หน้าหลัก / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1018 อุบัติเหตุที่คาดคิดไม่ถึง

แชร์

บทที่ 1018 อุบัติเหตุที่คาดคิดไม่ถึง

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา

ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็เห็นหวังซุ่นกระอักเลือดออกมาจากปาก

“หวังซุ่น หวังซุ่น!”

เย่จิ่งหลานพยุงหวังซุ่นขึ้นมา

หัวใจของเขาเต้นแผ่วเบา ดูเหมือนว่าจะยังสามารถช่วยชีวิตได้

เย่จิ่งหลานรู้ว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ของตัวเองไม่มีประโยชน์กับเขา จึงไม่ยอมให้เปลืองแรง หยิบขวดน้ำพุวิญญาณของอินชิงเสวียนขึ้นมาหนึ่งขวด บีบปากของหวังซุ่นให้อ้าออก แล้วให้เขาดื่ม

ประมาณสิบห้านาที ในที่สุดหวังซุ่นก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงไปชั่วขณะ

เขาพึมพำ “ท่านคือ...ยมบาลหรือ ที่แท้ยมบาลก็รูปงานเพียงนี้...”

เย่จิ่งหลานเอื้อมมือไปตบหัวเขา

“ยมบาลบ้านพ่องเจ้าน่ะสิ เจ้าจำข้าไม่ได้รึ”

ขณะที่ฝ่ามือฟาดลงไป เย่จิ่งหลานก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

มือนี้...ดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก

จากหางตาของเขา จู่ๆ ก็มองเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของตัวเอง ดูเหมือนว่ามีบางอย่างกลับมาเป็นขนาดปกติ จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจ

“โอ้โห!”

เย่จิ่งหลานวิ่งออกจากห้องรับแขกเล็กๆ อย่างรวดเร็วราวพายุ หากระจกมาส่องดู

เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามในกระจกก็ตกตะลึงอี
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1019 ความสงสัยของเย่จิ่งอวี้

    ฮวาเชียนเข้าใจทันที ดวงตาแข็งกระด้าง ยื่นมือออกไปจับโมริตะคาวาสึบาเมะทันที“โจรชาติสุนัข คุณชายเย่ฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่ข้าทำได้”นางไม่ได้พูดอะไรไร้สาระอีกต่อไป ใช้กระบี่แทงอกโมริตะคาวาสึบาเมะทันทีโมริตะคาวาสึบาเมะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เอื้อมมือออกไปคว้ากระบี่เขากัดฟันกรอด พูดด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “ได้ พวกเจ้ากล้าทำแบบนี้กับข้า ข้าจะทำให้พวกเจ้าไม่ได้ตายดี ความทุกข์ทรมานที่ข้าได้รับ พวกเจ้าต้องได้รับเช่นกัน โดยเฉพาะเจ้า”เขาหันหน้ามา ‘มอง’ เย่จิ่งหลานด้วยเปลือกตาที่ไร้ลูกตาเขาพูดเน้นทีละคำ “ข้าคือเหตุและผล ข้าคือกรรม เจ้าจะถูกตามล่าและเนรเทศโดยคำสั่งลงโทษอันชั่วร้าย!”เลือดหยดหนึ่งกระทบหน้าผากของเย่จิ่งหลาน รวดเร็วราวกับสายฟ้า ก่อนที่เย่จิ่งหลานจะรู้ตัว เลือดก็ไหลซึมเข้าสู่ผิวหนังของเขาอย่างรวดเร็วดูเหมือนว่าโมริตะคาวาสึบาเมะยังอยากพูดอยู่ แต่ฮวาเชียนได้เหวี่ยงกระบี่สับหัวของเขาแล้วเย่จิ่งหลานรู้สึกเย็นเฉียบที่ระหว่างคิ้ว เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสมัน ก็ไม่พบอะไรเลยฮวาเชียนมองตามสายตาของเย่จิ่งหลาน แต่ไม่เห็นเลือดหยดนั้น จึงถามด้วยความประหลาดใจ “มีอะไร”เย่จิ่งหลานยิ้ม“ไม่เป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1020 หลี่เต๋อฝูพูดจาเหลวไหล

    หลังจากผ่านอุทยานหลวงแล้ว เฟยมั่วก็ส่งเสียงฟู่ยาวออกมา แล้วหันหลังกลับด้วยตัวเอง“หยุด~”เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือออกไปดึงสายบังเหียนเฟยมั่วร้องไม่หยุด เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว เดิมทีเขาฝึกมันให้เชื่องมาหลายปีแล้ว ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งเลย แต่วันนี้กลับไม่ปกติเย่จิ่งอวี้จึงปล่อยบังเหียนดูว่ามันต้องการทำอะไรสิบอึดใจต่อมา เฟยมั่วก็มาถึงหน้าคอกม้า ม้าตัวหนึ่งที่ขาวราวกับหิมะก็สบตาเย่จิ่งอวี้แผงคอของม้าตัวนี้สว่างราวกับสีเงิน ดวงตาเหมือนเสือ มีกำลังวังชายิ่งนัก กีบใหญ่เท่าชาม สุขุมเยือกเย็นดั่งท่อนเสา ช่างเป็นม้าเทพที่ไม่มีใครเทียบได้!จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกว่าดวงตาของเขาสว่างขึ้น มีม้าขาวรูปงามเช่นนี้ปรากฏตัวในวังตั้งเมื่อใดเฟยมั่วได้พาเย่จิ่งอวี้วิ่งมถึงม้าขาวแล้ว พวกมันสนิทสนมกันมากเมื่อขันทีดูแลม้าหลวงได้ยินเสียงร้องของเฟยมั่ว ก็รีบวิ่งออกไปทั้งหมด“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ ม้าตัวนี้เข้ามาในวังเมื่อไหร่”เย่จิ่งอวี้ถือบังเหียนขี่ม้าไว้ในมือ แล้วชี้ไปที่ม้าตัวสีขาวหัวหน้าขันรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ทูลฝ่าบาท นี่คือม้าที่เจียงวูจัดหามาให้ ทรงประทานชื่อว่าหนิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1021 คนเทกระโถน

    เย่จิ่งอวี้โกรธจนแค่นเสียงเฮอะออกมา เขาใช้แส้ม้าตีไหล่ของหลี่เต๋อฝูด้วยแรงที่ไม่เบาไม่หนัก“บ่าวสุนัข คำพูดนี้เจ้าก็เชื่องั้นหรือ”หลี่เต๋อฝูเหงื่อออกราวกับสายฝน แต่ทำได้เพียงกัดฟันพูดว่า “ชาวบ้านมักมีคำพูดว่าสัตว์เลี้ยงแทนคุณ ไป๋เสวี่ยได้รับการช่วยเหลือจากฝ่าบาท ในใจย่อมมีความกตัญญูเป็นล้นพ้น ครั้นเห็นว่าฝ่าบาทประชวรล้มหมอนนอนเสื่อ ไหนเลยจะไม่ร้อนใจ ฉะนั้น...จึง...”เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงหึ แล้วพูดว่า “ฉะนั้นจึงไปหายามาให้ข้าอย่างนั้นสิ แล้วยาล่ะอยู่ที่ไหน”“เอ่อ...คงเป็นเพราะหนทางยาวไกล นายท่านไป๋เสวี่ยจึงยังไม่กลับมา”จากหางตาหลี่เต๋อฝูสามารถมองเห็นเม็ดเหงื่อที่ตกลงมาจากหน้าผาก ซึมเข้าไปในหินกรวดบนพื้นอย่างไร้สุ้มเสียง เสียงของเย่จิ่งอวี้เย็นชา“หลี่เต๋อฝู เจ้ายังกล้าโกหกข้ารึ หรือเจ้ากินดีหมีหัวใจเสือเข้าไป?”เสียงตวาดทุ้มลึก ทำให้หลี่เต๋อฝูตกใจจนสะดุ้งพูดซ้ำๆ “กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมมิกล้า เป็นพวกกระหม่อมที่ป้องกันหละหลวม ถึงทำให้นายท่านไป๋เสวี่ยวิ่งออกจากวัง กระหม่อมยินดีรับโทษทัณฑ์ทุกอย่าง หวังว่าฝ่าบาทจะเมตตา เว้นโทษประหารชีวิตให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อมองดูปลาไห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1022 รุ้งขาวทะลวงตะวัน

    ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้ได้ออกจากวังไปแล้วเขาได้ออกคำสั่งเด็ดขาด ผู้ใดก็ห้ามติดตามไป ฉินเทียนและคนอื่นๆ ย่อมไม่กล้าฝ่าฝืนเป็นธรรมดาตลอดทางขี่ม้าไปอย่างอิสระไร้จุดหมาย สัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน อารมณ์ก็ค่อยๆ สงบลงโดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาได้ผ่านตลาด มาถึงหน้าวัดที่เคยถูกโจมตีเมื่อยังเยาว์ ทันใดนั้นก็พบว่าสถานที่แห่งนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซม ตอนนี้ได้กลายเป็นอารามเต๋า นามว่าอารามซ่างชิงกวนข้างในนั้นเหมือนจะมีการเทศนาอยู่ เย่จิ่งอวี้ยืนฟังอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง จากนั้นก็ผูกเฟยมั่วไว้ที่ประตู แล้วค่อยๆ เดินเข้าไป พื้นที่ในห้องโถงไม่เล็ก เวลานี้มีชาวบ้านนั่งอยู่จำนวนมาก ตรงหน้าพวกเขามีชายชราผมขาวเคราขาวนั่งอยู่ ใบหน้าของคนผู้นี้ดูสงบ ดวงตาเป็นประกายลักษณะสำรวม สวมใส่ชุดนักพรตเต๋าผ้าหยาบสีเทา ปักรวบผมด้วยปิ่นไม้ ทำให้รู้สึกถึงความเป็นอมตะด้านหน้าของเขามีนักพรตน้อยวัยเยาว์นั่งอยู่แปดคน คนเหล่านี้ล้วนแต่งกายด้วยชุดเก่าๆ เช่นกัน ชุดของบางคนยังมีรอยปะชุนด้วยซ้ำ พวกเขาแต่ละคนหลุบตาก้มหน้าต่ำ สีหน้าเคร่งขรึม ซึ่งความเคร่งขรึมนี้มิได้เกิดจากการเสแสร้งแกล้งทำ หากแต่มาจากธาตุแท้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1023 ศิลาตอบสวรรค์

    ตำหนักเฉิงเทียนเย่จิ่งอวี้ยืนเอามือไพล่หลังอยู่กลางลาน ในใจยังคงนึกถึงสิ่งที่นักพรตเต๋าชราพูดรุ้งขาวทะลวงตะวันเกิดเข่นฆ่าโกลาหล บัญชาทัณฑ์กำลังจะไป!คำนี้หมายความว่าอะไรกันแน่หรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในเมืองหลวง?“เจวี๋ยอิ่ง”“กระหม่อมอยู่นี่”เจวี๋ยอิ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังเย่จิ่งอวี้ราวกับภูตผีทันที“ไปตรวจสอบดูว่ามีการจลาจลในเมืองหลวง หรือว่ามีเหตุการณ์ที่ส่อเค้าลางบ้างหรือไม่”“กระหม่อมน้อมรับบัญชา”เจวี๋ยอิ่งรับคำสั่งแล้วออกไปเย่จิ่งอวี้ยืนอยู่สักพัก แล้วค่อยกลับเข้าไปในตำหนักหลังจากฝึกโคจรพลังยุทธ์ได้ระยะหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนติดคอขวดก็เกิดขึ้นอีกครั้งเย่จิ่งอวี้เริ่มรู้สึกหงุดหงิดใจพิกล จึงรวบรวมกำลังภายใน แล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านสิ่งนี้แตกต่างจากม้วนไม้ไผ่ของต้าโจว มันเป็นกระดาษที่ทำจากเปลือกไม้ใบหญ้า หลี่เต๋อฝูกล่าวว่าฉินไห่ฉิวเป็นผู้สร้างขึ้นมา ซึ่งเย่จิ่งอวี้ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะถามอะไรอีกหลังจากพลิกดูไปหลายหน้า ถึงพบว่านี่ไม่ใช่ฎีกา ในหนังสือมีภาพการฝึกยุทธ์จำนวนมาก มีทั้งมุทรา มีทั้งแนวทางท่าเคลื่อนไหว ซึ่งดูเหมือนวรยุทธ์มากกว่าเหตุใดต

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1024 เจอเย่จั้นอีกแล้ว

    นักพรตเทียนชิงส่ายศีรษะ“นั่นไม่เหมือนกัน การวิวาทของทั้งสองแคว้น ล้วนทำเพื่อเจ้าเหนือหัวของแต่ละฝ่าย พวกเขาอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกัน มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ยังไม่นับว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งคนบาปที่แท้จริง คือผู้ที่สังหารคนอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มีเพียงคนดังกล่าวนี้เท่านั้น ถึงจะกระตุ้นพลังของศิลาตอบสวรรค์ และเปิดประตูสำนักบนเขาได้”นักพรตน้อยทั้งหมดโค้งคำนับพร้อมกัน“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ชี้แนะ พวกเราทราบแล้ว”นักพรตน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่อายุน้อยที่สุดกลับก้มหน้าอยู่ตลอด ไม่ปริปากเอ่ยคำใดนักพรตเทียนชิงเหลือบมองเขา แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ชิงฮุย เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่าไม่คุ้นชินกับเมืองจอแจที่อยู่เบื้องหน้านี้?”ชิงฮุยกล่าวอย่างนอบน้อม “หากใจบริสุทธิ์ดุจน้ำแข็ง ถึงโดนแลบเลียก็ไม่แปรเปลี่ยน มิไหวหวั่น จิตสงบร่มเย็น ศิษย์ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็เหมือนกัน”นักพรตเทียนชิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม“ดีมาก หากศิลาตอบสวรรค์ไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันอีก หลังจากลงทัณฑ์คนบาปคราวนี้แล้ว พวกเราก็กลับได้แล้ว”“ขอรับ”ทั้งหมดโค้งคำนับ แล้วจากไปเมื่อเด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1025 สมองน้อยๆ ไม่เข้าใจอะไรเยอะแยะ

    รูม่านตาของเย่จั้นก็หดลงเล็กน้อยเช่นกันอินชิงเสวียน?ทำไมนางถึงมาปรากฏตัวที่นี่ หรือเกิดเรื่องขึ้นที่เมืองหลวง?ดวงตาของเขากวาดไปทั่วร่างของฉางเฮิ่นเทียน แล้วก็เห็นจ้าวเอ๋อร์ทันทีพลันรู้สึกตกใจอีกครั้งเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่กลับเห็นอินชิงเสวียนส่ายศีรษะอย่างไม่เป็นที่ผิดสังเกตกับตัวเองทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา จากนั้นอินชิงเสวียนก็ตามชายชราผู้นั้นเข้าไปในโรงเตี๊ยมแล้วเสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาคู่โตสีดำปริบๆ สมองน้อยๆ รู้สึกไม่เข้าใจมาก เขารู้จักเย่จั้น เด็จแม่เคยบอกเขาว่านั่นคือเสด็จอา แต่ทำไมเด็จแม่ถึงจำเขาไม่ได้เสี่ยวหนานเฟิงขยับมือเล็กป้อมไปมา สายตาเต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ประพฤติตัวเรียบร้อยยิ่งนัก ไม่ได้อ้าปากร้องเรียกเย่จั้นอินชิงเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก สมแล้วที่เป็นลูกชายคนดีของนาง ฉลาดมาก!แม้ว่าเย่จั้นจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่เมื่อเทียบกับสัตว์ประหลาดเฒ่าจากตำหนักเทพ แต่ก็ยังต่างชั้นกันมากนางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลบหนีออกจากวัง เพียงเพราะไม่ต้องการให้มีผู้เสียชีวิตมากมายเพราะตัวเองแต่ตอนนี้ถูกเย่จั้นพบแล้ว เขาต้องมาถามหาคำตอบอย่างแน่นอน ต้องหาโอกาสเจอเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1026 เคารพเลื่อมใส

    อินชิงเสวียนเดินมาถึงตลาดแล้วถนนที่นี่พลุกพล่านกว่าในเมืองหลวง และสิ่งที่แตกต่างก็คือ ชาวบ้านที่นี่ล้วนถืออาวุธ ซึ่งเกือบจะเหมือนกับเป่ยไห่เลยบนถนนบางครั้งอินชิงเสวียนก็ได้ยินคำว่าหนังสือสวรรค์ไร้อักษร ซึ่งนางก็อดแปลกใจไม่ได้ทำไมถึงไม่เคยได้ยินผู้อาวุโสหันพูดถึงเรื่องนี้เลยเขากล่าวว่าตำหนักเทพหอทองคำมีเคล็ดวิชาลับวรยุทธ์ มียอดฝีมือและผู้อาวุโส ทำนองพิณที่หายสาบสูญ และภาพวาดของทุกคน แต่ไม่ได้พูดถึงหนังสือสวรรค์ไร้อักษรเลยหรือว่าเรื่องนี้มีการวางแผนร้ายที่ไม่อาจให้คนล่วงรู้?ขณะที่กำลังคิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นว่า “ผู้อาวุโสฉีจากสำนักอวิ๋นซานมาแล้ว เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะพาเราไปที่ยอดเขาบรรจบสวรรค์ ตอนนี้กำลังรับสมัครผู้มีความสามารถที่ศาลาหานซาน เรารีบไปดูกันเถอะ”“สำนักอวิ๋นซานเป็นสำนักใหญ่ในยุทธจักร มีเขาเป็นผู้นำของพวกเรา ต้องสามารถค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของสำนักบนเขาได้แน่”“ใช่แล้ว สำนักอวิ๋นซานมินเป็นสำนักคุณธรรมที่ต่อสู้กับพวกตงหลิว สามารถไว้ใจได้แน่นอน”“เรารีบไปดูกันเถอะ”ทุกคนวิ่งไปด้วยประกาศไปด้วย มุ่งหน้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว อินชิงเสวียนยิ้มอย่างเหยียดหยาม ส

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status