องขอสักครั้ง..ขอให้คืนคนรักของเธอกลับมาขอเพียงให้ลูกน้อยที่ใกล้จะลืมตาขึ้นมาเผชิญโลกกว้าง ได้มีพ่อที่เป็นปกติเหมือนเช่นคนอื่นได้โปรดแต่คำอธิษฐานดูจะไม่มีวันได้รับคำตอบ เวลาผ่านล่วงเข้าสู่เดือนที่เจ็ดของการหล
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาอีกสามวัน นิรณายังคงวนเวียนอยู่แถวบริเวณนี้ เพื่อติดตามการค้นหาบีบีและเตชินใช้เส้นสายที่มีให้ติดประกาศจับ แต่ยังไม่พบเจอว่าคนทั้งคู่ไปหลบเลี่ยงอยู่ในรูไหน ทุกอย่างเลยมืดแปดด้าน"พี่! พี่..เจอแล้วพี่" นราภพวิ่งเข้ามาในห้องพัก ก่อนจะหยุดยืนหอบต่อหน้านิรณา แล้วยื่นมือถือมาให้ดู"สายของผมถ่ายรูปคล้ายกับไอ้เตชินได้แถวท่าเรือร้างทางใต้ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน ผมเลยให้มันไล่ตามไปแต่ก็คลาดกันจนได้" เสียงสั่นด้วยความเหนื่อยอธิบายเร็ว ๆฝั่งนิรณาเพียงแค่กวาดสายตามองรูปก็จำได้แทบทันที ว่าชายในภาพคือเตชิน แม้ว่าสภาพจะเละเทะ เนื้อตัวเสื้อผ้าสกปรกเปรอะเปื้อนไปดินโคลนทว่าสำหรับบุคคลที่เคยอยู่ร่วมกันมาหลายปีย่อมจำได้ แม้แต่ปลายเส้นผม เธอก็จำได้..จำได้ว่าเขาคือ เตชิน!"รีบเตรียมรถ พี่จะรออยู่ด้านหน้า" เสียงจริงจังหันไปสั่งน้องชาย ก่อนจะเดินไปหยิบอาวุธ และเช็กดูกระสุนในที่สุดสองพี่น้อง..ก็เดินทางมาถึงท่าเรืออันเงียบสงบ จนน่าประหลาดใจ เวลานั้นสัญชาติ..บอกให้นิรณาระวังตัว เธอเร่งหันไปส่งสัญญาณให้น้องชายตามมา ก่อนจะลัดเลาะไปตามตู้คอนเทนเนอร์ที่เรียงราย ดั่งเขาวงกตจนมาถึงอีกฝั่ง
ฝั่งนิรณาในที่สุด..ก็สามารถตามตัวเจอ จากข้อความที่นราภพ สู้อุตส่าห์ไปตามสืบ จนพบว่าคนพวกนั้น ไปปรากฎตัว อยู่แถวท่าเรือ อันเป็นสถานที่..ที่พวกอาชญากรทั้งหลายมักจะใช้หลบหนีออกนอกประเทศยิ่งทำให้กลัวใจ..กลัวว่ามันจะทำการหลบหนีได้สำเร็จ สองเท้าก้าวฉับ ๆ คว้าเอากุญแจรถ เตรียมมุ่งหน้าไปตามหาพวกมัน หวังจะจับให้ได้ด้วยมือตัวเองจวบจนเวลาเข้าสู่ยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำ นิรณาที่ขับรถวนรอบเกาะและท่าเรือที่คาดว่าพวกมันจะไปกลับไม่เจอเลยสักนิด จนรู้สึกท้อใจ ตัดสินใจแวะปั๊มทางข้าง ลงไปล้างหน้า ล้างตา ให้รู้สึกสดใส จะได้มีแรงฮึดต่อดวงตากลับเหลือบเห็นใครบางคนในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ สวมแมส สวมหมวก ปิดบังใบหน้า แต่ออร่าความหล่อยังพุ่งกระจาย ยืนเคียงข้างกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ในชุดเดรสสีชมพู สวมปีกกว้างกำลังยืนลังเล..อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆทว่าหากเป็นคนนอกมองมา คงคิดว่าเป็นคู่รักดารา แอบมาเที่ยวสวีทหวาน ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าแต่นั้นไม่ใช่กลับนิรณา เธอมองแค่ปราดเดียวก็จำได้ทันทีว่า..สองคนนั้นแหละ! คือคู่ผัวเมียที่ตัวเองมาตามจับแต่ขณะที่ค่อย ๆ ย่องเข้าไป มือกำลัง เตรียมปืนจะยกขึ้นเล็งขู
สามอาทิตย์..ก่อนหน้านั้น"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ทางเราสามารถยื้อชีวิตคุณบดินทร์ได้แล้ว แต่เขาถูกสารเสพติดประเภทหลอนประสาท ทำลายสมองมากเกินไป ฝั่งการรับรู้เลยไม่ทำงาน" แพทย์วัยกลางคนอธิบายเสียงเศร้า อับจนปัญญาที่จะช่วยเหลือได้นอกจากรอเวลา ให้ร่างกายคนไข้ ฟื้นตัวเอง ซึ่งแทบจะไม่มีปาฏิหาริย์ เพราะสมอง ส่วนการรับรู้โดนฤทธิ์ของยานรกที่เกินขนาดเล่นงานให้"หมายความว่าพี่ดินจะต้องนอนเป็นผักอยู่แบบนี้เหรอคะ?" สิ้นคำถาม แพทย์เจ้าของไข้พยักหน้ารับ ก่อนจะขอตัวไปตรวจอาการคนอื่นต่อนิรณาเลยได้แต่มองตามหมอจนลับสายตา ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาใส่ตัว เธอไม่น่าใช้บดินทร์เพื่อเป็น..เครื่องมือแก้แค้น ไม่น่าทำแบบนั้นเลยสักนิดมันความคิด..ที่ผิดพลาด ตั้งแต่เริ่ม ถ้าวันนั้นตัดสินใจ ไม่เข้าหา ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เขาก็คงไม่ต้องมานอนหลับไม่รู้สติอยู่แบบนี้พอยิ่งคิดถึงความหลัง นิรณายิ่งโทษตัวเอง ได้แต่ถามว่าทำไม ๆ ทำไมบดินทร์ต้องเป็นคนรับกรรมที่ตัวที่เขาไม่ได้สร้าง ทำไม ไม่เป็นเธอที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้ทำไมทุกอย่างมันเลวร้าย แย่ลงไปหมด ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร ทั้งที่เขาทำดีทุกอย่างแต่สุดท้าย คนใจดีคนนั
"อโหสิกรรมให้กันเถอะนะ แล้วชาติฉันท์ใด อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลย" สิ้นเสียงพูด นิรณายกมือไหว้ พร้อมปักธูปลงลงบนกระถาง ใบหน้าราบเรียบ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา"ป้าเสียใจด้วยนะคะ..คุณนิ" หญิงวัยกลางเดินมาหาคนเป็นเจ้าภาพงานขาวดำครั้งนี้ แล้วยื่นมือไปรับธูป นำไปเคารพคนจากไป สีหน้าที่เศร้าสร้อย"หนูเสียใจด้วยนะคะ" หญิงสาวอีกคนที่ตามเข้ามาเอ่ยด้วยเสียงซึมเล็กน้อย นิรณาก็ไม่ได้พูดอะไร และยังคงตีสีหน้าเฉยเมย พร้อมยื่นธูปให้คนคนนั้นไป ดั่งหุ่นยนต์นัยน์ตาสีหวานว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึก ตอนนี้ชีวิตเคว้งคว้าง มองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลยเถิด จนทำให้เธออยากจะเป็นบ้าอีกด้านหนึ่ง พวกคุณหญิงต่างพากัน หันหน้ามาซุบซิบ"เห้ออ..สงสารคุณนิเนอะ ท้องตั้งหลายเดือนขนาดนั้น ยังต้องมาคอยจัดการงานตัวคนเดียวอีก""ฉันได้ข่าวมาว่าเขาไม่มีญาติเหลือเลยสักคน""แบบนั้นก็น่าสงสารแย่เลย" หญิงอีกคนพูด รู้สึกเห็นใจ ทั้งนิรณาและคนเสียชีวิต"นั้นสินะ! ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงมาด่วนจากไปเร็วก็ไม่รู้""เมื่อเช้าฉัน..ก็ลองถามหาสาเหตุนะ แต่ว่าคุณนิไม่ยอมพูดอะไรเลย" อีกคนกล่าวสมทบ"เธอก็คงช็อกมากแ
นิรณากลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่ว่าจะทำยังไง..คนเห็นแก่ตัวก็ไม่หมดไปสักทีทำเอางานในมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากคนปฏิบัติงานที่มีเพียงเพียงน้อยนิด ไม่สัมพันธ์กันแต่แล้วเมื่อเปิดประตูห้องนอนออก บดินทร์กลับไม่อยู่พอลองโทรหา ก็ไม่ติด ทำให้คนเป็นภรรยาเริ่มกังวลใจตั้งแต่คบกันมาเวลาเขาจะไปไหน มักจะส่งข้อความบอกตลอด แต่วันนี้กลับไม่มีปฏิบัติการตามหาสามีจึงเริ่มต้นขึ้น เธอออกสำรวจไปทั่วบ้าน จนถึงโรงรถพบว่ายังมีรถบดินทร์จอดอยู่ ไม่ได้ไปไหน"สวัสดีค่ะ คุณนิ" แม่บ้านคนหนึ่งเดินปะหน้ากับนิรณาพอดี ยกมือขึ้นไหว้ทักทาย เธอจึงส่งมอบรอยยิ้มกลับไป"ฉันมาตามหาพี่ดินค่ะ พี่พอจะรู้ว่าเขา อยู่ที่ไหนหรือเปล่าคะ?" เสียงหวานถามออกไปอย่างเป็นมิตร"คิดว่าน่าจะบ้านคุณบีบีนะคะ เห็นพวกแม่บ้านฝั่งนั้น วุ่นวายออกไปซื้ออาหารตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว""พวกเขามีนัดทานข้าวกันตอนเย็นเหรอคะ?" นิรณาถามอย่างงุนงง บดินทร์ก็นะ ไม่ยอมบอกอะไรเธอสักอย่าง"ค่ะ ฉันเห็นว่าคุณดิน ไปบ้านหลังนั้น ตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วนะคะ" แม่บ้านรายงานทุกอย่างตามความจริง"ขอบคุณที่บอกค่ะ""แล้วคุณนิจะไปบ้านคุณบีบีไหมคะ?""เกรงว่าถ้าไปแล้วระเบิ
บีบีและเตชินร่วมมือ ช่วยกันพาร่างไร้สติของบดินทร์ขึ้นมา จนถึงห้องนอน ยังเห็นว่าเขายังหลับสนิท คนเป็นสามีจึงเริ่มตั้งกล้องตรงปลายเตียง ก่อนจะเดินออกไปจากปิดประตูดัง..ปึงงง ไม่สนใจ หรือหึงหวงบันนิดา เลยแม้แต่น้อยฝ่ายภรรยาก็ได้แต่มองตามเตชินหน้าจ๋อย ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน ถึงขนาดยอมให้เธอใช้ร่างกายร่วมหลับนอนกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง สลับกับเลื่อนสายตามองดูบดินทร์ ใจนั้นไม่อยากทำกับเขาแบบนี้เลยทว่าต้องทำอย่างไรล่ะ..หากว่าถอยตอนนี้ผลเสียย่อมมากกว่า เธอลงมือทุกอย่างไปอย่างชัดเจน เขาเห็นทั้งหน้า และรู้ตัวว่าโดนวางยา ความรู้สึกหลังจากนี้ บดินทร์คงมองตัวเธอเปลี่ยนไปแน่นอนยังไงซะ ตอนนี้ก็ไม่อาจถอยได้ ต้องเดินตามแผนต่อไปจวบจนเวลาผ่านไป รู้สึกตัวอีกที บดินทร์กลับพบว่าตัวเองกำลังนอนเปลือยเปล่า อยู่ข้างบีบีที่ไม่ได้สวมใส่อะไร เวลานั้นความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาใส่ ทั้งช็อก ทั้งโกรธ ทั้งโมโหและเศร้าใจ เร่งสะบัดศีรษะไปมาเพื่อเรียกสติให้คืนกลับ พร้อมยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเอง หวังจะเช็กดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่พบเจอ ไม่ใช่ความฝันและนั้น! ไม่ใช่ความฝ
หลังจากเริ่มรับประทานอาหาร ทำให้ทั่วทั้งห้อง ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ น่าอึดอัดใจ บดินทร์ที่ทานไปได้ สองสามคำ ค่อย ๆ ตัดสินเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ"พ่อจะให้เวลาหนูกับเตชินพิสูจน์ตัวเอง เลิกยุ่งกับยาเสพติด แล้วไปหางานทำให้ได้ภายในเดือนนี้""บีเลิกยุ่งกับยาพวกนั้น..นานแล้วค่ะ" บันนิดาปฏิเสธเสียงแข็ง คราวก่อนที่บดินทร์ส่งไปบำบัด เธอจำได้ดีว่ามันทรมานแค่ไหน และไม่อยากกลับไปเหยียบอีก..เป็นหนที่สอง ทว่าร่างกายกลับเสพติดของพวกนั้น จนไม่อาจทนต่อความต้องการไหว"หนูทำหรือไม่ทำ บีบีรู้อยู่แก่ใจตัวเอง พ่อจะไม่เข้ายุ่ง แต่ถ้าเดือนหน้า หนูกับเตชินยังมีสภาพแบบนี้อยู่ พ่อคงจะให้อยู่ที่นี่ไม่ได้""ผมเข้าไม่เข้าใจ พวกเราสองคนทำอะไรผิด ทำไมคุณพ่อ ถึงต้องไล่ผมกับบีออกไปด้วย" คนเป็นลูกเขยกล่าวเสียงสั่นเครือ แสร้งทำน้ำเสียงเศร้าซึมตามมาแต่นั้นกลับเป็น การเล่นละครที่น่าสะอิดสะเอียน ในสายตาบดินทร์ ทำเอากลืนอาหารลงคอด้วยความยากลำบากไม่คิดว่าการมาทานข้าวร่วมกับลูกสาวครั้งนี้ รสชาติกับข้าวราคาแพงจะฝืดคอได้มากขนาดนี้ พร้อมกันจึงยกน้ำเปล่าจิบนิด ๆ หวังให้ละเลียดลงกระเพาะไปให้จบ ๆ จ
บดินทร์เดินเตร่มาตามเส้นทางสวนสวย ๆ ดวงตามองแสงตะวันยามโพล้เพล้ หวังให้ความงดงามของธรรมชาติช่วยบรรเทาอาการเครียดที่มีตอนนี้เขารู้แล้วว่าบันนิดากลับไปใช้สารเสพติดอีกครั้ง หลังจากให้แม่บ้าน นำผมลูกสาวไปส่งตรวจความทรงจำแย่ ๆ เริ่มไหลย้อนกลับมา และนั้นคงเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของบีบีคนเป็นพ่ออย่างเขา ย่อมจำได้ดี บันนิดาในวัยเด็กนั้นน่ารักและร่าเริง แต่พอช่วงอายุได้ประมาณสิบหกปีเด็กคนนั้นก็เข้ามาถาม เรื่องที่ตัวเอง ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเขา ซึ่งบดินทร์ก็ยอมรับไปแต่ใครจะคิดว่า เบื้องหน้าสาวน้อยสดใสจะถูกความน้อยเนื้อต่ำใจกลืนกิน แถมเขายังไม่เคยมีเวลาให้กว่าจะรู้ตัวบีบี ดันถลำลึกเกินฉุดรั้ง เคราะห์ร้ายเธอยังไปหลงรักผู้ชายเลว ๆ และหนีไปอยู่ด้วยกัน เชื่อมาตลอดว่านั้นคือความรักที่แท้จริง สุดท้ายบดินทร์จึงส่งบีบีไปลองตรวจอาการทางจิต ปรากฏว่าเธอป่วยเป็นโรคเรียกร้องความสนใจ ทั้งบดินทร์และบุษบาเลยส่งบีบีไปรักษา พอออกมาได้ ทั้งสองคนก็พยายามช่วยกันกลบปมด้อยภายในใจของลูกสาว ทำให้บันนิดามีอาการดีขึ้นแต่ความสุขดันมีได้ไม่นาน หลังจากที่ทั้งคู่สูญเสียคนกลางไป ความสัมพันธ์ระหว