แสงแรกแห่งวันใหม่สาดส่องลงบนพื้นถนนที่ยังคงเงียบสงบหญิงสาวคนหนึ่งเดินกลับบ้านหลังจากทำงานกะดึก เธอเลือกที่จะเดินลัดผ่านตรอกเล็กๆ ที่มืดและเปลี่ยวเพื่อจะได้ถึงบ้านเร็วขึ้น ขณะนั้นภาพที่เธอเห็นตรงหน้าก็ทำให้เธอแทบหยุดหายใจ...กองศพจำนวนมากนอนเกลื่อนกลาดอยู่กลางซอยเล็กๆ ร่างกายของพวกเขาผิดรูปร่างราวกับถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมเลือดสีแดงสดไหลนองบนพื้นสร้างบรรยากาศที่น่าสยดสยองเกินกว่าจะบรรยายหญิงสาวดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว ขาของเธอแข็งทื่อไปหมด เธอยากจะกรีดร้อง แต่เสียงกลับติดอยู่ในลำคอ ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง เธอหันกลับไปมอง ก็พบกับเงาดำมืดที่พุ่งเข้ามาหาอย่างเร็วกรี๊ด!!!!!!น้ำเสียงกรีดร้องดังหายไปกับสายลมในตรอกมืดนั้นเวลาแปดโมงเช้า...เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วตรอกแคบๆ แสงไฟจากรถตำรวจสาดส่องเข้ามา ทำลายตรอกที่มืดปกคลุมสถานที่แห่งนี้ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอในชุดปฏิบัติการสีกรมกรูเข้ามาเรียงกัน พวกเขาเริ่มทำการปิดกั้นพื้นที่และเก็บหลักฐานต่างๆฉันที่เดินถือขนมอยู่กับซากุระสายตาเหลือบไปเห็นตำรวจมากมายรีบบอกซากุระให้กลับไปก่อน จึงรีบวิ่งข้ามถนนมาถึงที่เกิดเหตุแสดงบ
ผมที่ผละ จูบออกเบาๆ มองใบหน้าของเธอ..."เอ่อคือ...ถ้าตอนนี้รู้สึกกลัวก็กอดฉันได้นะ ฉันไม่กลัวผี""อะไรของลุงเนี่ย แล้วมาจูบคนอื่นได้ยังไงกัน""ไม่ใช่คนอื่น คนพิเศษต่างหาก"สองแก้มแดงเห่อร้อน เขาเปลี่ยนเรื่องเหมือนข้างหลังของฉันต้องมีอะไรแน่นอนฟังจากน้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความระคนสงสัย เลื่อนคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นเขาเอื้อมมือมาจับมือของฉันแล้วพาเดินออกจากตรงนั้น..."ไปกันยัยบื้อ""นี่ลุงเรียกฉันว่ายัยบื้อเหรอ""แล้วจะใครล่ะ เธอนั่นแหละบื้อที่สุด""ว้าว เกิดมาพ่อแม่ยังไม่เคยเรียกฉันว่าบื้อเลยนะ ลุง!""ฉันเกิดมาก็ไม่เคยมีใครเรียกฉันว่าลุงเหมือนกันนั่นแหละ""อ้อ นั้นจะบอกว่าฉันเป็นคนแรกที่เรียกใช่ไหม ลุงควรภูมิใจนะ ที่ได้มาเจอคนอย่างฉัน""ครับๆๆ ยัยบื้อ!"ทางฝั่งตรงข้ามร้านเบอร์เกอร์...ผมและเทลเวลลูกน้องของเคียร์ที่แอบเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ต่างพากันตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาเห็น..."นั่น...ราชาของเราจริงๆ ใช่ไหม"เทลเวลพยักหน้าอ้าปากค้างในมือถือเบอร์เกอร์ "ใช่แล้ว การแสดงเขาก็ยังคงสมบูรณ์ไม่มีใครเกิน เป็นตัวเลือกที่ดีเลยว่าไหม ถ้าผู้หญิงคนนั้นมองไม่ออกก็คงไม่มีสมองแล้ว""ถึงเธอจะโง่แ
ในยามราตรีที่ม่านมืดคลุมเมืองใหญ่แสงสีจากตึกสูงระฟ้าส่องสว่างเจิดจ้าราวกับดวงดาวนับล้านบนผืนผ้าใบสีครามบรรยากาศในบาร์หรูหราแห่งหนึ่งในเมืองหลวงเต็มไปด้วยเสียงเพลงดังกระหึ่ม แสงไฟสีส้มส่องกระทบกับแก้วเหล้าที่ถูกยกขึ้นชนกันบรรดาหนุ่มสาวกำลังดื่มด่ำกับความสุขสำราญท่ามกลางความมืดมิดนี้ ไวล์ลีผมสีหมอก ดวงตาองุ่นแดง ใส่แว่นเงินนิ้วชี้ทั้งสองข้าง กำลังสนุกสนานอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งในมุมมืดของบาร์เขาก้มลงซุกไซ้ที่ซอกคอของเธอก่อนจะฝั่งเขี้ยวลงไปอย่างไม่ไยดีทันใดนั้นเงาของใครบางคนก็ทาบทับลงมาบนร่างของไวล์ลี เขาเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องพบกับผมที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาสีแดงก่ำของผมจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น"สนุกพอหรือยัง?"ไวล์ลีแสยะยิ้ม "อ้าวเคียร์ นึกว่าใครที่แท้ราชาผู้ยิ่งใหญ่ของเรานี่เอง""ฉันถามว่าสนุกพอหรือยัง" ผมถามย้ำเสียงเข้ม"ยังเลย ทำไมล่ะ? เจ้าจะมาขัดจังหวะฉันหรือไง"ผมที่นั่งลงตรงข้ามเอาขาข้างขวาขึ้นมาไขว่ห้างพร้อมนิ้วมือที่ประสานเข้าหากัน"สันดานแกเนี่ยมันไม่เปลี่ยนเลยนะ ยังน่ารังเกียจเหมือนเดิม""ฮ่าๆๆ เคียร์แกเองก็ไม่ต่างไปจากฉันนักหรอก อย่าคิดว่าทำตัวเป็นพ่อพระต่อหน้าสาวของแกเบื้องหลัง
‼️คำเตือนเนื้อหานี้มีความรุนแรง ‼️เกี่ยวกับ🔞⚠️โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ⚠️ผมตื่นขึ้นมาจากการที่นอนเต็มอิ่มครั้งแรกและความรู้สึกหิวกระหายอย่างรุนแรงเขี้ยวของผมยาวออกมาผมหันไปทางมินาโกะแต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่านั้นคือการที่ไม่เจอมินาโกะอยู่ข้างกายผม"ยัยบื้อ?"ผมเรียกเธอเบาๆ เลยรีบลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตูรีบลงมาข้างล่าง ภาพที่เห็นคือ มินาโกะตั้งใจทำอาหารสวมผ้ากันเปื้อนสีส้ม ผมถูกมัดขึ้นเป็นหางม้าเผยให้เห็นลำคอระหงผมกลืนน้ำลาย อยากจะกัดเข้าไปที่คอของเธอ ฝั่งเขี้ยวลงไปไม่ให้ใครมาแตะต้องเธอได้ จึงเดินเข้าไปหาเธอมือเอื้อมไปลูบต้นคอของเธอเบาๆฉันสะดุ้งที่เขามาจับต้นคอสันหลังรู้สึกเย็นวาบทันใดนั้นมีดคมวาวในมือฉันพลาดไปโดนนิ้วชี้เข้า"อ๊ะ!!!"ฉันอุทานออกมาเบาๆ เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผลเล็กๆ นั้นในเสี้ยววินาทีนั้น ดวงตาของผมเป็นสีแดงสว่างความกระหายเลือดในตัวผมพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรงตราบนหน้าผากโผล่ ออกมาเขี้ยวแหลมคมผมค่อยๆ ยาวออกมาจากริมฝีปากฉันเงยหน้าขึ้นมองเคียร์ ดวงตาเบิกกว้างเห็นเขากระหายเลือดเป็นครั้งแรกเวลาอยู่กับฉันเขามักจะไม่เผยฐานแท้อะไรเลยต่างกับตอนนี้ที่เขาปรากฏ
แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน ทำให้เห็นใบหน้าเธอที่กำลังนอนอยู่ ผมนอนอยู่ข้างเธอ มองดูเธอที่เต็มไปด้วยใบหน้ากระตุกยิ้ม ผมเอื้อมมือ ออกไปลูบไล้เส้นผมนุ่มสลวยของเธออย่างทะนุถนอมนิ้วมือผมสัมผัสกับผิวแก้มนวลเนียนของเธออย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะทำให้เธอตื่นขึ้นมา"เธอช่างงดงาม"ผมกระซิบแผ่วเบา มองดูใบหน้าขาวนวลด้วยความหลงใหล ผมยิ้มทั้งที่ไม่เคยรู้สึกผูกพันกับใครมากเท่านี้มาก่อน"นี่หรือจะเป็นที่ชายหญิงเขารู้สึกกันที่หัวใจ?"ผมเฝ้ามองเธอต่อไปอย่างเงียบๆ เก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ไว้ในความทรงจำผมแค่อยากอยู่ตรงนี้ต่อให้ผมจะไม่เข้าใจตัวเองเลยก็ตามท่ามกลางความมืด ท้องฟ้าที่ไม่มีแสงจันทร์และดาวดวงเดียวส่องประกายทำให้โลกทั้งใบจมดิ่งอยู่ในความมืดมน ไม่มีแสงไฟจากเมืองหรือบ้านเรือนทุกสิ่งดูเหมือนหยุดนิ่งในเวลานี้ เสียงหายใจเบาๆ ของฉัน ไม่สามารถมองเห็นได้กลับยิ่งชัดเจนฉันที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางซากปรับหักพังที่ไม่คุ้น อาคารสูงระฟ้าที่เคยสง่างามบัดนี้พังทลายลงมาเหลือเพียงเศษซากและฝุ่นควันดวงตาเบิกกว้าง เห็นผู้คนนอนตายเกลื่อนกลาด ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดนองมองไปรอบๆ อีกครั้งเ
เขายืนอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขาจ้องมองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน"ฉันชอบผู้หญิงที่ดื้อรั้นแบบเธอนะ มันทำให้การล่าสนุกขึ้นอีกเยอะ""งั้นเหรอ ปีศาจที่วันๆ เอาแต่กระหายเลือดแบบนั้นเนี่ยนะ มีความรู้สึกชอบใครเขาด้วยเหรอ"เขายกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะอย่างสุภาพ"ปีศาจงั้นเหรอ? ก็อาจจะจริง" เขายักไหล่"แต่แวมไพร์ก็มีหัวใจตรงนี้เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป ที่ชอบอะไรที่น่าตื่นเต้น"ความหนาวยะเยือกคืบคลานเข้ามาในใจ คนผู้นี้มีรังสีอำมหิตร้อนแรงแผ่ออกกระจายมาทั่วร่าง"อย่ามาพูดจาเหลวไหล! มนุษย์กับแวมไพร์เนี่ยนะ รักกันไม่ได้หรอก!"เขายิ้มมุมปาก "ความรักมันไม่มีขอบเขตหรอกนะ อย่างเช่นเธอกับเคียร์ ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ"ฉันตะลึงลาน เขารู้จักเคียร์ อวัยวะภายในของฉันรู้สึกปั่นป่วน"โถ่ๆ ดูสิ หน้าซีดเผือดเลย ฉันคงจะถามตรงประเด็นเกินไปสินะ"เขาจับตัวฉันเหวี่ยงไปติดกำแพงจนทำให้กระแทกอย่างแรงล้มลงไปนอนที่พื้น เขาเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ฉันชักปืนยิงไปที่หน้าท้องแต่กลับยิงไม่เข้า รอยยิ้มของเขาดูกว้างและน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม"กระสุนทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ถ้าเธอตายไปเคียร์ก็ไม่เศร้าหรอก ส
ประเทศพรีโม่ (โลกแวมไพร์)ผมก้าวเข้าไปในห้องใต้ดินอันหนาวเหน็บของปราสาท แสงเทียนส่องสว่างเผยให้เห็นโลงศพแก้วใสที่ตั้งอยู่กลางห้อง ภายในโลงนั้นมีร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งนอนหลับใหลอยู่ใบหน้าของเธอซีดเซียว ผมสีทองใส่ชุดเดรสสีขาว นอนถือดอกไม้สีขาว แต่ยังคงงดงามราวกับเทพธิดามือวางบนโลงศพผมนั่งลงข้างโลงศพ สายตาผมจ้องมองร่างหญิงสาวด้วยสายตาเจ็บปวด"ลอลิลีนฉันจะเอาหัวใจมาให้เธอให้ได้ ฉันสัญญา"ผมพูดชื่อเธอที่ถูกฆ่าตายไปเมื่อหลายพันปีก่อน ผมไม่เคยลืมเธอได้ผมเก็บรักษาร่างของเธอไว้ในโลงศพแก้วใสนี้หวังว่าสักวันหนึ่งผมจะสามารถชุบชีวิตเธอขึ้นมาได้และตอนนี้ผมก็เห็นความหวังนั้นแล้ว"รอผมก่อนนะลอลิลีน"โลกมนุษย์ ซินด์เธีย เวลาสองทุ่ม...ฉันเดินตรวจความเรียบร้อยของศูนย์ตรวจเลือดชั่วคราวที่ถูกจัดตั้งขึ้นกลางเมือง ฉันสังเกตเห็นประชาชนจำนวนมากที่มารอคิวตรวจเลือดอย่างเป็นระเบียบ เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างทำงานอย่างขะมักเขม้นเพื่อให้กระบวนการตรวจสอบอย่างราบรื่น พยาบาลจะฉีดยาสลบให้ก่อนที่จะเอาเลือดเพื่อความปลอดภัยทันใดนั้น ฉันรู้สึกถึงสายลมเย็นๆ พัดผ่านร่างกาย ฉันหันไปมองก็พบกับเคียร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันเขาตั้งใจวาร
ท้องฟ้ามืดลงและเมฆรวมตัวกันดำทะมึนเคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุมเหนือสวนสนุก เสียงฟ้าร้องคำรามลั่น เมื่อละอองหยดแรกตกลงมากระทบพื้นอย่างแผ่วเบา เสียงสายฝนก็ได้เริ่มต้นขึ้น ทำให้ผู้คนต่างพากันหาที่หลบฝน"มานี่เร็ว จะยืนให้ตัวเองเปียกฝนหรือไงกัน"ผมคว้ามือมินาโกะแล้วพาเธอวิ่งหาที่หลบฝนสายตาเห็นตึกเล็กๆ จึงเข้าไปใต้ชายคาของอาคารใกล้ๆฉันกับเขายืนเบียดกันอยู่ใต้ตึกแคบๆ มองดูเม็ดฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วงสายลมพัดแรงจนเสื้อผ้าของฉันและเขาเปียกปอนไปหมด"แย่จังเลยนะ เราคงต้องรอให้ฝนหยุดก่อนถึงจะกลับได้""ฝนตกดีแล้ว อย่างน้อยฉันก็ได้มีเวลาอยู่กับเธออีกนิด"ใบหน้าร้อนผ่าวจนเผลอยกมือขึ้นโบกพัด ฉันกัดริมฝีปากเบาๆ ด้วยความเขิน เขาถอดเสื้อคลุมสีครีมให้ฉันใช้กันฝน เสื้อตัวนี้น่าจะเป็นตัวโปรดของเขา ฉันมักจะเห็นเคียร์ใส่มันอยู่บ่อยๆ เสื้อเลยมีกลิ่นของเขาติดอยู่ไม่บ่อยนักที่จะเห็นเคียร์ในเวอร์ชันที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลา เขาเอื้อมมาจับมือฉันล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขาอย่างเคยตัว ภายในเสื้อนั้นอุ่นกว่าปกติฉันรู้สึกว่าอยากจะรู้จักเคียร์ให้มากขึ้นฉันดันอยากรู้เรื่องราวในอดีตของเขา อยากรู้ว่าเขาใช้ชีวิตมา
ฉันถลกแขนเสื้อขึ้นเพิ่มความทะมัดทะแมงเตรียมพร้อมกระชับมือที่กุมเอาไว้ให้แนบแน่นมากขึ้น สูดลมหายใจเข้าออกตั้งสติแวมไพร์อีกหลายตน พวกมันจ้องมองฉันด้วยสายตาหิวกระหาย"นี่น่ะเหรอ คนที่มีพลังบริสุทธิ์ เป็นผู้หญิงที่งดงามแต่น่าเสียดายคิดจะสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยมนุษย์"ฉันยิ้มยวน "ถ้าใช่แล้วจะทำไม พวกนายมันก็ต้องการให้ฉันตายอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง!""โง่จริงๆ เธอไม่รู้หรอกว่าพลังของเธอมีค่ามากแค่ไหน ถ้าได้พลังนั้นมา มันสามารถชุบชีวิตคนตายได้ แทบยังทำให้มีพลังเหนือกว่าคนอื่น ที่ใครไม่สามารถต้านทานได้ ก็นะ เธอก็แค่มนุษย์เลยไม่ได้รับรู้ถึงพลังนั้น!"โครนอสหันไปสั่งเหล่าแวมไพร์ "จับตัวเธอมา!"พวกเหล่าแวมไพร์กำลังจะพุ่งเข้าใส่ฉันแต่ก่อนที่พวกมันจะทันได้แตะต้องฉัน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังพวกเขา"หยุดนะ! ใครกล้าแตะต้องเธอ ฉันฆ่าทิ้งแน่!"ผมเดินแหวกกลางมาหยุดตรงหน้าของเธอ ผมหันไปจ้องมองโครนอสด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ก่อนจะหันกลับมาหามินาโกะฉันที่มองใบหน้าของเคียร์ ด้วยแววตาที่ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว"นายก็หลอกฉัน หลอกให้รัก หลอกให้เชื่อใจ หลอกว่านายจะจริงใจ แต่สุดท้ายนายก็ไม่ได้รักฉัน! สิ่งที่นายรักก็ค
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งเมือง ตำรวจเอฟบีไอที่มาถึงที่เกิดเหตุต่างตกเป็นเป้าหมายของเหล่าแวมไพร์กระสุนปืนแลกเปลี่ยนกันอย่างดุเดือดฉันหลบอยู่หลังรถตำรวจเปลี่ยนชุดที่ถนัดในการต่อสู้ พอเปลี่ยนเสร็จฉันยิงสกัดแวมไพร์เดินถือปืนยิงแวมไพร์ที่เข้ามาใกล้ พวกมันมีจำนวนมากเกินไปการใช้ปืนคงจะเป็นไปได้ยาก สายตาหันไปทางพี่เรียวจิ กำลังฉีดยาที่อิซามูทำขึ้นมาเป็นควันสลบที่รุนแรง รีบสวมหน้ากากกันแก๊สทันใดนั้น ฉันเห็นซากุระ ล้มลงเธอกำลังจะถูกแวมไพร์ทำร้ายฉันไม่รอช้า รีบวิ่งออกไปขวางหน้า ย่อลงแล้วเล็งปืนแล้วเหนี่ยวไกทันทีกระสุนพุ่งเข้าเจาะทะลุกลางหัวใจของแวมไพร์ มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงไปนอนกองกับพื้น"ซากุระ! ไม่เป็นไรนะ"ซากุระพยักหน้า "ฉันไม่เป็นไร ขอบใจนะมินาโกะ"สายตามองซากุระตัวสั่นเหมือนลูกนก สีหน้าของเธอซีดเผือดราวกับคนตาย"ยูกิ! พาซากุระกับอิซามูไปห้องใต้ดินของเอฟบีไอซะ นี่กุญแจแล้วฉันจะตามไปที่หลัง"ยูกิพยักหน้า เขาคว้ามือซากุระแล้วพาเธอนั่งรถขับออกไปทันที ฉันหันกลับไปเผชิญหน้ากับฝูงแวมไพร์ ต้องถ่วงเวลาให้เพื่อนๆ หนีไปให้ได้ฉันยกปืนขึ้นมาเล็งไปที่แวมไพร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด ฉั
ฉันที่มองเคียร์คล้ายกับว่าสีหน้าท่าทางเหมือนกำลังโกรธรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างเขาฉุนเฉียวไม่เป็นตัวของตัวเอง"ลุง...อย่าบอกนะว่า กำลังหึงฉันที่ไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นใช่ไหม"ผมชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ"ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หึง"แต่แววตาของเขาเลิ่กลั่กขาและแขนแกว่งไปทางเดียวกันอย่างไม่เป็น ธรรมชาติ เวลาเขาไม่พูดความจริงเขาชอบทำท่าทางแบบนี้ตลอด ฉันเลยเอื้อมมือไปจับมือของเขามาทาบบนอกของฉัน"ทำอะไรของเธอเนี่ย ยัยบื้อ ไม่อายคนเหรอ""ลุงตรงนี้หัวใจของฉัน มันอยู่ตรงนี้ ได้ยินใช่มั้ย หัวใจดวงนี้ฉันมอบให้ลุงทั้งหมดที่มี"จู่ๆ ใบหูของผมก็ร้อนขึ้นมา ควันร้อนแทบจะพวยพุ่งขึ้นบนศีรษะ ใบหน้าด้านข้างผมเปลี่ยนเป็นสีเข้ม"ยัยบื้อ ฉัน...ไม่...ช่างเถอะ"เคียร์วาร์ปหายหัวตัวไปต่อหน้าต่อตาฉัน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ทำให้อมยิ้มเล็กน้อยถึงในคำพูดของฉันจะบอกใบ้ให้กับเขาแต่เขาก็คงไม่สงสัยอะไรฉันเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า..."เหลือเวลาไม่มากแล้วสินะ"องค์กรซีไอเอ...ทันทีประตูบริษัทเปิดออกฉันเดินเข้ามาจะไปห้องทำงานคาโอรุก็รีบเดินเข้ามาหาฉันสีหน้าไม่สบายใจ"มินาโกะ เธออย่าเพิ่งเข้า
เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่สี่...ฉันขยี้ตาไปมาเพื่อไล่ความง่วงงุนออกไปจากร่างกาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเดินไปยังกระจกบานใหญ่ริมห้อง ฉันมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกใบหน้าที่ยังคงมีคราบง่วงอยู่จางๆ ดวงตาที่ปรืออยู่เล็กน้อย แล้วคำพูดของเคียร์ยังคงอยู่ในหัวฉัน"รักฉัน ให้ตายเถอะ อยากจะดีใจแต่ก็ดีใจไม่สุด อยากจะบ้าจริงๆ"ฉันก้าวออกจากประตูคอนโดฉันสวมเสื้อโค้ตสีดำส่วนข้างในใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงสีดำ รองเท้าส้นสูงสีครีม ผมยาวสลวยปล่อยตรงและใส่สร้อยคอที่เคียร์ให้มาฉันอมยิ้มสายตาฉันสะดุดกับร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่งผมสีทอง ดวงตาสีม่วง สวมสูทสีเทาเข้มดูภูมิฐานมือของเขาถือช่อดอกไม้สีแดงสดขนาดใหญ่"เรเวน? "ฉันอุทานออกมาและนิ่งอึ้งไปหลายวินาทีเรเวน ยิ้มกว้างเมื่อเห็นฉัน "มินาโกะไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"ฉันรีบเดินเข้าไปหาเขา ในมือของเขายื่นดอกไม้มาให้ฉัน มือจึงรับช่อดอกไม้จากมือเขาด้วยรอยยิ้มบ้างๆ"ซื้อดอกไม้มาทำไมเนี่ย เปลืองเงิน""ไม่เปลืองเงินเลย ผมแค่อยากจะมาเซอร์ไพรส์คุณ และจำได้ว่าคุณชอบดอกกุหลาบสีแดง"ฉันยิ้มเต็มใบหน้า "มีอะไรหรือเปล่าถึงมาหากันถึงที่นี่เลย"เรเวน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขามองต
สำนักงานใหญ่เอฟบีไอ....ผมกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของผมสายตาจดจ่ออยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งกำลังแสดงภาพถ่ายของมินาโกะและเคียร์ที่กำลังเดินออกจากสำนักงานด้วยกันวันนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ผมจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทุกครั้งที่เธอทำเกินหน้าเกินตา ผมกลับต้องเป็นคนแบกรับผลกระทบทั้งหมดจากพวกที่ชอบโอ้อวดไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ความโกรธเริ่มสะสมในใจของผมเหมือนน้ำในแก้วที่ใกล้จะล้นออกมาผมขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ไม่คิดว่าน้องสาวของผมจะกล้าคบหากับประธานเคียร์ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งภาพถ่ายนั้นไปให้แม่ดู พร้อมกับข้อความว่า"แม่ครับมินาโกะกำลังคบกับประธานเคียร์อยู่ครับ"ไม่นานนัก แม่ก็โทรกลับมา"เรียวจินี่มันเรื่องจริงเหรอ?"เสียงของแม่พูดขึ้นจากปลายสายด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก"ครับแม่ ภาพนักข่าวก็เอาไปลงโซเซียลตอนนี้คงจะเป็นข่าวใหญ่แล้วล่ะครับ""ไม่ได้น่ะ มินาโกะจะไปคบกับประธานไม่ได้ทำไมไม่รู้จักเจียมตัวต้องคบคนฐานะที่ต่ำกว่าตัวเองสิ""แต่ทั้งสองก็เหมาะสมกันนะครับแม่""ไม่! นางจะต้องไม่ได้ดีไปกว่าลูกเข้าใจนะ แม่จะรีบกลับไป"ผมวางสายจากแม่แล้วนั่งพิงเก้าอี้ ยิ้มแบะปากผมรู้ว่าแม่ไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้
ฉันรีบดึงมือเคียร์ให้เดินตามฉันเข้าไปในห้องทำงานทันทีพอหลุดจากสายตาของเพื่อนๆ ฉันปิดประตูห้องแล้วเดินไปหยิบรีโมทปิดหน้าต่างให้เป็นสีดำสนิทจากนั้นหันกลับมาหาเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย"ทำไมลุงถึงพูดออกไปอย่างนั้น เราไม่ได้เป็นแฟนกันทั้งที่มันไม่ใช่"ผมที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องโมโหขนาดนี้ด้วย"ทำไมล่ะ เธอคือแฟนฉันนะ ยัยบื้อ เธอกับฉันก็ได้กันตั้งสองครั้ง จะให้เป็นคนแปลกหน้าหรือไง"กลายเป็นว่าเขาพูดออกมาทำให้ฉันถึงกับพูดไม่ออก มือกำแน่นจิกเข้าเนื้อตัวเอง ฉันรู้สึก ลำบากใจกับคำถาม เม้มปากเข้าหากันแน่น เขาก้าวเข้ามาใกล้ฉันเพียงก้าวเดียว ฉันที่ถอยจนติดโต๊ะทำงาน สายตาของเขาจ้องมาที่ฉัน เลยเบี่ยงเบนสายตาไปทางอื่น"ฉันรู้ว่ามันอาจจะทำให้เธอตั้งตัวไม่ทัน แต่ฉันไม่อาจจะปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว"เขายิ้มบางๆ ฉันที่อ้าปากแล้วก็หุบลงไปอีกครั้งเขายกมือขึ้นเชยคางฉันขึ้นมาบังคับให้ฉันมองหน้าเขา"มองตาฉันสิ แล้วบอกฉันว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉัน"เป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในขณะที่เคียร์กำลังจมอยู่ในห้วงอารมณ์ประตูห้องทำงานก็เปิดออกอย่างกะทันหัน อิซามูก้าวเข้ามาพร้อมกับแฟ้
ฉันที่เดินผ่านห้องต่างๆ ส่องไฟฉายไปรอบๆ ทันใดนั้นสายตาเห็นกล่องเหล็กใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ฉันเดินไปใกล้ๆ มือเปิดออกข้างในเห็นขวดยาสีฟ้าใสมีกลิตเตอร์วิบวับ"น้ำยาสีฟ้าเหรอ?" ฉันหยิบหนึ่งขวดขึ้นมาดูแสงส่องลงมามันสวยจนฉันเคลิ้ม"นี่คือยาที่พวกมันใช้ควบคุมมนุษย์ ยานี้เพื่อสะกดจิตมนุษย์ให้ทำตามคำสั่งของพวกมัน" ไวล์ลีพูดขึ้น"สะกดจิต?""ใช่ จะมีแวมไพร์ตนหนึ่งชื่อว่าโครนอส เขาสามารถสะกดจิตแวมไพร์ที่มีเลือดผสมได้ยกเว้นเลือดแท้เขาไม่สามารถทำได้ต่างกับมนุษย์ที่โครนอสสะกดจิตได้ง่ายแต่ต้องแลกกับการให้กินยาเพื่อเขาจะได้ควบคุมตลอดไป""น่ากลัวจริงๆ" ฉันส่ายหน้าไวล์ลียิ้ม "จบสักทีฉันจะได้กลับไปหาป๊อปคอร์นที่แสนอร่อยแล้ว""ฮ่าๆๆ นายเหมือนเด็กน้อยที่อยู่ในช่วงวัยเจริญอาหารเลย""ฉันโตเป็นหนุ่มแล้วนะ ไม่ใช่เด็กสักหน่อย ป้าอย่ามากล่าวหากันสิ""ป้าเลยเหรอ หน้าฉันออกจะสวยเหมือนนางฟ้ายังไม่แก่ เดี๋ยวตีปากเลย""อย่านะ ทำไมมนุษย์ถึงดุขนาดนี้เนี่ย"แต่แล้ว ไวล์ลีก็ชะงักไป เขากระดิกหูเบาๆ สายตากวาดมองไปรอบๆ"มีใครบางคนกำลังจะมา"ฉันที่รู้ถึงกลิ่นที่คุ้นเคย ทำให้ฉันนั้นรู้ทันทีว่าเป็นใคร"เคียร์""ฉันไปก่อนนะ จะบ
ฉันรีบเดินกลับไปยังห้องนั่งเล่นความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นมาในดวงตา ฉันหยิบกระดาษบนโต๊ะของเขามาหนึ่งแผ่นแล้วเขียนข้อความสั้นๆ ทิ้งไว้ให้เคียร์"พี่ชายฉันโทรมาหาบอกให้ฉันรีบไปหาค่ะ ขอโทษที่ต้องไปกะทันหันนะคะ "มือวางโน้ตบนโต๊ะนั่งเล่นข้างแจกันดอกไม้ ยกหลังมือปาดน้ำตาออกลวกๆ จากนั้นก็รีบออกจากบ้านเขาไปผมที่กลับมาห้องนั่งเล่นไม่เห็นมินาโกะ สายตาก้มลงไปก็เห็นโน้ตที่เธอทิ้งไว้ให้ ในมือผมที่ถือของหวานมาให้กลับกลายเป็นว่าเธอรีบไปหาพี่ชาย"ฉันตั้งใจให้คนไปซื้อของหวานจะได้มากินกับยัยบื้อ อดกินซะละ"ณ...คอนโดมินาโกะฉันกลับมาถึงคอนโดของฉันดวงตาคลอหน่วยไปด้วยหยดน้ำ ฉันปิดประตูห้องนอนแล้วรีบตรงไปที่หน้าต่างดึงผ้าม่านปิดสนิทจนห้องตกอยู่ในความมืดราวกับต้องการสร้างเกราะป้องกันให้กับตัวเองจากโลกภายนอกเสียงสะอื้นไห้ดังก้องไปทั่วห้องกว้างกายบางสั่นระริกน้ำตาไหลรินไม่หยุดหย่อนหัวใจเหมือนถูกบีบรัดจนเจ็บปวดรวดร้าวทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ"ทุกอย่างคือเขาหลอกฉันมาตลอดทุกอย่างจริงๆ เขาไม่ได้รักฉันเลยไม่เลย เป็นอย่างที่คิดไว้""ทำไม ทำไมกัน เพราะอะไรฉันถึงไม่เคยได้รับความรักเหมือนคนอื่นทั้งที่ฉันพยายามแล้ว แต่
สถานการณ์บนท้องถนนยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ฉันกวาดสายตาไปรอบๆ ตอนนี้ในเมืองโกลาหลไปทั่ว เจ้าหน้าที่เอฟบีไอพยายามยิงสกัดแต่ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ฉันวิ่งฝ่าฝูงชนที่แตกตื่น รีบไปหาพี่เรียวจิแต่ผู้คนวิ่งกันจนไม่สามารถมองหาพี่ชายตัวเองได้ ระหว่างทางฉันเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่กลางถนน เขาคงจะพลัดหลงกับครอบครัวในความวุ่นวายนี้ก็เห็นแวมไพร์ตนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปทางเด็กผู้ชายคนนั้น"ไม่นะ!!"ฉันยกปืนขึ้นมาเล็งแล้วยิงโดนไหล่ของมัน แต่มันก็ยังวิ่งได้ฉันเลยรีบวิ่งไปหา เด็กชายที่ร้องไห้เขาตะโกนเรียกหาแต่แม่ของเขา แวมไพร์ที่กำลังจะทำร้ายเด็กผู้ชายคนนั้น ฉันจึงเอื้อมแขนไปดึงเด็กคนนั้นมากอดไว้ได้ทันใดแต่แล้วก็มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นโอบกอดฉันและเด็กชายไว้ในอ้อมแขนของเขา ฉันที่ได้กลิ่นของเขาเป็นกลิ่นดอกพรินซ์จาร์ดีนเออร์ หอมหวาน เคียร์เป็นกลิ่นจูเลียตโรสหอมละมุนเบาคล้ายใบชา"ถอยไปถ้าแกยังไม่อยากตาย"ผมจ้องมองแวมไพร์ตนนั้นโดยใช้สายตาที่ทำให้เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เหงื่อจะตกเลยตัดสินใจถอยออกไปผมพูดจบคลายอ้อมกอดจากมินาโกะ"ขอโทษมันจำเป็นต้องกอด เธอไม่เป็นไรนะ"ฉันกะพริบตาปริบๆ