ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นโทนสีขาวดูสะอาดเรียบง่ายและสบายตาฉันที่นอนราบอยู่บนเตียง ความฝันอันเลวร้ายยังคงตามหลอกหลอนฉันจากห้วงนิทราเหงื่อกาฬท่วมทั้งใบหน้าและแผ่นหลัง ภาพของแวมไพร์นั้นยังคงติดตา รอยยิ้มเขี้ยวแหลมคม ดวงตาสีแดงที่จ้องมองฉันราวกับเหยื่ออันโอชะ
แต่แล้วภาพในความฝันก็เปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นเขาชายหนุ่มดวงตาสีโลหิต กำลังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบาทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดไหลผ่านร่างกาย
ฉันสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นนั่งบนเตียง หายใจหอบถี่ถาโถมเข้ามาในใจ สายตากวาดมองไปทั่วทุกทิศ เอียงหัวอย่างนึกสงสัยมือเสยผมขึ้น
"ฝันบ้าอะไรเหมือนจริงชะมัด! สงสัยคงจะคิดมากเกินไป ถึงขั้นเก็บมาฝัน"
"ถ้าเจออีกครั้งจะถามชื่อเขาได้ไหมนะ อยากจะรู้จักเขาจัง"
ฉันที่เอาเท้าแตะพื้นกำลังจะลุกขึ้นเสียงแจ้งเตือนข้อความดัง ทำให้ฉันหันกลับไปมองหน้าจอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียง เปิดหน้าจอดูใช้นิ้วเลื่อนไปที่ข้อความจากพี่เรียวจิ
ข้อความ: "พี่รู้ว่ามันยากสำหรับเธอ แต่ไม่ว่ายังไงพี่มีความเห็นคือเราต้องกำจัดแวมไพร์คนนั้นซะ เขาอันตรายต่อเธอ"
ฉันอ่านข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่น่าบอกพี่เรียวจิเลย ถึงพี่เรียวพูดถูกว่าเป็นคนอันตรายแต่...ภาพของเขาที่ช่วยฉันก็ผุดขึ้นมาในความคิด ใบหน้าที่หล่อ รอยยิ้ม เจ้าเล่ห์ เป็นแวมไพร์ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ
"เขาก็ดูจะเป็นคนดีมั้งนะ " ฉันที่กำลังทบทวนตัวเอง
มือวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะข้างเตียง ฉันตัดสินใจที่จะไม่ตอบกลับข้อความของพี่เรียวจิ ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าพวกเขาต้องการอะไรจะต้องได้ในสิ่งที่เขาต้องการ แต่สิ่งที่ฉันรู้คือฉันไม่อยากทำร้ายเขา
"ในอีกแง่หนึ่งฉันคิดว่าเขาก็สมบูรณ์แบบเกินไป สายตาของเขาเหมือนมีอะไรอยู่ตลอดเวลา"
ฉันหลับตาลงพยายามข่มใจให้สงบไม่ว่าจะมองจากทางไหน ก็ดูไม่สมเหตุสมผล ข้อกังขาปรากฏในสมอง ฉันเดินวนไปวนมารอบเตียง
ผมที่เกาะอยู่บนขอบหน้าต่างห้องนอนของเธออย่างกับจิ้งจก สายตาจับจ้องไปยังร่างบางที่เดินไปมาใบหน้าแสดงความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดเจน
"ทำไมเธอถึงได้เครียดขนาดนั้น? หรือเพราะข่าว? "
ผมยังคงเฝ้ามองเธอต่อไปแม้จะรู้ว่ามันเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวแต่มันก็ยากเกินกว่าที่ผมจะละสายตาไปจากเธอได้ ผมอยากจะเข้าไปพูดคุยกวนประสาทเธอเล่น ขณะเดียวกันความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวผมรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรให้เธอยิ้มออกได้
ผมที่กำลังจะหายไปเห็นลุงเช็ดกระจกเลยยิ้มให้ก่อนจะหายไปในพริบตาเดียว
"ผะ...ผีหลอก!! ผีหลอก!!" ลุงคนนั้นสลบคาไม้เช็ดกระจกทันที
ร้านหอมหวาน สดใหม่...
ผมใช้พลังของตนเองวาร์ปไปยังร้านเบเกอรี่ชื่อดังในเมือง ซื้อเค้กมาหลายรสชาติที่ผมโปรดปรานมาเต็มสองมือก่อนจะวาร์ปมายังห้องทำงานของเธอ มือวางกล่องเค้กสีชมพูสดใสลงบนโต๊ะทำงานสีขาวเรียบอย่างทะนุถนอม ผมหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาเขียนข้อความสั้นๆ ลงไปยังกระดาษ
"กินให้อร่อยนะ จากหนุ่มสุดหล่อ พี่เรียวจิ"
ผมวางโน้ตไว้ข้างกล่องเค้กเขียนชื่อพี่ชายของเธอคงจะไม่เป็นไร แค่ยืมชื่อมาเท่านั้นเอง จากนั้นจึงหายตัวไปอีกครั้งทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมหวานของขนมอบอวลอยู่ในห้อง
เวลาผ่านไปสิบห้านาที...
ฉันที่เดินเข้ามาในห้องทำงานสายตาเห็นเค้กและกระดาษแผ่นเล็กๆ วางอยู่เลยเดินไปหยิบโน้ตขึ้นมาอ่าน รอยยิ้มเล็กปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉัน
ผมที่แอบล่องหนอยู่ยิ้มอ่อนยิ้มหวานอย่างน้อยผมก็สามารถทำให้เธอมีความสุขได้บ้างแม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม ความรู้สึกหวานอมเปรี้ยวกระจายอยู่ในใจ
ก๊อก! ก๊อก!
"เข้ามาได้เลย"
ซากุระก้าวเข้ามาในห้องทำงานของฉันด้วยท่าทีเร่งรีบเธอไปกดปุ่มโทรทัศน์ที่อยู่มุมห้องเปิดภาพข่าวแถลงเกี่ยวกับเหตุการณ์แวมไพร์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เสียงผู้ประกาศข่าวรายงานสถานการณ์ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
"จากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาทางการได้ออกมายืนยันแล้วว่ามีแวมไพร์ทำร้ายประชาชนจริง ขณะนี้เจ้าหน้าที่เอฟบีไอกำลังเร่งติดตาม..."
ซากุระหันมามองใบหน้าของฉันเธอพองแก้มโกรธอย่างน่ารัก
"มินาโกะ มันจริงเหรอที่มีแวมไพร์ในประเทศของเรา คนที่เราเดินสวนกันไปมากลายเป็นแวมไพร์แล้วแบบนี้พวกเราจะยิ่งไม่อันตรายเหรอ?"
ผมที่ยืนอยู่มุมห้องอยากจะเดินเข้าไปกระชากหัวยัยผู้หญิงคนนี้ที่เข้ามาทำให้มินาโกะต้องมาเครียดอีก คนเขาทำให้เธอหายจากหน้าบึ้งตึงได้แล้วยังต้องมาฟังข่าวไร้สาระ เพราะยัยนี่เลย ลากไปตบเลยดีไหมเนี่ย
ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้าไปจับมือของซากุระ
"ซากุระฉันรู้ว่าเธอกลัวนะ เชื่อฉันสิว่ามันจะผ่านไปได้ พวกเอฟบีไอก็ตามเรื่องอยู่เหมือนกันนะ"
"แต่พวกเราไม่รู้เลยนะว่าใครเป็นแวมไพร์ "ซากุระที่หน้าตาเหมือนจะร้องไห้
ฉันดึงซากุระเข้ามากอดแน่นๆ เอามือลูบหลังของเธอเบาๆ ช้าๆ เพราะตอนนี้ซากุระกำลังหวาดกลัวอย่างมาก
"ไม่เป็นไรนะ บางที่แวมไพร์อาจจะไม่ได้น่ากลัวก็ได้ บางคนอาจจะใจดีไม่ทำร้ายใครก็มี"
"จริงเหรอ? แกแน่ใจนะ"
"แน่นอนสิ ฉันรับประกันว่าเธอจะปลอดภัย"
"อ่อนแอชะมัดเลยยัยผู้หญิงคนนี้" ผมที่พูดออกมา
ขณะที่กำลังปลอบซากุระได้กลิ่นตัวของเขา ทำให้รู้ว่าเขาอยู่ในห้องทำงานของฉัน คงอยากจะเห็นว่าฉันทำหน้าตายังไงที่ได้จดหมายกับเค้กของเขา ยังอ้างเขียนชื่อพี่ชายฉันอีก ช่างเป็นแวมไพร์จอมวางแผนจริงๆ
ตกเย็น....
หลังจากการประชุมอันยาวนานเสร็จ ฉันที่ต้องแวะซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของสดสำหรับทำอาหารเย็นระหว่างที่ฉันกำลังเลือกผักอยู่นั้น เสียกรี๊ดของสาวๆ ก็ดังขึ้นจากอีกมุมของซูเปอร์มาร์เก็ต ฉันอดไม่ได้ที่เผือกเรื่องชาวบ้านเลยหันไปมองข้างหลังอย่างนึกสงสัย
ฉันที่เห็นเขาใส่หมวกสีดำ แว่นตาสีดำทำท่าทางเหมือนกำลังเลือกซื้อสินค้าอยู่ท่ามกลางกลุ่มสาวๆ ที่กำลังรุมล้อมเขา ตัวเขาสูงเด่นเห็นชัดเจน
"สง่าซะขนาดนั้นก็ต้องมีสาวๆ มาล้อม เป็นธรรมดาฮอตจริงๆ"
เขาที่พยายามจะเดินฝ่ามาทางนี้สายตาของเขากลับมามองที่ฉันทำให้ฉันเบี่ยงหน้าหลบเขาทันที เขาขอทางสาวๆ เดินตรงมายังที่ฉัน เขาหยุดอยู่ข้างๆ ฉันทำท่าทางเหมือนกำลังสนใจผักที่ถืออยู่ในมือ
"จะทำกับข้าวเหรอครับ?" เขาถามเสียงนุ่ม
"ถ้าจะต้มผักพวกนี้ก็น่าจะเหมาะกว่านะ"
(ตอแหลเก่งเหมือนกันนะ ทำมาเข้าหาโดยการพูดคุยกำลังทดสอบฉันอยู่ละสิ ใช้ได้)
ฉันที่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาเลย เงยหน้าเอียงคอมองเขาไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาทักกันแบบนี้ ท่ามกลางสายตาของสาวๆ ที่จ้องมองมาด้วยความอิจฉา ใครสนล่ะ เขาสนใจฉันเสียใจด้วยนะ
"ไม่ดีกว่าค่ะ...พอดีว่าจะเปลี่ยนเมนูทำอาหาร"
"งั้นถ้าไม่รังเกียจ ฉันช่วยได้นะ เธอจะทำเมนูอะไรล่ะ"
ฉันมองเขาและยังชอบท่าทางที่ทำเหมือนเราสนิทกัน ช่างเป็นแวมไพร์ที่เกินเยียวยาจริงๆ ทว่าฉันก็เผลอพูดบางอย่างออกไปโดยตั้งใจที่จะแกล้งเขา
"ขอบคุณมากค่ะ ลุง"
รอยยิ้มบนใบหน้าของผมหายไปทันที ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
"ลุง?"
ผมทวนคำพูดของเธอด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ
"ฉันชื่อเคียร์เนย์ จะเรียกว่าเคียร์ก็ได้ ฉันยังไม่แกยังหนุ่มยังแน่น"
ในที่สุดฉันก็ทำให้เขาพูดชื่อตัวเองได้แล้ว ฉันเลยยกมือขึ้นดีดนิ้ว..
"อ้อ ก็หน้าแกแล้วก็เรียกลุงก็ถูกแล้วนะคะ เอาน่าเรียกลุงง่ายกว่าอีก ส่วนฉันชื่อมินาโกะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"
คงเป็นครั้งแรกที่ฉันกับเขาได้แนะนำตัวกันแบบนี้ถึงจะแกล้งเขาเล่นแต่ที่จริงเขาไม่แก่เลยสักนิดไม่เลย... กลายเป็นว่าเขาก็เอื้อมมือมาจับแก้มทั้งสองข้างของฉันเบาๆ ทำฉันตกใจตัวแข็งทื่อ
"สาวน้อย รู้ไหมว่าการเรียกผู้ชายว่าลุง มันเสียมารยาทแค่ไหน"
ผมพูดเสียงนุ่มแต่แววตาของผมกลับประจักษ์แจ้งแก่ใจ ผมค่อยๆ ก้มลงมาใกล้กับใบหน้าของเธอ
"ถ้าลุงคนนี้จับกินขึ้นมาแล้วจะหนาวนะจะบอกให้ ดูยังไงเธอก็ยังน่ากินอยู่ดี" ผมเอานิ้วไปรูดจมูกของเธอและยิ้มละไม
ยามราตรีกาลโลกซินด์เธีย.......เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังกระทบพื้นถนนเป็นจังหวะ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เธอหอบหายใจแรงขณะที่พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เงาดำที่ไล่ตามเธอมาติดๆ ทำให้หญิงสาวไม่สามารถหยุดวิ่งได้แม้แต่วินาทีเดียว"ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!" หญิงสาวร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ในยามวิกาลเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอเงาดำมืดนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมหายใจเย็นยะเยือกที่เป่ารดต้นคอ ตัวหญิงสาวแข็งทื่อขาที่จะก้าวหนีไม่ขยับไปไหนทันใดนั้น จู่ๆ ชายผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าตัวเธอจากด้านหลัง เขาลากเธอเข้าไปในตรอกมืด ร่างของหญิงสาวกระแทกกับกำแพงอย่างแรง เธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่ ก็ไม่สามารถสู้ได้ เขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะต่อกร"อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ได้โปรดนะ ขอร้อง" หญิงสาวอ้อนวอน แต่เสียงของเธอถูกกลืนหายไปในความมืดมิดเขาฉีกยิ้ม ก้มลงไปใกล้ๆ คอของหญิงสาวได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ จากลมหายใจของเขา เขี้ยวแหลมคมของเขาจมลงไปในผิวเนื้อของเธอ หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงของเธอกลับค่อยๆ เงียบลงเรื่อยๆ ร่างกายของเธอซีดร
ณ...คอนโดมินาโกะฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตาเดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…กรี๊ด!!!ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ
ยามตะวันลาลับขอบฟ้าในสวนสาธารณะ เวลาสามทุ่ม...ฉันย่องเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบใจเต้นระทึกกับรวบรวมความกล้าที่ผสมปนเปกันฉันที่ต้องการพิสูจน์ว่าในจดหมายนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่และถ้าเป็นจริงใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ฉันที่แต่งตัวอย่างกับโจร ใส่ชุดสีดำทั้งตัว อาการก็เหมาะ เพราะร้อนสุดๆความเงียบสงัดของสวนสาธารณะทำเอาฉันเกือบหลับแต่ถูกทำลายลงด้วยเสียงฝีเท้าเบาๆ ฉันเพ่งมองผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ สายตาเห็นร่างของชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในสวน ฉันหันไปมองของที่เตรียม มาทั้งกระเทียม ไม้กางเขน เหล็กแหลมและน้ำอบ"ไม่เชื่อเลย ยังพกมาขนาดนี้ ตั้งศาลเจ้าไล่ผีได้เลยนะ"ชายหนุ่มหยุดอยู่ใต้แสงไฟจากเสาไฟฟ้า ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน!"นั้นมันคือชายหนุ่มธรรมดาๆ ไม่ใช่หรือไงน่ะ ไม่เห็นจะเหมือนแวมไพร์ตรงไหน"สีหน้าแข็งตึงอย่างสะกดอารมณ์ ฉันเฝ้ามองอย่างระมัดระวังไม่นานนัก หญิงสาวอีกคนก็เดินเข้ามาในสวน เธอตรงเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น ทั้งคู่พูดคุยกันครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะโอบกอดเธอไว้ฉันรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง สายตาจ้องมองทั้งคู่อย่างไม่วางตา ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ก้ม
ณ...คอนโดมินาโกะฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตาเดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…กรี๊ด!!!ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ
ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นโทนสีขาวดูสะอาดเรียบง่ายและสบายตาฉันที่นอนราบอยู่บนเตียง ความฝันอันเลวร้ายยังคงตามหลอกหลอนฉันจากห้วงนิทราเหงื่อกาฬท่วมทั้งใบหน้าและแผ่นหลัง ภาพของแวมไพร์นั้นยังคงติดตา รอยยิ้มเขี้ยวแหลมคม ดวงตาสีแดงที่จ้องมองฉันราวกับเหยื่ออันโอชะแต่แล้วภาพในความฝันก็เปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นเขาชายหนุ่มดวงตาสีโลหิต กำลังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบาทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดไหลผ่านร่างกายฉันสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นนั่งบนเตียง หายใจหอบถี่ถาโถมเข้ามาในใจ สายตากวาดมองไปทั่วทุกทิศ เอียงหัวอย่างนึกสงสัยมือเสยผมขึ้น"ฝันบ้าอะไรเหมือนจริงชะมัด! สงสัยคงจะคิดมากเกินไป ถึงขั้นเก็บมาฝัน""ถ้าเจออีกครั้งจะถามชื่อเขาได้ไหมนะ อยากจะรู้จักเขาจัง"ฉันที่เอาเท้าแตะพื้นกำลังจะลุกขึ้นเสียงแจ้งเตือนข้อความดัง ทำให้ฉันหันกลับไปมองหน้าจอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียง เปิดหน้าจอดูใช้นิ้วเลื่อนไปที่ข้อความจากพี่เรียวจิข้อความ: "พี่รู้ว่ามันยากสำหรับเธอ แต่ไม่ว่ายังไงพี่มีความเห็นคือเราต้องกำจัดแวมไพร์คนนั้นซะ เขาอันตรายต่อเธอ"ฉันอ่านข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่น่าบอกพ
ณ...คอนโดมินาโกะฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตาเดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…กรี๊ด!!!ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ
ยามตะวันลาลับขอบฟ้าในสวนสาธารณะ เวลาสามทุ่ม...ฉันย่องเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบใจเต้นระทึกกับรวบรวมความกล้าที่ผสมปนเปกันฉันที่ต้องการพิสูจน์ว่าในจดหมายนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่และถ้าเป็นจริงใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ฉันที่แต่งตัวอย่างกับโจร ใส่ชุดสีดำทั้งตัว อาการก็เหมาะ เพราะร้อนสุดๆความเงียบสงัดของสวนสาธารณะทำเอาฉันเกือบหลับแต่ถูกทำลายลงด้วยเสียงฝีเท้าเบาๆ ฉันเพ่งมองผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ สายตาเห็นร่างของชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในสวน ฉันหันไปมองของที่เตรียม มาทั้งกระเทียม ไม้กางเขน เหล็กแหลมและน้ำอบ"ไม่เชื่อเลย ยังพกมาขนาดนี้ ตั้งศาลเจ้าไล่ผีได้เลยนะ"ชายหนุ่มหยุดอยู่ใต้แสงไฟจากเสาไฟฟ้า ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน!"นั้นมันคือชายหนุ่มธรรมดาๆ ไม่ใช่หรือไงน่ะ ไม่เห็นจะเหมือนแวมไพร์ตรงไหน"สีหน้าแข็งตึงอย่างสะกดอารมณ์ ฉันเฝ้ามองอย่างระมัดระวังไม่นานนัก หญิงสาวอีกคนก็เดินเข้ามาในสวน เธอตรงเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น ทั้งคู่พูดคุยกันครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะโอบกอดเธอไว้ฉันรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง สายตาจ้องมองทั้งคู่อย่างไม่วางตา ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ก้ม
ณ...คอนโดมินาโกะฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตาเดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…กรี๊ด!!!ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ
ยามราตรีกาลโลกซินด์เธีย.......เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังกระทบพื้นถนนเป็นจังหวะ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เธอหอบหายใจแรงขณะที่พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เงาดำที่ไล่ตามเธอมาติดๆ ทำให้หญิงสาวไม่สามารถหยุดวิ่งได้แม้แต่วินาทีเดียว"ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!" หญิงสาวร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ในยามวิกาลเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอเงาดำมืดนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมหายใจเย็นยะเยือกที่เป่ารดต้นคอ ตัวหญิงสาวแข็งทื่อขาที่จะก้าวหนีไม่ขยับไปไหนทันใดนั้น จู่ๆ ชายผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าตัวเธอจากด้านหลัง เขาลากเธอเข้าไปในตรอกมืด ร่างของหญิงสาวกระแทกกับกำแพงอย่างแรง เธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่ ก็ไม่สามารถสู้ได้ เขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะต่อกร"อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ได้โปรดนะ ขอร้อง" หญิงสาวอ้อนวอน แต่เสียงของเธอถูกกลืนหายไปในความมืดมิดเขาฉีกยิ้ม ก้มลงไปใกล้ๆ คอของหญิงสาวได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ จากลมหายใจของเขา เขี้ยวแหลมคมของเขาจมลงไปในผิวเนื้อของเธอ หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงของเธอกลับค่อยๆ เงียบลงเรื่อยๆ ร่างกายของเธอซีดร