"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู” หยางหยางวิ่งเข้ามาที่จวนด้วยความรีบร้อน
“หยางหยางข้าเคยบอกเจ้าหรือไม่ว่าอย่าวิ่งไปมาในจวน “ เสี่ยวเอ๋อส่ายหัวไปมากับการกระทำของหยางหยางที่เฝ้าพรำสอนตลอดเวลา
“ข้าขอโทษเจ้าคะเพราะความตื่นเต้นของข้า ข้าเลยเผลอไป “ หยางหยางนั่งลงกับพื้นทั้งพูดทั้งเหนื่อยหอบในเวลาเดียวกัน
“ตื่นเต้นมีเรื่องอันใดกัน”
“ข้าไปเดินเล่นซื้อขนมที่ตลาดมาให้คุณหนูข้าได้ยินมาว่าที่หมู่บ้านใกล้ๆเขาได้จัดงานเทศกาลกัน ท่านพาข้าไปเที่ยวบ้างได้มั้ยเจ้าคะ ตั้งแต่มาอยู่ที่จวนแห่งนี้ข้าไม่เคยออกไปเที่ยวเลย”
“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ชอบที่แออัดผู้คนเดินเบียดกันมากมาย.” เสี่ยวเอ๋อนางหยิบตำราขึ้นเตรียมจะมาอ่านก็ถูกหยางหยางแย่งไป
“โธ่คุณหนูไม่สงสารหยางหยางคนนี้บ้างหรือเจ้าคะ ข้าก็อยากไปเดินเล่นเหมือนหญิงสาวคนอื่นบ้าง” นางพูดพร้อมทำท่าทางออดอ้อนเหมือนแมวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้าของอยู่
“งั้นเจ้าก็ไปเที่ยวเล่นกับสาวใช้ในจวนสิ.” เสี่ยวเอ๋อจึงหยิบตำรากลับคืนมาจากมือของหยางหยาง
“ท่านก็รู้นี่เจ้าคะ ว่าคุณหนูอยู่ที่ใดข้าต้องอยู่ที่นั้นแล้วจะให้ข้าทิ้งคุณหนูไปได้อย่างไร" หยางหยางนางเศร้าทันทีและก้มหน้าลงเหมือนน้อยใจ เสี่ยวเอ๋อจึงสงสารนาง นางก็ยังเด็กอยู่ไม่แปลกที่นางอยากจะไปเที่ยวเล่นบ้าง นางจึงตัดสินใจที่จะพาหยางหยางไปเที่ยวในคืนนี้
“ก็ได้ ข้าจะพาเจ้าไป แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าก่อนว่าเจ้าอย่าทำให้ข้าเดือดร้อนและห้ามสร้างความวุ่นวายเข้าใจหรือไม่” เมื่อหยางหยางได้ยินคำพูดของเสี่ยวเอ๋อนางดีใจอย่างมากก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับคุณหนูของนาง
“ข้าสัญญาเจ้าค่ะ ข้าจะไม่ดื้อไม่วิ่งไปทั่วและจะไม่ทำให้คุณหนูต้องเดือดร้อน”
“เจ้านี่นะเปลี่ยนอารมณ์ไวเสียจริง”เสี่ยวเอ๋อเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นกิริยาของสาวใช้นางเปลี่ยนไป
“แฮะๆ “
“งั้นเดี๋ยวข้าเอาขนมไปใส่จานมาให้นะเจ้าคะ” หยางหยางดีใจนางจึงรีบจัดขนมและเตรียมน้ำชามาให้เสี่ยวเอ๋อได้กินระหว่างอ่านตำราไปด้วย
เมื่อถึงเวลาเสี่ยวเอ๋อกับหยางหยางก็ได้ออกมาที่งานเทศกาลผู้คนมากมายรวมทั้งอาหารที่ขายเต็มท้องถนน โคมไฟเรียงรายเต็มสองฝั่งทาง หยางหยางตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เสี่ยวเอ๋อก็ไม่ต่างกันนางจึงคิดได้ว่าโชคดีที่นางตัดสินใจออกมา ทำให้นางลืมความทุกข์นั้นไปบ้าง
“คุณหนูสิ่งนี้เรียกว่าอันใดกันเจ้าคะ “ หยางหยางชี้ที่ขนมที่เป็นผลไม้เคลือบด้วยน้ำตาล
“สิ่งนั้นหรือเขาเรียกว่าถังหูลู่เจ้าอยากลองชิมดูมั้ยเดี๋ยวข้าจะซื้อให้”
“ได้จริงหรือเจ้าคะ “ นางทำเหมือนเด็กน้อยที่กำลังได้ของเล่น
“ข้าเคยพูดเล่นกับเจ้าหรือไง” หยางหยางนางเข้ามากอดคุณหนูของนางด้วยความดีใจ
“คุณหนูของข้าใจดีที่สุดเลย”
“เอาอันนี้หนึ่งไม้ราคากี่หยวนหรือเจ้าคะ” เสี่ยวเอ๋อได้ถามพ่อค้าที่กำลังหยิบขนมให้ผู้คนในงานที่ยืนรอซื้ออยู่
“หนึ่งหยวนขอรับแม่หญิง” เสี่ยวเอ๋อหยิบถุงเงินของนางก่อนจะหยิบเหรียญจ่ายพ่อค้าไป
เมื่อหยางหยางนางได้ขนมไปนางจึงกินทันที
“อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ คุณหนูท่านชิมดูมั้ยเจ้าคะ” นางยื่นขนมที่เหลืออีกลูกหนึ่งมาให้เสี่ยวเอ๋อ
“ข้าเคยกินแล้ว ถ้าอร่อยเจ้าก็เก็บไว้กินเองเถิด “ เสี่ยวเอ๋อจึงเดินไปที่อื่นต่อ งานแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนและการแสดงร่วมถึงนักเล่าเรื่องที่มักจะเอาเรื่องราชวงค์มาเป็นเรื่องเล่า เสี่ยวเอ๋อนางไม่ชอบฟังเพราะส่วนมากจะเป็นการเล่าเรื่องความรักของฮ่องเต้และเหล่าสนมจึงเดินไปเรื่อยๆจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำ นางมองดูแม่น้ำยามค่ำคืนมันช่างเงียบสงบแต่ก็แฝงไปด้วยความโดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน ลมยามค่ำคืนที่พัดมากระทบเนื้อกายทำให้เสี่ยวเอ๋อรู้สึกหนาวเย็นไปถึงข้างในจิตใจ
“คุณหนูเจ้าคะ “ เมื่อนางหันไปมองสาวใช้ก็ต้องยิ้มและหัวเราะออกมาเมื่อหยางหยางนางได้ซื้อหน้ากากของตัวตลกที่เขาวางขายอยู่ที่การแสดงตลกเธอเดินผ่านมาก่อนหน้านี้
“ฮาฮ่า หยางหยางเจ้าไปซื้อใบหน้าของตัวตลกมาตอนใดกัน เจ้านี่ช่างสันหาเรื่องมาให้ข้าได้หัวเราะอยู่ตลอดเวลาเลย” เสี่ยวเอ๋อปิดปากหัวเราะออกมาอย่างชอบใจเมื่อหยางหยางนางยังเรียนแบบตัวละครตัวนั้นอีกด้วย
“เจ้ายิ้มก็เป็นหรือนี่ข้าคิดว่าจะยิ้มไม่เป็นเสียอีก” เสี่ยวเอ๋อต้องตกใจจนหัวใจของนางไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนางคิดว่าเป็นโจรหรือบุรุษที่คิดมิดีมิร้ายกับนาง นางจึงหันไปมองต้นเสียงที่ยืนอยู่ข้างหลังนางก็พบว่าเป็นองค์รัชทายาทที่มิได้แต่งตัวในชุดที่เคยแต่งแต่เสี่ยวเอ๋อจำได้ดีไม่ว่าาเขาจะแต่งตัวอยู่ในเสื้อผ้าชุดใด ทำให้นางโล่งอกขึ้นมาทันที
“องค์รัชทายาท” ด้วยความตกใจเสี่ยวเอ๋อจึงได้อุทานสัพนามขององค์รัชทายาทออกมาทำให้เขารีบใช้มือปิดปากของนางไว้กลัวชาวบ้านจะได้ยินและพากันแตกตื่นในการปรากฎตัวของเขา
“ชู่!! อย่าดังสิข้ามิได้อยากให้ผู้คนรู้ว่าข้าเป็นใคร”
เสี่ยวเอ๋อเมื่อโดนฝ่ามือของเขาปิดปากไว้นางจึงทำได้เพียงพยักหน้าให้กับเขาเบาๆก่อนที่องค์รัชทายาทจะปล่อยมือออกจากใบหน้าของนางเมื่อเขารู้สึกตัว หยางหยางนางเห็นองค์รัชทายาทตอนนี้นางทำได้เพียงยืนก้มหน้าไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองเพราะกลัวความผิดในครั้งที่แล้ว
“ข้าขอคำนับองค์รัชทายาท เมื่อครู่ข้าต้องขออภัยด้วย”
เสี่ยวเอ๋อก้มคำนับองค์รัชทายาทอีกครั้งจนเขาต้องรีบจับแขนนางไว้ก่อนนางจะก้มลงเพราะผู้คนเริ่มมองมาทางเขาทั้งคู่
“ข้าบอกเจ้าว่าอย่าเรียกข้าว่าองค์รัชทายาทเรียกข้าว่า จางเหว่ย”
“ได้เจ้าคะคุณชายจางเหว่ย” เสี่ยวเอ๋อพอจะเข้าใจจึงเรียกเขาว่าคุณชายจางเหว่ย
“ค่ำคืนนี้ดวงจันทร์ช่างสวยดีนัก เจ้าว่าเช่นนั้นหรือไม่”
จางเหว่ยได้หันไปมองบนท้องฟ้าดวงจันทร์ที่เต็มดวงสาดส่งมากระทบแม่น้ำ เสี่ยวเอ๋อเองก็ได้หันมองดูตามที่เขากล่าว
“ช่างสวยจริงๆเจ้าคะ “
“วันนี้เป็นวันที่ดีข้าไม่คิดเลยว่าการที่ข้าจะแอบออกมาจากวังจะทำให้ได้พบเจ้าอีกครั้งนี่นับว่าเป็นโชคชะตาที่มีต่อกันสินะ” เขาว่าพร้อมมองดูใบหน้าที่เขาเฝ้าฝันหาทุกค่ำคืนบัดนี้นางได้ยืนอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว หลังจากที่จากกันวันนั้นองค์รักษ์ได้ไปสืบหาชื่อแซ่ของนางมา และได้รู้ว่านางเป็นบุตรสาวของเสนาฝ่ายขวาแถมยังเป็นภรรยาของเสี่ยวเฟิ่งสหายสนิทของเขาอีกด้วย แต่ที่เขารู้มาเสี่ยวหลินนางไม่ค่อยสบายมาตั้งแต่เด็ก ทำไมนางถึงได้ออกมาเที่ยวเล่นยามค่ำคืนที่น้ำค้างลงเช่นนี้ได้ แถมเขายังรู้มาอีกด้วยว่าเสี่ยวหลินมีน้องสาวฝาแฝดที่ชื่อเสี่ยวเอ๋อแต่ที่แปลกใจคือ ตั้งแต่วันที่เสี่ยวหลินแต่งออกมาอยู่ที่จวนเสี่ยวเฟิ่ง เสี่ยวเอ๋อก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย องค์รักษ์ได้ถามชาวบ้านตามระแวกนั้นก็ไม่มีผู้ใดเห็นนางเลย มันทำให้องค์รัชทายาทสนใจเรื่องราวของนางยิ่งนัก
“เป็นเกียตริของข้าที่ได้พบท่านเจ้าคะ “
เสี่ยวเอ๋อที่ยืนอยู่ก็ต้องตกใจอีกคราที่อยู่ๆองค์รัชทายาทได้เอาเสื้อคุมชั้นนอกของเขามาคุมตัวให้นาง
"ข้าได้ยินมาว่าเจ้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงแม้ข้าจะดีใจที่เจอเจ้าแต่ข้าก็อดเป็นห่วงร่างกายของเจ้าไม่ได้อยู่ดี เอาเสื้อของข้าใส่คุมตัวเจ้าไว้เถอะดูเสื้อผ้าอาภรณ์ของเจ้าที่บางนี้แล้ว ดูก็รู้ว่าเจ้าคงจะหนาวสินะ"
แม่นางอยากปฎิเสธแต่ก็ไม่อยากจะปฎิเสธน้ำใจขององค์รัชทายาทนางทำได้เพียงใช้เสื้อคุมกายของนางไว้และเดินตามองค์รัชทายาทไปเรื่อยๆ นางได้เพียงแค่คิดทำไมหลินเฟิ่งถึงไม่ห่วงนางหรือแสนดีกับนางเช่นดั่งองค์รัชทายาทบ้างนะ เมื่อนางคิดอะไรเพลินๆก็ต้องสะดุดหัวชนเข้ากับอกของจางเหว่ยอย่างจังเมื่ออยู่ๆเขาก็หยุดเดินและหันมาหานาง ทำให้นางที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับชนอกแกร่งของเขาจนเกือบล้มแต่ทว่าเขาเองก็มีไหวพริบที่ดีจึงคว้าเอวบางของนางเข้ามากอดอยู่ในอ้อมอกจึงทำให้นางไม่ล้มหรือบาดเจ็บ
แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าของจางเหว่ยที่ตอนนี้ใบหน้าเริ่มแดงจนถึงใบหู เสี่ยวเอ๋อรู้สึกถึงลมหายและเสียงหัวใจขององค์รัชทายาทเต้นแรงและดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อนางหันหน้าขึ้นไปมองก็เห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อของเขา หรือนางจะตาฟาดไป นางจึงรีบผลักตัวออกจากอกของเขา“ข้าต้องขอภอัยด้วยเจ้าคะ ข้าไม่ทันได้ระวังเลยเดินชนท่าน”เขารีบหันหน้าไปอีกฝั่งเพื่อปกปิดความรู้สึกของตนเองไว้“เป็นเพราะข้าที่หยุดอย่างกระทันหันทำให้แม่นางไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ถือว่าเป็นความผิดของแม่นางแต่อย่างใด ไม่ต้องเก็บไปคิดมาก" "ขอบคุณในน้ำใจของคุณชายจางเหว่ย""ข้าคิดว่าเวลานี้เจ้าควรจะกลับจวนได้แล้ว น้ำค้างเริ่มลงเดี๋ยวร่างกายของเจ้าจะเจ็บป่วยเอาได้ นี่ก็ดึกมากแล้วเส้นทางก็เปลี่ยวสตรีเพียงสองนางกลับกันเองคงจะไม่ปลอดภัย เดี๋ยวข้ากับองครักษ์จะเดินไปส่งเจ้าที่จวนเอง" "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้ากลับกันเองได้ข้าไม่อยากให้ท่านลำบาก" เสี่ยวเอ๋อรีบปฎิเสธทันทีแม้ว่านางเองก็กลัวเช่นกัน ใจคนยากแท้หยั่งถึงแต่นางก็ไม่อาจให้ผู้ที่สูงส่งอย่างองค์รัชทายาทไปส่งนางได้ "ข้าไม่ได้ขอเจ้า แต่เป็นคำสั่งเจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าช่วงนี้มีโจรออกปล้นฆ่า
เสี่ยวเอ๋อเดินกลับมาที่ห้องของนางโดยมีหยางหยางเดินตามมาด้วย หลินเฟิ่งจึงเดินมาจับข้อแขนเล็กของนางให้หยุดเดินและหันมาคุยกับเขา"ข้าบอกให้เจ้าหยุดเดินแล้วหันมาพูดกับข้าเดี๋ยวนี้" เสี่ยวเอ๋อนางไม่อยากคุยกับเขาในตอนนี้ เพราะนางยังโกรธเรื่องที่เขาต่อว่านาง"ท่านมีเรื่องอันใดจะคุยกับข้าหรือเจ้าคะ ""เจ้าไปไหนทำไมถึงไม่แจ้งข้าหรือบอกกล่าวคนที่จวนนี่บ้าง""ท่านเคยบอกข้าว่าท่านจะไม่สนใจตัวข้า แล้วทำไมตอนนี้ท่านถึงมาถามเรื่องนี้เล่าเจ้าคะ ข้าเหนื่อยปล่อยข้าข้าจะไปพักผ่อน หยางหยางกลับห้อง" เมื่อหลินเฟิ่งได้ยินคำพูดของเสี่ยวเอ๋อเขาจึงต้องปล่อยมือนางไปโดยละอายแก่ใจ แถมยังต้องกลืนน้ำลายของตนเองอีกด้วย แม้วันนั้นเขาจะต่อว่านางก็จริง แต่ทว่าตอนนั้นเขายังไม่รู้เรื่องว่าแม่ของเขาต้องการให้นางท้องบุตรของเขา หลินเฟิ่งจึงปล่อยให้เสี่ยวเอ๋อกลับไปห้องพักพร้อมสาวใช้ เขาจะรอให้นางใจเย็นก่อนจะเข้ามาขอโทษนางอีกครั้ง"เจ้าค่ะ "หยางหยางรีบพาคุณหนูของนางเดินไปที่ห้อง หลินเฟิ่งทำได้แค่เพียงถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนที่เข้าจะเดินไปที่ห้องของเขาเช่นกัน"เจ้าไปเอาเหล้าหมักมาให้ข้าที " หลินเฟิ่งก็ได้บอกบ่าวรับใช้ขอ
แววตาที่เจ็บปวดมองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก หลินเฟิ่งปลดเสื้อของนางออกอย่างไร้ความปราณี เสี่ยวเอ๋อนอนสั่นเพราะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะสู้ชายตรงหน้าได้ นางไม่คิดเลยว่าคนที่นางเคยคิดจะมอบรักให้จะมาทำกับนางเช่นนี้ แต่ไม่ทันที่หลินเฟิ่งจะทำอะไรนางต่อเหมือนเขาจะดื่มมากไปทำให้เขาเกิดอาการอาการมึนหัว เขานั่งลงข้างๆนางก่อนที่จะล้มตัวลงนอนสลบไป ดั่งสวรรค์จะรู้ถึงความไม่ยุติธรรมต่อนาง เสี่ยวเอ๋อทำอะไรไม่ถูก นางดีใจที่เขาไม่ทันได้ขืนใจนาง นางรีบจับเสื้อมาสวมใส่ก่อนที่จะไปจับตัวของหลินเฟิ่งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาเมาหลับไปแล้วจริงๆ "คุณชายเฟิ่ง ท่านหลับไปจริงๆใช่หรือไม่" แม้นางจะดูว่าเขาหลับแต่นางก็ยังคงกลัวเขาอยู่ดี นางค่อยๆใช้นิ้วเขี่ยๆที่แขนของเขาแต่ร่างกายหลินเฟิ่งไม่ได้ตอบสนองต่อการแตะตัวของนาง เสี่ยวเอ๋อรีบลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่ห้องพักของหยางหยางทั้งๆที่ยังสั่นอยู่ "หยางหยาง เปิดประตูให้ข้าที" เสี่ยวเอ๋อมาเคาะประตูห้องของหยางหยาง เมื่อนางได้ยินก็รีบมาเปิดประตูดูว่าคุณหนูของนางมาทำอะไรในเวลาเยี่ยงนี้"คุณหนู นี่มันก็ดึกมากแล้วคุณหนูมีอะไรให้หยางหยางรับใช้เจ้าคะถึงมาหาข้าที่ห้องเช่นนี
เสี่ยวเอ๋อเดินลงจากเกี้ยวเข้ามาในโรงเตี้ยมพร้อมหยางหยาง เฒ่าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมก็เดินมาต้อนรับเสี่ยวเอ๋อทันที ''แม่นางเดินทางมาเหนื่อยๆเชิญด้านในเลยขอรับ ทางโรงเตี้ยมของเรายังมีโต๊ะว่างเหลืออยู่ไม่ทราบว่าแม่นางมากันกี่ท่านกันขอรับ""เรามากันสามคนแต่อีกคนรออยู่ข้างนอก""งั้นเชิญด้านในเลยขอรับ" เฒ่าแก่โรงเตี้ยมผายมือให้เสี่ยวเอ๋อและหยางหยางเดินไปที่โต๊ะด้านในสุด"ที่โรงเตี้ยมของท่านมีอะไรน่าอร่อยแนะนำเราบ้าง" หยางหยางผู้ที่หิวได้ถามขึ้นทันที"มีหลายอย่างเลยขอรับ"หยางหยางทำหน้าขุ่นคิดว่านางจะทานอะไรดี เสี่ยวเอ๋อจึงสั่งให้เฒ่าแก่จัดอาหารที่ขึ้นชื่อมาให้กับหยางหยาง"เฒ่าแก่จัดอาหารที่ขึ้นชื่อของโรงเตี้ยมท่านมาให้เราสักสองสามอย่าง ข้าจะให้ท่านห่ออีกชุดหนึ่งได้หรือไม่""ได้ขอรับขอให้แม่หญิงทั้งสองท่านทานให้อร่อยเดี๋ยวข้าจะบอกพ่อครัวให้โปรดรอสักครู่" เฒ่าแก่ได้เดินจากไปในครัว หยางหยางที่หิวจนนางอยู่นิ่งไม่ได้จึงนับตะเกียบเล่นไปมา สักพักเสียงข้างนอกจวนก็ดังโวยวายอย่างกับว่ามีเรื่องอันใดกัน หยางหยางนางอยากรู้อยากเห็นมันเป็นนิสัยที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็กๆ นางจึงรีบลุกขึ้นออกไปดูทันที "หยางหย
จางเหว่ยกับเสี่ยวเอ๋อได้นั่งกินข้าวด้วยกัน ตอนแรกนางก็มิกล้าที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับองค์รัชทายาทผู้สูงส่งแต่ทว่าเขากลับเอาเรื่องเมื่อครู่ให้นางนั่งลงกินกับเขาเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ ส่วนหยางหยางก็ได้ไปนั่งกินอีกโต๊ะกังองครักษ์"เจ้าจะไปที่ใดกันเหตุใดถึงเดินทางมากันเพียงสองคนหลินเฟิ่งทำไมถึงกล้าปล่อยเจ้าออกมา"เมื่อจางเหว่ยถามหาหลินเฟิ่งเสี่ยวเอ๋อก็ชะงักและหยุดกินทันที นางวางตะเกียบลงพร้อมดื่มน้ำ จางเหว่ยก็ได้เห็นท่าทีและสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของเสี่ยวเอ๋อก็ฉุดคิด"ข้าถามอะไรผิดไปหรือไม่""ไม่เจ้าค่ะ ข้าอิ่มแล้วข้าต้องเดินทางต่อ ขอบคุณท่านอีกครั้ง''เสี่ยวเอ๋อเตรียมจะลุกขึ้นจางเหว่ยจึงได้จับมือนางไว้"เจ้ายังไม่ตอบข้าเลยว่าเจ้าจะไปที่ใดกัน""ข้าจะกลับบ้านของข้าเจ้าค่ะ ท่านชายโปรดปล่อยมือข้าด้วย" จางเหว่ยจึงรีบปล่อยมือเล็กๆของนางทันที"ข้าจะผ่านทางนั้นพอดี เดี๋ยวข้าจะเดินทางไปพร้อมกับเจ้าเผื่อระหว่างทางคนพวกนั้นดักทางเจ้าอยู่เจ้าจะเป็นอันตรายได้""ข้ามิอาจรบกวนท่านหรอกเจ้าค่ะ แค่นี้ก็มากพอแล้ว""เฒ่าแก่เก็บโต๊ะด้วย" จางเหว่ยไม่ฟังคำพูดของเสี่ยวเอ๋อ เขาให้เฒ่าแก่โรงเตี้ยมมากินค่าอาหารและเดิน
ผ่านมาสองวันหลินเฟิ่งเมื่อไม่เห็นใบหน้าของเสี่ยวเอ๋อเขาก็เริ่มรู้สึกเหมือนอะไรได้ขาดหายไป เขาเดินคิดอะไรอยู่เพลินๆก็ได้เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเสี่ยวเอ๋อ เขาฉงนใจตนเองเพราะเหตุใดเท้าของเขาถึงมาหยุดอยู่ตรงนี้ หรือว่าเขาคิดถึงนาง เมื่อเขาคิดแบบนั้นเขารีบส่ายหัวไปมาเพราะยอมรับความจริงไม่ได้ "ไม่....ไม่มีทางคนอย่างข้าหรือจะคิดถึงนางอีกแค่ฤดูเดียวนางก็จะย้ายออกไปแล้ว คนที่ข้าคิดถึงคือเสี่ยวหลินต่างหาก" เขาพึมพำอยู่อย่างนั้นจู่ๆก็ได้เดินเสียงฝีเท้าของคนสองคนที่กำลังเดินมาทางนี้"ท่านพี่หลินเฟิ่งมาทำอะไรอยู่ที่หน้าห้องของพี่เสี่ยวหลินหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินท่านป้าบอกว่าท่านพี่เสี่ยวหลินนางกลับไปเยี่ยมที่บ้าน" ซูหมิงเดินมากับสาวใช้ของนาง "ใช่เสี่ยวหลินนางกลับไปที่บ้านของนาง ว่าแต่เจ้าทำไมถึงอยู่ที่นี่แต่เช้า""ท่านป้ายังไม่ได้บอกท่านพี่หรือเจ้าคะ ว่าวันนี้ข้าจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี้ในฐานะภรรยาของท่านพี่ ก็เมื่อวานท่านป้าได้นำเบี้ยอัฐของล้ำค่าไปสู่ขอข้า ในตอนแรกท่านแม่กับท่านพ่อของข้าก็ไม่ยอมแต่เพราะเห็นว่าข้ารักท่านพี่ พวกท่านเลยยอมให้ข้ามาเป็นภรรยาอีกคนของท่าน อย่าบอกนะเจ้าคะ ว่าท่านพี่ไม่
เมื่อถึงเวลาที่เสี่ยวเอ๋อต้อองกลับจวนแม่ของนางก็ออกมาส่งลูกสาว"ท่านแม่ดูแลตัวเองให้ดีนะเจ้าคะ เวลากลางคืนอาากาศเย็นท่านแม่ก็อย่านุ่งผ้าน้อยชิ้นเดี๋ยวจะไม่สบาย ข้าฝากบอกท่านพ่อด้วยให้ท่านดูแลตนเองดีๆ อย่าโหมงานหนัก เดี๋ยวข้าจะมาเยี่ยมท่านแม่อีกนะเจ้าคะ""เจ้าเองก็เช่นกันนะเสี่ยวเอ๋อ ไปอยู่ที่นู้นก็ทำหน้าที่ภรรยาให้ดี อย่าให้ได้ตกบกพร่อง ""ได้เจ้าค่ะ ข้าจะจำทุกคำสอนของท่านแม่แล้วนำมาใช้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ""เดินทางปลอดภัยนะ หยางหยางข้าฝากเจ้าดูแลลูกสาวของข้าด้วย""ได้เจ้าค่ะ ฮูหยินต่อให้ท่านไม่สั่งข้าก็ต้องดูแลคุณหนูอยู่แล้ว"เกี้ยวได้เคลื่อนล้อออกจากหน้าจวนของเสี่ยวเอ๋อ นางมองดูแม่ของนางที่ยืนมองรถเกี้ยวออกมาจนลับสายตา ท่านแม่เองก็เสียใจไม่น้อยแต่นางก็ไม่สามารถที่จะแสดงความอ่อนแอให้ลูกสาวของนางเห็น"คุณหนูทำไมท่านไม่บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฮูหยินใหญ่ฟังหรือเจ้าคะ ""ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ไม่สบายใจ เดี๋ยวอีกไม่นานข้าก็จะออกจากจวนของคุณชายหลินเฟิ่งแล้ว"เสี่ยวเอ๋อพูดจบนางก็นั่งมองหน้าต่างจิตใจของนางตอนนี้ช่างว้าวุ่นยิ่งนัก นางไม่รู้ว่าจะไปสู่หน้าหลินเฟิ่งเช่นไร ถ้านางหลบหน้าก็ไม่รู้ว่าจะ
เมื่อครู่ข้าได้ยินเจ้าพูดว่าหิวข้าว ถ้าเจ้าอยากให้ข้าปล่อยเจ้าออกจากอ้อมแขนของข้า เจ้าต้องไปกินข้าวกับข้าเสียก่อนไม่งั้นข้าจะกอดเจ้าไว้เช่นนี้""ข้าเกลียดท่าน""จะไปหรือไม่ ถ้าไม่ไปเจ้าก็คงไม่ได้เกลียดข้าตามคำพูดนักหรอกเพราะเจ้าจะให้ข้ากอดเจ้าอยู่เช่นนี้""ท่านก็ปล่อยข้าสิเจ้าคะ ท่านกอดข้าอยู่เช่นนี้ข้าจะลุกอย่างไร" หลินเฟิ่งยิ้มมุมปากอย่างพอใจหลินเฟิ่งเดินมาถึงหน้าจวนก็ได้โบกมือเรียกคนใช้ให้นำม้าออกมาให้กับเขา เสี่ยวเอ๋อเมื่อไม่เห็นเกี้ยวก็ได้ถามหลินเฟิ่งว่าจะออกไปที่ตลาดด้วยวิธีใด แต่นางก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคนใช้นำม้ามาให้"ท่านอย่าบอกนะว่าท่านจะขี่ม้าออกไป""ใช่แล้ว หยางหยางวันนี้ข้าจะพาคุณหนูของเจ้าออกไปเพียงลำพังเจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องของเจ้าเถิดไม่ต้องห่วง"หยางหยางเงยหน้ามองคุณหนูของนางก่อนจะพยักหน้ารับคำสั่งของคุณชายหลิน"เจ้าค่ะ ""ไม่ ข้าไม่ไปไหนทั้งสิ้นถ้าไม่มีหยางหยาง อีกอย่างข้าไม่ชอบขี่ม้าข้ากลัว" เสี่ยวเอ๋อกำลังจะเดินหนีแต่ก็ต้องถูกหลินเฟิ่งจับตัวไว้ก่อน"ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวเลย ข้าจะพาเจ้าควบม้าไปเอง"หลินเฟิ่งพูดจบก็อุ้มเสี่ยวเอ๋อขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็วจนนางไม่ทันได้
ลมหนาวพัดโบกโบยมากระทบผิวกายของเสี่ยวเอ๋อที่ยืืนดูชาวบ้านช่วยกันเก็บเกี่ยวข้าวของเมื่อถึงฤดูหนาวอีกครา ตอนนี้นางได้มาเที่ยวที่บ้านเกิดของแม่ขององค์รัชทายาทเพื่อมาพักเหนื่อยกับงานที่นางได้มอบหมาย นางคิดว่าเมื่อเป็นพระชายาแล้วจะสบายแต่ก็ยังมีงานที่พระชายาต้องทำอีกมากมายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานางได้เรียนรู้และทำเต็มที่มาตลอด จางเหว่ยจึงพานางออกมาเที่ยวเพื่อพักผ่อนบ้าง เมื่อมาอยู่ที่เงียบสงบเช่นนี้ทำให้นางได้นึกย้อนไปยังอดีต ถ้านางยังทนอยู่กับหลินเฟิ่งจะเป็นอย่างไร แต่นางก็เพียงคิดได้เพียงเท่านั้นก็ถูกโอบกอดทางด้านหลังด้วยแขนอันอบอุ่นของจางเหว่ย นางจึงเอนตัวไปพึงอกแกร่งของเขา"เจ้าไม่หนาวหรือไง ""ไม่หนาวหรอกเจ้าค่ะตอนนี้ข้ามีผ้าห่มที่แสนจะอบอุ่นที่สุดในใต้หล้า""ผ้าห่มอันใดกัน""ก็อ้อมกอดท่านไงเจ้าคะ""ข้าต้องรู้สึกดีใจใช่หรือไม่" จางเหว่ยพูดด้วยน้ำแผ่วเบาเต็มไปด้วยความน้อยใจอยู่ลึกๆ"ทำไมถึงพูดเช่นนั้นกันเจ้าคะ""ก็ตลอดเวลาที่เจ้าอยู่กับข้าในฐานะพระชายาข้ายังไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อข้าเลย ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เจ้าทำดีกับข้าอยู่ทุกวันนี้เพราะว่าหน้าที่พระชายาหรือว่าเจ้ามีความ
เสี่ยวเอ๋อเมื่อกลับมาคืนนั้นนางก็ได้ไตร่ตรองเรื่องราวที่ผ่านมานางจะไม่แก้แค้นอีกต่อไป ต่อจากนี้นางจะหาความสุขให้ตนเองบ้าง หากนางจะแก้แค้นกันไปมาก็ไม่มีวันสิ้นสุด แถมตอนนี้นางเองก็มีเรื่องที่ต้องทำอีกมากมายเช่นวันนี้ที่นางกำลังถูกเหล่านางในสวมเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับมากมายแถมยังรุมกันเติมเครื่องประทินที่หนาเตอะจนนางหนักที่ใบหน้า "พระชายาวันนี้ท่านสวยมากเลยนะเจ้าค่ะ"หยางหยางหยิบกระจกขึ้นมาให้เสี่ยวเอ๋อส่องมองตนเอง"ใช่ข้าจริงหรือหยางหยาง ""ใช่สิเจ้าคะ วันนี้เป็นวันของท่านข้าดีใจมากๆจนแทบจะร้องไห้แล้วเจ้าค่ะ " หยางหยางนางก้มลงปาดน้ำตาด้วยความปิติยินดีต่อคุณหนูของนางที่วันนี้จะเป็นพระชายาเต็มตัว"เจ้านี่ขี้แยยิ่งนักฟู่หลางในวันข้างหน้าเจ้าช่วยพาหยางหยางขี้แยผู้นี้ไปฝึกวรยุทธกับเจ้าด้วยสิ ข้าละไม่ชอบเห็นน้ำตาของนางเลย""ข้าคงสอนนางไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ""ทำไมกัน" "ก็เพราะตอนนี้นางมีผู้ที่ปกป้องนางได้และคอยดูแลนางตลอดทุกฝีก้าว""เอ๊ะ!!ใครกันทำไมข้าถึงไม่รู้ ""ก็องครักษ์เฉินอ้ายไงเจ้าค่ะ" ฟู่หลางพูดไปยิ้มไปที่ได้แหย่หยางหยางเล่น"นี่ฟู่หลางเจ้าหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ " หยางหยางอายจนหน้าแด
ในค่ำคืนที่เหน็บหนาวลมพัดเยือกเย็นจนแล่นเขาสู่หัวใจของหลินเฟิ่งเขาเองแม้จะทำใจเรื่องเสี่ยวเอ๋อได้แล้ว แต่ทว่าเขายังคงคิดถึงนางเสมอมา คืนนี้เขานอนไม่หลับจึงลุกออกมายืนชมจันทร์อยู่ที่ด้านนอก เมื่อเขารู้สึกง่วงนอนจึงจะเดินเข้าไปที่ห้องก็ต้องเห็นว่ามีคนสองคนที่กำลังแอบออกไปนอกจวน เขาเริ่มเอะใจเลยจะเดินไปถามแต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆกลับพบว่าเป็นซูหมิงและฟางเยี่ยสาวรับใช้ของนาง"ดึกขนาดนี้แล้วนางจะพากันไปที่ใด ทั้งๆที่ตั้งครรภ์อยู่ช่างไม่รู้ความเสียจริง" หลินเฟิ่งจึงตามออกมาอย่างเงียบๆ เขาไม่รู้เลยว่าที่ตามออกมาวันนี้จะทำให้เขาได้รู้ความจริงว่าที่แท้จริงแล้ว ลูกในท้องของซูหมิงนั้นไม่ใช่ลูกของตนเอง เพราะว่าตอนนี้เขาได้ยินเต็มสองหูจากปากของนางเอง เมื่อนางออกมานั้นเพราะนางนัดพบกับชายชู้ หลิ่นเฟิ่งที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดเขาโกรธแค้นซูหมิงอย่างมากที่หลอกลวงตระกูลของเขา ความแค้นนี้หลินเฟิ่งจึงคิดจะสะสางในค่ำคืนนี้เสียให้สิ้นซากเมื่อเขาถูกชายที่ไร้หัวนอนปลายเท้าย่ำยีศักดิ์ศรีถึงเพียงนี้ เขาจึงได้ตามชายผู้นั้นไปเมื่อทั้งสามคนแยกย้ายกัน "หืมข้าล่ะชอบจริงๆกลิ่นของเงินนี้ เจ้าอย่าคิดว่าจะหนีจากข้าไปได้
หลายวันผ่ามาเสี่ยวเอ๋อได้เข้ามาที่วังหลวงเรียนรู้มารยาทและแข่งกับบุตรของเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเก็บคะแนนในรอบต่างๆ แต่เมื่อใจขององค์รัชทายาทอยู่ที่ใครมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเลือกว่าใครคือพระชายาเพียงแต่ต้องทำตามลำดับพิธีเท่านั้น เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นและผลออกมาว่าบุตรสาวของตระกูลเสี่ยว เสี่ยวเอ๋อได้รับเลือกเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทและจะจัดพิธีแต่งตั้งอีกไม่กี่วัน ทำให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่พอใจและเริ่มที่จะทำตามแผนที่วางไว้ แต่ก็ต้องถูกเปิดโปงและถูกจับในที่ว่าราชการลับนั้นโดยมีคนขององค์รัชทายาทจับกุมมาครบทุกคน และหลินเฟิ่งเองก็ได้นำหลักฐานการก่อกบฏมายื่นต่อฮ่องเต้ ทำให้คนชั่วเหล่านั้นถูกประหารและครอบครัวต้องถูกเนรเทศออกจากแคว้นแห่งนี้ไป รวมถึงตระกูลของซูหมิงด้วยเพราะวันนั้นพ่อขอฃนางก็อยู่ที่นั้นด้วย แต่ซูหมิงถูกหลินเฟิ่งขออภัยโทษจากฮ่องเต้ให้และบอกว่านางไม่รู้เรื่องอันใดของครอบครัวเลย จึงทำให้นางรอดออกมาหลินเฟิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อมีความดีความชอบให้เขาได้เป็นรับตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง เพราะความจงรักภักดีของเขาเลยได้ตำแหน่งนี้มาจางเหว่ยได้เข้ามาหาเสี่ยวเอ๋อที่ตำหนักของนางที่ถูกแ
หลินเฟิ่งโยนซูหมิงลงที่เตียงของนางอย่างแรงก่อนจะเดินไปปิดประตูห้องเพื่อไม่ให้ใครเข้ามา"ท่านพี่ข้าเจ็บนะเจ้าคะ""หึ !! แล้วเสี่ยวหลินนางไม่เจ็บรึไงนางโดนโบยไปที่หลังโดนเนื้อนางจนเลือดไหลออกมาเจ้าว่าเจ็บหรือไม่" หลินเฟิ่งตวาดใส่ซูหมิงจนนางเงียบไปสักพักก่อนจะตอบเขาคืน"ทำไมท่านพี่ถึงมาพูดกับข้าเช่นนี้เล่าเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ทำอันใดผิดเสียหน่อย" นางยังคงหาคำแก้ต่างให้ตนเอง"เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะโง่เชื่อเจ้าเหมือนท่านแม่ของข้า เรื่องทั้งหมดมันเป็นแผนของเจ้า" หลินเฟิ่งเข้ามาบีบที่ไหล่เล็กของซูหมิงจนนางรู้สึกถึงแรงบีบว่าเขาโมโหนางขนาดไหนจนตัวนางสั่นไปหมด"ท่านพี่ทำไมพูดปรักปรำข้าเช่นนี้ ของข้าหายจริงๆนะเจ้าคะ" ซูหมิงน้ำตาบีบน้ำตาออกมาให้หลินเฟิ่งเห็นว่านางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ"เจ้าจะให้ข้าเอายาที่เจ้าเอาไปให้เสี่ยวหลินไปตรวจหรือไม่ ยาตัวนั้นมีเพียงตระกูลเจ้าเท่านั้นที่มี อีกอย่างวันก่อนข้าเข้าไปหาเสี่ยวหลินที่ห้องของนาง นางได้บอกกับข้าว่าเจ้าไปต่อว่านางเรื่องคืนเข้าหอ เรื่องนี้เจ้าว่านางจะพูดโกหกข้าหรือ" แรงบีบที่แขนของซูหมิงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับว่าหลินเฟิ่งจะบีบบังคับให้นางพูดความจ
ซูหมิงเก็บอารมณ์เอาไว้นางไม่ได้ไปหาฮูหยินใหญ่แต่กลับห้องของนางพร้อมบอกฟางเยี่ให้ทำตามแผนที่วางเอาไว้ รุ่งเช้าของอีกวันเสี่ยวเอ๋อกับหยางหยางก็เดินชมดอกไม้ตามปกติของนาง แต่จู่ๆก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อฮูหยินใหญ่และซูหมิงที่เดินเข้ามาหานางอย่างกับมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น"ท่านแม่มาหาข้าแต่เช้ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ" "เจ้าเห็นแหวนประจำตระกูลของซูหมิงหรือไม่""ข้าไม่เคยเห็นนะเจ้าคะ ""แต่ซูหมิงบอกว่าของนางได้หายไปหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอข้าให้คนใช้หาจนทั่วจวนแล้วมีเพียงห้องของเจ้าที่ยังไม่ได้หา""ข้าไม่เคยเห็นจริงๆนะเจ้าค่ะ""งั้นเจ้าก็ให้คนใช้ของข้าเข้าไปหาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิใจของเจ้าเถอะ" ฮูหยินใช้สายตาสั่งคนใช้ของนางให้เข้าไปค้นห้องของเสี่ยวเอ๋อเสี่ยวเอ๋อนางไม่รู้จริงๆว่าแหวนประจำตระกูลของซูหมิงเป็นเช่นไร ต่อให้หาที่ห้องของนางเช่นไรก็หาไม่เจอแน่ๆ สักพักคนใช้ของฮูหยินใหญ่ก็ตะโกนออกมาจากด้านใน"ข้าเจอแล้วเจ้าค่ะ ใช่อันนี้มั้ยเจ้าคะ"คนใช้ถือถุงยาที่ซูหมิงเอามาให้เสี่ยวหลินเมื่อวานนี้ออกมา สีหน้าของเสี่ยวเอ๋อเปลี่ยนไปทันที หรือทั้งหมดนี่จะเป็นแผนของซูหมิง"มันอยู่ในห่อยานี่เจ้าค่ะ" ฟางเมิงสาว
"คุณชายหลินเฟิ่งท่านจะจ้องหน้าข้าอีกนานมั้ย ตอนนี้อาหารที่สั่งมามันจะเย็นหมดแล้วนะเจ้าคะ""แค่เห็นเจ้ากินข้าก็อิ่มแล้ว เมื่อไหร่เจ้าจะเรียกข้าว่าท่านพี่เสียทีเรียกคุณชายดั่งกับว่าข้าเป็นคนอื่นมิใช่สามีเจ้า""ต่อให้ท่านพูดจาปากหวานข้าก็ไม่เปลี่ยนคำพูดหรอกเจ้าค่ะเก็บไว้ให้แม่นางซูหมิงเรียกท่านเพียงผู้เดียวก็เกินพอแล้ว รีบกินรีบกลับเถอะ""เจ้านี่ปากร้ายกว่าที่ข้าคิดไว้เยอะเลยนะ เมื่อก่อนเจ้าไม่ใช่คนช่างพูดเช่นนี้""เพราะท่านสอนข้านะสิเจ้าคะ ข้าเลยจำมาจากท่าน"เสี่ยวเอ๋อรีบกินอาหารตรงหน้าจะได้รีบกลับจวนไวๆนางไม่อยากจะอยู่กับหลินเฟิ่งนานๆ เสี่ยวเอ๋อวางตะเกียบลงเมื่อกินอิ่มแล้ว จู่ๆหลินเฟิ่งก็ใช้มือเช็ดที่ปากของนางจนนางสะดุ้งเพราะตกใจในการกระทำของเขา"ท่านทำอะไรเจ้าคะ""ข้าแค่เช็ดปากให้เจ้าเท่านั้นเอง มีอาหารติดอยู่ที่มุมปากนะ""คิดว่าข้าจะเชื่อท่านหรือเจ้าคะ ต่อให้ท่านทำดีกับข้าข้าก็ไม่มีทางอ่อนไหวกับท่านแน่นอน""ข้ายังไม่ได้ว่าอะไรเลย เจ้าอิ่มแล้วเรากลับจวนกันเถอะพรุ้งนี้ข้าต้องเข้าวังหลวง" พูดจบหลินเฟิ่งก็เรียกเจ้าของโรงเตี้ยมมาเก็บเงินค่าอาหารก่อนจะพาเสี่ยวเอ๋อกลับจวนเมื่อกลับมาถึงห้อ
เมื่อครู่ข้าได้ยินเจ้าพูดว่าหิวข้าว ถ้าเจ้าอยากให้ข้าปล่อยเจ้าออกจากอ้อมแขนของข้า เจ้าต้องไปกินข้าวกับข้าเสียก่อนไม่งั้นข้าจะกอดเจ้าไว้เช่นนี้""ข้าเกลียดท่าน""จะไปหรือไม่ ถ้าไม่ไปเจ้าก็คงไม่ได้เกลียดข้าตามคำพูดนักหรอกเพราะเจ้าจะให้ข้ากอดเจ้าอยู่เช่นนี้""ท่านก็ปล่อยข้าสิเจ้าคะ ท่านกอดข้าอยู่เช่นนี้ข้าจะลุกอย่างไร" หลินเฟิ่งยิ้มมุมปากอย่างพอใจหลินเฟิ่งเดินมาถึงหน้าจวนก็ได้โบกมือเรียกคนใช้ให้นำม้าออกมาให้กับเขา เสี่ยวเอ๋อเมื่อไม่เห็นเกี้ยวก็ได้ถามหลินเฟิ่งว่าจะออกไปที่ตลาดด้วยวิธีใด แต่นางก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคนใช้นำม้ามาให้"ท่านอย่าบอกนะว่าท่านจะขี่ม้าออกไป""ใช่แล้ว หยางหยางวันนี้ข้าจะพาคุณหนูของเจ้าออกไปเพียงลำพังเจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องของเจ้าเถิดไม่ต้องห่วง"หยางหยางเงยหน้ามองคุณหนูของนางก่อนจะพยักหน้ารับคำสั่งของคุณชายหลิน"เจ้าค่ะ ""ไม่ ข้าไม่ไปไหนทั้งสิ้นถ้าไม่มีหยางหยาง อีกอย่างข้าไม่ชอบขี่ม้าข้ากลัว" เสี่ยวเอ๋อกำลังจะเดินหนีแต่ก็ต้องถูกหลินเฟิ่งจับตัวไว้ก่อน"ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวเลย ข้าจะพาเจ้าควบม้าไปเอง"หลินเฟิ่งพูดจบก็อุ้มเสี่ยวเอ๋อขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็วจนนางไม่ทันได้
เมื่อถึงเวลาที่เสี่ยวเอ๋อต้อองกลับจวนแม่ของนางก็ออกมาส่งลูกสาว"ท่านแม่ดูแลตัวเองให้ดีนะเจ้าคะ เวลากลางคืนอาากาศเย็นท่านแม่ก็อย่านุ่งผ้าน้อยชิ้นเดี๋ยวจะไม่สบาย ข้าฝากบอกท่านพ่อด้วยให้ท่านดูแลตนเองดีๆ อย่าโหมงานหนัก เดี๋ยวข้าจะมาเยี่ยมท่านแม่อีกนะเจ้าคะ""เจ้าเองก็เช่นกันนะเสี่ยวเอ๋อ ไปอยู่ที่นู้นก็ทำหน้าที่ภรรยาให้ดี อย่าให้ได้ตกบกพร่อง ""ได้เจ้าค่ะ ข้าจะจำทุกคำสอนของท่านแม่แล้วนำมาใช้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ""เดินทางปลอดภัยนะ หยางหยางข้าฝากเจ้าดูแลลูกสาวของข้าด้วย""ได้เจ้าค่ะ ฮูหยินต่อให้ท่านไม่สั่งข้าก็ต้องดูแลคุณหนูอยู่แล้ว"เกี้ยวได้เคลื่อนล้อออกจากหน้าจวนของเสี่ยวเอ๋อ นางมองดูแม่ของนางที่ยืนมองรถเกี้ยวออกมาจนลับสายตา ท่านแม่เองก็เสียใจไม่น้อยแต่นางก็ไม่สามารถที่จะแสดงความอ่อนแอให้ลูกสาวของนางเห็น"คุณหนูทำไมท่านไม่บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฮูหยินใหญ่ฟังหรือเจ้าคะ ""ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ไม่สบายใจ เดี๋ยวอีกไม่นานข้าก็จะออกจากจวนของคุณชายหลินเฟิ่งแล้ว"เสี่ยวเอ๋อพูดจบนางก็นั่งมองหน้าต่างจิตใจของนางตอนนี้ช่างว้าวุ่นยิ่งนัก นางไม่รู้ว่าจะไปสู่หน้าหลินเฟิ่งเช่นไร ถ้านางหลบหน้าก็ไม่รู้ว่าจะ