วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 2
ก่อนจะถึงหกโมงเย็นตามนัดที่เจ้าของบ้านบอกไว้รินลดาก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดใหม่ที่ถูกซื้อมาแขวนไว้ให้ในตู้เสื้อผ้า ตอนแรกเธอไม่ได้คิดจะหยิบออกมาใส่เลยเพราะมองแค่เผินๆ ก็พอจะเดาราคาได้ว่าต้องแพงมากแน่ๆ เลยกะจะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของตนที่ขนมาจากบ้าน แต่ทว่าเสื้อผ้าของเธอมีแต่ชุดธรรมดาราคาถูก อย่าว่าแต่จะใส่ไปพบหน้าว่าที่สามีเลย ให้ใส่อยู่ในส่วนไหนของบ้านหลังนี้มันก็ดูไม่ได้ทั้งนั้น
สุดท้ายรินลดาก็เลยต้องจำใจหยิบชุดใหม่ที่คุณนาฏยาซื้อให้มาใส่ และเฝ้ารอใครสักคนมาเรียกด้วยความตื่นเต้นชนิดที่ว่านั่งก้นไม่ติดพื้น เทียวลุกเดินไปส่องกระจกบานใหญ่ตรงห้องแต่งตัวซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แต่ถึงภาพที่ปรากฏอยู่ในกระจกจะเป็นที่น่าพึงพอใจแค่ไหนเธอก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้เป็นกังวลที่สุดก็คือว่าที่สามี.. ไม่รู้ว่าวรธันย์จะเป็นคนแบบไหน และเขาจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าเธอเป็นแค่ลูกสาวพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาๆ เท่านั้น
ก๊อกๆ
"คุณหญิงคะ คุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ" เวลาหกโมงเย็นนิดๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่น้ำเสียงสุภาพอ่อนหวานของใครสักคนจะดังตามหลังมา คนฟังรู้สึกจั๊กจี้ที่หัวใจอย่างอดไม่ได้เมื่อได้ยินคำว่า 'คุณหญิง' จากปากคนหน้าห้อง มันช่างไม่ชินหูเอาเสียเลย..
"เอ่อ ค่ะ" ร่างบางตอบรับอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนจะจัดเสื้อผ้าตัวเองอีกครั้งแล้วเดินไปเปิดประตู
"ดิฉันชื่อน้อม ได้รับมอบหมายจากคุณผู้หญิงให้คอยดูแลคุณหญิงนับจากวันนี้เป็นต้นไป ถ้าขาดเหลือหรือต้องการอะไรเรียกน้อมได้ตลอดเวลาเลยนะคะ" เมื่อพบหน้ากันหญิงวัยกลางคนท่าทางสุภาพอ่อนน้อมสมชื่อก็เอ่ยบอกกับรินลดาด้วยน้ำเสียงไพเราะน่าฟัง
"เอ่อ ค่ะ หนูชื่อหญิง เรียกหญิงเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณหรอกนะคะเพราะหนูอายุน้อยกว่า" ร่างบางบอกเสียงอ่อย เธอไม่ชินเลยกับการต้องถูกคนอายุมากกว่าเรียกแบบให้เกียรติกันขนาดนี้ แค่ต้องคอยมาดูแลเธอระหว่างที่อยู่ที่นี่ก็รู้สึกขอบคุณมากพอแล้ว
"ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ คุณหญิงคือคู่หมั้นของคุณธันย์ เท่ากับว่าเป็นเจ้านายของน้อมอีกคน" คนอายุมากกว่าปฏิเสธพร้อมบอกเหตุผล
"แต่.."
"ลงไปข้างล่างกันเถอะค่ะ คุณท่านทั้งสองรออยู่" รินลดากำลังจะแย้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายตัดบทและเดินนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว ราวกับต้องการจะบ่ายเบี่ยงคำพูดของเธอ ไม่พอยังเอาผู้ใหญ่ทั้งสองมาอ้าง แล้วจะทำยังไงได้ล่ะ...นอกจากต้องรีบเดินตามไป
เดินมาถึงห้องนั่งเล่นร่างบางก็เห็นคุณท่านทั้งสองนั่งรออยู่จริงๆ น้อมมาส่งถึงแค่ตรงนี้ก่อนจะหลบฉากออกไป ทิ้งให้เธอยืนเคว้งอยู่ตรงนั้นเพราะความไม่คุ้นชิน ก่อนที่คุณนาฏยาจะกวักมือเรียกให้ไปนั่งลงข้างกัน
"อีกสักพักพี่เขาคงมา รอหน่อยนะลูก" คุณหญิงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มใจดี เธอมักจะยิ้มและลูบศีรษะของเด็กสาวด้วยความเอ็นดูเสมอ
"ค่ะ" สัมผัสอบอุ่นนั้นทำรินลดายิ่งคิดถึงแม่ทั้งที่เพิ่งจะจากกันมาได้ไม่ถึงวัน
"งั้นเราพาเจ้าหญิงไปเดินดูรอบๆ บ้านรอดีมั้ยคุณหญิง" คุณสุรศักดิ์เอ่ยชวน สรรพนามนั้นทำเอาเจ้าของชื่อรู้สึกแปลกๆ อีกครั้ง ทั้งคุณหญิงทั้งเจ้าหญิงเธอทำตัวไม่ถูกเลยสักชื่อ
"ดีค่ะ.. ป้ะ แม่กับพ่อจะพาทัวร์บ้าน" คุณนาฏยาเห็นดีเห็นงามกับสามี สิ้นคำบอกก็ลุกขึ้นจูงมือบางพาเดินสำรวจบ้านหลังใหม่ที่เธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่นับจากวันนี้เป็นต้นไป
"เจ้าธันย์มาแล้ว" เวลาในการทำใจสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นคำพูดของคุณสุรศักดิ์ มีเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านย้ำชัดให้ร่างบางแน่ใจว่าใครคนนั้นมาถึงแล้วจริงๆ
"ไปหาพี่เขากัน ไม่ต้องกลัวนะ" แม่ (ว่าที่) สามีเอ่ยปลอบอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนโยนที่เคยปลอบประโลมจิตใจของเธอได้ดีตลอดหลายวันที่ผ่านมา ตอนนี้กลับไม่ได้ผล.. เธอตื่นเต้นและประหม่าจนมือไม้สั่นไปหมด
"มีอะไรกันหรอครับ? " น้ำเสียงทุ้มต่ำจากผู้มาใหม่เอ่ยถามคนเป็นพ่อแม่เมื่อเห็นเดินเข้ามาหาพร้อมหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง
ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าอ่อนใสนั้นตรงๆ จนคนถูกจ้องต้องหลบสายตาหนีเพราะไม่อาจต้านทาน หัวใจดวงเล็กๆ ที่ไม่ประสีประสากับการเผชิญหน้ากับบุรุษเพศที่รู้ทั้งรู้ว่าจะมาเป็นสามีในอนาคตอันใกล้เต้นไม่เป็นส่ำจนน่ากลัวว่าจะหลุดกระเด็นกระดอนออกมาจากอก มโนภาพที่เคยจินตนาการไว้ก่อนจะได้เจอกันปลิวหายวับไปในทันที เพราะผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อคมแต่งตัวภูมิฐานที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างห่างไกลจากจินตนาการเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง
"กลับบ้านเร็วก็ดี ฉันมีคนจะแนะนำให้รู้จัก.." ผู้นำครอบครัวบอกเสียงเรียบ โดยคนเป็นภรรยาเองก็ดันหลังร่างบางออกมาเผชิญหน้ากับลูกชายตรงๆ
"เธอชื่อหญิง นับจากวันนี้จะมาเป็นคู่หมั้นของแก"
"อะไรนะครับ!? " วรธันย์ขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ น้ำเสียงและท่าทางแข็งกร้าวของเขาทำรินลดาอกสั่นขวัญหาย หมดสิ้นแล้วความมั่นใจเมื่อถูกดวงตาคมกริบตวัดมาจ้องอย่างไม่พอใจ
"แกได้ยินไม่ผิดหรอกเจ้าธันย์" คุณสุรศักดิ์ยังคงนิ่งเฉยแม้ลูกชายจะแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างรุนแรงจนว่าที่ลูกสะใภ้เริ่มหน้าเสีย
"พ่อทำอย่างนี้ได้ยังไงอ่ะ! เอาใครที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นคู่หมั้นผมเนี่ยนะ!? " ร่างบางถอยออกมาจากจุดที่ยืนด้วยความหวาดหวั่นเมื่อวรธันย์ชี้หน้าเธอประกอบคำพูดที่พูดกับบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
"ช่วยไม่ได้ ในเมื่อฉันให้โอกาสแกเลือกเมียด้วยตัวเองแล้ว แต่แกก็ไม่สนใจ ฉันก็เลยเลือกให้เสียเลย" คนเป็นพ่อกล่าวอย่างไม่เดือดร้อนใจ ผิดกับผู้เป็นลูกชายที่โกรธจนตัวสั่น
"พ่อจะบ้าหรอ!? นี่มันคลุมถุงชนกันชัดๆ ผมไม่ยอม! ยังไงผมก็ไม่หมั้นหรือแต่งงานกับยัยนี่เด็ดขาด! " เสียงกร้าวตะคอกใส่บิดาด้วยความกรุ่นโกรธ ปลายนิ้วเรียวยาวตวัดชี้มาที่รินลดาพร้อมมองด้วยสายตาเหยียดๆ มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องถูกพ่อแม่จ้างมาบีบบังคับเขาอย่างแน่นอน!
"ก็ได้นะ.. แต่มรดกของฉันทั้งหมดจะตกเป็นของเจ้าหญิงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์จะเป็นของการกุศลทั้งหมด! นอกจากแกจะไม่ได้สักบาทแล้วแกยังจะถูกเด้งออกจากตำแหน่งประธานบริษัทอินทรเกษมกุลด้วย! " ไม้ตายที่ถูกปิดเงียบไว้ถูกเปิดเผยตามความตั้งใจเมื่อเจ้าลูกชายหัวรั้นไม่ยอมรับหญิงสาวที่พ่อแม่หามาให้ คุณสุรศักดิ์รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงวรธันย์ก็ต้องไม่ยอมแน่ เขาจึงเตรียมแผนการสำรองนี้ไว้และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าลูกชายจะต้องยอมจำนนท์แต่โดยดี!
"พ่อ!!? " ร่างสูงตวาดใส่บิดาอย่างไม่เกรงกลัวในบาปกรรม เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินว่าจะถูกเขี่ยทิ้งจากกองมรดก ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่พ่อพามายังจะได้ส่วนแบ่งจากส่วนที่สมควรจะเป็นของเขาตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์!
รินลดากลับมายืนตัวลีบข้างคุณนาฏยาอีกครั้งเมื่อถูกกดดันจากสายตาโกรธแค้นของคนตัวใหญ่ ได้แต่แย้งอีกฝ่ายอยู่ในใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องมรดกเธอเองก็ตกใจไม่ต่างกันเพราะเพิ่งจะรู้พร้อมกับเขาในวันนี้ ไม่ไหวแน่.. ความประทับใจแรกพบติดลบอย่างเลวร้าย แล้วแบบนี้อนาคตของเธอกับเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป มันคงไม่ราบรื่นแน่เธอมั่นใจ!
"ฉันให้เวลาแกตัดสินใจหนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้าฉันต้องได้คำตอบว่าแกจะยอมทิ้งทุกอย่างหรือยอมแต่งงานกับเจ้าหญิงและมีหลานให้ฉัน แน่นอนว่าถ้าแกยอมแต่งมรดกทุกอย่างของฉันจะยังคงเป็นของแกร้อยเปอร์เซ็นต์! " คุณสุรศักดิ์ยังคงยัดเยียดข้อเสนอที่เหมือนเป็นการบีบบังคับให้ลูกชายอย่างไม่ลดละ และก็มั่นใจด้วยว่าครั้งนี้วรธันย์จะไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างแน่นอน!
"พ่อ! นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยหรอครับ.."
"พรุ่งนี้ฉันต้องได้คำตอบ ตอนนี้ไปกินข้าวได้แล้ว" บิดาตัดบทเสียงเรียบ และสายตาที่มองมาก็มีความหมายว่าจะต้องเห็นเขาร่วมโต๊ะอาหารค่ำในวันนี้ ก็เลยจำต้องไป..
โต๊ะอาหารในวันนี้ถูกจัดให้นั่งเป็นคู่ๆ พ่อกับแม่และวรธันย์กับรินลดา เธอรู้สึกตลอดว่าถูกร่างสูงจ้องมองมาแบบไม่พอใจหลายต่อหลายครั้ง มันทั้งอึดอัดและลำบากใจจนเธอคิดอยากจะหนีไปให้ไกลจากที่ตรงนี้ แต่ก็ได้แค่คิดเพราะคำว่าบุญคุณมันค้ำคออยู่ตลอด
"ถ้าแกจะโกรธแกมาโกรธฉันคนเดียว เพราะความคิดทุกอย่างมันเป็นของฉัน" คุณสุรศักดิ์ขัดขึ้นมานิ่งๆ เมื่อเห็นลูกชายตัวดีคุกคามว่าที่ลูกสะใภ้ทางสายตาจนเธอนั่งคอตกห่อตัวหลบหนีรังสีอันตรายจากเขา
"พ่อต้องโดนยัยนี่ล้างสมองแน่ๆ นี่คงเข้ามาเพราะหวังเงิน" ทั้งคำพูดและสายตาของวรธันย์ถูกแคลนรินลดาอย่างไม่ปกปิด
"ตาธันย์! " คุณนาฏยาเริ่มมีปากเสียงขึ้นมาบ้างหลังจากปล่อยให้สองพ่อลูกปะทะคารมกันยกใหญ่ แต่ครั้งนี้เธอทนอยู่เฉยให้ลูกชายว่าร้ายร่างบางไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ความจริง!
"ฉันไม่ได้ถูกใครล้างสมอง แต่แกต่างหากที่เป็นคนบีบบังคับฉันให้ต้องทำแบบนี้ ถ้าจะโทษก็จงโทษตัวเอง และอย่าให้ฉันรู้ว่าแกไประรานเจ้าหญิงนะ ฉันสำเร็จโทษแกแน่! " บิดาคาดโทษเสียงเข้ม ทำคนฟังชักสีหน้า หายใจฟึดฟัดด้วยความไม่พอใจ เพราะถูกบีบจนทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
"อิ่มแล้วหรอตาธันย์" ทานข้าวได้ไม่กี่คำวรธันย์ก็รวบช้อนส้อม ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม และดันตัวลุกขึ้นยืนแบบไม่สนใจคำว่ามารยาท
"กินไม่ลงครับ! " บอกแม่เพียงเท่านั้นเขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว รินลดาได้แต่มองตามไปอย่างเครียดๆ สถานการณ์มันชวนให้เธอรู้สึกไม่อยากอาหารตามไปด้วยทั้งที่กับข้าวมากมายบนโต๊ะมีแต่ของดีๆ ที่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้ทานอีกหรือเปล่า
"มันเป็นแบบนี้แหละ คิดว่าจะทนได้มั้ยหื้ม" ไล่หลังลูกชายไปคุณสุรศักดิ์ก็เอ่ยถามร่างบางพลางถอนหายใจด้วยความหนักอกหนักใจ เพราะดูก็รู้ว่าเด็กสาวหวาดกลัวเจ้าลูกชายของเขาขนาดไหน กลัวจะยอมแพ้ไปเสียก่อนจะได้แต่ง
"เอ่อ.. หนูจะพยายามค่ะ" เอาตรงๆ เธอก็ไม่รู้หรอกว่าจะทนได้ไหม แต่ยังไงก็ต้องอดทนและพยายามให้ถึงที่สุด แม้ลึกๆ จะอยากถอนตัวใจแทบขาด แต่บุญคุณมหาศาลมันค้ำคอจนไม่กล้าพูดออกไป
คำตอบที่ได้ยินทำสองสามีภรรยารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ภายนอกรินลดาดูเป็นเด็กเรียบร้อย แม้จะแสดงออกชัดว่ากลัววรธันย์ขนาดไหน แต่ก็ไม่ยอมถอดใจง่ายๆ ทั้งที่จะทำก็ทำได้เพราะพวกเขาไม่ได้บังคับ เธอจะถอนตัวตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ยังได้ พวกเขาก็แค่เสียดายนิดหน่อยเท่านั้น..
"หนูต้องอดทนให้มากๆ นะลูก พี่เขาพูดอะไรไม่ดีก็อย่าเก็บมาใส่ใจ แรกๆ อาจจะทุลักทุเลไปสักหน่อย แต่นานไปแม่เชื่อว่าตาธันย์จะต้องหลงเสน่ห์หนูอย่างแน่นอน! " คนฟังยิ้มเจื่อนกับคำเยินยอเกินความเป็นจริงของว่าที่แม่สามี เธอไม่มีความมั่นใจอะไรแบบนั้นเลยสักนิด แค่สู้สายตาเขาก็ยังไม่กล้า..
ทั้งสามคนนั่งทานข้าวต่อกันจนอิ่ม ร่างบางอาสาจัดยาให้คนป่วยทานหลังอาหารแล้วพากันไปนั่งดูทีวีร่วมกันในห้องนั่งเล่นเพื่อรออาหารย่อย ก่อนจะตามไปส่งทั้งคู่ที่ห้องเมื่อได้เวลาเข้านอน
"ฝันดีนะคะ.. คุณพ่อคุณแม่.." เสียงหวานเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้
"ฝันดีจ้ะ อดทนหน่อยนะลูก" คุณนาฏยายิ้มรับ ก่อนให้กำลังใจพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบแก้มใสอย่างเอ็นดู คนฟังพยักหน้ารับนิดๆ ยืนส่งทั้งสองคนเข้าห้องไปจนประตูปิดลงก็เดินกลับมาที่ห้องตัวเอง..
เสียงถอนหายใจดังขึ้นหลังสิ้นเสียงปิดประตูห้อง แม้จะคาดการณ์ไว้แล้วแต่พอได้เจอหน้ากันจริงๆ วรธันย์ดูโมโหร้ายกว่าที่คิดไว้มากจนมองไม่เห็นหนทางที่ชีวิตหลังแต่งงานของเธอจะราบรื่น ยิ่งคุณสุรศักดิ์เอาเรื่องมรดกมาบีบบังคับเขาก็ยิ่งโกรธจัด ดวงตาวาวโรจน์ที่มองมา เธอยังจำมันได้ดี.. ไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตของเธอต่อจากนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำคนในห้องสะดุ้งไหวด้วยความตกใจ ตากลมจับจ้องไปที่ประตูอย่างสงสัย แต่นั่งเพ่งยังไงความสงสัยก็คงไม่กระจ่างเธอจึงลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู.. หัวใจดวงน้อยๆ หล่นตุ้บไปอยู่ปลายเท้าในวินาทีแรกที่เห็นร่างสูงใหญ่ยืนทำหน้าทะมึนอยู่ตรงหน้า ไม่ทันได้ถามอะไรรินลดาก็ถูกอีกฝ่ายดันเข้ามาข้างในตามด้วยตัวเขาแล้วปิดล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนา
"เท่าไร! " ผู้บุกรุกเอ่ยถามเสียงห้วน สร้างความมึนงงให้กับคนฟังเป็นอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
"คะ? "
"เธอจะเอาเท่าไหร่ แลกกับการออกไปจากบ้านหลังนี้! "
"........"
"พ่อฉันจ้างเธอมาเท่าไหร่ ฉันให้มากกว่าสามเท่าเลย! "
"...ฉันไม่รับค่ะ" รินลดาถึงกับหน้าชาเมื่อร่างสูงขยายความเพิ่ม ปฏิเสธได้ไม่เต็มปากนักว่าพ่อเขาไม่ได้จ้างเธอมา เธอเหมือนถูกจ้างทางอ้อมเพราะพ่อของเขาเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลของพ่อเธอทั้งหมดแล้วยื่นข้อเสนอเรื่องแต่งงานมาให้ เธอปฏิเสธไม่ลงเพราะบุญคุณครั้งนี้มันมากมายมหาศาล ถ้าไม่ได้พ่อของเขาช่วยไว้ครอบครัวเธอคงแย่
"อะไร สามเท่ายังไม่พออีกหรือไง อยากได้เพิ่ม? " วรธันย์ยังคงไม่ยอมแพ้ ใบหน้าหล่อเคร่งเครียดหนักเมื่อข้อเสนอดีๆ ที่คิดมาถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
"ต่อให้คุณจะให้ฉันเท่าไร ฉันก็ไม่รับทั้งนั้นแหละค่ะ" คำพูดดูแคลนจากเขาทำคนฟังรู้สึกไม่พอใจถึงขั้นเริ่มจะหมดความอดทน เพราะถึงเธอจะจนแต่เธอก็ไม่เคยหวังเงินจากใคร เว้นเสียแต่ว่ามันจำเป็นอย่างกรณีของพ่อ..
"หึ ไม่ต้องสร้างภาพว่าเป็นคนดีหรอกน่า ฉันรู้.. ว่าเธอมาที่นี่เพราะอะไร ฉันยินดีจ่ายถ้าเธอยอมว่าง่าย" คราวนี้ไม่เพียงแต่คำพูด ทั้งน้ำเสียงและรอยยิ้มเยาะแสดงออกชัดว่าคนพูดกำลังดูถูกดูแคลน สายตาก็เหมือนจะรังเกียจเธอจนปิดไม่มิด
"ฉันไม่รับค่ะ! " ความโกรธทำรินลดาเผลอขึ้นเสียงห้วนใส่อีกคนบ้าง ทั้งที่ปกติแล้วเธอไม่เคยพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้เลยสักครั้ง ไม่ว่าคู่สนทนาจะอายุน้อยหรือมากกว่า แต่ในกรณีของเขาคงต้องยกเว้น!
"หึ.. พ่อฉันคงให้เธอเยอะสินะ" ร่างสูงเหยียดยิ้มเยาะ ยิ่งพูดสายตาที่มองคนฟังก็ยิ่งมีแต่ความเกลียดชัง
"เยอะจนคุณคาดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ ต่อให้คุณทุ่มจนหมดตัวก็ยังไม่ถึงครึ่งกับสิ่งที่คุณพ่อของคุณมอบให้ฉันกับครอบครัว.." ร่างบางบอกเสียงอ่อน แววตาไหวระริกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่พ่อล้มพับไปต่อหน้าต่อตา บุญคุณครั้งนี้ของคุณสุรศักดิ์จึงมากมายจนไม่มีอะไรมาเทียบได้
"เหอะ นี่ยอมรับแล้วสินะว่าหวังเงินจากพ่อฉัน" คนฟังดวงตาวาวโรจน์ ด้วยฝังใจแต่จะคิดว่าอีกฝ่ายเข้ามาเพราะหวังเงินเลยไม่อาจเข้าใจเป็นอย่างอื่นไปได้
"เฮ้อ.. แล้วแต่คุณจะคิดเถอะค่ะ" รินลดาถอนหายใจอย่างปลงตก เธอเหนื่อยที่จะต้องพูดกับคนที่ไม่ยอมรับฟังอะไรอย่างวรธันย์เต็มที ไม่ว่าจะพยายามอธิบายยังไงก็คงเหมือนแก้ตัว เลยปล่อยให้เขาเข้าใจไปในแบบที่เขาอยากจะเข้าใจ
"ปากดี! คอยดูเถอะ.. ฉันจะทำให้ทุกคนเห็นธาตุแท้ของเธอ" เสียงต่ำขู่คำรามในลำคออย่างเดือดดาลเมื่อเห็นร่างบางถอนหายใจใส่ ไม่พอยังมองมาที่เขาด้วยสายตาเอือมระอาอย่างที่ไม่เคยมีใครทำ!
"คุณทำเหมือนรู้จักฉันดีจังเลยนะคะ ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง! " เสียงห้วนเถียงกลับไปอย่างเหลืออด เพราะเธอทนให้อีกฝ่ายดูถูกเหยียดหยามมามากเกินไปแล้ว เธอไม่ได้ทำอย่างที่เขากล่าวหาเลยทนเฉยให้เขาดูถูกไปมากกว่านี้ไม่ได้อีก
"ใครจะไปอยากรู้จักยัยผู้หญิงหน้าเงินอย่างเธอเล่า ให้ฟรีฉันยังไม่สนใจเลย! " ถ้อยคำปรามาสยังคงทิ่มแทงใส่คนฟังไม่หยุด ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหเพราะเขาทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ คนถูกว่าเองจากที่มีอาการหวาดกลัวในตอนแรกก็เริ่มจะไม่กลัวอีกต่อไป!
"เรื่องของคุณเถอะค่ะ แต่ขอสรุปให้ฟังอีกครั้งว่าฉันไม่รับข้อเสนอของคุณ คนที่จะทำให้ฉันออกไปจากบ้านหลังนี้ได้มีแค่คุณท่านทั้งสองเท่านั้น หมดธุระแล้วก็เชิญค่ะ ฉันจะนอน" รินลดาตัดบท เพราะคุยต่อก็คงจะไม่ได้อะไรในเมื่อมีแต่คำดูถูกเหยียดหยาม
"เธอ!! " ท่าทางที่ทำเหมือนรำคาญเขาเต็มทียิ่งทำวรธันย์โกรธจนร้อนรุ่มราวกับมีกองไฟสุมอก การกำจัดคนตรงหน้าดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด!
"อยู่นานฉันฟ้องพ่อคุณนะ ว่าคุณมาระรานฉัน" ร่างบางจำต้องขู่เมื่อท่าทางของคนตัวสูงเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกขณะ คำพูดเหยียดหยามเธอพอจะทนได้แต่กลัวถูกทำร้ายมากกว่า
"กรอดด.." คนถูกไล่กัดฟันกรอดจนสันกรามนูนเด่น ทั้งโกรธทั้งเกลียดแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องถอยออกไปก่อน
รินลดาทรุดนั่งลงกับเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงหลังประตูปิดลง มือเล็กยกขึ้นกุมอกเพราะก้อนเนื้อด้านในกำลังสั่นระรัว ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าปะทะคารมกับเขา ตายๆ โกรธขนาดนั้นคงไม่มีทางญาติดีกันได้แน่ๆ
..
..
..
..
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 3"เฮ้ยๆ ใจเย็นไอ้เสือ มึงจะเมาตั้งแต่สองทุ่มไม่ได้นะเว้ย"'ภาค' หนุ่มตำรวจจากกรมสืบสวนคดีพิเศษหรือที่เรียกสั้นๆ ว่าดีเอสไอทักขึ้นเสียงหลง เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่กอดคอถือหาง (?) กันมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มเอาๆ ราวกับอดอยากปากแห้งมานมนานทั้งที่คนอย่าง 'วรธันย์ อินทรเกษมกุล' ทายาทจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง 'อินทรเกษมกุล กรุ๊ป' ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟแวร์อันดับหนึ่งของประเทศไม่น่าจะห่างหายจากเรื่องพวกนี้ได้"เออ เป็นไรวะ มาถึงก็ดื่มเอาๆ หน้าบูดเหมือนตูดไอ้อ้วนเลยเนี่ย"'อาทิตย์' คู่หูรวมอาชีพของภาคผสมโรงมองงงใส่ร่างสูงอีกคน ต่างกันตรงที่เขาถูกเจ้าตัวตวัดตามองเคืองใส่หลังพูดจบเพราะดันไปเปรียบเทียบหน้าคนกับก้นหมาที่บ้านใส่กัน แต่เขาก็ได้ใส่ใจสายตาเชือดเฉือนคู่นั้น แถมยิ้มเย้ยกลับไปอีกต่างหาก"มึงก็พูดไป กูว่าตูดไอ้อ้วนยังดูดีกว่าหน้าไอ้ธันย์ตอนนี้เลยว่ะ ฮ่าๆ " ภาคแย้งขึ้น อดไม่ได้ต้องระเบิดหัวเราะร่าไปทีเพราะชอบอกชอบใจกับคำเปรียบเปรยของตนเอง ไม่ต่างจากอาทิตย์ที่รีบยกมือขึ้นแท็คทีมกันอย่างออกนอกหน้า แล้วก็พากันขำเอิ้กอ้ากต่อไป ฝ่ายจำเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 4เมื่อทานอาหารเช้าร่วมกับคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยาแล้ว รินลดาก็กลับขึ้นห้องเพื่อแต่งตัวใหม่เป็นชุดนักศึกษาเนื่องจากมีเรียนตอนสิบโมง เมื่อเรียบร้อยก็กลับลงมาไหว้ลาคนทั้งสอง เธอเผื่อเวลาเดินทางไว้มากโขเพราะเมื่อวานได้สังเกตลู่ทางไว้แล้วพบว่าป้ายรอรถประจำทางอยู่ตรงหน้าปากซอย ต้องเดินเท้าออกไปค่อนข้างไกล เธอเตรียมตัวพร้อมทุกอย่างทั้งร่มแบบพกพาไว้กางกันแดดและสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อที่จะได้เดินสบายเท้า แต่พอคุณสุรศักดิ์และคุณหญิงรู้เข้าก็พร้อมใจกันรีบเบรกความตั้งใจของเธอ และสั่งให้คนขับรถถอยรถยนต์คันหรูมารับถึงหน้าประตูบ้านร่างบางได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ครั้นจะแย้งว่าเธอเดินทางไปเรียนเองได้ก็ถูกมือบางของว่าที่แม่สามีดันหลังให้ขึ้นไปนั่งแหมะอยู่บนรถและลุงคนขับรถก็รีบออกตัวอย่างว่องไวราวกับแท็กทีมกันมัดมือชกให้เธอต้องจำยอม..การเดินทางมามหาวิทยาลัยของรินลดาในวันนี้ดูจะกลายเป็นที่สนใจของผู้คนที่พบเห็นไม่ใช่น้อย เธอไม่ใช่คนดังแต่เพราะรถยนต์สัญชาติอังกฤษราคาแพงที่น้อยคนนักจะกล้าซื้อมาขับกำลังทำให้เธอกลายเป็นจุดเด่น ซ้ำ 'ลุงพร' คนขับรถของคุณท่านทั้งสองยังไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 5 "กลับมาแล้วหรอลูก"กว่าจะช่วยพ่อกับแม่ขายของรวมเก็บร้านจนเสร็จและเดินทางกลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุลก็ปาไปสามทุ่มกว่าจวนจะสี่ทุ่มในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แต่คนที่กำลังเดินลากเท้าด้วยความเหนื่อยล้ากลับต้องแปลกใจที่ภายในบ้านอันเงียบสงบมีร่างหนึ่งของสตรีวัยกลางคนกำลังนั่งรอการกลับมาของเธออยู่ที่โซฟารับแขก"คุณหญิง...เอ่อ คุณแม่ทำไมยังไม่เข้านอนอีกล่ะคะ" เสียงหวานเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาคนถามก็รีบสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาอย่างรีบร้อนเสียเอง"ยังจ้ะ แม่แค่รู้สึก...เป็นห่วงหนูนิดหน่อยน่ะ กลับมืดค่ำ แล้วดูสิเนี่ย เหนื่อยมากเลยใช่มั้ยหื้ม? " คุณหญิงนาฏยายกยิ้มอ่อนพลางเอื้อมมือมาลูบแก้มใสแผ่วเบา ดวงตาคู่สวยมองสำรวจร่างกายบางๆ นั้นอย่างละเอียด ยิ่งเห็นเด็กสาวมีท่าทีเหนื่อยล้าเธอก็ยิ่งสงสารและเห็นใจ วันนี้อากาศดูจะร้อนกว่าทุกวันอีกฝ่ายเลยเหงื่อโทรมกายเสียขนาดนี้"นิดหน่อยค่ะ แต่หนูชินแล้ว" ร่างบางยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เพราะถึงจะเหนื่อยก็เหนื่อยเพราะทำเพื่อพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งกว่าที่ท่านทั้งสองจะเลี้ยงดูให้เธอเติบโตมาได้ถึงยี่สิบก
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 6"หลีกไป ฉันจะเข้า! "ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกวลินมา 'พิมผกา' ผู้เป็นเลขาของท่านประธานก็ไม่สามารถรั้งหล่อนให้หยุดรอหน้าห้องได้เลยสักครั้ง เช่นเดียวกับวันนี้ที่เจ้าหล่อนไม่รู้ไปกินรังแตนมาจากไหนถึงได้เดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล มาถึงก็ใช้แรงไม่น้อยผลักเธอออกไปให้พ้นทางจนเสียหลักล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้นด้วยตั้งตัวไม่ทัน ไม่แม้แต่จะชายตามองให้เสียเวลาร่างเพรียวนั้นก็กระชากประตูห้องท่านประธานเปิดออกและปิดเสียงดังจนเจ้าของห้องที่นั่งทำงานอยู่ยังสะดุ้งด้วยความตกใจ นัยน์ตาคมปราดมองผู้บุกรุกอย่างไม่พอใจ กำลังจะเอ่ยปากตักเตือนก็เป็นอันต้องเงียบไปเมื่อได้เห็นสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์! ? " น้ำเสียงเล็กแหลมตะคอกถามพร้อมกับยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูที่กำแน่นมาตลอดทางไปให้ร่างสูงดูจนเกือบจะกระแทกหน้า"คุณไปแอบมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไรคะ แล้วเกวล่ะ คุณเห็นเกวเป็นอะไร! " ร่างเพรียวเอ่ยตัดพ้อเสียงเครือแสร้งน้ำตาคลอในขณะที่ดวงตาคมยังคงไล่อ่านเนื้อหาที่อยู่บนหน้าจอโดยไม่พูดอะไร เมื่ออ่านจบก็พลันนิ่งไปนิด..ปกติข่าวพวกซุบซิบนินทาดาราคนดังเทือกนี้วรธ
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 7'หนูหญิงคือคู่หมั้นและว่าที่สะใภ้บ้านเราในอนาคตอันใกล้ ส่วนคนอื่นไม่รู้ค่ะ อาจจะเป็นแค่คู่ควงหรือคู่ขาที่มีไว้แก้เหงา...ทำนองนั้น เพราะถ้ารักกันจริงลูกชายดิฉันคงพาเข้าบ้านมาไหว้พ่อแม่นานแล้ว...'เมื่อคลิปสัมภาษณ์ที่สามสาวนำมายัดเยียดให้ดูรันจนจบ ประโยคหนึ่งที่คนในคลิปพูดกับรินลดาไว้เมื่อวานก็ผุดขึ้นมาในหัวแทบจะทันที...'ถ้าหนูคิดมากเรื่องข่าวที่ผู้หญิงคนนั้นจงใจสร้างขึ้นล่ะก็ ไม่ต้องคิดหรอกจ้ะ พรุ่งนี้ก็เงียบ..'แบบนี้นี่เอง...เพราะคุณหญิงนาฏยารู้ว่างานสังคมที่กำลังจะไปร่วมในตอนหัวค่ำจะต้องถูกสื่อทุกสำนักรุมถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงพูดเป็นนัยแบบนั้นออกมา ทั้งคุณหญิงและคุณสุรศักดิ์ต่างให้สัมภาษณ์เอนเอียงมาทางเธออย่างไม่ไว้หน้าใคร ตอบชัดตอบตรงทุกประเด็นจนบรรดานักข่าวหมดข้อสงสัยไปอย่างรวดเร็วเช้าวันนี้บรรยากาศของผู้รอบข้างจึงเปลี่ยนไปอีกหน กระแสตีกลับไปกลับมาจนตามไม่ทัน เธออุตส่าห์ทำเฉยไม่อยากยุ่งให้วุ่นวาย แต่แม่สามสาว ฟิล์ม บี ต้นอ้อ ก็ช่างหวังดีหรืออยากรู้อยากเห็นก็ไม่แน่ใจ ชอบเอาข่าวมาให้ดูและซักไซ้ไล่เรียงถามราวกับซ้อมเป็นรักข่าวก็ไ
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 8ตากลมมองตามแผ่นหลังของสามีในอนาคตอันใกล้ที่เดินไปสวมกอดผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งคู่ยิ้มให้กันหวานชื่นก่อนที่ฝ่ายหญิงนั้นจะเหยียดสายตามองมาที่เธออย่างผู้กำชัยชนะ รินลดาพยายามข่มอารมณ์ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับอะไรทั้งนั้นก่อนจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคนทั้งสองวรธันย์แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการขยับเก้าอี้ให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งในขณะที่ร่างบางต้องช่วยเหลือตัวเอง พวกเขาแสดงออกชัดว่าเธอเป็นเพียงส่วนเกิน เธอเข้าใจและไม่ถือสาแม้จะเห็นรอยยิ้มและสายตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นส่งมาอย่างออกนอกหน้าก็ตาม"นี่เกวลินเป็นคนรักของฉัน" ร่างสูงแนะนำคนข้างกายอย่างไม่ทุกข์ร้อน ดูจะจงใจเน้นย้ำสถานะของอีกฝ่ายให้เธอฟังเสียยิ่งกว่าอะไร"สวัสดีค่ะ" เสียงหวานเอ่ยทักทายเรียบๆ ไม่ได้แนะนำตัวเองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักเธอแล้วไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นวรธันย์คงแนะนำเธอกลับไปบ้างแล้ว"สวัสดีค่ะ คงไม่ว่าอะไรนะคะถ้าฉันจะขอนั่งด้วย" อีกฝ่ายแย้มยิ้มหวานหยด แกล้งถามด้วยความเกรงอกเกรงใจ ที่มองออกไม่ใช่ว่ารินลดามองคนเป็นแต่หล่อนไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองมาตั้งแรกแล้วต่างหา
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 9พอพ้นหน้าโรงแรมหรูออกมารินลดาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่ายังไม่ดึกเท่าไรก็คิดหาทางกลับบ้าน แท็กซี่นั้นเธอตัดทิ้งไปเป็นอย่างแรกเพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีด้วย แต่ชุดแบบนี้ให้ไปยืนโหนรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติร้อนๆ บวกควันรถก็ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไร ถ้ารถเมล์แอร์เย็นๆ ก็คงพอได้อยู่ ถึงจะไม่ได้มีที่ให้นั่งในเวลารีบเร่งแบบนี้ก็ไม่เป็นไรคิดได้แบบนั้นดวงตาคู่กลมก็สอดส่องหาป้ายรถเมล์ แต่ก็ไม่พบในระยะสายตามองเห็นเลยตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบ ซึ่งก็กินเวลาไปหลายนาทีและอากาศก็ร้อนจนเหงื่อซึม ยืนรอสักพักรถเมล์ปรับอากาศสายที่ต้องการขึ้นก็ผ่านมา แม้ผู้คนจะเบียดเสียดเนื่องจากเยื้อแย่งกันกลับบ้าน แต่ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับร่างบางที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะอยู่เป็นประจำใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากการจราจรติดขัด ในที่สุดรินลดาก็กลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุล ท่ามกลางความแปลกใจระคนตกใจของคุณหญิงนาฏยาที่ยังไม่เข้านอนเพราะรอติดตามสถานการณ์ของลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ทุกขณะ แต่นอกจากจะกลับไวและไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ของเจ้าลูกชายแล้วยังเห็นแค่ลูกสะใภ้เดินเข้
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 10วรธันย์กลับเข้าบ้านมาในตอนสี่ทุ่มครึ่ง ร่างกายหนักอึ้งมีอาการมึนเมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับไร้สติ เวลานี้ภายในบ้านเงียบสงัดเนื่องจากทุกคนคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว มีเพียงเขาที่จิตใจยังคงกระสับกระส่ายร้อนรุ่มจนยากจะข่มตาหลับ เป็นเหตุให้ฝืนอาการมึนๆ ขับรถจากคอนโดกลับมาบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาในเวลานี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อทุกคนต่างเข้านอนกันหมด รู้เพียงว่าทนอยู่ไม่ได้...ความรู้สึกผิดและเสียใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างไม่มีทางที่เขาจะข่มตาหลับได้แน่ตั้งใจจะกลับมาขอโทษมารดาแต่ก็ดึกเกินกว่าจะกล้าเคาะประตูเรียกเลยเอาแต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของอีกฝ่าย ถามว่าทำไมไม่รีบกลับมาตั้งแต่หัววัน ยืดอกสามศอกยอมรับตรงๆ เลยว่าไม่กล้า...ความผิดครั้งนี้ร้ายแรงจนเขาไม่อาจสู้หน้าบุพการี แม้จะระหองระแหงเรื่องแต่งงานกันมาตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขากับพ่อแม่จะทะเลาะกันรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้และไม่เคยทำให้พ่อโกรธถึงขั้นกล้าตัดความสัมพันธ์ ลูกชายเพียงคนเดียวที่เคยเป็นความหวังในทุกๆ เรื่องของพวกเขา มาวันนี้กลับถูกตั
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 28"คุณพิมพ์ วันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะ เลื่อนงานออกไปทั้งหมด บอกศรัณซื้อยาลดไข้กับข้าวต้มมาให้ผมที่คอนโดด้วย ขอบคุณ" มือเรียวกดวางสายทันทีหลังจากพูดธุระกับผู้เป็นเลขาจบ โทรศัพท์เครื่องหรูถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่ใยดีหลังจากหมดประโยชน์ เนื่องจากเจ้าของเครื่องมีสิ่งสำคัญมากกว่าให้สนใจร่างบอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทว่าร่างกายแผ่ไอร้อนออกมาจนรู้สึกได้ คนเป็นไข้ต้องเช็ดตัว...คิดได้แบบนั้นวรธันย์จึงผละออกไปหาผ้าสะอาดกับชามใบเล็กๆ รองน้ำเกือบเต็ม ก่อนจะเดินกลับเข้ามาหาคนหลับอีกครั้งมือเรียวคว้ารีโมทมากดปิดแอร์เพราะกลัวคนป่วยจะหนาวระหว่างที่เช็ดตัวให้ ก่อนทำการขุดร่างคนป่วยขึ้นมาจากผ้าห่มผืนใหญ่ เปลื้องผ้าเธอจนหมด แล้วนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดไปตามลำตัวขาวผ่องซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยสีแดงเรื่อที่เขาฝากไว้เมื่อคืนอย่างระมัดระวังวรธันย์ข่มใจเช็ดตัวให้คนรักจนเสร็จก็ใส่เสื้อผ้ากลับคืนให้ ดึงผ้าห่มคลุมถึงลำคอก่อนกดเปิดแอร์และเพิ่มอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น ก่อนเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำบ้าง ออกมาทันตอนได้ยินเสียงก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 27รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบอบบางก็แตะลงบนที่นอนนุ่ม ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ตักตวงเอาความหอมหวานจนพอใจถูกถอนออกไปก่อนจูบซับเข้าที่ข้างขมับ พวงแก้ม ปลายคางและเลื่อนต่ำลงไปที่ซอกคอขาว ขณะที่ฝ่ามือลากไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของคนรัก กลิ่นกายหอมกรุ่นราวกับดอกไม้แรกแย้มทำสติสัมปชัญญะกระจัดกระเจิงยากที่จะควบคุมวรธันย์ห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนานมากๆ ตลอดมาเขาไม่เคยต้องอดทนกับใคร และก็คิดว่ายังทนต่อไปได้อีกนาน กระทั่งได้ยินคำว่า 'รัก' จากปากอิ่มเล็กๆ นั่น เขาถึงได้รู้ความจริงว่าความอดทนของเขามันหมดไปตั้งแต่วินาทีนั้น เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว!ด้านรินลดาเองก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปถ้าขืนเธอยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้สถานการณ์มันไหลต่อเนื่องไปแบบนี้ เธอกำลังสับสนกับความต้องการจริงๆ ของตัวเองเพราะความคิดด้านดีกับด้านลบกำลังขัดแย้งกันมั่วไปหมด...'ห้ามชิงสุกก่อนห่าม' คือประโยคที่ไม่ว่าหญิงหรือชายก็มักจะเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่พร่ำสอนกันมาตั้งแต่เล็กจนโตในสังคมไทย ทว่าเธอไม่เคยมีคนรักเลยไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ที่เขามี เขาทำตามคำสอนนั้นได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะอีกด้านหนึ่งเราก็
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 26การอยู่เฉยๆ ในห้องชุดอันแสนกว้างใหญ่มันไร้ประโยชน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากทำอะไรก็ขยับไม่ได้ดั่งใจ แต่จะให้อยู่เฉยๆ ทั้งวันรินลดาก็ทำไม่ได้ เมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอก็ตั้งใจว่าจะลงไปเดินเล่นที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างคอนโด เพราะตอนดูทีวีบังเอิญเปิดไปเจอรายการทำอาหารและขนม เลยนึกอยากทำขนมอร่อยๆ ไว้รอเจ้าของห้องกลับจากที่ทำงานร่างบางพาตัวเองค่อยๆ เดินไปที่ลิฟต์อย่างไม่รีบร้อน โชคดีที่คอนโดหรูแห่งนี้เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเลยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรือกลัวว่าจะไปยืนเก้ๆ กังๆ ขวางทางใครเข้า"หญิง! " ใครสักคนที่กำลังจะเดินสวนเข้ามาในคอนโดเรียกชื่อเธอเสียงดัง ครั้นหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มแฉ่งก่อนจะปรี่เข้ามาลูบหัวลูบหาง (?) เธอด้วยความดีใจ"พี่อิฐ! " คราแรกที่ถูกเรียกเสียงดังยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นใครรินลดาก็ออกอาการดีใจไม่ต่างกัน บุรุษเพศนั้นผ่านเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือพี่รหัสคนนี้นี่เอง"โหย ไม่เจอกันนาน คิดถึงนะเนี่ย" อิทธิพัทธ์เขย่าไหล่เล็กเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่สุดท้ายจะอดใ