วังหลวงแคว้นใต้
“ท่านหมอ ท่านหมอองค์หญิงทรงใกล้จะคลอดแล้ว ท่านแม่คอยดูอยู่ให้ข้ามาตามท่านหมอ”
จงหลินวิ่งมาที่เรือนรักษา
“รีบนำข้าไป”
หมอหลวงวิ่งไปยังตำหนักที่พักของหยงเจิ้ง
หยางเจิ้งฮ่องเต้สาวเท้ายังตำหนักตรงกลางของหยงเจิ้ง
เสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดนางกำนัลวิ่งวุ่นวาย บ้างก็ต้มน้ำบ้างก็เคี่ยวยา จงหลินเข้าไปอยู่ในห้องพยุงหยงเจิ้งไว้ ใบหน้าที่เจ็บปวดเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ก่อนที่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจะดังขึ้น ร่างกระจ้อยร่อยน่าชัง ร้องไห้จ้า เมื่อออกมาพบโลกกว้าง
หยางเจิ้งยิ้มกว้าง เมื่อป้าจงออกมาด้านนอกย่อกายลงช้าๆ
“องค์หญิงทรงประสูติพระโอรสเพคะตอนนี้แข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูก” หยางเจิ้งยิ้มพยักหน้าขึ้นลง
ลี่อี้เก่อสาวเท้าเข้ามา อย่างรวดเร็ว
“อี้เก่อถวายพระพรฝ่าบาท”
“ปลอดภัยแล้ว ทั้งสองคนองค์ชายอุตส่าห์แวะมา”
“อี้เก่อ เดิมตั้งใจแวะมาเยี่ยมตามธรรมดา มาเพื่อคุยแก้เหงา แต่เมื่อมาพบข่าวดีแบบนี้จึงยิ่งเป็นโชคได้พบหน้าองค์ชายน้อยก่อนใคร”
หยางเจิ้งยิ้ม รู้สึกชอบอัธยาศัยของลี่อี้เล่อไม่น้อย
"เช่นนั้นก็คงจะต้องเตรียมงานมงคลได้แล้วใช่ไหม" ลี่อี้เก่อยิ้มอ่อนโยน
อินเฉิงเป่า คนทั้งหมดหนีตายอาศัยอินเฉิงเป่าที่ทำกิจการผ้าบังหน้าซือหรูที่ยอมทิ้งกิจการที่แค้วนเหว่ยคอยดูแลทุกคนที่นี่หลังจากที่ทหารนับหมื่นของอินฉางบุกเข้าทำลายด่านปงเปียงราบคาบ
ดีที่อินเฉิง ป้อคุน ชิงกวานอ๋อง และหยวนกังเอาตัวรอดมาได้ถึงกระนั้นซือหรูก็ต้องเป็นคนกลางคอยส่งข่าวเพื่อนำทุกคนมากบดานที่นี่ เพื่อรักษาอาการบาดเจ้บทั้ตัวและหัวใจ
“คุณชาย องค์หญิงหยงเจิ้ง คนนั้น”
อู่อินเฉิงพยักหน้าขึ้นลงเมื่อป้อคุนพูดถึงหยงเจิ้ง
“ข้าจะบุกเข้าไปในวังหลวงแคว้นใต้”
“คุณชายท่านจะทำแบบนั้นไม่ได้หากถูกจับได้”
“ข้าแค่เพียงอยากจะขอโทษนางอยากจะเห็นว่านางสบายดีไหม อยากถามนางว่าที่ผ่านมานางสบายดีใช่ไหม”
“ องค์หญิงจะต้องสบายดีแน่ คุณชายอย่าได้ห่วง”
“นางมี องค์ชายแคว้นฉีข้างกาย อีกทั้งกำลังตั้งครรภ์เขาคงรักและเอาใจไม่น้อย”ป้อคุนถอนหายใจ
“ ป้อคุน… มีบางอย่างจะบอกกับคุณชาย”
“เรื่องใดกัน”สีหน้าแสดงความสงสัย
“คุณชาย องค์หญิงอุ้มท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณชาย”
อู่อินเฉิงทรุดกายลงกับเก้าอี้ ทว่ากลับมีรอยยิ้มกว้างกว่ากว้าง
“ป้อคุนเจ้าแน่ใจหรือ”
“องค์หญิงเป็นคนบอกกับป้อคุนด้วยตัวเอง”
อู่อินเฉิงหลับตาลงช้าๆ ทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน เสียใจที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างนางยามยากลำบาก ดีใจที่นางฟูมฟักเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอย่างดี
“ข้าควรจะพบนาง”
“คุณชายเรื่องนี้ต้องปรึกษา ท่านอาชิงกวานก่อนจะดีไหม”
“ข้าให้เจ้าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”
สวมใส่อาภรณ์สีดำใช้หมวกปิดบังใบหน้าเร้นกายออกจากอินเฉิงเป่าในทันที
วังหลวงแคว้นใต้
“องค์ชายน้อยน่าเอ็นดูจริงๆ ดื่มน้ำนมจากอุทธรณ์ของเจ้าแล้วหลับสบายดูสิ”
จงหลินอุ้มร่างกระจ้อยไว้ในอ้อมแขนหยงเจิ้งก้มลงจุมพิตที่ หน้าผากนุ่ม
“เขา เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับข้า”
รับเอาร่างเล็กมากอดไว้แนบอก
จงหลินออกไปแล้ว
หยงเจิ้งพิศมองใบหน้าเล็กกระจ้อยในมือคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของ อู่อินเฉิง ทารกน้อยใบหน้าไม่ต่างจากอู่อินเฉิงแม้แต่น้อย หยงเจิ้งยิ้มบางๆ
“หวังว่าองค์ชายน้อยของแม่ จะไม่งี่เง่าเหมือนเขาคนนั้น”
เงยหน้าขึ้นช้าๆ สายตาพบเขากับร่างสูงยืนนิ่งมองมายังสองแม่ลูก หยงเจิ้งกำลังจะตะโกน แต่กลับถูกรวบร่างบางไว้พร้อมกับถูกยกมือขึ้นอุดปากไว้แน่น เปิดผ้าแพรที่ปิดบังใบหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้าภายใต้แสงเทียน ที่มีบาดแผลน่าเกลียดที่ตาข้างซ้าย
“ฝะฝ่าบาท”
หยงเจิ้งอ้าปากค้าง อู่อินเฉิงทรุดกายลงหอบเอาร่างกระจ้อยไว้ในอ้อมแขนน้ำตาไหลริน จุมพิตที่หน้าผากเล็กซ้ำรอยจุมพิตของหยงเจิ้งซ้ำแล้งซ้ำอีกน้ำตาไหลพราก
“เขาคือลูกของข้าใช่ไหม”
หยงเจิ้งส่ายหน้าไปมา หอบเอาร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนแน่นเหมือนกลัวว่าอีกคนจะเยื้อแย่งของสำคัญจากไป
“ข้าให้โอกาสเจ้าพูดอีกครั้ง เขาเป็นลูกของข้าใช่ไหม”
“ไม่ ไม่เขาคือลูกของข้าเพียงผู้เดียว” อู่อินเฉิงกัดฟันแน่น
“ข้าน่าจะรู้ว่าเจ้า ก็ควรจะพูดแบบนี้อยู่แล้วข้าไม่ควรจะหวังอะไร ในเมื่อเจ้าไม่ได้มีใจให้ข้าแต่แรก”
ยื้อแย่งเอาร่างกระจ้อยไว้ในอ้อมแขน ร่างเล็กกระจ้อยยังหลับปุ๋ย
“ตามข้ามาดีดี ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
หยงเจิ้งลุกขึ้นกำมัดทุบไปที่ร่างสูงอย่างแรง
อู่อินเฉิงใช้มือข้างที่ว่างคว้ามือบางไว้
ส่งเสียงลอดไรฟัน
“จะตามข้ามาดีดีหรือว่าเจ้าอาจไม่ได้พบลูกของเจ้าอีกต่อไป”
“ข้าจะเรียก องครักษ์”
“หากส่งเสียงข้าจะพาลูกของข้าหายไปทันที แล้วเจ้าจะรู้ว่าข้าพูดจริงแค่ไหน ข้าอู่อินเฉิงไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว รังเกียจข้าได้ในเมื่อข้าอัปลักษณ์เช่นนี้แต่ อย่า มาพรากลูกพรากพ่อเพราะเขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า”
หยงเจิ้งพยุงตัวลุกขึ้น ยอมเดินตามอู่อินเฉิงไปโดยดี
“อู่อินเฉิง ข้าไม่เห็นเขาในวันนี้”ชิงกวานอ๋อง เอ่ยปากถามป้อคุนที่ยืนก้มหน้านิ่ง“ป้อคุน ข้าถามเจ้า”“เอ่อ ป้อคุนเองก็ไม่พบคุณชายเหมือนกัน”ปลายเสียงอ่อยๆ“ป้อคุน หากคุณชายของเจ้าทำเรื่องที่ผิดพลาดหรือเกิดตกอยู่ในอันตราย จะยอมได้หรือป้อคุน”ป้อคุนทำสีหน้า หนักใจประตูด้านหลังวังหลวง“ฝ่าบาท ได้โปรดอากาศเย็นยิ่งนักข้ากลัวว่า องค์ชายจะต้องไอเย็น"อู่อินเฉิงถอดเสื้อคลุมสีดำออกห่อร่างกระจ้อยไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม ส่วนตัวเขากอดอกด้วยอากาศหนาวเย็น“พอใจหรือยัง”“ฝ่าบาท เสด็จพ่อจะต้องตามหาหยงเจิ้ง และจะส่งคนค้นจนทั่วเขตวังหลวงจนกว่าจะเจอ”“นั่นคือปัญหาของหยางเจิ้งฮ่องเต้ ปัญหาของข้าคือตอนนี้ต้องการตัวเจ้ากับลูก ขึ้นไปบนหลังม้าอีกหลายชั่วยามกว่าจะสว่างเราจะต้องเดินทางให้พ้นเขตวังหลวง”“ข้าเพิ่งจะคลอดลูก” อู่อินเฉิงส่งทารกน้อยในอ้อมแขนของหยางเจิ้งก่อนจะส่ง หยงเจิ้งขึ้นบนหลังม้าตัวเขากระโดดขึ้นไปประกบไว้กระตุกบังเหียนม้าให้พุ่งออกจากตรงนั้นไปในทันทีอู่อินเฉิง อมยิ้มเมื่อ ได้ไกลชิดกับหยงเจิ้งอีกครั้งนานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้กลิ่นหอมจากเรือนผม นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ประคองกอด หัวใจพองโตเมื่
“ตอนนี้หยงเจิ้งให้อภัยฝ่าบาทไม่ได้ เพราะสิ่งที่ฝ่าบาททำมันยังติดอยู่ในใจเสมอ มา”“ขอแค่เจ้าไม่เกลียดข้าให้ข้าได้ใกล้เขา ข้ารู้ว่าข้าไม่อาจมีสิ่งใดมอบให้เขาได้แม้กระทั่งตำแหน่งองค์ชายหรือรัชทายาท แต่สิ่งที่ข้ามอบให้เขาได้คือความรักของคนเป็นพ่อ หยงเจิ้งข้าพิการตาซ้าย ข้ารู้ดีว่ามีคนที่ดีพร้อมสำหรับจ้ามากมายด้วยเจ้าในตอนนี้เป็นถึงองค์หญิงฉะนั้นข้าไม่คาดหวังอะไร”ชามน้ำในมือจงหลินที่หลุดร่วงลงพื้นเสียงดังสนั่น“องค์หญิงกับองค์ชายน้อยหายไป”“ส่งคนค้นหา รัศมี50ลี้ คาดว่าคนที่ลักพาตัวองค์หญิงไปจะต้องยังไปได้ไม่ไกล”“ลี่อี้เล่ออาสา ออกตามหาองค์หญิงด้วยตัวเองฝ่าบาทโปรดประทานอนุญาต”“ฝ่าบาทจงหลิน อยากจะออกติดตามองค์ชายเผื่อว่าจะพบองค์หญิงและองค์ชายน้อยตอนนี้องค์หญิงเองยังร่างกายไม่สู้แข็งแรงนัก”ลี่อี้เล่อเหลือบตามองจงหลิน“อืม ข้าอนุญาต”ลี่อี้เล่อและจงหลินรีบไปในทันที“คนที่ลักพาตัวองค์หญิงกับองค์ชายน้อยไปก็คงเป็น สามีเก่าขององค์หญิงที่พอรู้ว่าองค์หญิง เป็นถึงองค์หญิงจึงคิดร้ายและตั้งใจได้รับเงินทองเพราะหยงเจิ้งตอนนี้ เป็นที่รู้จักไปทั่วแคว้น"โยว่ฉิงยิ้มหยัน"หุบปากของเจ้าเสียโยว่ฉิง บางทีข้
หยงเจิ้ง ดึงมือบางออกจากดวงตาที่บอดสนิท เบือนหน้าหนีจะไม่ให้บาดหมางได้อย่างไรในเมื่อความทรงจำที่หยงเจิ้งมี มีเพียงที่ถูกอู่อินเฉิงข่มเหงใบหน้าของอู่อินเฉิงมีสีหน้าผิดหวังและเศร้าสร้อยอย่างที่สุด เมื่อเห็นว่าหยงเจิ้งไม่ยอมยกโทษให้ ได้แต่ยิ้มหยันให้ตัวเอง เป็นธรรมดาทำกับนางไว้มากเช่นไรจึงจะยอมอภัยง่ายดาย“ไม่เป็นไร จะสิบปีหรือร้อยปีข้ารอได้เสมอ รอว่าสักวันเจ้าจะอภัยให้กับข้า”หยงเจิ้งกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นอินเฉิงเป่าตอนนี้ถูก คนของอินฉางล้อมไว้แม้จะไม่เแสดงตัวว่าเป็นทหารแต่คนทั้งหมดคือทหารฝีมือดีของแปดกองธงที่ถูกคัดมาเพื่อบุกอินเฉิงเป่า ในแคว้นใต้ให้ราบคาบ“นายท่านไม่ทันการณ์แล้วคนของอินฉางหาพวกเราเจอตอนนี้ล้อมอินเฉิงเป่าไว้แล้ว”หยวนกัง วิ่งเข้ามาประสานมือ“ป้อคุนเล่า”“ป้อคุน ไปแจ้งข่าวกับชือหรูให้นางหนีไปเสีย”หยวนกังเองก็รีบมาแจ้งข่าวกับชิงกวานอ๋อง“นายท่านเราคงต้องหนีไปสมทบที่ที่มั่นของเราที่นั่นคนของเรายังพอคุมกันนาท่านได้”ชิงกวานพยักหน้าขึ้นลง“อันตรายยิ่งแล้วพวกมันคงไม่มีทางมาจับตัวพวกเราเพื่อนำตัวกลับแคว้นเหว่ยแน่ ที่มาครั้งนี้เพื่อจะสังหารพวกเราทั้งหมด หยวนกังแจ้งข่าวกับป้อค
ซือหรูทรุดกายลงกับพื้น ทั้งดีใจและเสียใจ เสียใจที่อินเฉิงเป่าถูกเผาวอดวายผ้าที่เก็บไว้บนชั้นเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีแม้จะอยากดับไฟก็คงไม่ทัน ดีใจที่รักษาชีวิตของตนและทุกคนไว้ได้ลี่อี้เล่อ ชิงกวานอ๋องต่างเผลอยิ้มที่อย่างน้อยจงหลินก็ยังมาทันเวลาหยวนกังกันซือหรูไว้ให้หลบไปเสียอีกทาง องครักษ์จากแคว้นใต้กรูกันเข้ามา ต่อกรกับคนจากแคว้นเหว่ย ที่ต่างสู้ไปถอยไปจนในที่สุดก็ ต่างหนีเอาชีวิตรอด ลี่อี้เล่อประสานมือตรงหน้าชิงกวานอ๋อง“ลี่อี้เล่อองค์ชายสาม คารวะท่านอ๋องชิงกวาน”“องค์ชายเกรงใจไปแล้ว ข้าชิงกวานแค่เพียงนายท่านของอินเฉิงเป่า หาได้มีตำแหน่งอ๋องเพราะตอนนี้ถูกตามล่าตัวจากแคว้นเหว่ยเมืองเกิด”“ลี่อี้เล่อเพิ่งจะได้เห็นฝีมือของท่านอ๋องในวันนี้ทั้งกล้าแกร่ง และเกรียงไกรลี่อี้เล่อนับถือยิ่งนัก”“องค์ชายสามลี่อี้เล่อเองก็ ห้าวหาญยิ่งนัก”“ท่านอ๋องลี่อี้เล่อนับถือยิ่งนักจึงอยากจะชวนท่านอ๋อง เข้าไปเป็นแขกของแคว้นฉี”“ชิงกวานขอบใจองค์ชาย แต่หากไม่เป็นการรบกวนชิงกวานขอแค่เพียงองค์ชายให้ชิงกวานเข้าไปในวังหลวงแคว้นใต้เพื่อถวายพระพร ฝ่าบาทหยางเจิ้งสักครั้ง”ลี่อี้เล่อขมวดคิ้วแน่น“คงไม่ เป็นการเข้าไปในวั
อินเฉิงเป่าบัดนี้ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้วอดวาย อินเฉิงถอนหายใจยาว“ป้อคุน คงต้องเร้นกายไปสมทบกับกองกำลังของเราที่นั่นท่านอาคงรออยู่” ป้อคุนประสานมือ“คุณชายจากนี้ไปอีกไกล ก่อนจะผ่านเข้าชายแดนแคว้นเหว่ยได้อันตรายยิ่งนัก”“เข้าใจแล้ว ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ดังพ่อค้า แบกสัมภาระเสียหน่อย ควบม้าเช่นนี้เกรงว่าจะต้องถูกจับได้”อาภรณ์สีทึบถูกผลัดเปลี่ยน อู่อินเฉิงลูบหัวม้าเบาๆ ผูกไว้ในคอกด้านหลังอินเฉิงเป่า“เจ้ารอข้าที่นี่เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยข้าจะกลับมารับเจ้า ป้อคุนให้ท่านลุงเฉามาช่วยป้อนหญ้าให้ม้าในคอกเช่นเดิม นี่คือเงินจำนวนไม่มากที่ข้ามีติดตัวนำมันไปมอบให้กับท่านลงเฉาเสียข้าสัญญาจะ จัดการทุกอย่างในเร็ววันมิใช่เพื่อตัวข้าเอง แต่เพื่อลูกของข้า และยังม้าของข้าด้วย”อยากจะพูดว่าเมียของข้าหากแต่ท่าทีเฉยชาของหยงเจิ้ง ทำให้อินเฉิงไม่กล้ากล่าวคำนั้นป้อคุนรับถุงเงิน ก้าวไปทางด้านหลังอินเฉิงเป่าที่เป็นที่ พำนักของลุงเฉาไม่นานป้อคุนก็กลับมา“ไปเถิดช้าไปอาจไม่ทันการณ์” แบกหลัวขึ้นบนบ่ามีทั้งห่อชาและเครื่องเทศบนนั้น ก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกันวังหลวงแคว้นใต้“อู่ชิงกวาน ถวายพระพรฝ่าบาท”ชิงกวานอ๋องพร้อมด
ป้อคุนยิ้มรู้ดีว่าสิ่งใดที่อินเฉิงกล่าวไว้เขามักใช้สิ่งนี้ในผลักดันความหาญกล้าในจิตใจให้โหมกระพือความกล้ารับหยกเนื้อดีไปวางตรงหน้านายด่าน ที่รีบตระคลุบเอาหยกไว้ในมือ“หืมมม อย่างนี้ค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย ปล่อยสองคนนั่นไปเสีย”หยิบหยกขึ้นมาพิจารณาด้วยสายตาปนไปด้วยความโลภ ไม่สนใจจะมองอินเฉิงกับป้อคุนว่ากำลังไปแล้ว“พ่อค้า ธรรมดาทำไมถึงมีหยกเนื้อดีอีกทั้งลวดลายงดงามดั่งของชิ้นพิเศษเพียงนี้เจ้าโง่ทั้งสองนั่น หารู้ไม่ว่าของสิ่งนี้มีค่ามากมายเพียงใดฮ่าาาาา”อินเฉิงกับป้อคุนรีบสาวเท้า อย่างเร่งรีบแต่หาได้เดินตามทางเดินไม่กลับเร้นกายไปยังป่ารกเรื้อ เพื่ออยากแก่การติดตามตัว เบื้องหน้านั้นเองกลางหุบเขาที่แวดล้อมด้วยอันตรายค่ายกองกำลังที่มีอินเฉิงเป่าคอยส่งเสบียงข้าวปลาอาหารและของใช้จำเป็นเร้นกายอยู่ภายใต้หุบเขาที่ไม่มีใครกล้าผ่านเข้ามา“ฝ่าบาท พวกเราฝ่าบาท ทรงเสด็จมาแล้วพวกเรา”“เฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ” เสียงโห่ร้องด้วยความฮึกเหิมป้อคุนยิ้มปลดเสื้อคลุมสีทึมออกจากร่างสูงของอู่อินเฉิง สวมทับเข้าไปใหม่ด้วยเสื้อคลุมมังกรของอินเฉิงเป่าที่ตัดเย็บอย่างปรานีตด้วยฝีมือของซือหรู“ข้าน้อย ป้อตี้และพวกเราทั้งหมดรอเ
ตำหนักเงาจันทร์ของหยงเจิ้ง“ลี่อี้เล่อทูลลา หวังว่าหากมีวาสนาคงได้พบกันอีก” ลี่อี้เล่อยืนยิ้มไม่ไกลจากแท่นนั่งของหยงเจิ้ง“องค์ชายแคว้นใต้ ไม่มีสิ่งใดจูงใจหรือไรจึงรีบเร่งเดินทางกลับเพียงนั้น”ลี่อี้เล่อเหลือบตามองจงหลินที่ก้มหน้านิ่ง ภายในใจรู้สึกใจหายไม่น้อย“ที่นี่มีหลายอย่างที่ลี่อี้เล่อหาไม่ได้จากที่อื่น แต่บางทีก็ต้องรอสวรรค์เมตตา”“เอะอะก็สวรรค์ คิดหรือว่าไม่ทำแล้วจะได้มันมา”จงหลินบ่นพึมพำเบาๆ หยงเจิ้งอมยิ้ม“แคว้นใต้ยินดีต้อนรับเสมอหวังว่าองค์ชายจะกลับมาอีกครั้งในฐานะสหายที่ดีของเราหากมีสิ่งใดที่หยงเจิ้งจะให้หยงเจิ้งรับใช้ในฐานะสหายหยงเจิ้งยินดีไม่น้อย”เหลือบตามอง จงหลินอีกครั้ง“หากจะกลับมาอีกครั้งคงจะพร้อมด้วยขันหมาก”จงหลิน รีบย่อกายเดินออกจากห้องไปในทันที“องค์ชายหมายความว่าอย่างไร” หยงเจิ้งยิ้มบางๆ“ พี่สาวขององค์หญิงคนนั้น คนที่พูดจาตรงไปตรงมาแล้วก็ คนที่กำลังจะออกไปจากห้องตอนนี้ ลี่อี้เล่อขอองค์หญิงโปรดเมตตา พูดกับฝ่าบาทแทนลี่อี้เล่อ สู่ขอนางเป็นไท่จือเฟย” หยงเจิ้งยิ้มปรายตามองจงหลินที่ก้าวเดิน หายวับไปเสียแล้ว“องค์ชายไม่กลัวว่าพี่สาวคนนี้จะพยศจนต้องยอมแพ้หรือ”ลี่อ
วางองค์ชายน้อยที่หลับปุ๋ยในในเปลให้นางกำนัลแกว่งไกว“หมายถึงใคร”หยงเจิ้งถามยิ้มๆ“ไม่มีใครองค์หญิงอย่าใส่ใจ ว่าแต่เรื่องที่เราพูดกันเมื่อวานเรื่องที่ท่านอ่อง มาสู่ขอองค์หญิงให้กับฝ่าบาทอู่อินเฉิงนั่นเล่า”“เปลี่ยนเรื่องง่ายดายเพียงนี้แสดงว่าเรื่องที่ ไม่อยากให้ข้ารู้”“ไม่เอาน่า องค์หญิงท่านจะต้องตอบข้ามาก่อนว่า ท่านกับฝ่าบาทอู่อินเฉิงแท้จริงแล้วรู้สึกเช่นไรต่อกัน”หยงเจิ้งยิ้มบางๆ“ข้า กำลังคิดว่า ข้าจะอภัยให้เขาได้หรือ ในเมื่อสิ่งที่เขาทำกับข้าในตอนนั้นทำให้ข้ารู้สึกว่า เขาทำไปเพื่อรังแกข้า มาถึงตอนนี้ขอให้ข้าอภัยเพื่อสิ่งใดกันข้าเองยังไม่กระจ่าง ข้าอภัยแล้วเช่นไร คนอื่นที่มองดูอาจคิดว่าข้าจะโกรธเขาทำไมกัน แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าว่าอภัยหรือไม่อภัยให้เขามันต่างกันเช่นไรเหมือนกัน ในเมื่อเขากับข้าล้วนต่างมีวิถีของตัวเองแม้จะมีองค์ชายน้อยแต่เราก็ยังเป็นคนอื่นอยู่ดีเพราะเขาไม่ได้รักข้าและข้าก็ไม่ได้..รู้สึกอะไรกับเขานอกจากคำว่าสงสาร”“องค์หญิงดีแค่ไหนแล้วได้สงสาร ดีแค่ไหนแล้วยังเหลือความสงสาร ฝ่าบาทอินเฉิงไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่เข้ามาผิดเวลา หากเป็นยามปกติบางทีองค์หญิงกับฝ่าบาทอินเฉิง
"แต่ฝ่าบาทหมดหนทางแล้วท่านอ๋องจะต้องไม่เป็นอะไรหยวนกังก็จะพาท่านอ่องหนีออกมาเช่นกันตามที่ตกลงกันไว้ตอนนี้แค่เพียงช่วยให้ฝ่าบาทหนีออกมาก่อน ท่านอ๋องขวางพวกมันไว้เพื่อให้ฝ่าบาทหนีอกมาฝ่าบาทอย่าทำให้ความตั้งใจของท่านอ๋องเสียเปล่า""แต่ท่านอาบาดเจ็บไม่น้อยข้าจะไปช่วยท่านอา เจ้าขลาดเขลาเพียงนั้นเชียวหรือป้อคุน"ป้อคุนทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น"ฝ่าบาท หนีก่อนก่อนเถอะขอรับ ความปลอดภัยของฝ่าบาทสำคัญที่สุดท่านอ๋องทรงเข้าใจข้อนี้ดีจึงพยายามที่จะกันทหารพวกนั้นเพื่อให้ฝ่าบาทหนีไปหากว่าฝ่าบาทยังเป็นว่าสิ่งที่ป้อคุนหยวนกังและท่านอ๋องทำไปทั้งหมดนั้นขลาดเขลาป้อคุนจะขอให้ฝ่าบาททรงสังหารป้อคุนเสียไม่เช่นนั้นป้อคุนก็ไม่อาจปล่อยให้ฝ่าบาท กลับไปที่ด่านปงเปียง"อู่อินเฉิงทรุดกายลงปล่อยกระบี่ลงข้างกาย"ข้าไม่อาจปล่อยท่านอาไว้ที่นั่นป้อคุนเข้าใจไหมท่านอาเป้นเหมือนบิดาเป็นเป็นพี่น้องและเป็นเหมือนคนที่หวังดีกับข้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้""ฝ่าบาท ท่านอ๋องจะดีใจหากทว่าฝ่าบาทปลอดภัยและด้วยความภักดีของหยวนกังจะไม่มีทางให้ท่านอ๋องต้องตาย"อู่อินเฉิงพยักหน้า"กันเถอะไปรอที่ด่านชายแดนแคว้นใต้"สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ท่านอาเราทั้งหมดลงเรือลำเดียวกันแล้วข้าไม่อาจดูดายปล่อยให้ท่านอาและพวกเขาต้องเผชิญศึกเพียงลำพัง เช่นนั้นจึงขอยืนยันคำเดิมว่าจะอยู่ที่นี่แต่สัญญาว่าหากเราทั้งหมดไม่อาจต้านทัพของอิงฉางได้ข้าจะเร้นกายไปยังที่ปลอดภัยพร้อมกันนั้นท่านอาเองก็สำคัญไม่น้อยการกอบกู้บัลลังก์ของเฉิงอู่ต้องกาศัยท่านอา เช่นนั้นหากเราทั้งหมดไม่อาจต่อกรก็ควรจะหนีไปเสียแต่ในตอนนี้ก็ต้องลองยืนหยัดให้ถึงที่สุดก่อน”ชิงกวานอ๋องถอนหายใจปฏิเสธไม่ได้ว่าที่อินเฉิงพูดมาทุกอย่างล้วนสำคัญเขาเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมารู้ดีว่าด่านปงเปียงมีกำลังเพียงหยิบมือไม่อาจต่อกรกับทหารของอินฉางฮ่องเต้ได้แม้จะมีฝีมือดีแค่ไหนก้ไม่อาจต่อกรกับทหารจำนวนมากราวกับมดปลวกได้“ฝ่าบาทอย่าลืมคำมั่นนี้หากว่าไม่อาจต่อกรฝ่าบาทจะต้องหนีไปเสียอย่าได้ห่วงใครไม่ว่าจะใครหรือแม้กระทั่งชิงกวานอ๋อง”อู่อิงเฉิงยิ้มน้อยๆ“อิงเฉิงสัญญาจะไม่ทำให้ท่านอาจต้องเป้นกังวล“ดี เช่นนั้นร่วมรบเคียงข้างสร้างขวัญกำลังใจ ป้อคุนหยวนกังอารักขาฝ่าบาทจนถึงที่สุดหากไม่ไหวสิ่งเดียวที่ต้องทำแบบไม่ต้องคิดคือพาฝ่าบาทเร้นกายไปเสียแล้วพบกันที่จุดนัดพบข้ามผ่านด่านชายแดนแคว้นใต้”สี่แรงร่วมใจฟ
“เช่นนั้นหยงเจิ้งกลับไปที่นั่น เสด็จพ่อกับฮองเฮาตั้งใจออกผนวช จึงขาดคนคอยดูแล”“จะดีไหมหากให้ป้อคุนไปคอยดูที่นั่น พร้อมกับหยวนกัง”“ข้าตั้งใจประทานงานแต่งงานให้กับป้อคุนและซือหรูเสียเพราะสองคนรอเวลานี้มานาน”หยงเจิ้งพูดยิ้มๆ“ดีเลย เช่นนั้นส่งข่าวให้เจียเกอช่วยดูแลพวกเขา ระหว่างนี้คนทั้งหมดภักดียิ่งนักไม่มีสิ่งใดให้หนักใจ ฝ่าบาทหยงเจิ้งจึงจะออกผนวชได้อย่างหมดห่วงเสียที”“ที่นี่คงเงียบเหงาหากไม่มีป้อคุนหยวนกังและซือหรู”“ชิงกวานน้อย ขอตามไปที่วังหลวงแคว้นใต้กับท่านอาทั้งสอง ข้าเองก็ไม่อาจขัดเพราะหยวนกังกับป้อคุนดูแลชิงกวานน้อยอีกทั้งยังฝึกปรือวรยุทธ์ให้จนเชี่ยวชาญ”“คงจะต้องคิดถึงทุกคน”อินเฉิงกอดรวบร่างอุ้ยอ้ายไว้ในอ้อมแขน“มีข้าอยู่เจ้าจะไม่ต้องเหงา”“ฝ่าบาทเอาแต่ใจใครกันจะลืมได้ เมื่อคราวอยู่ที่ตำหนักฤดูหนาวก็เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”“เช่นนั้นอย่างไรเล่าเจ้าจึงตั้งครรภ์ข้าจึงไม่ต้องรอนาน หากไม่ไปที่ตำหนักฤดูหนาวรำลึกความหลังกันเจ้าจะตั้งครรภ์หรือไร ข้าเองตามใจชิงกวานน้อยที่อยากจะมีน้อง”หยงเจิ้งยิ้มเขินอาย ใบหน้าแดงระเรื่อ อู่อินเฉิงกอดไว้แน่น“ข้ารักเจ้ามีเจ้าคนเดียวตลอดไปข้าสัญญาและจะไม
อินเฉิงลุกขึ้นพิงแท่นบรรทมเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างมองเห็นชัดเจนแจ่มใส ทั้งสองตารอยยิ้มเป็นสุข ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหยงเจิ้งที่หลับใหลไปกับอ้อมกอดของเขา ความสุขที่มาถึงยามที่ผ่านความทุกข์ระทม จึงนับว่าเป็นความสุขที่แท้จริงสายลมพัดผ่าน ชิงกวานอ๋องวิ่งหลบซุกตัวยังโขดหิน หยวนกังเกาหัวแกรกๆ ป้อคุนวิ่งตาม หันหน้าหันหลังไม่พบ อ๋องน้อยว่าแอบหลบอยู่ตรงไหนหยวนกังส่ายหน้าไปมา ลูบเคราวยาว“เราสองคนคงจะแก่ไปแล้วจึงไม่อาจหาท่านอ๋องน้อยพบ”“เชิญท่านเพียงลำพังเลยหยวนกัง ข้ายังไม่อยากจะแก่ท่านอ๋องน้อยวิ่งหลบรวดเร็วเหมือนชิงกวานอ๋องที่พลิกพลิ้วยิ่งกว่าใคร อีกหน่อยหากฝึกปรือวิชากระบี่คงหาตัวจับยาก”หยวนกังอมยิ้ม“ข้า ได้ยินว่าท่านอ๋องน้อยทรงขออนุญาตฝ่าบาทฝึกวิชากระบี่ เราสองคนคงต้องลับคมกันหน่อยเพื่อรอวันถวายการฝึกสอน”“ฮ่าาา เหมือนจริงๆ ช่างเหมือนท่านอ๋องชิงกวานเสียจริง มุ่งมั่นยิ่งนัก เราสองคนคงต้อง ทุ่มเทฝึกสอนกันให้มากหน่อย”ป้อคุนเอ่ยขึ้นดังๆ“หยวนกัง…ป้อคุน…..”ชิงกวานน้อยวิ่งออกจากที่ซ่อน กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของหยวนกัง“ฮ่าาาาท่านอ๋องในที่สุดก็ยอมออกมา”ป้อคุนอมยิ้ม“ก็ข้าได้ยินว่า ท่านอาทั้ง
ดวงตาพร่ามัวกลอกกลิ้งไปมาทั้งซ้ายและขวา เสียงอ้อแอ้ขององค์ชายน้อยดังแว่วมา แต่ไกล“ชิงกวานน้อยของแม่ เจ้าจะรีบตื่นแต่เช้าทำไมกันเสด็จพ่อยังคงหลับใหล”เสียงหวานของหยงเจิ้งทำเอาอินเฉิงยิ้มกว้างยกมือขึ้นคลำที่ดวงตาทั้งสองข้างสูดลมหายใจลึกๆ“เสี่ยวเจิ้ง”หยงเจิ้งขยับกายหันมา มองร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาลืมตาอยู่บนแท่นบรรทม รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นที่ใบหน้างาม“ฝ่าบาท ท่านฟื้นแล้ว”ดวงตาซ้ายขวากลอกกลิ้งไปมา มองเห็นใบหน้างามเด่นชัด“ข้านอนไปนานแค่ไหน เสี่ยวเจิ้งกับองค์ชายน้อยถึงได้มาอยู่ข้างกายข้าได้”“องค์ชายน้อยชิงกวาน”อุ้มร่างเล็กที่ส่งเสียงอ้อแอ้ปลุกยามเช้ามาใกล้ๆ อินเฉิงรับเอาร่างเล็กจิ๋วไว้ในอ้อมแขน“ชิงกวาน ชื่อนี้เหมาะกับเจ้าเสียจริง เจ้า เป็นคนที่ทำให้ พ่อกับแม่ได้มีวันนี้วันที่เราพร้อมหน้า”หยงเจิ้งปาดน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตา อินเฉิงดึงมือหยงเจิ้งให้นั่งลงข้างๆ เขาจูบซับน้ำตาให้เบาๆ“ท่านอาไม่อยากเห็นน้ำตาเจ้าหยงเจิ้งของข้า ดวงตานี้ของท่านอาอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า มิใช่หยาดน้ำตา”หยงเจิ้งยิ้มทั้งน้ำตา“มีวันนี้ได้เพราะท่านอ๋อง ข้าหยงเจิ้งเช่นไรจะกล้าขัดคำสั่ง”ยิ้มกว้างสดใส อินเฉิงกอดรวบร่าง
“ข้า อัปลักษณ์เพียงนี้ เป็นท่านอาที่จะต้องดูแลหยงเจิ้งต่อไป เป็นท่านอาอินเฉิงจึงวางใจ”หมอหลวงวิ่งถือหลวมยาเข้ามา อินเฉิง ขยับกายให้หมอหลวงตรวจดูอาการของ ชิงกวานอ๋อง“ฝ่าบาท ชิงกวานอ๋องไร้ความสามารถไม่อาจดูแลนาง ฝ่าบาทจึงคู่ควรที่สุด”หมอหลวงลุกขึ้นยืนประสานมือตรงหน้าอินเฉิงพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอินเฉิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา หยวนกังเบือนหน้าหนีปาดน้ำตาที่ไหลริน“ท่านอา เราไปพักที่ตำหนักให้ท่านหมอ จัดเทียบยาดีไหม”น้ำเสียงอ่อนโยน“หยวนกังตามอาจารย์ให้ข้าทีข้าอยากจะพักเสียหน่อย ฝ่าบาทพยุงชิงกวานไปเถิด ให้หยวนกังตามอาจารย์”หยวนกังยิ้มกว้าง เหมือนจะเริ่มมีความหวังว่าอาจารย์กับวิชาแพทย์เถื่อนจะสามารถช่วยชีวิตท่านอ๋องได้“หยวนกังรีบไปแล้วท่านอ๋องอดทนหน่อย”วิ่งออกจากท้องพระโรงกระโดดขึ้นหลังม้าควบออกไปราวกับลูกดอกพุ่งเข้าสู่เป้าอินเฉิงพยุงชิงกวานอ๋องหมอหลวงตรวจดูอาการของป้อคุนอย่างเร่งรีบบนแท่นบรรทม ร่างสูงองอาจนอนเหยียดยาวใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้กลับซีดขาว แต่แววตายังอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้งที่อินเฉิงเคยเห็น เลือดสดๆ ยังไหลซึมออกจากบาดแผล“ท่านอาอดทนหน่อย อาจารย์ปู่กำลังมา”“เพื่อฝ่าบาทต่างหาก
อินฉางดวงตาเหลือกลานเมื่อเห็นว่า หมิงเยว่ล้มลงคว่ำหน้าลงกับพื้นเลือดอาบไปทั่วร่างบาง ตรงเข้าหอบเอาร่างบางที่หายใจรวยริน“ม่ายยยยไม่นะหมิงเยว่ต้องไม่ใช่เจ้าต้องไม่ใช่เจ้าหมิงเยว่ขะขะข้าขอโทษ หมิงเยว่ ข้าไม่ให้เจ้าตายไม่หมิงเยว่ อย่าทำแบบนี้หมิงเยว่”ทว่าร่างโชกเลือดหาได้ขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวไม่ยังคงนิ่งงัน ดวงตาอาบไปด้วยหยาดน้ำตา สิ้นลมหายใจโดยไม่ได้ร่ำลา“หมิงเยว่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”อินฉางอุ้มร่างโชกเลือดไว้ในอ้อมแขนดวงตาแดงก่ำ“อินฉิง ท่านจะต้องรับผิดชอบ ปาถั่วรับบัญชาข้า ฆ่าอู่อินเฉิงกับป้อคุนแล้วสับร่างเป็นชิ้นๆ ”ปาถั่วก้มหน้าประสานมืออินฉางเดินโซเซพาร่างไร้วิญญาณของหมิงเยว่ออกจากท้องพระโรง“ยิง”ปาถั่วสั่งพลธนูทว่ายังไม่ทันได้เหนี่ยวคันธนู พลธนูทั้งหลายต่างล้มลงไปกองกับพื้นองครักษ์หลายนายต่างวิ่งถือกระบี่เข้ามาล้อมชิงกวานอ๋องที่ในมือกำกระบี่ ฟาดฟันสังหารมือยิงธนูจนบาดเจ็บล้มตาย“ฝ่าบาท”พยุง อินเฉิงที่ถูกลูกดอกปักเข้าที่ขาข้างขวา“ท่านอา มาทันเวลาพอดี”“อย่าเพิ่งพูดอะไร ฝ่าบาทจงรีบเปิดประตูให้คนของเรา ชิงกวานจะหันเหความสนใจของคนพวกนี้ ป้อคุนยังไหวหรือไม่”ป้อคุนที่ไม่อาจขยับกาย“ชิงกวา
ทัพของอู่อินเฉิง ดาหน้าที่ประตูวังหลวงแคว้นเหว่ย พลธนูเหนี่ยวคันธนูสุดแรงรอเพียงคำสั่งให้ยิงอยู่บนป้อมปราการสูงบนประตูวังทั้งสี่ด้าน“ยิง”ป้อคุนทะยานเข้ามาขวางอู่อินเฉิงที่ตกเป็นเป้าของธนูใช้กระบี่ในมือกวัดแกว่งคุ้มภัย อู่อินเฉิงเองก็กำกระบี่ในมือกวัดแกว่งปัดป้อง เหล่าทหารโห่ร้องหาได้สะทกสะท้านต่อความเจ็บความตายตรงหน้า“บุกเข้าไปในวังหลวงจับตัวอู่อินฉางมาคุกเข่าตรงหน้าฝ่าบาท”ป้อตี้ออกคำสั่ง ดังลั่น หทารกล้าทั้งหลายต่างพุ่งตัวเข้าไปยังประตูวัง ออกแรงดันประตู ให้เปิดอ้าออกเพื่อให้กองทัพเข้าไปภายในห่างจากวังหลวงสิบลี้“ท่านอ๋องเปลวไฟ ลุกไหม้อยู่ที่วังหลวงเกรงว่าตอนนี้ทัพของฝ่าบาทคงถึงที่นั่นแล้ว”หยวนกังเอ่ยปากด้วยสีหน้ากังวล“เร่งเดินทางอารักขาฝ่าบาท ข้าไม่อาจวางใจอู่อินฉางหาใช่ผู้ที่ซื่อตรงไม่จะต้องซ่อนกลโกงไว้รอฝ่าบาทเป็นแน่”ชิงกวานอ๋องควบม้าเร็วรี่ยังกลุ่มควันที่ลอยวนบนท้องฟ้าอินฉางนั่ ไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์มังกรในท้องพระโรง ในมือมีจอกสุรารสเลิศ ข้างกายเป็นหมิงเยว่ ที่นั่งก้มหน้ามองมือตัวเอง กับปาถั่วที่กุมกระบี่ข้างเอวไว้แน่นเสียงโห่ร้องใกล้เข้ามา อินเฉิงก้าวขายาวๆยังหน้าบัลลั
“ข้าหากจะต้องตายเพราะการณ์นี้ ก็คงจะต้องยอมเพราะเลือกข้างผิดเดิม อู่อินเฉิงไม่จะไม่เคยใส่ใจ กองทัพแต่ทว่าชิงกวานอ๋องกับผูกใจ เหล่าทหารกล้าบทเรียนครั้งนี้ ไม่อาจแก้ไขแม้ตอนนี้จะมีที่มั่นและกำลังคนแต่หากชิงกวานอ๋อง เอ่ยปากไม่แน่ว่าเหล่าทาหรพวกนี้จะย้ายข้างหรือไม่”“ข้าน้อยได้ยินมาว่า ชิงกวานอ๋องในครั้งนี้ไม่ได้ มาด้วยมีเพียงอู่อินเฉิงเท่านั้น”ปาถั่วขมวดคิ้ว“บางทีนี่อาจเป็นแผนการตลบหลังไม่อาจวางใจ”ถอนหายใจยาวตำหนักชิงหนิงกง“ฮองเฮาอู่อินเฉิงยกทัพกลับมาที่วังหลวง คงจะถึงวังหลวงในอีกไม่ช้า”หมิงเยว่ ลุกขึ้นจากแท่นนอนสีหน้าแสดงความดีใจ“เขากลับมาแล้วเขาไม่ได้ทอดทิ้งข้าเขายังรักข้าอย่างน้อยก็กลับมาทวงบัลลังก์และคงจะมารับข้าเป็นฮองเฮาของเขาเหมือนเคย”ตงฟางหัวถอนหายใจ หมิงเยว่หลายเดือนที่ผ่านมา สติหลุดลอย พูดจาเลื่อนเปื้อนติดอยู่ในความเพ้อฝันเสียมากกว่าความจริง“ฮองเฮา ไม่แน่ว่าอู่อินเฉิงจะกลับมาหาฮองเฮา”“เขาต้องมาในเมื่อในใจเขามีข้าเพียงคนเดียว เขาทำทุกอย่างเพื่อข้า ข้ารู้แล้วข้าเองก็จะทำทุกอย่างเพื่อเขาเช่นกันเขาจะได้ไม่ต้องลำบากทวงคืนบัลลังก์”ดวงตาเป็นประกายสดใสตงฟางหัวถอนหายใจ“ฮองเฮา