วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 3
"เฮ้ยๆ ใจเย็นไอ้เสือ มึงจะเมาตั้งแต่สองทุ่มไม่ได้นะเว้ย"
'ภาค' หนุ่มตำรวจจากกรมสืบสวนคดีพิเศษหรือที่เรียกสั้นๆ ว่าดีเอสไอทักขึ้นเสียงหลง เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่กอดคอถือหาง (?) กันมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มเอาๆ ราวกับอดอยากปากแห้งมานมนานทั้งที่คนอย่าง 'วรธันย์ อินทรเกษมกุล' ทายาทจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง 'อินทรเกษมกุล กรุ๊ป' ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟแวร์อันดับหนึ่งของประเทศไม่น่าจะห่างหายจากเรื่องพวกนี้ได้
"เออ เป็นไรวะ มาถึงก็ดื่มเอาๆ หน้าบูดเหมือนตูดไอ้อ้วนเลยเนี่ย"
'อาทิตย์' คู่หูรวมอาชีพของภาคผสมโรงมองงงใส่ร่างสูงอีกคน ต่างกันตรงที่เขาถูกเจ้าตัวตวัดตามองเคืองใส่หลังพูดจบเพราะดันไปเปรียบเทียบหน้าคนกับก้นหมาที่บ้านใส่กัน แต่เขาก็ได้ใส่ใจสายตาเชือดเฉือนคู่นั้น แถมยิ้มเย้ยกลับไปอีกต่างหาก
"มึงก็พูดไป กูว่าตูดไอ้อ้วนยังดูดีกว่าหน้าไอ้ธันย์ตอนนี้เลยว่ะ ฮ่าๆ " ภาคแย้งขึ้น อดไม่ได้ต้องระเบิดหัวเราะร่าไปทีเพราะชอบอกชอบใจกับคำเปรียบเปรยของตนเอง ไม่ต่างจากอาทิตย์ที่รีบยกมือขึ้นแท็คทีมกันอย่างออกนอกหน้า แล้วก็พากันขำเอิ้กอ้ากต่อไป ฝ่ายจำเลยที่ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับหมาได้แต่มองเคืองจนตาแทบถลน เมื่อสองเกลอไม่มีท่าทีว่าจะสนก็เปลี่ยนมายกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มอีก แต่ดื่มให้ตายยังไงก็ไม่หายเครียดเลยจริงๆ
"พ่อบังคับกูแต่งงาน.." เมื่อความรู้สึกนึกคิดมันอัดรวมกันอยู่ในอกมากเกินไปจนหายใจลำบาก วรธันย์จึงตัดสินใจระบายออกไป
"แล้วไงวะ ก็เหมือนทุกที"
"เออ กูเห็นพูดแบบนี้หลายทีแล้ว ก็ไม่เห็นแต่งสักที" สองหนุ่มทำหน้างงเพียงเล็กน้อยก็กลับมาผ่อนคลาย เพราะปัญหาหนักใจที่ทำให้เพื่อนรักเรียกพวกเขาออกมาดื่มกันตั้งแต่หัววันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอย่างที่คิด
"ครั้งนี้พ่อกูยื่นคำขาด.. ถ้าไม่แต่ง กูจะไม่ได้มรดกเลยสักบาทเดียว! " คนพูดขบฟันดังกรอด แก้วเหล้าในมือถูกบีบแน่นจนกลัวจะแตกคามือ เพราะนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อตอนหัวค่ำทีไรก็เป็นต้องอารมณ์ขึ้นทุกที
"เฮ้ย เอาจริงดิ? " คราวนี้สองสหายหันมาทำหน้าตาตื่น เพราะเรื่องที่พ่อแม่เพื่อนอยากให้แต่งงานนั้น เดิมทีก็เคยรับรู้กันอยู่และรู้สึกเฉยๆ มาตลอด ไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้จะมีเงื่อนไขสำคัญเพิ่มเข้ามาด้วย!
"เอางี้ดิ.. มึงก็แต่งกับเกวลินตบตาพ่อมึงไปก่อน เบื่อเมื่อไรค่อยหย่าก็ได้" อาทิตย์พยายามช่วยคิดหาทางออกหลังจากหายอึ้งก่อนใคร ภาคเองก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที ซึ่งหญิงสาวที่กำลังพูดถึงก็คือคู่ขาที่เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นแฟนของวรธันย์นั่นเอง
"ทำงั้นได้กูคงไม่มานั่งเครียดแบบนี้หรอก! เขาหาเมียมาให้กูเสร็จสรรพ เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ เพิ่งจะรู้จักกันไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ! " ร่างสูงชักสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใส่เพื่อน แต่ก็ผิดที่เขาเองที่ไม่ยอมเล่าออกไปให้หมด พวกนั้นจึงไม่รู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกมากขนาดนั้น
"ฮะ? ได้หรอวะ"
"เชี่ย.. งี้มันคลุมถุงชนชัดๆ เลยหนิ" ทั้งสองหนุ่มทำหน้ามึนงงตกใจกับสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนละครหลังข่าวขึ้นกับเพื่อน
"ก็เออน่ะสิ! กูมีทางเลือกที่ไหน มรดกไม่ได้ไม่พอ ยัยนั่นยังจะได้ส่วนที่ควรจะเป็นของกูไปตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์ แม่ง.. เข้ามาชุบมือเปิบชัดๆ! " วรธันย์กัดฟันแน่นจนสันกรามนูนเด่น พยายามข่มอารมณ์แม้จะทำได้ยากเย็นเต็มที
"สามสิบเปอร์เซ็นต์ก็เท่ากับกลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืนเลยนะเว้ย ใช้ดีๆ ทั้งชาติก็ไม่หมดอ่ะ" ภาคเอ่ยพลางหรี่ตาประเมินสถานการณ์ไปพร้อมๆ กับคิดหาทางออกช่วยเพื่อน
"ก็เออน่ะสิ กูถึงเครียดอยู่เนี่ย กูไม่ยอมให้ใครก็ไม่รู้มาแย่งสิ่งที่กูควรจะได้ไปง่ายๆ หรอกนะ! " ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนมีใครมาสุมไฟใส่กลางอก ซึ่งใครที่ว่าก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นนั่นแหละ!
"แล้วจะเอาไง ก็ต้องแต่งป้ะ" อาทิตย์ถามอย่างปลงๆ มองสบตาเพื่อนทั้งสองอย่างต้องการความคิดเห็น เพราะตัวเขานั้นคิดจนสมองรวนก็ไม่เจอทางออกสำหรับเรื่องนี้
"ก็คงต้องเป็นงั้นอ่ะ แล้วพ่อมึงบอกอะไรอีกวะ เขาอยากให้แต่งทำไม คนไม่ได้รักกันแต่งกันไปก็ไปกันไม่รอด ต้องหย่าอยู่ดีป้ะวะ" ภาคเองก็เห็นตรงกันว่าไม่มีทางออกสำหรับเรื่องนี้ เลยถามหาเหตุผลที่คนเป็นพ่อตัดสินใจทำแบบนี้กับลูกชายเพียงคนเดียวขึ้นมาแทน
"เขาอยากอุ้มหลาน.." คนถูกถามตอบพร้อมกับถอนหายใจอย่างตึงเครียด เรื่องแต่งงานเขายังไม่อยากจะคิด แล้วเรื่องมีลูกจะมาอยู่ในสมองของเขาได้ยังไงกัน!
"อ้อ เข้าใจล่ะ" ภาคพยักหน้าเข้าใจ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากเมื่อเข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่ทั้งสองที่มีลูกชายเพียงคนเดียวก็คือคนที่กำลังนั่งทำหน้าเครียดอยู่ตรงหน้า การแต่งงานและมีทายาทคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ เพราะมันถึงเวลาสมควรแล้วที่วรธันย์จะต้องสร้างครอบครัวและมีทายาทสืบสกุลต่อไปเสียที
"มึงก็.. แต่งๆ ไปเหอะ ทนๆ เอา มีลูกให้เขาเมื่อไหร่ เขาพอใจค่อยหย่าก็ได้นี่หว่า หรือว่าที่เมียมึงขี้เหร่มากจนอึ๊บไม่ลงวะ" อาทิตย์ถามกลั้วเสียงขำเล็กๆ
สิ้นคำคนถูกถามก็พลันนึกไปถึงใบหน้าว่าที่ภรรยาในอนาคตอันใกล้.. ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารินลดาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ตรงสเป็ค ชนิดที่ว่าถ้าไม่ได้เจอกันด้วยสถานการณ์แบบนี้เขาคงตกหลุมรักเธอได้ง่ายๆ แต่พอได้เจอกันแบบนี้นอกจากจะรักไม่ลงแล้วยังเกลียดเข้าไส้!
"ก็.. ไม่แย่" ร่างสูงโคลงศีรษะไล่ความคิดแปลกๆ ในแวบแรก ก่อนตอบไปแบบกลางๆ ไม่เจาะจงให้คนฟังรู้สึกสนใจ
"ก็ยังดี มึงก็ทนๆ ยอมๆ พ่อมึงไปก่อน ท่องไว้ว่าเพื่อเงิน มีหลานให้เขาสักคนค่อยหย่า ถึงตอนนั้นเขาคงไม่ห้ามมึงแล้วแหละ สมใจแล้วนี่" ภาคสรุปสิ่งที่พอจะทำได้ก่อนปล่อยเบลอไม่คิดอะไรเครียดๆ ให้เสียบรรยากาศอีก แค่นี้ก็ดื่มต่อไม่ลงแล้ว
"เฮ้อ มึงนี่ก็นะ ดันเกิดมาเป็นลูกคนเดียวอีก" อาทิตย์ถอนหายใจ ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายพลางนึกย้อนมาถึงตัวเอง ดีนะที่เขาไม่ใช่ลูกคนเดียว ไม่งั้นถูกพ่อแม่กดดันหนักอย่างเพื่อนแน่ๆ แต่จะว่าดีก็ไม่ดีไปเสียทีเดียว เพราะเขาเป็นลูกชายคนโตพ่อแม่ไม่ถึงกับกดดันแต่ก็คาดหวังไม่น้อยเลยเหมือนกัน
"กูเลือกเกิดได้หรือไง" คนถูกว่าแยกเขี้ยวคำรามใส่ พอจะทำให้วงสนทนาเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาได้บ้าง
พอได้ข้อสรุปเพื่อนทั้งสองก็คุยกันไปเรื่องอื่น ไม่วกกลับมาเรื่องเครียดๆ อีก พวกนั้นเฮฮาได้ทันทีที่เหล้าเข้าปาก มีเพียงวรธันย์คนเดียวที่เฮไม่ออกเลยทำเพียงนั่งดื่มและคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ แน่ล่ะ.. มาเจออย่างเขาใครไม่เครียดก็บ้าแล้ว!
ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าชีวิตชายโสด (?) ที่เพรียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาฐานะอย่างเขาจะมาลงเอยแบบนี้ เขาสนุกและพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ ทำงานทุกวันแต่ก็หาความสนุกใส่ตัวไม่เคยขาด ยิ่งไม่มีพันธะผูกมัดกับใครก็ยิ่งไปได้สุดเท่าที่ใจต้องการ แต่ต่อไปมันจะไม่มีแบบนั้นอีกนี่สิ..
จะว่าเสียดายก็เสียดาย แต่ลึกๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าเขาจะอยู่แบบนี้ไปตลอด เมื่อไรที่พร้อมเขาเองก็อยากจะสร้างครอบครัวอย่างคนอื่นเขาเหมือนกัน เพื่อนๆ ต่างบอกว่าเขาหวงความโสดแต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย เขาแค่ยังไม่เจอใครที่อยากจะลงเอยด้วยก็เท่านั้น เจอแต่เหมือนจะใช่แต่ก็ได้แค่เหมือนทุกที..
วันต่อมา
รินลดาตื่นเช้าเป็นปกติแม้วันนี้จะมีเรียนสาย เพราะเดิมทีเคยชินกับการตื่นมาช่วยแม่ทำกับข้าวไปขายในตลาด ซึ่งมื้อเช้านั้นจะทำแค่อาหารง่ายๆ เช่น โจ๊ก ข้าวเหนียวหมูปิ้ง แซนวิชและกับข้าวเบาๆ อีกสองสามอย่าง โดยเน้นเมนูทานง่ายสำหรับนักเรียน นักศึกษาและคนทำงานในวันรีบเร่ง ส่วนกับข้าวหลักๆ ที่ทำเยอะจริงๆ คือมื้อเย็นซึ่งเธอขอคุณหญิงไว้แล้วว่าจะไปช่วยแม่ขาย แต่ตอนนี้พอไม่ได้ช่วยแม่ทำกับข้าวอย่างเดิมแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร ร่างบางเลยเดินเลียบๆ เคียงๆ ไปที่ห้องครัวเผื่อว่าจะช่วยป้าๆ แม่บ้านทำครัวได้บ้าง
"อ้าว คุณหญิง ตื่นเช้าเชียว ต้องการรับอะไรดีคะ ป้าจะทำให้" ป้าจิตรหัวหน้าแม่บ้านถามขึ้นเพราะหันมาเห็นเธอก่อนใคร
"เอ่อ เปล่าค่ะ หนูแค่ไม่มีอะไรทำ เลยจะเข้ามาช่วย" ร่างบางเลิกลั่ก ปฏิเสธเสียงเบาเพราะยังไม่คุ้นชินกับการถูกปฏิบัติดีด้วยเท่าไร
"ตายแล้ว! ไม่ได้นะคะ คุณหญิงเป็นคู่หมั้นของคุณธันย์ ไม่มีใครกล้าให้ทำอะไรหรอกค่ะ แค่เหยียบเข้ามาในครัวก็ไม่ควรแล้ว" อีกฝ่ายลนลานปฏิเสธกลับมาราวกับเป็นเรื่องใหญ่โตจนรินลดาได้แต่ทำหน้างง
"...ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ หนูเต็มใจช่วย" เสียงหวานยืนยันคำเดิมอย่างตั้งใจ ถึงเธอจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยฐานะที่สูงกว่าแต่เธอไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด ไม่รู้สึกยินดีกับการได้นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร สิ่งไหนที่เธอพอจะทำได้เธอก็อยากช่วยเต็มที่
"ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณท่านทั้งสองรู้จะดุป้าเอา เชิญไปนั่งรอมื้อเช้าในห้องนั่งเล่นดีกว่า เดี๋ยวป้าให้เด็กยกของว่างไปให้นะคะ" ป้าจิตรอ้อนวอนเสียงอ่อนทำใจคนฟังอ่อนยวบตามไปด้วย รินลดากลัวป้าถูกคุณหญิงดุอย่างที่เจ้าตัวอ้างเลยยอมพยักหน้าและเดินกลับออกมารอที่ห้องนั่งเล่น สักพักคุณหญิงก็ลงมาจากชั้นบน
"อรุณสวัสดิ์จ้ะ ตื่นเช้าจัง เมื่อคืนหลับสบายมั้ยจ๊ะ" คุณหญิงเอ่ยทักกันด้วยน้ำเสียงสดใส ใบหน้าอ่อนเยาว์เผยรอยยิ้มที่คนมองคิดว่าสวยเหมือนรอยยิ้มของแม่ออกมาจนอดยิ้มตอบไม่ได้
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ.. รู้สึกแปลกที่นิดหน่อย แต่ก็หลับสบายดีค่ะ" ร่างบางผุดลุกเข้าไปประคองคนอายุมากกว่ามานั่ง จังหวะเดียวกันป้าจิตรก็พาเด็กๆ ยกของว่างมาให้ คุณสุรศักดิ์ที่ไปดูต้นไม้ในสวนหลังบ้านก็กลับเข้ามาพอดี
"เจ้าธันย์ออกไปตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ยอมกลับบ้าน" ร่างสูงนั้นพูดลอยๆ ขึ้นมาให้คุณหญิงรับรู้ ซึ่งเธอก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับลูกชายดี
"คุณพี่ก็อย่าเพิ่งไปกดดันลูกมากเลยค่ะ แกคงไม่ชอบใจนัก" คุณนาฏยาเอ่ยอย่างจำใจ แน่นอนว่าไม่มีใครชอบถูกบังคับ เธอเข้าใจทั้งลูกชายและสามี ทุกคนต่างมีเหตุผลส่วนตัวที่พอมันไม่ตรงกันก็เลยขัดแย้งกันแบบนี้
"ผมยอมมามากพอแล้วคุณหญิง" คุณสุรศักดิ์พูดเสียงเข้ม ผู้เป็นภรรยาก็ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ ก็อย่างที่บอกว่าเธอเข้าใจทั้งสองฝ่าย แต่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่สามีไม่ได้อยู่ที่เธอ ผู้นำตระกูลไม่ว่ารุ่นไหนๆ ก็ต้องมีทายาทสืบสกุลเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ยิ่งลูกชายเพียงคนเดียวอายุเฉียดครึ่งชีวิตเข้าไปแล้วก็ยิ่งต้องรีบมี..
ลึกๆ แล้วคุณหญิงก็นึกโทษตัวเองอยู่เหมือนกันที่ร่างกายอ่อนแอจนไม่สามารถมีลูกหลายๆ คนได้ ไม่งั้นวรธันย์คงไม่ต้องถูกกดดันถึงขนาดนี้..
"เฮ้อ พาน้องเครียดแต่เช้าเลยนะคะ ปล่อยๆ ลูกไปก่อนเถอะค่ะ อย่าเคี่ยวนักเลย ให้เวลาแกทำใจสักหน่อย เดี๋ยวก็คงยอมรับได้เอง" คุณหญิงถอนหายใจอย่างจำยอม ทำได้แค่ช่วยพูดให้สามีเข้าใจลูกอีกหน่อยเพราะสถานการณ์มันก็ค่อนข้างจะกะทันหันเกินไป คุณสุรศักดิ์พอเห็นภรรยาบ่นเครียดก็ยอมลงให้ ยอมให้ลูกชายยังทำตัวเหลวไหลต่อไปได้อีกสักพัก แต่ไม่ยอมให้ยกเลิกงานแต่งอย่างเด็ดขาด!
..
..
หลังจากนั่งคิดนอนคิดมาทั้งคืน ไม่พอยังลามมารบกวนเวลาทำงานในเช้าวันนี้ด้วย วรธันย์ก็ยังหาบทสรุปเรื่องงาน (บังคับ) แต่งไม่ได้ จะให้ยอมแต่งง่ายๆ อย่างที่เพื่อนแนะนำนั้น บอกตรงๆ ว่าพอรู้ธาตุแท้ของฝ่ายว่าที่เจ้าสาวแล้วทำใจยอมรับง่ายๆ ไม่ได้ แต่ทันใดในขณะที่กำลังจะเลิกคิดนั้นก็เกิดแสงสว่างเล็กๆ ขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดในสมอง.. จริงอยู่ว่าเขาถูกมัดมือชกไม่ให้ปฏิเสธได้ แต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธงานแต่งไม่ได้นี่นา! จะถูกพ่อเขาจ้างมาเท่าไรก็ช่างสิ แต่ถ้าเขาจะทำให้อีกฝ่ายอดทนอยู่จนถึงวันแต่งไม่ได้และเป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งไปเองล่ะ เขาก็จะไม่ต้องฝืนใจ มรดกก็ยังคงอยู่ มีแต่ได้กับได้เห็นๆ!
คิดได้แบบนั้นร่างสูงก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างพึงพอใจ ความเครียดสะสมมลายหายไปเป็นปลิดทิ้งราวกับไม่เคยมีมาก่อน นั่งทำงานต่อไปอย่างอารมณ์ดี๊ดี..
แกรก!
"ธันย์คะ! " คนที่นั่งทำงานอย่างใช้สมาธิเป็นอันต้องสะดุ้งตกใจเมื่อผู้มาใหม่เปิดประตูพรวดเข้ามาโดยไม่เคาะบอกหรือแจ้งผ่านเลขาล่วงหน้าก่อนว่าจะมา พอมองเลยไปด้านหลังก็เห็นแต่เลขาถลาตามเข้ามาทำหน้าเจื่อนๆ เหมือนว่าพยายามห้ามแล้วแต่ไม่สำเร็จ
"เกว.. จะเข้ามาผมบอกให้เคาะประตูหรือแจ้งเลขาผมก่อนไง" เสียงต่ำเอ่ยตำหนิอดีตคู่ขาที่เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นแฟนอย่างไม่พอใจ เพราะเรื่องนี้เขาต้องย้ำทุกครั้งที่อีกฝ่ายบุกมาหาแต่ก็เหมือนพูดให้ดินฟ้าอากาศฟัง เจ้าหล่อนไม่เคยสนใจใยดีคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย
"ทำไมต้องแจ้งด้วยคะ เกวไม่มีสิทธิ์เข้ามาหรือว่าคุณแอบซุกอีหนูคนไหนไว้" ร่างสูงเพรียวบนส้นสูงปลายแหลมหรี่ตามองจับผิดทั้งเขาและกวาดมองไปทั่วห้อง
"ไม่ใช่.. แต่.. เผื่อผมติดลูกค้าสำคัญ" วรธันย์เอ่ยเลี่ยงทั้งที่จริงอยากจะบอกว่ามันเป็นมารยาทที่ทุกคนพึงปฏิบัติก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะกลายร่างเป็นยักษ์มาหักคอเอา ไม่ได้กลัวหรอกแต่รำคาญเสียงแหลมๆ ของเจ้าหล่อนมากกว่า
"ยังจะมีใครสำคัญเท่าเกวอีกหรอคะ" ริมฝีปากบางเคลือบลิปสติกสีสดของคนพูดยกยิ้มหวาน หลังถือวิสาสะหมุนเก้าอี้ทำงานของร่างสูงหันมาหาแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนตักแกร่ง คล้องวงแขนกอดคอ เอียงแก้มซบไหล่หนาอย่างออดอ้อน
'เกวลิน' เป็นผู้หญิงที่เขาคบหานานที่สุดไม่ว่าจะในสถานะคู่ขาหรือแฟน เหตุผลง่ายๆ ก็แค่เจ้าหล่อนงี่เง่าน้อยที่สุดจากในบรรดาผู้หญิงที่เคยพบเจอมา แน่นอนว่างี่เง่าน้อยสุดไม่ใช่จะไม่งี่เง่าเลย.. นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ตกลงปลงใจแต่งงานกับหล่อนตั้งแต่ที่พ่อบอกแรกๆ หล่อนยังไม่ใช่.. แม้จะเข้ากันได้ดีในหลายๆ เรื่องแต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่ไม่ทำให้เขารู้สึกว่าอยากแต่งงานใช้ชีวิตคู่กับคนๆ นี้ ก็เลยไม่เคยพาไปแนะนำกับพ่อแม่ ได้แต่คบไปวันๆ
"แล้วนี่มามีอะไรหรือเปล่า" ร่างสูงไม่ตอบคำถามแต่ถามกลับ และถือเป็นโชคดีที่เปลี่ยนความสนใจของเจ้าหล่อนได้
"แหม ไม่มีมาไม่ได้หรอคะ พูดแบบนี้เกวน้อยใจนะเนี่ย" ร่างเพรียวกอดออเซาะพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดน้อยใจ เห็นแรกๆ ก็รู้สึกดีอยู่หรอก แต่เห็นบ่อยเกินไปก็ชักจะเบื่อ..
"ผมทำงาน ไม่มีเวลาเทคแคร์ เกรงว่าคุณจะเบื่อน่ะ" ประธานหนุ่มเอ่ยอ้างไปเหมือนทุกทีที่เคยอ้างเวลาไม่อยากเจออีกฝ่าย อารมณ์เขาไม่ได้ต่างจากเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นแค่คู่ควงกันนัก ไม่ได้อยากเจอตลอดเวลา บางทีเจอกันก็อยากหนีไปไกลๆ แต่บางวันก็มีอารมณ์อยากเจอ ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไร..
รักหรือ? ก็ไม่น่าใช่
"ไม่เบื่อหรอกค่ะ ที่ไหนมีคุณเกวไม่เคยเบื่อเลย" เกวลินบอกเสียงหวานพร้อมกับยืดตัวขึ้นไปหอมแก้มสาก ก่อนเคลื่อนมาที่ริมฝีปากหนาอย่างอ้อยอิ่ง กะยั่วยวนให้ร่างสูงตบะแตก แต่เหมือนเขาจะชักช้าไม่ได้ดั่งใจ มือเรียวจึงรั้งใบหน้าคมลงมาประกบปากจูบเสียเอง เรียวขาสวยยกข้ามมานั่งคร่อมตักแกร่งอย่างเต็มตัว ก่อนบดเบียดสะโพกเข้ากับเป้ากางเกงเขาจนอะไรบางอย่างที่นอนสงบนิ่งอยู่ในนั้นเริ่มตื่น.. จากนั้นงานที่ทำค้างไว้ก็ไม่เดินอีกเลย
..
..
..
..
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 4เมื่อทานอาหารเช้าร่วมกับคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยาแล้ว รินลดาก็กลับขึ้นห้องเพื่อแต่งตัวใหม่เป็นชุดนักศึกษาเนื่องจากมีเรียนตอนสิบโมง เมื่อเรียบร้อยก็กลับลงมาไหว้ลาคนทั้งสอง เธอเผื่อเวลาเดินทางไว้มากโขเพราะเมื่อวานได้สังเกตลู่ทางไว้แล้วพบว่าป้ายรอรถประจำทางอยู่ตรงหน้าปากซอย ต้องเดินเท้าออกไปค่อนข้างไกล เธอเตรียมตัวพร้อมทุกอย่างทั้งร่มแบบพกพาไว้กางกันแดดและสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อที่จะได้เดินสบายเท้า แต่พอคุณสุรศักดิ์และคุณหญิงรู้เข้าก็พร้อมใจกันรีบเบรกความตั้งใจของเธอ และสั่งให้คนขับรถถอยรถยนต์คันหรูมารับถึงหน้าประตูบ้านร่างบางได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ครั้นจะแย้งว่าเธอเดินทางไปเรียนเองได้ก็ถูกมือบางของว่าที่แม่สามีดันหลังให้ขึ้นไปนั่งแหมะอยู่บนรถและลุงคนขับรถก็รีบออกตัวอย่างว่องไวราวกับแท็กทีมกันมัดมือชกให้เธอต้องจำยอม..การเดินทางมามหาวิทยาลัยของรินลดาในวันนี้ดูจะกลายเป็นที่สนใจของผู้คนที่พบเห็นไม่ใช่น้อย เธอไม่ใช่คนดังแต่เพราะรถยนต์สัญชาติอังกฤษราคาแพงที่น้อยคนนักจะกล้าซื้อมาขับกำลังทำให้เธอกลายเป็นจุดเด่น ซ้ำ 'ลุงพร' คนขับรถของคุณท่านทั้งสองยังไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 5 "กลับมาแล้วหรอลูก"กว่าจะช่วยพ่อกับแม่ขายของรวมเก็บร้านจนเสร็จและเดินทางกลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุลก็ปาไปสามทุ่มกว่าจวนจะสี่ทุ่มในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แต่คนที่กำลังเดินลากเท้าด้วยความเหนื่อยล้ากลับต้องแปลกใจที่ภายในบ้านอันเงียบสงบมีร่างหนึ่งของสตรีวัยกลางคนกำลังนั่งรอการกลับมาของเธออยู่ที่โซฟารับแขก"คุณหญิง...เอ่อ คุณแม่ทำไมยังไม่เข้านอนอีกล่ะคะ" เสียงหวานเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาคนถามก็รีบสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาอย่างรีบร้อนเสียเอง"ยังจ้ะ แม่แค่รู้สึก...เป็นห่วงหนูนิดหน่อยน่ะ กลับมืดค่ำ แล้วดูสิเนี่ย เหนื่อยมากเลยใช่มั้ยหื้ม? " คุณหญิงนาฏยายกยิ้มอ่อนพลางเอื้อมมือมาลูบแก้มใสแผ่วเบา ดวงตาคู่สวยมองสำรวจร่างกายบางๆ นั้นอย่างละเอียด ยิ่งเห็นเด็กสาวมีท่าทีเหนื่อยล้าเธอก็ยิ่งสงสารและเห็นใจ วันนี้อากาศดูจะร้อนกว่าทุกวันอีกฝ่ายเลยเหงื่อโทรมกายเสียขนาดนี้"นิดหน่อยค่ะ แต่หนูชินแล้ว" ร่างบางยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เพราะถึงจะเหนื่อยก็เหนื่อยเพราะทำเพื่อพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งกว่าที่ท่านทั้งสองจะเลี้ยงดูให้เธอเติบโตมาได้ถึงยี่สิบก
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 6"หลีกไป ฉันจะเข้า! "ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกวลินมา 'พิมผกา' ผู้เป็นเลขาของท่านประธานก็ไม่สามารถรั้งหล่อนให้หยุดรอหน้าห้องได้เลยสักครั้ง เช่นเดียวกับวันนี้ที่เจ้าหล่อนไม่รู้ไปกินรังแตนมาจากไหนถึงได้เดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล มาถึงก็ใช้แรงไม่น้อยผลักเธอออกไปให้พ้นทางจนเสียหลักล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้นด้วยตั้งตัวไม่ทัน ไม่แม้แต่จะชายตามองให้เสียเวลาร่างเพรียวนั้นก็กระชากประตูห้องท่านประธานเปิดออกและปิดเสียงดังจนเจ้าของห้องที่นั่งทำงานอยู่ยังสะดุ้งด้วยความตกใจ นัยน์ตาคมปราดมองผู้บุกรุกอย่างไม่พอใจ กำลังจะเอ่ยปากตักเตือนก็เป็นอันต้องเงียบไปเมื่อได้เห็นสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์! ? " น้ำเสียงเล็กแหลมตะคอกถามพร้อมกับยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูที่กำแน่นมาตลอดทางไปให้ร่างสูงดูจนเกือบจะกระแทกหน้า"คุณไปแอบมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไรคะ แล้วเกวล่ะ คุณเห็นเกวเป็นอะไร! " ร่างเพรียวเอ่ยตัดพ้อเสียงเครือแสร้งน้ำตาคลอในขณะที่ดวงตาคมยังคงไล่อ่านเนื้อหาที่อยู่บนหน้าจอโดยไม่พูดอะไร เมื่ออ่านจบก็พลันนิ่งไปนิด..ปกติข่าวพวกซุบซิบนินทาดาราคนดังเทือกนี้วรธ
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 7'หนูหญิงคือคู่หมั้นและว่าที่สะใภ้บ้านเราในอนาคตอันใกล้ ส่วนคนอื่นไม่รู้ค่ะ อาจจะเป็นแค่คู่ควงหรือคู่ขาที่มีไว้แก้เหงา...ทำนองนั้น เพราะถ้ารักกันจริงลูกชายดิฉันคงพาเข้าบ้านมาไหว้พ่อแม่นานแล้ว...'เมื่อคลิปสัมภาษณ์ที่สามสาวนำมายัดเยียดให้ดูรันจนจบ ประโยคหนึ่งที่คนในคลิปพูดกับรินลดาไว้เมื่อวานก็ผุดขึ้นมาในหัวแทบจะทันที...'ถ้าหนูคิดมากเรื่องข่าวที่ผู้หญิงคนนั้นจงใจสร้างขึ้นล่ะก็ ไม่ต้องคิดหรอกจ้ะ พรุ่งนี้ก็เงียบ..'แบบนี้นี่เอง...เพราะคุณหญิงนาฏยารู้ว่างานสังคมที่กำลังจะไปร่วมในตอนหัวค่ำจะต้องถูกสื่อทุกสำนักรุมถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงพูดเป็นนัยแบบนั้นออกมา ทั้งคุณหญิงและคุณสุรศักดิ์ต่างให้สัมภาษณ์เอนเอียงมาทางเธออย่างไม่ไว้หน้าใคร ตอบชัดตอบตรงทุกประเด็นจนบรรดานักข่าวหมดข้อสงสัยไปอย่างรวดเร็วเช้าวันนี้บรรยากาศของผู้รอบข้างจึงเปลี่ยนไปอีกหน กระแสตีกลับไปกลับมาจนตามไม่ทัน เธออุตส่าห์ทำเฉยไม่อยากยุ่งให้วุ่นวาย แต่แม่สามสาว ฟิล์ม บี ต้นอ้อ ก็ช่างหวังดีหรืออยากรู้อยากเห็นก็ไม่แน่ใจ ชอบเอาข่าวมาให้ดูและซักไซ้ไล่เรียงถามราวกับซ้อมเป็นรักข่าวก็ไ
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 8ตากลมมองตามแผ่นหลังของสามีในอนาคตอันใกล้ที่เดินไปสวมกอดผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งคู่ยิ้มให้กันหวานชื่นก่อนที่ฝ่ายหญิงนั้นจะเหยียดสายตามองมาที่เธออย่างผู้กำชัยชนะ รินลดาพยายามข่มอารมณ์ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับอะไรทั้งนั้นก่อนจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคนทั้งสองวรธันย์แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการขยับเก้าอี้ให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งในขณะที่ร่างบางต้องช่วยเหลือตัวเอง พวกเขาแสดงออกชัดว่าเธอเป็นเพียงส่วนเกิน เธอเข้าใจและไม่ถือสาแม้จะเห็นรอยยิ้มและสายตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นส่งมาอย่างออกนอกหน้าก็ตาม"นี่เกวลินเป็นคนรักของฉัน" ร่างสูงแนะนำคนข้างกายอย่างไม่ทุกข์ร้อน ดูจะจงใจเน้นย้ำสถานะของอีกฝ่ายให้เธอฟังเสียยิ่งกว่าอะไร"สวัสดีค่ะ" เสียงหวานเอ่ยทักทายเรียบๆ ไม่ได้แนะนำตัวเองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักเธอแล้วไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นวรธันย์คงแนะนำเธอกลับไปบ้างแล้ว"สวัสดีค่ะ คงไม่ว่าอะไรนะคะถ้าฉันจะขอนั่งด้วย" อีกฝ่ายแย้มยิ้มหวานหยด แกล้งถามด้วยความเกรงอกเกรงใจ ที่มองออกไม่ใช่ว่ารินลดามองคนเป็นแต่หล่อนไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองมาตั้งแรกแล้วต่างหา
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 9พอพ้นหน้าโรงแรมหรูออกมารินลดาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่ายังไม่ดึกเท่าไรก็คิดหาทางกลับบ้าน แท็กซี่นั้นเธอตัดทิ้งไปเป็นอย่างแรกเพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีด้วย แต่ชุดแบบนี้ให้ไปยืนโหนรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติร้อนๆ บวกควันรถก็ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไร ถ้ารถเมล์แอร์เย็นๆ ก็คงพอได้อยู่ ถึงจะไม่ได้มีที่ให้นั่งในเวลารีบเร่งแบบนี้ก็ไม่เป็นไรคิดได้แบบนั้นดวงตาคู่กลมก็สอดส่องหาป้ายรถเมล์ แต่ก็ไม่พบในระยะสายตามองเห็นเลยตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบ ซึ่งก็กินเวลาไปหลายนาทีและอากาศก็ร้อนจนเหงื่อซึม ยืนรอสักพักรถเมล์ปรับอากาศสายที่ต้องการขึ้นก็ผ่านมา แม้ผู้คนจะเบียดเสียดเนื่องจากเยื้อแย่งกันกลับบ้าน แต่ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับร่างบางที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะอยู่เป็นประจำใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากการจราจรติดขัด ในที่สุดรินลดาก็กลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุล ท่ามกลางความแปลกใจระคนตกใจของคุณหญิงนาฏยาที่ยังไม่เข้านอนเพราะรอติดตามสถานการณ์ของลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ทุกขณะ แต่นอกจากจะกลับไวและไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ของเจ้าลูกชายแล้วยังเห็นแค่ลูกสะใภ้เดินเข้
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 10วรธันย์กลับเข้าบ้านมาในตอนสี่ทุ่มครึ่ง ร่างกายหนักอึ้งมีอาการมึนเมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับไร้สติ เวลานี้ภายในบ้านเงียบสงัดเนื่องจากทุกคนคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว มีเพียงเขาที่จิตใจยังคงกระสับกระส่ายร้อนรุ่มจนยากจะข่มตาหลับ เป็นเหตุให้ฝืนอาการมึนๆ ขับรถจากคอนโดกลับมาบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาในเวลานี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อทุกคนต่างเข้านอนกันหมด รู้เพียงว่าทนอยู่ไม่ได้...ความรู้สึกผิดและเสียใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างไม่มีทางที่เขาจะข่มตาหลับได้แน่ตั้งใจจะกลับมาขอโทษมารดาแต่ก็ดึกเกินกว่าจะกล้าเคาะประตูเรียกเลยเอาแต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของอีกฝ่าย ถามว่าทำไมไม่รีบกลับมาตั้งแต่หัววัน ยืดอกสามศอกยอมรับตรงๆ เลยว่าไม่กล้า...ความผิดครั้งนี้ร้ายแรงจนเขาไม่อาจสู้หน้าบุพการี แม้จะระหองระแหงเรื่องแต่งงานกันมาตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขากับพ่อแม่จะทะเลาะกันรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้และไม่เคยทำให้พ่อโกรธถึงขั้นกล้าตัดความสัมพันธ์ ลูกชายเพียงคนเดียวที่เคยเป็นความหวังในทุกๆ เรื่องของพวกเขา มาวันนี้กลับถูกตั
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 11"พวกแก~ คุณธันนนนนย์!! " เสียงวีดว้ายของนักศึกษาหญิงกลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าซึ่งก็ได้แก่สามสาว ฟิล์ม บีและต้นอ้อดังขึ้นเรียกความสนใจของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการบัญชีที่เพิ่งได้เวลาเลิกเรียนพอดี ร่างบางที่เดินตามหลังมาหูผึ่งเล็กน้อยตอนได้ยินชื่อใครสักคนที่เหมือนกับว่าที่สามี ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อสามสาวหันกลับมาจ้องหน้าด้วยแววตาอิจฉาระคนหมั่นไส้สาเหตุเป็นเพราะร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่กำลังยืนทำเท่...สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง เอนกายพิงสปอร์ตคาร์สุดหรูรออยู่หน้าตึกคณะฯ ดวงหน้าคมเข้มแม้เรียบนิ่งแต่หล่อเหลาจนคนเดินผ่านเหลียวหลังกลับมามองตามคอแทบเคล็ด ไม่ต้องเดาก็มองออกว่าคงมารอใครสักคน แต่ใครกันล่ะที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น..."ไอ้หญิง! รีบๆ เดินเข้าสิ คุณเขามารอนานแล้วนะ! " สามสาวแหวกทางให้รินลดาเดินผ่านและพร้อมใจกันดันแผ่นหลังบางไปข้างหน้าอย่างเร่งเร้า อยากถามเหมือนกันว่ารู้ได้ยังไงว่าเขามารอนานแล้ว เขาอาจจะเพิ่งมาถึงก็ได้ไหม...แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้พูดออกไปให้ถูกมองแรงใส่แต่อย่างใด...พอถูกสามสาวผลักดันให้เดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างออก
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 28"คุณพิมพ์ วันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะ เลื่อนงานออกไปทั้งหมด บอกศรัณซื้อยาลดไข้กับข้าวต้มมาให้ผมที่คอนโดด้วย ขอบคุณ" มือเรียวกดวางสายทันทีหลังจากพูดธุระกับผู้เป็นเลขาจบ โทรศัพท์เครื่องหรูถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่ใยดีหลังจากหมดประโยชน์ เนื่องจากเจ้าของเครื่องมีสิ่งสำคัญมากกว่าให้สนใจร่างบอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทว่าร่างกายแผ่ไอร้อนออกมาจนรู้สึกได้ คนเป็นไข้ต้องเช็ดตัว...คิดได้แบบนั้นวรธันย์จึงผละออกไปหาผ้าสะอาดกับชามใบเล็กๆ รองน้ำเกือบเต็ม ก่อนจะเดินกลับเข้ามาหาคนหลับอีกครั้งมือเรียวคว้ารีโมทมากดปิดแอร์เพราะกลัวคนป่วยจะหนาวระหว่างที่เช็ดตัวให้ ก่อนทำการขุดร่างคนป่วยขึ้นมาจากผ้าห่มผืนใหญ่ เปลื้องผ้าเธอจนหมด แล้วนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดไปตามลำตัวขาวผ่องซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยสีแดงเรื่อที่เขาฝากไว้เมื่อคืนอย่างระมัดระวังวรธันย์ข่มใจเช็ดตัวให้คนรักจนเสร็จก็ใส่เสื้อผ้ากลับคืนให้ ดึงผ้าห่มคลุมถึงลำคอก่อนกดเปิดแอร์และเพิ่มอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น ก่อนเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำบ้าง ออกมาทันตอนได้ยินเสียงก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 27รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบอบบางก็แตะลงบนที่นอนนุ่ม ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ตักตวงเอาความหอมหวานจนพอใจถูกถอนออกไปก่อนจูบซับเข้าที่ข้างขมับ พวงแก้ม ปลายคางและเลื่อนต่ำลงไปที่ซอกคอขาว ขณะที่ฝ่ามือลากไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของคนรัก กลิ่นกายหอมกรุ่นราวกับดอกไม้แรกแย้มทำสติสัมปชัญญะกระจัดกระเจิงยากที่จะควบคุมวรธันย์ห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนานมากๆ ตลอดมาเขาไม่เคยต้องอดทนกับใคร และก็คิดว่ายังทนต่อไปได้อีกนาน กระทั่งได้ยินคำว่า 'รัก' จากปากอิ่มเล็กๆ นั่น เขาถึงได้รู้ความจริงว่าความอดทนของเขามันหมดไปตั้งแต่วินาทีนั้น เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว!ด้านรินลดาเองก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปถ้าขืนเธอยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้สถานการณ์มันไหลต่อเนื่องไปแบบนี้ เธอกำลังสับสนกับความต้องการจริงๆ ของตัวเองเพราะความคิดด้านดีกับด้านลบกำลังขัดแย้งกันมั่วไปหมด...'ห้ามชิงสุกก่อนห่าม' คือประโยคที่ไม่ว่าหญิงหรือชายก็มักจะเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่พร่ำสอนกันมาตั้งแต่เล็กจนโตในสังคมไทย ทว่าเธอไม่เคยมีคนรักเลยไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ที่เขามี เขาทำตามคำสอนนั้นได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะอีกด้านหนึ่งเราก็
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 26การอยู่เฉยๆ ในห้องชุดอันแสนกว้างใหญ่มันไร้ประโยชน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากทำอะไรก็ขยับไม่ได้ดั่งใจ แต่จะให้อยู่เฉยๆ ทั้งวันรินลดาก็ทำไม่ได้ เมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอก็ตั้งใจว่าจะลงไปเดินเล่นที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างคอนโด เพราะตอนดูทีวีบังเอิญเปิดไปเจอรายการทำอาหารและขนม เลยนึกอยากทำขนมอร่อยๆ ไว้รอเจ้าของห้องกลับจากที่ทำงานร่างบางพาตัวเองค่อยๆ เดินไปที่ลิฟต์อย่างไม่รีบร้อน โชคดีที่คอนโดหรูแห่งนี้เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเลยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรือกลัวว่าจะไปยืนเก้ๆ กังๆ ขวางทางใครเข้า"หญิง! " ใครสักคนที่กำลังจะเดินสวนเข้ามาในคอนโดเรียกชื่อเธอเสียงดัง ครั้นหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มแฉ่งก่อนจะปรี่เข้ามาลูบหัวลูบหาง (?) เธอด้วยความดีใจ"พี่อิฐ! " คราแรกที่ถูกเรียกเสียงดังยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นใครรินลดาก็ออกอาการดีใจไม่ต่างกัน บุรุษเพศนั้นผ่านเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือพี่รหัสคนนี้นี่เอง"โหย ไม่เจอกันนาน คิดถึงนะเนี่ย" อิทธิพัทธ์เขย่าไหล่เล็กเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่สุดท้ายจะอดใ