“ตอนนี้หยงเจิ้งให้อภัยฝ่าบาทไม่ได้ เพราะสิ่งที่ฝ่าบาททำมันยังติดอยู่ในใจเสมอ มา”
“ขอแค่เจ้าไม่เกลียดข้าให้ข้าได้ใกล้เขา ข้ารู้ว่าข้าไม่อาจมีสิ่งใดมอบให้เขาได้แม้กระทั่งตำแหน่งองค์ชายหรือรัชทายาท แต่สิ่งที่ข้ามอบให้เขาได้คือความรักของคนเป็นพ่อ หยงเจิ้งข้าพิการตาซ้าย ข้ารู้ดีว่ามีคนที่ดีพร้อมสำหรับจ้ามากมายด้วยเจ้าในตอนนี้เป็นถึงองค์หญิงฉะนั้นข้าไม่คาดหวังอะไร”
ชามน้ำในมือจงหลินที่หลุดร่วงลงพื้นเสียงดังสนั่น
“องค์หญิงกับองค์ชายน้อยหายไป”
“ส่งคนค้นหา รัศมี50ลี้ คาดว่าคนที่ลักพาตัวองค์หญิงไปจะต้องยังไปได้ไม่ไกล”
“ลี่อี้เล่ออาสา ออกตามหาองค์หญิงด้วยตัวเองฝ่าบาทโปรดประทานอนุญาต”
“ฝ่าบาทจงหลิน อยากจะออกติดตามองค์ชายเผื่อว่าจะพบองค์หญิงและองค์ชายน้อยตอนนี้องค์หญิงเองยังร่างกายไม่สู้แข็งแรงนัก”
ลี่อี้เล่อเหลือบตามองจงหลิน
“อืม ข้าอนุญาต”
ลี่อี้เล่อและจงหลินรีบไปในทันที
“คนที่ลักพาตัวองค์หญิงกับองค์ชายน้อยไปก็คงเป็น สามีเก่าขององค์หญิงที่พอรู้ว่าองค์หญิง เป็นถึงองค์หญิงจึงคิดร้ายและตั้งใจได้รับเงินทองเพราะหยงเจิ้งตอนนี้ เป็นที่รู้จักไปทั่วแคว้น"
โยว่ฉิงยิ้มหยัน
"หุบปากของเจ้าเสียโยว่ฉิง บางทีข้าควรจะสอบสวนเรื่องเก่าๆ เพราะคนที่จ้องจะ ลักพาตัวหยงเจิ้งไปในครั้งนั้น ยังไม่ถูกลงทัณฑ์”
“ฝ่าบาทตรัสแบบนี้จะไม่ใส่ความกันไปหน่อยหรือ”
“ข้ายังไม่ได้บอกว่าคนผู้นั้นคือใครทำไมเจ้า… ร้อนใจแบบนั้นหรือว่าเจ้า เองเป็นคนที่คิดและทำเรื่องชั่วช้าพวกนั้น”
ส่งเสียงตวาดดังลั่น
“ฝ่าบาท โยว่ฉิงไม่มีเจตนา ฝ่าบาทโปรดเมตตา โยว่ฉิงไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องชั่วช้าเพียงนั้น”
หยางเจิ้งยิ้มมุมปาก
“ไม่คิดก็ดีแล้วหากเจ้าคิด ไม่เพียงตำแหน่งฮองเฮาที่จะเสียไปแต่ชีวิตเจ้าก็คงไม่อาจรักษาไว้ได้”
“ฝ่าบาททททท”
"ที่ข้า ไม่รื้อฟื้นเรื่องที่ผ่านมาเพราะคิดว่า บางที่คนผิดอาจมีสำนึกบ้างแต่หากยังทำตัวเหมือนเดิมเกรงว่าคงจะไม่ใช่แค่สั่งสอนแต่จะต้องเอาจริงดูสักที"
ทรุดกายลงกอดขาหยางเจิ้งไว้ แต่หยางเจิ้งกลับเตะขาก้าวเดินจากไป
โยว่ฉิงกำมือจิกเล็บลงไปบนเนื้อจนรู้สึกเจ็บ
อินเฉิงเป่า
“คนของเราพร้อมหรือไม่”
ชิงกวานเอ่ยปากถามหยวนกังและป้อคุน
“ตอนนี้คนของเราพร้อมอย่างที่สุดต่างก็รอเวลานี้มานานแสนนาน หวังว่า จะสามารถทวงบัลลังก์คืนมาจากอินฉางได้ในเร็ววัน”
หยวนกังพูดขึ้น ด้วยใบหน้าแสดงความมั่นใจอย่างที่สุด
“อินเฉิงหายไปคงต้องรอให้เขากลับมาก่อน ข้าคาดว่าเมื่อเขากับหยงเจิ้งเข้าใจกัน แต่ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้คือส่งคนสอดแนมตามประกบคนของแคว้นใต้ที่ออกตามหาองค์หญิงหยงเจิ้งเพราะจะได้ช่วยเหลือและอารักขา อินเฉิงได้ทันเวลา”
“นายท่าน เกรงว่าคุณชายอินเฉิงทำแบบนี้ยิ่งจะบาดหมางกับ แคว้นใต้”
“ข้าตั้งใจเข้าพบฟงหยางเจิ้งฮ่องเต้ เพื่อบอกเล่าความจริงใจในครั้งนี้ อินเฉิงแม้จะเป็นฮ่องเต้ที่ไร้บัลลังก์ในตอนนี้ แต่หาใช่จะไร้ตลอดไป และมังกรอย่างไรก็ยังคงเป็นมังกร เชื่อว่าฟงหยางเจิ้งจะต้องเข้าใจในข้อนี้ดี”
ป้อคุนถอนหายใจ
“ข้าผิดเองที่บอกกับคุณชายอินเฉิงว่าลูกในท้องขององค์หญิงหยงเจิ้งเป็นของคุณชาย”
ชิงกวานกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ทั้งเสียดายและเสียใจ แต่ก็ฝืนยิ้มให้หยวนกังและป้อคุนเห็น
“ดีแล้ว บางทีของบางอย่างเราก็ไม่ควรจะเสียมันไป อู่อินเฉิงทำถูกแล้วในเมื่อรู้ว่าหยงเจิ้งกำลังจะหลุดมือไป”
หยวนกังก้มหน้าส่งสาร ชิงกวานอย่างยิ่ง
ป้อคุนจากไป
“นายท่าน คิดดีแล้วหรือ”
หยวนกังถามเสียงอ้อมแอ้ม
“ดีแล้ว บางทีข้าก็อยากจะเห็นรอยยิ้มของเสี่ยวเจิ้งอีกครั้ง แต่คงเป็นรอยยิ้มที่มีไว้สำหรับคนอื่นในคราวที่นางเป็นองค์หญิงหยงเจิ้ง สำหรับข้าขอจดจำแค่เพียงรอยยิ้มสดใสของเสี่ยวเจิ้งเพียงเท่านั้น”หยวนกังถอนหายใจ
ริมลำธาร
“ข้าลงไปจับปลา มาย่างให้เจ้าแล้ว กินเสียหน่อยอาหารของหญิงที่คลอดลูกใหม่ความจริงต้องดีกว่านี้”
หยงเจิ้งรับเอาปลาย่างมาวางไว้ตรงหน้า องค์ชายน้อยเพิ่งจะเสวยนมเสร็จหลับตาปุ๋ยไม่โยเย
อู่อินเฉิง ยกตัวปลาขึ้นมาแกะเอาเนื้อปลาวางลงบนใบไม้ใบใหญ่ให้กับหยงเจิ้ง
“ฝ่าบาทไม่กินหรือไรเอามาให้หยงเจิ้งเสียหมดฝ่าบาทไม่หิวหรือ”
อู่อินเฉิงลอบกลืนน้ำลายด้วยเนื้อปลาย่างที่เหลืองหอม
“ข้าพาเจ้ามาลำบากทั้งๆ ที่อยู่ในวังหลวงแสนสบาย เจ้าคงจะโกรธจะเกลียดข้าไม่น้อย”
วางเนื้อปลาลงบนใบไม้ หยงเจิ้งหยิบเนื้อปลาใส่ปากหิวแสนหิวเพราะสายมากแล้วอีกทั้งยังให้นมองค์ชายน้อย
“หากฝ่าบาท คิดว่าหยงเจิ้งจะโกรธแล้วทำไมถึงทำแบบนี้”
“นั่นเพราะ เพราะข้า…… พูดไปเจ้าก็คงไม่รู้สึกอะไร เพราะข้าหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้”
หยงเจิ้งยกมือขึ้นลูบที่แผลน่าเกลียดที่ตาข้างซ้าย
อู่อินเฉิงจับมือไว้ แน่นไม่ยอมปล่อย
“เราสองคน จะเลิกบาดหมางกันได้ไหม”น้ำเสียงอ่อนโยนจริงจัง
หยงเจิ้ง ดึงมือบางออกจากดวงตาที่บอดสนิท เบือนหน้าหนีจะไม่ให้บาดหมางได้อย่างไรในเมื่อความทรงจำที่หยงเจิ้งมี มีเพียงที่ถูกอู่อินเฉิงข่มเหงใบหน้าของอู่อินเฉิงมีสีหน้าผิดหวังและเศร้าสร้อยอย่างที่สุด เมื่อเห็นว่าหยงเจิ้งไม่ยอมยกโทษให้ ได้แต่ยิ้มหยันให้ตัวเอง เป็นธรรมดาทำกับนางไว้มากเช่นไรจึงจะยอมอภัยง่ายดาย“ไม่เป็นไร จะสิบปีหรือร้อยปีข้ารอได้เสมอ รอว่าสักวันเจ้าจะอภัยให้กับข้า”หยงเจิ้งกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นอินเฉิงเป่าตอนนี้ถูก คนของอินฉางล้อมไว้แม้จะไม่เแสดงตัวว่าเป็นทหารแต่คนทั้งหมดคือทหารฝีมือดีของแปดกองธงที่ถูกคัดมาเพื่อบุกอินเฉิงเป่า ในแคว้นใต้ให้ราบคาบ“นายท่านไม่ทันการณ์แล้วคนของอินฉางหาพวกเราเจอตอนนี้ล้อมอินเฉิงเป่าไว้แล้ว”หยวนกัง วิ่งเข้ามาประสานมือ“ป้อคุนเล่า”“ป้อคุน ไปแจ้งข่าวกับชือหรูให้นางหนีไปเสีย”หยวนกังเองก็รีบมาแจ้งข่าวกับชิงกวานอ๋อง“นายท่านเราคงต้องหนีไปสมทบที่ที่มั่นของเราที่นั่นคนของเรายังพอคุมกันนาท่านได้”ชิงกวานพยักหน้าขึ้นลง“อันตรายยิ่งแล้วพวกมันคงไม่มีทางมาจับตัวพวกเราเพื่อนำตัวกลับแคว้นเหว่ยแน่ ที่มาครั้งนี้เพื่อจะสังหารพวกเราทั้งหมด หยวนกังแจ้งข่าวกับป้อค
ซือหรูทรุดกายลงกับพื้น ทั้งดีใจและเสียใจ เสียใจที่อินเฉิงเป่าถูกเผาวอดวายผ้าที่เก็บไว้บนชั้นเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีแม้จะอยากดับไฟก็คงไม่ทัน ดีใจที่รักษาชีวิตของตนและทุกคนไว้ได้ลี่อี้เล่อ ชิงกวานอ๋องต่างเผลอยิ้มที่อย่างน้อยจงหลินก็ยังมาทันเวลาหยวนกังกันซือหรูไว้ให้หลบไปเสียอีกทาง องครักษ์จากแคว้นใต้กรูกันเข้ามา ต่อกรกับคนจากแคว้นเหว่ย ที่ต่างสู้ไปถอยไปจนในที่สุดก็ ต่างหนีเอาชีวิตรอด ลี่อี้เล่อประสานมือตรงหน้าชิงกวานอ๋อง“ลี่อี้เล่อองค์ชายสาม คารวะท่านอ๋องชิงกวาน”“องค์ชายเกรงใจไปแล้ว ข้าชิงกวานแค่เพียงนายท่านของอินเฉิงเป่า หาได้มีตำแหน่งอ๋องเพราะตอนนี้ถูกตามล่าตัวจากแคว้นเหว่ยเมืองเกิด”“ลี่อี้เล่อเพิ่งจะได้เห็นฝีมือของท่านอ๋องในวันนี้ทั้งกล้าแกร่ง และเกรียงไกรลี่อี้เล่อนับถือยิ่งนัก”“องค์ชายสามลี่อี้เล่อเองก็ ห้าวหาญยิ่งนัก”“ท่านอ๋องลี่อี้เล่อนับถือยิ่งนักจึงอยากจะชวนท่านอ๋อง เข้าไปเป็นแขกของแคว้นฉี”“ชิงกวานขอบใจองค์ชาย แต่หากไม่เป็นการรบกวนชิงกวานขอแค่เพียงองค์ชายให้ชิงกวานเข้าไปในวังหลวงแคว้นใต้เพื่อถวายพระพร ฝ่าบาทหยางเจิ้งสักครั้ง”ลี่อี้เล่อขมวดคิ้วแน่น“คงไม่ เป็นการเข้าไปในวั
อินเฉิงเป่าบัดนี้ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้วอดวาย อินเฉิงถอนหายใจยาว“ป้อคุน คงต้องเร้นกายไปสมทบกับกองกำลังของเราที่นั่นท่านอาคงรออยู่” ป้อคุนประสานมือ“คุณชายจากนี้ไปอีกไกล ก่อนจะผ่านเข้าชายแดนแคว้นเหว่ยได้อันตรายยิ่งนัก”“เข้าใจแล้ว ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ดังพ่อค้า แบกสัมภาระเสียหน่อย ควบม้าเช่นนี้เกรงว่าจะต้องถูกจับได้”อาภรณ์สีทึบถูกผลัดเปลี่ยน อู่อินเฉิงลูบหัวม้าเบาๆ ผูกไว้ในคอกด้านหลังอินเฉิงเป่า“เจ้ารอข้าที่นี่เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยข้าจะกลับมารับเจ้า ป้อคุนให้ท่านลุงเฉามาช่วยป้อนหญ้าให้ม้าในคอกเช่นเดิม นี่คือเงินจำนวนไม่มากที่ข้ามีติดตัวนำมันไปมอบให้กับท่านลงเฉาเสียข้าสัญญาจะ จัดการทุกอย่างในเร็ววันมิใช่เพื่อตัวข้าเอง แต่เพื่อลูกของข้า และยังม้าของข้าด้วย”อยากจะพูดว่าเมียของข้าหากแต่ท่าทีเฉยชาของหยงเจิ้ง ทำให้อินเฉิงไม่กล้ากล่าวคำนั้นป้อคุนรับถุงเงิน ก้าวไปทางด้านหลังอินเฉิงเป่าที่เป็นที่ พำนักของลุงเฉาไม่นานป้อคุนก็กลับมา“ไปเถิดช้าไปอาจไม่ทันการณ์” แบกหลัวขึ้นบนบ่ามีทั้งห่อชาและเครื่องเทศบนนั้น ก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกันวังหลวงแคว้นใต้“อู่ชิงกวาน ถวายพระพรฝ่าบาท”ชิงกวานอ๋องพร้อมด
ป้อคุนยิ้มรู้ดีว่าสิ่งใดที่อินเฉิงกล่าวไว้เขามักใช้สิ่งนี้ในผลักดันความหาญกล้าในจิตใจให้โหมกระพือความกล้ารับหยกเนื้อดีไปวางตรงหน้านายด่าน ที่รีบตระคลุบเอาหยกไว้ในมือ“หืมมม อย่างนี้ค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย ปล่อยสองคนนั่นไปเสีย”หยิบหยกขึ้นมาพิจารณาด้วยสายตาปนไปด้วยความโลภ ไม่สนใจจะมองอินเฉิงกับป้อคุนว่ากำลังไปแล้ว“พ่อค้า ธรรมดาทำไมถึงมีหยกเนื้อดีอีกทั้งลวดลายงดงามดั่งของชิ้นพิเศษเพียงนี้เจ้าโง่ทั้งสองนั่น หารู้ไม่ว่าของสิ่งนี้มีค่ามากมายเพียงใดฮ่าาาาา”อินเฉิงกับป้อคุนรีบสาวเท้า อย่างเร่งรีบแต่หาได้เดินตามทางเดินไม่กลับเร้นกายไปยังป่ารกเรื้อ เพื่ออยากแก่การติดตามตัว เบื้องหน้านั้นเองกลางหุบเขาที่แวดล้อมด้วยอันตรายค่ายกองกำลังที่มีอินเฉิงเป่าคอยส่งเสบียงข้าวปลาอาหารและของใช้จำเป็นเร้นกายอยู่ภายใต้หุบเขาที่ไม่มีใครกล้าผ่านเข้ามา“ฝ่าบาท พวกเราฝ่าบาท ทรงเสด็จมาแล้วพวกเรา”“เฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ” เสียงโห่ร้องด้วยความฮึกเหิมป้อคุนยิ้มปลดเสื้อคลุมสีทึมออกจากร่างสูงของอู่อินเฉิง สวมทับเข้าไปใหม่ด้วยเสื้อคลุมมังกรของอินเฉิงเป่าที่ตัดเย็บอย่างปรานีตด้วยฝีมือของซือหรู“ข้าน้อย ป้อตี้และพวกเราทั้งหมดรอเ
ตำหนักเงาจันทร์ของหยงเจิ้ง“ลี่อี้เล่อทูลลา หวังว่าหากมีวาสนาคงได้พบกันอีก” ลี่อี้เล่อยืนยิ้มไม่ไกลจากแท่นนั่งของหยงเจิ้ง“องค์ชายแคว้นใต้ ไม่มีสิ่งใดจูงใจหรือไรจึงรีบเร่งเดินทางกลับเพียงนั้น”ลี่อี้เล่อเหลือบตามองจงหลินที่ก้มหน้านิ่ง ภายในใจรู้สึกใจหายไม่น้อย“ที่นี่มีหลายอย่างที่ลี่อี้เล่อหาไม่ได้จากที่อื่น แต่บางทีก็ต้องรอสวรรค์เมตตา”“เอะอะก็สวรรค์ คิดหรือว่าไม่ทำแล้วจะได้มันมา”จงหลินบ่นพึมพำเบาๆ หยงเจิ้งอมยิ้ม“แคว้นใต้ยินดีต้อนรับเสมอหวังว่าองค์ชายจะกลับมาอีกครั้งในฐานะสหายที่ดีของเราหากมีสิ่งใดที่หยงเจิ้งจะให้หยงเจิ้งรับใช้ในฐานะสหายหยงเจิ้งยินดีไม่น้อย”เหลือบตามอง จงหลินอีกครั้ง“หากจะกลับมาอีกครั้งคงจะพร้อมด้วยขันหมาก”จงหลิน รีบย่อกายเดินออกจากห้องไปในทันที“องค์ชายหมายความว่าอย่างไร” หยงเจิ้งยิ้มบางๆ“ พี่สาวขององค์หญิงคนนั้น คนที่พูดจาตรงไปตรงมาแล้วก็ คนที่กำลังจะออกไปจากห้องตอนนี้ ลี่อี้เล่อขอองค์หญิงโปรดเมตตา พูดกับฝ่าบาทแทนลี่อี้เล่อ สู่ขอนางเป็นไท่จือเฟย” หยงเจิ้งยิ้มปรายตามองจงหลินที่ก้าวเดิน หายวับไปเสียแล้ว“องค์ชายไม่กลัวว่าพี่สาวคนนี้จะพยศจนต้องยอมแพ้หรือ”ลี่อ
วางองค์ชายน้อยที่หลับปุ๋ยในในเปลให้นางกำนัลแกว่งไกว“หมายถึงใคร”หยงเจิ้งถามยิ้มๆ“ไม่มีใครองค์หญิงอย่าใส่ใจ ว่าแต่เรื่องที่เราพูดกันเมื่อวานเรื่องที่ท่านอ่อง มาสู่ขอองค์หญิงให้กับฝ่าบาทอู่อินเฉิงนั่นเล่า”“เปลี่ยนเรื่องง่ายดายเพียงนี้แสดงว่าเรื่องที่ ไม่อยากให้ข้ารู้”“ไม่เอาน่า องค์หญิงท่านจะต้องตอบข้ามาก่อนว่า ท่านกับฝ่าบาทอู่อินเฉิงแท้จริงแล้วรู้สึกเช่นไรต่อกัน”หยงเจิ้งยิ้มบางๆ“ข้า กำลังคิดว่า ข้าจะอภัยให้เขาได้หรือ ในเมื่อสิ่งที่เขาทำกับข้าในตอนนั้นทำให้ข้ารู้สึกว่า เขาทำไปเพื่อรังแกข้า มาถึงตอนนี้ขอให้ข้าอภัยเพื่อสิ่งใดกันข้าเองยังไม่กระจ่าง ข้าอภัยแล้วเช่นไร คนอื่นที่มองดูอาจคิดว่าข้าจะโกรธเขาทำไมกัน แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าว่าอภัยหรือไม่อภัยให้เขามันต่างกันเช่นไรเหมือนกัน ในเมื่อเขากับข้าล้วนต่างมีวิถีของตัวเองแม้จะมีองค์ชายน้อยแต่เราก็ยังเป็นคนอื่นอยู่ดีเพราะเขาไม่ได้รักข้าและข้าก็ไม่ได้..รู้สึกอะไรกับเขานอกจากคำว่าสงสาร”“องค์หญิงดีแค่ไหนแล้วได้สงสาร ดีแค่ไหนแล้วยังเหลือความสงสาร ฝ่าบาทอินเฉิงไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่เข้ามาผิดเวลา หากเป็นยามปกติบางทีองค์หญิงกับฝ่าบาทอินเฉิง
“ข้าหากจะต้องตายเพราะการณ์นี้ ก็คงจะต้องยอมเพราะเลือกข้างผิดเดิม อู่อินเฉิงไม่จะไม่เคยใส่ใจ กองทัพแต่ทว่าชิงกวานอ๋องกับผูกใจ เหล่าทหารกล้าบทเรียนครั้งนี้ ไม่อาจแก้ไขแม้ตอนนี้จะมีที่มั่นและกำลังคนแต่หากชิงกวานอ๋อง เอ่ยปากไม่แน่ว่าเหล่าทาหรพวกนี้จะย้ายข้างหรือไม่”“ข้าน้อยได้ยินมาว่า ชิงกวานอ๋องในครั้งนี้ไม่ได้ มาด้วยมีเพียงอู่อินเฉิงเท่านั้น”ปาถั่วขมวดคิ้ว“บางทีนี่อาจเป็นแผนการตลบหลังไม่อาจวางใจ”ถอนหายใจยาวตำหนักชิงหนิงกง“ฮองเฮาอู่อินเฉิงยกทัพกลับมาที่วังหลวง คงจะถึงวังหลวงในอีกไม่ช้า”หมิงเยว่ ลุกขึ้นจากแท่นนอนสีหน้าแสดงความดีใจ“เขากลับมาแล้วเขาไม่ได้ทอดทิ้งข้าเขายังรักข้าอย่างน้อยก็กลับมาทวงบัลลังก์และคงจะมารับข้าเป็นฮองเฮาของเขาเหมือนเคย”ตงฟางหัวถอนหายใจ หมิงเยว่หลายเดือนที่ผ่านมา สติหลุดลอย พูดจาเลื่อนเปื้อนติดอยู่ในความเพ้อฝันเสียมากกว่าความจริง“ฮองเฮา ไม่แน่ว่าอู่อินเฉิงจะกลับมาหาฮองเฮา”“เขาต้องมาในเมื่อในใจเขามีข้าเพียงคนเดียว เขาทำทุกอย่างเพื่อข้า ข้ารู้แล้วข้าเองก็จะทำทุกอย่างเพื่อเขาเช่นกันเขาจะได้ไม่ต้องลำบากทวงคืนบัลลังก์”ดวงตาเป็นประกายสดใสตงฟางหัวถอนหายใจ“ฮองเฮา
ทัพของอู่อินเฉิง ดาหน้าที่ประตูวังหลวงแคว้นเหว่ย พลธนูเหนี่ยวคันธนูสุดแรงรอเพียงคำสั่งให้ยิงอยู่บนป้อมปราการสูงบนประตูวังทั้งสี่ด้าน“ยิง”ป้อคุนทะยานเข้ามาขวางอู่อินเฉิงที่ตกเป็นเป้าของธนูใช้กระบี่ในมือกวัดแกว่งคุ้มภัย อู่อินเฉิงเองก็กำกระบี่ในมือกวัดแกว่งปัดป้อง เหล่าทหารโห่ร้องหาได้สะทกสะท้านต่อความเจ็บความตายตรงหน้า“บุกเข้าไปในวังหลวงจับตัวอู่อินฉางมาคุกเข่าตรงหน้าฝ่าบาท”ป้อตี้ออกคำสั่ง ดังลั่น หทารกล้าทั้งหลายต่างพุ่งตัวเข้าไปยังประตูวัง ออกแรงดันประตู ให้เปิดอ้าออกเพื่อให้กองทัพเข้าไปภายในห่างจากวังหลวงสิบลี้“ท่านอ๋องเปลวไฟ ลุกไหม้อยู่ที่วังหลวงเกรงว่าตอนนี้ทัพของฝ่าบาทคงถึงที่นั่นแล้ว”หยวนกังเอ่ยปากด้วยสีหน้ากังวล“เร่งเดินทางอารักขาฝ่าบาท ข้าไม่อาจวางใจอู่อินฉางหาใช่ผู้ที่ซื่อตรงไม่จะต้องซ่อนกลโกงไว้รอฝ่าบาทเป็นแน่”ชิงกวานอ๋องควบม้าเร็วรี่ยังกลุ่มควันที่ลอยวนบนท้องฟ้าอินฉางนั่ ไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์มังกรในท้องพระโรง ในมือมีจอกสุรารสเลิศ ข้างกายเป็นหมิงเยว่ ที่นั่งก้มหน้ามองมือตัวเอง กับปาถั่วที่กุมกระบี่ข้างเอวไว้แน่นเสียงโห่ร้องใกล้เข้ามา อินเฉิงก้าวขายาวๆยังหน้าบัลลั
"แต่ฝ่าบาทหมดหนทางแล้วท่านอ๋องจะต้องไม่เป็นอะไรหยวนกังก็จะพาท่านอ่องหนีออกมาเช่นกันตามที่ตกลงกันไว้ตอนนี้แค่เพียงช่วยให้ฝ่าบาทหนีออกมาก่อน ท่านอ๋องขวางพวกมันไว้เพื่อให้ฝ่าบาทหนีอกมาฝ่าบาทอย่าทำให้ความตั้งใจของท่านอ๋องเสียเปล่า""แต่ท่านอาบาดเจ็บไม่น้อยข้าจะไปช่วยท่านอา เจ้าขลาดเขลาเพียงนั้นเชียวหรือป้อคุน"ป้อคุนทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น"ฝ่าบาท หนีก่อนก่อนเถอะขอรับ ความปลอดภัยของฝ่าบาทสำคัญที่สุดท่านอ๋องทรงเข้าใจข้อนี้ดีจึงพยายามที่จะกันทหารพวกนั้นเพื่อให้ฝ่าบาทหนีไปหากว่าฝ่าบาทยังเป็นว่าสิ่งที่ป้อคุนหยวนกังและท่านอ๋องทำไปทั้งหมดนั้นขลาดเขลาป้อคุนจะขอให้ฝ่าบาททรงสังหารป้อคุนเสียไม่เช่นนั้นป้อคุนก็ไม่อาจปล่อยให้ฝ่าบาท กลับไปที่ด่านปงเปียง"อู่อินเฉิงทรุดกายลงปล่อยกระบี่ลงข้างกาย"ข้าไม่อาจปล่อยท่านอาไว้ที่นั่นป้อคุนเข้าใจไหมท่านอาเป้นเหมือนบิดาเป็นเป็นพี่น้องและเป็นเหมือนคนที่หวังดีกับข้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้""ฝ่าบาท ท่านอ๋องจะดีใจหากทว่าฝ่าบาทปลอดภัยและด้วยความภักดีของหยวนกังจะไม่มีทางให้ท่านอ๋องต้องตาย"อู่อินเฉิงพยักหน้า"กันเถอะไปรอที่ด่านชายแดนแคว้นใต้"สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ท่านอาเราทั้งหมดลงเรือลำเดียวกันแล้วข้าไม่อาจดูดายปล่อยให้ท่านอาและพวกเขาต้องเผชิญศึกเพียงลำพัง เช่นนั้นจึงขอยืนยันคำเดิมว่าจะอยู่ที่นี่แต่สัญญาว่าหากเราทั้งหมดไม่อาจต้านทัพของอิงฉางได้ข้าจะเร้นกายไปยังที่ปลอดภัยพร้อมกันนั้นท่านอาเองก็สำคัญไม่น้อยการกอบกู้บัลลังก์ของเฉิงอู่ต้องกาศัยท่านอา เช่นนั้นหากเราทั้งหมดไม่อาจต่อกรก็ควรจะหนีไปเสียแต่ในตอนนี้ก็ต้องลองยืนหยัดให้ถึงที่สุดก่อน”ชิงกวานอ๋องถอนหายใจปฏิเสธไม่ได้ว่าที่อินเฉิงพูดมาทุกอย่างล้วนสำคัญเขาเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมารู้ดีว่าด่านปงเปียงมีกำลังเพียงหยิบมือไม่อาจต่อกรกับทหารของอินฉางฮ่องเต้ได้แม้จะมีฝีมือดีแค่ไหนก้ไม่อาจต่อกรกับทหารจำนวนมากราวกับมดปลวกได้“ฝ่าบาทอย่าลืมคำมั่นนี้หากว่าไม่อาจต่อกรฝ่าบาทจะต้องหนีไปเสียอย่าได้ห่วงใครไม่ว่าจะใครหรือแม้กระทั่งชิงกวานอ๋อง”อู่อิงเฉิงยิ้มน้อยๆ“อิงเฉิงสัญญาจะไม่ทำให้ท่านอาจต้องเป้นกังวล“ดี เช่นนั้นร่วมรบเคียงข้างสร้างขวัญกำลังใจ ป้อคุนหยวนกังอารักขาฝ่าบาทจนถึงที่สุดหากไม่ไหวสิ่งเดียวที่ต้องทำแบบไม่ต้องคิดคือพาฝ่าบาทเร้นกายไปเสียแล้วพบกันที่จุดนัดพบข้ามผ่านด่านชายแดนแคว้นใต้”สี่แรงร่วมใจฟ
“เช่นนั้นหยงเจิ้งกลับไปที่นั่น เสด็จพ่อกับฮองเฮาตั้งใจออกผนวช จึงขาดคนคอยดูแล”“จะดีไหมหากให้ป้อคุนไปคอยดูที่นั่น พร้อมกับหยวนกัง”“ข้าตั้งใจประทานงานแต่งงานให้กับป้อคุนและซือหรูเสียเพราะสองคนรอเวลานี้มานาน”หยงเจิ้งพูดยิ้มๆ“ดีเลย เช่นนั้นส่งข่าวให้เจียเกอช่วยดูแลพวกเขา ระหว่างนี้คนทั้งหมดภักดียิ่งนักไม่มีสิ่งใดให้หนักใจ ฝ่าบาทหยงเจิ้งจึงจะออกผนวชได้อย่างหมดห่วงเสียที”“ที่นี่คงเงียบเหงาหากไม่มีป้อคุนหยวนกังและซือหรู”“ชิงกวานน้อย ขอตามไปที่วังหลวงแคว้นใต้กับท่านอาทั้งสอง ข้าเองก็ไม่อาจขัดเพราะหยวนกังกับป้อคุนดูแลชิงกวานน้อยอีกทั้งยังฝึกปรือวรยุทธ์ให้จนเชี่ยวชาญ”“คงจะต้องคิดถึงทุกคน”อินเฉิงกอดรวบร่างอุ้ยอ้ายไว้ในอ้อมแขน“มีข้าอยู่เจ้าจะไม่ต้องเหงา”“ฝ่าบาทเอาแต่ใจใครกันจะลืมได้ เมื่อคราวอยู่ที่ตำหนักฤดูหนาวก็เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”“เช่นนั้นอย่างไรเล่าเจ้าจึงตั้งครรภ์ข้าจึงไม่ต้องรอนาน หากไม่ไปที่ตำหนักฤดูหนาวรำลึกความหลังกันเจ้าจะตั้งครรภ์หรือไร ข้าเองตามใจชิงกวานน้อยที่อยากจะมีน้อง”หยงเจิ้งยิ้มเขินอาย ใบหน้าแดงระเรื่อ อู่อินเฉิงกอดไว้แน่น“ข้ารักเจ้ามีเจ้าคนเดียวตลอดไปข้าสัญญาและจะไม
อินเฉิงลุกขึ้นพิงแท่นบรรทมเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างมองเห็นชัดเจนแจ่มใส ทั้งสองตารอยยิ้มเป็นสุข ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหยงเจิ้งที่หลับใหลไปกับอ้อมกอดของเขา ความสุขที่มาถึงยามที่ผ่านความทุกข์ระทม จึงนับว่าเป็นความสุขที่แท้จริงสายลมพัดผ่าน ชิงกวานอ๋องวิ่งหลบซุกตัวยังโขดหิน หยวนกังเกาหัวแกรกๆ ป้อคุนวิ่งตาม หันหน้าหันหลังไม่พบ อ๋องน้อยว่าแอบหลบอยู่ตรงไหนหยวนกังส่ายหน้าไปมา ลูบเคราวยาว“เราสองคนคงจะแก่ไปแล้วจึงไม่อาจหาท่านอ๋องน้อยพบ”“เชิญท่านเพียงลำพังเลยหยวนกัง ข้ายังไม่อยากจะแก่ท่านอ๋องน้อยวิ่งหลบรวดเร็วเหมือนชิงกวานอ๋องที่พลิกพลิ้วยิ่งกว่าใคร อีกหน่อยหากฝึกปรือวิชากระบี่คงหาตัวจับยาก”หยวนกังอมยิ้ม“ข้า ได้ยินว่าท่านอ๋องน้อยทรงขออนุญาตฝ่าบาทฝึกวิชากระบี่ เราสองคนคงต้องลับคมกันหน่อยเพื่อรอวันถวายการฝึกสอน”“ฮ่าาา เหมือนจริงๆ ช่างเหมือนท่านอ๋องชิงกวานเสียจริง มุ่งมั่นยิ่งนัก เราสองคนคงต้อง ทุ่มเทฝึกสอนกันให้มากหน่อย”ป้อคุนเอ่ยขึ้นดังๆ“หยวนกัง…ป้อคุน…..”ชิงกวานน้อยวิ่งออกจากที่ซ่อน กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของหยวนกัง“ฮ่าาาาท่านอ๋องในที่สุดก็ยอมออกมา”ป้อคุนอมยิ้ม“ก็ข้าได้ยินว่า ท่านอาทั้ง
ดวงตาพร่ามัวกลอกกลิ้งไปมาทั้งซ้ายและขวา เสียงอ้อแอ้ขององค์ชายน้อยดังแว่วมา แต่ไกล“ชิงกวานน้อยของแม่ เจ้าจะรีบตื่นแต่เช้าทำไมกันเสด็จพ่อยังคงหลับใหล”เสียงหวานของหยงเจิ้งทำเอาอินเฉิงยิ้มกว้างยกมือขึ้นคลำที่ดวงตาทั้งสองข้างสูดลมหายใจลึกๆ“เสี่ยวเจิ้ง”หยงเจิ้งขยับกายหันมา มองร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาลืมตาอยู่บนแท่นบรรทม รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นที่ใบหน้างาม“ฝ่าบาท ท่านฟื้นแล้ว”ดวงตาซ้ายขวากลอกกลิ้งไปมา มองเห็นใบหน้างามเด่นชัด“ข้านอนไปนานแค่ไหน เสี่ยวเจิ้งกับองค์ชายน้อยถึงได้มาอยู่ข้างกายข้าได้”“องค์ชายน้อยชิงกวาน”อุ้มร่างเล็กที่ส่งเสียงอ้อแอ้ปลุกยามเช้ามาใกล้ๆ อินเฉิงรับเอาร่างเล็กจิ๋วไว้ในอ้อมแขน“ชิงกวาน ชื่อนี้เหมาะกับเจ้าเสียจริง เจ้า เป็นคนที่ทำให้ พ่อกับแม่ได้มีวันนี้วันที่เราพร้อมหน้า”หยงเจิ้งปาดน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตา อินเฉิงดึงมือหยงเจิ้งให้นั่งลงข้างๆ เขาจูบซับน้ำตาให้เบาๆ“ท่านอาไม่อยากเห็นน้ำตาเจ้าหยงเจิ้งของข้า ดวงตานี้ของท่านอาอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า มิใช่หยาดน้ำตา”หยงเจิ้งยิ้มทั้งน้ำตา“มีวันนี้ได้เพราะท่านอ๋อง ข้าหยงเจิ้งเช่นไรจะกล้าขัดคำสั่ง”ยิ้มกว้างสดใส อินเฉิงกอดรวบร่าง
“ข้า อัปลักษณ์เพียงนี้ เป็นท่านอาที่จะต้องดูแลหยงเจิ้งต่อไป เป็นท่านอาอินเฉิงจึงวางใจ”หมอหลวงวิ่งถือหลวมยาเข้ามา อินเฉิง ขยับกายให้หมอหลวงตรวจดูอาการของ ชิงกวานอ๋อง“ฝ่าบาท ชิงกวานอ๋องไร้ความสามารถไม่อาจดูแลนาง ฝ่าบาทจึงคู่ควรที่สุด”หมอหลวงลุกขึ้นยืนประสานมือตรงหน้าอินเฉิงพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอินเฉิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา หยวนกังเบือนหน้าหนีปาดน้ำตาที่ไหลริน“ท่านอา เราไปพักที่ตำหนักให้ท่านหมอ จัดเทียบยาดีไหม”น้ำเสียงอ่อนโยน“หยวนกังตามอาจารย์ให้ข้าทีข้าอยากจะพักเสียหน่อย ฝ่าบาทพยุงชิงกวานไปเถิด ให้หยวนกังตามอาจารย์”หยวนกังยิ้มกว้าง เหมือนจะเริ่มมีความหวังว่าอาจารย์กับวิชาแพทย์เถื่อนจะสามารถช่วยชีวิตท่านอ๋องได้“หยวนกังรีบไปแล้วท่านอ๋องอดทนหน่อย”วิ่งออกจากท้องพระโรงกระโดดขึ้นหลังม้าควบออกไปราวกับลูกดอกพุ่งเข้าสู่เป้าอินเฉิงพยุงชิงกวานอ๋องหมอหลวงตรวจดูอาการของป้อคุนอย่างเร่งรีบบนแท่นบรรทม ร่างสูงองอาจนอนเหยียดยาวใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้กลับซีดขาว แต่แววตายังอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้งที่อินเฉิงเคยเห็น เลือดสดๆ ยังไหลซึมออกจากบาดแผล“ท่านอาอดทนหน่อย อาจารย์ปู่กำลังมา”“เพื่อฝ่าบาทต่างหาก
อินฉางดวงตาเหลือกลานเมื่อเห็นว่า หมิงเยว่ล้มลงคว่ำหน้าลงกับพื้นเลือดอาบไปทั่วร่างบาง ตรงเข้าหอบเอาร่างบางที่หายใจรวยริน“ม่ายยยยไม่นะหมิงเยว่ต้องไม่ใช่เจ้าต้องไม่ใช่เจ้าหมิงเยว่ขะขะข้าขอโทษ หมิงเยว่ ข้าไม่ให้เจ้าตายไม่หมิงเยว่ อย่าทำแบบนี้หมิงเยว่”ทว่าร่างโชกเลือดหาได้ขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวไม่ยังคงนิ่งงัน ดวงตาอาบไปด้วยหยาดน้ำตา สิ้นลมหายใจโดยไม่ได้ร่ำลา“หมิงเยว่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”อินฉางอุ้มร่างโชกเลือดไว้ในอ้อมแขนดวงตาแดงก่ำ“อินฉิง ท่านจะต้องรับผิดชอบ ปาถั่วรับบัญชาข้า ฆ่าอู่อินเฉิงกับป้อคุนแล้วสับร่างเป็นชิ้นๆ ”ปาถั่วก้มหน้าประสานมืออินฉางเดินโซเซพาร่างไร้วิญญาณของหมิงเยว่ออกจากท้องพระโรง“ยิง”ปาถั่วสั่งพลธนูทว่ายังไม่ทันได้เหนี่ยวคันธนู พลธนูทั้งหลายต่างล้มลงไปกองกับพื้นองครักษ์หลายนายต่างวิ่งถือกระบี่เข้ามาล้อมชิงกวานอ๋องที่ในมือกำกระบี่ ฟาดฟันสังหารมือยิงธนูจนบาดเจ็บล้มตาย“ฝ่าบาท”พยุง อินเฉิงที่ถูกลูกดอกปักเข้าที่ขาข้างขวา“ท่านอา มาทันเวลาพอดี”“อย่าเพิ่งพูดอะไร ฝ่าบาทจงรีบเปิดประตูให้คนของเรา ชิงกวานจะหันเหความสนใจของคนพวกนี้ ป้อคุนยังไหวหรือไม่”ป้อคุนที่ไม่อาจขยับกาย“ชิงกวา
ทัพของอู่อินเฉิง ดาหน้าที่ประตูวังหลวงแคว้นเหว่ย พลธนูเหนี่ยวคันธนูสุดแรงรอเพียงคำสั่งให้ยิงอยู่บนป้อมปราการสูงบนประตูวังทั้งสี่ด้าน“ยิง”ป้อคุนทะยานเข้ามาขวางอู่อินเฉิงที่ตกเป็นเป้าของธนูใช้กระบี่ในมือกวัดแกว่งคุ้มภัย อู่อินเฉิงเองก็กำกระบี่ในมือกวัดแกว่งปัดป้อง เหล่าทหารโห่ร้องหาได้สะทกสะท้านต่อความเจ็บความตายตรงหน้า“บุกเข้าไปในวังหลวงจับตัวอู่อินฉางมาคุกเข่าตรงหน้าฝ่าบาท”ป้อตี้ออกคำสั่ง ดังลั่น หทารกล้าทั้งหลายต่างพุ่งตัวเข้าไปยังประตูวัง ออกแรงดันประตู ให้เปิดอ้าออกเพื่อให้กองทัพเข้าไปภายในห่างจากวังหลวงสิบลี้“ท่านอ๋องเปลวไฟ ลุกไหม้อยู่ที่วังหลวงเกรงว่าตอนนี้ทัพของฝ่าบาทคงถึงที่นั่นแล้ว”หยวนกังเอ่ยปากด้วยสีหน้ากังวล“เร่งเดินทางอารักขาฝ่าบาท ข้าไม่อาจวางใจอู่อินฉางหาใช่ผู้ที่ซื่อตรงไม่จะต้องซ่อนกลโกงไว้รอฝ่าบาทเป็นแน่”ชิงกวานอ๋องควบม้าเร็วรี่ยังกลุ่มควันที่ลอยวนบนท้องฟ้าอินฉางนั่ ไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์มังกรในท้องพระโรง ในมือมีจอกสุรารสเลิศ ข้างกายเป็นหมิงเยว่ ที่นั่งก้มหน้ามองมือตัวเอง กับปาถั่วที่กุมกระบี่ข้างเอวไว้แน่นเสียงโห่ร้องใกล้เข้ามา อินเฉิงก้าวขายาวๆยังหน้าบัลลั
“ข้าหากจะต้องตายเพราะการณ์นี้ ก็คงจะต้องยอมเพราะเลือกข้างผิดเดิม อู่อินเฉิงไม่จะไม่เคยใส่ใจ กองทัพแต่ทว่าชิงกวานอ๋องกับผูกใจ เหล่าทหารกล้าบทเรียนครั้งนี้ ไม่อาจแก้ไขแม้ตอนนี้จะมีที่มั่นและกำลังคนแต่หากชิงกวานอ๋อง เอ่ยปากไม่แน่ว่าเหล่าทาหรพวกนี้จะย้ายข้างหรือไม่”“ข้าน้อยได้ยินมาว่า ชิงกวานอ๋องในครั้งนี้ไม่ได้ มาด้วยมีเพียงอู่อินเฉิงเท่านั้น”ปาถั่วขมวดคิ้ว“บางทีนี่อาจเป็นแผนการตลบหลังไม่อาจวางใจ”ถอนหายใจยาวตำหนักชิงหนิงกง“ฮองเฮาอู่อินเฉิงยกทัพกลับมาที่วังหลวง คงจะถึงวังหลวงในอีกไม่ช้า”หมิงเยว่ ลุกขึ้นจากแท่นนอนสีหน้าแสดงความดีใจ“เขากลับมาแล้วเขาไม่ได้ทอดทิ้งข้าเขายังรักข้าอย่างน้อยก็กลับมาทวงบัลลังก์และคงจะมารับข้าเป็นฮองเฮาของเขาเหมือนเคย”ตงฟางหัวถอนหายใจ หมิงเยว่หลายเดือนที่ผ่านมา สติหลุดลอย พูดจาเลื่อนเปื้อนติดอยู่ในความเพ้อฝันเสียมากกว่าความจริง“ฮองเฮา ไม่แน่ว่าอู่อินเฉิงจะกลับมาหาฮองเฮา”“เขาต้องมาในเมื่อในใจเขามีข้าเพียงคนเดียว เขาทำทุกอย่างเพื่อข้า ข้ารู้แล้วข้าเองก็จะทำทุกอย่างเพื่อเขาเช่นกันเขาจะได้ไม่ต้องลำบากทวงคืนบัลลังก์”ดวงตาเป็นประกายสดใสตงฟางหัวถอนหายใจ“ฮองเฮา