แชร์

ตอนที่ 7

ผู้แต่ง: Aile'N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-15 10:55:22

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

Writer : Aile'N

ตอนที่ 7

'หนูหญิงคือคู่หมั้นและว่าที่สะใภ้บ้านเราในอนาคตอันใกล้ ส่วนคนอื่นไม่รู้ค่ะ อาจจะเป็นแค่คู่ควงหรือคู่ขาที่มีไว้แก้เหงา...ทำนองนั้น เพราะถ้ารักกันจริงลูกชายดิฉันคงพาเข้าบ้านมาไหว้พ่อแม่นานแล้ว...'

เมื่อคลิปสัมภาษณ์ที่สามสาวนำมายัดเยียดให้ดูรันจนจบ ประโยคหนึ่งที่คนในคลิปพูดกับรินลดาไว้เมื่อวานก็ผุดขึ้นมาในหัวแทบจะทันที...

'ถ้าหนูคิดมากเรื่องข่าวที่ผู้หญิงคนนั้นจงใจสร้างขึ้นล่ะก็ ไม่ต้องคิดหรอกจ้ะ พรุ่งนี้ก็เงียบ..'

แบบนี้นี่เอง...เพราะคุณหญิงนาฏยารู้ว่างานสังคมที่กำลังจะไปร่วมในตอนหัวค่ำจะต้องถูกสื่อทุกสำนักรุมถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงพูดเป็นนัยแบบนั้นออกมา ทั้งคุณหญิงและคุณสุรศักดิ์ต่างให้สัมภาษณ์เอนเอียงมาทางเธออย่างไม่ไว้หน้าใคร ตอบชัดตอบตรงทุกประเด็นจนบรรดานักข่าวหมดข้อสงสัยไปอย่างรวดเร็ว

เช้าวันนี้บรรยากาศของผู้รอบข้างจึงเปลี่ยนไปอีกหน กระแสตีกลับไปกลับมาจนตามไม่ทัน เธออุตส่าห์ทำเฉยไม่อยากยุ่งให้วุ่นวาย แต่แม่สามสาว ฟิล์ม บี ต้นอ้อ ก็ช่างหวังดีหรืออยากรู้อยากเห็นก็ไม่แน่ใจ ชอบเอาข่าวมาให้ดูและซักไซ้ไล่เรียงถามราวกับซ้อมเป็นรักข่าวก็ไม่ปาน

"เนี่ยๆ ๆ! พ่อแม่เขาออกมาพูดซะขนาดนี้ ไม่เชื่อไม่ได้แล้วป้ะวะ" ฟิล์มเต้นเร่าด้วยความอิจฉา ตอนแรกเธอก็ไม่อยากจะเชื่อและไม่อยากยอมรับ แต่พอเห็นคนเป็นพ่อเป็นแม่ของฝ่ายชายออกมาพูดเสียขนาดนี้คงจะไม่ยอมรับไม่ได้อีกแล้ว

"นั่นน่ะสิ! นี่ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ย" ไม่ใช่แค่ฟิล์ม ทั้งบีและต้นอ้อเองก็ไม่อยากจะยอมรับเช่นเดียวกัน

"เหมือนกัน! เห็นมาตลอดอ่ะว่าคุณธันย์ควงยัยป้านี่มาตั้งนาน แล้วแกไปฉกเขามาได้ยังไงวะ งงมาก! " ต้นอ้อยังคงทำหน้าคลางแคลงใจใส่รินลดาไม่หยุด ในสามคนเธอมีโอกาสได้ติดตามข่าวสารในวงการบันเทิงและแวดวงไฮโซมากที่สุด เลยเห็นมาตลอดว่าวรธันย์มีความสัมพันธ์อยู่กับเกวลินนางแบบตัวท็อปสุดเซ็กซี่ แต่จู่ๆ กลับกลายมาเป็นคู่หมั้นของเพื่อนร่วมเซค (ที่ไม่ค่อยสนิท) ไปเสียได้

"ใช่ๆ หญิง! แกตอบมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่ามันยังไงกันแน่อ่ะ"

"ใช่! ถ้าคราวนี้แกไม่ตอบก็ไม่ต้องขึ้นเรียนมันละ พวกฉันไม่ยอมให้แกผ่านไปง่ายๆ แน่! " สามสาวทำท่าทางขึงขัง พร้อมใจกันยืนจังก้ากางแขนขวางทางไม่ให้รินลดาผ่านไปได้ง่ายๆ ตากลมมองทั้งสามอย่างอ่อนใจ เธอไม่อยากพูดอะไร แต่ก็ไม่อยากขาดเรียนเช่นกัน ดูท่าพวกหล่อนคงจะไม่ยอมง่ายๆ เสียด้วย

"ตอบมา เร็ว! "

คนทั้งสามต่างรุมเข้ามาคาดคั้นร่างบางรอบทิศทางจนเธอต้องก้าวถอย ท่าทางคุกคามของพวกหล่อนทำเธอรู้แน่แก่ใจว่าไม่สามารถบ่ายเบี่ยงหรือชิ่งหนีได้เลยถ้าไม่ยอมตอบคำถามของพวกหล่อนให้กระจ่าง สมองน้อยๆ ที่ยังไม่ตื่นตัวเต็มที่เนื่องจากมีเรียนเช้าพยายามคิดหาคำตอบดีๆ แต่ก็เหมือนแรงกดดันจากทั้งสามคนจะทำให้คิดอะไรไม่ค่อยออกนัก

"คือ.. มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่น่ะ พวกเขาตกลงกันเอง เราไม่ค่อยรู้หรอก" เสียงหวานเอ่ยอ้อมแอ้ม ไม่เชิงว่าโกหกแต่ก็พูดไม่หมด..

"คลุมถุงชนน่ะหรอ! ? " สามสาวตาโตกับเรื่องที่ได้ฟัง

"ไม่! ไม่ใช่...เราเองก็มีส่วนตัดสินใจ" รินลดารีบปฏิเสธเพราะไม่อยากใช้คำนั้นเดี๋ยวคนฟังจะเอาไปลือในทางผิดๆ อีก

"แล้วแกก็ตกลง? อย่างว่าแหละ เป็นฉันๆ ก็ตกลง ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้น" ฟิล์มเข้าขั้นเพ้อฝัน หล่อนประสานมือแนบอกทำหน้าเคลิบเคลิ้มราวกับเป็นตัวเองที่ได้หมั้นหมายกับเขาคนนั้น

"จริงด้วย ฉันโคตรอิจฉาแกเลยว่ะ ต้องทำบุญด้วยอะไรวะถึงจะได้สามีหล่อๆ รวยๆ แบบนี้อ่ะ" คำถามของบีทำคนฟังยิ้มแห้ง คนนอกมองมาก็คงจะเห็นตรงกันว่าเธอกลายเป็นหญิงสาวผู้โชคดี เป็นที่น่าอิจฉาของคนอื่น.. แต่ถ้าพวกหล่อนรู้ความจริงว่าชายหนุ่มสุดเพอร์เฟ็คคนนั้นไม่ได้แสนดีอย่างภาพภายนอกที่เห็น พวกหล่อนยังจะหลงใหลได้ปลื้มเขาอยู่อีกหรือเปล่า

"งี้ตอนฝึกงานแกก็ต้องไปฝึกที่บริษัทเขาน่ะสิใช่ป้ะ" พอได้ยินคำถามของต้นอ้อรินลดาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอยังหาที่ฝึกงานไม่ได้เลย เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวเสียด้วย

"ยังไม่รู้เลยอ่ะ ว่าจะลองหาด้วยตัวเองก่อน" เธอไม่มีความคิดที่จะอยากเข้าไปฝึกงานที่บริษัทอินทรเกษมกุลเลยสักนิด เพราะนั่นเท่ากับว่าเธอจะต้องเจอกับวรธันย์ทุกวัน ไม่แคล้วว่าไปกลับก็คงได้นั่งรถคันเดียวกันเป็นแน่ เธอไม่ได้อยากเจอเขาบ่อยขนาดนั้น ไม่เจอเลยยังจะดีเสียกว่า

"จะหาอีกทำไมวะ เป็นฉันนะ! ฉันไม่เสียเวลาไปหาที่อื่นหรอก สู้ไปฝึกที่บริษัทแฟนดีกว่า จะได้เจอหน้ากันทุกวัน คอยเฝ้าไม่ให้แมลงหวี่แมลงวันตัวเมียมาตอม! " ร่างบางได้แต่ยิ้มแห้งและพยักหน้าส่งๆ ไปอย่างนั้น เธออดทนให้สามสาวซักฟอกต่ออีกเล็กน้อยก็ขอตัวไปเรียน ซึ่งพวกหล่อนก็ยอมปล่อยแต่โดยดีเพราะวิชาแรกของวันเป็นของอาจารย์ป้าที่ไม่ได้ดุแค่หน้า..

..

"สวัสดีค่ะลุงพร" เสียงใสเอ่ยทักทายคนมารับอย่างร่าเริงเพราะวันนี้และนับไปอีกสามวันลุงพรจะเป็นคนคอยรับส่งแทนวรธันย์ที่ออกเดินทางไปสัมมนาที่ต่างประเทศตั้งแต่เมื่อวานตอนหัวค่ำ นั่นเท่ากับว่าเธอจะสบายอารมณ์และสบายหูไปอีกหลายวัน

เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยมือบางก็ล้วงเอาโบชัวร์ของคณะที่อาจารย์ที่ปรึกษาให้มาขึ้นมาอ่าน เป็นรายชื่อบริษัทที่รับนักศึกษาเข้าฝึกงานโดยให้ข้อมูล คำชี้แนะและกำหนดเงื่อนไขต่างๆ มาเสร็จสรรพ แน่นอนว่าการแข่งขันสูงลิ่วและทุกบริษัทล้วนจำกัดจำนวนคนที่จะรับ โปรไฟล์ดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง..

"ลุงพรรู้จักบริษัท xx มั้ยคะ" อ่านคร่าวๆ แล้วก็มีไม่ต่ำกว่าสามบริษัทที่รินลดารู้สึกสนใจ แต่หนึ่งในนั้นมีที่หนึ่งที่เธอสนใจเป็นพิเศษ นั่นคือบริษัทรับทำบัญชี แม้ขนาดไม่ใหญ่นักแต่ภาพรวมน่าสนใจไม่น้อยเลย อีกอย่างก็ตรงกับสาขาที่เรียนและดูเหมือนจะใกล้บ้านด้วย

"อืม.. อ้อ รู้จักครับ ลุงเคยขับผ่านบ่อยๆ สมัยยังไปรับส่งคุณท่านที่บริษัท จำได้ลางๆ ว่าไม่ไกลจากบริษัทคุณท่านมาก ทำไมหรอครับ? " ลุงพรทำหน้านึกคิดชั่วครู่ก่อนตอบ แววตาที่มองสบกันผ่านกระจกมองหลังเต็มไปด้วยความสงสัย

"หนูกำลังหาที่ฝึกงานอยู่น่ะค่ะ เลยอยากรู้ว่าบริษัทนี้อยู่ตรงไหน" ร่างบางยิ้มดีใจที่อีกฝ่ายรู้จัก จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาอ่านต่อโดยไม่ทันคิดว่าเรื่องนี้ควรหรือไม่ที่จะเล่าให้อีกฝ่ายฟัง..

"ทำไมคุณหญิงไม่ไปฝึกที่บริษัทคุณท่านล่ะครับ เวลาไปกลับก็ไปพร้อมคุณธันย์เลย ไม่ต้องไปหาที่อื่นให้วุ่นวาย" คิดได้ว่าไม่ควรก็ตอนชะงักเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างตื่นๆ ครั้นจะกลับลำก็ไม่ทันเสียแล้ว..

"เอ่อ...หนูอยากลองหาๆ ดูก่อนน่ะค่ะ ไม่อยากรบกวนคุณท่านไปมากกว่านี้แล้ว" กรอกตาหลุกหลิกคิดหาคำตอบชั่วอึดใจก็หาเหตุผลที่เหมือนจะดี (ที่สุดแล้ว) เจอ พูดไปแล้วคิดตามก็เผลอพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับคำตอบของตัวเอง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เธอก็ไม่อยากรบกวนอะไรคุณท่านทั้งสอง อีกอย่างก็ไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเธอใช้เส้นสายในการพาตัวเองเข้าไปฝึกงานในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนั้น

"รบกวนอะไรกันครับ เชื่อลุงสิว่าถ้าไปขอคุณท่านจะต้องยินดีมากเป็นแน่ เป็นการทำคุ้นชินไปด้วยไงครับเพราะเรียนจบยังไงคุณหญิงก็ต้องได้ทำงานกับคุณธันย์อยู่แล้ว" คนพูดมีสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่รู้ตัวเลยว่าทำคนฟังชะงักนิ่งไปแล้ว.. ลืมนึกไปเสียสนิท! ว่ายังไงเธอก็หนีวรธันย์ไม่พ้น เมื่อแต่งงานกันยังไงเธอก็ต้องได้เข้าไปช่วยงานที่บริษัทของเขาอยู่ดี

แค่คิดว่าได้ไปฝึกงานกับเขาก็เห็นหายนะรออยู่แล้ว..

..

"เอ้อ หญิง.. เห็นลุงพรบอกว่ากำลังหาที่ฝึกงานอยู่หรอจ๊ะ" เช้าวันต่อมาเรื่องหาที่ฝึกงานก็ถึงหูคุณท่านอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนบอก

"เอ่อ ค่ะ.." เธอตอบรับ ก่อนหลบตาทำเป็นก้มลงทานข้าวเช้าตามปกติ ทั้งที่ในใจเต้นระทึก ความหวังอันน้อยนิดที่ภาวนาว่าอย่าให้คุณหญิงนาฏยาชวนไปฝึกงานที่บริษัทยังคงมีอยู่ แม้จะแค่ริบหรี่ก็ตาม..

"ไม่ต้องหาแล้วนะ ไปฝึกกับพี่ธันย์ที่บริษัทเราดีกว่า ฝึกไว้ เรียนจบจะได้ไปทำด้วยกันอย่างเต็มตัว ดีมั้ยจ๊ะ"

ไม่เคยเลย.. ไม่เคยที่รินลดาจะสมหวังในสิ่งที่ภาวนา เธอพลาดเองที่เผลอไปเล่าให้ลุงพรฟัง ลุงพรเป็นคนของคุณท่าน ทุกเรื่องทุกความเป็นไปของเธอยังไงลุงพรก็ต้องรายงานให้พวกเขาทราบอยู่แล้ว.. จะปฏิเสธก็คงยากเต็มทีเพราะทั้งคู่มองมาอย่างคาดหวัง สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้ารับและฉีกยิ้มแห้งๆ ส่งไปเท่านั้น

..

หลังจากบทสัมภาษณ์ของคุณนาฏยาและคุณสุรศักดิ์เผยแพร่ออกไปเพียงไม่นาน ลูกสาวแม่ค้าขายกับข้าวอย่างรินลดาก็กลายเป็นที่สนใจของผู้คน โดยเฉพาะแวดวงไฮโซและเหล่านักธุรกิจ แม้จะเกิดกระแสไปในหลายทิศทาง ทั้งสนใจ ไม่สนใจ เฉยๆ หรืออาจจะเสียดายสำหรับใครที่เล็งชายหนุ่มไว้ให้ลูกสาวตัวเองสานสัมพันธ์ แต่ก็ไม่มีใครมีปัญหาอะไรกับชีวิตครอบครัวของคนอื่น

ยกเว้น.. เพจซุบซิบชื่อดังเพจหนึ่งที่ก็ไม่รู้ว่าโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหนถึงได้ลงทุนสืบเสาะขุดค้นประวัติของร่างบางขึ้นมาประจานให้คนอื่นรับรู้ เน้นโจมตีแต่เรื่องไม่ดี ทั้งเรื่องที่เธอมีฐานะยากจน เป็นเพียงลูกแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ไม่มีอะไรเหมาะสมกับวรธันย์เลยสักอย่าง เนื้อหาข่าวเสียดสี ดูถูกดูแคลนกันอย่างออกนอกหน้า ไร้ซึ่งจรรยาบรรณ ทำเหมือนรู้จักเธอดีทั้งที่แต่ละอย่างที่บอกเล่าให้คนอื่นฟังมันก็แค่เสี้ยวเล็กๆ เสี้ยวหนึ่งในชีวิตของเธอเท่านั้น

รินลดาไม่ได้สนใจเรื่องที่เพจนั้นเอาชีวิตเธอไปป่าวประกาศบอกใครๆ ว่าเป็นเพียงลูกแม่ค้าเพราะเธอไม่เคยอายที่เกิดมาเป็นลูกพ่อแม่ แค่ไม่ค่อยชอบใจถ้อยคำดูถูกแบบคนมีอคติของอีกฝ่าย คนเราไม่ว่าจะเป็นใคร ยากดีมีจนแค่ไหนก็ไม่สมควรจะถูกคนที่ไม่รู้จักเอาไปพูดเสียๆ หายๆ แบบนั้น นี่คงเป็นอีกเรื่องที่เธอต้องพยายามปล่อยวางให้ได้..

"คุณแม่สวัสดีค่ะ" เสียงใสเอ่ยทักคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างสดใส นั่นเพราะวันนี้เป็นวันที่ดี..

"อ้าว ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะลูก ไม่ต้องไปช่วยพ่อแม่ขายของแล้วหรอ? " คุณหญิงรับไหว้ก่อนทักกลับด้วยความแปลกใจ เพราะเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วเพิ่งจะสี่โมงเย็นเท่านั้น ว่าที่ลูกสะใภ้ไม่เคยกลับบ้านเร็วขนาดนี้มาก่อน บางวันก็สามสี่ทุ่ม

"วันนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่หนูค่ะ พวกท่านเลยหยุดหนึ่งวัน พากันไปเที่ยวรำลึกความหลังสมัยหนุ่มสาว หนูไม่อยากเป็นกอขอคอก็เลยกลับบ้านดีกว่า" ร่างบางฉีกยิ้มเต็มแก้ม แค่ได้เห็นพ่อกับแม่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข คนที่มีความสุขมากกว่าคงหนีไม่พ้นเธอไปได้

"แหม น่าอิจฉาจังเลยน้า.. ดีเลย! ยังพอมีเวลา หนูกับพี่ธันย์เองก็ควรจะเติมความหวานให้กันบ้างนะจ๊ะ" คุณหญิงยกยิ้มตามอย่างเอ็นดู ฉับพลันก็เกิดความคิดดีๆ ขึ้นในหัวและไม่รอช้าที่จะพูดออกไป เพราะรินลดาทั้งเรียนและช่วยพ่อแม่ทำงาน กว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดค่ำ ทำให้ไม่มีเวลาสานสัมพันธ์ดีๆ กับวรธันย์สักเท่าไร ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปความรักคงไม่บังเกิด

รอยยิ้มเต็มแก้มเลือนหายไปทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ คนฟังทำหน้างงปนความหวาดระแวง ไม่รู้สิ.. แค่ได้ยินชื่อใครคนนั้นลางสังหรณ์ก็สะกิดบอกเธอแล้วว่าจะต้องมีอะไรยุ่งยากใจเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!

"อย่างเช่น.. ดินเนอร์ใต้แสงเทียนเป็นไง ต้องดีแน่ๆ แม่จะจองโต๊ะให้เอง! " คุณหญิงนาฏยากระตือรือร้นยิ่งกว่าใคร จัดการวางแผนกระชับความสัมพันธ์ให้ลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้โดยไม่ถามไถ่ความสมัครใจเลยสักคำ

"เอ่อ คือ.. คุณธันย์เพิ่งจะกลับมาเหนื่อยๆ ให้เขาพักผ่อนเถอะนะคะ อีกอย่าง.. เขาคงไม่ได้อยากไป" รินลดารีบปฏิเสธอย่างไว พยายามหาเหตุผลที่เป็นปัญหาระหว่างกันมาอ้างเพื่อหวังให้คุณหญิงเปลี่ยนใจ ยิ่งบีบบังคับเขามากเท่าไรเขาก็จะยิ่งต่อต้าน แค่นี้ก็ไม่มีทางญาติดีกับเธอแล้ว

"คุณหญิงนาฏยาสั่งซะอย่าง ยังไงตาธันย์ก็ต้องไปจ้ะ! " คนฟังยิ้มค้างอย่างผิดหวัง คิดว่าจะเปลี่ยนใจว่าที่แม่สามีได้ บางทีก็แอบสงสัยนะว่าเห็นเหมือนจะใจดีแบบนี้...เผด็จการได้ใครกัน?

"ไปๆ ขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ ไว้รอเลยนะจ๊ะ สักห้าโมงเดี๋ยวแม่ให้น้อมขึ้นไปตามนะ" คุณหญิงคะยั้นคะยอไม่ให้ร่างบางได้มีโอกาสปฏิเสธอีก เธอรู้ว่าลูกสะใภ้อิดออดไม่อยากเข้าใกล้ว่าที่สามีในอนาคต และก็รู้ด้วยว่าเจ้าลูกชายนิสัยเป็นยังไงเวลาโกรธหรือไม่พอใจอะไรสักอย่าง แต่ถึงรู้คุณหญิงก็ไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจในการบีบบังคับให้ทั้งคู่มาใกล้ชิดกัน เธออยากให้วรธันย์ได้สัมผัสนิสัยใจคอของว่าที่ภรรยาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ด่วนตัดสินไปก่อนเพียงเพราะว่าถูกบังคับให้แต่งงานกัน

ร่างบางถอนหายใจอย่างปลงตกหลังบานประตูห้องปิดลง ให้ไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนเพื่อเติมความหวานเนี่ยนะ? ยังไม่ทันได้ไปก็มองเห็นลางๆ แล้วว่าจะพังไม่เป็นท่า นอกจากไปรับส่งที่มหาวิทยาลัยแล้วเธอกับร่างสูงก็ไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันอีกเลย คุยกันยังนับคำได้ แต่ละคำก็มีแต่ดูถูกถากถาง ก็ยังจะผลักไสเธอไปรองรับอารมณ์เขาอีก เติมความหวานบ้าอะไรกัน เติมความเกลียดชังน่ะสิไม่ว่า..

ร่างบางจำใจต้องไปอาบน้ำแต่งตัวตามคำสั่ง เพราะรู้ฐานะของร่างสูงเธอเลยเลือกชุดเดรสที่คุณหญิงซื้อมาใส่ตู้ไว้ให้มาใส่แทนชุดเก่าๆ ของตัวเองแต่งหน้าทำผมนิดหน่อยตามความสามารถเพื่อให้เกียรติเขา ไม่ให้คนอื่นเอาไปพูดในทางไม่ดี นั่งอ่านหนังสือรอไม่นานพี่น้อมก็มาตามให้ลงไปข้างล่าง ด้วยความหวังอันน้อยนิดเลยแอบถามอีกฝ่ายเสียหน่อยว่าสามีในอนาคตอันใกล้มีปฏิกิริยายังไงบ้างในตอนที่คุณหญิงบอกว่าวันนี้ต้องไปทานข้าวนอกบ้านกับเธอ

"คุณธันย์ก็...ไม่ว่าอะไรนะคะ" คำตอบที่ได้ไม่ใช่แค่รินลดาที่แปลกใจ คนพูดเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อหูตนเองเช่นกัน ทุกคนในบ้านต่างรู้ดีกว่าวรธันย์ไม่เต็มใจจะแต่งงานกับรินลดา เขาโกรธมากถึงขั้นมีปากเสียงกับบุพการีอย่างรุนแรงและตอนนี้ก็คงเกลียดเธอเข้ากระดูก คำสั่งให้ไปดินเนอร์กันใต้แสงเทียนนั้นถามใครๆ ก็ต้องบอกว่าเขาไม่ไปแน่

เมื่อลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นใครคนนั้นยืนทำหน้านิ่งเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่กับผู้เป็นแม่ตรงตีนบันได พอรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของเธอดวงตาคู่คมก็ตวัดมามองนิ่งๆ แววตาเขาก็ยังคงเป็นดั่งวันวาน สะท้อนแต่ความดูถูกเหยียดยามมาที่เธอทุกครั้งที่สบตา แต่วันนี้ดูเหมือนจะมองประเมินการแต่งตัวของเธอมากเป็นพิเศษ..

"สวยจัง.. แม่นึกแล้วว่าชุดนี้จะต้องเข้ากับหนู" คุณหญิงเอ่ยชมด้วยรอยยิ้มเต็มแก้ม เดรสขาวยาวถึงเข่า ปักลูกไม้บางๆ ประดับที่ต้นแขนและลำคอ เมื่อถูกคนสวยๆ สวมใส่ยิ่งขับให้สวยน่ามองยิ่งขึ้น เล่นเอาคนซื้อให้ปลื้มปริ่มจนหัวใจพองโต มองการแต่งตัวที่เปลี่ยนไปของว่าที่ลูกสะใภ้แล้วก็อดเหล่มองปฏิกิริยาของลูกชายไม่ได้ แหม.. ปากบอกว่าเกลียดแต่มองค้างเลยนะเจ้าลูกชาย!

"อะแฮ่ม! รีบไปเถอะลูก เย็นๆ แบบนี้รถคงติดไม่น้อย รีบออกจะได้ไม่ถึงช้าจนเกินไป" คุณหญิงนาฏยาแสร้งทำเป็นกระแอมไอเรียกสติคนเหม่อ เธอเดินไปจูงมือว่าที่ลูกสะใภ้มายืนตรงหน้าลูกชายก่อนจับมือหนาหงายขึ้นแล้ววางมือบางทาบลงอย่างเนียนๆ ทำคนสองคนที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันขมวดคิ้วมองการกระทำนั้นอย่างไม่เข้าใจ รู้สึกได้ถึงความพยายามที่ออกจะ...เกินไป แค่ออกไปทานข้าว ทำเหมือนส่งตัวเจ้าสาวให้เจ้าบ่าวไปได้

รินลดาไม่ได้ชักมือกลับเพราะเจ้าของมือหนาชักมือกลับไปก่อนที่เธอจะมีโอกาสได้ทำ ร่างสูงไม่รอให้มารดาได้เอ่ยท้วงการกระทำนั้น เขาหมุนตัวเดินนำออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

"ไม่เป็นไร..แต่หนูต้องใช้โอกาสนี้โปรยเสน่ห์ มัดใจพี่ธันย์ให้ได้นะลูก! " คุณหญิงเมินท่าทีเฉยเมยของลูกชายโน้มตัวมากระซิบบอกร่างบางเสียงเข้ม น้ำเสียงและแววตามุ่งมั่นจริงจังจนน่าเหนื่อยใจ..

รินลดายิ้มแห้ง ไม่ตอบอะไรที่เป็นการรับปากหรือปฏิเสธ กล่าวลาว่าที่แม่สามีเล็กน้อยก่อนรีบเดินตามร่างสูงไป รู้สึกประหม่าพอสมควรกับการแต่งกายของตัวเองที่เปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือ เธอไม่เคยสวมชุดเนื้อผ้าดีราคาแพงขนาดนี้มาก่อน นอกจากจะเฝ้าระวังไม่ให้ยับแล้วเวลาทานอาหารก็คงต้องระวังไม่ให้แปดเปื้อน ชุดสวยๆ แบบนี้ถ้ามีตำหนิก็น่าเสียดาย..

ร่างสูงใหญ่ว่าที่สามีในอนาคตอันใกล้ยังคงนั่งนิ่งไม่สนใจจะสนทนากับเธอเหมือนเคย แต่วันนี้ออกจะเงียบผิดปกติราวกับไม่มีอารมณ์จะพูดด้วย สังเกตเห็นความเหนื่อยล้าบนกรอบหน้าคมเข้ม.. นั่งคงเป็นสาเหตุ น่าเห็นใจเขาเหมือนกันนะ ทำงานมาก็เหนื่อย นี่ก็เพิ่งกลับจากสัมมนาที่ต่างประเทศเมื่อตอนเช้านี่เอง มาถึงก็แวะเข้าบริษัททันที ถามว่ารู้ได้ยังไงน่ะหรอ.. ก็คุณหญิงอีกนั่นแหละที่คอยอัพเดตความเป็นไปของเขาให้เธอฟัง ไม่ถามสักคำด้วยว่าอยากรู้หรือเปล่า..

"คุณดูเหนื่อยๆ ...ไม่น่าไปรับปากคุณแม่เลยว่าจะมา" กลายเป็นรินลดาเสียเองที่อดทนต่อความเงียบนั้นไม่ไหว ชวนคุยออกไปอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะถูกสวนกลับด้วยคำพูดแบบไหน

"หึ ไม่ดีใจหรือไง" คำตอบเขาก็เป็นไปอย่างที่คิด นอกจากจะมองไม่เห็นความหวังดีของใครแล้วยังตีความหมายไปเป็นอย่างอื่น คิดแต่ว่าอีกฝ่ายวางแผนเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเขา

"แต่แย่หน่อยนะ...เพราะเธออาจจะต้องดีใจเก้อ" ไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างสูงก็เปรยขึ้นมาอีก ดวงตาคมชำเลืองมองมาก่อนหยัดยิ้มเย้ยอย่างร้ายกาจ ราวกับมีอะไรบางอย่างในใจ..

รินลดามองเสี้ยวหน้าคมอย่างไม่ไว้วางใจ ลางสังหรณ์ย้ำเตือนอีกแล้วว่าจะต้องมีอะไรเกิด เดาไม่ถูกว่าดีหรือไม่ดี แต่พิจารณาจากคนที่ไปด้วยแล้วคงไม่น่าจะดีสักเท่าไร..

ใช้เวลาพอสมควรทั้งคู่ก็มาถึงโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง วรธันย์เดินนำเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว ไม่สนใจใยดีใครอีกคนที่ไม่เคยมาสถานที่โอ่อ่าแบบนี้เลยว่าจะเป็นยังไง ร่างบางไม่เรียกร้องเพียงพาตัวเองเดินตามอีกฝ่ายไปให้ทัน ไม่หลงกลางทางก็เพียงพอ

ทั้งคู่ขึ้นลิฟต์มายังชั้นที่เป็นห้องอาหารสุดหรู รายล้อมไปด้วยกำแพงกระจกรอบด้าน มองเห็นวิวยามค่ำคืนที่ไม่ค่อยจะมีอะไรมากนักนอกจากตึกสูงๆ ที่ขยันสร้างขึ้นแข่งกันทุกวัน บริกรเข้ามาให้บริการทันทีเมื่อคนทั้งคู่เดินเข้าไป ร่างสูงแจ้งชื่อกับอีกฝ่ายก่อนจะถูกนำทางไปยังโต๊ะที่คุณหญิงได้จองไว้...

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น เพียงแต่ว่าโต๊ะที่ถูกจองไว้ไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่ควรจะเป็น ดวงตากลมสวยสบเข้ากับใครบางคนที่นั่งรออยู่อย่างหน้าชื่นตาบาน ราวกับว่าไม่ได้มาเป็นส่วนเกินของใคร จังหวะเดียวกันที่กำลังนิ่งอึ้งก็แว่วได้ยินเสียง 'หึ' จากร่างสูงข้างกาย..

"มีแฟนฉันนั่งด้วย...เธอคงไม่ว่าอะไรนะ"

นั่นไม่ใช่ประโยคคำถามอย่างแน่นอนเมื่อคนพูดเดินหนีไปที่โต๊ะโดยไม่รอฟังคำตอบ

อย่างนี้นี่เอง...เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงยอมมากับเธอง่ายดายนัก ที่แท้ก็มีแผน!

..

..

..

..

บทที่เกี่ยวข้อง

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 8

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 8ตากลมมองตามแผ่นหลังของสามีในอนาคตอันใกล้ที่เดินไปสวมกอดผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งคู่ยิ้มให้กันหวานชื่นก่อนที่ฝ่ายหญิงนั้นจะเหยียดสายตามองมาที่เธออย่างผู้กำชัยชนะ รินลดาพยายามข่มอารมณ์ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับอะไรทั้งนั้นก่อนจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคนทั้งสองวรธันย์แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการขยับเก้าอี้ให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งในขณะที่ร่างบางต้องช่วยเหลือตัวเอง พวกเขาแสดงออกชัดว่าเธอเป็นเพียงส่วนเกิน เธอเข้าใจและไม่ถือสาแม้จะเห็นรอยยิ้มและสายตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นส่งมาอย่างออกนอกหน้าก็ตาม"นี่เกวลินเป็นคนรักของฉัน" ร่างสูงแนะนำคนข้างกายอย่างไม่ทุกข์ร้อน ดูจะจงใจเน้นย้ำสถานะของอีกฝ่ายให้เธอฟังเสียยิ่งกว่าอะไร"สวัสดีค่ะ" เสียงหวานเอ่ยทักทายเรียบๆ ไม่ได้แนะนำตัวเองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักเธอแล้วไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นวรธันย์คงแนะนำเธอกลับไปบ้างแล้ว"สวัสดีค่ะ คงไม่ว่าอะไรนะคะถ้าฉันจะขอนั่งด้วย" อีกฝ่ายแย้มยิ้มหวานหยด แกล้งถามด้วยความเกรงอกเกรงใจ ที่มองออกไม่ใช่ว่ารินลดามองคนเป็นแต่หล่อนไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองมาตั้งแรกแล้วต่างหา

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 9

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 9พอพ้นหน้าโรงแรมหรูออกมารินลดาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่ายังไม่ดึกเท่าไรก็คิดหาทางกลับบ้าน แท็กซี่นั้นเธอตัดทิ้งไปเป็นอย่างแรกเพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีด้วย แต่ชุดแบบนี้ให้ไปยืนโหนรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติร้อนๆ บวกควันรถก็ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไร ถ้ารถเมล์แอร์เย็นๆ ก็คงพอได้อยู่ ถึงจะไม่ได้มีที่ให้นั่งในเวลารีบเร่งแบบนี้ก็ไม่เป็นไรคิดได้แบบนั้นดวงตาคู่กลมก็สอดส่องหาป้ายรถเมล์ แต่ก็ไม่พบในระยะสายตามองเห็นเลยตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบ ซึ่งก็กินเวลาไปหลายนาทีและอากาศก็ร้อนจนเหงื่อซึม ยืนรอสักพักรถเมล์ปรับอากาศสายที่ต้องการขึ้นก็ผ่านมา แม้ผู้คนจะเบียดเสียดเนื่องจากเยื้อแย่งกันกลับบ้าน แต่ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับร่างบางที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะอยู่เป็นประจำใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากการจราจรติดขัด ในที่สุดรินลดาก็กลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุล ท่ามกลางความแปลกใจระคนตกใจของคุณหญิงนาฏยาที่ยังไม่เข้านอนเพราะรอติดตามสถานการณ์ของลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ทุกขณะ แต่นอกจากจะกลับไวและไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ของเจ้าลูกชายแล้วยังเห็นแค่ลูกสะใภ้เดินเข้

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 10

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 10วรธันย์กลับเข้าบ้านมาในตอนสี่ทุ่มครึ่ง ร่างกายหนักอึ้งมีอาการมึนเมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับไร้สติ เวลานี้ภายในบ้านเงียบสงัดเนื่องจากทุกคนคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว มีเพียงเขาที่จิตใจยังคงกระสับกระส่ายร้อนรุ่มจนยากจะข่มตาหลับ เป็นเหตุให้ฝืนอาการมึนๆ ขับรถจากคอนโดกลับมาบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาในเวลานี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อทุกคนต่างเข้านอนกันหมด รู้เพียงว่าทนอยู่ไม่ได้...ความรู้สึกผิดและเสียใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างไม่มีทางที่เขาจะข่มตาหลับได้แน่ตั้งใจจะกลับมาขอโทษมารดาแต่ก็ดึกเกินกว่าจะกล้าเคาะประตูเรียกเลยเอาแต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของอีกฝ่าย ถามว่าทำไมไม่รีบกลับมาตั้งแต่หัววัน ยืดอกสามศอกยอมรับตรงๆ เลยว่าไม่กล้า...ความผิดครั้งนี้ร้ายแรงจนเขาไม่อาจสู้หน้าบุพการี แม้จะระหองระแหงเรื่องแต่งงานกันมาตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขากับพ่อแม่จะทะเลาะกันรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้และไม่เคยทำให้พ่อโกรธถึงขั้นกล้าตัดความสัมพันธ์ ลูกชายเพียงคนเดียวที่เคยเป็นความหวังในทุกๆ เรื่องของพวกเขา มาวันนี้กลับถูกตั

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 11

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 11"พวกแก~ คุณธันนนนนย์!! " เสียงวีดว้ายของนักศึกษาหญิงกลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าซึ่งก็ได้แก่สามสาว ฟิล์ม บีและต้นอ้อดังขึ้นเรียกความสนใจของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการบัญชีที่เพิ่งได้เวลาเลิกเรียนพอดี ร่างบางที่เดินตามหลังมาหูผึ่งเล็กน้อยตอนได้ยินชื่อใครสักคนที่เหมือนกับว่าที่สามี ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อสามสาวหันกลับมาจ้องหน้าด้วยแววตาอิจฉาระคนหมั่นไส้สาเหตุเป็นเพราะร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่กำลังยืนทำเท่...สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง เอนกายพิงสปอร์ตคาร์สุดหรูรออยู่หน้าตึกคณะฯ ดวงหน้าคมเข้มแม้เรียบนิ่งแต่หล่อเหลาจนคนเดินผ่านเหลียวหลังกลับมามองตามคอแทบเคล็ด ไม่ต้องเดาก็มองออกว่าคงมารอใครสักคน แต่ใครกันล่ะที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น..."ไอ้หญิง! รีบๆ เดินเข้าสิ คุณเขามารอนานแล้วนะ! " สามสาวแหวกทางให้รินลดาเดินผ่านและพร้อมใจกันดันแผ่นหลังบางไปข้างหน้าอย่างเร่งเร้า อยากถามเหมือนกันว่ารู้ได้ยังไงว่าเขามารอนานแล้ว เขาอาจจะเพิ่งมาถึงก็ได้ไหม...แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้พูดออกไปให้ถูกมองแรงใส่แต่อย่างใด...พอถูกสามสาวผลักดันให้เดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างออก

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 12

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 12"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์ ไหนบอกจะช่วยกันกำจัดนังนั่นไงคะ คุณไปทำดีกับมันทำไม! ? " ความสัมพันธ์ของวรธันย์และรินลดาเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และคนที่คอยจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ถึงได้บุกมาหาเขาที่บริษัทตั้งแต่เช้า และใช่...เลขาเขาหยุดพายุลูกนี้ไม่ได้อีกครั้ง"ผมมีวิธีของผม การรวมหัวกันรุมรังแกอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี" ปากกายี่ห้อดังยังคงถูกมือแกร่งจับตวัดไปมาบนเอกสารสำคัญ เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบที่ยังคงเพ่งสมาธิไปที่มันมากกว่าคู่สนทนา นั่นยิ่งทำให้เกวลินเดือดดาลกว่าที่เป็น"วิธีอะไรของคุณ เกวไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรตรงไหน ตรงข้าม! คุณพามันไปกินข้าวซื้อแหวน ไม่ใช่ว่าหลงมารยามันแล้วหรือไงคะ! ? " เกวลินนับเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เขาเคยมีสัมพันธ์มา แต่วันนี้หล่อนทำให้เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นเลยสักนิด"เกวลิน...คุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของผมมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ก็เชิญที่ประตู ผมจะทำงาน" ด้วยเป็นคนใจร้อน

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 13

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 13ตั้งแต่แยกกันที่ร้านอาหารเมื่อวานรินลดาก็ไม่ได้เจอกับวรธันย์อีกเลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กลับมานอนบ้านและเธอก็ได้ลุงพรเป็นสารถีขับรถรับส่งในวันนี้ เธอไม่คิดถามใครและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาไปไหน ติดธุระอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยและไม่พอใจลึกๆ เอาไว้ในใจ..."พี่ธันย์เขามีประชุมตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พี่เขากลับมาทันแน่นอน" คล้ายว่าแม่สามีจะรู้อะไรแม้กระทั่งความคิดตน จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งเฉิดฉายให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวสะบัดแปรงไปมาทั่วใบหน้า คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกบานใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มบางและพยักหน้ารับรู้เท่านั้นใช้เวลาร่วมชั่วโมงคุณหญิงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ ลุคสวยเปรี้ยวไม่เกรงใจอายุทำร่างบางจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดูท่างานที่ไปจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอถึงมีโอกาสได้เห็นแม่สามีในลุคที่ฉีกจากเดิมออกไปไกลเสียขนาดนี้"จินนี่...เอาให้สวยที่สุดในงาน! " คำสั่งเฉียบขาดที่ถ่ายทอดไปยังช่างประจำตัวทำรินลดารู้สึกเสียวสันหลังพิกล..."ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ จินนี่เอาประสบการณ์กว่ายี่สิบปีเป็นประกัน! น้องหญิงจะต้องสว

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 14

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 14"หื้ม? เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรอคะ หน้าแดงๆ " คุณหญิงนาฏยาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใย นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ยังเห็นอีกฝ่ายดีๆ อยู่เลย แต่หลังกลับจากไปตักอาหารกับเจ้าลูกชายไหงนั่งเงียบแก้มแดงปลั่งขนาดนี้ไปเสียได้"อะ เอ่อ หนู...ร้อนน่ะค่ะ" พอถูกทักกะทันหัน ใครคนนั้นก็ลนลานเลิกลั่ก กอปรกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงอย่างมีพิรุธคนฟังหรี่ตาจับผิดตามสัญชาตญาณแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพียงเหลือบตามองลูกชายที่ดูจะมีบรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากหยักคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแปลกๆ หรือว่า...ระหว่างที่หายไปด้วยกันจะมีอะไรเกิดขึ้น?"แม่ว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ เอ...หรือว่าเป็นอาการคนเขิน พี่ธันย์ทำหรือพูดอะไรให้เขินหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย" คำถามลอยๆ เหมือนคนรู้ทันทำคนฟังลมหายใจสะดุด คล้ายคนทำผิดกำลังจะถูกจับได้ เพียงแต่เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ก็แค่รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนได้ยินร่างสูงแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็เท่านั้น...คนถูกไล่ต้อนมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไร กระทั่งมีคนรู้จักมาชวนว่าที่แม่สามีไปทักทายเพื่อนๆ กลุ่มใหม่แล้ว

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 15

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 15ในตอนนี้...รินลดากำลังยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดสุดหรูของว่าที่สามีอย่างคนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คอนโดของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากความกว้างขวางหรูหราแล้วยังแบ่งแยกสัดส่วนได้เหมือนกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ที่นี่ ความอลังการนี้ทำให้ทั้งชั้นมีเพียงสองห้องเท่านั้น อีกห้องหนึ่งเป็นของอดีตท่านประธานซึ่งก็คือคุณสุรศักดิ์ที่ทุ่มเงินซื้อเอาไว้ตั้งแต่สำนักงานขายยังไม่ทันเปิดให้จอง นานๆ ทีท่านจะมาพักบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ชั้นนี้จึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงมากๆ"เดี๋ยวพาไปดูห้องนอน" คนเหม่อได้สติในตอนที่เจ้าของห้องเดินมาบอก ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องฝั่งซ้ายมือ"เธอพักห้องนี้ ส่วนข้างๆ นั่นห้องฉัน ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ" วรธันย์ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะมีผู้มาอาศัยร่วมกันทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด"ไปอาบน้ำเถอะ แล้วออกมาทานข้าว" ร่างบางพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง ระหว่างนั้นเจ้าบ้านก็โทรสั่งอาหารไว

บทล่าสุด

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 16

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 16ตากลมเหล่มองผู้ร่วมโดยสารลิฟต์หลายต่อหลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าทะมึนเหมือนจะไปฆ่าใครตาย ไอเย็นที่แผ่ออกมาสร้างความกดดันในพื้นที่คับแคบอย่างห้องโดยสารลิฟต์อย่างมหาศาลจนร่างบางแทบจะหายใจไม่ออก เขากำลังโกรธอันนี้เธอแน่ใจ แต่โกรธเรื่องอะไร?...เรื่องที่เธอไปเพ่นพ่านชั้นอื่น? เธอไปเพราะเรื่องงานนะ ไม่ได้หนีเที่ยวเล่นสักหน่อยหรือจะโกรธเรื่องอื่น?แล้ว...มันเรื่องอะไรกันเล่า"คุณ...โกรธฉันหรอคะ" จนแล้วจนเล่ารินลดาก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ แล้ววรธันย์โกรธเธอเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อคิดไม่ออกก็เลยตัดสินใจถามออกไปเสียเลย"ฉันไปเพราะเรื่องงานนะคะ ไม่ได้หนีเที่ยว" เสียงหวานพยายามแก้ต่างเมื่อร่างสูงไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า ทำเพียงปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ให้ตาย...เธอเคยเจอแต่ตอนที่เขาโกรธแล้วโวยวาย ไม่เคยเจอโกรธแล้วเงียบแบบนี้มาก่อน"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเกิดว่าทำให้คุณไม่พอใจ" พออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ เธอก็จนปัญญาที่จะเซ้าซี้เอาคำตอบ สุดท้ายก็เลือกที่จะเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไรออกไปแทน"พี่! " "คะ? " คำแรกที่ร่างสูงกระแทกเสีย

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 15

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 15ในตอนนี้...รินลดากำลังยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดสุดหรูของว่าที่สามีอย่างคนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คอนโดของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากความกว้างขวางหรูหราแล้วยังแบ่งแยกสัดส่วนได้เหมือนกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ที่นี่ ความอลังการนี้ทำให้ทั้งชั้นมีเพียงสองห้องเท่านั้น อีกห้องหนึ่งเป็นของอดีตท่านประธานซึ่งก็คือคุณสุรศักดิ์ที่ทุ่มเงินซื้อเอาไว้ตั้งแต่สำนักงานขายยังไม่ทันเปิดให้จอง นานๆ ทีท่านจะมาพักบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ชั้นนี้จึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงมากๆ"เดี๋ยวพาไปดูห้องนอน" คนเหม่อได้สติในตอนที่เจ้าของห้องเดินมาบอก ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องฝั่งซ้ายมือ"เธอพักห้องนี้ ส่วนข้างๆ นั่นห้องฉัน ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ" วรธันย์ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะมีผู้มาอาศัยร่วมกันทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด"ไปอาบน้ำเถอะ แล้วออกมาทานข้าว" ร่างบางพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง ระหว่างนั้นเจ้าบ้านก็โทรสั่งอาหารไว

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 14

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 14"หื้ม? เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรอคะ หน้าแดงๆ " คุณหญิงนาฏยาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใย นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ยังเห็นอีกฝ่ายดีๆ อยู่เลย แต่หลังกลับจากไปตักอาหารกับเจ้าลูกชายไหงนั่งเงียบแก้มแดงปลั่งขนาดนี้ไปเสียได้"อะ เอ่อ หนู...ร้อนน่ะค่ะ" พอถูกทักกะทันหัน ใครคนนั้นก็ลนลานเลิกลั่ก กอปรกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงอย่างมีพิรุธคนฟังหรี่ตาจับผิดตามสัญชาตญาณแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพียงเหลือบตามองลูกชายที่ดูจะมีบรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากหยักคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแปลกๆ หรือว่า...ระหว่างที่หายไปด้วยกันจะมีอะไรเกิดขึ้น?"แม่ว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ เอ...หรือว่าเป็นอาการคนเขิน พี่ธันย์ทำหรือพูดอะไรให้เขินหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย" คำถามลอยๆ เหมือนคนรู้ทันทำคนฟังลมหายใจสะดุด คล้ายคนทำผิดกำลังจะถูกจับได้ เพียงแต่เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ก็แค่รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนได้ยินร่างสูงแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็เท่านั้น...คนถูกไล่ต้อนมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไร กระทั่งมีคนรู้จักมาชวนว่าที่แม่สามีไปทักทายเพื่อนๆ กลุ่มใหม่แล้ว

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 13

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 13ตั้งแต่แยกกันที่ร้านอาหารเมื่อวานรินลดาก็ไม่ได้เจอกับวรธันย์อีกเลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กลับมานอนบ้านและเธอก็ได้ลุงพรเป็นสารถีขับรถรับส่งในวันนี้ เธอไม่คิดถามใครและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาไปไหน ติดธุระอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยและไม่พอใจลึกๆ เอาไว้ในใจ..."พี่ธันย์เขามีประชุมตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พี่เขากลับมาทันแน่นอน" คล้ายว่าแม่สามีจะรู้อะไรแม้กระทั่งความคิดตน จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งเฉิดฉายให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวสะบัดแปรงไปมาทั่วใบหน้า คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกบานใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มบางและพยักหน้ารับรู้เท่านั้นใช้เวลาร่วมชั่วโมงคุณหญิงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ ลุคสวยเปรี้ยวไม่เกรงใจอายุทำร่างบางจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดูท่างานที่ไปจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอถึงมีโอกาสได้เห็นแม่สามีในลุคที่ฉีกจากเดิมออกไปไกลเสียขนาดนี้"จินนี่...เอาให้สวยที่สุดในงาน! " คำสั่งเฉียบขาดที่ถ่ายทอดไปยังช่างประจำตัวทำรินลดารู้สึกเสียวสันหลังพิกล..."ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ จินนี่เอาประสบการณ์กว่ายี่สิบปีเป็นประกัน! น้องหญิงจะต้องสว

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 12

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 12"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์ ไหนบอกจะช่วยกันกำจัดนังนั่นไงคะ คุณไปทำดีกับมันทำไม! ? " ความสัมพันธ์ของวรธันย์และรินลดาเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และคนที่คอยจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ถึงได้บุกมาหาเขาที่บริษัทตั้งแต่เช้า และใช่...เลขาเขาหยุดพายุลูกนี้ไม่ได้อีกครั้ง"ผมมีวิธีของผม การรวมหัวกันรุมรังแกอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี" ปากกายี่ห้อดังยังคงถูกมือแกร่งจับตวัดไปมาบนเอกสารสำคัญ เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบที่ยังคงเพ่งสมาธิไปที่มันมากกว่าคู่สนทนา นั่นยิ่งทำให้เกวลินเดือดดาลกว่าที่เป็น"วิธีอะไรของคุณ เกวไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรตรงไหน ตรงข้าม! คุณพามันไปกินข้าวซื้อแหวน ไม่ใช่ว่าหลงมารยามันแล้วหรือไงคะ! ? " เกวลินนับเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เขาเคยมีสัมพันธ์มา แต่วันนี้หล่อนทำให้เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นเลยสักนิด"เกวลิน...คุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของผมมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ก็เชิญที่ประตู ผมจะทำงาน" ด้วยเป็นคนใจร้อน

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 11

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 11"พวกแก~ คุณธันนนนนย์!! " เสียงวีดว้ายของนักศึกษาหญิงกลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าซึ่งก็ได้แก่สามสาว ฟิล์ม บีและต้นอ้อดังขึ้นเรียกความสนใจของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการบัญชีที่เพิ่งได้เวลาเลิกเรียนพอดี ร่างบางที่เดินตามหลังมาหูผึ่งเล็กน้อยตอนได้ยินชื่อใครสักคนที่เหมือนกับว่าที่สามี ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อสามสาวหันกลับมาจ้องหน้าด้วยแววตาอิจฉาระคนหมั่นไส้สาเหตุเป็นเพราะร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่กำลังยืนทำเท่...สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง เอนกายพิงสปอร์ตคาร์สุดหรูรออยู่หน้าตึกคณะฯ ดวงหน้าคมเข้มแม้เรียบนิ่งแต่หล่อเหลาจนคนเดินผ่านเหลียวหลังกลับมามองตามคอแทบเคล็ด ไม่ต้องเดาก็มองออกว่าคงมารอใครสักคน แต่ใครกันล่ะที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น..."ไอ้หญิง! รีบๆ เดินเข้าสิ คุณเขามารอนานแล้วนะ! " สามสาวแหวกทางให้รินลดาเดินผ่านและพร้อมใจกันดันแผ่นหลังบางไปข้างหน้าอย่างเร่งเร้า อยากถามเหมือนกันว่ารู้ได้ยังไงว่าเขามารอนานแล้ว เขาอาจจะเพิ่งมาถึงก็ได้ไหม...แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้พูดออกไปให้ถูกมองแรงใส่แต่อย่างใด...พอถูกสามสาวผลักดันให้เดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างออก

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 10

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 10วรธันย์กลับเข้าบ้านมาในตอนสี่ทุ่มครึ่ง ร่างกายหนักอึ้งมีอาการมึนเมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับไร้สติ เวลานี้ภายในบ้านเงียบสงัดเนื่องจากทุกคนคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว มีเพียงเขาที่จิตใจยังคงกระสับกระส่ายร้อนรุ่มจนยากจะข่มตาหลับ เป็นเหตุให้ฝืนอาการมึนๆ ขับรถจากคอนโดกลับมาบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาในเวลานี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อทุกคนต่างเข้านอนกันหมด รู้เพียงว่าทนอยู่ไม่ได้...ความรู้สึกผิดและเสียใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างไม่มีทางที่เขาจะข่มตาหลับได้แน่ตั้งใจจะกลับมาขอโทษมารดาแต่ก็ดึกเกินกว่าจะกล้าเคาะประตูเรียกเลยเอาแต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของอีกฝ่าย ถามว่าทำไมไม่รีบกลับมาตั้งแต่หัววัน ยืดอกสามศอกยอมรับตรงๆ เลยว่าไม่กล้า...ความผิดครั้งนี้ร้ายแรงจนเขาไม่อาจสู้หน้าบุพการี แม้จะระหองระแหงเรื่องแต่งงานกันมาตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขากับพ่อแม่จะทะเลาะกันรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้และไม่เคยทำให้พ่อโกรธถึงขั้นกล้าตัดความสัมพันธ์ ลูกชายเพียงคนเดียวที่เคยเป็นความหวังในทุกๆ เรื่องของพวกเขา มาวันนี้กลับถูกตั

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 9

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 9พอพ้นหน้าโรงแรมหรูออกมารินลดาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่ายังไม่ดึกเท่าไรก็คิดหาทางกลับบ้าน แท็กซี่นั้นเธอตัดทิ้งไปเป็นอย่างแรกเพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีด้วย แต่ชุดแบบนี้ให้ไปยืนโหนรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติร้อนๆ บวกควันรถก็ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไร ถ้ารถเมล์แอร์เย็นๆ ก็คงพอได้อยู่ ถึงจะไม่ได้มีที่ให้นั่งในเวลารีบเร่งแบบนี้ก็ไม่เป็นไรคิดได้แบบนั้นดวงตาคู่กลมก็สอดส่องหาป้ายรถเมล์ แต่ก็ไม่พบในระยะสายตามองเห็นเลยตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบ ซึ่งก็กินเวลาไปหลายนาทีและอากาศก็ร้อนจนเหงื่อซึม ยืนรอสักพักรถเมล์ปรับอากาศสายที่ต้องการขึ้นก็ผ่านมา แม้ผู้คนจะเบียดเสียดเนื่องจากเยื้อแย่งกันกลับบ้าน แต่ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับร่างบางที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะอยู่เป็นประจำใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากการจราจรติดขัด ในที่สุดรินลดาก็กลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุล ท่ามกลางความแปลกใจระคนตกใจของคุณหญิงนาฏยาที่ยังไม่เข้านอนเพราะรอติดตามสถานการณ์ของลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ทุกขณะ แต่นอกจากจะกลับไวและไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ของเจ้าลูกชายแล้วยังเห็นแค่ลูกสะใภ้เดินเข้

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 8

    วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 8ตากลมมองตามแผ่นหลังของสามีในอนาคตอันใกล้ที่เดินไปสวมกอดผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งคู่ยิ้มให้กันหวานชื่นก่อนที่ฝ่ายหญิงนั้นจะเหยียดสายตามองมาที่เธออย่างผู้กำชัยชนะ รินลดาพยายามข่มอารมณ์ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับอะไรทั้งนั้นก่อนจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคนทั้งสองวรธันย์แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการขยับเก้าอี้ให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งในขณะที่ร่างบางต้องช่วยเหลือตัวเอง พวกเขาแสดงออกชัดว่าเธอเป็นเพียงส่วนเกิน เธอเข้าใจและไม่ถือสาแม้จะเห็นรอยยิ้มและสายตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นส่งมาอย่างออกนอกหน้าก็ตาม"นี่เกวลินเป็นคนรักของฉัน" ร่างสูงแนะนำคนข้างกายอย่างไม่ทุกข์ร้อน ดูจะจงใจเน้นย้ำสถานะของอีกฝ่ายให้เธอฟังเสียยิ่งกว่าอะไร"สวัสดีค่ะ" เสียงหวานเอ่ยทักทายเรียบๆ ไม่ได้แนะนำตัวเองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักเธอแล้วไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นวรธันย์คงแนะนำเธอกลับไปบ้างแล้ว"สวัสดีค่ะ คงไม่ว่าอะไรนะคะถ้าฉันจะขอนั่งด้วย" อีกฝ่ายแย้มยิ้มหวานหยด แกล้งถามด้วยความเกรงอกเกรงใจ ที่มองออกไม่ใช่ว่ารินลดามองคนเป็นแต่หล่อนไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองมาตั้งแรกแล้วต่างหา

DMCA.com Protection Status