“ท่านองครักษ์ป้อคุนรีบหนีไปเถิด ตอนนี้ชินอ๋องโค่นบัลลังก์เสียแล้ว”
“ฝ่าบาทเล่าเป็นอย่างไรบ้าง”
คนแรกที่คิดถึงคืออู่อินเฉิง
“ ฝ่าบาทตอนนี้ ถูกท่านอ๋องช่วยไว้ ข้าได้ข่าวว่าชินอ๋องส่งคนคุมตัวท่านกับพระสนมหากขัดขืนฆ่าได้ทันที”
ป้อคุนถอนหายใจแต่ทว่า สีหน้ายังเป็นกังวลไม่น้อย
“เจ้าเองก็หนีไปเสียอาจหนีไปสมทบกับท่านอ๋อง อารักขาฝ่าบาทส่วนข้า จะอารักขาพระสนมฟังข่าวคราวฝ่าบาทไม่แน่เราอาจพบกันในไม่ช้าตอนนี้แยกกันหนีจึงปลอดภัย”
คนที่ภักดีต่ออู่อินเฉิงมีไม่น้อย องครักษ์ผู้นั้นเดิมเคยอยู่ภายใต้การสั่งการของป้อคุน
ป้อคุนเตรียมม้าและอาวุธ ก่อนจะรีบสาวเท้ายาวๆไปยังห้องครัวของตำหนักฤดูหนาว เสี่ยวเจิ้งเงยหน้าจากหม้อดินที่กำลังหุงข้าว
“หนี พระสนมเราสองคนต้องหนีแล้ว”
เสี่ยวเจิ้งขมวดคิ้วส่งภาษามือบอกว่าทำไมต้องหนี
“ตอนนี้ ฝ่าบาทถูกคนชั่วโค่นล้มบัลลังก์แล้ว แล้วคนชั่วเหล่านั้นยังสั่งให้คนของเขาจับตัวพระสนม”
เสี่ยวเจิ้งเลิกคิ้วสูง ยกหม้อข้าวลงมาก่อนจะหยิบเอาหมั่นโถวที่อุ่นไว้ใส่ในห่อผ้าพยักหน้ากับป้อคุนให้นำทาง
ด้านล่างหุบเขาที่เป็นที่ตั้งของตำหนักฤดูหนาว หยวนกังควบม้าเร็วรี่ยังด้านบนเขา ก่อนจะกระตุกบังเหียนม้าให้หลบเข้าในพุ่มไม้ ยืนม้าเงียบกริบเมื่อเสียงฝีเท้าม้านับสิบสวนทางลงจากเขามา ไม่มีเสี่ยวเจิ้งหรือว่าป้อคุน
“กลับ วังหลวง”
เสียงตะเบ็งแข่งกับเสียงฝีเท้าม้า หยวนกังรอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าม้าเงียบลงจึง ควบม้ามุ่งหน้ายังตำหนักฤดูหนาวแม้หวั่นๆว่าทั้งสองอาจโดนสังหาร แต่ก็อยากจะให้เห็นกับตา
กระโดดลงจากหลังม้าเข้าไปภายในตำหนัก เดินวนจนทั่วแต่ไม่พบใครเดินเข้าไปในห้องครัว เหลือบตามองหม้อข้าวก่อนจะยกมืออังหม้อข้าวทำจากดินเผายังอุ่น
หันหน้าหันหลัง ก่อนจะถอนหายใจยาวสาวเท้าไปม้าที่ยืนคอยอยู่
“ขอให้คุณหนูเสี่ยวเจิ้ง และป้อคุนปลอดภัย”
ด่านปงเปียง อู่อินเฉิงลืมตาขึ้นช้าๆดวงตาข้างซ้ายมืดสนิทค่อยๆ ยกมือขึ้นด้วยความยากลำบากกุมที่ดวงตาข้างซ้าย ชิงกวานอ๋องที่ยืนหันหลังให้ หันหลับมามองอู่อินเฉิง
“ม่ายยยยยยยย”
อู่อินเฉิงคว้ากระบี่ของชิงกวานอ๋องข้างแท่นนอน ชิงกวานอ๋องปัดกระบี่ร่วงลงพื้น
“อินเฉิง อย่าได้คิดสั้นแบบนี้”
อินเฉิงหลับตาหยาดน้ำตาไหลริน
“ท่านอา ท่านอา ข้าหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ดวงตาข้ามืดบอดไปเสียข้างหนึ่งไม่ควรจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”
“เหลือดวงตาข้างเดียวไม่ได้ตายเสียหน่อย ตอนนี้ยังหายใจยังมีลมหายใจ”
อู่อินเฉิง ยิ้มหยันให้กับตัวเอง
“มีลมหายใจแต่ไร้ซึ่งความหวัง จะต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว”
“เสี่ยวเจิ้ง เล่า”
ชิงกวานกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นในใจเจ็บลึก
“ท่านอา ..ท่านอารู้ได้อย่างไรเรื่องเสี่ยวเจิ้ง”
ชิงกวานอ๋องยิ้มเศร้าๆ
“บางที่ ในใจเจ้าก็คงมีนางอยู่ใช่ไหม ไม่เช่นนั้นยามที่ไร้สติคงไม่เอ่ยชื่อนางออกมา ข้ารู้เสี่ยวเจิ้งน่านางเอ็นดู ใครเข้าใกล้คงอดที่จะ…รักนางไม่ได้”
“ท่านอา ข้าเป็นห่วงนาง”
ชิงกวานอ๋องยิ้ม
“ข้าให้หยวนกัง ตามไปอารักขานางแล้วหยวนกังกับป้อคุนคงพอจะปกป้องนางได้ด้วยฝีมือไม่ธรรมดาทั้งคู่”
“ท่านอา นางคงเกลียดหลานยิ่งแล้ว”
“ข้ารู้ว่าอินเฉิงมีฤิทธิ์เดชไม่น้อย แต่เสี่ยวเจิ้งเสียอีกที่มีเหตุมีผลมากกว่าอินเฉิงผู้เอาแต่ใจ”
“ท่านอาหลานขอโทษ หลาน…. ทำผิดกับท่านอา หลานทำลาย…. หญิงที่ท่านอาหมายปอง ลักพาตัวนางไปเสียจากท่านอา ซึ่งความจริงแล้วแค่เพียงต้องการ ให้ท่านอา ลืมเลือนนางไปแล้วช่วยงานข้าที่ราชสำนักตามเดิม”
“เรื่องนั้น เป็นข้าเองที่พลาด ไม่ได้ให้ความกระจ่างกับฝ่าบาทแต่แรก ยามคับขันเช่นนี้ ข้าจึงไม่อาจจะโกรธฝ่าบาทได้อีก ข้าก็เพียงแค่หมายปอง แต่อินเฉิงกลับไวกว่า ขอแค่เพียงเจ้าดีกับนางข้าก็พอใจแล้ว แต่หากวันไปอินเฉิงรังแกทอดทิ้งนาง อย่าหาว่าข้าใจร้าย”
อู่อินฉางก้มหน้านิ่ง
“นางอาจรังเกียจหลานที่สูญเสียดวงตา เวลานั้นท่านอาก็คงจะดูแลนางได้ดีกว่าหลาน”
เบือนหน้าหนี ใบหน้าเศร้าหมอง
ผู้คนล้วนพลุกพล่าน เสี่ยวเจิ้งในอาภรณ์สีทึมมีหมวกไม้ไผ่สานใบใหญ่ปิดบังใบหน้า กับป้อคุนที่ซ่อนกระบี่ไว้ในแขนเสื้อก้าวเดินปะปนกับผู้คนในตลาด
“หยุดดดดด”
เสียงตวาดลั่นจากด้านหลัง ป้อคุนกระชับกระบี่ในมือไว้แน่น ทวนของทหารต่าง ถูกจ่อมาที่ป้อคุนและเสี่ยวเจิ้ง
“ท่านหมดโอกาสหนีแล้ว องครักษ์ป้อคุน”
ป้อคุนดึงเสี่ยวเจิ้งมาหลบด้านหลังตวัดกระบี่มาตรงหน้าทันที“หากคิดว่ากล้าก็เข้ามา” เหล่าทหารต่างยืนลังเลด้วยรู้ดีว่าในวังหลวงองครักษ์ฝีมือดีที่สุดคือป้อคุน“พวกเจ้าจะช้าอยู่ใยจัดการ องครักษ์ป้อคุนขัดขืนฆ่าให้ตาย จับตัวหญิงใบ้นางนั้น ให้กับฝ่าบาท”ทหารหลายนายพุ่งเข้าใส่ป้อคุนที่กวัดแกว่งกระบี่ ป้องกันตัวมือข้างหนึ่งก็จับมือเสี่ยวเจิ้งไว้ ทหารนับสิบรายล้อมแม้จะรู้ว่าสู้ไม่ได้แต่ก็ไม่ยอมแพ้ กระบี่ในมือหัวหน้ากอง เงื้อข้าใส่ป้อคุนเต็มแรง“เช้งงงงง”คมกระบี่ของ เจียเกอตวัดเข้าใส่ทหารที่รายล้อมด้วยทนเห็นคนนับสิบรุมทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้ไม่ได้ แต่ไม่ทันการเมื่อคมกระบี่ของทหารอีกคนเสียบเข้าที่ยอดอกของป้อคุนเลือดสดๆไหลออกจากปากแผล เจียเกอพยุงป้อคุนไว้ เสี่ยวเจิ้งอ้าปากค้าง“พี่ชาย ช่วยพาพระสนมหนีไปแทนข้าด้วย”เจียเกอสบตาป้อคุนประเมินกำลังว่าไม่อาจช่วยทีเดียวพร้อมกันทั้งสองคนได้ จึงคว้าข้อมือของเสี่ยวเจิ้ง ทะยานขึ้นบนหลังคาเสี่ยวเจิ้งยอมตามไปโดยดีป้อคุนกวัดแกว่งกระบี่ไปมาป้องกันตัว แม้จะไร้เรี่ยวแรงแทบจะทรุดกายลงไปกองกบพื้น แต่สวรรค์ยังมีเมตตาหยวนกังควบม้าเข้ามาตรงกลาง ใช้กระบี่ในมือจัดการกับเ
อินฉางกอดรวบร่างบางไว้แนบกาย“ข้าจะทำให้เจ้าลืมเลือนเขาไปจนสิ้น”“ช่วยข้าที ช่วยให้ข้าลืมเลือนเขาไปที อินฉางตอนนี้ข้าทรมานยิ่งนักในเมื่อตื่นลืมตาครั้งใดไม่มีอินเฉิงอยู่ที่นี่ความรักใคร่แยกกันชัดเจนข้ารักเขา แต่ปรารถนารสสวาทจากท่านเช่นกัน แต่บัดนี้กลับรู้แล้วว่าใจข้าแทบสลายเมื่อรู้ว่าไม่มีอินเฉิง อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”หลับตาไล่หยาดน้ำตาช้าๆเจ็บแปลบในใจป่านนี้อินเฉิงจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง“ตงฟางหัว ถวายพระพรฝ่าบาทและฮองเฮา”“ได้ความว่าอย่างไร”“ชิงกวานอ๋อง อินเฉิงและหยวนกังป้อคุนตอนนี้กบดานที่ ด่านปงเปียงเหล่าทหารในด่านปงเปียงต่างเตรียมกำลังอารักขาเหนียวแน่น”“ดี ส่งคนกวาดล้างพวกเขาให้หมด ขัดขืนฆ่าได้ทันที อย่าให้ใครได้มีโอกาสหนีไปและมีโอกาสรอดเป็นเสี้ยนหนามกับข้าอีก”วังหลวงแคว้นใต้หยงเจิ้งในอาภรณ์สีสวยสด ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อด้วยสีชาด นางกำนัลข้างกายสองคนยืนประกบซ้ายขวา“องค์หญิงหยงเจิ้ง ฮองเฮาทรงประทานเครื่องเสวยรับขวัญ”นางกำนัลลำเลียงเครื่องเสวยเข้ามาข้างในหยงเจิ้งเหลือบตาขึ้นมองดวงตาดำขลับมีแววครุ่นคิด กลิ่นเครื่องเสวยชวนให้คลื่นเหียน ในไม่ช้าก็อาเจียนออกมาในทันทีอู่อินเ
"หยงเจิ้ง กำลังจะมีหลานให้ข้าแล้ว"ฟงหยางเจิ้งยิ้มสีหน้าตื่นเต้นดีใจฮองเฮาโยว่ชิงยิ้มหยัน"บุรุษใดคู่บารมีองค์หญิงกันเล่า จึงได้ตั้งครรภ์ข้าอยากจะเห็นคู่บารมีขององค์หญิงผู้งดงาม"เสี่ยวเจิ้งก้มหน้านิ่ง"ข้าไม่อยากรู้ว่าใครจะคู่บารมี หลานและลูกของข้าข้าเลี้ยงดูได้ในเมื่อข้าเป็นถึงฮ่องเต้แคว้นใต้เรื่องง่ายดายเพียงนี้จะต้องพึ่งพาใครไปไย"ลูบหลังไหล่ให้หยงเจิ้งเบาๆ หยงเจิ้งคุกเข่าลงตรงหน้าฟงหยางเจิ้ง"เสด็จพ่อเมตตาลูกยิ่งนัก"หยงเจิ้งน้ำตาปริ่มขอบตา"ข้าขอสั่งหากต่อไปได้ยินใครพูดถึงเรื่องคู่บารมีขององค์หญิงหยงเจิ้งอีกจะต้องถูกลงโทษประหารในทันทีไม่มีการไต่สวน"โยว่ชิงกำมือแน่นอยากจะไปจากตรงนั้นแต่ไม่อาจกระทำได้"ฮองเฮา ต่อไปหากจะประทานสิ่งใดมาให้กับหยิงเจิ้งให้คนของเจ้ามาบอกข้าก่อนเดิมข้าคิดว่าหยงเจิ้งต้องพิษจากเครื่องเสวยของเจ้าเสียแล้ว ดีที่หยิงเจิ้งยังไม่ทันได้กินต่อไปเครื่องเสวยขององค์หญิงหยงเจิ้งจะต้องผ่านการทดสอบพิษถึงสามชั้น"หันไปเล่นงานฮองเฮา ที่ต้องฝืนใจย่อกายลงช้าๆ แม้ในใจจะซ่อนความแค้นไว้ภายในเพียงใดก็ตาม"ขอบพระทัยเสด็จพ่อ"แม้จะเปล่งเสียงพูดได้เพราะคลายปมในใจไปแล้ว ทว่าหยงเจิ
“ข้า เพียงแค่คิดว่าเวลาผ่านไปนานเหลือเกินไม่อาจฉุดรั้งไว้ได้ ท่านอ๋อง หยวนกังป้อคุนและคนผู้หนึ่ง หายไปเป็นตายร้ายดีไม่อาจรู้ได้ ตอนนี้อู่อินฉางนั่งบัลลังก์แคว้นเหว่ย ที่ก่อนหน้านั้นคนร่มเย็น บัดนี้ราษฎรทุกข์เข็ญไปทุกหย่อมหญ้า”“เรื่องราวต่างๆ ผ่านไปแล้วและผ่านไปรวดเร็วเราสองคนแค่เพียงมองเข้าไปไม่อาจร่วมวง เสด็จพ่อขององค์หญิงทำถูกแล้วที่ไม่ก้าวก่ายเรื่องของแคว้นเหว่ย แม้จะอยากช่วยท่านอ๋องและคนพวกนั้น แต่ด้วยความสัมพันธ์สองแคว้นจึงนิ่งเฉยเสีย”หยงเจิ้งก้มหลับตาเพียงแค่หยงเจิ้งเอ่ยปาก อย่างที่ฟงหยางพูดแต่หยงเจิ้งเลือกที่จะเงียบ แค่เพียงเจียเกอส่งข่าวว่าคนทั้งหมดยังปลอดภัย แม้ด่านปงเปียงจะถูกโจมตีจนย่อยยับแต่พวกเขากลับปลอดภัย แม้จะหนีไปอย่างทุลักทุเล หยงเจิ้งเพียงแค่ถอนหายใจ ใจหนึ่งอยากจะเอ่ยปากกับฟงหยางเจิ้งให้ส่งคนไปช่วยพวกเขาแต่อีกใจกลับรู้สึกขัดแย้ง หลายเดือนผ่านไป ไม่เคยพบหน้าแม้จะฝันถึงรอยยิ้มกับใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะลอยเด่นพูดจายั่วยุ และน้ำเสียงที่เอาแต่ใจของอู่อินเฉิงแต่ก็เป็นแค่เพียงฝันไป“พระครรภ์ใหญ่เพียงนี้ ยังทรงกังวลเรื่องของคนอื่นเกรงว่าจะทำให้ พระวรกายทรุดโทรม”ยิ้มเศร้าๆ
“นายท่าน นั่นคือองค์หญิงหยงเจิ้งนางเป็นองค์หญิงแบบนี้ไม่เหมาะนัก เราควรหาทางพบองค์หญิงอย่างถูกต้อง อีกอย่างฐานะเราตอนนี้ก็ไม่อาจเปิดเผย”หยวนกังพูดขึ้นเบาๆ ชิงกวานอ๋องมองตามเกี้ยวจนลับสายตา ด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก“กลับกันดีกว่า ข้าจะต้องหารือกับ อู่อินเฉิงหาทางเข้าไปในวังหลวงแคว้นไต้พบกับองค์หญิงหยาเจิ้งดูสักครั้ง”หยวนกังพยักหน้าช้าๆเกี้ยวเคลื่อนมาหยุดที่ย่านชุมชน จงหลินกระโดดลงจากเกี้ยวยื่นมือรับหยงเจิ้งแต่ทว่าร่างสูงของใครบางคนยืนมือออกมาตรงหน้ารับหยงเจิ้งลงจากเกี้ยวหยงเจิ้งก้าวขาออกจากเกี้ยวเงยหน้ามองบุรุษตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอ่อนโยนกับสายตาที่เป็นมิตรยิ่ง“องค์หญิงหยงเจิ้ง ข้าลี่อี้เล่อองค์ชายสามแคว้นฉี ยินดีที่ได้พบ”มองร่างอุ้ยอ้ายไม่วางตาแม้จะรู้อยู่แล้วว่านางตั้งครรภ์ไร้สามีวันนี้มาเห็นกับตาถึงกับอดสงสัยไม่ได้ว่าคนเช่นไรที่ทิ้งหญิงงามผุดผาดเช่นหยงเจิ้งลงคอ“ หยงเจิ้งถวายพระพรองค์ชายสาม” วางมือลงบนมือของลี่อี้เล่ออย่างไม่ให้เสียน้ำใจ ก้าวลงจากเกี้ยวโดยมีลี่อี้เล่อประคองอยู่ไม่ห่างเบื้องหน้านั่นร่างสูงชลูดของอู่อินเฉิงกับ ใบหน้าที่ปิดบังดวงตาข้างซ้ายไว้ยืนมอง
ร้านผ้า“นายหญิงองค์หญิงหยงเจิ้งตรงมาที่ร้านผ้าของเรา”ร่างอ้อนแอ้นในอาภรณ์พลิ้วไหลบางเบาวิ่งมาย่อกายงดงามรอรับร่างอุ้ยอ้ายของหยงเจิ้งที่กำลังเดินเข้าร้าน“ร้านผ้าอันดับหนึ่ง …อินเฉิงเป่า…ยินดีรับใช้องค์หญิงเพคะ”เงยหน้าขึ้นช้าๆ ฉีกยิ้มหวาน ก่อนจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจ“ซือหรู”ร่างสูงของป้อคุนยกพับผ้ามาเรียงไว้บนชั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยยืนหันหลังให้กับประตู หยงเจิ้งเอื้อมมือหยิบพับผ้าที่ป้อคุนเพิ่งจะวางลงบนชั้นบนสุดร่างอุ้ยอ้ายเขย่งขึ้นสุดตัว ป้อคุนหยิบพับผ้าหันกลับมาส่งพับผ้าให้กับหยงเจิ้ง“พระสนม”หยงเจิ้งยิ้มป้อคุนก้มมองหน้าท้องป่องนูน“พระสนม นั่นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาทหากป้อคุนเข้าใจไม่ผิด”พูดรัวเร็วหยงเจิ้งหลับตาถอนหายใจเม้มริมฝีปากพยักหน้าช้าๆ ป้อคุนยิ้มกว้างก่อนที่ลี่อี้เล่อจะก้าวเขามา“องค์หญิงแค่เลือกไว้ข้าให้คนส่งไปที่ตำหนักตัดเย็บในแบบที่ต้องการข้าจะเป็นธุระให้เอง”หยงเจิ้งเพียงยิ้มบางๆ ก้าวเดินออกจากร้าน“จงหลินเจ้าช่วยเลือกผ้าแทนข้า ส่งเข้าไปในวังหลวงข้าเหนื่อยอยากจะกลับแล้ว”ลี่อี้เล่อพยุงหยงเจิ้ง ไม่สนใจสายตาของใครหลายๆ คนโดยเฉพาะสายตาของจงหลินเดินออกจาก ..อินเ
วังหลวงแคว้นใต้“ท่านหมอ ท่านหมอองค์หญิงทรงใกล้จะคลอดแล้ว ท่านแม่คอยดูอยู่ให้ข้ามาตามท่านหมอ”จงหลินวิ่งมาที่เรือนรักษา“รีบนำข้าไป”หมอหลวงวิ่งไปยังตำหนักที่พักของหยงเจิ้งหยางเจิ้งฮ่องเต้สาวเท้ายังตำหนักตรงกลางของหยงเจิ้งเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดนางกำนัลวิ่งวุ่นวาย บ้างก็ต้มน้ำบ้างก็เคี่ยวยา จงหลินเข้าไปอยู่ในห้องพยุงหยงเจิ้งไว้ ใบหน้าที่เจ็บปวดเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ก่อนที่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจะดังขึ้น ร่างกระจ้อยร่อยน่าชัง ร้องไห้จ้า เมื่อออกมาพบโลกกว้างหยางเจิ้งยิ้มกว้าง เมื่อป้าจงออกมาด้านนอกย่อกายลงช้าๆ“องค์หญิงทรงประสูติพระโอรสเพคะตอนนี้แข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูก” หยางเจิ้งยิ้มพยักหน้าขึ้นลงลี่อี้เก่อสาวเท้าเข้ามา อย่างรวดเร็ว“อี้เก่อถวายพระพรฝ่าบาท”“ปลอดภัยแล้ว ทั้งสองคนองค์ชายอุตส่าห์แวะมา”“อี้เก่อ เดิมตั้งใจแวะมาเยี่ยมตามธรรมดา มาเพื่อคุยแก้เหงา แต่เมื่อมาพบข่าวดีแบบนี้จึงยิ่งเป็นโชคได้พบหน้าองค์ชายน้อยก่อนใคร”หยางเจิ้งยิ้ม รู้สึกชอบอัธยาศัยของลี่อี้เล่อไม่น้อย "เช่นนั้นก็คงจะต้องเตรียมงานมงคลได้แล้วใช่ไหม" ลี่อี้เก่อยิ้มอ่อนโยนอินเฉิงเป่า คนทั้งหมดหนีตายอาศั
“อู่อินเฉิง ข้าไม่เห็นเขาในวันนี้”ชิงกวานอ๋อง เอ่ยปากถามป้อคุนที่ยืนก้มหน้านิ่ง“ป้อคุน ข้าถามเจ้า”“เอ่อ ป้อคุนเองก็ไม่พบคุณชายเหมือนกัน”ปลายเสียงอ่อยๆ“ป้อคุน หากคุณชายของเจ้าทำเรื่องที่ผิดพลาดหรือเกิดตกอยู่ในอันตราย จะยอมได้หรือป้อคุน”ป้อคุนทำสีหน้า หนักใจประตูด้านหลังวังหลวง“ฝ่าบาท ได้โปรดอากาศเย็นยิ่งนักข้ากลัวว่า องค์ชายจะต้องไอเย็น"อู่อินเฉิงถอดเสื้อคลุมสีดำออกห่อร่างกระจ้อยไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม ส่วนตัวเขากอดอกด้วยอากาศหนาวเย็น“พอใจหรือยัง”“ฝ่าบาท เสด็จพ่อจะต้องตามหาหยงเจิ้ง และจะส่งคนค้นจนทั่วเขตวังหลวงจนกว่าจะเจอ”“นั่นคือปัญหาของหยางเจิ้งฮ่องเต้ ปัญหาของข้าคือตอนนี้ต้องการตัวเจ้ากับลูก ขึ้นไปบนหลังม้าอีกหลายชั่วยามกว่าจะสว่างเราจะต้องเดินทางให้พ้นเขตวังหลวง”“ข้าเพิ่งจะคลอดลูก” อู่อินเฉิงส่งทารกน้อยในอ้อมแขนของหยางเจิ้งก่อนจะส่ง หยงเจิ้งขึ้นบนหลังม้าตัวเขากระโดดขึ้นไปประกบไว้กระตุกบังเหียนม้าให้พุ่งออกจากตรงนั้นไปในทันทีอู่อินเฉิง อมยิ้มเมื่อ ได้ไกลชิดกับหยงเจิ้งอีกครั้งนานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้กลิ่นหอมจากเรือนผม นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ประคองกอด หัวใจพองโตเมื่
"แต่ฝ่าบาทหมดหนทางแล้วท่านอ๋องจะต้องไม่เป็นอะไรหยวนกังก็จะพาท่านอ่องหนีออกมาเช่นกันตามที่ตกลงกันไว้ตอนนี้แค่เพียงช่วยให้ฝ่าบาทหนีออกมาก่อน ท่านอ๋องขวางพวกมันไว้เพื่อให้ฝ่าบาทหนีอกมาฝ่าบาทอย่าทำให้ความตั้งใจของท่านอ๋องเสียเปล่า""แต่ท่านอาบาดเจ็บไม่น้อยข้าจะไปช่วยท่านอา เจ้าขลาดเขลาเพียงนั้นเชียวหรือป้อคุน"ป้อคุนทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น"ฝ่าบาท หนีก่อนก่อนเถอะขอรับ ความปลอดภัยของฝ่าบาทสำคัญที่สุดท่านอ๋องทรงเข้าใจข้อนี้ดีจึงพยายามที่จะกันทหารพวกนั้นเพื่อให้ฝ่าบาทหนีไปหากว่าฝ่าบาทยังเป็นว่าสิ่งที่ป้อคุนหยวนกังและท่านอ๋องทำไปทั้งหมดนั้นขลาดเขลาป้อคุนจะขอให้ฝ่าบาททรงสังหารป้อคุนเสียไม่เช่นนั้นป้อคุนก็ไม่อาจปล่อยให้ฝ่าบาท กลับไปที่ด่านปงเปียง"อู่อินเฉิงทรุดกายลงปล่อยกระบี่ลงข้างกาย"ข้าไม่อาจปล่อยท่านอาไว้ที่นั่นป้อคุนเข้าใจไหมท่านอาเป้นเหมือนบิดาเป็นเป็นพี่น้องและเป็นเหมือนคนที่หวังดีกับข้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้""ฝ่าบาท ท่านอ๋องจะดีใจหากทว่าฝ่าบาทปลอดภัยและด้วยความภักดีของหยวนกังจะไม่มีทางให้ท่านอ๋องต้องตาย"อู่อินเฉิงพยักหน้า"กันเถอะไปรอที่ด่านชายแดนแคว้นใต้"สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ท่านอาเราทั้งหมดลงเรือลำเดียวกันแล้วข้าไม่อาจดูดายปล่อยให้ท่านอาและพวกเขาต้องเผชิญศึกเพียงลำพัง เช่นนั้นจึงขอยืนยันคำเดิมว่าจะอยู่ที่นี่แต่สัญญาว่าหากเราทั้งหมดไม่อาจต้านทัพของอิงฉางได้ข้าจะเร้นกายไปยังที่ปลอดภัยพร้อมกันนั้นท่านอาเองก็สำคัญไม่น้อยการกอบกู้บัลลังก์ของเฉิงอู่ต้องกาศัยท่านอา เช่นนั้นหากเราทั้งหมดไม่อาจต่อกรก็ควรจะหนีไปเสียแต่ในตอนนี้ก็ต้องลองยืนหยัดให้ถึงที่สุดก่อน”ชิงกวานอ๋องถอนหายใจปฏิเสธไม่ได้ว่าที่อินเฉิงพูดมาทุกอย่างล้วนสำคัญเขาเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมารู้ดีว่าด่านปงเปียงมีกำลังเพียงหยิบมือไม่อาจต่อกรกับทหารของอินฉางฮ่องเต้ได้แม้จะมีฝีมือดีแค่ไหนก้ไม่อาจต่อกรกับทหารจำนวนมากราวกับมดปลวกได้“ฝ่าบาทอย่าลืมคำมั่นนี้หากว่าไม่อาจต่อกรฝ่าบาทจะต้องหนีไปเสียอย่าได้ห่วงใครไม่ว่าจะใครหรือแม้กระทั่งชิงกวานอ๋อง”อู่อิงเฉิงยิ้มน้อยๆ“อิงเฉิงสัญญาจะไม่ทำให้ท่านอาจต้องเป้นกังวล“ดี เช่นนั้นร่วมรบเคียงข้างสร้างขวัญกำลังใจ ป้อคุนหยวนกังอารักขาฝ่าบาทจนถึงที่สุดหากไม่ไหวสิ่งเดียวที่ต้องทำแบบไม่ต้องคิดคือพาฝ่าบาทเร้นกายไปเสียแล้วพบกันที่จุดนัดพบข้ามผ่านด่านชายแดนแคว้นใต้”สี่แรงร่วมใจฟ
“เช่นนั้นหยงเจิ้งกลับไปที่นั่น เสด็จพ่อกับฮองเฮาตั้งใจออกผนวช จึงขาดคนคอยดูแล”“จะดีไหมหากให้ป้อคุนไปคอยดูที่นั่น พร้อมกับหยวนกัง”“ข้าตั้งใจประทานงานแต่งงานให้กับป้อคุนและซือหรูเสียเพราะสองคนรอเวลานี้มานาน”หยงเจิ้งพูดยิ้มๆ“ดีเลย เช่นนั้นส่งข่าวให้เจียเกอช่วยดูแลพวกเขา ระหว่างนี้คนทั้งหมดภักดียิ่งนักไม่มีสิ่งใดให้หนักใจ ฝ่าบาทหยงเจิ้งจึงจะออกผนวชได้อย่างหมดห่วงเสียที”“ที่นี่คงเงียบเหงาหากไม่มีป้อคุนหยวนกังและซือหรู”“ชิงกวานน้อย ขอตามไปที่วังหลวงแคว้นใต้กับท่านอาทั้งสอง ข้าเองก็ไม่อาจขัดเพราะหยวนกังกับป้อคุนดูแลชิงกวานน้อยอีกทั้งยังฝึกปรือวรยุทธ์ให้จนเชี่ยวชาญ”“คงจะต้องคิดถึงทุกคน”อินเฉิงกอดรวบร่างอุ้ยอ้ายไว้ในอ้อมแขน“มีข้าอยู่เจ้าจะไม่ต้องเหงา”“ฝ่าบาทเอาแต่ใจใครกันจะลืมได้ เมื่อคราวอยู่ที่ตำหนักฤดูหนาวก็เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”“เช่นนั้นอย่างไรเล่าเจ้าจึงตั้งครรภ์ข้าจึงไม่ต้องรอนาน หากไม่ไปที่ตำหนักฤดูหนาวรำลึกความหลังกันเจ้าจะตั้งครรภ์หรือไร ข้าเองตามใจชิงกวานน้อยที่อยากจะมีน้อง”หยงเจิ้งยิ้มเขินอาย ใบหน้าแดงระเรื่อ อู่อินเฉิงกอดไว้แน่น“ข้ารักเจ้ามีเจ้าคนเดียวตลอดไปข้าสัญญาและจะไม
อินเฉิงลุกขึ้นพิงแท่นบรรทมเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างมองเห็นชัดเจนแจ่มใส ทั้งสองตารอยยิ้มเป็นสุข ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหยงเจิ้งที่หลับใหลไปกับอ้อมกอดของเขา ความสุขที่มาถึงยามที่ผ่านความทุกข์ระทม จึงนับว่าเป็นความสุขที่แท้จริงสายลมพัดผ่าน ชิงกวานอ๋องวิ่งหลบซุกตัวยังโขดหิน หยวนกังเกาหัวแกรกๆ ป้อคุนวิ่งตาม หันหน้าหันหลังไม่พบ อ๋องน้อยว่าแอบหลบอยู่ตรงไหนหยวนกังส่ายหน้าไปมา ลูบเคราวยาว“เราสองคนคงจะแก่ไปแล้วจึงไม่อาจหาท่านอ๋องน้อยพบ”“เชิญท่านเพียงลำพังเลยหยวนกัง ข้ายังไม่อยากจะแก่ท่านอ๋องน้อยวิ่งหลบรวดเร็วเหมือนชิงกวานอ๋องที่พลิกพลิ้วยิ่งกว่าใคร อีกหน่อยหากฝึกปรือวิชากระบี่คงหาตัวจับยาก”หยวนกังอมยิ้ม“ข้า ได้ยินว่าท่านอ๋องน้อยทรงขออนุญาตฝ่าบาทฝึกวิชากระบี่ เราสองคนคงต้องลับคมกันหน่อยเพื่อรอวันถวายการฝึกสอน”“ฮ่าาา เหมือนจริงๆ ช่างเหมือนท่านอ๋องชิงกวานเสียจริง มุ่งมั่นยิ่งนัก เราสองคนคงต้อง ทุ่มเทฝึกสอนกันให้มากหน่อย”ป้อคุนเอ่ยขึ้นดังๆ“หยวนกัง…ป้อคุน…..”ชิงกวานน้อยวิ่งออกจากที่ซ่อน กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของหยวนกัง“ฮ่าาาาท่านอ๋องในที่สุดก็ยอมออกมา”ป้อคุนอมยิ้ม“ก็ข้าได้ยินว่า ท่านอาทั้ง
ดวงตาพร่ามัวกลอกกลิ้งไปมาทั้งซ้ายและขวา เสียงอ้อแอ้ขององค์ชายน้อยดังแว่วมา แต่ไกล“ชิงกวานน้อยของแม่ เจ้าจะรีบตื่นแต่เช้าทำไมกันเสด็จพ่อยังคงหลับใหล”เสียงหวานของหยงเจิ้งทำเอาอินเฉิงยิ้มกว้างยกมือขึ้นคลำที่ดวงตาทั้งสองข้างสูดลมหายใจลึกๆ“เสี่ยวเจิ้ง”หยงเจิ้งขยับกายหันมา มองร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาลืมตาอยู่บนแท่นบรรทม รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นที่ใบหน้างาม“ฝ่าบาท ท่านฟื้นแล้ว”ดวงตาซ้ายขวากลอกกลิ้งไปมา มองเห็นใบหน้างามเด่นชัด“ข้านอนไปนานแค่ไหน เสี่ยวเจิ้งกับองค์ชายน้อยถึงได้มาอยู่ข้างกายข้าได้”“องค์ชายน้อยชิงกวาน”อุ้มร่างเล็กที่ส่งเสียงอ้อแอ้ปลุกยามเช้ามาใกล้ๆ อินเฉิงรับเอาร่างเล็กจิ๋วไว้ในอ้อมแขน“ชิงกวาน ชื่อนี้เหมาะกับเจ้าเสียจริง เจ้า เป็นคนที่ทำให้ พ่อกับแม่ได้มีวันนี้วันที่เราพร้อมหน้า”หยงเจิ้งปาดน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตา อินเฉิงดึงมือหยงเจิ้งให้นั่งลงข้างๆ เขาจูบซับน้ำตาให้เบาๆ“ท่านอาไม่อยากเห็นน้ำตาเจ้าหยงเจิ้งของข้า ดวงตานี้ของท่านอาอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า มิใช่หยาดน้ำตา”หยงเจิ้งยิ้มทั้งน้ำตา“มีวันนี้ได้เพราะท่านอ๋อง ข้าหยงเจิ้งเช่นไรจะกล้าขัดคำสั่ง”ยิ้มกว้างสดใส อินเฉิงกอดรวบร่าง
“ข้า อัปลักษณ์เพียงนี้ เป็นท่านอาที่จะต้องดูแลหยงเจิ้งต่อไป เป็นท่านอาอินเฉิงจึงวางใจ”หมอหลวงวิ่งถือหลวมยาเข้ามา อินเฉิง ขยับกายให้หมอหลวงตรวจดูอาการของ ชิงกวานอ๋อง“ฝ่าบาท ชิงกวานอ๋องไร้ความสามารถไม่อาจดูแลนาง ฝ่าบาทจึงคู่ควรที่สุด”หมอหลวงลุกขึ้นยืนประสานมือตรงหน้าอินเฉิงพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอินเฉิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา หยวนกังเบือนหน้าหนีปาดน้ำตาที่ไหลริน“ท่านอา เราไปพักที่ตำหนักให้ท่านหมอ จัดเทียบยาดีไหม”น้ำเสียงอ่อนโยน“หยวนกังตามอาจารย์ให้ข้าทีข้าอยากจะพักเสียหน่อย ฝ่าบาทพยุงชิงกวานไปเถิด ให้หยวนกังตามอาจารย์”หยวนกังยิ้มกว้าง เหมือนจะเริ่มมีความหวังว่าอาจารย์กับวิชาแพทย์เถื่อนจะสามารถช่วยชีวิตท่านอ๋องได้“หยวนกังรีบไปแล้วท่านอ๋องอดทนหน่อย”วิ่งออกจากท้องพระโรงกระโดดขึ้นหลังม้าควบออกไปราวกับลูกดอกพุ่งเข้าสู่เป้าอินเฉิงพยุงชิงกวานอ๋องหมอหลวงตรวจดูอาการของป้อคุนอย่างเร่งรีบบนแท่นบรรทม ร่างสูงองอาจนอนเหยียดยาวใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้กลับซีดขาว แต่แววตายังอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้งที่อินเฉิงเคยเห็น เลือดสดๆ ยังไหลซึมออกจากบาดแผล“ท่านอาอดทนหน่อย อาจารย์ปู่กำลังมา”“เพื่อฝ่าบาทต่างหาก
อินฉางดวงตาเหลือกลานเมื่อเห็นว่า หมิงเยว่ล้มลงคว่ำหน้าลงกับพื้นเลือดอาบไปทั่วร่างบาง ตรงเข้าหอบเอาร่างบางที่หายใจรวยริน“ม่ายยยยไม่นะหมิงเยว่ต้องไม่ใช่เจ้าต้องไม่ใช่เจ้าหมิงเยว่ขะขะข้าขอโทษ หมิงเยว่ ข้าไม่ให้เจ้าตายไม่หมิงเยว่ อย่าทำแบบนี้หมิงเยว่”ทว่าร่างโชกเลือดหาได้ขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวไม่ยังคงนิ่งงัน ดวงตาอาบไปด้วยหยาดน้ำตา สิ้นลมหายใจโดยไม่ได้ร่ำลา“หมิงเยว่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”อินฉางอุ้มร่างโชกเลือดไว้ในอ้อมแขนดวงตาแดงก่ำ“อินฉิง ท่านจะต้องรับผิดชอบ ปาถั่วรับบัญชาข้า ฆ่าอู่อินเฉิงกับป้อคุนแล้วสับร่างเป็นชิ้นๆ ”ปาถั่วก้มหน้าประสานมืออินฉางเดินโซเซพาร่างไร้วิญญาณของหมิงเยว่ออกจากท้องพระโรง“ยิง”ปาถั่วสั่งพลธนูทว่ายังไม่ทันได้เหนี่ยวคันธนู พลธนูทั้งหลายต่างล้มลงไปกองกับพื้นองครักษ์หลายนายต่างวิ่งถือกระบี่เข้ามาล้อมชิงกวานอ๋องที่ในมือกำกระบี่ ฟาดฟันสังหารมือยิงธนูจนบาดเจ็บล้มตาย“ฝ่าบาท”พยุง อินเฉิงที่ถูกลูกดอกปักเข้าที่ขาข้างขวา“ท่านอา มาทันเวลาพอดี”“อย่าเพิ่งพูดอะไร ฝ่าบาทจงรีบเปิดประตูให้คนของเรา ชิงกวานจะหันเหความสนใจของคนพวกนี้ ป้อคุนยังไหวหรือไม่”ป้อคุนที่ไม่อาจขยับกาย“ชิงกวา
ทัพของอู่อินเฉิง ดาหน้าที่ประตูวังหลวงแคว้นเหว่ย พลธนูเหนี่ยวคันธนูสุดแรงรอเพียงคำสั่งให้ยิงอยู่บนป้อมปราการสูงบนประตูวังทั้งสี่ด้าน“ยิง”ป้อคุนทะยานเข้ามาขวางอู่อินเฉิงที่ตกเป็นเป้าของธนูใช้กระบี่ในมือกวัดแกว่งคุ้มภัย อู่อินเฉิงเองก็กำกระบี่ในมือกวัดแกว่งปัดป้อง เหล่าทหารโห่ร้องหาได้สะทกสะท้านต่อความเจ็บความตายตรงหน้า“บุกเข้าไปในวังหลวงจับตัวอู่อินฉางมาคุกเข่าตรงหน้าฝ่าบาท”ป้อตี้ออกคำสั่ง ดังลั่น หทารกล้าทั้งหลายต่างพุ่งตัวเข้าไปยังประตูวัง ออกแรงดันประตู ให้เปิดอ้าออกเพื่อให้กองทัพเข้าไปภายในห่างจากวังหลวงสิบลี้“ท่านอ๋องเปลวไฟ ลุกไหม้อยู่ที่วังหลวงเกรงว่าตอนนี้ทัพของฝ่าบาทคงถึงที่นั่นแล้ว”หยวนกังเอ่ยปากด้วยสีหน้ากังวล“เร่งเดินทางอารักขาฝ่าบาท ข้าไม่อาจวางใจอู่อินฉางหาใช่ผู้ที่ซื่อตรงไม่จะต้องซ่อนกลโกงไว้รอฝ่าบาทเป็นแน่”ชิงกวานอ๋องควบม้าเร็วรี่ยังกลุ่มควันที่ลอยวนบนท้องฟ้าอินฉางนั่ ไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์มังกรในท้องพระโรง ในมือมีจอกสุรารสเลิศ ข้างกายเป็นหมิงเยว่ ที่นั่งก้มหน้ามองมือตัวเอง กับปาถั่วที่กุมกระบี่ข้างเอวไว้แน่นเสียงโห่ร้องใกล้เข้ามา อินเฉิงก้าวขายาวๆยังหน้าบัลลั
“ข้าหากจะต้องตายเพราะการณ์นี้ ก็คงจะต้องยอมเพราะเลือกข้างผิดเดิม อู่อินเฉิงไม่จะไม่เคยใส่ใจ กองทัพแต่ทว่าชิงกวานอ๋องกับผูกใจ เหล่าทหารกล้าบทเรียนครั้งนี้ ไม่อาจแก้ไขแม้ตอนนี้จะมีที่มั่นและกำลังคนแต่หากชิงกวานอ๋อง เอ่ยปากไม่แน่ว่าเหล่าทาหรพวกนี้จะย้ายข้างหรือไม่”“ข้าน้อยได้ยินมาว่า ชิงกวานอ๋องในครั้งนี้ไม่ได้ มาด้วยมีเพียงอู่อินเฉิงเท่านั้น”ปาถั่วขมวดคิ้ว“บางทีนี่อาจเป็นแผนการตลบหลังไม่อาจวางใจ”ถอนหายใจยาวตำหนักชิงหนิงกง“ฮองเฮาอู่อินเฉิงยกทัพกลับมาที่วังหลวง คงจะถึงวังหลวงในอีกไม่ช้า”หมิงเยว่ ลุกขึ้นจากแท่นนอนสีหน้าแสดงความดีใจ“เขากลับมาแล้วเขาไม่ได้ทอดทิ้งข้าเขายังรักข้าอย่างน้อยก็กลับมาทวงบัลลังก์และคงจะมารับข้าเป็นฮองเฮาของเขาเหมือนเคย”ตงฟางหัวถอนหายใจ หมิงเยว่หลายเดือนที่ผ่านมา สติหลุดลอย พูดจาเลื่อนเปื้อนติดอยู่ในความเพ้อฝันเสียมากกว่าความจริง“ฮองเฮา ไม่แน่ว่าอู่อินเฉิงจะกลับมาหาฮองเฮา”“เขาต้องมาในเมื่อในใจเขามีข้าเพียงคนเดียว เขาทำทุกอย่างเพื่อข้า ข้ารู้แล้วข้าเองก็จะทำทุกอย่างเพื่อเขาเช่นกันเขาจะได้ไม่ต้องลำบากทวงคืนบัลลังก์”ดวงตาเป็นประกายสดใสตงฟางหัวถอนหายใจ“ฮองเฮา