วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
บทนำ
"เมื่อไหร่แกจะแต่งงานฮะเจ้าธันย์ จะให้ฉันต้องถามไปจนถึงเมื่อไหร่" ทันทีที่เห็นลูกชายเพียงคนเดียวเดินเข้าบ้านมาเสียงผู้นำครอบครัวก็ขัดจังหวะการก้าวเดินของร่างสูงนั้นให้หยุดชะงัก
"แล้วเมื่อไหร่พ่อจะเลิกบังคับผมเรื่องแต่งงานสักทีครับ อยากแต่งเมื่อไหร่เดี๋ยวผมก็แต่งเองนั่นแหละ" ร่างแกร่งหยุดเผชิญหน้ากับบิดาอย่างจำใจ ใบหน้าคมที่เคยมีร่องรอยของอารมณ์สุนทรีย์เลือนหายไปตั้งแต่ได้ยินเสียงทัก เหลือไว้แต่เพียงความยุ่งเหยิง เพราะคนเป็นพ่อเอาแต่พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ แทบจะทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา
"แล้วมันเมื่อไหร่? แม่แกจะตายวันตายพรุ่งเคยโผล่หัวไปดูบ้างมั้ย ฉันอุตส่าห์ปล่อยให้แกเลือกเมียได้ตามใจแล้วนะ อย่าให้ต้องบังคับ! "
"ขู่ตลอดอ่ะ ก็ให้เวลาผมหน่อยดิ เมียดีๆ ใช่จะหาได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่" วรธันย์ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินคำขู่นับครั้งไม่ถ้วน เริ่มตั้งแต่เขาอายุย่างเข้าเลขสามจนตอนนี้สามสิบห้าปีเข้าไปแล้ว ก็นับว่าได้ยินมาตลอดห้าปี ตอนนี้เลยเบื่อที่จะฟังเต็มที
"แกไม่หาเองมากกว่ามั้ง ฉันให้เวลาแกมามากพอแล้ว ภายในเดือนนี้ถ้ายังเอ้อระเหยอยู่แบบนี้ ฉันนี่แหละจะหาเมียมาให้แกเอง! " คุณสุรศักดิ์ยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวชนิดที่ทำเอาคนฟังเหวอไป เพราะพ่อไม่เคยใช้น้ำเสียงจริงจังขนาดนี้มาก่อน
สิ้นคำผู้นำครอบครัวก็เดินเฉียดไหล่ออกจากบ้านไป ทิ้งให้ลูกชายยืนชักสีหน้าตามหลังไปด้วยความไม่พอใจ แต่ยังไงก็ยังคิดว่าบิดาแค่ขู่อย่างเช่นทุกที เขาก็เลยไม่สนใจ
ฝั่งคุณสุรศักดิ์ที่เดินออกจากบ้านมาก็ตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่เพื่อเดินทางไปเยี่ยมภรรยาที่โรงพยาบาล เธอป่วยเป็นโรคหัวใจและหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้าอาการกำเริบหนักจึงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล และก็กำลังรอผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจในอีกไม่กี่วันข้างหน้า..
ที่เขาอยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาและมีทายาทสืบสกุลส่วนหนึ่งก็เพราะความต้องการของภรรยาที่ไม่รู้อนาคตของตนว่าจะอายุยืนไปจนถึงตอนไหน อีกอย่างวรธันย์ก็มีหน้าที่การงานที่มั่นคง อายุอานามก็สมควรจะมีครอบครัวได้แล้ว แต่เจ้าตัวกลับเอ้อระเหย เอาแต่เที่ยวเตร่ไปวันๆ ไม่มีความคิดเหล่านี้อยู่ในหัวอย่างคนเป็นพ่อแม่เลยสักนิด
ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เหมือนพูดกับลมฟ้าอากาศ ไม่ซึมซับเข้าไปในสมองของเจ้าลูกชายเลยแม้แต่น้อย เห็นทีว่าเขาจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเสียแล้ว!
ตุ้บ!
เสียงหนึ่งดังขึ้นในระหว่างที่รถยนต์ของคุณสุรศักดิ์กำลังจอดติดไฟแดง ดึงสติของเขาที่กำลังเหม่อลอยให้หวนกลับคืนร่างแล้วหันไปสนใจ ที่มาของเสียงนั้นมาจากฟุตปาธด้านข้างที่เป็นตลาดสด มีผู้คนกำลังเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างพลุกพล่าน และตอนนี้คนเหล่านั้นก็เริ่มจะพากันมามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนพื้น..
ผู้หญิงต่างวัยสองคนกำลังนั่งประคองร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่ล้มพับหมดสติไปด้วยท่าทางเหมือนคนเสียสติ ทั้งคู่พยายามร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์แต่ก็เหมือนจะไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วย
"นายพร ตามฉันมาเร็ว! " เสียงเข้มสั่งคนขับรถของตน ก่อนจะเปิดประตูรถลงไปก่อน และแสดงตัวเข้าช่วยเหลือสองคนนั้นที่คาดว่าคงจะเป็นแม่กับลูกกัน ส่วนคนที่หมดสติไปก็คงจะเป็นพ่อกับสามีของทั้งคู่
คุณสุรศักดิ์กับนายพรรีบรุดเข้าไปช่วยกันแบกร่างไร้สติเข้ามาในรถอย่างรีบเร่งโดยมีสองแม่ลูกตามติดมาด้วย ทันเวลาพอดีกับที่ไฟจราจรเปลี่ยนสีรถยนต์คันหรูจึงรีบแล่นออกไปด้วยความเร็วตามคำสั่งของผู้เป็นนายเหนือหัว
"ฮื่อออ พ่อ พ่ออย่าเป็นอะไรนะคะ หนูกับแม่จะอยู่ยังไง ฮื่อๆ " สองแม่ลูกร้องฟูมฟายขณะประคับประคองร่างไร้สติของคนเป็นที่รักไว้อย่างทะนุถนอม พวกเธอยังไม่มีสติสนใจผู้มีพระคุณที่เข้าไปช่วยเหลือ จนกระทั่งถึงโรงพยาบาลร่างหมดสติก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สองแม่ลูกที่ถูกห้ามเข้าไปทำได้เพียงยืนกอดกันร้องไห้อยู่หน้าห้อง..
"เอ่อ ท่านครับ.."
"ไม่เป็นไร.. ฉันจะอยู่กับพวกเขาก่อน นายไปบอกคุณหญิงนะว่าฉันจะไปหาช้าหน่อย" ร่างสูงหันไปสั่งคนขับรถที่พยายามจะเข้ามาเตือนว่าต้องไปหาภรรยาผู้เป็นที่รัก แต่เหตุการณ์ตรงหน้าไม่สามารถทำให้คุณสุรศักดิ์นิ่งนอนใจได้จนกว่าจะเห็นว่าคนสำคัญของพวกเขาปลอดภัย
นายพรรับคำสั่งก่อนก้มหัวให้คนเป็นนายเล็กน้อยแล้วแยกตัวออกไป ส่วนคนที่ยังอยู่ก็เพียงยืนมองอยู่ห่างๆ จนเหมือนลูกสาวของครอบครัวนั้นจะตั้งสติได้เพราะเธอเดินเข้ามาหาเขาทั้งน้ำตานองหน้า..
คุณสุรศักดิ์จ้องมองเด็กสาวอย่างพินิจ น่าฉงนที่แม้จะเป็นเพียงลูกสาวพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาแต่หน้าตาผิวพรรณดูดีเสียจนน้ำตาที่เจิ่งนองบนใบหน้าไม่สามารถบดบังความสวยของเจ้าตัวได้
"อึก.. คุณลุงคะ หนูกับแม่.. ฮึ่ก ขอบคุณคุณลุงมากนะคะ ที่มาช่วยพวกเรา.. ฮึ่ก" ร่างบางนั้นยกมือไหว้คนมีอายุด้วยท่าทางนอบน้อม เธอซาบซึ้งในบุญคุณที่ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงถึงจะหมด
"ไม่เป็นไร..ฉันคงจะใจจืดใจดำเกินไปถ้าเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่รีบช่วย" คุณสุรศักดิ์บอกเด็กสาวรุ่นลูกด้วยท่าทางสบายๆ แม้ปกติจะเป็นคนยิ้มยากแต่ก็ยิ้มให้คนมองเล็กน้อยเพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจ
"ฮึ่ก.. ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ " มือเล็กที่กำลังสั่นระริกประนมไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนเดินกลับไปหาแม่
ไม่นานนักประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกพร้อมการปรากฏตัวของคุณหมอ สองแม่ลูกที่นั่งรออย่างหมดเรี่ยวแรงก็มีแรงฮึดรีบลุกถลาเข้าไปหาคุณหมอด้วยความร้อนใจ
"คุณหมอคะ! พ่อหนูเป็นยังไงบ้างคะ!? " รินลดาเข้าไปถามไถ่ มือจับแขนคนฟังเขย่าระรัว จนคุณหมอต้องปรามให้สงบสติอารมณ์ลงก่อนจะได้บอกอะไร
"คนไข้โรคหัวใจกำเริบครับ ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง.." คุณหมอวัยกลางคนบอกออกมา ใจความประโยคท้ายนั้นทำคนที่ยืนฟังอยู่ไกลๆ รู้สึกไม่ชอบใจนักเพราะน้ำเสียงกับสายตาที่มองสองแม่ลูกแสดงออกถึงการดูถูก.. เพราะผ้ากันเปื้อนที่สวมใส่กันมาด้วยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่หาเช้ากินค่ำ คงไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าตัดแน่..
"พะ พ่อ.. ฮื่อออ" สิ้นคำบอกของคุณหมอสองแม่ลูกก็ร้องไห้ระงมกันอีกครั้ง
"ฮื่อๆ จะทำยังไงดีล่ะลูก ฮึ่ก.. เราไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกนะ ฮื่อๆ " อรนภาพูดกับลูกสาวอย่างหมดจนปัญญาจะหาทางออก เพราะครอบครัวของเธอก็เป็นเพียงพ่อค้าแม่ค้าหาเช้ากินค่ำจริงๆ ลำพังชีวิตแต่ละวันก็ลำบากมากพอแล้วจะให้เอาเงินที่ไหนมาเป็นค่าผ่าตัดของสามี แต่ถ้าไม่มีสามีเธอกับลูกก็คงจะแย่เหมือนกัน รินลดาเริ่มเครียดเพราะคุณหมอก็ยืนรอคำตอบ แม่ก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ..
"ผ่าเลยครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมรับผิดชอบเอง" ราวกับเทวดามาโปรด คุณลุงคนที่ช่วยพาพ่อมาส่งโรงพยาบาลเดินมาพูดกับคุณหมอ ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูแตกต่างห่างไกลจากสองแม่ลูกทำคนสวมชุดกาวน์นึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงรับคำแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้งเพื่อต่อลมหายใจให้กับคนที่อยู่ข้างใน
"คะ คุณลุง.."
..
..
..
..
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 1"คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่หมอต้องขอดูอาการอย่างใกล้ชิดอีกสักวันสองวัน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนก็ย้ายไปห้องพักฟื้นปกติได้" เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง.. ในที่สุดคนรอก็ได้รับข่าวดีอย่างที่ใจหวัง ทำเอาเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่รีบเข้าไปยกมือไหว้คนที่ช่วยชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเธอเสียยกใหญ่"ขอบคุณค่ะคุณหมอ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ""คนที่พวกคุณควรขอบคุณไม่ใช่หมอหรอกครับ ขอตัวก่อนนะครับ" คุณหมอบอกก่อนยกยิ้มบางๆ ขณะมองไปที่ชายอีกคนที่ยังไม่หนีไปไหน อยู่ติดตามอาการคนป่วยจนการผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเมื่อหมดหน้าที่บุรุษชุดกาวน์ก็ขอตัวออกไป สองแม่ลูกจึงตั้งสติและพากันเดินมาหาผู้มีพระคุณด้วยความตื้นตันใจ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน ค่าผ่าตัดก็ไม่ใช่ถูกๆ แต่ใครคนนั้นก็ยังยอมช่วยเหลือทุกสิ่งอย่างจนไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมดในชาตินี้"คุณคะ.. ฉันกับลูกขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยพวกเราไว้ ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยแท้ๆ แต่คุณช่วยพวกเราถึงขนาดนี้ ฉันกับลูกซาบซึ้งมากจนไม่รู้จะตอบแทนยังไง มีอะไรที่พวกเราจะตอบแทนได้บ้างมั้ยคะ พวกเรายินดี" อรนภาพูดขณะยกมือไหว้ร่างสูงนั้นทั้งน้ำตานองหน้
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 2ก่อนจะถึงหกโมงเย็นตามนัดที่เจ้าของบ้านบอกไว้รินลดาก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดใหม่ที่ถูกซื้อมาแขวนไว้ให้ในตู้เสื้อผ้า ตอนแรกเธอไม่ได้คิดจะหยิบออกมาใส่เลยเพราะมองแค่เผินๆ ก็พอจะเดาราคาได้ว่าต้องแพงมากแน่ๆ เลยกะจะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของตนที่ขนมาจากบ้าน แต่ทว่าเสื้อผ้าของเธอมีแต่ชุดธรรมดาราคาถูก อย่าว่าแต่จะใส่ไปพบหน้าว่าที่สามีเลย ให้ใส่อยู่ในส่วนไหนของบ้านหลังนี้มันก็ดูไม่ได้ทั้งนั้นสุดท้ายรินลดาก็เลยต้องจำใจหยิบชุดใหม่ที่คุณนาฏยาซื้อให้มาใส่ และเฝ้ารอใครสักคนมาเรียกด้วยความตื่นเต้นชนิดที่ว่านั่งก้นไม่ติดพื้น เทียวลุกเดินไปส่องกระจกบานใหญ่ตรงห้องแต่งตัวซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แต่ถึงภาพที่ปรากฏอยู่ในกระจกจะเป็นที่น่าพึงพอใจแค่ไหนเธอก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้เป็นกังวลที่สุดก็คือว่าที่สามี.. ไม่รู้ว่าวรธันย์จะเป็นคนแบบไหน และเขาจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าเธอเป็นแค่ลูกสาวพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาๆ เท่านั้นก๊อกๆ "คุณหญิงคะ คุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ" เวลาหกโมงเย็นนิดๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่น้ำเสียงสุภาพอ่อนหวานของใครสักคนจะดังตามหลังมา คน
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 3"เฮ้ยๆ ใจเย็นไอ้เสือ มึงจะเมาตั้งแต่สองทุ่มไม่ได้นะเว้ย"'ภาค' หนุ่มตำรวจจากกรมสืบสวนคดีพิเศษหรือที่เรียกสั้นๆ ว่าดีเอสไอทักขึ้นเสียงหลง เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่กอดคอถือหาง (?) กันมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มเอาๆ ราวกับอดอยากปากแห้งมานมนานทั้งที่คนอย่าง 'วรธันย์ อินทรเกษมกุล' ทายาทจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง 'อินทรเกษมกุล กรุ๊ป' ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟแวร์อันดับหนึ่งของประเทศไม่น่าจะห่างหายจากเรื่องพวกนี้ได้"เออ เป็นไรวะ มาถึงก็ดื่มเอาๆ หน้าบูดเหมือนตูดไอ้อ้วนเลยเนี่ย"'อาทิตย์' คู่หูรวมอาชีพของภาคผสมโรงมองงงใส่ร่างสูงอีกคน ต่างกันตรงที่เขาถูกเจ้าตัวตวัดตามองเคืองใส่หลังพูดจบเพราะดันไปเปรียบเทียบหน้าคนกับก้นหมาที่บ้านใส่กัน แต่เขาก็ได้ใส่ใจสายตาเชือดเฉือนคู่นั้น แถมยิ้มเย้ยกลับไปอีกต่างหาก"มึงก็พูดไป กูว่าตูดไอ้อ้วนยังดูดีกว่าหน้าไอ้ธันย์ตอนนี้เลยว่ะ ฮ่าๆ " ภาคแย้งขึ้น อดไม่ได้ต้องระเบิดหัวเราะร่าไปทีเพราะชอบอกชอบใจกับคำเปรียบเปรยของตนเอง ไม่ต่างจากอาทิตย์ที่รีบยกมือขึ้นแท็คทีมกันอย่างออกนอกหน้า แล้วก็พากันขำเอิ้กอ้ากต่อไป ฝ่ายจำเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 4เมื่อทานอาหารเช้าร่วมกับคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยาแล้ว รินลดาก็กลับขึ้นห้องเพื่อแต่งตัวใหม่เป็นชุดนักศึกษาเนื่องจากมีเรียนตอนสิบโมง เมื่อเรียบร้อยก็กลับลงมาไหว้ลาคนทั้งสอง เธอเผื่อเวลาเดินทางไว้มากโขเพราะเมื่อวานได้สังเกตลู่ทางไว้แล้วพบว่าป้ายรอรถประจำทางอยู่ตรงหน้าปากซอย ต้องเดินเท้าออกไปค่อนข้างไกล เธอเตรียมตัวพร้อมทุกอย่างทั้งร่มแบบพกพาไว้กางกันแดดและสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อที่จะได้เดินสบายเท้า แต่พอคุณสุรศักดิ์และคุณหญิงรู้เข้าก็พร้อมใจกันรีบเบรกความตั้งใจของเธอ และสั่งให้คนขับรถถอยรถยนต์คันหรูมารับถึงหน้าประตูบ้านร่างบางได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ครั้นจะแย้งว่าเธอเดินทางไปเรียนเองได้ก็ถูกมือบางของว่าที่แม่สามีดันหลังให้ขึ้นไปนั่งแหมะอยู่บนรถและลุงคนขับรถก็รีบออกตัวอย่างว่องไวราวกับแท็กทีมกันมัดมือชกให้เธอต้องจำยอม..การเดินทางมามหาวิทยาลัยของรินลดาในวันนี้ดูจะกลายเป็นที่สนใจของผู้คนที่พบเห็นไม่ใช่น้อย เธอไม่ใช่คนดังแต่เพราะรถยนต์สัญชาติอังกฤษราคาแพงที่น้อยคนนักจะกล้าซื้อมาขับกำลังทำให้เธอกลายเป็นจุดเด่น ซ้ำ 'ลุงพร' คนขับรถของคุณท่านทั้งสองยังไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 5 "กลับมาแล้วหรอลูก"กว่าจะช่วยพ่อกับแม่ขายของรวมเก็บร้านจนเสร็จและเดินทางกลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุลก็ปาไปสามทุ่มกว่าจวนจะสี่ทุ่มในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แต่คนที่กำลังเดินลากเท้าด้วยความเหนื่อยล้ากลับต้องแปลกใจที่ภายในบ้านอันเงียบสงบมีร่างหนึ่งของสตรีวัยกลางคนกำลังนั่งรอการกลับมาของเธออยู่ที่โซฟารับแขก"คุณหญิง...เอ่อ คุณแม่ทำไมยังไม่เข้านอนอีกล่ะคะ" เสียงหวานเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาคนถามก็รีบสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาอย่างรีบร้อนเสียเอง"ยังจ้ะ แม่แค่รู้สึก...เป็นห่วงหนูนิดหน่อยน่ะ กลับมืดค่ำ แล้วดูสิเนี่ย เหนื่อยมากเลยใช่มั้ยหื้ม? " คุณหญิงนาฏยายกยิ้มอ่อนพลางเอื้อมมือมาลูบแก้มใสแผ่วเบา ดวงตาคู่สวยมองสำรวจร่างกายบางๆ นั้นอย่างละเอียด ยิ่งเห็นเด็กสาวมีท่าทีเหนื่อยล้าเธอก็ยิ่งสงสารและเห็นใจ วันนี้อากาศดูจะร้อนกว่าทุกวันอีกฝ่ายเลยเหงื่อโทรมกายเสียขนาดนี้"นิดหน่อยค่ะ แต่หนูชินแล้ว" ร่างบางยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เพราะถึงจะเหนื่อยก็เหนื่อยเพราะทำเพื่อพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งกว่าที่ท่านทั้งสองจะเลี้ยงดูให้เธอเติบโตมาได้ถึงยี่สิบก
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 6"หลีกไป ฉันจะเข้า! "ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกวลินมา 'พิมผกา' ผู้เป็นเลขาของท่านประธานก็ไม่สามารถรั้งหล่อนให้หยุดรอหน้าห้องได้เลยสักครั้ง เช่นเดียวกับวันนี้ที่เจ้าหล่อนไม่รู้ไปกินรังแตนมาจากไหนถึงได้เดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล มาถึงก็ใช้แรงไม่น้อยผลักเธอออกไปให้พ้นทางจนเสียหลักล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้นด้วยตั้งตัวไม่ทัน ไม่แม้แต่จะชายตามองให้เสียเวลาร่างเพรียวนั้นก็กระชากประตูห้องท่านประธานเปิดออกและปิดเสียงดังจนเจ้าของห้องที่นั่งทำงานอยู่ยังสะดุ้งด้วยความตกใจ นัยน์ตาคมปราดมองผู้บุกรุกอย่างไม่พอใจ กำลังจะเอ่ยปากตักเตือนก็เป็นอันต้องเงียบไปเมื่อได้เห็นสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์! ? " น้ำเสียงเล็กแหลมตะคอกถามพร้อมกับยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูที่กำแน่นมาตลอดทางไปให้ร่างสูงดูจนเกือบจะกระแทกหน้า"คุณไปแอบมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไรคะ แล้วเกวล่ะ คุณเห็นเกวเป็นอะไร! " ร่างเพรียวเอ่ยตัดพ้อเสียงเครือแสร้งน้ำตาคลอในขณะที่ดวงตาคมยังคงไล่อ่านเนื้อหาที่อยู่บนหน้าจอโดยไม่พูดอะไร เมื่ออ่านจบก็พลันนิ่งไปนิด..ปกติข่าวพวกซุบซิบนินทาดาราคนดังเทือกนี้วรธ