ยามราตรีกาลโลกซินด์เธีย.......
เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังกระทบพื้นถนนเป็นจังหวะ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เธอหอบหายใจแรงขณะที่พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เงาดำที่ไล่ตามเธอมาติดๆ ทำให้หญิงสาวไม่สามารถหยุดวิ่งได้แม้แต่วินาทีเดียว
"ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!" หญิงสาวร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ในยามวิกาลเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอ
เงาดำมืดนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมหายใจเย็นยะเยือกที่เป่ารดต้นคอ ตัวหญิงสาวแข็งทื่อขาที่จะก้าวหนีไม่ขยับไปไหนทันใดนั้น จู่ๆ ชายผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าตัวเธอจากด้านหลัง เขาลากเธอเข้าไปในตรอกมืด ร่างของหญิงสาวกระแทกกับกำแพงอย่างแรง เธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่ ก็ไม่สามารถสู้ได้ เขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะต่อกร
"อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ได้โปรดนะ ขอร้อง"
หญิงสาวอ้อนวอน แต่เสียงของเธอถูกกลืนหายไปในความมืดมิด
เขาฉีกยิ้ม ก้มลงไปใกล้ๆ คอของหญิงสาวได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ จากลมหายใจของเขา เขี้ยวแหลมคมของเขาจมลงไปในผิวเนื้อของเธอ หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงของเธอกลับค่อยๆ เงียบลงเรื่อยๆ ร่างกายของเธอซีดราวกับศพ เขาดูดเลือดของเธออย่างตะกละตะกลาม จนกระทั่งเธอแน่นิ่งไป
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาดวงตาของเขาเป็นสีแดง เขายิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเลียริมฝีปากตัวเอง จากนั้นเขาหายตัวไปในความมืด ทิ้งไว้เพียงร่างไร้ชีวิตของหญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้นดิน....
หนึ่งชั่วโมงถัดมา....
ขณะเดียวกันชายคนหนึ่งยืนนิ่งสงบ บนดาดฟ้าตึกสูงสายลมเย็น พัดร่างของผมแต่ไม่อาจทำให้ผมรู้สึกหนาวเหน็บได้ดวงตาสีโลหิต เส้นผมสีไข่มุก ใบหน้าคมหล่อ ผิวที่ซีดเผือด ภายใต้แว่นกันแดดสีดำทอดมองลงไปยังเมืองแสงไฟระยิบระยับ ราวกับดวงดาวบนผืนผ้ากำมะหยี่แต่ท่ามกลางความงดงามนั้น ผมกลับสัมผัสได้ถึงความมืดที่กำลังคืบคลานเข้ามา
ผมเคียร์เนย์ แวมไพร์ที่อยู่มาพันปีเป็นราชาแห่งโลกพรีโม่ นับเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย เสียงรถรา เสียงทั้งหมดขึ้นประสานกันจนราวกับเป็นเสียงเดียว แต่สำหรับหูอันเฉียบคมของแวมไพร์อย่างผม เสียงเหล่านั้นกลับแตกต่างชัดเจนดุจดังว่าอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ ผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นของผู้คนมากมาย เสียงลมหายใจแผ่วเบาแม้กระทั่งเสียงกระซิบที่แทบไม่ได้ยิน
"พวกหนูสกปรกเพิ่มจำนวนขึ้นมากเลยนี่"
รายงานที่ผมได้รับนั้นไม่เกินจริงปีศาจที่เคยหลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด บัดนี้กลับกล้าออกมาเพ่นพ่านในโลกมนุษย์อย่างเปิดเผย ผมถอดแว่นกันแดดออก มือเสยผมสูดกลิ่นอายของเมืองเข้าปอดกลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยมาตามลมทำให้ผมมั่นใจว่าพวกเขากำลังออกล่า
"อยู่ดีๆ ไม่ชอบกันใช่ไหม ข้าที่อยู่โลกมนุษย์มาตั้งนานดันต้องมาเจอเรื่องปวดหัว"
ผมที่ยิ้มมุมปากกำลังจะกระโดดแต่โดนขัดขึ้นซะก่อน
"เดี๋ยวก่อนครับ เอาเสื้อโค้ตไปด้วย กลางคืนอากาศหนาว" มาร์ชินลูกน้องของผมพูดขึ้น
"จะให้ฉันออกเท่ๆ หน่อยไม่ได้เลยหรือไง! ชอบขัดทุกเรื่อง จะขัดอยู่ไหม"
"ไม่ๆ แล้วครับ เชิญไปได้เลยครับ"
จากนั้นร่างผมก็หายวับไปในความมืด ราวกับเป็นเพียงภาพลวงตา
สำนักงานองค์กรซีไอเอภาคปฏิบัติ...
หญิงสาวนั่งหลังพิงเก้าอี้ในห้องทำงานอันแสนจะไม่สุขสบาย ฉันมินาโกะ ผู้ไม่เคยกลัวใครนอกจากพ่อแม่ เป็นคนที่ชอบทำอะไรบุ่มบ่ามจนเพื่อนเอือมระอา ดวงตากลมโต สีช็อกโกแลต ผมสีเพลงนิล (ไฟสีดำ) ใบหน้างดงามดั่งเทพี อายุ ยี่สิบสามปี มีไฝใต้ตาสองจุด
ความเคร่งเครียดทำเอากระเพาะอาหารไม่ย่อยขณะที่สายตาไล่อ่านรายงานคดีล่าสุดที่วางอยู่ตรงหน้า
"เหยื่อรายที่ห้าในรอบเดือนนี้....จะทำสถิตแข่งกันหรือยังไง ไม่ใช่โอลิมปิกนะ"
รายงานระบุว่าเหยื่อแต่ละรายเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่ไม่สามารถอธิบายได้แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รอยแผลสองรอยที่ปรากฏบนต้นคอของเหยื่อทุกราย ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยการที่ฉันเป็นนักข่าวกรองไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสางหรือปีศาจ แต่รอยแผลประหลาดเหล่านี้ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะมีสิ่งที่เหนือธรรมชาติอยู่เบื้องหลัง
"มันต้องได้อะไรมาบ้างสิ"
ฉันหยิบเสื้อโค้ตและกุญแจรถเตรียมตัวออกไปยังที่เกิดเหตุ พอมาถึงเป็นตรอกเล็กๆ สังเกตเห็นร่องรอยการต่อสู้ รอยเลือดและรอยเท้าที่ดูเหมือนจะลากไปตามพื้น ฉันย่อเข่าลงตรวจสอบรอยเท้ากับเลือด ก็พบว่ารองเท้ามีขนาดเท่ากับมนุษย์ทั่วไปและมีรอยเล็บที่แหลมคมปรากฏอยู่บนกำแพง
"ดูท่าแรงจะเยอะไม่ใช่เล่น ทำให้เป็นรอบข่วนได้ขนาดนี้ " จู่ๆ ในหัวก็มีคำหนึ่งปรากฏขึ้นมา
"บ้าน่าจริงเหรอ?!"
เล่นทำเอาฉันขนลุกซู่ ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากด้านหลัง ฉันหันหลังกลับไปมองแต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย
"ใครน่ะ! อย่ามาเล่นตุกติกนะ จะเป็นผีอะไรก็ช่างฉันไม่เชื่อทั้งนั้น!"
"ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!"
ฉันถามกลับแต่ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงความเงียบสงัดที่น่ากลัว ทำให้ฉันรู้สึกว่ามีใครบางคนหรือบางสิ่ง กำลังเฝ้ามองฉันอยู่ในเงามืด ฉันรีบเก็บหลักฐาน แล้วออกจากตรอกนั้นทันที
กลับมาที่ห้องทำงาน ฉันนั่งทบทวนรูปภาพบนจอภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันไม่สามารถสลัดความคิดที่ว่ามีใครบางคนกำลังเฝ้ามองฉันจากที่ไกลๆ
ฉันหยิบคีย์บอร์ดมาพิมพ์บนหน้าจอค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับตำนานและเรื่องเล่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรอยแผลสองรอยบนต้นคอ ยิ่งฉันค้นคว้ามากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าคดีนี้อาจจะไม่ใช่คดีที่ฉันจะสามารถแก้ไขได้ มันอาจจะต้องเผชิญหน้ากับบางอย่างที่ฉันไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน...
ผมที่นั่งอยู่บนหลังคาเฝ้ามองหญิงสาวที่เอาแต่ทำหน้าเคร่งขรึม ผมนึกถึงภาพเมื่อครู่ในซอยมืด เห็นความมุ่งมั่นและความกล้าหาญในแววตาของเธอแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวาดระแวง แต่เธอก็ไม่ยอมถอยหนี ยังพูดด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดว่าไม่กลัวผีสาง
ขณะที่เธอออกจากตรอกนั้น สายตาเห็นป้ายชื่อของเธอหล่นลงพื้น จึงก้าวออกมาจากเงามืดและเก็บมันขึ้นมามือหันป้ายชื่อ ของเธอจึงตามมาถึงที่ทำงาน
"เป็นสายลับของข่าวกรองนี่เอง"
ผมยิ้มร้ายๆ ในขณะมองเธออยู่ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผม
"ไหนมาดูหน่อยสิ ว่าคนธรรมดาแบบพวกเธอจะรับมือกับปัญหายังไง"
ผมชักจะสนุกกับเกมนี้แล้ว รู้ว่าเธอกำลังตามล่าหาฆาตกรที่ฆ่าคนไปหลายศพแต่เธอไม่รู้ว่าฆาตกรที่เธอตามล่าอยู่นั้นไม่ใช่มนุษย์ อยากจะเห็นปฏิกิริยาของเธอเมื่อรู้ความจริงกลับกลายเป็นผมที่ตัดสินใจมองดูเธอต่อไป ทำให้ผมอยากรู้ว่าเธอจะสามารถไขคดีนี้ได้หรือไม่ถ้าเธอพบกับความจริงที่ทว่าพวกนั้นคือแวมไพร์เธอจะทำหน้าตายังไง
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านบังตาเข้ามาในห้องทำงาน ฉันยังคงหลับสนิทอยู่บนโต๊ะ เอกสารกองโตและแฟ้มคดีวางระเกะระกะ รอบตัวบ่งบอกถึงการทำงานหนักตลอดทั้งคืน
"มินาโกะตื่นได้แล้ว"
เสียงใสๆ ของซากุระผมสีเหล้าองุ่น ดวงตาสีแอปเปิลเขียว ผิวขาวผ่อง ใบหน้าอ่อนหวานใส่แว่นตา เธอคือเพื่อนสนิทของฉันเป็นพยาบาลที่นี่ กลิ่นหอมหวานของขนมอบอวลไปทั่วห้อง ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย มือขยี้ตาและบิดขี้เกียจ พลางมองไปยังซากุระที่ยืนถือกล่องขนมปังอบสดใหม่มาให้...
"ซากุระเหรอ นี่กี่โมงแล้วเนี่ย"
"เก้าโมงแล้วจ้ะ"
ซากุระตอบพลางวางกล่องขนมลงบนโต๊ะ
"เป็นหัวหน้าทำไมถึงได้ทำงานหนักกว่าลูกน้อง ฉันเห็นเธอยังไม่ตื่นเลยแวะซื้อขนมปังมาเพื่อเธอหิวจะได้กินเลย"
ฉันลุกขึ้นไปกอดซากุระ"เอาน่า เป็นหัวหน้าก็ต้องทำงานหนักถูกต้องแล้ว ขอบใจนะ ซากุระ แล้วพวกผู้ชายล่ะ"
"พวกผู้ชายเดี๋ยวก็คงจะมากันแหละ"
เท้าเดินไปหยิบขนมปังขึ้นมากิน กลิ่นหอมหวานของเนยและน้ำตาลช่วยให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง สายตาสังเกตเห็นได้ชัดจึงเดินเอามือเอื้อมเปิดกระจกลงเล็กน้อย ชายคนนั้นที่ยืนมองมาตั้งแต่ตอนไหนกัน ทำไมฉันถึงพึ่งมาสังเกตเอาตอนนี้
"ไปสืบที่เกิดเหตุมาอีกแล้วใช่ไหม ได้อะไรมาบ้างไหมมินาโกะ "
ฉันส่ายหน้า"คดีฆาตกรรมต่อเนื่องนั้นยังไม่คืบหน้าเลย ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหนมันก็ยังไม่พบอะไร"
ซากุระมาบีบแก้มทั้งสองข้างส่ายไปมา "อย่าทำให้ฉันต้องเป็นห่วงจะได้ไหมยัยบ้า"
"โอ๊ย!! เจ็บนะ รู้แล้วน่า" ฉันอมยิ้มให้เพราะรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉันมาตลอด
ค่ำคืนอันงดงามดั่งห้วงฝัน...
ขณะที่ฉันกำลังเดินกลับบ้านหลังเลิกงานอันเหน็ดเหนื่อย ได้เดินผ่านผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูแปลกตา เธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำสนิทและมีผ้าคลุมศีรษะปิดบังใบหน้าเกือบมิดชิดเวลานั้นเอง ผู้หญิงคนนั้นก็เอ่ยขึ้นเสียงแหบพร่า
"เธอนั้นนะ มาดูดวงกับฉันหน่อยเป็นไง"
ฉันหยุดชะงักทันที หันไปตามเสียงผู้หญิงคนนั้นด้วยความสงสัย
"ฉันเหรอ?...คุณกำลังหมายถึงฉันใช่ไหม"
"จะใครอีกล่ะ ก็เธอนั่นแหละ เดินผ่านอยู่คนเดียว"
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มและใช้มือกวักเรียกฉัน...เลยเดินไปนั่งตรงหน้าของเธอ
"ดูฟรีปะเนี่ย ยิ่งเงินเดือนยังไม่ออกเหลือไม่กี่บาทเอง"
"ยัยหนูนี่ ฉันดูให้ฟรีไหนบอกมาสิว่าจะดูอะไร"
"เอ่อ...ความรักแล้วกัน ฉันอยากรู้ว่าจะมีเนื้อคู่ไหม"
"โอ้วใจกล้าดี เลือกไพ่มาสามใบ"
ฉันหลับตาตั้งสมาธิหยิบไพ่กลางซ้ายขวามาสามใบ แม่หมอเปิดออกมาเป็นรูปหัวกะโหลกสองตนที่คลุมผ้าอยู่กับหัวกะโหลกที่จับมีดแทงกลางอกแล้วไพ่สุดท้ายเป็นรูปผู้ชายสวมชุดสีดำใบหน้าใส่หน้ากากรูปยิ้ม
"อื้มไม่ธรรมดาเลยนะ โชคชะตาของเธอมันยุ่งเหยิงไปหมด ถ้าจะให้พูดคือ ยังไม่มีความรักที่จริงใจ เพราะชีวิตของเธอนั้น กำลังเดินมาถึงทางตัน ที่ไม่มีใครสามารถจะตัดสินใจได้นอกจากตัวเธอ "
"ฮะ!! พูดให้เข้าใจหน่อยได้ไหมแม่หมอ"
"พูดง่ายๆ สามไพ่นี้ บ่งบอกถึงความรักที่เสียสละ เลือด หัวใจที่อันบริสุทธิ์ สิ่งที่ฉันเห็นในอนาคตนั้น ดวงวิญญาณเธอแตกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี"
"......."
"ไพ่นี้ระวังผู้ชายแปลกหน้าให้ดี ไม่งั้นเธออาจจะต้องเสียใจชั่วชีวิตของเธอเลยก็ได้ เพราะเขาจะมาในรูปแบบที่เธอคาดไม่ถึงเลย"
"นี่คือที่อยู่ของฉันถ้าเธอเจอผู้ชายคนนั้นตามที่ฉันบอกมาหาฉันได้เสมอ"
สิ้นสุดคำพูดของ แม่หมอคนนั้นก็หายไป ทิ้งให้ฉันยืนอยู่คนเดียวด้วยความงง ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คำพูดของเธอคนนั้นยังคงอยู่ในหัวของฉัน
"ผู้ชายแปลกหน้า? ใครจะมายุ่งกับฉัน วันๆ แทบจะไม่มีเวลาให้ใครเลย อีกอย่างฉันจะตาย?"
ฉันส่ายหัว พยายามปัดความคิดนั้นออกไป ไม่อยากจะเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ แต่ฉันก็เก็บที่อยู่แม่หมอคนนั้นไว้ในกระเป๋า
"ถ้ามาจริงก็ขอหล่อๆ แบบดาราระดับโลกไปเลย ฉันจะดีใจมาก ฮ่าๆๆ เชื่อก็บ้าแล้ว!!"
ณ...คอนโดมินาโกะฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตาเดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…กรี๊ด!!!ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ
ยามตะวันลาลับขอบฟ้าในสวนสาธารณะ เวลาสามทุ่ม...ฉันย่องเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบใจเต้นระทึกกับรวบรวมความกล้าที่ผสมปนเปกันฉันที่ต้องการพิสูจน์ว่าในจดหมายนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่และถ้าเป็นจริงใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ฉันที่แต่งตัวอย่างกับโจร ใส่ชุดสีดำทั้งตัว อาการก็เหมาะ เพราะร้อนสุดๆความเงียบสงัดของสวนสาธารณะทำเอาฉันเกือบหลับแต่ถูกทำลายลงด้วยเสียงฝีเท้าเบาๆ ฉันเพ่งมองผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ สายตาเห็นร่างของชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในสวน ฉันหันไปมองของที่เตรียม มาทั้งกระเทียม ไม้กางเขน เหล็กแหลมและน้ำอบ"ไม่เชื่อเลย ยังพกมาขนาดนี้ ตั้งศาลเจ้าไล่ผีได้เลยนะ"ชายหนุ่มหยุดอยู่ใต้แสงไฟจากเสาไฟฟ้า ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน!"นั้นมันคือชายหนุ่มธรรมดาๆ ไม่ใช่หรือไงน่ะ ไม่เห็นจะเหมือนแวมไพร์ตรงไหน"สีหน้าแข็งตึงอย่างสะกดอารมณ์ ฉันเฝ้ามองอย่างระมัดระวังไม่นานนัก หญิงสาวอีกคนก็เดินเข้ามาในสวน เธอตรงเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น ทั้งคู่พูดคุยกันครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะโอบกอดเธอไว้ฉันรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง สายตาจ้องมองทั้งคู่อย่างไม่วางตา ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ก้ม
ณ...คอนโดมินาโกะฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตาเดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…กรี๊ด!!!ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ
ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นโทนสีขาวดูสะอาดเรียบง่ายและสบายตาฉันที่นอนราบอยู่บนเตียง ความฝันอันเลวร้ายยังคงตามหลอกหลอนฉันจากห้วงนิทราเหงื่อกาฬท่วมทั้งใบหน้าและแผ่นหลัง ภาพของแวมไพร์นั้นยังคงติดตา รอยยิ้มเขี้ยวแหลมคม ดวงตาสีแดงที่จ้องมองฉันราวกับเหยื่ออันโอชะแต่แล้วภาพในความฝันก็เปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นเขาชายหนุ่มดวงตาสีโลหิต กำลังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบาทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดไหลผ่านร่างกายฉันสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นนั่งบนเตียง หายใจหอบถี่ถาโถมเข้ามาในใจ สายตากวาดมองไปทั่วทุกทิศ เอียงหัวอย่างนึกสงสัยมือเสยผมขึ้น"ฝันบ้าอะไรเหมือนจริงชะมัด! สงสัยคงจะคิดมากเกินไป ถึงขั้นเก็บมาฝัน""ถ้าเจออีกครั้งจะถามชื่อเขาได้ไหมนะ อยากจะรู้จักเขาจัง"ฉันที่เอาเท้าแตะพื้นกำลังจะลุกขึ้นเสียงแจ้งเตือนข้อความดัง ทำให้ฉันหันกลับไปมองหน้าจอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียง เปิดหน้าจอดูใช้นิ้วเลื่อนไปที่ข้อความจากพี่เรียวจิข้อความ: "พี่รู้ว่ามันยากสำหรับเธอ แต่ไม่ว่ายังไงพี่มีความเห็นคือเราต้องกำจัดแวมไพร์คนนั้นซะ เขาอันตรายต่อเธอ"ฉันอ่านข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่น่าบอกพ
ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นโทนสีขาวดูสะอาดเรียบง่ายและสบายตาฉันที่นอนราบอยู่บนเตียง ความฝันอันเลวร้ายยังคงตามหลอกหลอนฉันจากห้วงนิทราเหงื่อกาฬท่วมทั้งใบหน้าและแผ่นหลัง ภาพของแวมไพร์นั้นยังคงติดตา รอยยิ้มเขี้ยวแหลมคม ดวงตาสีแดงที่จ้องมองฉันราวกับเหยื่ออันโอชะแต่แล้วภาพในความฝันก็เปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นเขาชายหนุ่มดวงตาสีโลหิต กำลังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบาทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดไหลผ่านร่างกายฉันสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นนั่งบนเตียง หายใจหอบถี่ถาโถมเข้ามาในใจ สายตากวาดมองไปทั่วทุกทิศ เอียงหัวอย่างนึกสงสัยมือเสยผมขึ้น"ฝันบ้าอะไรเหมือนจริงชะมัด! สงสัยคงจะคิดมากเกินไป ถึงขั้นเก็บมาฝัน""ถ้าเจออีกครั้งจะถามชื่อเขาได้ไหมนะ อยากจะรู้จักเขาจัง"ฉันที่เอาเท้าแตะพื้นกำลังจะลุกขึ้นเสียงแจ้งเตือนข้อความดัง ทำให้ฉันหันกลับไปมองหน้าจอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียง เปิดหน้าจอดูใช้นิ้วเลื่อนไปที่ข้อความจากพี่เรียวจิข้อความ: "พี่รู้ว่ามันยากสำหรับเธอ แต่ไม่ว่ายังไงพี่มีความเห็นคือเราต้องกำจัดแวมไพร์คนนั้นซะ เขาอันตรายต่อเธอ"ฉันอ่านข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่น่าบอกพ
ณ...คอนโดมินาโกะฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตาเดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…กรี๊ด!!!ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ
ยามตะวันลาลับขอบฟ้าในสวนสาธารณะ เวลาสามทุ่ม...ฉันย่องเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบใจเต้นระทึกกับรวบรวมความกล้าที่ผสมปนเปกันฉันที่ต้องการพิสูจน์ว่าในจดหมายนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่และถ้าเป็นจริงใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ฉันที่แต่งตัวอย่างกับโจร ใส่ชุดสีดำทั้งตัว อาการก็เหมาะ เพราะร้อนสุดๆความเงียบสงัดของสวนสาธารณะทำเอาฉันเกือบหลับแต่ถูกทำลายลงด้วยเสียงฝีเท้าเบาๆ ฉันเพ่งมองผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ สายตาเห็นร่างของชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในสวน ฉันหันไปมองของที่เตรียม มาทั้งกระเทียม ไม้กางเขน เหล็กแหลมและน้ำอบ"ไม่เชื่อเลย ยังพกมาขนาดนี้ ตั้งศาลเจ้าไล่ผีได้เลยนะ"ชายหนุ่มหยุดอยู่ใต้แสงไฟจากเสาไฟฟ้า ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน!"นั้นมันคือชายหนุ่มธรรมดาๆ ไม่ใช่หรือไงน่ะ ไม่เห็นจะเหมือนแวมไพร์ตรงไหน"สีหน้าแข็งตึงอย่างสะกดอารมณ์ ฉันเฝ้ามองอย่างระมัดระวังไม่นานนัก หญิงสาวอีกคนก็เดินเข้ามาในสวน เธอตรงเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น ทั้งคู่พูดคุยกันครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะโอบกอดเธอไว้ฉันรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง สายตาจ้องมองทั้งคู่อย่างไม่วางตา ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ก้ม
ณ...คอนโดมินาโกะฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตาเดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…กรี๊ด!!!ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ
ยามราตรีกาลโลกซินด์เธีย.......เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังกระทบพื้นถนนเป็นจังหวะ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เธอหอบหายใจแรงขณะที่พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เงาดำที่ไล่ตามเธอมาติดๆ ทำให้หญิงสาวไม่สามารถหยุดวิ่งได้แม้แต่วินาทีเดียว"ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!" หญิงสาวร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ในยามวิกาลเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอเงาดำมืดนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมหายใจเย็นยะเยือกที่เป่ารดต้นคอ ตัวหญิงสาวแข็งทื่อขาที่จะก้าวหนีไม่ขยับไปไหนทันใดนั้น จู่ๆ ชายผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าตัวเธอจากด้านหลัง เขาลากเธอเข้าไปในตรอกมืด ร่างของหญิงสาวกระแทกกับกำแพงอย่างแรง เธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่ ก็ไม่สามารถสู้ได้ เขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะต่อกร"อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ได้โปรดนะ ขอร้อง" หญิงสาวอ้อนวอน แต่เสียงของเธอถูกกลืนหายไปในความมืดมิดเขาฉีกยิ้ม ก้มลงไปใกล้ๆ คอของหญิงสาวได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ จากลมหายใจของเขา เขี้ยวแหลมคมของเขาจมลงไปในผิวเนื้อของเธอ หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงของเธอกลับค่อยๆ เงียบลงเรื่อยๆ ร่างกายของเธอซีดร