วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 8
ตากลมมองตามแผ่นหลังของสามีในอนาคตอันใกล้ที่เดินไปสวมกอดผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งคู่ยิ้มให้กันหวานชื่นก่อนที่ฝ่ายหญิงนั้นจะเหยียดสายตามองมาที่เธออย่างผู้กำชัยชนะ รินลดาพยายามข่มอารมณ์ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับอะไรทั้งนั้นก่อนจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคนทั้งสอง
วรธันย์แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการขยับเก้าอี้ให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งในขณะที่ร่างบางต้องช่วยเหลือตัวเอง พวกเขาแสดงออกชัดว่าเธอเป็นเพียงส่วนเกิน เธอเข้าใจและไม่ถือสาแม้จะเห็นรอยยิ้มและสายตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นส่งมาอย่างออกนอกหน้าก็ตาม
"นี่เกวลินเป็นคนรักของฉัน" ร่างสูงแนะนำคนข้างกายอย่างไม่ทุกข์ร้อน ดูจะจงใจเน้นย้ำสถานะของอีกฝ่ายให้เธอฟังเสียยิ่งกว่าอะไร
"สวัสดีค่ะ" เสียงหวานเอ่ยทักทายเรียบๆ ไม่ได้แนะนำตัวเองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักเธอแล้วไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นวรธันย์คงแนะนำเธอกลับไปบ้างแล้ว
"สวัสดีค่ะ คงไม่ว่าอะไรนะคะถ้าฉันจะขอนั่งด้วย" อีกฝ่ายแย้มยิ้มหวานหยด แกล้งถามด้วยความเกรงอกเกรงใจ ที่มองออกไม่ใช่ว่ารินลดามองคนเป็นแต่หล่อนไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองมาตั้งแรกแล้วต่างหาก
"ตามสบายค่ะ" ร่างบางตอบรับเรียบๆ ไม่ทันได้คุยอะไรกันอีกพนักงานก็เข้ามารับออเดอร์ ยอมรับเลยว่าเธอไม่เคยมาที่หรูหราแบบนี้ อาหารแต่ละจานในเมนูนั้นเป็นอาหารต่างชาติเสียส่วนใหญ่ ราคาไม่ต้องพูดถึงแค่เห็นตัวเลขก็ไม่รู้สึกอยากกินแล้ว...
"ตายจริง! พี่ก็ลืมไปว่าน้องหญิงคงจะไม่เคยมากินอาหารหรูๆ ในโรงแรมแบบนี้ ให้พี่สั่งให้ดีกว่าเนอะ" น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเห็นใจปน...ดูถูกดังขึ้น ใครคนนั้นเรียกแทนตัวเองว่าพี่โดยไม่คิดถามความคิดเห็นของใครแม้แต่คู่สนทนาที่เพิ่งพบกัน
"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ เอา Tenderloin Steak...Spaghetti with tomato sauce แล้วก็ Caesar salad เครื่องดื่มขอเป็น Blue Hawaii กับน้ำเปล่าอย่างละแก้วค่ะ" รินลดาปฏิเสธเรียบๆ ก่อนหันไปสั่งอาหารพร้อมด้วยเครื่องดื่มกับพนักงานรวดเดียวก่อนส่งเมนูคืนให้
คนหวังดีประสงค์ร้ายที่ตั้งใจจะแกล้งให้ร่างบางขายหน้าถึงกับเหวอไปชั่วขณะ ความจริงเมนูที่เธอสั่งไปก็ไม่ได้พิสดารหรือยากเกินความสามารถ เป็นอาหารขึ้นชื่อทั่วๆ ไป ในเมนูก็มีชื่อทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยให้อ่าน เพียงแต่เธอสั่งเป็นสำเนียงอังกฤษอย่างไม่เขินอายเลยทำแผนการของใครคนนั้นคลาดเคลื่อน
"แหม สั่งซะคล่องปากเชียว เคยกินด้วยหรอจ๊ะ" เกวลินกระแอมไอแก้เก้อ ไม่วายหาเรื่อง (ชวนคุย) ด้วยรอยยิ้มหวานอาบยาพิษ...คนร่างสูงข้างๆ ยังคงนิ่งเฉยแม้คนรักของตัวเองจะเอาแต่พูดไม่หยุด ดูท่าจะชอบใจเสียด้วยซ้ำ
"ไม่เคยก็สั่งได้ค่ะ พวกคุณก็รีบสั่งเถอะค่ะ พนักงานยืนรอนานแล้ว..." ร่างบางตัดบทเสียงเรียบ อยากรีบกินรีบกลับแต่ก็คงเป็นไปได้ยาก วรธันย์คงไม่ได้พาเธอมานั่งกินข้าวพร้อมคนรักของเขาเฉยๆ หรอกเชื่อสิ...
คนทั้งสองยอมสั่งอาหารโดยง่าย แต่ก็ไม่วายหยอดคำหวานต่อกันไปมาราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่เพิ่งตกลงคบกันใหม่ๆ โชคดีที่โต๊ะอยู่ชิดกำแพงกระจกเลยพอจะมีที่ให้รินลดาวางสายตา แม้วิวจะมีแต่ตึกรามบ้านช่องกับแสงไฟบนท้องถนนก็ยังดีกว่าการทนนั่งมองใครกับใครทำอะไร
"แหม ธันย์ล่ะก็...อย่าทำแบบนี้สิคะ เกรงใจคู่หมั้นของคุณบ้าง" ฝั่งตรงข้ามยังคงมีเสียงสนทนาหวานหยด เธอไม่เห็นได้ยินว่าวรธันย์จะพูดอะไรเลย ได้ยินก็แต่เสียงเกวลินที่พยายามจะพูดดังๆ เพื่อดึงความสนใจจากเธอให้ได้ พอหันไปมองก็เห็นว่าฝ่ายสาวเจ้าเบียดเรือนร่างเข้าหาแทบจะเกยขึ้นบนตักแกร่ง เกรงใจงั้นหรอ? ไม่ใช่ตอนนี้มั้ง ถ้าคิดจะเกรงใจเธอจริงๆ คงไม่มีผู้หญิงคนนี้อยู่ร่วมโต๊ะมาตั้งแต่แรก...
"ทำไมต้องเกรงใจ ในเมื่อผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่คุณ...เป็นแฟนผม" วรธันย์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ดวงตาคมเหลือบมองมาเพียงนิดราวกับต้องการเช็คว่าเธอมองอยู่ เมื่อพอใจเขาก็กลับไปมองตาคนรักตาหวานเชื่อม มองๆ แล้วก็เหมาะสมกันดีนะ...
"ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่ทำให้ลำบากใจ แต่เราก็...รักกันมาก่อน" คนไม่ได้รู้สึกผิดพยายามขอโทษขอโพยให้เหมือนรู้สึกผิด...ประโยคหลังกับมุมปากที่คล้ายจะเหยียดยิ้มทำให้คนฟังรู้สึกแบบนั้น
"ไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่าที่นี่มันก็...ที่สาธารณะ..." รินลดายกยิ้มบาง เอ่ยค้างไว้พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อให้คนฟังฉุกคิดเอาเองว่าควรจะปฏิบัติตัวแบบไหนในที่แบบนี้
ว่าจะแกล้งยั่วโทสะของอีกฝ่ายแต่พอถูกตอบหลับมาแบบนั้นก็ทำคนทั้งคู่หน้าตึงไปนิดๆ เลยเหมือนกัน จากที่คิดไว้ว่าคงกำจัดได้ไม่ยากเห็นทีคงต้องคิดใหม่ รินลดาดูจะนิ่งเฉยเกินไปจนมองไม่ออกว่าสิ่งที่ทำไปจะมีผลลัพธ์ยังไง
ร่างบางเองก็รู้ถึงจุดประสงค์ของคนทั้งคู่ ทั้งเรื่องที่เขาพาหล่อนมาร่วมโต๊ะด้วย ไหนจะคำพูดและการกระทำที่พยายามแสดงให้เธอเห็นถึงความรักที่ดูจะมากเกินไปจนเหมือนปั้นแต่งของพวกเขา คงจะต้องการบีบบังคับให้เธอรู้สึกผิดและเป็นฝ่ายถอนตัวไปเอง ซึ่งตอนแรกเธอก็รู้สึกเห็นใจอยู่นะ ขนาดรวบรวมความกล้าเอ่ยปากขอกับคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยาแล้ว เพียงแต่พวกท่านไม่เห็นด้วย ตอนนี้แทนที่ทั้งคู่จะแสดงความจริงใจให้เธอเห็นกลับแสดงออกตรงกันข้าม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณท่านถึงไม่อยากได้เกวลินเป็นสะใภ้
"อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ฉันไม่อยากอ้อมค้อม..." ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มของหญิงสาวหน้าสวยคมเรียบตึงขึ้นทันทีเมื่อแผนแรกใช้ไม่ได้ผล สรรพนามแทนตัวเองเริ่มแปรเปลี่ยน หล่อนปรายตามองมายังคนฝั่งตรงข้ามอย่างไม่พอใจแต่ก็ยังเก็บอาการอยู่หลายส่วน
รินลดาเองก็ยืดตัวตรงเตรียมตัวตั้งรับอย่างเต็มที่ มันช่วยไม่ได้ที่ถึงแม้เธอจะไม่อยากมีปัญหากับใคร แต่ในจุดที่ยืนอยู่ตอนนี้นั้นไม่สามารถเลี่ยงคนทั้งคู่ได้จริงๆ สิ่งที่พอจะทำได้ก็มีแต่อดทนกับอดทนมากๆ เท่านั้น
"รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ เธอกำลังทำลายชีวิตคู่ของเราสองคน ถ้ายังมีจิตสำนึกที่ดีล่ะก็หลีกทางไปซะ! " น้ำเสียงที่เคยอ่อนหวานแข็งกร้าวขึ้นพร้อมกับแววตา ร่างบางไม่ได้ตกใจเพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตาก็รู้แล้วว่าเหตุการณ์ราวๆ นี้จะต้องเกิดขึ้น อีกฝ่ายเริ่มพูดจาดีด้วยในตอนแรก แต่สีหน้าและแววตาไม่ได้สอดคล้องไปตามกัน ไม่รู้ว่าหล่อนเป็นไบโพล่าหรือเปล่า...
"พวกคุณ...คบกันมากี่ปีแล้วคะ" รินลดาถอนหายใจอย่างตึงเครียด ลำพังแค่วรธันย์คนเดียวเธอก็เหนื่อยใจจะแย่ นี่ต้องมาเจอคนประเภทเดียวกันกับเขาอีก
"สองปี! " เกวลินตอบเสียงเข้ม เชิดใบหน้าขึ้นอย่างเย้ยหยัน แม้ความจริงแล้วจะพูดเกินจริงเพื่อข่มคนฟังก็ตาม
"แล้วมัวทำอะไรกันอยู่ ถึงไม่แต่งงานกันก่อนที่ฉันจะเข้ามา? " เสียงหวานย้อนถามกลับราบเรียบ ไม่ได้จะเหน็บแนบหรือถากถางแต่อย่างใด เพราะถ้าพวกเขาแต่งงานกันก่อนหน้าที่เธอจะเข้ามา เธอก็จะไม่ได้อยู่ในสถานะที่อึดอัดแบบนี้ไง
ดูเหมือนคำถามนั้นจะทำคนฟังตอบลำบากถึงได้อึกอักไม่ตอบกลับในทันทีเหมือนคำถามก่อนหน้า...แม้แต่ร่างสูงเองก็ยังเปลี่ยนท่าทีด้วยรู้ดีว่าเพราะเหตุใด ใครจะพูดเรื่องแต่งงานกันเล่าในเมื่อความสัมพันธ์เริ่มต้นของเขากับเกวลินเกิดจากความใคร่ พ่อแม่ก็ไม่เคยพาไปหา เจอกันแค่ข้างนอกไม่เคยไปเหยียบถึงบ้านของกันและกันเลยสักครั้ง
"เราแต่งแน่ ถ้าเธอไม่เข้ามาซะก่อน! " คนที่เพิ่งหาเสียงเจอพยายามตอบออกมาอย่างมาดมั่น แม้จะรู้เต็มอกว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เพื่อกำจัดรินลดายังไงก็ต้องโกหกให้เนียนๆ ไปก่อน
"ฉันเองก็เห็นใจพวกคุณนะคะ แต่การตัดสินใจทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ฉัน ถ้าพวกคุณอยากคัดค้านก็ไปบอกคุณท่านเอาเอง" ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เธอเข้าใจทั้งคู่แต่สิ่งที่ทั้งคู่ทำไม่ถูกคือการมาบีบบับคับเธอ แทนที่จะควงคู่กันไปขอความเมตตาจากคุณท่านดีๆ
"โกหก! ถ้าแกไม่ยอมตกลง ใครที่ไหนจะไปบังคับแกได้ นอกเสียจากว่าอยากได้เงิน อยากจับผู้ชายรวยจนตัวสั่น! " คนฟังหน้าชานิดหน่อยเมื่อสรรพนามที่ถูกเรียกเริ่มเปลี่ยนไปตามแรงอารมณ์ ไม่คิดเลยว่าคนสวยๆ ทำนิสัยแบบนี้แล้วจะไม่น่ามองเป็นอย่างมาก...
"แล้วฉันสามารถบังคับคุณท่านได้ด้วยหรอคะ คุณธันย์ก็น่าจะรู้จักคุณพ่อคุณแม่ของคุณดี ใช่มั้ยคะ? หรือว่า...ไม่เคยสนใจพวกท่านเลย? " รินลดาย้อนกลับเสียงเรียบ ไม่วายหันไปเหน็บร่างสูงที่เอาแต่นั่งทำหน้าน่าหมั่นไส้โดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอไม่พอใจเขาตั้งแต่ยังไม่เจอหน้า ตลอดระยะเวลาที่คุณหญิงเข้าโรงพยาบาลเธอไม่เคยเจอหน้าเขาเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่ายังกล้าเรียกตัวเองว่าลูกอยู่อีกหรือเปล่า
"นี่เธอ..!! ? " วรธันย์แทบอยากจะพุ่งข้ามโต๊ะไปหาคนพูดด้วยความโกรธจัด กล้าดียังไงมากล่าวหาเขาแบบนั้น!
"ขอโทษทีค่ะ แค่พูดไปตามที่เห็น...และเห็นว่าวันที่คุณแม่คุณเข้าห้องผ่าตัด...คุณไม่เคยไปเยี่ยมท่านเลย" คราวนี้ร่างสูงถึงกับพูดไม่ออก ความจริงจากปากร่างบางทำเอาเจ็บจนหน้าชา เขายอมรับผิดเพราะช่วงนั้นเครียดๆ เรื่องทำงานและพ่อก็เอาแต่พูดเรื่องแต่งงานมีทายาทจนพาลทำให้ทะเลาะกันบ่อยครั้ง เลยทำให้ไม่อยากเจอหน้า ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าเขาไม่ได้เจอแม่เลยเช่นกัน
"นี่แกจะเปิดสงครามกับพวกฉันจริงๆ สินะ อย่านึกว่ามีคนให้ท้ายแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรแกนะ! " พอคำพูดทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ เกวลินก็เริ่มเอากำลังข่มขู่
"ก็ถ้าฉันเป็นอะไรไป คุณก็คือผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียว...อ้อ อาจจะมีคุณด้วย ใช่มั้ยคะ" เสียงหวานตอบยียวน เธอแสร้งทำเป็นเพิ่งนึกได้ก่อนหันไปจ้องหน้าว่าที่สามีตอนถามประโยคหลัง
"นี่แก..!! " เกวลินหวีดร้องอย่างเหลืออด แต่ก็ต้องหยุดไว้แค่นั้นเมื่อพนักงานเริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟ หล่อนแย้มยิ้มพลางกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท ผิดกับตอนแปลงร่างเป็นยักษ์ก่อนหน้าราวกับเป็นคนละคน
"ทานก่อนเถอะค่ะ ค่อยคุยทีหลัง เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อน" ร่างบางพูดขึ้นหลังพนักงานเดินออกไป อาหารราคาแพงหน้าตาย่อมดูดีตามไปด้วย ตอนนี้กระเพาะของเธอจึงประท้วงว่าหิวเต็มที
"คิดว่าฉันจะกินลงหรือไงฮะ! " คนฝั่งตรงข้ามแค่นเสียงอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะถูกชวนกินข้าวในสถานการณ์แบบนี้
"ไม่รู้สิคะ แต่คงต้องขอทานก่อน" เธอเอ่ยขอเป็นมารยาทพลางยิ้มบางอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าอีกฝ่ายกลับมองว่าเป็นการกระทำยั่วโทสะ กำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง ติดตรงถูกคนตัวใหญ่จับไหล่ไว้ ก่อนพยักพเยิดใบหน้าประมาณว่าให้กินก่อนค่อยคุย ตลกดีเหมือนกันที่เขาเชื่อฟังคำพูดของเธอด้วย...
"ตกลงเธอจะไม่ยอมหลีกทางดีๆ ใช่มั้ย" เมื่อกินอิ่มเกวลินก็ยิงคำถามใส่รินลดาทันทีราวกับเฝ้ารอเวลานี้มาเนิ่นนาน
"ฉันบอกไปแล้วค่ะว่าฉันไม่มีอำนาจตัดสินใจอะไรทั้งนั้น พวกคุณต้องไปคุยกับคุณท่านเอาเอง ถ้าพูดดีๆ พวกท่านอาจจะยอมยกเลิกงานแต่งให้ก็ได้นะคะ" ร่างบางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย พยายามตอบคำถามของอีกฝ่ายอย่างใจเย็นเพราะอยากกลับห้องไปพักผ่อนเต็มแก่..
"แค่แกหายไปสักคนเรื่องมันก็จบ ต้องการเงินใช่มั้ย อยากได้เท่าไรพวกฉันจะจ่ายให้! " คนพูดเหยียดยิ้ม หล่อนยังคงดื้อรั้นจะบีบบังคับให้คนฟังพาตัวเองออกไปให้ไกล คราวนี้ไม่ใช่กำลังข่มขู่แต่เป็นอำนาจเงิน!
"เห้อ...ฉันจะขอตอบอีกครั้งและจะเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ ฉันไม่ได้ต้องการเงิน...และฉันก็ไม่ได้อยากจะมาอยู่ในสถานะนี้ แต่ฉันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ พวกคุณต้องไปคุยกับคุณท่านเอาเอง เข้าใจตรงกันนะคะ" น้ำเสียงหวานเอ่ยบอกอย่างจริงจัง ดวงตากลมมองสบตาคนทั้งคู่มั่นคงไม่คิดหลบ แต่คนมีทิฐิยังไงก็ไม่ยอมเข้าใจ...
"หึ ที่ไม่อยากได้เงินจากฉัน ก็เพราะว่าถ้าได้แต่งงานกับธันย์เธอจะได้มากกว่านี้ใช่มั้ยล่ะ! "
"แล้วแต่จะคิดเถอะค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว จะไปต่อกันก็ได้นะคะ แต่ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน โชคดีค่ะ" เสียงหวานเอ่ยตัดบทอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายมีอะไรจะพูดถากถางเธออีก สิ้นคำก็ปลีกตัวออกมาอย่างเสียมารยาทเพราะเหนื่อยที่จะพูดแล้ว ในเมื่อพูดอะไรไปก็ดูไร้ประโยชน์ พวกเขาอยากคิดอยากทำอะไรก็ปล่อยพวกเขาคิดทำไปก็แล้วกัน...
..
..
..
..
เอาเด้~ น้องไม่ยอมให้รังแกง่ายๆ เด้อ
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 9พอพ้นหน้าโรงแรมหรูออกมารินลดาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่ายังไม่ดึกเท่าไรก็คิดหาทางกลับบ้าน แท็กซี่นั้นเธอตัดทิ้งไปเป็นอย่างแรกเพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีด้วย แต่ชุดแบบนี้ให้ไปยืนโหนรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติร้อนๆ บวกควันรถก็ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไร ถ้ารถเมล์แอร์เย็นๆ ก็คงพอได้อยู่ ถึงจะไม่ได้มีที่ให้นั่งในเวลารีบเร่งแบบนี้ก็ไม่เป็นไรคิดได้แบบนั้นดวงตาคู่กลมก็สอดส่องหาป้ายรถเมล์ แต่ก็ไม่พบในระยะสายตามองเห็นเลยตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบ ซึ่งก็กินเวลาไปหลายนาทีและอากาศก็ร้อนจนเหงื่อซึม ยืนรอสักพักรถเมล์ปรับอากาศสายที่ต้องการขึ้นก็ผ่านมา แม้ผู้คนจะเบียดเสียดเนื่องจากเยื้อแย่งกันกลับบ้าน แต่ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับร่างบางที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะอยู่เป็นประจำใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากการจราจรติดขัด ในที่สุดรินลดาก็กลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุล ท่ามกลางความแปลกใจระคนตกใจของคุณหญิงนาฏยาที่ยังไม่เข้านอนเพราะรอติดตามสถานการณ์ของลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ทุกขณะ แต่นอกจากจะกลับไวและไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ของเจ้าลูกชายแล้วยังเห็นแค่ลูกสะใภ้เดินเข้
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 10วรธันย์กลับเข้าบ้านมาในตอนสี่ทุ่มครึ่ง ร่างกายหนักอึ้งมีอาการมึนเมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับไร้สติ เวลานี้ภายในบ้านเงียบสงัดเนื่องจากทุกคนคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว มีเพียงเขาที่จิตใจยังคงกระสับกระส่ายร้อนรุ่มจนยากจะข่มตาหลับ เป็นเหตุให้ฝืนอาการมึนๆ ขับรถจากคอนโดกลับมาบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาในเวลานี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อทุกคนต่างเข้านอนกันหมด รู้เพียงว่าทนอยู่ไม่ได้...ความรู้สึกผิดและเสียใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างไม่มีทางที่เขาจะข่มตาหลับได้แน่ตั้งใจจะกลับมาขอโทษมารดาแต่ก็ดึกเกินกว่าจะกล้าเคาะประตูเรียกเลยเอาแต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของอีกฝ่าย ถามว่าทำไมไม่รีบกลับมาตั้งแต่หัววัน ยืดอกสามศอกยอมรับตรงๆ เลยว่าไม่กล้า...ความผิดครั้งนี้ร้ายแรงจนเขาไม่อาจสู้หน้าบุพการี แม้จะระหองระแหงเรื่องแต่งงานกันมาตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขากับพ่อแม่จะทะเลาะกันรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้และไม่เคยทำให้พ่อโกรธถึงขั้นกล้าตัดความสัมพันธ์ ลูกชายเพียงคนเดียวที่เคยเป็นความหวังในทุกๆ เรื่องของพวกเขา มาวันนี้กลับถูกตั
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 11"พวกแก~ คุณธันนนนนย์!! " เสียงวีดว้ายของนักศึกษาหญิงกลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าซึ่งก็ได้แก่สามสาว ฟิล์ม บีและต้นอ้อดังขึ้นเรียกความสนใจของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการบัญชีที่เพิ่งได้เวลาเลิกเรียนพอดี ร่างบางที่เดินตามหลังมาหูผึ่งเล็กน้อยตอนได้ยินชื่อใครสักคนที่เหมือนกับว่าที่สามี ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อสามสาวหันกลับมาจ้องหน้าด้วยแววตาอิจฉาระคนหมั่นไส้สาเหตุเป็นเพราะร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่กำลังยืนทำเท่...สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง เอนกายพิงสปอร์ตคาร์สุดหรูรออยู่หน้าตึกคณะฯ ดวงหน้าคมเข้มแม้เรียบนิ่งแต่หล่อเหลาจนคนเดินผ่านเหลียวหลังกลับมามองตามคอแทบเคล็ด ไม่ต้องเดาก็มองออกว่าคงมารอใครสักคน แต่ใครกันล่ะที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น..."ไอ้หญิง! รีบๆ เดินเข้าสิ คุณเขามารอนานแล้วนะ! " สามสาวแหวกทางให้รินลดาเดินผ่านและพร้อมใจกันดันแผ่นหลังบางไปข้างหน้าอย่างเร่งเร้า อยากถามเหมือนกันว่ารู้ได้ยังไงว่าเขามารอนานแล้ว เขาอาจจะเพิ่งมาถึงก็ได้ไหม...แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้พูดออกไปให้ถูกมองแรงใส่แต่อย่างใด...พอถูกสามสาวผลักดันให้เดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างออก
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 12"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์ ไหนบอกจะช่วยกันกำจัดนังนั่นไงคะ คุณไปทำดีกับมันทำไม! ? " ความสัมพันธ์ของวรธันย์และรินลดาเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และคนที่คอยจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ถึงได้บุกมาหาเขาที่บริษัทตั้งแต่เช้า และใช่...เลขาเขาหยุดพายุลูกนี้ไม่ได้อีกครั้ง"ผมมีวิธีของผม การรวมหัวกันรุมรังแกอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี" ปากกายี่ห้อดังยังคงถูกมือแกร่งจับตวัดไปมาบนเอกสารสำคัญ เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบที่ยังคงเพ่งสมาธิไปที่มันมากกว่าคู่สนทนา นั่นยิ่งทำให้เกวลินเดือดดาลกว่าที่เป็น"วิธีอะไรของคุณ เกวไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรตรงไหน ตรงข้าม! คุณพามันไปกินข้าวซื้อแหวน ไม่ใช่ว่าหลงมารยามันแล้วหรือไงคะ! ? " เกวลินนับเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เขาเคยมีสัมพันธ์มา แต่วันนี้หล่อนทำให้เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นเลยสักนิด"เกวลิน...คุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของผมมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ก็เชิญที่ประตู ผมจะทำงาน" ด้วยเป็นคนใจร้อน
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 13ตั้งแต่แยกกันที่ร้านอาหารเมื่อวานรินลดาก็ไม่ได้เจอกับวรธันย์อีกเลยจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กลับมานอนบ้านและเธอก็ได้ลุงพรเป็นสารถีขับรถรับส่งในวันนี้ เธอไม่คิดถามใครและก็ไม่มีใครบอกว่าเขาไปไหน ติดธุระอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยและไม่พอใจลึกๆ เอาไว้ในใจ..."พี่ธันย์เขามีประชุมตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ พี่เขากลับมาทันแน่นอน" คล้ายว่าแม่สามีจะรู้อะไรแม้กระทั่งความคิดตน จู่ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งเฉิดฉายให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวสะบัดแปรงไปมาทั่วใบหน้า คนฟังเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกบานใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงยิ้มบางและพยักหน้ารับรู้เท่านั้นใช้เวลาร่วมชั่วโมงคุณหญิงก็แต่งหน้าทำผมเสร็จ ลุคสวยเปรี้ยวไม่เกรงใจอายุทำร่างบางจ้องมองอย่างตื่นเต้น ดูท่างานที่ไปจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอถึงมีโอกาสได้เห็นแม่สามีในลุคที่ฉีกจากเดิมออกไปไกลเสียขนาดนี้"จินนี่...เอาให้สวยที่สุดในงาน! " คำสั่งเฉียบขาดที่ถ่ายทอดไปยังช่างประจำตัวทำรินลดารู้สึกเสียวสันหลังพิกล..."ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ จินนี่เอาประสบการณ์กว่ายี่สิบปีเป็นประกัน! น้องหญิงจะต้องสว
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 14"หื้ม? เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรอคะ หน้าแดงๆ " คุณหญิงนาฏยาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอาทรห่วงใย นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ยังเห็นอีกฝ่ายดีๆ อยู่เลย แต่หลังกลับจากไปตักอาหารกับเจ้าลูกชายไหงนั่งเงียบแก้มแดงปลั่งขนาดนี้ไปเสียได้"อะ เอ่อ หนู...ร้อนน่ะค่ะ" พอถูกทักกะทันหัน ใครคนนั้นก็ลนลานเลิกลั่ก กอปรกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงอย่างมีพิรุธคนฟังหรี่ตาจับผิดตามสัญชาตญาณแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพียงเหลือบตามองลูกชายที่ดูจะมีบรรยากาศรอบๆ ตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากหยักคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแปลกๆ หรือว่า...ระหว่างที่หายไปด้วยกันจะมีอะไรเกิดขึ้น?"แม่ว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ เอ...หรือว่าเป็นอาการคนเขิน พี่ธันย์ทำหรือพูดอะไรให้เขินหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย" คำถามลอยๆ เหมือนคนรู้ทันทำคนฟังลมหายใจสะดุด คล้ายคนทำผิดกำลังจะถูกจับได้ เพียงแต่เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ก็แค่รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนได้ยินร่างสูงแทนตัวเองว่า 'พี่' ก็เท่านั้น...คนถูกไล่ต้อนมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไร กระทั่งมีคนรู้จักมาชวนว่าที่แม่สามีไปทักทายเพื่อนๆ กลุ่มใหม่แล้ว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 15ในตอนนี้...รินลดากำลังยืนเคว้งอยู่กลางห้องชุดสุดหรูของว่าที่สามีอย่างคนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คอนโดของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากความกว้างขวางหรูหราแล้วยังแบ่งแยกสัดส่วนได้เหมือนกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ที่นี่ ความอลังการนี้ทำให้ทั้งชั้นมีเพียงสองห้องเท่านั้น อีกห้องหนึ่งเป็นของอดีตท่านประธานซึ่งก็คือคุณสุรศักดิ์ที่ทุ่มเงินซื้อเอาไว้ตั้งแต่สำนักงานขายยังไม่ทันเปิดให้จอง นานๆ ทีท่านจะมาพักบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ชั้นนี้จึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูงมากๆ"เดี๋ยวพาไปดูห้องนอน" คนเหม่อได้สติในตอนที่เจ้าของห้องเดินมาบอก ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกันและเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องฝั่งซ้ายมือ"เธอพักห้องนี้ ส่วนข้างๆ นั่นห้องฉัน ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ" วรธันย์ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะมีผู้มาอาศัยร่วมกันทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด"ไปอาบน้ำเถอะ แล้วออกมาทานข้าว" ร่างบางพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง ระหว่างนั้นเจ้าบ้านก็โทรสั่งอาหารไว
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 16ตากลมเหล่มองผู้ร่วมโดยสารลิฟต์หลายต่อหลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าทะมึนเหมือนจะไปฆ่าใครตาย ไอเย็นที่แผ่ออกมาสร้างความกดดันในพื้นที่คับแคบอย่างห้องโดยสารลิฟต์อย่างมหาศาลจนร่างบางแทบจะหายใจไม่ออก เขากำลังโกรธอันนี้เธอแน่ใจ แต่โกรธเรื่องอะไร?...เรื่องที่เธอไปเพ่นพ่านชั้นอื่น? เธอไปเพราะเรื่องงานนะ ไม่ได้หนีเที่ยวเล่นสักหน่อยหรือจะโกรธเรื่องอื่น?แล้ว...มันเรื่องอะไรกันเล่า"คุณ...โกรธฉันหรอคะ" จนแล้วจนเล่ารินลดาก็นึกไม่ออกว่าจริงๆ แล้ววรธันย์โกรธเธอเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อคิดไม่ออกก็เลยตัดสินใจถามออกไปเสียเลย"ฉันไปเพราะเรื่องงานนะคะ ไม่ได้หนีเที่ยว" เสียงหวานพยายามแก้ต่างเมื่อร่างสูงไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า ทำเพียงปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ให้ตาย...เธอเคยเจอแต่ตอนที่เขาโกรธแล้วโวยวาย ไม่เคยเจอโกรธแล้วเงียบแบบนี้มาก่อน"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเกิดว่าทำให้คุณไม่พอใจ" พออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ เธอก็จนปัญญาที่จะเซ้าซี้เอาคำตอบ สุดท้ายก็เลือกที่จะเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดอะไรออกไปแทน"พี่! " "คะ? " คำแรกที่ร่างสูงกระแทกเสีย
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 28"คุณพิมพ์ วันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะ เลื่อนงานออกไปทั้งหมด บอกศรัณซื้อยาลดไข้กับข้าวต้มมาให้ผมที่คอนโดด้วย ขอบคุณ" มือเรียวกดวางสายทันทีหลังจากพูดธุระกับผู้เป็นเลขาจบ โทรศัพท์เครื่องหรูถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่ใยดีหลังจากหมดประโยชน์ เนื่องจากเจ้าของเครื่องมีสิ่งสำคัญมากกว่าให้สนใจร่างบอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทว่าร่างกายแผ่ไอร้อนออกมาจนรู้สึกได้ คนเป็นไข้ต้องเช็ดตัว...คิดได้แบบนั้นวรธันย์จึงผละออกไปหาผ้าสะอาดกับชามใบเล็กๆ รองน้ำเกือบเต็ม ก่อนจะเดินกลับเข้ามาหาคนหลับอีกครั้งมือเรียวคว้ารีโมทมากดปิดแอร์เพราะกลัวคนป่วยจะหนาวระหว่างที่เช็ดตัวให้ ก่อนทำการขุดร่างคนป่วยขึ้นมาจากผ้าห่มผืนใหญ่ เปลื้องผ้าเธอจนหมด แล้วนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดไปตามลำตัวขาวผ่องซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยสีแดงเรื่อที่เขาฝากไว้เมื่อคืนอย่างระมัดระวังวรธันย์ข่มใจเช็ดตัวให้คนรักจนเสร็จก็ใส่เสื้อผ้ากลับคืนให้ ดึงผ้าห่มคลุมถึงลำคอก่อนกดเปิดแอร์และเพิ่มอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น ก่อนเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำบ้าง ออกมาทันตอนได้ยินเสียงก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 27รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบอบบางก็แตะลงบนที่นอนนุ่ม ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ตักตวงเอาความหอมหวานจนพอใจถูกถอนออกไปก่อนจูบซับเข้าที่ข้างขมับ พวงแก้ม ปลายคางและเลื่อนต่ำลงไปที่ซอกคอขาว ขณะที่ฝ่ามือลากไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของคนรัก กลิ่นกายหอมกรุ่นราวกับดอกไม้แรกแย้มทำสติสัมปชัญญะกระจัดกระเจิงยากที่จะควบคุมวรธันย์ห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนานมากๆ ตลอดมาเขาไม่เคยต้องอดทนกับใคร และก็คิดว่ายังทนต่อไปได้อีกนาน กระทั่งได้ยินคำว่า 'รัก' จากปากอิ่มเล็กๆ นั่น เขาถึงได้รู้ความจริงว่าความอดทนของเขามันหมดไปตั้งแต่วินาทีนั้น เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว!ด้านรินลดาเองก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปถ้าขืนเธอยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้สถานการณ์มันไหลต่อเนื่องไปแบบนี้ เธอกำลังสับสนกับความต้องการจริงๆ ของตัวเองเพราะความคิดด้านดีกับด้านลบกำลังขัดแย้งกันมั่วไปหมด...'ห้ามชิงสุกก่อนห่าม' คือประโยคที่ไม่ว่าหญิงหรือชายก็มักจะเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่พร่ำสอนกันมาตั้งแต่เล็กจนโตในสังคมไทย ทว่าเธอไม่เคยมีคนรักเลยไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ที่เขามี เขาทำตามคำสอนนั้นได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะอีกด้านหนึ่งเราก็
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 26การอยู่เฉยๆ ในห้องชุดอันแสนกว้างใหญ่มันไร้ประโยชน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากทำอะไรก็ขยับไม่ได้ดั่งใจ แต่จะให้อยู่เฉยๆ ทั้งวันรินลดาก็ทำไม่ได้ เมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอก็ตั้งใจว่าจะลงไปเดินเล่นที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างคอนโด เพราะตอนดูทีวีบังเอิญเปิดไปเจอรายการทำอาหารและขนม เลยนึกอยากทำขนมอร่อยๆ ไว้รอเจ้าของห้องกลับจากที่ทำงานร่างบางพาตัวเองค่อยๆ เดินไปที่ลิฟต์อย่างไม่รีบร้อน โชคดีที่คอนโดหรูแห่งนี้เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเลยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรือกลัวว่าจะไปยืนเก้ๆ กังๆ ขวางทางใครเข้า"หญิง! " ใครสักคนที่กำลังจะเดินสวนเข้ามาในคอนโดเรียกชื่อเธอเสียงดัง ครั้นหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มแฉ่งก่อนจะปรี่เข้ามาลูบหัวลูบหาง (?) เธอด้วยความดีใจ"พี่อิฐ! " คราแรกที่ถูกเรียกเสียงดังยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นใครรินลดาก็ออกอาการดีใจไม่ต่างกัน บุรุษเพศนั้นผ่านเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือพี่รหัสคนนี้นี่เอง"โหย ไม่เจอกันนาน คิดถึงนะเนี่ย" อิทธิพัทธ์เขย่าไหล่เล็กเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่สุดท้ายจะอดใ