แชร์

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
ผู้แต่ง: Aile'N

บทนำ

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

Writer : Aile'N

บทนำ

"เมื่อไหร่แกจะแต่งงานฮะเจ้าธันย์ จะให้ฉันต้องถามไปจนถึงเมื่อไหร่" ทันทีที่เห็นลูกชายเพียงคนเดียวเดินเข้าบ้านมาเสียงผู้นำครอบครัวก็ขัดจังหวะการก้าวเดินของร่างสูงนั้นให้หยุดชะงัก

"แล้วเมื่อไหร่พ่อจะเลิกบังคับผมเรื่องแต่งงานสักทีครับ อยากแต่งเมื่อไหร่เดี๋ยวผมก็แต่งเองนั่นแหละ" ร่างแกร่งหยุดเผชิญหน้ากับบิดาอย่างจำใจ ใบหน้าคมที่เคยมีร่องรอยของอารมณ์สุนทรีย์เลือนหายไปตั้งแต่ได้ยินเสียงทัก เหลือไว้แต่เพียงความยุ่งเหยิง เพราะคนเป็นพ่อเอาแต่พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ แทบจะทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา

"แล้วมันเมื่อไหร่? แม่แกจะตายวันตายพรุ่งเคยโผล่หัวไปดูบ้างมั้ย ฉันอุตส่าห์ปล่อยให้แกเลือกเมียได้ตามใจแล้วนะ อย่าให้ต้องบังคับ! "

"ขู่ตลอดอ่ะ ก็ให้เวลาผมหน่อยดิ เมียดีๆ ใช่จะหาได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่" วรธันย์ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินคำขู่นับครั้งไม่ถ้วน เริ่มตั้งแต่เขาอายุย่างเข้าเลขสามจนตอนนี้สามสิบห้าปีเข้าไปแล้ว ก็นับว่าได้ยินมาตลอดห้าปี ตอนนี้เลยเบื่อที่จะฟังเต็มที

"แกไม่หาเองมากกว่ามั้ง ฉันให้เวลาแกมามากพอแล้ว ภายในเดือนนี้ถ้ายังเอ้อระเหยอยู่แบบนี้ ฉันนี่แหละจะหาเมียมาให้แกเอง! " คุณสุรศักดิ์ยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวชนิดที่ทำเอาคนฟังเหวอไป เพราะพ่อไม่เคยใช้น้ำเสียงจริงจังขนาดนี้มาก่อน

สิ้นคำผู้นำครอบครัวก็เดินเฉียดไหล่ออกจากบ้านไป ทิ้งให้ลูกชายยืนชักสีหน้าตามหลังไปด้วยความไม่พอใจ แต่ยังไงก็ยังคิดว่าบิดาแค่ขู่อย่างเช่นทุกที เขาก็เลยไม่สนใจ

ฝั่งคุณสุรศักดิ์ที่เดินออกจากบ้านมาก็ตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่เพื่อเดินทางไปเยี่ยมภรรยาที่โรงพยาบาล เธอป่วยเป็นโรคหัวใจและหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้าอาการกำเริบหนักจึงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล และก็กำลังรอผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจในอีกไม่กี่วันข้างหน้า..

ที่เขาอยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาและมีทายาทสืบสกุลส่วนหนึ่งก็เพราะความต้องการของภรรยาที่ไม่รู้อนาคตของตนว่าจะอายุยืนไปจนถึงตอนไหน อีกอย่างวรธันย์ก็มีหน้าที่การงานที่มั่นคง อายุอานามก็สมควรจะมีครอบครัวได้แล้ว แต่เจ้าตัวกลับเอ้อระเหย เอาแต่เที่ยวเตร่ไปวันๆ ไม่มีความคิดเหล่านี้อยู่ในหัวอย่างคนเป็นพ่อแม่เลยสักนิด

ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เหมือนพูดกับลมฟ้าอากาศ ไม่ซึมซับเข้าไปในสมองของเจ้าลูกชายเลยแม้แต่น้อย เห็นทีว่าเขาจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเสียแล้ว!

ตุ้บ!

เสียงหนึ่งดังขึ้นในระหว่างที่รถยนต์ของคุณสุรศักดิ์กำลังจอดติดไฟแดง ดึงสติของเขาที่กำลังเหม่อลอยให้หวนกลับคืนร่างแล้วหันไปสนใจ ที่มาของเสียงนั้นมาจากฟุตปาธด้านข้างที่เป็นตลาดสด มีผู้คนกำลังเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างพลุกพล่าน และตอนนี้คนเหล่านั้นก็เริ่มจะพากันมามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนพื้น..

ผู้หญิงต่างวัยสองคนกำลังนั่งประคองร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่ล้มพับหมดสติไปด้วยท่าทางเหมือนคนเสียสติ ทั้งคู่พยายามร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์แต่ก็เหมือนจะไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วย

"นายพร ตามฉันมาเร็ว! " เสียงเข้มสั่งคนขับรถของตน ก่อนจะเปิดประตูรถลงไปก่อน และแสดงตัวเข้าช่วยเหลือสองคนนั้นที่คาดว่าคงจะเป็นแม่กับลูกกัน ส่วนคนที่หมดสติไปก็คงจะเป็นพ่อกับสามีของทั้งคู่

คุณสุรศักดิ์กับนายพรรีบรุดเข้าไปช่วยกันแบกร่างไร้สติเข้ามาในรถอย่างรีบเร่งโดยมีสองแม่ลูกตามติดมาด้วย ทันเวลาพอดีกับที่ไฟจราจรเปลี่ยนสีรถยนต์คันหรูจึงรีบแล่นออกไปด้วยความเร็วตามคำสั่งของผู้เป็นนายเหนือหัว

"ฮื่อออ พ่อ พ่ออย่าเป็นอะไรนะคะ หนูกับแม่จะอยู่ยังไง ฮื่อๆ " สองแม่ลูกร้องฟูมฟายขณะประคับประคองร่างไร้สติของคนเป็นที่รักไว้อย่างทะนุถนอม พวกเธอยังไม่มีสติสนใจผู้มีพระคุณที่เข้าไปช่วยเหลือ จนกระทั่งถึงโรงพยาบาลร่างหมดสติก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สองแม่ลูกที่ถูกห้ามเข้าไปทำได้เพียงยืนกอดกันร้องไห้อยู่หน้าห้อง..

"เอ่อ ท่านครับ.."

"ไม่เป็นไร.. ฉันจะอยู่กับพวกเขาก่อน นายไปบอกคุณหญิงนะว่าฉันจะไปหาช้าหน่อย" ร่างสูงหันไปสั่งคนขับรถที่พยายามจะเข้ามาเตือนว่าต้องไปหาภรรยาผู้เป็นที่รัก แต่เหตุการณ์ตรงหน้าไม่สามารถทำให้คุณสุรศักดิ์นิ่งนอนใจได้จนกว่าจะเห็นว่าคนสำคัญของพวกเขาปลอดภัย

นายพรรับคำสั่งก่อนก้มหัวให้คนเป็นนายเล็กน้อยแล้วแยกตัวออกไป ส่วนคนที่ยังอยู่ก็เพียงยืนมองอยู่ห่างๆ จนเหมือนลูกสาวของครอบครัวนั้นจะตั้งสติได้เพราะเธอเดินเข้ามาหาเขาทั้งน้ำตานองหน้า..

คุณสุรศักดิ์จ้องมองเด็กสาวอย่างพินิจ น่าฉงนที่แม้จะเป็นเพียงลูกสาวพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาแต่หน้าตาผิวพรรณดูดีเสียจนน้ำตาที่เจิ่งนองบนใบหน้าไม่สามารถบดบังความสวยของเจ้าตัวได้

"อึก.. คุณลุงคะ หนูกับแม่.. ฮึ่ก ขอบคุณคุณลุงมากนะคะ ที่มาช่วยพวกเรา.. ฮึ่ก" ร่างบางนั้นยกมือไหว้คนมีอายุด้วยท่าทางนอบน้อม เธอซาบซึ้งในบุญคุณที่ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงถึงจะหมด

"ไม่เป็นไร..ฉันคงจะใจจืดใจดำเกินไปถ้าเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่รีบช่วย" คุณสุรศักดิ์บอกเด็กสาวรุ่นลูกด้วยท่าทางสบายๆ แม้ปกติจะเป็นคนยิ้มยากแต่ก็ยิ้มให้คนมองเล็กน้อยเพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจ

"ฮึ่ก.. ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ " มือเล็กที่กำลังสั่นระริกประนมไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนเดินกลับไปหาแม่

ไม่นานนักประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกพร้อมการปรากฏตัวของคุณหมอ สองแม่ลูกที่นั่งรออย่างหมดเรี่ยวแรงก็มีแรงฮึดรีบลุกถลาเข้าไปหาคุณหมอด้วยความร้อนใจ

"คุณหมอคะ! พ่อหนูเป็นยังไงบ้างคะ!? " รินลดาเข้าไปถามไถ่ มือจับแขนคนฟังเขย่าระรัว จนคุณหมอต้องปรามให้สงบสติอารมณ์ลงก่อนจะได้บอกอะไร

"คนไข้โรคหัวใจกำเริบครับ ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง.." คุณหมอวัยกลางคนบอกออกมา ใจความประโยคท้ายนั้นทำคนที่ยืนฟังอยู่ไกลๆ รู้สึกไม่ชอบใจนักเพราะน้ำเสียงกับสายตาที่มองสองแม่ลูกแสดงออกถึงการดูถูก.. เพราะผ้ากันเปื้อนที่สวมใส่กันมาด้วยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่หาเช้ากินค่ำ คงไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าตัดแน่..

"พะ พ่อ.. ฮื่อออ" สิ้นคำบอกของคุณหมอสองแม่ลูกก็ร้องไห้ระงมกันอีกครั้ง

"ฮื่อๆ จะทำยังไงดีล่ะลูก ฮึ่ก.. เราไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกนะ ฮื่อๆ " อรนภาพูดกับลูกสาวอย่างหมดจนปัญญาจะหาทางออก เพราะครอบครัวของเธอก็เป็นเพียงพ่อค้าแม่ค้าหาเช้ากินค่ำจริงๆ ลำพังชีวิตแต่ละวันก็ลำบากมากพอแล้วจะให้เอาเงินที่ไหนมาเป็นค่าผ่าตัดของสามี แต่ถ้าไม่มีสามีเธอกับลูกก็คงจะแย่เหมือนกัน รินลดาเริ่มเครียดเพราะคุณหมอก็ยืนรอคำตอบ แม่ก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ..

"ผ่าเลยครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมรับผิดชอบเอง" ราวกับเทวดามาโปรด คุณลุงคนที่ช่วยพาพ่อมาส่งโรงพยาบาลเดินมาพูดกับคุณหมอ ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูแตกต่างห่างไกลจากสองแม่ลูกทำคนสวมชุดกาวน์นึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงรับคำแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้งเพื่อต่อลมหายใจให้กับคนที่อยู่ข้างใน

"คะ คุณลุง.."

..

..

..

..

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status