ฮองเฮายิ้มและพูดว่า “ไทเฮาจำชื่อของนางได้ ช่างวเป็นวาสนาของนางโดยแท้ ปีนี้น้องสาวหลี่ถึงวัยปักปิ่นจริง ตอนนี้นางอายุสิบห้าปีครึ่ง จริงสิ อาสะใภ้กำลังจะหางานแต่งงานให้นาง จึงมาหาหม่อมฉันเพคะ”“อื้ม ข้าก็ได้ยินมาว่า อาสะใภ้เจ้าพอใจลูกชายคนที่สามของตระกูลโหวกวางหลิง ข้าส่งคนไปสอบถามเป็นพิเศษ เขามีความสามารถ ประพฤติตนดี เป็นลูกเขยที่ดีได้ นอกจากนี้พวกเขายังอายุไล่เลี่ยกัน จึงเหมาะสมมาก”ทันใดนั้นสีหน้าของฮองเฮาก็เปลี่ยนไป ภายใต้สายตาอันคมกริบของไทเฮา นางรู้สึกว่าความคิดทั้งหมดของตัวเองถูกเปิดโปง ทว่านางยังคงพยายามแก้ไขสถานการณ์ พูดอ้อมแอ้ม “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่จะเร่งรีบไม่ได้ ต้องให้น้องสาวหลี่ชอบถึงจะเหมาะสม”ไทเฮาพยักหน้า “นั่นก็มีเหตุผล ดังนั้นข้าจะไม่ให้ประทานสมรสให้นางแล้ว ให้นางตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้ามีคนที่ชอบจริงๆ ก็มาขอจากข้าได้ ข้าเห็นแก่หน้าฮองเฮา จึงยินดีจะประทานสมรสให้”ใบหน้าของฮองเฮาบิดเบี้ยวเหยเก แบบนี้ก็หมายความว่านางไม่อนุญาตให้ประทานสมรสใช่ไหม?ใครกันแน่ที่เป็นคนมาฟ้อง? เรื่องนี้เพิ่งส่งไปยังตระกูลฝางเมื่อวาน เช้าวันนี้ก็เรียกลู่ซูเหรินเข้าวัง ยังไม่ได้พูดอะไร ไท
นางโกรธจนทุบแก้วใบหนึ่ง “นางช่างขวางมือขวางเท้าจริงๆ มักสร้างปัญหาให้ข้า”ป้าหลานเจี่ยนอยู่ด้านข้างกล่าว “เหนียงเหนียง ตั้งแต่นางสร้างสถาบันการศึกษาสตรีตามพระประสงค์ของไทเฮา ก็ได้รับการยกย่องจากสตรีน้อยใหญ่ในเมืองหลวง ตอนนี้เกรงว่ามีครอบครัวผู้มีอำนาจครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงเคารพนางอยู่หลายส่วน จัดการได้ไม่ง่ายเลย”ฮองเฮาฉีนึกถึงวันเหมายันวันนั้น สนมของฮ่องแต้เหล่านั้นยกย่องซ่งซีซีอย่างมาก ไม่ใช่ยกย่องพวกเขาสามีภรรยารักใคร่ แต่เป็นยกย่องที่นางมีความสามารถ เป็นตัวอย่างที่ดีงามของสตรีนางเป็นตัวอย่างที่ดีงามของสตรี แล้วฮองเฮาอย่างนางเป็นสิ่งใด?คิดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเกลียดชังเพิ่มหลายส่วน“ไทเฮาเคยตรัสว่ายี่ฝางผู้นั้นเป็นตัวอย่างของสตรี แต่ตอนนี้นางได้ชื่อเสียงนี้แล้ว นางไม่รู้สึกรังเกียจหรือ?”ป้าหลานเจี่ยนกล่าว “เหนียงเหนียง นางตอนนี้คุ้นเคยกับการเป็นจุดสนใจ จุดสนใจกำลังรุ่งเรืองเต็มที่ อย่าจงใจไปยั่วโมโหนางในเวลานี้ เพียงแต่ ทุกเรื่องเมื่อถึงจุดสูงสุดก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อถึงวันที่เวลาย้อนกลับมาทำร้าย จุดสนใจก็จะกลายเป็นหายนะ บวกกับไทเฮาปกป้อง ท่านอย่าไปยั่วโมโหนางตอนน
หลังจากซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือออกจากวัง เสิ่นว่านจือไปโรงงาน ซ่งซีซีไปสถาบันการศึกษาสตรีก่อนหน้านี้ได้เตือนฉีซี่หลี่ ให้นางอย่าได้เล่นเล่ห์เหลี่ยมอีก มิฉะนั้นจะขับไล่นางออกจากสถาบันการศึกษาสตรี นึกไม่ถึงหยุดไปได้ไม่นาน ก็กลับมาอีกครั้งแล้วกั๋วไท่ฮูหยินพบซ่งซีซี รู้ว่านางจัดการปัญหาของฉีซี่หลี่ จึงกล่าว “นางไม่มีใจเรียนรู้ ไม่สู้เกลี่ยกล่อมนางให้ถอนตัวเถอะ นางถอนตัวเอง ก็ไม่ถึงขั้นก่อเรื่องจนไม่น่าดู ถึงเช่นไรก็เป็นแม่นางที่ต้องดูตัวแต่งงาน”กั๋วไท่ฮูหยินไม่ได้หวาดกลัวตระกูลฉี แต่คิดเพื่อฉีซี่หลี่ด้วยความด้วยความจริงใจ หากถูกสถาบันการศึกษาหย่าจวินขับไล่ออกไป จะส่งผลกระทบไม่ดีต่อชื่อเสียงของนางกั๋วไท่ฮูหยินเห็นอกเห็นใจเด็กๆ รู้ว่าเด็กสาวต้องดูตัวแต่งงาน หากไม่ได้จับคู่กับคนดี นั่นเป็นเรื่องทั้งชีวิตซ่งซีซีกล่าว “กั๋วไท่ฮูหยินไม่ต้องรีบร้อน นางถามให้ชัดเจนว่านางทำสิ่งใด ค่อยไปคุยกับนาง” กั๋วไท่ฮูหยินกล่าว “หากบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแต่นางและเด็กสาวผู้นั้นก่อกวนห้องเรียนตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะตอนที่หรูอวี้ฮูหยินสอนบรรยาย นางส่งเสียงดังอยู่ด้านล่าง ทำให้ทุกคนคับ
ซ่งซีซีก้าวขาเข้าไป กวาดมองด้วยสายตาเย็นชา พวกนางสามคนล้วนก้มศีรษะ ไม่กล้าสบตาซ่งซีซีหยานหรูอวี้เห็นนางมาแล้ว ถอนหายใจโล่งออกออกมาราวมกับเจอดาวช่วยชีวิตซ่งซีซีตะโกนสั่ง “ยังไม่ไปอีก? จะต้องให้เพิ่มขึ้นหรือว่าจะไปจากสถาบันการศึกษาสตรี? หากไม่เรียน ก็อย่าใช้อิทธิพลครอบครองพื้นที่ พวกเจ้าไม่เรียนก็มีคนที่อยากมาเรียน”เซี่ยงฮวยอวี้และจูช่างอวีตกใจ รีบร้อนดึงแขนเสื้อของฉีซี่หลี่ สายตาส่งสัญญานลับ ไปเถอะ รีบไปเดิมทียี่สิบครั้ง ตอนนี้ต้องตีสามสิบครั้งแล้ว หากยังไม่ไปคงเป็นสี่สิบห้าสิบครั้งแล้วฉีซี่หลี่เป็นคนอายุน้อยใจร้อน แล้วก็เป็นคุณหนูที่ถูกเอาอกเอาใจของตระกูลฉี ไหนเลยจะรับเรื่องเกินขอบเขตนี้ได้?นางใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่จึงสามารถเก็บสายตาคุกกรุ่นไม่ยอมแพ้ได้ ก่อนที่ซ่งซีซีจะกล่าวคำว่าสี่สิบครั้งออกมาจากปาก นางพาสองคนหมุนตัวเดินไปออกจากประตู นางโกรธจนหน้าแดงแล้ว หากไม่ใช่เพราะพี่สาวฮองเฮากำชับเอาไว้ นางก็ไม่อยากอยู่ในสถานที่ผีเช่นนี้ต่อไปสตรีรู้อักษรก็พอแล้ว เรียนเยอะแยะไปก็ไม่ได้ใช้ ไม่สู้เรียนรู้วิธีดูแลบ้านและดูแลคนดีกว่า วันหน้าแต่งออกไปจะได้ไม่เสียเปรียบหยานหรูอวี้ลุกขึ้น
ฮูหยินสี่รีบปิดปากนาง “เจ้าอย่าเอะอะโวยวาย วัวแก่กินหญ้าอ่อนไม่น่าฟังก็พูดออกมาได้ หากกลับไปลอยเข้าหูของท่านลุงเจ้า คงสั่งสอนเจ้าสักรอบ”ตระกูลฉีกฎเกณฑ์เข้มงวด ลูกหลานในตระกลูต้องพูดีทำดีฉีซี่หลี่สะบัดศีรษะ สะบัดมือของท่านแม่ กล่าว “ท่านลุงร่างกายไม่ปกติ ยังกล้าว่าพวกเรา?” วันนี้ไม่กลัวเขา”“เอาล่ะ หุบปากซะ” ฮูหยินสี่ตำหนิ “นิสัยเด็กจริงๆ คนนอกกัดเรื่องนั้นของท่านลุงเจ้าไม่ปล่อย พวกเราทำการปิดบังอำพรางยังไม่ทัน ไม่ว่าเช่นไร เขายังควบคุมกรมขุนนาง ลูกเขยของเขาวันนี้เป็นฝ่าบาท อนาคตคนมากมายอยู่ในมือเขา”ฉีซี่หลี่สูดจมูก เบ้ปาก ไม่กล้าพูดถึงเรื่องของผู้ใหญ่ “ถึงเช่นไรข้าก็ไม่ชอบเจ้าสิบเอ็ดฝางคนนั้น ไร้ความสามารถ ขี้ขลาดตาขาว ภรรยาของตัวเองถูกคนอื่นขโมยไป เกิดเรื่องฉาวโฉ่ดังไปทั่ว แม้แต่พายลมเขายังไม่กล้าผาย”“นี่คือความต้องการของเหนียงเหนียง เจ้าฟังนางไม่ผิด” นางใส่ยาให้ลูกสาว ค่อยๆ วิเคราะห์ในนางฟัง ความแตกต่างระหว่างแต่งานกับเซี่ยงซานหลางและเจ้าสิบเอ็ดฝางฉีซี่หลี่เลื่อมใสฮองเฮาฉีเสมอมา แต่เรื่องนี้ นางไม่มีทางตกลง อีกทั้งวันนั้นเหนียงเหนียงเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ น
ประโยคว่าลงโทษอย่างหนัก พวกเซี่ยงฮวยอวี้กลัวแล้ว พากันถอยไปด้านหลัง คิดจะดึงระยะห่างออกจากฉีซี่หลี่ฉีซี่หลี่ร้องได้อย่างน้อยเนื้อต่ำใจอย่างยิ่ง คิดว่าหวังจืออวี่ไม่ควรพูดเพื่อเจ้าสิบเอ็ดฝาง “ข้าไม่ได้ตั้งใจ ใครใช้ให้นางปากเสีย? ท่านป้านางทำเรื่องฉาวโฉ่นั่น นางยังร่วมวงช่วยเจ้าสิบเอ็ดฝางพูดจา นางไม่รู้สึกอับอายหรือ?”หวังจืออวี่ตอนที่ถูกตียังไม่ร้องไห้ เมื่อได้ฟังประโยคนี้ น้ำตานางไหลแหมะๆ ออกมา หันหน้าไป ซบไหล่เพื่อนร่วมชั้นอีกครั้งร้องไห้ออกมาเหล่าอาจารย์ถูกเชิญมาจัดการเรื่องนี้ แม้แต่ซ่งซีซีก็ถูกเชิญมาด้วยนักเรียนที่ร่วมทะเลาะเบาะแว้งต่างก็กังวล เป็นห่วงว่าตัวเองจะถูกลงโทษเพราะเหตุนี้ ทั้งหมดต่างก็ยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ ไม่ส่งเสียง สองคนที่สร้างสถานการณ์ตึงเครียดเมื่อครู่ ตอนนี้ไม่มีทิฐิแม้แต่น้อยเพื่อเข้าใจเหตุการณ์ก่อนหลังแล้ว บนใบหน้าหยานหรูอวี้ที่ใจเย็นเสมอมาเผยสีหน้าเย็นชา “ก่อนหน้านี้นางก่อเรื่องตลอดเวลา วันนี้นึกไม่ถึงว่าจะกล้าลงมือตีคน ดูท่าทางคงไม่ได้มาเพื่อเรียน ข้าแนะนำให้เขาไล่นางออกจากสถานบันการศึกษา เพื่อป้องกันไม่ใช้ทำลายชื่อเสียงของสถานบันการศึกษาพวกเรา”ฉีซี
นางจีก็พาจินซิ่วมาถึงด้วย ได้ยินว่าบุตรสาวของตนเองถูกตี นางไปดูลูกสาวก่อน ใบหน้าบวมแล้ว แถมยังมีแผลเล็กละเอียดอีกเส้นหนึ่ง พอรู้ว่ากั๋วไท่ฮูหยินได้ทายาให้นางแล้ว หลังจากที่ปลอบใจลูกสาวตัวเองสองสามคำ ก็กลับเรือนซูหย่าเพื่อคำนับขอบคุณกั๋วไท่ฮูหยินฮูหยินทั้งสองนั่งลง ซ่งซีซีเป็นคนออกหน้าบอกเล่าเรื่องราวจนกระจ่างชัด หลังจากที่เล่าจนจบแล้ว จึงได้ส่งคนไปเรียกตัวฉีซี่หลี่และหวังจืออวี่มา และนำตัวนักเรียนหลายคนมาเป็นพยานด้วย เพื่อสะดวกต่อการให้ฮูหยินทั้งสองซักถามสีหน้าของฮูหยินฉีสี่ดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก หนึ่งคือโกรธที่ลูกสาวไม่ได้เรื่อง ไม่รู้ความ ถึงขั้นนำเรื่องแบบนี้มาพูดกล่าวที่สถานบัน สองคือโกรธเกลียดหวังจืออวี่ปากพล่อย มาพูดว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางไม่ชอบลูกสาวนาง คำพูดนี้แพร่ออกไป จะทำให้ลูกสาวนางเสื่อมเสียได้ทว่า เป็นฉีซี่หลี่ที่ลงมือตีคน เนื้อแท้นี้กับการทะเลาะเบาะแว้งนั้นต่างกัน นางไม่อาจไม่ก้มหัวได้ นางกล่าวขอโทษอย่างไร้รสไร้ชาติกับนางจี “แม้นจะบอกว่าเป็นพวกเด็กสาวไม่รู้ความมีปากมีเสียงกัน แต่เป็นลูกสาวข้าที่ลงมือทำร้ายผู้อื่นก่อนนั้นไม่ถูก ฮูหยินจีได้โปรดอย่าถือสาหาความกับนางเลย”นางจ
สีหน้าของฮูหยินฉีสี่ย่ำแย่ขึ้นอีก นางไม่เชื่อว่านางจีฟังไม่ออกถึงนัยยะในคำพูดของนางท่าทีของนางแข็งขึ้นบ้าง “ไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ ให้ขอโทษนั้นได้ แต่จะให้ออกจากสถาบันนั้นรุนแรงเกินไปแล้ว นี่เป็นเพียงเรื่องที่เด็กๆ ทะเลาะเบาะแว้งกัน ให้ลาออกเพราะเรื่องเล็กแค่นี้ หากแพร่งพรายออกไปจะทำให้ผู้คนว่าเอาได้ว่านักเรียนของหย่าจวินนั้นทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ฮูหยินไม่คิดเผื่อลูกสาวของตนเอง ก็ควรจะเห็นแก่สถานบันหย่าจวินบ้าง อย่างไรเสีย หากลูกสาวของข้าต้องลาออกไปจริงๆ หากมีคำพูดต่างๆ ลือกันออกไป ที่เสียหายก็เป็นชื่อเสียงของสถาบันการศึกษาสตรีหย่าจวินแล้ว”เมื่อกี้ข่มขู่นางจี ตอนนี้ข่มขู่สถานบันการศึกษาสตรีหย่าจวินแล้วซีงซีซียิ้มเย็นเยียบ “ตีคนแล้วยังไม่ถูกลงโทษให้ออก หากแพร่งพรายออกไปแล้วจึงจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของสถาบันหย่าจวินอย่างแท้จริง พวกเราเชิญฮูหยินสี่มา ก็เพราะอยากทำให้ทุกคนไม่ต้องเสียหน้า ควรขอโทษก็ขอโทษ ควรรับผิดก็รับผิด พูดคุยกันให้กระจ่างชัดทั้งสองบ้านจะได้ไม่ต้องผูกความแค้นกันเพราะเด็กสองคน แต่การออกจากสถาบันนั้นอย่างไรก็ต้องออก หากว่าเจ้าไม่ยอมล