หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1020 หลี่เต๋อฝูพูดจาเหลวไหล

แชร์

บทที่ 1020 หลี่เต๋อฝูพูดจาเหลวไหล

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-07-23 16:00:00
หลังจากผ่านอุทยานหลวงแล้ว เฟยมั่วก็ส่งเสียงฟู่ยาวออกมา แล้วหันหลังกลับด้วยตัวเอง

“หยุด~”

เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือออกไปดึงสายบังเหียน

เฟยมั่วร้องไม่หยุด เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว เดิมทีเขาฝึกมันให้เชื่องมาหลายปีแล้ว ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งเลย แต่วันนี้กลับไม่ปกติ

เย่จิ่งอวี้จึงปล่อยบังเหียนดูว่ามันต้องการทำอะไร

สิบอึดใจต่อมา เฟยมั่วก็มาถึงหน้าคอกม้า ม้าตัวหนึ่งที่ขาวราวกับหิมะก็สบตาเย่จิ่งอวี้

แผงคอของม้าตัวนี้สว่างราวกับสีเงิน ดวงตาเหมือนเสือ มีกำลังวังชายิ่งนัก กีบใหญ่เท่าชาม สุขุมเยือกเย็นดั่งท่อนเสา ช่างเป็นม้าเทพที่ไม่มีใครเทียบได้!

จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกว่าดวงตาของเขาสว่างขึ้น มีม้าขาวรูปงามเช่นนี้ปรากฏตัวในวังตั้งเมื่อใด

เฟยมั่วได้พาเย่จิ่งอวี้วิ่งมถึงม้าขาวแล้ว พวกมันสนิทสนมกันมาก

เมื่อขันทีดูแลม้าหลวงได้ยินเสียงร้องของเฟยมั่ว ก็รีบวิ่งออกไปทั้งหมด

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”

“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ ม้าตัวนี้เข้ามาในวังเมื่อไหร่”

เย่จิ่งอวี้ถือบังเหียนขี่ม้าไว้ในมือ แล้วชี้ไปที่ม้าตัวสีขาว

หัวหน้าขันรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ทูลฝ่าบาท นี่คือม้าที่เจียงวูจัดหามาให้ ทรงประทานชื่อว่าหนิ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1021 คนเทกระโถน

    เย่จิ่งอวี้โกรธจนแค่นเสียงเฮอะออกมา เขาใช้แส้ม้าตีไหล่ของหลี่เต๋อฝูด้วยแรงที่ไม่เบาไม่หนัก“บ่าวสุนัข คำพูดนี้เจ้าก็เชื่องั้นหรือ”หลี่เต๋อฝูเหงื่อออกราวกับสายฝน แต่ทำได้เพียงกัดฟันพูดว่า “ชาวบ้านมักมีคำพูดว่าสัตว์เลี้ยงแทนคุณ ไป๋เสวี่ยได้รับการช่วยเหลือจากฝ่าบาท ในใจย่อมมีความกตัญญูเป็นล้นพ้น ครั้นเห็นว่าฝ่าบาทประชวรล้มหมอนนอนเสื่อ ไหนเลยจะไม่ร้อนใจ ฉะนั้น...จึง...”เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงหึ แล้วพูดว่า “ฉะนั้นจึงไปหายามาให้ข้าอย่างนั้นสิ แล้วยาล่ะอยู่ที่ไหน”“เอ่อ...คงเป็นเพราะหนทางยาวไกล นายท่านไป๋เสวี่ยจึงยังไม่กลับมา”จากหางตาหลี่เต๋อฝูสามารถมองเห็นเม็ดเหงื่อที่ตกลงมาจากหน้าผาก ซึมเข้าไปในหินกรวดบนพื้นอย่างไร้สุ้มเสียง เสียงของเย่จิ่งอวี้เย็นชา“หลี่เต๋อฝู เจ้ายังกล้าโกหกข้ารึ หรือเจ้ากินดีหมีหัวใจเสือเข้าไป?”เสียงตวาดทุ้มลึก ทำให้หลี่เต๋อฝูตกใจจนสะดุ้งพูดซ้ำๆ “กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมมิกล้า เป็นพวกกระหม่อมที่ป้องกันหละหลวม ถึงทำให้นายท่านไป๋เสวี่ยวิ่งออกจากวัง กระหม่อมยินดีรับโทษทัณฑ์ทุกอย่าง หวังว่าฝ่าบาทจะเมตตา เว้นโทษประหารชีวิตให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อมองดูปลาไห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-23
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1022 รุ้งขาวทะลวงตะวัน

    ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้ได้ออกจากวังไปแล้วเขาได้ออกคำสั่งเด็ดขาด ผู้ใดก็ห้ามติดตามไป ฉินเทียนและคนอื่นๆ ย่อมไม่กล้าฝ่าฝืนเป็นธรรมดาตลอดทางขี่ม้าไปอย่างอิสระไร้จุดหมาย สัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน อารมณ์ก็ค่อยๆ สงบลงโดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาได้ผ่านตลาด มาถึงหน้าวัดที่เคยถูกโจมตีเมื่อยังเยาว์ ทันใดนั้นก็พบว่าสถานที่แห่งนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซม ตอนนี้ได้กลายเป็นอารามเต๋า นามว่าอารามซ่างชิงกวนข้างในนั้นเหมือนจะมีการเทศนาอยู่ เย่จิ่งอวี้ยืนฟังอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง จากนั้นก็ผูกเฟยมั่วไว้ที่ประตู แล้วค่อยๆ เดินเข้าไป พื้นที่ในห้องโถงไม่เล็ก เวลานี้มีชาวบ้านนั่งอยู่จำนวนมาก ตรงหน้าพวกเขามีชายชราผมขาวเคราขาวนั่งอยู่ ใบหน้าของคนผู้นี้ดูสงบ ดวงตาเป็นประกายลักษณะสำรวม สวมใส่ชุดนักพรตเต๋าผ้าหยาบสีเทา ปักรวบผมด้วยปิ่นไม้ ทำให้รู้สึกถึงความเป็นอมตะด้านหน้าของเขามีนักพรตน้อยวัยเยาว์นั่งอยู่แปดคน คนเหล่านี้ล้วนแต่งกายด้วยชุดเก่าๆ เช่นกัน ชุดของบางคนยังมีรอยปะชุนด้วยซ้ำ พวกเขาแต่ละคนหลุบตาก้มหน้าต่ำ สีหน้าเคร่งขรึม ซึ่งความเคร่งขรึมนี้มิได้เกิดจากการเสแสร้งแกล้งทำ หากแต่มาจากธาตุแท้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-23
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1023 ศิลาตอบสวรรค์

    ตำหนักเฉิงเทียนเย่จิ่งอวี้ยืนเอามือไพล่หลังอยู่กลางลาน ในใจยังคงนึกถึงสิ่งที่นักพรตเต๋าชราพูดรุ้งขาวทะลวงตะวันเกิดเข่นฆ่าโกลาหล บัญชาทัณฑ์กำลังจะไป!คำนี้หมายความว่าอะไรกันแน่หรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในเมืองหลวง?“เจวี๋ยอิ่ง”“กระหม่อมอยู่นี่”เจวี๋ยอิ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังเย่จิ่งอวี้ราวกับภูตผีทันที“ไปตรวจสอบดูว่ามีการจลาจลในเมืองหลวง หรือว่ามีเหตุการณ์ที่ส่อเค้าลางบ้างหรือไม่”“กระหม่อมน้อมรับบัญชา”เจวี๋ยอิ่งรับคำสั่งแล้วออกไปเย่จิ่งอวี้ยืนอยู่สักพัก แล้วค่อยกลับเข้าไปในตำหนักหลังจากฝึกโคจรพลังยุทธ์ได้ระยะหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนติดคอขวดก็เกิดขึ้นอีกครั้งเย่จิ่งอวี้เริ่มรู้สึกหงุดหงิดใจพิกล จึงรวบรวมกำลังภายใน แล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านสิ่งนี้แตกต่างจากม้วนไม้ไผ่ของต้าโจว มันเป็นกระดาษที่ทำจากเปลือกไม้ใบหญ้า หลี่เต๋อฝูกล่าวว่าฉินไห่ฉิวเป็นผู้สร้างขึ้นมา ซึ่งเย่จิ่งอวี้ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะถามอะไรอีกหลังจากพลิกดูไปหลายหน้า ถึงพบว่านี่ไม่ใช่ฎีกา ในหนังสือมีภาพการฝึกยุทธ์จำนวนมาก มีทั้งมุทรา มีทั้งแนวทางท่าเคลื่อนไหว ซึ่งดูเหมือนวรยุทธ์มากกว่าเหตุใดต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-23
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1024 เจอเย่จั้นอีกแล้ว

    นักพรตเทียนชิงส่ายศีรษะ“นั่นไม่เหมือนกัน การวิวาทของทั้งสองแคว้น ล้วนทำเพื่อเจ้าเหนือหัวของแต่ละฝ่าย พวกเขาอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกัน มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ยังไม่นับว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งคนบาปที่แท้จริง คือผู้ที่สังหารคนอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มีเพียงคนดังกล่าวนี้เท่านั้น ถึงจะกระตุ้นพลังของศิลาตอบสวรรค์ และเปิดประตูสำนักบนเขาได้”นักพรตน้อยทั้งหมดโค้งคำนับพร้อมกัน“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ชี้แนะ พวกเราทราบแล้ว”นักพรตน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่อายุน้อยที่สุดกลับก้มหน้าอยู่ตลอด ไม่ปริปากเอ่ยคำใดนักพรตเทียนชิงเหลือบมองเขา แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ชิงฮุย เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่าไม่คุ้นชินกับเมืองจอแจที่อยู่เบื้องหน้านี้?”ชิงฮุยกล่าวอย่างนอบน้อม “หากใจบริสุทธิ์ดุจน้ำแข็ง ถึงโดนแลบเลียก็ไม่แปรเปลี่ยน มิไหวหวั่น จิตสงบร่มเย็น ศิษย์ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็เหมือนกัน”นักพรตเทียนชิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม“ดีมาก หากศิลาตอบสวรรค์ไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันอีก หลังจากลงทัณฑ์คนบาปคราวนี้แล้ว พวกเราก็กลับได้แล้ว”“ขอรับ”ทั้งหมดโค้งคำนับ แล้วจากไปเมื่อเด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1025 สมองน้อยๆ ไม่เข้าใจอะไรเยอะแยะ

    รูม่านตาของเย่จั้นก็หดลงเล็กน้อยเช่นกันอินชิงเสวียน?ทำไมนางถึงมาปรากฏตัวที่นี่ หรือเกิดเรื่องขึ้นที่เมืองหลวง?ดวงตาของเขากวาดไปทั่วร่างของฉางเฮิ่นเทียน แล้วก็เห็นจ้าวเอ๋อร์ทันทีพลันรู้สึกตกใจอีกครั้งเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่กลับเห็นอินชิงเสวียนส่ายศีรษะอย่างไม่เป็นที่ผิดสังเกตกับตัวเองทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา จากนั้นอินชิงเสวียนก็ตามชายชราผู้นั้นเข้าไปในโรงเตี๊ยมแล้วเสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาคู่โตสีดำปริบๆ สมองน้อยๆ รู้สึกไม่เข้าใจมาก เขารู้จักเย่จั้น เด็จแม่เคยบอกเขาว่านั่นคือเสด็จอา แต่ทำไมเด็จแม่ถึงจำเขาไม่ได้เสี่ยวหนานเฟิงขยับมือเล็กป้อมไปมา สายตาเต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ประพฤติตัวเรียบร้อยยิ่งนัก ไม่ได้อ้าปากร้องเรียกเย่จั้นอินชิงเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก สมแล้วที่เป็นลูกชายคนดีของนาง ฉลาดมาก!แม้ว่าเย่จั้นจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่เมื่อเทียบกับสัตว์ประหลาดเฒ่าจากตำหนักเทพ แต่ก็ยังต่างชั้นกันมากนางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลบหนีออกจากวัง เพียงเพราะไม่ต้องการให้มีผู้เสียชีวิตมากมายเพราะตัวเองแต่ตอนนี้ถูกเย่จั้นพบแล้ว เขาต้องมาถามหาคำตอบอย่างแน่นอน ต้องหาโอกาสเจอเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1026 เคารพเลื่อมใส

    อินชิงเสวียนเดินมาถึงตลาดแล้วถนนที่นี่พลุกพล่านกว่าในเมืองหลวง และสิ่งที่แตกต่างก็คือ ชาวบ้านที่นี่ล้วนถืออาวุธ ซึ่งเกือบจะเหมือนกับเป่ยไห่เลยบนถนนบางครั้งอินชิงเสวียนก็ได้ยินคำว่าหนังสือสวรรค์ไร้อักษร ซึ่งนางก็อดแปลกใจไม่ได้ทำไมถึงไม่เคยได้ยินผู้อาวุโสหันพูดถึงเรื่องนี้เลยเขากล่าวว่าตำหนักเทพหอทองคำมีเคล็ดวิชาลับวรยุทธ์ มียอดฝีมือและผู้อาวุโส ทำนองพิณที่หายสาบสูญ และภาพวาดของทุกคน แต่ไม่ได้พูดถึงหนังสือสวรรค์ไร้อักษรเลยหรือว่าเรื่องนี้มีการวางแผนร้ายที่ไม่อาจให้คนล่วงรู้?ขณะที่กำลังคิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นว่า “ผู้อาวุโสฉีจากสำนักอวิ๋นซานมาแล้ว เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะพาเราไปที่ยอดเขาบรรจบสวรรค์ ตอนนี้กำลังรับสมัครผู้มีความสามารถที่ศาลาหานซาน เรารีบไปดูกันเถอะ”“สำนักอวิ๋นซานเป็นสำนักใหญ่ในยุทธจักร มีเขาเป็นผู้นำของพวกเรา ต้องสามารถค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของสำนักบนเขาได้แน่”“ใช่แล้ว สำนักอวิ๋นซานมินเป็นสำนักคุณธรรมที่ต่อสู้กับพวกตงหลิว สามารถไว้ใจได้แน่นอน”“เรารีบไปดูกันเถอะ”ทุกคนวิ่งไปด้วยประกาศไปด้วย มุ่งหน้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว อินชิงเสวียนยิ้มอย่างเหยียดหยาม ส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1027 ละอายใจต่อเสด็จอา

    อินชิงเสวียนโค้งกายคำนับเล็กน้อย“ขอบคุณเสด็จอามาก ไม่ทราบว่าเหตุใดเสด็จอาถึงพบที่นี่ได้”เย่จั้นถอนหายใจกล่าวว่า “หลังจากออกจากเมืองหลวง ข้าก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ได้ยินมาว่ามีหนังสือสวรรค์ไร้อักษรปรากฏขึ้นที่เทือกเขาเชื่อมเมฆา ชาวยุทธ์จำนวนมากมุ่งหน้ามาที่นี่ จึงลองเสี่ยงโชคดูเหมือนกัน”อินชิงเสวียนพยักหน้า“เป็นโอกาสดีเหมาะกับการมาสืบข่าวจริงๆ น่าเสียดายที่การเดินทางไปเป่ยไห่ สืบข่าวอะไรไม่ได้เลย น่าละอายใจต่อเสด็จอายิ่งนัก”เย่จั้นพูดอย่างอบอุ่น “ฮองเฮาไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง แม่นางอินหายตัวไปหลายปีแล้ว ข้ารู้ว่าการตามหามีความหวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่อยากเสียใจภายหลัง ไม่ว่าจะผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร ก็ควรพยายามทำให้ดีที่สุด”เขาหยุดครู่หนึ่ง แล้วขมวดคิ้วถามว่า “แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือจ้าวเอ๋อร์ได้อย่างไร ฮองเฮาพอมีวิธีใดที่ให้ข้าขึ้นเขาไปกับเจ้าได้หรือไม่ จะได้ช่วยดูแล?”“ไม่ต้องหรอก ที่ข้ามาพบเสด็จอานั้น ประการแรกคือไม่ต้องการให้อาอวี้รู้เรื่องนี้ ประการที่สองไม่ต้องการให้เสด็จอาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจเสด็จอา แต่ผู้อาวุโสหันนั่นเจ้าเล่ห์เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1028 ขึ้นเขา

    ผู้อาวุโสหันแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา“ถ้านางตาย นั่นก็เพราะว่ารนหาที่เอง ตลอดหลายปีที่นางทรยศหลบหนีออกไปข้างนอก ข้าไม่ได้คิดบัญชีกับนาง ก็นับว่าเมตตามากแล้ว”“ผู้อาวุโสหัน!”ฉุยอวี้ตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้เสียงของผู้อาวุโสหันเข้มขึ้น“หุบปาก”อินชิงเสวียนตื่นจากภวังค์ทันทีดูเหมือนว่าตัวเองจะดูไม่ผิด โจรเฒ่าแซ่หันคนนี้ไม่ใช่คนดีจริงๆแต่มีสิ่งหนึ่งที่นางไม่เคยเข้าใจมาโดยตลอดในเมื่อตำหนักเทพหอทองคำสูงส่งเพียงนี้ ทั้งยังมีอำนาจทุกอย่าง ทำไมฉุยอวี้ถึงทรยศต่อสำนัก มาก่อตั้งสำนักที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างเช่นสำนักเซียวเหยา?โชคดีที่พรุ่งนี้ก็จะขึ้นเขาแล้ว ทุกสิ่งที่นางอยากรู้ จะต้องหาคำตอบให้กระจ่างขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก็มาถึงชั้นบนแล้วฉางเฮิ่นเทียนกล่าวด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโสหัน แม่นางอินกลับมาแล้ว”ผู้อาวุโสหันถามด้วยเสียงแผ่วต่ำ “นางได้ไปหาฉุยอวี้หรือไม่”ฉางเฮิ่นเทียนกล่าวว่า “ไม่ขอรับ ซื้อของเล่นมาให้ลูก แล้วกลับไปพักผ่อนในห้องแล้ว”ผู้อาวุโสหันเหลือบมองที่ห้องของอินชิงเสวียน แล้วพูดเบาๆ “ดีมาก เฟิงอวิ๋นลี่ เจ้าเอาของกินไปให้นาง จำไว้ ระวังปากของเจ้าด้วย”“เจ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-25

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status