Share

ตอนที่ 18 ศาลเทพมังกร

Penulis: บ.บี
last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-20 21:20:42

พิธีบูชาเทพมังกรของตระกูลอ๋าวเริ่มจากการจุดธูปสักการะปักลงบนแท่นบูชากลางแจ้งขนาดใหญ่ตรงลานกว้างหน้าศาลบรรพชนประจำตระกูล มีผลไม้หลากหลายชนิด บ๊ะจ่างกับนกนางแอ่นย่างเป็นเครื่องถวายเพียงสามสิ่งเท่านั้น

พวกเขาสร้างรูปปั้นมังกรเหยียบลูกแก้วสีดำสนิทเป็นตัวแทนในการบูชา กัวฮูหยินผู้นำตระกูลเป็นผู้กล่าวคำสวดเบาๆ ถ้อยคำเหล่านั้นอ๋าวหลวนหลงไม่อาจได้ยินว่าท่านย่าพูดอะไรบ้าง สุดท้ายก็เป็นการขอพรให้กับลูกหลานในสกุลอ๋าว แล้วคนอื่น ๆ จึงได้เข้าไปจุดธูปบูชาตามลำดับ

ขั้นตอนง่ายๆ เพียงเท่านี้แต่กว่าจะแล้วเสร็จก็ใช้เวลาไปนานพอสมควร เพราะทายาทสกุลอ๋าวทั้งสายหลักสายรองที่มาเข้าร่วมพิธีมีราว 300 คน 

ต่อไปก็เป็นการไหว้บรรพชน” ผู้อาวุโสหนึ่งคนเดิมประกาศเสียงดังหลังจากที่เห็นว่าทายาททุกคนได้บูชาเทพมังกรกันครบแล้ว

อ๋าวหลวนหลงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นไปเสียหมดในเรื่องการบูชาเทพมังกรของชาวมนุษย์ เขารู้ดีในฐานะที่ตนก็เป็นหนึ่งในสมาชิกแดนสวรรค์ การเคารพบูชาเทพมังกรนี้หาได้ส่งผลไปถึงเบื้องบนแต่อย่างใด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเทพมังกรชอบกินบ๊ะจ่างกับนกนางแอ่นย่าง!

เมื่อมาเห็นกับตาก็ยังไม่ได้รู้สึกพิเศษอันใดกับการเคารพเหล่านี้ สิ่งเดียวที่สะดุดตาก็คงจะเป็นลูกแก้วสีดำสนิทที่รูปปั้นมังกรเหยียบอยู่เท่านั้น ลูกแก้วนี้บนแดนสวรรค์ก็มีให้เห็นเกลื่อนกลาดเพียงแต่มันไม่ได้มีเพียงสีดำสีเดียว

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าในอดีตมนุษย์มีโอกาสเห็นมังกรจริงๆ แดนสวรรค์และแดนมนุษย์เคยติดต่อสื่อสารกัน ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ได้เห็นลูกแก้วที่เกิดจากน้ำลายของมังกรบนสวรรค์เป็นแน่

ในศาลบรรพชนก็มีการกราบไหว้คล้ายๆ กับการบูชาเทพมังกรกลางแจ้ง เพียงแต่มีการเพิ่มเครื่องเซ่นไหว้บางอย่างกับกระดาษเงินกระดาษทองที่พับเป็นรูปร่างสวยงามวางกองไว้สูงท่วมหัว

อ๋าวหลวนหลงต้องอดทนไม่ปริปากบ่นบรรดาพี่น้องที่แสร้งเดินเข้ามาชน หรือไม่ก็แกล้งเหยียบเท้าตนอยู่ตลอดเวลา เขารู้แล้วว่าท่านย่าถือหางทางตนไม่น้อยและไม่อยากสร้างความลำบากใจให้กับนางอีก

กราบไหว้บรรพชนเผากระดาษเงินกระดาษทองจำนวนมากจนควันลอยไปทั่วบริเวณ ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการรออยู่ชั่วครู่ใหญ่จนธูปมอดดับสนิท แล้วทายาทสกุลอ๋าวฝ่ายสตรีก็จะช่วยกันนำผลไม้ เครื่องเซ่นไหว้ทั้งหมดมาแจกจ่ายให้กับทุกคนได้กินกันภายในบริเวณพื้นที่ศาลบรรพชน

ด้วยจำนวนคนที่มากและไม่มีการจัดโต๊ะนั่งไว้เพียงพอ หลายคนก็ต้องหาที่ยืนกินบ๊ะจ่างหรือผลไม้กันคนละมุม อ๋าวหลวนหลงมองหาผลท้อในถาดผลไม้ในมือของสตรีคนอื่น ๆ ก็ไม่เห็น เขาจึงเลือกหยิบส้มมาสองผลเดินมานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ไกลจากคนอื่นพอสมควร

พี่สี่” อ๋าวหลวนหลิงคุณหนูหกทายาทอายุน้อยที่สุดในกลุ่มบ้านสายหลักเดินจับมือคุณชายสามอ๋าวหลวนกังพี่ชายแท้ๆ ของนางเดินมาทางอ๋าวหลวนหลง

พี่สาม น้องหก” เด็กหนุ่มลุกขึ้นโค้งคำนับให้อ๋าวหลวนกังอย่างมีมารยาท

ตามสบายน้องสี่ วันนี้เจ้าอยู่เข้าร่วมพิธีจนครบถ้วนทุกขั้นตอนเหนื่อยหรือไม่ หากจะกลับไปที่เรือนข้ากับน้องหกจะเดินไปส่งเอง”

ไม่เหนื่อยเลยขอรับพี่สาม กล่าวตามจริงสุขภาพข้าดีขึ้นทุกวันมาตลอด ขอบคุณพี่สามที่เป็นห่วง”

พี่สี่ ข้าว่าท่านรีบกลับไปจะดีกว่าเจ้าค่ะ ท่านอย่าลืมสิว่าช่วงบ่ายพวกเราต้องทำสิ่งใดกัน” อ๋าวหลวนหลิงร้องเตือนด้วยความเป็นห่วง

อ๋าวหลวนหลงย่อมรู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นการเปิดศาลเทพมังกรที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกถัดจากศาลบรรพชนไปเล็กน้อย เพียงแต่หูกุ้ยเป็นเพียงบ่าวไม่สามารถเข้ามาในเขตศาลบรรพชนหรือศาลเทพมังกรได้ เขาจึงไม่รู้ว่าการเปิดศาลเทพมังกรที่ไม่เคยเปิดได้มาก่อนนั้นมีขั้นตอนอย่างไร

ข้าย่อมรู้ และข้าก็อยากเข้าร่วมการเปิดศาลเทพมังกรกับพวกเจ้าสักครั้ง”

น้องสี่ อย่าหาว่าข้าใจร้ายกับเจ้าเลย เจ้าก็รู้ดีว่านั่นเป็นไปไม่ได้!” อ๋าวหลวนกังชายหนุ่มวัย 16 อายุมากกว่าอ๋าวหลวนหลงปีเดียวรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับคำตอบของน้องชาย

ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ได้เอาแต่หดหัวยอมคนเหมือนแต่ก่อนยังรู้สึกภูมิใจแทน แต่เจ้าต้องรู้จักประมาณตนเอาไว้ด้วย หากเจ้าเข้าร่วมการเปิดศาลย่อมไม่พ้นต้องไปทะเลาะกับพวกเขาอีกรอบ เวลานั้นท่านย่าก็ต้องเดือดร้อนออกหน้าแทนเจ้าอีก”

อ๋าวหลวนหลงยืนงงเป็นไก่ตาแตก หลังจากศึกชิงเก้าอี้ เขาก็พยายามไม่วุ่นวายและทำทุกอย่างเหมือนคนอื่นทุกประการ แค่เรื่องการเปิดศาลเทพมังกรเหตุใดตนจึงต้องประมาณตน ต้องไปทะเลาะกับผู้อื่นด้วยเล่า?

อ๋าวหลวนกังคิดว่าน้องชายแสร้งโง่และทำกวนประสาทไปเช่นนั้น เขาส่ายหน้าเบาๆ “อยากเจ็บตัวเจ็บใจอีกก็แล้วแต่เจ้า ข้าพยายามช่วยแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวจบก็เดินจากไปรวมกลุ่มกับทายาทวัยเดียวกัน เหลือเพียงอ๋าวหลวนหลิงที่ยังคงยืนทำหน้าเสีย ไม่รู้จะยืนอยู่ต่อหรือจะเดินตามพี่ชายสามกลับไปดี

พี่สี่ พวกเขาจะรังแกท่านอีกนะเจ้าคะ”

หลวนหลิง พี่สี่ลืมไปหมดแล้วว่าหลังจากนี้ต้องทำอะไร เจ้าบอกข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ประเดี๋ยวข้าจะตัดสินเองว่าข้าควรกลับหรือไม่ควร”

ก็การเปิดศาลเทพมังกรต้องให้ทุกคนประลองกัน และต้องส่งพลังปราณไปที่ลูกแก้วเพื่อเปิดศาล แต่..ท่านไม่มีพลังปราณ…” เด็กน้อยพยายามหลบตาพี่ชายของนาง เกรงว่าพี่ชายสี่จะเข้าใจผิดคิดว่านางมาเย้ยหยันดูแคลน

อ๋าวหลวนหลงยืดตัวขึ้นตรง มองไปยังศาลเทพมังกรที่มีขนาดใหญ่เพียงครึ่งหนึ่งของศาลบรรพชน

หูกุ้ยบอกว่าตั้งแต่รุ่นปู่ของปู่สกุลหูของเขา ล้วนทำงานรับใช้อย่างซื่อสัตย์เคียงข้างทายาทสกุลอ๋าวมาหลายรุ่น ศาลเทพมังกรแห่งนี้ก็ไม่เคยมีใครเปิดเข้าไปด้านในได้เลยสักคน เมื่อครู่พิธีบูชาเทพมังกรของตระกูลอ๋าวจึงต้องทำกลางแจ้ง

วิธีการเปิดเข้าไปด้านใน ก็คงเป็นอย่างที่อ๋าวหลวนหลิงกล่าวเมื่อครู่ แต่มันมีความพิเศษอันใดกว่านั้นในเมื่อทายาทตระกูลอ๋าวก็เป็นผู้ฝึกตนมิใช่หรือ? แค่การส่งปราณไปยังลูกแก้วมันจะยากอันใด

เจ้ากลัวว่าข้าจะถูกเยาะเย้ยต่อหน้าผู้คน เมื่อไม่สามารถส่งพลังปราณเข้าไปในลูกแก้วได้สินะ" อ๋าวหลวนหลงลูบศีรษะน้องสาวเบาๆ แทนการขอบคุณ

เจ้าคอยดูก็แล้วกันหลวนหลิง”

……….

หลังจากดื่มกินอาหารกันไปพอสมควรแล้ว ผู้อาวุโสหนึ่งก็เริ่มเชิญผู้นำตระกูลและทุกคนไปที่ศาลเทพมังกร

ศาลเทพมังกรเป็นอาคารกึ่งไม้กึ่งอิฐมีการออกแบบรูปทรงและลวดลายแกะสลักไม้วิจิตรบรรจง แต่งแต้มด้วยสีน้ำเงินแดงและสีทองเป็นหลัก พื้นที่ด้านหน้าประตูมีแท่นหินขนาดใหญ่ตรงกลางเป็นลูกแก้วมังกร หรือที่อ๋าวหลวนหลงเรียกมันว่าไข่มุกจันทราขนาดเท่ากำปั้นบุรุษวางอยู่ 1 ลูก

หลวนหลง.." อ๋าวซีซวนพยายามเดินเลี่ยงออกมาหาบุตรชาย คำกล่าวต่อไปที่จะสั่งให้เขากลับไปที่เรือนพลันต้องชะงักค้างไปเมื่อเห็นสายตาของอ๋าวหลวนหลงที่เปลี่ยนไปราวกับคนเป็นคนละตน

บุตรชายยืดแผ่นหลังขึ้นตรง ใบหน้าและแววตามองไปเบื้องหน้าไม่ได้ก้มต่ำมองพื้นเหมือนเคย ซ้ำยังดูเหมือนว่าจะเงยหน้าเชิดขึ้นสูงด้วยซ้ำ เขาไม่สะทกสะท้านกับสายตาและเสียงหัวเราะของพี่น้องที่ยืนอยู่รอบข้าง ทำราวกับว่าคนทั้งหมดเป็นเพียงฝุ่นผงที่ลอยผ่านไปผ่านมาไม่มีผิด

บุตรชายเปลี่ยนไปแล้ว แม้จะไม่มีพลังปราณแต่สามารถเรียกขวัญตนเองให้เผชิญหน้ากับผู้อื่นได้ อ๋าวซีซวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยความลังเลใจว่าจะไปยับยั้งความคิดของบุตรชายดีหรือไม่

พี่สาม ท่านไม่อาจคุ้มครองเขาได้ตลอดไป หลวนหลงต้องเผชิญชีวิตด้วยตนเอง พวกเด็กๆ เป็นสายเลือดเดียวกันไม่ถึงขั้นฆ่าแกงกันหรอก” อ๋าวซีฮันเดินมาตบบ่าผู้เป็นพี่ชายเบาๆ 

เปิดลาน!!” เสียงดังมาจากใครอ๋าวหลวนหลงไม่ทันได้เห็น แต่เวลานี้ทุกคนกำลังเบี่ยงตัวหลบออกไปด้านข้าง เปิดพื้นที่ตรงกลางหน้าศาลเทพมังกรเป็นวงกลมขนาดใหญ่

เชิญ!!” 

สิ้นเสียงคำเชิญเด็กหนุ่มวัย 10 ปีคนหนึ่งก็ก้าวออกมายืนตรงกลางวงกลม “ข้าน้อยอ๋าวจงซูมาจากสกุลอ๋าวเมืองเยี่ยขอรับ เชิญทุกท่านชี้แนะ” 

ครู่เดียวเด็กชายวัยเดียวกับอ๋าวจงซูก็ก้าวออกมาแนะนำตัวในเชิงว่าเขาคือคู่ต่อสู้ที่ตอบรับคำเชิญท้าประลอง

เด็กชายสองคนเริ่มกำหนดลมปราณที่จุดตันเถียน บริเวณท้องส่องแสงสีเหลืองอำพันเล็กๆ จนเกือบจะมองไม่เห็นออกมา แล้วเข้าต่อสู้ตะลุมบอนกันในท่าทางที่ผิดปกติจนอ๋าวหลวนหลงต้องอ้าปากค้าง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 19 ท้าทาย

    อ๋าวหลวนหลงยืนดูการต่อสู้สั้นๆ ที่ผู้อาวุโสในตระกูลไม่ปล่อยให้มันเลยเถิดเกินไปอยู่อีกหลายต่อหลายคู่ เมื่อมีคนชนะ ก็จะมีทายาทสกุลอ๋าวคนต่อไปเข้ามาท้าชิงไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากเด็กอายุน้อยและเริ่มสูงวัยขึ้นไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย“พี่สาม พวกเขาจะต่อสู้กันไปเช่นนี้แล้วจะสิ้นสุดที่ตรงไหน? ผู้ชนะย่อมเป็นผู้นำตระกูลที่มีวิชายุทธ์สูงกว่าผู้อื่นอยู่แล้วมิใช่หรือขอรับ” อ๋าวหลวนหลงอดรนทนไม่ไหว เขาดูการประลองระหว่างทายาทในตระกูลมานาน หากไม่มีการยุติอย่างไรท่านย่าผู้แข็งแกร่งก็ย่อมชนะ แล้วจะออกมาต่อยตีกันทำไมให้เจ็บตัว“ผิดแล้วหลวนหลง การต่อสู้นี้จะยุติตรงที่รุ่นเรา ผ่านมาหลายปีก็เป็นพี่ใหญ่หลวนเซี่ยเป็นผู้ชนะมาโดยตลอด รุ่นบิดาหรือรุ่นท่านปู่ท่านย่าเคยสลับกันเป็นผู้แพ้ผู้ชนะและได้ทดลองเปิดศาลเทพมังกรกันแล้วทั้งสิ้น แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดออกได้”อ๋าวหลวนหลงเริ่มเข้าใจแล้ว การต่อสู้เพื่อหาผู้ชนะในวันนี้ เป็นเพียงการคัดเลือกผู้ที่จะทำหน้าที่เปิดประตูศาลเทพมังกรนั่นเอง และยังมีกำหนดขอบเขตของรุ่นอาวุโสในสกุล“ยังมีผู้ใดจะเข้าร่วมการประลองอีกหรือไม่ ข้ารออยู่” อ๋าวหลวนตงคุณชายรองบุตรชายของนายท่านรองอ๋าวซี

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-20
  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 20 ไร้ประโยชน์

    อ๋าวหลวนตงได้พักเหนื่อยไปชั่วครู่ก็เรียกความมั่นใจของตนกลับมาเต็มที่ เขากำหมัดสองข้างเอาไว้แน่น ออกท่าทางวิชายุทธ์ที่ร่ำเรียนมาอย่างยากเย็นอยู่สองสามกระบวนท่าแล้วพุ่งตรงมาที่อ๋าวหลวนหลงด้วยความเร็วและพละกำลังทั้งหมดอ๋าวหลวนเซี่ยยืนอยู่ใกล้คนทั้งสองและเห็นการเคลื่อนไหวทั้งหมดของทั้งสองฝ่าย อ๋าวหลวนหลงเพียงแค่หายใจเข้าออกตามปกติแล้วยืนอยู่กับที่ ในขณะที่น้องรองพุ่งตัวเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ภายในใจของคุณชายใหญ่รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยเป็นห่วงความปลอดภัยของอ๋าวหลวนหลงที่มีรูปร่างเล็กกว่าอ๋าวหลวนตง แต่นั่นอะไร?อ๋าวหลวนหลงยกขาแล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เหยียดแขนสองข้างออกไปพร้อมกัน ใช้ฝ่ามือตั้งรับแรงกระแทกจากอ๋าวหลวนตงไว้ที่บริเวณหน้าอกของอีกฝ่าย"โครม!! ร่างสูงใหญ่กว่าของอ๋าวหลวนตงชายหนุ่มวัย 19 ปี กระเด็นออกไปไกลราว 20 ก้าว“-”เป็นอีกครั้งที่ผู้คนสกุลอ๋าวต้องเงียบเสียงลืมหายใจกันโดยพร้อมเพรียงคุณชายใหญ่อ๋าวหลวนเซี่ยเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ น้องสี่แทบจะไม่ได้ขยับร่างกายสักนิด แต่กลับกลายเป็นว่าแรงของน้องรองที่โจมตีเข้าหาเขา ย้อนกลับมากระแทกร่างของอ๋าวหลวนตงให้กระเด็นออกไปชัดๆ“เจ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-20
  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 21 เปลี่ยนแปลงถ้วนหน้า

    “น้องสี่ โปรดรับคำขอโทษจากข้าเอาไว้ด้วย ที่ผ่านมาพวกเราล้วนผิดต่อเจ้า” อ๋าวหลวนเซี่ยมองซ้ายมองขวาแล้วก็เห็นมีแต่คนกล่าวโทษกันไปมาแต่ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากขอโทษอ๋าวหลวนหลงเลยสักคน น้องชายยังคงยืนมองและฟังทุกสิ่งด้วยใบหน้านิ่งขรึมออกจะไปทางสมเพชคนเหล่านั้นด้วยซ้ำ เขาจึงตัดสินใจคุกเข่าลง“พี่ใหญ่ ท่านทำอะไร!” อ๋าวหลวนหลงถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ด้วยนิสัยและตัวตนในฐานะที่เคยเป็นเซียน เด็กหนุ่มยังคงยืดหลังตรงไม่ยอมเข้ามาพยุงพี่ชายคนโตให้ลุกขึ้น“น้องสี่ได้โปรดสั่งสอนพวกเราทุกคนด้วย ความสำเร็จของตระกูลไม่สามารถเกิดขึ้นจากกลุ่มคนไม่กี่คน แต่ต้องเป็นพวกเราทุกคนที่จะก้าวหน้าไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าบ้านสายหลัก สายรองหรือสายไหนๆ พวกเขาสมควรได้รับโอกาสที่ทัดเทียม”อ๋าวหลวนหลงหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างบ้าคลั่ง “พี่ใหญ่เรื่องความทัดเทียมกันในหมู่พี่น้อง คงไม่มีผู้ใดกระจ่างแจ้งเกินไปกว่าข้าแล้วกระมังขอรับ"เด็กหนุ่มจงใจหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้นแล้วปล่อยให้บรรดาคนสกุลอ๋าวไตร่ตรองกันเองในใจ ยามนี้สถานการณ์ในจวนตระกูลอ๋าวมันเปลี่ยนไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะกล่าวเสียงดังได้!!พี่น้องรุ่นหลวนในบ้านสายหลัก คุกเ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-20
  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 22 เมล็ดพันธุ์

    “เหยาจี หากหิมะละลายจนหมดแล้ว เจ้าคิดว่าพื้นที่ทุ่งหญ้าทางนี้เราจะปลูกผลไม้เพิ่มดีหรือไม่” “ปลูกเพิ่ม? เท่าที่มีก็มากพออยู่แล้วนี่เจ้าคะ เสบียงอาหารที่เราแลกเปลี่ยนมาจากการค้าผลไม้ก็มีพอกินไปอีก 2 ปีเลยทีเดียว พี่สี่เสินอยากได้เงินไปทำอะไรหรือ?”“ข้าก็ยังไม่รู้ ข้ารู้แค่ว่าเงินเป็นของที่ควรมีติดกายไว้ตลอดเวลา เจ้าอย่าลืมสิว่าเกาะลอยอาจพาพวกเราไปยังเมืองอื่น เราอาจต้องเริ่มทำการค้ากับคนกลุ่มใหม่ พวกเขาจะมีน้ำใจและซื่อสัตย์เหมือนอย่างท่านอาเกาหรือไม่ก็ไม่รู้”“ท่านคิดจะใช้แรงงานสัตว์พวกนั้นอีกล่ะสิ!” เด็กหญิงลุกขึ้นนั่งตัวตรง ทำหน้างอไม่พอใจ“ใช่ว่าข้าก็คิดเผื่อพวกมันด้วยหรือไม่เล่า! เราเอาผลไม้ที่ควรเป็นของพวกมันทั้งหมดมาขาย สัตว์บนเกาะต้องมาทนกินผลไม้ที่ถูกมดแมลงเจาะ หรือไม่ก็ลูกที่ไม่สวย หากเราปลูกเพิ่มพวกมันก็จะมีผลไม้ดีๆ กินด้วยนะ”“พื้นที่ทางทุ่งหญ้านี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย กระรอก กระต่ายและลิงคงขุดดินไม่เป็นกระมัง พวกมันช่วยเราไม่ได้หรอกพี่สี่เสิน”“ใครว่าบนเกาะมีแค่สัตว์พวกนี้กันเล่า” มู่สี่เสินวางตำราในมือลงแล้วลุกมาหยิบผ้าห่มที่เหยาจีทำหลุดออกจากร่างเมื่อครู่มาห่มให้น้องสาว“มีสัตว

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-21
  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 23 คนเสียสติ

    ชายป่าเมืองหยุนไห่ เมืองเดียวกันกับเกาะจิงเหมิน“วั่งซู ดูนั่น! ทางนั้นมีบ้านเรือนมนุษย์” ซินหรูอี้กระโดดโลดเต้นไปมาหลายรอบจนเวยวั่งซูต้องส่งสายตาตำหนิหญิงสาวข้างกาย“รักษากิริยาของเจ้าไว้หน่อยหรูอี้ อย่าให้มนุษย์มาดูแคลนเซียนอย่างเราได้เชียวว่าไร้มารยาท”“โอย!! เราสองคนซัดเซพเนจรอยู่กลางป่ากลางเขามานานหลายเดือนยังไม่เคยพบมนุษย์เลยสักคน ท่านจะให้ข้าคอยหลบสายตาผู้ใดกัน อีกอย่างเวลานี้เราสองคนหาใช่เซียนไม่ รีบไปเถิดข้าหนาวจะแย่อยู่แล้ว”เวยวั่งซูกลอกตามองสตรีข้างกายอีกรอบหนึ่งด้วยความรู้สึกขัดใจ แต่ก็รีบก้าวขายาวขึ้นให้ทันคนข้างหน้าที่ออกวิ่งไปก่อนแล้วเวยวั่งซูปรากฏตัวยังแดนมนุษย์ในกระท่อมเล็กเก่าผุพังเพียงลำพังกลางป่าเขา ทุกวันเขาจะนั่งบำเพ็ญเพียรตามความเคยชินเพื่อปรับสมดุลของร่างกายและสร้างปราณใหม่ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความหิว เริ่มออกหาอาหารในป่าและเรียนรู้การดำรงชีวิตในฐานะมนุษย์จนกระทั่งเข้าสู่ฤดูหนาวกระท่อมซอมซ่อหลังนั้นก็พังลงจากการรับน้ำหนักหิมะบนหลังคาไม่ไหว เขาจึงต้องออกเดินทางค้นหาบ้านเรือนผู้คน และได้พบกับซินหรูอี้ที่นอนเหน็บหนาวซ่อนตัวอยู่ใต้ใบไม้กองใหญ่ พวกเข

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-21
  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 24 เซียนปล้นทรัพย์

    “เพ้อเจ้อ!” ซินหรูอี้โมโหจนหน้าดำหน้าแดง มนุษย์พวกนี้จะไปรู้อะไร! ตัวนางเองก็บ่มเพาะวิชายุทธ์ในสายเทพสัตว์เช่นกัน เสียงจิ้งหรีดกรีดร้องที่นางฝึกฝนในระดับกลางสามารถทำให้คนหูหนวกได้เลยเชียวนะ! นางยังมีความฝันจะได้เป็นเทพจิ้งหรีดอยู่เลย“หรูอี้ เจ้าใจเย็นลงก่อน” เวยวั่งซูรีบห้ามปราบสตรีผู้กำลังจะบันดาลโทสะไปอีกรอบไม่แปลกที่มนุษย์จะไม่รู้ว่าทวยเทพมีจำนวนมากมายเพียงใด เพราะพวกเขาขาดการติดต่อกับแดนสวรรค์มาเนิ่นนาน ส่วนคนในตระกูลใหญ่ที่พวกเขายังจดจำได้ ก็อาจเป็นเพราะความมั่งคั่งของพวกเขาจึงมีการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาเป็นตัวหนังสือหรือสิ่งของบางอย่างส่งต่อมายังคนรุ่นหลังชาวบ้านธรรมดาต้องต่อสู้กับความหิวโหย ละเลยเรื่องการฝึกตนไปหลายต่อหลายรุ่น จนในที่สุดแม้แต่การรวบรวมลมปราณก็ยังมีการสอนกันเฉพาะในตระกูลใหญ่ และเข้าใจผิดไปว่าเป็นเพราะตระกูลใหญ่มีการบูชาเทพจึงได้รับโอกาสให้เป็นผู้ฝึกตนเท่านั้น“เราสองคนไม่ได้ถือกำเนิดจากตระกูลใหญ่โต เราพักอาศัยอยู่ในป่าที่กันดารโดยต้องหาอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยสองมือทั้งสิ้น การฝึกฝนเป็นเรื่องที่คนเราสามารถทำได้ไม่ใช่เป็นเพราะคนเหล่านั้นถือกำเนิดจากตระกูลให

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-21
  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 25 เปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืน

    “ท่านย่า เทพเบื้องบนไม่ได้มีเพียงมหาเทพแห่งสรรพสัตว์เท่านั้นขอรับ ยังมีมหาเทพแห่งสรรพสิ่ง มหาเทพพฤกษาอยู่อีก สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงก็มีเทพประจำตัวของมันไม่ได้มีเฉพาะสัตว์เทพที่ดูน่าเกรงขามเท่านั้น เรื่องที่ข้ารู้ข้าไม่อาจอธิบายให้ท่านฟังได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ข้ามั่นใจมีอยู่อย่างหนึ่ง”ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเบิกตาโพลงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน บรรดาตระกูลใหญ่ล้วนบูชาสัตว์เทพที่น่าเกรงขาม แต่สัตว์ทั้งปวงก็ยังมีเทพประจำตัวด้วยหรือ?นางเชื่อสนิทใจแล้วว่าฝูซีผู้นั้นคือผู้ส่งสารโดยแท้ เรื่องแบบนี้ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนเป็นแน่ “อีกไม่นาน ทั่วทั้งแผ่นดินจะปรากฏผู้ฝึกตนที่มีความรู้ทัดเทียมกับข้า เราไม่อาจวางใจว่าทุกคนจะเป็นมิตร ฉะนั้นเรื่องการยกระดับความสามารถของคนในตระกูลก็เป็นเรื่องสำคัญ เพียงแต่ข้าขอเลือกสอนกับบางคนที่ข้าไว้ใจเสียก่อนขอรับท่านย่า”“เจ้าหมายถึง เจ้าจะสอนวิชาให้กับหลวนเซี่ย หลวนกัง และหลวนหลิงก่อนใช่หรือไม่”อ๋าวหลวนหลงพยักหน้ารับคำแทนคำตอบ ศึกนอกยังไม่อาจรู้ได้ ศึกในเขาก็ต้องเตรียมการไว้เช่นกัน“เหตุใดเจ้าจึงไม่แนะนำท่านลุงใหญ่ลุงรอง พ่อเจ้าหรือท่านอาสี่เสียก่อน พวกเขาคือผู้ท

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-21
  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 26 เปิดศาลเทพมังกร

    “ทุกคนมาพร้อมกับหมดแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นเราก็เริ่มกันเลย” ในฐานะนายท่านใหญ่เป็นรองเพียงมารดาผู้เป็นผู้นำตระกูล ครั้งนี้อ๋าวซีห่าวจึงเป็นผู้นำเริ่มพิธีบูชาเทพมงกรขึ้นกลางแจ้ง ใบหน้าและน้ำเสียงของเขาดูเคร่งเครียดแววตาแฝงความไม่ยินดีอยู่บ้างเมื่อคิดว่าการกระทำทั้งหมดของตนก็เป็นเพื่อการยกย่องอ๋าวหลวนหลงหลานชายผู้ซึ่งตนไม่ชอบหน้าเสร็จจากการเซ่นไหว้ด้วยนกนางแอ่นย่างและบ๊ะจ่าง บ้านสายหลักทุกคนก็ยังต้องกินเครื่องบูชากันจนหมด จึงจะเดินรวมตัวกันอยู่ที่ศาลเทพมังกรเพื่อเริ่มการเปิดศาล ครั้งนี้ไม่ได้มีการประลองเพื่อคัดเลือกผู้เปิดศาลอีกแล้ว ทุกสายตาจึงจับจ้องไปที่อ๋าวหลวนหลง ผู้ชนะการประลองในคราวก่อนและรอคอยที่จะได้เห็นเขาทำเรื่องปาฏิหาริย์อีกครั้ง“หลวนหลงเจ้าเริ่มได้เลย” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นหลานชายยังยืนนิ่งอยู่ด้วยใบหน้าเชิดขึ้นฟ้าเล็กน้อยจึงรีบร้องเตือน“ท่านย่า วันนี้หาใช่ข้าขอรับที่จะทำการเปิดศาลเทพมังกร แต่เป็นพี่ใหญ่” อ๋าวหลวนหลงถอยหลังไปก้าวหนึ่งผายมือไปยังอ๋าวหลวนเซี่ย“ข้าคิดไว้แล้วเชียว เจ้ามันก็แค่สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ!” อ๋าวซีเค่อหัวเราะเสียงดังลั่นสะใจ หันมาสบตากับอ๋าวหล

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-22

Bab terbaru

  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 40 คนโง่เขลา

    อ๋าวหลวนหลงพาอดีตเซียนที่มาเข้าร่วมกับฝ่ายตนเดินทางไปด้วยกันอีกสี่คนไม่นับรวมเขากับฝูซี แต่ไม่ยินยอมให้ทายาทหรือผู้ติดตามคนอื่นจากสกุลอ๋าวร่วมทางมาด้วยอีกเลยนอกจากอ๋าวหลวนหย่งตลอดสามปีที่ผ่านมาด้วยการทำงานหนักของอ๋าวซีเค่อกับอ๋าวหลวนตงที่ออกไปเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลใหญ่ที่เคยรู้จักกันมาก่อน รวมกับภายหลังฝูซีและเวยวั่งซูก็ออกไปรวบรวมท่านเซียนไร้สกุลที่ยังเคว้งคว้างอยู่มาเข้ากลุ่มกันไว้ก็มีไม่น้อย ทำให้ขอบเขตของกองกำลังสกุลอ๋าวยังมีแนวร่วมที่กระจายตัวอยู่ในหลายเมืองในเขตเทือกเขาที่มีทายาทสกุลอ๋าวสายรองมาคอยดูแลอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นอ๋าวหลวนหลงเดินทางผ่านทางมาก็รีบเข้าไปทักทาย“คุณชายสี่ คุณชายห้า พวกท่านกับสหายจะไปที่ใดกันหรือขอรับ”“เรากำลังจะข้ามไปที่เมืองหยวนเปียว ทางนี้มีอะไรผิดปกติหรือไม่” “ไม่มีขอรับ เขตแนวภูเขาฝากนี้มีกองกำลังที่เป็นมิตรกับสกุลอ๋าวของเราไม่น้อย แต่ที่เมืองหยวนเปียวไม่ใช่ว่าเป็นเขตติดต่อของสกุลเหลาหรอกหรือคุณชาย”“ใช่ ข้ามีธุระต้องไปทำแถวนั้นพอดี พวกเจ้าตามสบายเถิดพวกเราจะเร่งเดินทางกันต่อ”“รอก่อนคุณชายสี่! เมืองหยวนเปียวไม่น่าจะปลอดภัยเท่าใดนัก ข้าจะไปตามคนให้ต

  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 39 ข่าวลับ

    “แต่ข้ายังไม่เข้าใจอยู่บ้างเจ้าค่ะ หากสัตว์เลี้ยงของข้ายังคงมีอายุขัยยืนยาวดังเดิม พวกมันบางตัวที่ได้กินท้อโอสถแล้วพูดได้ทำไมจึงไม่พูดคุยกับข้าบ้าง”“ทางเดียวที่เราจะรู้คำตอบได้ก็คือข้าต้องรีบรวบรวมลมปราณให้สำเร็จ แล้วฟื้นฟูความสามารถเรื่องการสื่อสารกับพวกมันอีกครั้ง”“ใช่แล้ว!! ท่านเป็นทูตสวรรค์มาก่อนนี่นา ท่านสามารถสื่อสารกับสัตว์เทพและสัตว์ต่างสายพันธุ์บนแดนสวรรค์ได้ พี่สี่เสินของข้ายอดเยี่ยมที่สุดเลย”“เห็นหรือไม่เหยาจี แม้ว่าข้าจะไม่เคยฝึกฝนการต่อสู้แต่ความสามารถในการสื่อสารของข้าก็ยังเป็นประโยชน์ได้ เจ้าเองก็อย่าละเลยเรื่องการรวบรวมปราณเด็ดขาดเลยเชียว”“แต่พี่สี่เสิน ถึงแม้เวลานี้เราจะยังไม่รู้ว่าสัตว์เลี้ยงของข้าจะพูดได้ดังเดิมหรือไม่ แต่ข้าเชื่อว่าพวกมันกำลังปกป้องเราอยู่ แล้วอย่างนี้พี่ยังคิดจะออกจากเกาะไปเรียนวิชายุทธ์อีกหรือเจ้าคะ”“ท่านอาเกาบอกว่าผู้ฝึกตนในยุคนี้ต่างจากยุคก่อน พวกเขาก้าวหน้ามากขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการเข่นฆ่าสังหารกันเกิดขึ้น เรายังวางใจไม่ได้นะเหยาจี”“แล้วเซียนสายพฤกษาอย่างข้าจะฝึกฝนอะไร ความทรงจำเดิมของข้าก็ไม่เคยมีเรื่องที่เกี่ยวกับพลังการโจมตีแม้แต่น้อย

  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 38 ปีศาจ

    “พวกท่านพายต่อไปหาเหยาจี นางอยู่ข้างหลังข้า!” มู่สี่เสินต้อนเรือเล็กให้เข้ามาในพื้นที่เกาะลอยทีละลำ บนเรือแต่ละลำมีชาวบ้านที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่หลายคนรวมทั้งครอบครัวของหนูน้อยหนิงเอ๋อร์ที่เหยาจีเคยช่วยเหลือเอาไว้ด้วย“ท่านอาหญิงแล้วท่านอาเกาเล่าเจ้าคะ” “สามีข้ากับสหายควบคุมเรือใหญ่ที่บรรทุกเสบียงอาหาร เรือหนักมากมันเคลื่อนตัวได้ช้า ข้าก็ห่วงเขาเหลือเกิน เจ้าสองคนช่วยพวกเขาได้หรือไม่”“ท่านอาหญิงใจเย็นๆ เจ้าค่ะ เราต้องรอให้เขาเข้ามาถึงเขตของเกาะลอย ข้ามั่นใจว่าพวกเขาจะปลอดภัย”“ท่านอา หากคิดว่าไม่ทันท่านโดดลงน้ำว่ายมาหาข้า!! ทิ้งเรือไปเสีย! ทิ้งเรือไป!” เสียงมู่สี่เสินตะโกนซ้ำไปซ้ำมาอยู่เบื้องหน้า เกาโหลวกับกู้หยุนควบคุมเรือร่วมกับสหายลำละสี่คน พวกเขาหันมาสบตากัน แม้ว่าจะมีชาวบ้านเต็มใจจะเข้ามาอาศัยอยู่ที่เกาะลอยไม่ถึง 40 คนเท่านั้น แต่พวกเขาก็ใช้เงินของมู่สี่เสินแจกจ่ายให้ชาวบ้านคนอื่นแยกย้ายกันไปตั้งหลักที่อื่นไม่น้อย เสบียงอาหารในเรือทั้งสองลำที่ซื้อมาด้วยเงินของสองพี่น้องสกุลมู่พวกเขาไม่อาจทิ้งมันไปได้“ออกแรงอีก! อีกนิดเดียวเท่านั้น!”ทางฝ่ายมู่เหยาจีนางและชาวบ้านที่ข้ามเขตมาแ

  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 37 คืนที่มืดมิด

    “เหยาจี เมื่อครู่ท่านอาเกาบอกเรื่องหนึ่งกับข้าซึ่งเจ้าก็ควรจะรู้ไว้เช่นกัน”มองดูใบหน้างามของน้องสาวแล้วมู่สี่เสินก็รู้สึกเศร้าหมองเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าตนเองและน้องสาวจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบบนเกาะลอยที่ปลอดภัยได้อยู่แล้วเชียว“บนแผ่นดินใหญ่ยังคงมีผู้ฝึกตนอาศัยอยู่ ดูเหมือนว่าเราจะลงมายังแดนมนุษย์ในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังจะฟื้นฟูการฝึกฝนกันเข้าพอดี”“ผู้ฝึกตน? ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ข้าจำได้ว่าท่านมหาเทพมู่ซีบอกว่าแดนสวรรค์ยึดสมบัติเทพ สิ่งของแทนเทพรวมทั้งพืชผักผลไม้เสริมปราณจากแดนมนุษย์ไปหมดแล้ว พวกเขายังอยากจะฝึกฝนกันอยู่อีกหรือเจ้าคะ”“ใช่ นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาของเหล่าทวยเทพในอดีต พวกเขาคิดว่ามนุษย์ไม่สามารถขึ้นมาแดนสวรรค์ได้อีก ก็คงล้มเลิกความคิดในการฝึกฝนไปในที่สุด แต่เวลานี้เราก็ได้รู้แล้วว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น”“นี่คือเรื่องที่ท่านอาร้อนใจจนต้องพายเรือมายามดึกดื่นเพื่อเตือนพวกเราสองคน?”“นั่นก็ใช่อีก จากที่ท่านอาเกาเล่าให้ข้าฟังเมื่อครู่ เมื่อก่อนผู้ฝึกตนก็ต่างคนต่างอยู่ แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาอยู่ดีๆ ก็เกิดสำนักและตระกูลใหม่ที่โดดเด่นขึ้นมาไม่น้อย พวกเขาไม่เคยมีผู้นำจึงกำลั

  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 36 เตือนภัย

    “นั่นสี่เสินแน่แล้ว! เราขยับเข้าไปใกล้กองไฟอีกสักนิดให้เขาเห็นเราชัดๆ จะดีกว่า”มู่สี่เสินจ้องมองตำแหน่งของวัตถุสีขาวที่ขยับไปมาอยู่ตลอดเวลา เมื่อเรือของเกาโหลวและกู้หยุนเคลื่อนที่มาใกล้กองเพลิงเขาจึงได้เห็นว่าเป็นเกาโหลวและกู้หยุนกำลังโบกผ้าสีขาวในมือไปมาอยู่บนเรือ“ท่านอาเกา!! ท่านอากู้!! เกิดอะไรขึ้นขอรับเหตุใดจึงมาที่นี่กลางดึกเช่นนี้” ชายหนุ่มรีบเร่งฝีพายเข้ามาหาคนทั้งคู่และได้เห็นว่าทั้งสองกำลังช่วยกันวิดน้ำดับกองไฟที่จุดเผาเรือลำเก่าที่ตนเคยใช้กันพัลวัน“ช่วยกันดับไฟก่อนที่ใครจะสังเกตเห็นก่อนสี่เสิน เดี๋ยวเจ้าพาเราสองคนเข้าไปที่เกาะลอยแล้วค่อยคุยกัน”ดับไฟและจมซากเรือลำเก่าลงสู้ก้นทะเลแล้ว คนทั้งสามก็ยังคงลอยเรือจับตาดูความเคลื่อนไหวบนผืนน้ำรอบๆ อยู่อีกพักใหญ่ จนเกาโหลวแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดตามมา มู่สี่เสินจึงได้พาคนทั้งคู่กลับมาที่เกาะลอย“ท่านอาเกา ท่านอากู้ เป็นพวกท่านเองหรือเจ้าคะ! เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แสงไฟเมื่อครู่เกิดขึ้นได้อย่างไร” มู่เหยาจีย่ำลงน้ำเดินมาหาคนทั้งสามอย่างร้อนใจ“เหยาจี น้ำเย็นมากเจ้าทำไมไม่ไปรอข้างบนฝั่ง รีบกลับขึ้นไปก่อน”“จะให้ข้ายืนรอเฉยๆ ได้อย่างไรพี่สี่เ

  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 35 วิตกกังวล

    วันต่อๆ มามู่สี่เสินและมู่เหยาจีก็ได้เรือขนาดใหญ่ลำใหม่จากการช่วยเหลือของหัวหน้าหมู่บ้านเกาโหลวมา 2 ลำ พวกเขาจึงคืนเรือสองลำเดิมรวมทั้งแพให้กับเกาโหลวไป “เรือสองลำนี้เราบรรจุผลไม้ได้ถึง 160 ตะกร้าเลยทีเดียวขอรับ ครั้งนี้การทยอยเอาผลไม้ทั้งหมดออกจากเกาะลอยคงเสร็จเร็วกว่าเก่า”“พวกเจ้าปลูกต้นท้อเอาไว้อีก 200 กว่าต้นมิใช่หรือ ข้าว่าคงจะใช้เวลา 3 เดือนดังเดิมนั่นล่ะ นอกจากเรือแล้วเจ้าอยากได้สิ่งใดบ้าง ข้าจะได้เตรียมการหาซื้อไว้ให้ตั้งแต่เนิ่นๆ"“ข้าวสารขอรับ แล้วก็ผ้า หากลมหนาวมาเยือนอีกครั้งข้าไม่มั่นใจว่าเกาะลอยจะพาเราไปที่ใดอีก และยังไม่รู้ว่าจะนานเท่าใดมันจึงจะยอมเคลื่อนตัวอีกครั้ง เสบียงอาหารของใช้จำเป็นอะไรเพิ่มเติมจากนี้ข้าจะให้เหยาจีจดมาส่งให้ท่านเอง”ระหว่างที่เกาโหลวกับมู่สี่เสินกำลังสนทนากันอยู่ ร่างสามร่างของอู๋ฉ่าง นางลู่และอู๋หนิง ก็เดินถือตะเกียงฝ่าความมืดตรงเข้ามาบริเวณเรือที่รับส่งสินค้า“คุณชายคุณหนู เราสามคนมาขอบคุณพวกท่านขอรับ” อู๋ฉ่างเป็นคนนำภรรยาและบุตรสาวคุกเข่าลงกับพื้นโขกศีรษะคำนับสองพี่น้องด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจ“พี่ชาย พี่สาว!! ท่านลุกขึ้นก่อน! ไม่เห็นต้องทำ

  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 34 ผลไม้มงคล

    ได้ยินเช่นนี้ทั้งมู่สี่เสินและมู่เหยาจีต่างก็ดีใจกันมาก ครั้งนี้โชคดีที่เกาะลอยยอมเคลื่อนที่มาที่เกาะจิงเหมิน พวกเขาจำเป็นต้องสะสมเสบียงอาหารไว้ให้มากกว่าเดิม ป้องกันการขาดแคลนในอนาคตหากว่าเกาะลอยเคลื่อนตัวไปอยู่กลางมหาสมุทรที่ห่างไกลอีกครั้ง“ดีเลยเจ้าค่ะ อีกครึ่งเดือนผลท้อบนเกาะก็น่าจะพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว เราจะได้เอาพวกมันมาขายด้วย”“ผลท้อ? ผลท้อหน้าตาเป็นอย่างไรหรือหลานสาว"“ก็ลูกสีแดงๆ ขนาดประมาณเท่านี้อย่างไรเจ้าคะ” มู่เหยาจีทำมือกะขนาดให้เกาโหลวดู“นั่นมันผิงกั่ว (แอปเปิ้ล) ไม่ใช่หรือ? ก็ไหนพวกเจ้าว่าบนเกาะลอยไม่มีผิงกั่วอย่างไรเล่า?"“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ไม่ใช่ผิงกั่ว ดอก ผล ใบและกิ่งท้อล้วนเป็นสิ่งที่เป็นมงคลทั้งสิ้นท่านอาเกาไม่รู้เรื่องนี้หรือเจ้าคะ”เกาโหลวกับชาวบ้านขมวดคิ้วพยายามคิดถึงผลไม้ดังกล่าว แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีผู้ใดเคยได้ยินชื่อหรือสรรพคุณที่ดีงามของผลไม้ชนิดนี้มาก่อนเลยสักคนเดียว“เอาไว้ข้าข้ามไปแผ่นดินใหญ่แล้วจะลองถามคนที่นั่นดู บางทีอาจเป็นผลไม้ทางเหนือที่เมืองหยุนไห่ของพวกเราไม่เคยรู้จักก็เป็นได้”มู่สี่เสินและมู่เหยาจีตาเป็นประกายขึ้นมาทันที หากผลท้อไม่มีปลูกที่เม

  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที่ 33 ความต้องการเดิม

    หลายวันต่อมาสองพี่น้องก็ทำงานร่วมกันได้ตามปกติ มู่เหยาจียังเสนอตัวจะเย็บชุดต่อกันให้กับมู่สี่เสินบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธเสียงแข็ง“ให้ข้าใส่ชุดน่าเกลียดเช่นนั้น ข้ายอมแก้ผ้าเดินรอบเกาะยังจะดีเสียกว่า!!”“ท่านมันปากเสีย! ดี แก้ผ้าเดินไปเลย อยู่กับลิงมากท่านก็จะเหมือนลิงเข้าไปทุกทีแล้ว จริงสินะพวกมันก็ไม่ใส่เสื้อผ้าเช่นกันนี่นา!” มู่เหยาจีบ่นไปเรื่อยเปื่อย แต่ลิงน้อยพากันล้มตัวลงนอนแผ่หลาไปกับพื้นกันเป็นแถว พอตั้งสติได้พวกมันก็เข้าไปรุมดึงเสื้อผ้าของมู่สี่เสินคล้ายกำลังประท้วงว่าพวกมันก็อยากใส่เสื้อผ้าเช่นกัน“เหยาจี พวกมันฟังเรารู้เรื่องทุกอย่างเลยใช่ไหมนี่!! เจ้ามาช่วยข้าด้วย!!” มู่สี่เสินส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากน้องสาวไป มือก็ปัดป้องต่อสู้กับลิงไป“ลิงน้อย อย่าเสียมารยาทกับพี่ชายสิ พวกเจ้าไม่ใช่มนุษย์ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้า เจ้าดูเอาเถิดเขาน่าเกลียดถึงเพียงนั้นพวกเจ้ายังอยากได้เสื้อผ้าจากเขาอีกหรือ?” ฝูงลิงสิบกว่าตัวหยุดชะงักลงทันใด พวกมันกระโดดลงจากร่างของมู่สี่เสินมายืนอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง หันมองซ้ายทีขวาที แล้วก็เบ้หน้าทำปากเบี้ยว เสื้อผ้าของมนุษย์สองคนนี้ไม่น่าสวมใส

  • สวนท้อสวรรค์ของเหยาจี   ตอนที้่ 32 หลบหน้า

    ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ล่วงผ่านไปนานถึง 3 ปี“พี่สี่เสิน ข้าชักอยากให้เกาะลอยเคลื่อนที่บ้างเสียแล้วล่ะ ข้าวสารกับแป้งของเราหมดไปตั้งแต่เมื่อ 6 เดือนก่อนแล้ว ข้ากินแต่ผลไม้ กับพวกกุ้งปลาจนหน้าข้าจะยาวเป็นกุ้งอยู่แล้วเจ้าค่ะ”มู่สี่เสินพรวนดินใต้ต้นท้อที่เติบโตและกำลังออกผลเล็กๆ มากมายต่อไปโดยที่ไม่ได้หันมามองน้องสาว“อีกไม่นานเจ้าก็จะมีผลท้อกินแล้ว พวกมันโตเร็วและมากมายถึงเพียงนี้เจ้ากินได้อีกนานหายเบื่อแน่นอนเหยาจี”“เราอยู่กันแค่สองคน ต่อให้เด็ดลงมาแจกจ่ายให้สัตว์ทั้งเกาะกินด้วยอย่างไรก็กินไม่หมด ข้าอยากขายผลท้อจัง อยากรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านเกาโหลวจะคิดราคาให้พวกเราเท่าใด”ในที่สุดมู่สี่เสินก็หยุดมือจากการทำงาน ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงใช้ฝ่ามือหนาปัดฝุ่นที่เลอะเสื้อผ้าออก ยามนี้มู่สี่เสินเป็นชายหนุ่มวัย 17 ปีแล้ว เขาตัวสูงใหญ่จนเสื้อผ้าที่เคยใส่สั้นเต่อมาถึงหน้าแข้ง แขนเสื้อก็ดูคล้ายจะหดสั้นลงจนดูน่าขัน “ข้าก็คิดถึงคนในหมู่บ้านจิงไห่เช่นกัน เสียดายที่ครั้งนั้นข้าเลือกซื้อเสบียงอาหารแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อเรือกลับมา ไม่เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าพายเรือออกไปท่องเที่ยวนอกเกาะบ้าง”“ต่อให้เราซื้

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status