ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้ได้ออกจากวังไปแล้วเขาได้ออกคำสั่งเด็ดขาด ผู้ใดก็ห้ามติดตามไป ฉินเทียนและคนอื่นๆ ย่อมไม่กล้าฝ่าฝืนเป็นธรรมดาตลอดทางขี่ม้าไปอย่างอิสระไร้จุดหมาย สัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน อารมณ์ก็ค่อยๆ สงบลงโดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาได้ผ่านตลาด มาถึงหน้าวัดที่เคยถูกโจมตีเมื่อยังเยาว์ ทันใดนั้นก็พบว่าสถานที่แห่งนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซม ตอนนี้ได้กลายเป็นอารามเต๋า นามว่าอารามซ่างชิงกวนข้างในนั้นเหมือนจะมีการเทศนาอยู่ เย่จิ่งอวี้ยืนฟังอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง จากนั้นก็ผูกเฟยมั่วไว้ที่ประตู แล้วค่อยๆ เดินเข้าไป พื้นที่ในห้องโถงไม่เล็ก เวลานี้มีชาวบ้านนั่งอยู่จำนวนมาก ตรงหน้าพวกเขามีชายชราผมขาวเคราขาวนั่งอยู่ ใบหน้าของคนผู้นี้ดูสงบ ดวงตาเป็นประกายลักษณะสำรวม สวมใส่ชุดนักพรตเต๋าผ้าหยาบสีเทา ปักรวบผมด้วยปิ่นไม้ ทำให้รู้สึกถึงความเป็นอมตะด้านหน้าของเขามีนักพรตน้อยวัยเยาว์นั่งอยู่แปดคน คนเหล่านี้ล้วนแต่งกายด้วยชุดเก่าๆ เช่นกัน ชุดของบางคนยังมีรอยปะชุนด้วยซ้ำ พวกเขาแต่ละคนหลุบตาก้มหน้าต่ำ สีหน้าเคร่งขรึม ซึ่งความเคร่งขรึมนี้มิได้เกิดจากการเสแสร้งแกล้งทำ หากแต่มาจากธาตุแท้
ตำหนักเฉิงเทียนเย่จิ่งอวี้ยืนเอามือไพล่หลังอยู่กลางลาน ในใจยังคงนึกถึงสิ่งที่นักพรตเต๋าชราพูดรุ้งขาวทะลวงตะวันเกิดเข่นฆ่าโกลาหล บัญชาทัณฑ์กำลังจะไป!คำนี้หมายความว่าอะไรกันแน่หรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในเมืองหลวง?“เจวี๋ยอิ่ง”“กระหม่อมอยู่นี่”เจวี๋ยอิ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังเย่จิ่งอวี้ราวกับภูตผีทันที“ไปตรวจสอบดูว่ามีการจลาจลในเมืองหลวง หรือว่ามีเหตุการณ์ที่ส่อเค้าลางบ้างหรือไม่”“กระหม่อมน้อมรับบัญชา”เจวี๋ยอิ่งรับคำสั่งแล้วออกไปเย่จิ่งอวี้ยืนอยู่สักพัก แล้วค่อยกลับเข้าไปในตำหนักหลังจากฝึกโคจรพลังยุทธ์ได้ระยะหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนติดคอขวดก็เกิดขึ้นอีกครั้งเย่จิ่งอวี้เริ่มรู้สึกหงุดหงิดใจพิกล จึงรวบรวมกำลังภายใน แล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านสิ่งนี้แตกต่างจากม้วนไม้ไผ่ของต้าโจว มันเป็นกระดาษที่ทำจากเปลือกไม้ใบหญ้า หลี่เต๋อฝูกล่าวว่าฉินไห่ฉิวเป็นผู้สร้างขึ้นมา ซึ่งเย่จิ่งอวี้ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะถามอะไรอีกหลังจากพลิกดูไปหลายหน้า ถึงพบว่านี่ไม่ใช่ฎีกา ในหนังสือมีภาพการฝึกยุทธ์จำนวนมาก มีทั้งมุทรา มีทั้งแนวทางท่าเคลื่อนไหว ซึ่งดูเหมือนวรยุทธ์มากกว่าเหตุใดต
นักพรตเทียนชิงส่ายศีรษะ“นั่นไม่เหมือนกัน การวิวาทของทั้งสองแคว้น ล้วนทำเพื่อเจ้าเหนือหัวของแต่ละฝ่าย พวกเขาอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกัน มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ยังไม่นับว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งคนบาปที่แท้จริง คือผู้ที่สังหารคนอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มีเพียงคนดังกล่าวนี้เท่านั้น ถึงจะกระตุ้นพลังของศิลาตอบสวรรค์ และเปิดประตูสำนักบนเขาได้”นักพรตน้อยทั้งหมดโค้งคำนับพร้อมกัน“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ชี้แนะ พวกเราทราบแล้ว”นักพรตน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่อายุน้อยที่สุดกลับก้มหน้าอยู่ตลอด ไม่ปริปากเอ่ยคำใดนักพรตเทียนชิงเหลือบมองเขา แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ชิงฮุย เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่าไม่คุ้นชินกับเมืองจอแจที่อยู่เบื้องหน้านี้?”ชิงฮุยกล่าวอย่างนอบน้อม “หากใจบริสุทธิ์ดุจน้ำแข็ง ถึงโดนแลบเลียก็ไม่แปรเปลี่ยน มิไหวหวั่น จิตสงบร่มเย็น ศิษย์ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็เหมือนกัน”นักพรตเทียนชิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม“ดีมาก หากศิลาตอบสวรรค์ไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันอีก หลังจากลงทัณฑ์คนบาปคราวนี้แล้ว พวกเราก็กลับได้แล้ว”“ขอรับ”ทั้งหมดโค้งคำนับ แล้วจากไปเมื่อเด
รูม่านตาของเย่จั้นก็หดลงเล็กน้อยเช่นกันอินชิงเสวียน?ทำไมนางถึงมาปรากฏตัวที่นี่ หรือเกิดเรื่องขึ้นที่เมืองหลวง?ดวงตาของเขากวาดไปทั่วร่างของฉางเฮิ่นเทียน แล้วก็เห็นจ้าวเอ๋อร์ทันทีพลันรู้สึกตกใจอีกครั้งเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่กลับเห็นอินชิงเสวียนส่ายศีรษะอย่างไม่เป็นที่ผิดสังเกตกับตัวเองทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา จากนั้นอินชิงเสวียนก็ตามชายชราผู้นั้นเข้าไปในโรงเตี๊ยมแล้วเสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาคู่โตสีดำปริบๆ สมองน้อยๆ รู้สึกไม่เข้าใจมาก เขารู้จักเย่จั้น เด็จแม่เคยบอกเขาว่านั่นคือเสด็จอา แต่ทำไมเด็จแม่ถึงจำเขาไม่ได้เสี่ยวหนานเฟิงขยับมือเล็กป้อมไปมา สายตาเต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ประพฤติตัวเรียบร้อยยิ่งนัก ไม่ได้อ้าปากร้องเรียกเย่จั้นอินชิงเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก สมแล้วที่เป็นลูกชายคนดีของนาง ฉลาดมาก!แม้ว่าเย่จั้นจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่เมื่อเทียบกับสัตว์ประหลาดเฒ่าจากตำหนักเทพ แต่ก็ยังต่างชั้นกันมากนางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลบหนีออกจากวัง เพียงเพราะไม่ต้องการให้มีผู้เสียชีวิตมากมายเพราะตัวเองแต่ตอนนี้ถูกเย่จั้นพบแล้ว เขาต้องมาถามหาคำตอบอย่างแน่นอน ต้องหาโอกาสเจอเ
อินชิงเสวียนเดินมาถึงตลาดแล้วถนนที่นี่พลุกพล่านกว่าในเมืองหลวง และสิ่งที่แตกต่างก็คือ ชาวบ้านที่นี่ล้วนถืออาวุธ ซึ่งเกือบจะเหมือนกับเป่ยไห่เลยบนถนนบางครั้งอินชิงเสวียนก็ได้ยินคำว่าหนังสือสวรรค์ไร้อักษร ซึ่งนางก็อดแปลกใจไม่ได้ทำไมถึงไม่เคยได้ยินผู้อาวุโสหันพูดถึงเรื่องนี้เลยเขากล่าวว่าตำหนักเทพหอทองคำมีเคล็ดวิชาลับวรยุทธ์ มียอดฝีมือและผู้อาวุโส ทำนองพิณที่หายสาบสูญ และภาพวาดของทุกคน แต่ไม่ได้พูดถึงหนังสือสวรรค์ไร้อักษรเลยหรือว่าเรื่องนี้มีการวางแผนร้ายที่ไม่อาจให้คนล่วงรู้?ขณะที่กำลังคิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นว่า “ผู้อาวุโสฉีจากสำนักอวิ๋นซานมาแล้ว เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะพาเราไปที่ยอดเขาบรรจบสวรรค์ ตอนนี้กำลังรับสมัครผู้มีความสามารถที่ศาลาหานซาน เรารีบไปดูกันเถอะ”“สำนักอวิ๋นซานเป็นสำนักใหญ่ในยุทธจักร มีเขาเป็นผู้นำของพวกเรา ต้องสามารถค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของสำนักบนเขาได้แน่”“ใช่แล้ว สำนักอวิ๋นซานมินเป็นสำนักคุณธรรมที่ต่อสู้กับพวกตงหลิว สามารถไว้ใจได้แน่นอน”“เรารีบไปดูกันเถอะ”ทุกคนวิ่งไปด้วยประกาศไปด้วย มุ่งหน้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว อินชิงเสวียนยิ้มอย่างเหยียดหยาม ส
อินชิงเสวียนโค้งกายคำนับเล็กน้อย“ขอบคุณเสด็จอามาก ไม่ทราบว่าเหตุใดเสด็จอาถึงพบที่นี่ได้”เย่จั้นถอนหายใจกล่าวว่า “หลังจากออกจากเมืองหลวง ข้าก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ได้ยินมาว่ามีหนังสือสวรรค์ไร้อักษรปรากฏขึ้นที่เทือกเขาเชื่อมเมฆา ชาวยุทธ์จำนวนมากมุ่งหน้ามาที่นี่ จึงลองเสี่ยงโชคดูเหมือนกัน”อินชิงเสวียนพยักหน้า“เป็นโอกาสดีเหมาะกับการมาสืบข่าวจริงๆ น่าเสียดายที่การเดินทางไปเป่ยไห่ สืบข่าวอะไรไม่ได้เลย น่าละอายใจต่อเสด็จอายิ่งนัก”เย่จั้นพูดอย่างอบอุ่น “ฮองเฮาไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง แม่นางอินหายตัวไปหลายปีแล้ว ข้ารู้ว่าการตามหามีความหวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่อยากเสียใจภายหลัง ไม่ว่าจะผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร ก็ควรพยายามทำให้ดีที่สุด”เขาหยุดครู่หนึ่ง แล้วขมวดคิ้วถามว่า “แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือจ้าวเอ๋อร์ได้อย่างไร ฮองเฮาพอมีวิธีใดที่ให้ข้าขึ้นเขาไปกับเจ้าได้หรือไม่ จะได้ช่วยดูแล?”“ไม่ต้องหรอก ที่ข้ามาพบเสด็จอานั้น ประการแรกคือไม่ต้องการให้อาอวี้รู้เรื่องนี้ ประการที่สองไม่ต้องการให้เสด็จอาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจเสด็จอา แต่ผู้อาวุโสหันนั่นเจ้าเล่ห์เ
ผู้อาวุโสหันแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา“ถ้านางตาย นั่นก็เพราะว่ารนหาที่เอง ตลอดหลายปีที่นางทรยศหลบหนีออกไปข้างนอก ข้าไม่ได้คิดบัญชีกับนาง ก็นับว่าเมตตามากแล้ว”“ผู้อาวุโสหัน!”ฉุยอวี้ตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้เสียงของผู้อาวุโสหันเข้มขึ้น“หุบปาก”อินชิงเสวียนตื่นจากภวังค์ทันทีดูเหมือนว่าตัวเองจะดูไม่ผิด โจรเฒ่าแซ่หันคนนี้ไม่ใช่คนดีจริงๆแต่มีสิ่งหนึ่งที่นางไม่เคยเข้าใจมาโดยตลอดในเมื่อตำหนักเทพหอทองคำสูงส่งเพียงนี้ ทั้งยังมีอำนาจทุกอย่าง ทำไมฉุยอวี้ถึงทรยศต่อสำนัก มาก่อตั้งสำนักที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างเช่นสำนักเซียวเหยา?โชคดีที่พรุ่งนี้ก็จะขึ้นเขาแล้ว ทุกสิ่งที่นางอยากรู้ จะต้องหาคำตอบให้กระจ่างขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก็มาถึงชั้นบนแล้วฉางเฮิ่นเทียนกล่าวด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโสหัน แม่นางอินกลับมาแล้ว”ผู้อาวุโสหันถามด้วยเสียงแผ่วต่ำ “นางได้ไปหาฉุยอวี้หรือไม่”ฉางเฮิ่นเทียนกล่าวว่า “ไม่ขอรับ ซื้อของเล่นมาให้ลูก แล้วกลับไปพักผ่อนในห้องแล้ว”ผู้อาวุโสหันเหลือบมองที่ห้องของอินชิงเสวียน แล้วพูดเบาๆ “ดีมาก เฟิงอวิ๋นลี่ เจ้าเอาของกินไปให้นาง จำไว้ ระวังปากของเจ้าด้วย”“เจ้
ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีความหวังริบหรี่อยู่ในใจ บางทีการปรากฏตัวของอินชิงเสวียน อาจเป็นสิ่งดีที่สวรรค์ประทานให้พี่หญิงใหญ่ก็เป็นได้...อินชิงเสวียนก็คิดเช่นเดียวกันในตอนแรกที่โจรเฒ่าหันคนนี้ไปเมืองหลวง ก็เพื่อต้องการน้ำพุวิญญาณในตัวนาง ตอนนี้ก็ข่มขู่ตัวเองให้ขึ้นเขา อาจทำเพื่อเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงหากเฟิงเอ้อร์เหนียงพูดความจริง และเฮ่อยวนกับแม่ของเจ้าของร่างเดิมยังไม่ตาย จุดประสงค์ของโจรเฒ่า ก็คือให้ตัวเองและเฮ่อยวนต่อสู้ศึกสายเลือด เพื่อให้ตัวเองกอบโกยผลประโยชน์ช่างเป็นตาแก่ร้ายกาจจริงๆ แต่ว่า ตอนนี้แม่ของเจ้าของร่างเดิมอยู่ที่ไหนอินชิงเสวียนมองไปที่ฉุยอวี้ แต่กลับเห็นเฟิงเอ้อร์เหนียงเดินโซซัดโซเซ แบกฉุยอวี้ขึ้นบันไดหินขึ้นไปทีละก้าว แม้ว่าความประทับใจของนางที่มีต่อเฟิงเอ้อร์เหนียงและฉุยอวี้จะไม่ดีนัก แต่ในเวลานี้ยังคงรู้สึกว่าศิษย์พี่น้องคู่นี้น่าสงสารอยู่บ้าง“ไม่สู้...ให้ข้าช่วยแบกสักประเดี๋ยวเถอะ”เฟิงเอ้อร์เหนียงยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ“ไม่ต้องหรอก ข้าไหว”อินชิงเสวียนความซับซ้อนในแววตาของนาง แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้มากนัก จึงทำได้เพียงยอมแพ้ทุกคนเคลื่อนตัวไปข้างหน้า หลังจ