ณ...คอนโดมินาโกะ
ฉันที่ถึงอพาร์ตเมนต์ตัวเอง มือเอื้อมไปเปิดประตูเดินเข้ามาถอดรองเท้า ดีดนิ้วไฟในห้องก็จะเปิดขึ้น เดินเข้ามาม่านจะเปิดเองอัตโนมัติ จะเห็นวิวใจกลางเมืองภายในห้องที่ตกแต่งโทนมินิมอลสีขาวน้ำตาล ทำให้สบายตา
เดินปึงๆ ลงมานั่งลงบนโซฟาพูดว่าเปิดทีวีก็จะเปิดทันที เสียงเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติกำลังทำงานฉันเลยเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายจากความเหนื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ฉันหลับตาลงปล่อยให้น้ำไหลผ่านร่างกายเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายในหัว
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนบางที่คลุมร่างกายไว้หลวมๆ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหยิบโลชั่นทาผิว แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบปืนใต้โต๊ะ พอฉันหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณแต่แล้วปรากฏว่าไม่ทัน…
กรี๊ด!!!
ฉันร้องเสียงหลงเพราะมีใครบางคนเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังกระแทกแรงจนทำให้ผ้าขนหนูที่คลุมร่างกายฉันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ฉันรีบหันมาเอามือมาปิดร่างตัวเองไว้ด้วยความตกใจและอับอายพอฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน...
ชายหนุ่มยิ้มบางๆ "ใจเย็นๆ ก่อนสิสาวน้อย ฉันมาดีนะ แค่เอาเอกสารมาให้เธอเฉยๆ"
ฉันมองชายแปลกหน้าด้วยความหวาดกลัว ผมสีไข่มุก ดวงตาสีโลหิต ผิวซีด มีตราดวงดาวสีดำบนหน้าผาก หูยาวคล้ายเอลฟ์ใบหน้าหล่อราวกับเจ้าชายในนิยายยังไงอย่างนั้น เล็บยาวสีแดงจี้ที่มาตรงคอของฉัน เขาเข้ามาจากทางไหนในบ้านของฉัน สายตาก้มลงไปมองในมือของเขาที่ถือซองสีดำ เซนส์ฉันบ่งบอกว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา
"นายบอกว่ามาดี แต่เล็บยาวสีแดงของนายมันเหมือนกำลังข่มขู่ฉันอยู่เลยนะ"
"ฉันก็แค่ป้องกันตัวก็เท่านั้นเอง เพื่อเธอฆ่าฉันขึ้นมาจะทำยังไง"
"ป้องกันกับผีนายนะสิ ฉันจะไปฆ่านายยังไงก่อน บุกเข้าห้องนอนคนอื่นแล้วยังมาขู่เจ้าของห้องอีก"
"ปากร้ายเหมือนกันนะ แม่สาวน้อย"
"นายต้องการอะไร"
ชายคนนี้ยิ้มขึ้น ก้มลงมาจูบฉันเขาโอบกอดแน่นขึ้น ร่างกายเปลือยเปล่าของฉันชิดกับร่างกายของเขา ริมฝีปากที่ประกบกันดวงตาของฉันเบิกกว้าง เขาเอาลิ้นเข้ามาสอดลิ้นของฉันก่อนจะผละออกจากปากเขา
มือเขาลูบปากฉันไปมาสายตาของเขาคล้ายมนต์สะกดที่ไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้
"ค่าตอบแทนสำหรับข้อมูลหวังว่าจะจับได้นะสาวน้อย"
เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมแสงแดดยามเช้า ที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน
ฉันที่แทบไม่ได้หลับเลยเพราะเรื่องเมื่อคืนเล่นเอาฉันหลอนไปหมด ความรู้สึกที่ริมฝีปากของเขาที่แตะลงบนริมฝีปากของฉันยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวินาทีก่อน ถ้าส่องกระจกตอนนี้ปากของฉันก็คงจะบวมเพราะถูปากจนไม่รู้จะถูปากยังไงแล้ว
ฉันยกนิ้วชี้ แตะริมฝีปากของตัวเองใบหน้า เริ่มร้อนผ่าว ฉันไม่เคยโดนใครจูบแบบนี้มาก่อนจูบแรกของฉันโดนแย่งจากผู้ชายแปลกหน้าและเขาคือใครก็ไม่รู้เลย ใบหน้าของเขากลับเลื่อนราง ราวกับไม่มีความทรงจำ
"ไอ้บ้านั้น!! ทำอะไรกับฉันเนี่ย!!"
ฉันใช้มือขวาทุบหัวตัวเองไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปแล้วลุกขึ้นจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว หลังจากเตรียมตัวเสร็จสายตาเห็นซองเอกสารสีดำที่ชายคนนั้นเอามาให้เลยหยิบขึ้นมาจากบนโต๊ะ พอเปิดดูซองเอกสารนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ฉันกำลังสืบสวนอยู่ เลยรีบไปที่สำนักงานทันที...
เดินออกจากอพาร์ตเมนต์ตรงไปยังสถานีรถไฟระหว่างทางฉันพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนแต่ภาพของชายหนุ่มคนนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน
"เขาคือใครกันแน่? เหมือนตอนท้ายเขาจะพูดอะไรบางอย่าง ทำไมถึงนึกไม่ออกน่ะ"
ภายในองค์กรซีไอเอ...
เมื่อมาถึงในองค์กร ฉันก็เดินตรงไปยังห้องประชุม เข้าไปเปิดประตูเอาเอกสารวางบนโต๊ะ ทุกคนหันมามองในขณะที่กำลังกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย
"หัวหน้าทำไมมาเช้าจังเลย"
ยูกิ ผมสีฮันนี่ ดวงตาสีรัตติกาล ใบหน้าหวาน ยิ้มง่าย ผิวขาว สูง ร้อยแปดสิบ เป็นนักโปรแกรมเมอร์ พูดขึ้น
ฉันหยิบขนมปังที่วางบนโต๊ะขึ้นมากิน
"ฉันมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องยูกิ ช่วยเขียนเป็นรหัสลับทั้งหมดในเอกสารนี้ส่งไปยังเอฟบีไอทีนะ"
สายตาหันไปหา คาโอรุรองหัวหน้า ผมสีชมพูอมแดง ดวงตาสีเลมอน ใส่แว่นเจาะหู ใบหน้าคม ผิวขาว สูงร้อยแปดสิบเจ็ด
"คาโอรุส่วนนายต้องไปช่วยงานทางนั้น ถ้ายูกิจัดการเอกสารเสร็จฝากเอาไปให้พี่ชายของฉันหน่อยนะ เพราะคดีนี้คงจะเกี่ยวข้องกับปีศาจ"
ทุกคนถึงขั้นพูดเสียง ฮะ เป็นเสียงเดียวกันยูกิที่กำลังกินข้าวถึงขั้นติดคอ ส่วนซากุระถือขนมอยู่ก็ทำ ตกลงพื้น คาโอรุน้ำเปล่าพุ่งใส่หน้ายูกิ อิซามูเข้มหักคามือ
"เอ่อ...ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจทำให้ทุกคนตกใจหรอก เอาไว้ ฉันจะเล่าให้ฟัง อิซามูตามฉันมาหน่อย"
ฉันเดินออกจากห้องและดิ่งตรงไปห้องทดลอง มือถือแฟ้มเอกสาร สีหน้าของฉันตึงเล็กน้อย ร่างกายหันไปหาอิซามู ผมสีลาเต้ ใส่แว่นตา ดวงตาสีน้ำทะเล ใบหน้าหล่อ ผิวขาว สูงร้อยแปดสิบเก้า เป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาเอานิ้วมือสองนิ้วมาแยกตรงหน้าผากของฉันออก
"หน้าย่นหมดแล้ว เราแค่หน่วยข่าวกรองนะ ไม่ใช่นักรบสักหน่อย ถึงแม้เธอจะเคยเป็นมาก่อนก็เถอะ"
"แต่ฉันก็ทำทั้งสองอย่างนะ ทั้งสืบคดีและข่าวกรองรวมภาคปฏิบัติด้วยมั่ง "
สีหน้าฉันกับท่าทางเหมือนคนเข้าใจโลกอย่างถ่องแท้
"ฉันต้องการให้นายช่วย"
"เรื่องอะไรถึงเป็นกังวลขนาดนั้น"
ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป
"ฉันอยากได้ยาสลบขั้นรุนแรงที่ป้องกันจากการถูกโจมตีโดย....เอ่อ...สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ"
อิซามู หัวเราะคิกๆ"สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ? เธอหมายถึงอะไรผี หรือมนุษย์หมาป่า"
ฉันส่ายหน้า "ไม่ใช่ฉันหมายถึง.......แวมไพร์"
อิซามู หยุดหัวเราะทันที เขามองฉันด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
"มินาโกะ เธอเชื่อเรื่องแวมไพร์ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?"
ฉันเดินไปนั่งหยิบขวดน้ำในตู้เย็นมุมห้อง บิดฝาเปิดขวดยกน้ำดื่มจนหมดขวด
"ฉันไม่ได้อยากจะเชื่อหรอกนะ แต่หลักฐานที่มีมันชี้ไปทางนั้นหมดเลย"
กลายเป็นว่าฉันเล่าเรื่องเขี้ยวประหลาดบนคอเหยื่อและเหตุการณ์แปลกๆ ที่ฉันพบในที่เกิดเหตุให้อิซามูฟังอย่างตั้งใจเขาหมวดคิ้วครุ่นคิด
"ฉันเคยเห็นแต่ในการ์ตูนที่เป็นแวมไพร์ แต่ไม่คิดว่าจะมีจริงๆ"
"แต่ถ้าเธอพูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันเองก็ต้องช่วยเธอให้ได้ถูกไหม"
ฉันยิ้ม"ขอบคุณนะ และไม่ต้องห่วง เราจะไม่เดือดร้อนแน่นอน"
"ขอแค่นายทำยาสลบขั้นรุนแรงมาให้ได้ก็พอแล้ว"
"แต่ฉันต้องเตือนเธอไว้ก่อนนะ ฉันไม่รู้ว่ายาที่จะทำให้ได้ผลจริงหรือเปล่า "
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ว่านายเก่งที่สุดในองค์กรของเราเลย" ฉันยกนิ้วโป้งขึ้นมาสองนิ้ว
อิซามู ใบหน้าเล็กๆ แดงเปล่งปลั่งเอามือทั้งสองมาปิดแก้มบิดตัวไปมา
"ในเมื่อหัวหน้าที่รักของเราพูดแล้วฉันจะเริ่มเลยแล้วกัน"
"ฝากด้วยนะ"
เท้าเดินออกจากห้องทดลองมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของฉัน สายตาเหลือบไปเห็นจดหมายสีแดงวางอยู่บนโต๊ะทำงาน จำได้ว่าบนโต๊ะของฉันจะไม่มีอะไรมาวางไว้ใบหน้าปรากฏความใจไม่ดี
มือหยิบจดหมายขึ้นมา เปิดออกอย่างระมัดระวังตัวอักษรที่เขียนด้วยหมึกสีดำเข้ม
"คืนนี้จะมีเหยื่ออีกคนที่ต้องตายในสวนสาธารณะ เป็นผู้หญิง"
ข้อความสั้นๆ แต่กลับส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมันเป็นคำเตือนหรือเป็นคำท้าทาย? และที่สำคัญใครเป็นคนส่งจดหมายมา ทันใดนั้นภาพรางๆ ของชายหนุ่มปริศนาจากเมื่อคืนก็แวบเข้ามาในหัวฉัน เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน เป็นเขาที่อาจจะส่งจดหมายนี้มา
ฉันกำจดหมายแน่นใบหน้าสงสัย ฉันควรจะทำอย่างไรหรือควรจะไปสวนสาธารณะ เพื่อสืบหาความจริงด้วยตัวเอง
"แน่จริงก็ออกมาสิ ไอ้บ้าเอ่ย!! "ฉันตะโกน
ภาพจูบเมื่อคืนเข้ามาในหัวทันทีดวงเบิกกว้างยกมือขึ้นปิดปาก
"ไม่ต้องมาแล้วอย่าโผล่มาห้ามมาเด็ดขาด!!"
ในขณะนั้น ผมที่นั่งอยู่ร้านคาเฟ่ในยามเช้า ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ มีเพียงแสงอาทิตย์ส่องลงมาเป็นเพื่อน ผมกำลังละเมียดละไมชิมเค้กชิ้นเล็กๆ ที่สั่งมาจากป้ายแนะนำเขาบอกว่าอร่อยและดังในย่านนี้
รสชาติหวานละมุนของเค้กช่วยบรรเทาความกระหายเลือดของผมได้บ้าง แม้จะไม่มากนักแต่มีสิ่งที่ผมอยากจะลองคือเลือดของเธอมันหอมโชยออกมามนุษย์คนอื่นส่งกลิ่นเหม็นเน่าแต่กับเธอมันช่างน่าลิ้มลอง
ขณะที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับขนมอยู่นั้นก็สะดุ้งเสียงคนตะโกนจากที่ไหนสักแห่งก็ดึงความสนใจของผมไป
"ไม่ต้องนะ ฉันไม่ต้องการข้อมูลหรือค่าตอบแทนอะไรนั้น อย่ามานะ"
เสียงของเธอดังขึ้นชัดเจนแม้จะอยู่ไกลออกไป ผมเอียงคอเล็กน้อยเอามือขึ้นมาเกยคางด้วยความสนใจ ผมใช้ประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของแวมไพร์ฟังบทสนทนาอย่างตั้งใจ
"มินาโกะ ปิดปากทำไม" เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น
"มองหาอะไรอยู่เหรอ"
"ไม่มีอะไรหรอก แค่ออกกำลังกาย ท่าใหม่คาโอรุลองดูสิ"
"ท่าใหม่?... คือเอามือปิดปากแล้วหันซ้ายหันขวาเนี่ยนะ"
ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม เป็นรอยยิ้มที่แสดงถึงความชอบใจ
"เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจจริงๆ"
"เธอจะรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนนี้ได้หรือเปล่านะ อย่าพึ่งตายล่ะ เธอยังมีค่าสำหรับฉัน มินาโกะ"
ยามตะวันลาลับขอบฟ้าในสวนสาธารณะ เวลาสามทุ่ม...ฉันย่องเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบใจเต้นระทึกกับรวบรวมความกล้าที่ผสมปนเปกันฉันที่ต้องการพิสูจน์ว่าในจดหมายนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่และถ้าเป็นจริงใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ฉันที่แต่งตัวอย่างกับโจร ใส่ชุดสีดำทั้งตัว อาการก็เหมาะ เพราะร้อนสุดๆความเงียบสงัดของสวนสาธารณะทำเอาฉันเกือบหลับแต่ถูกทำลายลงด้วยเสียงฝีเท้าเบาๆ ฉันเพ่งมองผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ สายตาเห็นร่างของชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในสวน ฉันหันไปมองของที่เตรียม มาทั้งกระเทียม ไม้กางเขน เหล็กแหลมและน้ำอบ"ไม่เชื่อเลย ยังพกมาขนาดนี้ ตั้งศาลเจ้าไล่ผีได้เลยนะ"ชายหนุ่มหยุดอยู่ใต้แสงไฟจากเสาไฟฟ้า ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน!"นั้นมันคือชายหนุ่มธรรมดาๆ ไม่ใช่หรือไงน่ะ ไม่เห็นจะเหมือนแวมไพร์ตรงไหน"สีหน้าแข็งตึงอย่างสะกดอารมณ์ ฉันเฝ้ามองอย่างระมัดระวังไม่นานนัก หญิงสาวอีกคนก็เดินเข้ามาในสวน เธอตรงเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น ทั้งคู่พูดคุยกันครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะโอบกอดเธอไว้ฉันรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง สายตาจ้องมองทั้งคู่อย่างไม่วางตา ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ก้ม
แสงยามอรุณฉายส่องเข้ามาคล้ายกำลังโอบกอดอย่างอ่อนโยน....แพขนตาหนาค่อยๆ เปิดขึ้นช้าๆ ก่อนจะกะพริบถี่เพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่างอันน้อยนิดในห้อง พบกับเพดานสีขาวซีดของห้องพักฟื้นผู้ป่วย ในตอนนี้ฉันอยู่โรงพยาบาล รู้สึกปวดที่แขนจากการถูกเศษกระจกบาดแต่ความเจ็บปวดทางกายนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความสับสนในใจฉัน ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงชัดเจนในความทรงจำ รอยยิ้มของแวมไพร์ตนนั้นที่จ้องมองฉันยังอยู่ในหัว เขี้ยวแหลมคมจมลงบนผิวเนื้อของเหยื่อและที่สำคัญที่สุด..."หมอนั้น!! คนที่โผล่มาตอนนั้น ใช่คนเดียวกันแน่นอน แต่ว่านะคนอะไรหล่อฉิบหายเลย เขาเป็นสัตว์ประหลาดที่คงจะงดงามที่สุดเลยก็ว่าได้ ทรงน่าทำสามีมากเลย"แต่ว่านะเขาช่วยชีวิตฉันจากเงื้อมมือแวมไพร์ผู้มีดวงตาสีโลหิตและทรงพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวตอนนั้นที่ฉันลืมตาเขากำลังลบความทรงจำแต่ฉันก็ยังจำได้ทุกอย่าง แสดงว่าเขาไม่ได้ลบความทรงจำของฉัน จำได้แม้กระทั่งความอบอุ่นจากมือของเขาที่แตะลงบนหน้าผากฉัน ปกติแวมไพร์มือต้องเย็นอย่างน้ำแข็งแล้วทำไมฉันถึงกลับคิดว่ามันอุ่น คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของฉันที่สงสัยเต็มไปหมด แต่ในขณะเดียวกันฉันก็อยากรู้อยากเห็นมาซะอย่างงั
ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นโทนสีขาวดูสะอาดเรียบง่ายและสบายตาฉันที่นอนราบอยู่บนเตียง ความฝันอันเลวร้ายยังคงตามหลอกหลอนฉันจากห้วงนิทราเหงื่อกาฬท่วมทั้งใบหน้าและแผ่นหลัง ภาพของแวมไพร์นั้นยังคงติดตา รอยยิ้มเขี้ยวแหลมคม ดวงตาสีแดงที่จ้องมองฉันราวกับเหยื่ออันโอชะแต่แล้วภาพในความฝันก็เปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นเขาชายหนุ่มดวงตาสีโลหิต กำลังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบาทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดไหลผ่านร่างกายฉันสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นนั่งบนเตียง หายใจหอบถี่ถาโถมเข้ามาในใจ สายตากวาดมองไปทั่วทุกทิศ เอียงหัวอย่างนึกสงสัยมือเสยผมขึ้น"ฝันบ้าอะไรเหมือนจริงชะมัด! สงสัยคงจะคิดมากเกินไป ถึงขั้นเก็บมาฝัน""ถ้าเจออีกครั้งจะถามชื่อเขาได้ไหมนะ อยากจะรู้จักเขาจัง"ฉันที่เอาเท้าแตะพื้นกำลังจะลุกขึ้นเสียงแจ้งเตือนข้อความดัง ทำให้ฉันหันกลับไปมองหน้าจอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียง เปิดหน้าจอดูใช้นิ้วเลื่อนไปที่ข้อความจากพี่เรียวจิข้อความ: "พี่รู้ว่ามันยากสำหรับเธอ แต่ไม่ว่ายังไงพี่มีความเห็นคือเราต้องกำจัดแวมไพร์คนนั้นซะ เขาอันตรายต่อเธอ"ฉันอ่านข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่น่าบอกพ
เวลาสองทุ่ม....ขณะที่ฉันกำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่างกับเคียร์ทว่าสายเรียกเข้าโทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้นขัดจังหวะทำให้ฉันจำใจต้องละสายตาจากเคียร์แล้วล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย"ว่าไงคะพี่?""มินาโกะ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน""น้องอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ""พี่อยากให้เราไปที่เกิดเหตุ มีคนตายเพิ่มแต่พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่อยากจะให้เราไปดูให้หน่อย ทางนี้พี่ติดนักข่าวอยู่หน้าสำนักงานพี่จะส่งที่อยู่ให้..."ฉันทำหน้านิ่งไปครู่หนึ่ง ทำให้ฉันรู้ทันทีว่านี่ต้องเป็นเรื่องของแวมไพร์แน่นอน คราวนี้จะเป็นปีศาจแบบไหนอีก"ค่ะ น้องจะรีบไปเดี๋ยวนี้" ฉันตอบก่อนจะวางสายแล้วหันหน้าไปหาเคียร์"ต้องไปแล้วนะลุง"ในมือถือของเอามาวางหน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงินกำลังจะเดินออกจากร้านเขาก็จับแขนซ้ายเอาไว้ฉันเหลียวหลังกลับไปก้มลงดูมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของเขา"เธอน่ะ เป็นคนที่ล้ำค่ามากเพราะงั้นอย่าเจ็บตัวนะ" ผมใช้นิ้วชี้เคาะหน้าผากฉันอึ้งกับคำพูดของเขาคนเป็นแวมไพร์ พูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอ เขากำลังเป็นห่วงฉันหรือแกล้งเป็นห่วงฉัน หูฉันคงไม่เฝื่อน ไปใช่ไหม ก่อนที่จะหันหลังอีกครั้ง นึกขึ้น
เสียงแห่งสายฝนบรรเลงขึ้น หยาดฝนแต่ละเม็ดให้เสียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสียงเม็ดฝนกระทบพื้น เสียงใบไม้กระทบกันเบาๆ ละอองฝนพัดหลังจากเคียร์จัดการแวมไพร์ตนนั้นเขาก็เอาร่มมาให้ฉันแล้วก็หายไปเลยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ผู้คนกลับมาเดินกันปกติสวนไปมาและคนตรวจศพก็อยู่ที่เดิมข้างๆ ฉัน สายตาก้มลงไปดูที่แขนกับไม่มีเลือดไหลจากการโจมตี พี่เรียวจิวิ่งเข้ามาหาฉัน "มินาโกะ เป็นยังไงบ้างรู้อะไรไหม""เอ่อ...เหมือนจะเป็นแค่คู่ผัวเมียทะเลาะกันน่ะ พี่มาก็ดีแล้วก็จัดการเองเลยแล้วกัน น้องขอตัวก่อนนะ"ณ..คอนโด มินาโกะฉันกดรหัสเปิดประตูคอนโด ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า ภาพเหตุการณ์ต่างๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันราวกับภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำไปมาเขาจูบฉันครั้งที่สองหรือสามแล้วหรือเปล่านะ เหมือนกับตัวเองเป็นผู้หญิงใจง่ายให้ผู้ชายจูบยังไงอย่างนั้นเลย ฉันยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองใบหน้าแดงอย่างดอกกุหลาบ"ไม่ๆๆๆ นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย จะมาลามกอะไรตอนนี้ จะบ้าตาย"เท้าเดินเข้าไปในห้องน้ำถูกแบ่งออกเป็นโซนเปียกและโซนแห้งโดยมีผนังกระจกเป็นตัวคั่นเอาไว้ ปูด้วยกระเบื้องสีขาวเป็นหลักกระจกเงาบานใหญ่ติดผนังฝั่งอ่างล
เกล็ดหิมะสีขาวโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าสร้างบรรยากาศโรแมนติกแต่ก็แฝงไปด้วยความหนาวเย็น ฉันเดินฝ่าหิมะที่กำลังตกหนักเข้าไปหาเคียร์ที่ยืนรอฉันอยู่ก่อนแล้ว อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเขา"ลุง...มารอฉันทำไมตรงนี้ค่ะ? แล้วมายืนกลางหิมะแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก"ผมยิ้มแฉ่งให้เธอก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ตหยิบใบปลิวหนึ่งใบออกมา"ฉันเห็นเขาแจกใบนี้ แต่ฉันไม่รู้ว่าร้านอยู่ที่ไหนน่ะ หาให้หน่อยได้ไหม" ผมพูดพลางยื่นใบให้เธอฉันหยิบใบปลิวขึ้นมาดู มันเป็นรูปร้านขนมหวานชื่อดังในเมือง สายตาที่เห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันเลย ทำให้ฉันทั้งขบขันและเอ็นดูในคราวเดียวกัน"อ้อ ที่มารอฉันเพราะแบบนี้เองเหรอ ก็อยู่ตรงข้ามที่เรายื่นอยู่นี่ไง ลุงเนี่ยแก่จริงๆ ละนะ แล้วมาออฟฟิศฉันถูกได้ยังไงกันคะเนี่ย"ผมยักไหล่ขึ้น "อ่าวเหรออยู่ใกล้แค่นี้ทำไมฉันถึงไม่เห็นนะ ฉันเนี่ยทั้งเก่ง ฉลาด รวย แถมยังหล่ออีกด้วยนะ""หลงตัวเองเก่งจังนะ ลุง""ถ้าฉันไม่หลงตัวเองแล้วจะให้หลงใคร หรือว่าเธอดีล่ะ"พวงแก้มที่แต่เดิมซีดขาวผุดสีแดงขึ้นมาระเรื่อ "..... ฮ่าๆๆ เล่นมุกเหรอเนี่ย ตลกจังเลยนะ"ฉันมองเขาอย่างอารมณ์ดี รู้ทั้งรู้ว่าก
ฉันที่เดินเข้ามาทุกๆ อย่างเปลี่ยนเป็นกระท่อมเก่าๆ ที่ตั้งอยู่กลางป่าลึก แม่หมอใช้พลังซ่อนสายตาจากผู้คน เธอที่นั่งอยู่อยู่ที่กลางห้อง นัยน์ตาเธอนั้นลึกลับที่เต็มไปด้วยความลับที่ไม่มีใครล่วงรู้"นั่งสิ จะยืนแบบนั้นให้เมื่อยหรือไง"แม่หมอเอ่ยขึ้นเดินไปหยิบตำรามาหนึ่งเล่มวางบนโต๊ะ มือเปิดไปหน้าหนึ่ง ฉันที่เดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอความกดดันและประหม่าแต่ฉันก็เก็บอาการไว้"คือ.....เขาเป็นแวมไพร์แบบไหนเหรอ?"เธอมองมาที่ฉันเหมือนกับว่าเธอกำลังอ่านความคิดในใจของฉัน ขนตาฉันพะเยิบขึ้นพลางจ้องมองอย่างฉงน เอียงคอมองใบหน้าเธอ"ก่อนอื่น ฉันชื่อดิซีรี แม่มดแห่งโลกจันทรา เธอไม่ต้องบอกหรอกว่าชื่ออะไร เพราะฉันรู้หมดแล้ว""......""ใจของเธอตอนนี้กำลังสับสนเพราะเธอรู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เธอดันชอบเขาเท่ากับเธอกำลังเดินตามหมากที่เขาวางไว้"สิ่งที่แม่หมอพูดมานั้นก็ถูกต้องทุกอย่างฉันมีใจให้กับเขาขึ้นมาจริงๆ"หมายความว่าฉันเป็นแค่หมากในเกมของเขางั้นใช่ไหม""เธอกำลังเล่นกับไฟ เขาไม่ใช่คนที่เธอจะรักได้หรอกนะ เขาเป็นคนที่สามารถทำอะไรก็ได้ด้วยพลังของเขา เธอไม่มีทางมาแทนที่คนในใจเขาได้หรอก สิ่งที่เขาต้อง
แสงแรกแห่งวันใหม่สาดส่องลงบนพื้นถนนที่ยังคงเงียบสงบหญิงสาวคนหนึ่งเดินกลับบ้านหลังจากทำงานกะดึก เธอเลือกที่จะเดินลัดผ่านตรอกเล็กๆ ที่มืดและเปลี่ยวเพื่อจะได้ถึงบ้านเร็วขึ้น ขณะนั้นภาพที่เธอเห็นตรงหน้าก็ทำให้เธอแทบหยุดหายใจ...กองศพจำนวนมากนอนเกลื่อนกลาดอยู่กลางซอยเล็กๆ ร่างกายของพวกเขาผิดรูปร่างราวกับถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมเลือดสีแดงสดไหลนองบนพื้นสร้างบรรยากาศที่น่าสยดสยองเกินกว่าจะบรรยายหญิงสาวดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว ขาของเธอแข็งทื่อไปหมด เธอยากจะกรีดร้อง แต่เสียงกลับติดอยู่ในลำคอ ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง เธอหันกลับไปมอง ก็พบกับเงาดำมืดที่พุ่งเข้ามาหาอย่างเร็วกรี๊ด!!!!!!น้ำเสียงกรีดร้องดังหายไปกับสายลมในตรอกมืดนั้นเวลาแปดโมงเช้า...เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วตรอกแคบๆ แสงไฟจากรถตำรวจสาดส่องเข้ามา ทำลายตรอกที่มืดปกคลุมสถานที่แห่งนี้ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอในชุดปฏิบัติการสีกรมกรูเข้ามาเรียงกัน พวกเขาเริ่มทำการปิดกั้นพื้นที่และเก็บหลักฐานต่างๆฉันที่เดินถือขนมอยู่กับซากุระสายตาเหลือบไปเห็นตำรวจมากมายรีบบอกซากุระให้กลับไปก่อน จึงรีบวิ่งข้ามถนนมาถึงที่เกิดเหตุแสดงบ
ฉันถลกแขนเสื้อขึ้นเพิ่มความทะมัดทะแมงเตรียมพร้อมกระชับมือที่กุมเอาไว้ให้แนบแน่นมากขึ้น สูดลมหายใจเข้าออกตั้งสติแวมไพร์อีกหลายตน พวกมันจ้องมองฉันด้วยสายตาหิวกระหาย"นี่น่ะเหรอ คนที่มีพลังบริสุทธิ์ เป็นผู้หญิงที่งดงามแต่น่าเสียดายคิดจะสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยมนุษย์"ฉันยิ้มยวน "ถ้าใช่แล้วจะทำไม พวกนายมันก็ต้องการให้ฉันตายอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง!""โง่จริงๆ เธอไม่รู้หรอกว่าพลังของเธอมีค่ามากแค่ไหน ถ้าได้พลังนั้นมา มันสามารถชุบชีวิตคนตายได้ แทบยังทำให้มีพลังเหนือกว่าคนอื่น ที่ใครไม่สามารถต้านทานได้ ก็นะ เธอก็แค่มนุษย์เลยไม่ได้รับรู้ถึงพลังนั้น!"โครนอสหันไปสั่งเหล่าแวมไพร์ "จับตัวเธอมา!"พวกเหล่าแวมไพร์กำลังจะพุ่งเข้าใส่ฉันแต่ก่อนที่พวกมันจะทันได้แตะต้องฉัน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังพวกเขา"หยุดนะ! ใครกล้าแตะต้องเธอ ฉันฆ่าทิ้งแน่!"ผมเดินแหวกกลางมาหยุดตรงหน้าของเธอ ผมหันไปจ้องมองโครนอสด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ก่อนจะหันกลับมาหามินาโกะฉันที่มองใบหน้าของเคียร์ ด้วยแววตาที่ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว"นายก็หลอกฉัน หลอกให้รัก หลอกให้เชื่อใจ หลอกว่านายจะจริงใจ แต่สุดท้ายนายก็ไม่ได้รักฉัน! สิ่งที่นายรักก็ค
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งเมือง ตำรวจเอฟบีไอที่มาถึงที่เกิดเหตุต่างตกเป็นเป้าหมายของเหล่าแวมไพร์กระสุนปืนแลกเปลี่ยนกันอย่างดุเดือดฉันหลบอยู่หลังรถตำรวจเปลี่ยนชุดที่ถนัดในการต่อสู้ พอเปลี่ยนเสร็จฉันยิงสกัดแวมไพร์เดินถือปืนยิงแวมไพร์ที่เข้ามาใกล้ พวกมันมีจำนวนมากเกินไปการใช้ปืนคงจะเป็นไปได้ยาก สายตาหันไปทางพี่เรียวจิ กำลังฉีดยาที่อิซามูทำขึ้นมาเป็นควันสลบที่รุนแรง รีบสวมหน้ากากกันแก๊สทันใดนั้น ฉันเห็นซากุระ ล้มลงเธอกำลังจะถูกแวมไพร์ทำร้ายฉันไม่รอช้า รีบวิ่งออกไปขวางหน้า ย่อลงแล้วเล็งปืนแล้วเหนี่ยวไกทันทีกระสุนพุ่งเข้าเจาะทะลุกลางหัวใจของแวมไพร์ มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงไปนอนกองกับพื้น"ซากุระ! ไม่เป็นไรนะ"ซากุระพยักหน้า "ฉันไม่เป็นไร ขอบใจนะมินาโกะ"สายตามองซากุระตัวสั่นเหมือนลูกนก สีหน้าของเธอซีดเผือดราวกับคนตาย"ยูกิ! พาซากุระกับอิซามูไปห้องใต้ดินของเอฟบีไอซะ นี่กุญแจแล้วฉันจะตามไปที่หลัง"ยูกิพยักหน้า เขาคว้ามือซากุระแล้วพาเธอนั่งรถขับออกไปทันที ฉันหันกลับไปเผชิญหน้ากับฝูงแวมไพร์ ต้องถ่วงเวลาให้เพื่อนๆ หนีไปให้ได้ฉันยกปืนขึ้นมาเล็งไปที่แวมไพร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด ฉั
ฉันที่มองเคียร์คล้ายกับว่าสีหน้าท่าทางเหมือนกำลังโกรธรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างเขาฉุนเฉียวไม่เป็นตัวของตัวเอง"ลุง...อย่าบอกนะว่า กำลังหึงฉันที่ไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นใช่ไหม"ผมชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ"ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หึง"แต่แววตาของเขาเลิ่กลั่กขาและแขนแกว่งไปทางเดียวกันอย่างไม่เป็น ธรรมชาติ เวลาเขาไม่พูดความจริงเขาชอบทำท่าทางแบบนี้ตลอด ฉันเลยเอื้อมมือไปจับมือของเขามาทาบบนอกของฉัน"ทำอะไรของเธอเนี่ย ยัยบื้อ ไม่อายคนเหรอ""ลุงตรงนี้หัวใจของฉัน มันอยู่ตรงนี้ ได้ยินใช่มั้ย หัวใจดวงนี้ฉันมอบให้ลุงทั้งหมดที่มี"จู่ๆ ใบหูของผมก็ร้อนขึ้นมา ควันร้อนแทบจะพวยพุ่งขึ้นบนศีรษะ ใบหน้าด้านข้างผมเปลี่ยนเป็นสีเข้ม"ยัยบื้อ ฉัน...ไม่...ช่างเถอะ"เคียร์วาร์ปหายหัวตัวไปต่อหน้าต่อตาฉัน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ทำให้อมยิ้มเล็กน้อยถึงในคำพูดของฉันจะบอกใบ้ให้กับเขาแต่เขาก็คงไม่สงสัยอะไรฉันเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า..."เหลือเวลาไม่มากแล้วสินะ"องค์กรซีไอเอ...ทันทีประตูบริษัทเปิดออกฉันเดินเข้ามาจะไปห้องทำงานคาโอรุก็รีบเดินเข้ามาหาฉันสีหน้าไม่สบายใจ"มินาโกะ เธออย่าเพิ่งเข้า
เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่สี่...ฉันขยี้ตาไปมาเพื่อไล่ความง่วงงุนออกไปจากร่างกาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเดินไปยังกระจกบานใหญ่ริมห้อง ฉันมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกใบหน้าที่ยังคงมีคราบง่วงอยู่จางๆ ดวงตาที่ปรืออยู่เล็กน้อย แล้วคำพูดของเคียร์ยังคงอยู่ในหัวฉัน"รักฉัน ให้ตายเถอะ อยากจะดีใจแต่ก็ดีใจไม่สุด อยากจะบ้าจริงๆ"ฉันก้าวออกจากประตูคอนโดฉันสวมเสื้อโค้ตสีดำส่วนข้างในใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงสีดำ รองเท้าส้นสูงสีครีม ผมยาวสลวยปล่อยตรงและใส่สร้อยคอที่เคียร์ให้มาฉันอมยิ้มสายตาฉันสะดุดกับร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่งผมสีทอง ดวงตาสีม่วง สวมสูทสีเทาเข้มดูภูมิฐานมือของเขาถือช่อดอกไม้สีแดงสดขนาดใหญ่"เรเวน? "ฉันอุทานออกมาและนิ่งอึ้งไปหลายวินาทีเรเวน ยิ้มกว้างเมื่อเห็นฉัน "มินาโกะไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"ฉันรีบเดินเข้าไปหาเขา ในมือของเขายื่นดอกไม้มาให้ฉัน มือจึงรับช่อดอกไม้จากมือเขาด้วยรอยยิ้มบ้างๆ"ซื้อดอกไม้มาทำไมเนี่ย เปลืองเงิน""ไม่เปลืองเงินเลย ผมแค่อยากจะมาเซอร์ไพรส์คุณ และจำได้ว่าคุณชอบดอกกุหลาบสีแดง"ฉันยิ้มเต็มใบหน้า "มีอะไรหรือเปล่าถึงมาหากันถึงที่นี่เลย"เรเวน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขามองต
สำนักงานใหญ่เอฟบีไอ....ผมกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของผมสายตาจดจ่ออยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งกำลังแสดงภาพถ่ายของมินาโกะและเคียร์ที่กำลังเดินออกจากสำนักงานด้วยกันวันนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ผมจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทุกครั้งที่เธอทำเกินหน้าเกินตา ผมกลับต้องเป็นคนแบกรับผลกระทบทั้งหมดจากพวกที่ชอบโอ้อวดไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ความโกรธเริ่มสะสมในใจของผมเหมือนน้ำในแก้วที่ใกล้จะล้นออกมาผมขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ไม่คิดว่าน้องสาวของผมจะกล้าคบหากับประธานเคียร์ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งภาพถ่ายนั้นไปให้แม่ดู พร้อมกับข้อความว่า"แม่ครับมินาโกะกำลังคบกับประธานเคียร์อยู่ครับ"ไม่นานนัก แม่ก็โทรกลับมา"เรียวจินี่มันเรื่องจริงเหรอ?"เสียงของแม่พูดขึ้นจากปลายสายด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก"ครับแม่ ภาพนักข่าวก็เอาไปลงโซเซียลตอนนี้คงจะเป็นข่าวใหญ่แล้วล่ะครับ""ไม่ได้น่ะ มินาโกะจะไปคบกับประธานไม่ได้ทำไมไม่รู้จักเจียมตัวต้องคบคนฐานะที่ต่ำกว่าตัวเองสิ""แต่ทั้งสองก็เหมาะสมกันนะครับแม่""ไม่! นางจะต้องไม่ได้ดีไปกว่าลูกเข้าใจนะ แม่จะรีบกลับไป"ผมวางสายจากแม่แล้วนั่งพิงเก้าอี้ ยิ้มแบะปากผมรู้ว่าแม่ไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้
ฉันรีบดึงมือเคียร์ให้เดินตามฉันเข้าไปในห้องทำงานทันทีพอหลุดจากสายตาของเพื่อนๆ ฉันปิดประตูห้องแล้วเดินไปหยิบรีโมทปิดหน้าต่างให้เป็นสีดำสนิทจากนั้นหันกลับมาหาเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย"ทำไมลุงถึงพูดออกไปอย่างนั้น เราไม่ได้เป็นแฟนกันทั้งที่มันไม่ใช่"ผมที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องโมโหขนาดนี้ด้วย"ทำไมล่ะ เธอคือแฟนฉันนะ ยัยบื้อ เธอกับฉันก็ได้กันตั้งสองครั้ง จะให้เป็นคนแปลกหน้าหรือไง"กลายเป็นว่าเขาพูดออกมาทำให้ฉันถึงกับพูดไม่ออก มือกำแน่นจิกเข้าเนื้อตัวเอง ฉันรู้สึก ลำบากใจกับคำถาม เม้มปากเข้าหากันแน่น เขาก้าวเข้ามาใกล้ฉันเพียงก้าวเดียว ฉันที่ถอยจนติดโต๊ะทำงาน สายตาของเขาจ้องมาที่ฉัน เลยเบี่ยงเบนสายตาไปทางอื่น"ฉันรู้ว่ามันอาจจะทำให้เธอตั้งตัวไม่ทัน แต่ฉันไม่อาจจะปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว"เขายิ้มบางๆ ฉันที่อ้าปากแล้วก็หุบลงไปอีกครั้งเขายกมือขึ้นเชยคางฉันขึ้นมาบังคับให้ฉันมองหน้าเขา"มองตาฉันสิ แล้วบอกฉันว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉัน"เป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในขณะที่เคียร์กำลังจมอยู่ในห้วงอารมณ์ประตูห้องทำงานก็เปิดออกอย่างกะทันหัน อิซามูก้าวเข้ามาพร้อมกับแฟ้
ฉันที่เดินผ่านห้องต่างๆ ส่องไฟฉายไปรอบๆ ทันใดนั้นสายตาเห็นกล่องเหล็กใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ฉันเดินไปใกล้ๆ มือเปิดออกข้างในเห็นขวดยาสีฟ้าใสมีกลิตเตอร์วิบวับ"น้ำยาสีฟ้าเหรอ?" ฉันหยิบหนึ่งขวดขึ้นมาดูแสงส่องลงมามันสวยจนฉันเคลิ้ม"นี่คือยาที่พวกมันใช้ควบคุมมนุษย์ ยานี้เพื่อสะกดจิตมนุษย์ให้ทำตามคำสั่งของพวกมัน" ไวล์ลีพูดขึ้น"สะกดจิต?""ใช่ จะมีแวมไพร์ตนหนึ่งชื่อว่าโครนอส เขาสามารถสะกดจิตแวมไพร์ที่มีเลือดผสมได้ยกเว้นเลือดแท้เขาไม่สามารถทำได้ต่างกับมนุษย์ที่โครนอสสะกดจิตได้ง่ายแต่ต้องแลกกับการให้กินยาเพื่อเขาจะได้ควบคุมตลอดไป""น่ากลัวจริงๆ" ฉันส่ายหน้าไวล์ลียิ้ม "จบสักทีฉันจะได้กลับไปหาป๊อปคอร์นที่แสนอร่อยแล้ว""ฮ่าๆๆ นายเหมือนเด็กน้อยที่อยู่ในช่วงวัยเจริญอาหารเลย""ฉันโตเป็นหนุ่มแล้วนะ ไม่ใช่เด็กสักหน่อย ป้าอย่ามากล่าวหากันสิ""ป้าเลยเหรอ หน้าฉันออกจะสวยเหมือนนางฟ้ายังไม่แก่ เดี๋ยวตีปากเลย""อย่านะ ทำไมมนุษย์ถึงดุขนาดนี้เนี่ย"แต่แล้ว ไวล์ลีก็ชะงักไป เขากระดิกหูเบาๆ สายตากวาดมองไปรอบๆ"มีใครบางคนกำลังจะมา"ฉันที่รู้ถึงกลิ่นที่คุ้นเคย ทำให้ฉันนั้นรู้ทันทีว่าเป็นใคร"เคียร์""ฉันไปก่อนนะ จะบ
ฉันรีบเดินกลับไปยังห้องนั่งเล่นความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นมาในดวงตา ฉันหยิบกระดาษบนโต๊ะของเขามาหนึ่งแผ่นแล้วเขียนข้อความสั้นๆ ทิ้งไว้ให้เคียร์"พี่ชายฉันโทรมาหาบอกให้ฉันรีบไปหาค่ะ ขอโทษที่ต้องไปกะทันหันนะคะ "มือวางโน้ตบนโต๊ะนั่งเล่นข้างแจกันดอกไม้ ยกหลังมือปาดน้ำตาออกลวกๆ จากนั้นก็รีบออกจากบ้านเขาไปผมที่กลับมาห้องนั่งเล่นไม่เห็นมินาโกะ สายตาก้มลงไปก็เห็นโน้ตที่เธอทิ้งไว้ให้ ในมือผมที่ถือของหวานมาให้กลับกลายเป็นว่าเธอรีบไปหาพี่ชาย"ฉันตั้งใจให้คนไปซื้อของหวานจะได้มากินกับยัยบื้อ อดกินซะละ"ณ...คอนโดมินาโกะฉันกลับมาถึงคอนโดของฉันดวงตาคลอหน่วยไปด้วยหยดน้ำ ฉันปิดประตูห้องนอนแล้วรีบตรงไปที่หน้าต่างดึงผ้าม่านปิดสนิทจนห้องตกอยู่ในความมืดราวกับต้องการสร้างเกราะป้องกันให้กับตัวเองจากโลกภายนอกเสียงสะอื้นไห้ดังก้องไปทั่วห้องกว้างกายบางสั่นระริกน้ำตาไหลรินไม่หยุดหย่อนหัวใจเหมือนถูกบีบรัดจนเจ็บปวดรวดร้าวทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ"ทุกอย่างคือเขาหลอกฉันมาตลอดทุกอย่างจริงๆ เขาไม่ได้รักฉันเลยไม่เลย เป็นอย่างที่คิดไว้""ทำไม ทำไมกัน เพราะอะไรฉันถึงไม่เคยได้รับความรักเหมือนคนอื่นทั้งที่ฉันพยายามแล้ว แต่
สถานการณ์บนท้องถนนยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ฉันกวาดสายตาไปรอบๆ ตอนนี้ในเมืองโกลาหลไปทั่ว เจ้าหน้าที่เอฟบีไอพยายามยิงสกัดแต่ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ฉันวิ่งฝ่าฝูงชนที่แตกตื่น รีบไปหาพี่เรียวจิแต่ผู้คนวิ่งกันจนไม่สามารถมองหาพี่ชายตัวเองได้ ระหว่างทางฉันเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่กลางถนน เขาคงจะพลัดหลงกับครอบครัวในความวุ่นวายนี้ก็เห็นแวมไพร์ตนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปทางเด็กผู้ชายคนนั้น"ไม่นะ!!"ฉันยกปืนขึ้นมาเล็งแล้วยิงโดนไหล่ของมัน แต่มันก็ยังวิ่งได้ฉันเลยรีบวิ่งไปหา เด็กชายที่ร้องไห้เขาตะโกนเรียกหาแต่แม่ของเขา แวมไพร์ที่กำลังจะทำร้ายเด็กผู้ชายคนนั้น ฉันจึงเอื้อมแขนไปดึงเด็กคนนั้นมากอดไว้ได้ทันใดแต่แล้วก็มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นโอบกอดฉันและเด็กชายไว้ในอ้อมแขนของเขา ฉันที่ได้กลิ่นของเขาเป็นกลิ่นดอกพรินซ์จาร์ดีนเออร์ หอมหวาน เคียร์เป็นกลิ่นจูเลียตโรสหอมละมุนเบาคล้ายใบชา"ถอยไปถ้าแกยังไม่อยากตาย"ผมจ้องมองแวมไพร์ตนนั้นโดยใช้สายตาที่ทำให้เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เหงื่อจะตกเลยตัดสินใจถอยออกไปผมพูดจบคลายอ้อมกอดจากมินาโกะ"ขอโทษมันจำเป็นต้องกอด เธอไม่เป็นไรนะ"ฉันกะพริบตาปริบๆ