ณ...คอนโดมินาโกะ
ฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตา
เดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัว
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…
กรี๊ด!!!
ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...
ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ ก่อนสิสาวน้อย ฉันมาดีนะ แค่เอาเอกสารมาให้เธอเฉยๆ"
ฉันมองชายแปลกหน้าด้วยความหวาดกลัว ผมสีไข่มุก ดวงตาสีโลหิต ผิวซีด มีตราดวงดาวสีดำบนหน้าผาก หูยาวคล้ายเอลฟ์ใบหน้าหล่อราวกับเจ้าชายในนิยายยังไงอย่างนั้น เล็บยาวสีแดงจี้ที่มาตรงคอของฉัน เขาเข้ามาจากทางไหนในบ้านของฉัน สายตาก้มลงไปมองในมือของเขาที่ถือซองสีดำ เซนส์ฉันบ่งบอกว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา
"นายบอกว่ามาดี แต่เล็บยาวสีแดงของนายมันเหมือนกำลังข่มขู่ฉันอยู่เลยนะ"
"ฉันก็แค่ป้องกันตัวก็เท่านั้นเอง เพื่อเธอฆ่าฉันขึ้นมาจะทำยังไง"
"ป้องกันกับผีนายนะสิ ฉันจะไปฆ่านายยังไงก่อน บุกเข้าห้องนอนคนอื่นแล้วยังมาขู่เจ้าของห้องอีก"
"ปากร้ายเหมือนกันนะ แม่สาวน้อย"
"นายต้องการอะไร"
ชายคนนี้ยิ้มขึ้น ก้มลงมาจูบฉันเขาโอบกอดแน่นขึ้น ร่างกายเปลือยเปล่าของฉันชิดกับร่างกายของเขา ริมฝีปากที่ประกบกันดวงตาของฉันเบิกกว้าง เขาเอาลิ้นเข้ามาสอดลิ้นของฉันก่อนจะผละออกจากปากเขา
มือเขาลูบปากฉันไปมาสายตาของเขาคล้ายมนต์สะกดที่ไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้
"ค่าตอบแทนสำหรับข้อมูลหวังว่าจะจับได้นะสาวน้อย"
เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมแสงแดดยามเช้า ที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน
ฉันที่แทบไม่ได้หลับเลยเพราะเรื่องเมื่อคืนเล่นเอาฉันหลอนไปหมด ความรู้สึกที่ริมฝีปากของเขาที่แตะลงบนริมฝีปากของฉันยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวินาทีก่อน ถ้าส่องกระจกตอนนี้ปากของฉันก็คงจะบวมเพราะถูปากจนไม่รู้จะถูปากยังไงแล้ว
ฉันยกนิ้วชี้ แตะริมฝีปากของตัวเองใบหน้า เริ่มร้อนผ่าว ฉันไม่เคยโดนใครจูบแบบนี้มาก่อนจูบแรกของฉันโดนแย่งจากผู้ชายแปลกหน้าและเขาคือใครก็ไม่รู้เลย ใบหน้าของเขากลับเลื่อนราง ราวกับไม่มีความทรงจำ
"ไอ้บ้านั้น!! ทำอะไรกับฉันเนี่ย!!"
ฉันใช้มือขวาทุบหัวตัวเองไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปแล้วลุกขึ้นจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว หลังจากเตรียมตัวเสร็จสายตาเห็นซองเอกสารสีดำที่ชายคนนั้นเอามาให้เลยหยิบขึ้นมาจากบนโต๊ะ พอเปิดดูซองเอกสารนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ฉันกำลังสืบสวนอยู่ เลยรีบไปที่สำนักงานทันที...
เดินออกจากอพาร์ตเมนต์ตรงไปยังสถานีรถไฟระหว่างทางฉันพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนแต่ภาพของชายหนุ่มคนนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน
"เขาคือใครกันแน่? เหมือนตอนท้ายเขาจะพูดอะไรบางอย่าง ทำไมถึงนึกไม่ออกน่ะ"
ภายในองค์กรซีไอเอ...
เมื่อมาถึงในองค์กร ฉันก็เดินตรงไปยังห้องประชุม เข้าไปเปิดประตูเอาเอกสารวางบนโต๊ะ ทุกคนหันมามองในขณะที่กำลังกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย
"หัวหน้าทำไมมาเช้าจังเลย"
ยูกิ ผมสีฮันนี่ ดวงตาสีรัตติกาล ใบหน้าหวาน ยิ้มง่าย ผิวขาว สูง ร้อยแปดสิบ เป็นนักโปรแกรมเมอร์ พูดขึ้น
ฉันหยิบขนมปังที่วางบนโต๊ะขึ้นมากิน
"ฉันมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องยูกิ ช่วยเขียนเป็นรหัสลับทั้งหมดในเอกสารนี้ส่งไปยังเอฟบีไอทีนะ"
สายตาหันไปหา คาโอรุรองหัวหน้า ผมสีชมพูอมแดง ดวงตาสีเลมอน ใส่แว่นเจาะหู ใบหน้าคม ผิวขาว สูงร้อยแปดสิบเจ็ด
"คาโอรุส่วนนายต้องไปช่วยงานทางนั้น ถ้ายูกิจัดการเอกสารเสร็จฝากเอาไปให้พี่ชายของฉันหน่อยนะ เพราะคดีนี้คงจะเกี่ยวข้องกับปีศาจ"
ทุกคนถึงขั้นพูดเสียง ฮะ เป็นเสียงเดียวกันยูกิที่กำลังกินข้าวถึงขั้นติดคอ ส่วนซากุระถือขนมอยู่ก็ทำ ตกลงพื้น คาโอรุน้ำเปล่าพุ่งใส่หน้ายูกิ อิซามูเข้มหักคามือ
"เอ่อ...ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจทำให้ทุกคนตกใจหรอก เอาไว้ ฉันจะเล่าให้ฟัง อิซามูตามฉันมาหน่อย"
ฉันเดินออกจากห้องและดิ่งตรงไปห้องทดลอง มือถือแฟ้มเอกสาร สีหน้าของฉันตึงเล็กน้อย ร่างกายหันไปหาอิซามู ผมสีลาเต้ ใส่แว่นตา ดวงตาสีน้ำทะเล ใบหน้าหล่อ ผิวขาว สูงร้อยแปดสิบเก้า เป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาเอานิ้วมือสองนิ้วมาแยกตรงหน้าผากของฉันออก
"หน้าย่นหมดแล้ว เราแค่หน่วยข่าวกรองนะ ไม่ใช่นักรบสักหน่อย ถึงแม้เธอจะเคยเป็นมาก่อนก็เถอะ"
"แต่ฉันก็ทำทั้งสองอย่างนะ ทั้งสืบคดีและข่าวกรองรวมภาคปฏิบัติด้วยมั่ง "
สีหน้าฉันกับท่าทางเหมือนคนเข้าใจโลกอย่างถ่องแท้
"ฉันต้องการให้นายช่วย"
"เรื่องอะไรถึงเป็นกังวลขนาดนั้น"
ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป
"ฉันอยากได้ยาสลบขั้นรุนแรงที่ป้องกันจากการถูกโจมตีโดย....เอ่อ...สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ"
อิซามู หัวเราะคิกๆ"สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ? เธอหมายถึงอะไรผี หรือมนุษย์หมาป่า"
ฉันส่ายหน้า "ไม่ใช่ฉันหมายถึง.......แวมไพร์"
อิซามู หยุดหัวเราะทันที เขามองฉันด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
"มินาโกะ เธอเชื่อเรื่องแวมไพร์ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?"
ฉันเดินไปนั่งหยิบขวดน้ำในตู้เย็นมุมห้อง บิดฝาเปิดขวดยกน้ำดื่มจนหมดขวด
"ฉันไม่ได้อยากจะเชื่อหรอกนะ แต่หลักฐานที่มีมันชี้ไปทางนั้นหมดเลย"
กลายเป็นว่าฉันเล่าเรื่องเขี้ยวประหลาดบนคอเหยื่อและเหตุการณ์แปลกๆ ที่ฉันพบในที่เกิดเหตุให้อิซามูฟังอย่างตั้งใจเขาหมวดคิ้วครุ่นคิด
"ฉันเคยเห็นแต่ในการ์ตูนที่เป็นแวมไพร์ แต่ไม่คิดว่าจะมีจริงๆ"
"แต่ถ้าเธอพูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันเองก็ต้องช่วยเธอให้ได้ถูกไหม"
ฉันยิ้ม"ขอบคุณนะ และไม่ต้องห่วง เราจะไม่เดือดร้อนแน่นอน"
"ขอแค่นายทำยาสลบขั้นรุนแรงมาให้ได้ก็พอแล้ว"
"แต่ฉันต้องเตือนเธอไว้ก่อนนะ ฉันไม่รู้ว่ายาที่จะทำให้ได้ผลจริงหรือเปล่า "
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ว่านายเก่งที่สุดในองค์กรของเราเลย" ฉันยกนิ้วโป้งขึ้นมาสองนิ้ว
อิซามู ใบหน้าเล็กๆ แดงเปล่งปลั่งเอามือทั้งสองมาปิดแก้มบิดตัวไปมา
"ในเมื่อหัวหน้าที่รักของเราพูดแล้วฉันจะเริ่มเลยแล้วกัน"
"ฝากด้วยนะ"
เท้าเดินออกจากห้องทดลองมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของฉัน สายตาเหลือบไปเห็นจดหมายสีแดงวางอยู่บนโต๊ะทำงาน จำได้ว่าบนโต๊ะของฉันจะไม่มีอะไรมาวางไว้ใบหน้าปรากฏความใจไม่ดี
มือหยิบจดหมายขึ้นมา เปิดออกอย่างระมัดระวังตัวอักษรที่เขียนด้วยหมึกสีดำเข้ม
"คืนนี้จะมีเหยื่ออีกคนที่ต้องตายในสวนสาธารณะ เป็นผู้หญิง"
ข้อความสั้นๆ แต่กลับส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมันเป็นคำเตือนหรือเป็นคำท้าทาย? และที่สำคัญใครเป็นคนส่งจดหมายมา ทันใดนั้นภาพรางๆ ของชายหนุ่มปริศนาจากเมื่อคืนก็แวบเข้ามาในหัวฉัน เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน เป็นเขาที่อาจจะส่งจดหมายนี้มา
ฉันกำจดหมายแน่นใบหน้าสงสัย ฉันควรจะทำอย่างไรหรือควรจะไปสวนสาธารณะ เพื่อสืบหาความจริงด้วยตัวเอง
"แน่จริงก็ออกมาสิ ไอ้บ้าเอ่ย!! "ฉันตะโกน
ภาพจูบเมื่อคืนเข้ามาในหัวทันทีดวงเบิกกว้างยกมือขึ้นปิดปาก
"ไม่ต้องมาแล้วอย่าโผล่มาห้ามมาเด็ดขาด!!"
ในขณะนั้น ผมที่นั่งอยู่ร้านคาเฟ่ในยามเช้า ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ มีเพียงแสงอาทิตย์ส่องลงมาเป็นเพื่อน ผมกำลังละเมียดละไมชิมเค้กชิ้นเล็กๆ ที่สั่งมาจากป้ายแนะนำเขาบอกว่าอร่อยและดังในย่านนี้
รสชาติหวานละมุนของเค้กช่วยบรรเทาความกระหายเลือดของผมได้บ้าง แม้จะไม่มากนักแต่มีสิ่งที่ผมอยากจะลองคือเลือดของเธอมันหอมโชยออกมามนุษย์คนอื่นส่งกลิ่นเหม็นเน่าแต่กับเธอมันช่างน่าลิ้มลอง
ขณะที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับขนมอยู่นั้นก็สะดุ้งเสียงคนตะโกนจากที่ไหนสักแห่งก็ดึงความสนใจของผมไป
"ไม่ต้องนะ ฉันไม่ต้องการข้อมูลหรือค่าตอบแทนอะไรนั้น อย่ามานะ"
เสียงของเธอดังขึ้นชัดเจนแม้จะอยู่ไกลออกไป ผมเอียงคอเล็กน้อยเอามือขึ้นมาเกยคางด้วยความสนใจ ผมใช้ประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของแวมไพร์ฟังบทสนทนาอย่างตั้งใจ
"มินาโกะ ปิดปากทำไม" เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น
"มองหาอะไรอยู่เหรอ"
"ไม่มีอะไรหรอก แค่ออกกำลังกาย ท่าใหม่คาโอรุลองดูสิ"
"ท่าใหม่?... คือเอามือปิดปากแล้วหันซ้ายหันขวาเนี่ยนะ"
ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม เป็นรอยยิ้มที่แสดงถึงความชอบใจ
"เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจจริงๆ"
"เธอจะรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนนี้ได้หรือเปล่านะ อย่าพึ่งตายล่ะ เธอยังมีค่าสำหรับฉัน มินาโกะ"
ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นโทนสีขาวดูสะอาดเรียบง่ายและสบายตาฉันที่นอนราบอยู่บนเตียง ความฝันอันเลวร้ายยังคงตามหลอกหลอนฉันจากห้วงนิทราเหงื่อกาฬท่วมทั้งใบหน้าและแผ่นหลัง ภาพของแวมไพร์นั้นยังคงติดตา รอยยิ้มเขี้ยวแหลมคม ดวงตาสีแดงที่จ้องมองฉันราวกับเหยื่ออันโอชะแต่แล้วภาพในความฝันก็เปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นเขาชายหนุ่มดวงตาสีโลหิต กำลังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบาทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดไหลผ่านร่างกายฉันสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นนั่งบนเตียง หายใจหอบถี่ถาโถมเข้ามาในใจ สายตากวาดมองไปทั่วทุกทิศ เอียงหัวอย่างนึกสงสัยมือเสยผมขึ้น"ฝันบ้าอะไรเหมือนจริงชะมัด! สงสัยคงจะคิดมากเกินไป ถึงขั้นเก็บมาฝัน""ถ้าเจออีกครั้งจะถามชื่อเขาได้ไหมนะ อยากจะรู้จักเขาจัง"ฉันที่เอาเท้าแตะพื้นกำลังจะลุกขึ้นเสียงแจ้งเตือนข้อความดัง ทำให้ฉันหันกลับไปมองหน้าจอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียง เปิดหน้าจอดูใช้นิ้วเลื่อนไปที่ข้อความจากพี่เรียวจิข้อความ: "พี่รู้ว่ามันยากสำหรับเธอ แต่ไม่ว่ายังไงพี่มีความเห็นคือเราต้องกำจัดแวมไพร์คนนั้นซะ เขาอันตรายต่อเธอ"ฉันอ่านข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่น่าบอกพ
ยามราตรีกาลโลกซินด์เธีย.......เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังกระทบพื้นถนนเป็นจังหวะ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เธอหอบหายใจแรงขณะที่พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เงาดำที่ไล่ตามเธอมาติดๆ ทำให้หญิงสาวไม่สามารถหยุดวิ่งได้แม้แต่วินาทีเดียว"ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!" หญิงสาวร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ในยามวิกาลเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอเงาดำมืดนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมหายใจเย็นยะเยือกที่เป่ารดต้นคอ ตัวหญิงสาวแข็งทื่อขาที่จะก้าวหนีไม่ขยับไปไหนทันใดนั้น จู่ๆ ชายผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าตัวเธอจากด้านหลัง เขาลากเธอเข้าไปในตรอกมืด ร่างของหญิงสาวกระแทกกับกำแพงอย่างแรง เธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่ ก็ไม่สามารถสู้ได้ เขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะต่อกร"อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ได้โปรดนะ ขอร้อง" หญิงสาวอ้อนวอน แต่เสียงของเธอถูกกลืนหายไปในความมืดมิดเขาฉีกยิ้ม ก้มลงไปใกล้ๆ คอของหญิงสาวได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ จากลมหายใจของเขา เขี้ยวแหลมคมของเขาจมลงไปในผิวเนื้อของเธอ หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงของเธอกลับค่อยๆ เงียบลงเรื่อยๆ ร่างกายของเธอซีดร
ณ...คอนโดมินาโกะฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตาเดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…กรี๊ด!!!ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ
ยามตะวันลาลับขอบฟ้าในสวนสาธารณะ เวลาสามทุ่ม...ฉันย่องเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบใจเต้นระทึกกับรวบรวมความกล้าที่ผสมปนเปกันฉันที่ต้องการพิสูจน์ว่าในจดหมายนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่และถ้าเป็นจริงใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ฉันที่แต่งตัวอย่างกับโจร ใส่ชุดสีดำทั้งตัว อาการก็เหมาะ เพราะร้อนสุดๆความเงียบสงัดของสวนสาธารณะทำเอาฉันเกือบหลับแต่ถูกทำลายลงด้วยเสียงฝีเท้าเบาๆ ฉันเพ่งมองผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ สายตาเห็นร่างของชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในสวน ฉันหันไปมองของที่เตรียม มาทั้งกระเทียม ไม้กางเขน เหล็กแหลมและน้ำอบ"ไม่เชื่อเลย ยังพกมาขนาดนี้ ตั้งศาลเจ้าไล่ผีได้เลยนะ"ชายหนุ่มหยุดอยู่ใต้แสงไฟจากเสาไฟฟ้า ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน!"นั้นมันคือชายหนุ่มธรรมดาๆ ไม่ใช่หรือไงน่ะ ไม่เห็นจะเหมือนแวมไพร์ตรงไหน"สีหน้าแข็งตึงอย่างสะกดอารมณ์ ฉันเฝ้ามองอย่างระมัดระวังไม่นานนัก หญิงสาวอีกคนก็เดินเข้ามาในสวน เธอตรงเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น ทั้งคู่พูดคุยกันครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะโอบกอดเธอไว้ฉันรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง สายตาจ้องมองทั้งคู่อย่างไม่วางตา ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ก้ม
ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นโทนสีขาวดูสะอาดเรียบง่ายและสบายตาฉันที่นอนราบอยู่บนเตียง ความฝันอันเลวร้ายยังคงตามหลอกหลอนฉันจากห้วงนิทราเหงื่อกาฬท่วมทั้งใบหน้าและแผ่นหลัง ภาพของแวมไพร์นั้นยังคงติดตา รอยยิ้มเขี้ยวแหลมคม ดวงตาสีแดงที่จ้องมองฉันราวกับเหยื่ออันโอชะแต่แล้วภาพในความฝันก็เปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นเขาชายหนุ่มดวงตาสีโลหิต กำลังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบาทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดไหลผ่านร่างกายฉันสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นนั่งบนเตียง หายใจหอบถี่ถาโถมเข้ามาในใจ สายตากวาดมองไปทั่วทุกทิศ เอียงหัวอย่างนึกสงสัยมือเสยผมขึ้น"ฝันบ้าอะไรเหมือนจริงชะมัด! สงสัยคงจะคิดมากเกินไป ถึงขั้นเก็บมาฝัน""ถ้าเจออีกครั้งจะถามชื่อเขาได้ไหมนะ อยากจะรู้จักเขาจัง"ฉันที่เอาเท้าแตะพื้นกำลังจะลุกขึ้นเสียงแจ้งเตือนข้อความดัง ทำให้ฉันหันกลับไปมองหน้าจอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียง เปิดหน้าจอดูใช้นิ้วเลื่อนไปที่ข้อความจากพี่เรียวจิข้อความ: "พี่รู้ว่ามันยากสำหรับเธอ แต่ไม่ว่ายังไงพี่มีความเห็นคือเราต้องกำจัดแวมไพร์คนนั้นซะ เขาอันตรายต่อเธอ"ฉันอ่านข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่น่าบอกพ
ณ...คอนโดมินาโกะฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตาเดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…กรี๊ด!!!ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ
ยามตะวันลาลับขอบฟ้าในสวนสาธารณะ เวลาสามทุ่ม...ฉันย่องเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบใจเต้นระทึกกับรวบรวมความกล้าที่ผสมปนเปกันฉันที่ต้องการพิสูจน์ว่าในจดหมายนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่และถ้าเป็นจริงใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ฉันที่แต่งตัวอย่างกับโจร ใส่ชุดสีดำทั้งตัว อาการก็เหมาะ เพราะร้อนสุดๆความเงียบสงัดของสวนสาธารณะทำเอาฉันเกือบหลับแต่ถูกทำลายลงด้วยเสียงฝีเท้าเบาๆ ฉันเพ่งมองผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ สายตาเห็นร่างของชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในสวน ฉันหันไปมองของที่เตรียม มาทั้งกระเทียม ไม้กางเขน เหล็กแหลมและน้ำอบ"ไม่เชื่อเลย ยังพกมาขนาดนี้ ตั้งศาลเจ้าไล่ผีได้เลยนะ"ชายหนุ่มหยุดอยู่ใต้แสงไฟจากเสาไฟฟ้า ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน!"นั้นมันคือชายหนุ่มธรรมดาๆ ไม่ใช่หรือไงน่ะ ไม่เห็นจะเหมือนแวมไพร์ตรงไหน"สีหน้าแข็งตึงอย่างสะกดอารมณ์ ฉันเฝ้ามองอย่างระมัดระวังไม่นานนัก หญิงสาวอีกคนก็เดินเข้ามาในสวน เธอตรงเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น ทั้งคู่พูดคุยกันครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะโอบกอดเธอไว้ฉันรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง สายตาจ้องมองทั้งคู่อย่างไม่วางตา ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ก้ม
ณ...คอนโดมินาโกะฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตาเดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…กรี๊ด!!!ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ
ยามราตรีกาลโลกซินด์เธีย.......เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังกระทบพื้นถนนเป็นจังหวะ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เธอหอบหายใจแรงขณะที่พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เงาดำที่ไล่ตามเธอมาติดๆ ทำให้หญิงสาวไม่สามารถหยุดวิ่งได้แม้แต่วินาทีเดียว"ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!" หญิงสาวร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ในยามวิกาลเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอเงาดำมืดนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมหายใจเย็นยะเยือกที่เป่ารดต้นคอ ตัวหญิงสาวแข็งทื่อขาที่จะก้าวหนีไม่ขยับไปไหนทันใดนั้น จู่ๆ ชายผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าตัวเธอจากด้านหลัง เขาลากเธอเข้าไปในตรอกมืด ร่างของหญิงสาวกระแทกกับกำแพงอย่างแรง เธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่ ก็ไม่สามารถสู้ได้ เขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะต่อกร"อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ได้โปรดนะ ขอร้อง" หญิงสาวอ้อนวอน แต่เสียงของเธอถูกกลืนหายไปในความมืดมิดเขาฉีกยิ้ม ก้มลงไปใกล้ๆ คอของหญิงสาวได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ จากลมหายใจของเขา เขี้ยวแหลมคมของเขาจมลงไปในผิวเนื้อของเธอ หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงของเธอกลับค่อยๆ เงียบลงเรื่อยๆ ร่างกายของเธอซีดร