วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 4
เมื่อทานอาหารเช้าร่วมกับคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยาแล้ว รินลดาก็กลับขึ้นห้องเพื่อแต่งตัวใหม่เป็นชุดนักศึกษาเนื่องจากมีเรียนตอนสิบโมง เมื่อเรียบร้อยก็กลับลงมาไหว้ลาคนทั้งสอง เธอเผื่อเวลาเดินทางไว้มากโขเพราะเมื่อวานได้สังเกตลู่ทางไว้แล้วพบว่าป้ายรอรถประจำทางอยู่ตรงหน้าปากซอย ต้องเดินเท้าออกไปค่อนข้างไกล เธอเตรียมตัวพร้อมทุกอย่างทั้งร่มแบบพกพาไว้กางกันแดดและสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อที่จะได้เดินสบายเท้า แต่พอคุณสุรศักดิ์และคุณหญิงรู้เข้าก็พร้อมใจกันรีบเบรกความตั้งใจของเธอ และสั่งให้คนขับรถถอยรถยนต์คันหรูมารับถึงหน้าประตูบ้าน
ร่างบางได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ครั้นจะแย้งว่าเธอเดินทางไปเรียนเองได้ก็ถูกมือบางของว่าที่แม่สามีดันหลังให้ขึ้นไปนั่งแหมะอยู่บนรถและลุงคนขับรถก็รีบออกตัวอย่างว่องไวราวกับแท็กทีมกันมัดมือชกให้เธอต้องจำยอม..
การเดินทางมามหาวิทยาลัยของรินลดาในวันนี้ดูจะกลายเป็นที่สนใจของผู้คนที่พบเห็นไม่ใช่น้อย เธอไม่ใช่คนดังแต่เพราะรถยนต์สัญชาติอังกฤษราคาแพงที่น้อยคนนักจะกล้าซื้อมาขับกำลังทำให้เธอกลายเป็นจุดเด่น ซ้ำ 'ลุงพร' คนขับรถของคุณท่านทั้งสองยังไม่ยอมจอดให้ลงข้างนอกแต่ขับมาจอดส่งถึงหน้าตึกคณะที่กำลังมีผู้คนพลุกพล่านไม่พอยังย้ำแล้วย้ำอีกว่าตอนเย็นจะมารับ ให้รอที่คณะห้ามหนีกลับก่อน ไม่อย่างนั้นลุงจะถือว่าลุงบกพร่องในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้เป็นเจ้านาย ซึ่งบางทีเธอก็สงสัยนะว่า.. ทำไมคนบ้านนี้ชอบขู่เธอจังเลย เล่นเอาหน้าที่การงานมาอ้างแล้วเธอจะปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะ
"หญิง! ใครมาส่งแกอ่ะ? นั่นแอสตันมาร์ตินใช่มั้ยวะ? ทำไมแกนั่งแอสตันมาได้อ่ะ? คันตั้งกี่สิบล้าน! ? "
"รุ่นนี้ฉันรู้จัก! Aston martin v8 vantage ราคาตั้งเกือบสิบเจ็ดล้าน! "
"เชี่ย.. แพงมาก! "
ในขณะที่คนอื่นได้แค่มองอย่างทึ่งๆ ก็มีเพื่อนร่วมสาขาที่ไม่ค่อยสนิทนักพากันกรูเข้ามาถามด้วยความตื่นเต้นระคนอยากรู้อยากเห็น พวกหล่อนทั้งสามคนพากันคาดเดาไปต่างๆ นานาจนคนถูกถามไม่รู้จะแทรกตรงไหนดี เธอไม่อยากตอบอะไร กลับกันอยากเดินหนีด้วยซ้ำ แต่ทำแบบนั้นไม่ได้นี่สิ.. ถึงจะไม่สนิทกันแต่เธอก็ไม่ได้อยากสร้างศัตรูก่อนเรียนจบหรอกนะ
"ว่าไงหญิง บ้านแกรวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรอ่ะ หรือมีเสี่ยเลี้ยงเหมือนไอ้แบมมันอีกคน" 'ฟิล์ม' เพื่อนคนแรกที่ทักขึ้นมาก่อน ถามจี้ใส่รินลดาอีกครั้ง ไม่พอยังพาดพิงไปถึงเพื่อนอีกคนในสาขาที่มีข่าวลือไม่ค่อยดีว่าหล่อนมีเสี่ยกระเป๋าหนักเลี้ยงดูมาหลายปีด้วยน้ำเสียงอันดัง ไม่เกรงกลัวว่าคนอื่นๆ ที่ได้ยินจะเอาไปพูดต่อเลยสักนิด
"เออนั่นดิ" อีกคนชื่อ 'บี' เร่งเร้าจะเอาคำตอบบ้าง
"ฉันจำได้ว่าบ้านแกขายข้าวแกงนะ แกมีเสี่ยเลี้ยงจริงๆ ใช่มั้ย! ? " คนสุดท้ายชื่อ 'ต้นอ้อ' รู้แค่ชื่อก็พอแล้วล่ะ เธอไม่อยากพูดถึงนิสัยของคนทั้งสามเท่าไร..
"เอ่อ คือ.. เราไม่ได้มีเสี่ยเลี้ยง แค่ไม่อยากพูดถึง ขอตัวก่อนนะ เรารีบ" ร่างบางคิดหาคำตอบดีๆ ให้พวกหล่อนจนหัวหมุน แต่ก็คิดอะไรไม่ออกเลยตัดบทไปแบบนั้นแล้วรีบสาวเท้ายาวๆ จากมา แน่นอนว่าได้ยินเสียงบ่นโวยวายตามหลังสารพัด ไม่แน่ว่าพอไม่ได้คำตอบพวกหล่อนอาจจะเอาเธอไปพูดว่ามีเสี่ยเลี้ยงจริงๆ ก็เป็นได้ ใครๆ ก็รู้ว่าทั้งสามนิสัยเป็นอย่างไร แต่จะให้เธอบอกความจริงยิ่งแล้วใหญ่ เธอไม่อยากพูดถึง.. อีกอย่างพูดหรือไม่พูดก็คงถูกครหาอยู่ดีนั่นแหละ
และก็เป็นอย่างที่คิด.. เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นรินลดาก็กลายเป็นคนดังภายในคณะอย่างรวดเร็ว เธอถูกมองเหมือนเป็นตัวประหลาด บ้างมองเหมือนอิจฉา บ้างก็มองเหมือน.. รังเกียจ เธอไม่อยากคิดแบบนั้นหรอกนะ แต่สายตาที่มองมามันบอกแบบนั้นจริงๆ และที่เป็นแบบนี้ก็คงไม่ต้องเดาให้เสียเวลาหรอกว่าสามคนนั้นเอาเรื่องของเธอไปพูดในทิศทางไหน
ก็แอบจิตตกเหมือนกัน.. แม้จะไม่มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เคยมีสายตามองมาที่เธอแบบนี้เลยตลอดสามถึงสี่ปีที่เรียนมาในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แน่นอนว่าคงทำอะไรไม่ได้ แก้ตัวไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเพราะหนึ่งเสียงคงไม่สู้หลายๆ เสียงที่แพร่กระจายไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง รู้ดียิ่งกว่าตัวเธอเสียอีก และที่สำคัญ.. หลักฐานที่คนอื่นเห็นว่าเธอมากับรถยนต์คันหรูอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมันเกิดขึ้นจริงๆ เพราะงั้นสิ่งที่ทำได้คืออดทนกับความน่าอึดอัดเหล่านั้นให้ผ่านพ้นไปจนเรียนจบ เธอถึงจะหลุดพ้น..
การเรียนเพียงสองวิชาในวันนี้ดูจะผ่านไปช้ากว่าทุกวัน กว่าจะเลิกคลาสได้รินลดาก็ถูกมองจนหมดสิ้นความเป็นตัวเอง เธอนั่งเกร็งตลอดเวลา เนื้อหาที่อาจารย์บรรยายก็ไม่เข้าหัวเลยสักนิด จิตใจของเธอว้าวุ่นและเป็นกังวลเพราะไม่อาจเมินเฉยกับสายตาคนอื่นได้ง่ายๆ อย่างที่ใจคิด ซ้ำตอนเลิกเรียนลุงพรก็มาจอดรถรออยู่ก่อนแล้ว ยิ่งตอกย้ำข่าวลือเหล่านั้นให้น่าเชื่อถือเข้าไปใหญ่ เพราะถึงจะเป็นแค่คนขับรถลุงพรก็ไม่ได้แต่งตัวขี้ริ้วขี้เหร่พอจะทำให้คนเข้าใจว่าเป็นแค่คนขับรถได้เลย..
"คุณหนูมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ ทำหน้าเครียดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เล่าให้ลุงฟังได้นะครับ" ลุงพรทักขึ้นด้วยความห่วงใย ลึกๆ แล้วลุงรู้สึกสงสารหญิงสาวจับใจ ที่ไม่กี่วันชีวิตต้องพลิกผันมาถึงขนาดนี้ บางคนอาจจะคิดว่าโชคดีที่ไม่ต้องพยายามอะไรก็ได้มาแต่งงานกับทายาทเศรษฐีหมื่นล้าน ราวกับหนูตกถังข้าวสาร.. แต่เขารับรู้ว่าในแววตาของเด็กคนนี้ไม่ได้มีความดีใจอยู่เลย ที่ยินยอมก็เพราะคำว่า 'บุญคุณ' เท่านั้น คนไม่เต็มใจมาอยู่ในจุดนี้จะต่างอะไรกับตกนรกทั้งเป็น..
"...ที่ผ่านมาหนูนั่งรถเมล์มาเรียนตลอด พอได้นั่งรถยนต์...ก็เลยเกิดข่าวลือแปลกๆ น่ะค่ะ" ร่างบางแอบถอนหายใจเงียบๆ ชั่งใจแต่ก็ยอมปริปากเผื่อว่าอีกฝ่ายจะยอมให้เธอนั่งรถเมล์มาเรียนเองอย่างที่เคยเป็นมา
"ในทางไม่ดีหรอครับ" ลุงพรถามพลางนึกคิดถึงสิ่งที่หญิงสาวเล่ามา พออีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างซึมๆ ก็ยิ่งเกิดความสงสารมากขึ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนรู้จักจะคิดไม่ดีเมื่อเห็นร่างบางนั่งรถหรูไปเรียนทั้งที่แต่ก่อนนั่งแต่รถเมล์ ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ดีพอจะมีเงินซื้อรถคันนี้ได้
"อดทนหน่อยนะครับ เดี๋ยวลุงเรียนคุณท่านให้แก้ข่าวลือให้" ลุงพรให้กำลังใจ แต่คนฟังกลับส่ายหน้าปฏิเสธระรัว
"ไม่เป็นไรค่ะ! ลุงไม่ต้องบอกคุณท่านหรอกนะคะ หนูไม่ได้คิดมากถึงขนาดนั้น เราคงห้ามคำพูดของคนอื่นไม่ได้ แต่เราห้ามตัวเราไม่ให้สนใจได้ หนูไม่อยากให้คุณท่านต้องมารับรู้เรื่องไม่เป็นเรื่อง.." พอได้ยินว่าเรื่องแย่ๆ จะเข้าหูคุณหญิงรินลดาก็รีบเบรกอย่างลนลานเพราะเป็นห่วงสุขภาพร่างกายและจิตใจของคนที่ยังไม่หายป่วยดี
ความห่วงใยที่มีให้กับคุณหญิงทำคนฟังลอบมองคนพูดด้วยความเอ็นดู จนเกิดเป็นความคิดว่าถึงจะช่วยเรื่องแต่งงานไม่ได้ แต่เรื่องอื่นๆ ถ้าอีกฝ่ายต้องการหรือมีปัญหาเขาจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ คนดีควรได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทนนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง..
"ถึงแล้วครับ จะกลับเมื่อไรก็โทรให้ลุงมารับนะ คุณท่านสั่งไว้" ลุงพรไม่รับปากว่าจะไม่เรียนคุณท่านเรื่องข่าวลือเสียหาย เมื่อรถจอดสนิทลงหน้าตลาดก็เอาผู้มีพระคุณมาอ้าง สั่งกำชับให้ร่างบางรับรู้ว่าไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ ก่อนปล่อยให้เธอลงไปช่วยพ่อแม่ขายของตามคำขอที่ได้ขอกับคุณท่านทั้งสองไว้
รินลดาพยักหน้ารับอย่างจำยอม พอลงรถมาได้ก็ถอนหายใจทิ้งไปกับเรื่องราวที่ทำให้อึดอัดและลำบากใจมาตลอดทั้งวัน เสร็จก็เรียกกำลังใจให้ตัวเองเพื่อจะได้มีแรงไปช่วยพ่อกับแม่ขายของต่อ ยิ่งเห็นพ่อสุขภาพดีวันดีคืนเธอก็ยิ่งมีกำลังใจในการอดทนใช้ชีวิตในบ้านอินทรเกษมกุลต่อไปอีกนาน เพราะถ้าไม่ได้พวกคุณท่านช่วยไว้ เธอกับแม่คงจะไม่ได้เห็นพ่อยืนอยู่ตรงนี้..
..
..
"จะดีหรอครับที่ยังติดต่อกับคุณเกวลินอยู่ คุณควรให้เกียรติคุณหญิงในฐานะคู่หมั้นนะครับ" น้ำเสียงเรียบนุ่มจาก 'ศรัณ' คนขับรถส่วนตัวเอ่ยขึ้น หลังยืนมองเจ้านายเดินไปส่งอดีตคนรัก (?) ขึ้นรถอย่างมีเยื่อใยลึกซึ้งต่อกัน จนกระทั่งหล่อนลับสายตาไปถึงได้เดินกลับมาขึ้นรถที่จอดอยู่ในช่องวีไอพีสำหรับผู้บริหาร
ศรัณเป็นคนขับรถพ่วงตำแหน่งคนสนิทที่สนิทยิ่งกว่าเลขาหน้าห้อง ไม่งั้นเขาคงไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นเจ้านาย และที่พูดก็เพราะขัดใจกับสิ่งที่เห็น การถูกเลี้ยงดูปลูกฝั่งให้เข้มงวดในความถูกต้องทำให้ศรัณไม่สามารถเมินเฉยกับความสัมพันธ์ของวรธันย์และเกวลินในวันนี้ได้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยยุ่งเพราะเจ้านายไม่มีพันธะ จะไปไหนกับใครเมื่อไรแนบชิดกันยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้เจ้านายมีคู่หมั้นแล้ว การกระทำเหล่านั้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง!
"ฉันกับเกวลินคบหากันมาก่อนที่เรื่องบ้าๆ นั่นจะเกิดขึ้น ไม่เห็นมีใครถามความยินยอมจากฉัน แล้วทำไมฉันจะต้องให้เกียรติยัยนั่นด้วย! " สิ้นคำถามดวงตาคมกริบก็ตวัดผ่านกระจกมองหลังมามองหนุ่มคนขับรถคนสนิทอย่างไม่พึงพอใจ เสียงต่ำเอ่ยกร้าวด้วยแรงอารมณ์ทำคนฟังต้องยอมสงบปากสงบคำเพราะเกรงว่าถ้าอีกฝ่ายโมโหมากๆ จะเกิดปัญหาตามมา
รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวไปเรื่อยอย่างไม่รีบเร่ง ความจริงแล้วคืออยากรีบแค่ไหนก็รีบไม่ได้ต่างหาก เพราะในยามเย็นของเมืองใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนและรถราพลุกพล่านที่ต่างก็รีบเร่งอยากกลับให้ถึงบ้านโดยไวนั้นรถไม่ติดนิ่งสนิทแบบไม่ขยับเลยก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว..
ในช่วงแยกไฟแดงแห่งหนึ่งบนถนนเส้นหลักที่วรธันย์กำลังมุ่งหน้ากลับสู่คอนโดที่พัก เพราะรถติดนานจนน่าเบื่อร่างสูงจึงเปลี่ยนสายตาจากไอแพดในมือมากวาดมองไปรอบๆ ข้างแทน ซึ่งในความบังเอิญนี้ก็ทำให้เขามองเห็นใครคนหนึ่งที่ดูคุ้นตา..
หญิงสาวร่างบางหน้าตาสวยหวานในชุดนักศึกษาพอดีตัวทาบทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีสดกำลังก้มหน้าก้มตาช่วยบิดามารดาตักแกงใส่ถุงเพื่อขายให้ลูกค้าที่ยืนต่อคิวซื้อกันอย่างเนืองแน่น เหงื่อเม็ดโตผุดซึมตามไรผมสีอ่อนไหลหยดลงมาตามกรอบหน้าสวยหยดแล้วหยดเล่าจนเปียกชุ่ม บ่งบอกให้รู้ว่าพื้นที่ตรงนั้นทั้งเหนื่อยและร้อนมากเพียงใด แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังคงมีรอยยิ้มแจกจ่ายให้กับลูกค้าที่มาอุดหนุนตลอดเวลาราวกับว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
"หึ.. ที่แท้ก็เป็นแค่ลูกแม่ค้าจนๆ มิน่าถึงดูหิวเงินขนาดนั้น! " วรธันย์เหยียดยิ้มเยาะออกมาอย่างดูแคลน ถึงรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าอีกฝ่ายจะดูซื่อๆ ไม่มีพิษภัย แต่คนเราหน้าตากับนิสัยมันคนละอย่างกันนี่ หน้าตาดีแต่นิสัยเสียก็มีให้เห็นถมไป
"ฝันไปเถอะว่าฉันจะแต่ง! " ยิ่งมองก็ยิ่งขัดหูขัดตาทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรให้ แต่คนมันเกลียดไปแล้วทำยังไงก็คงไม่มีทางตาลปัตรไปชอบกันได้ คอยดูเถอะ.. เขาจะทำให้อีกฝ่ายทุกข์ทรมานจนทนอยู่ในบ้านอินทรเกษมกุลถึงวันแต่งงานไม่ได้เลย!
Truuuu.. Truuuu..
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดแผนการที่จะเอาไว้กลั่นแกล้งใครคนนั้น โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวก็แผดเสียงเรียกร้องความสนใจขึ้นมา รายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำเจ้าของเครื่องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะกดรับสายอย่างไม่มีทางเลือก
"ครับ พ่อ" วรธันย์กรอกน้ำเสียงเคร่งขรึมเข้าไปตามสายหลังกดรับ ในขณะที่สายตาปราดมองไปยังร้านขายข้าวแกงข้างถนนอีกครั้ง
[กลับมานอนบ้าน พรุ่งนี้และทุกวันแกจะต้องไปรับไปส่งน้องหญิงที่มหาลัย] ผู้เป็นพ่อสั่งรวดเดียวมาตามสาย ทำหัวคิ้วคนฟังแทบจะขมวดชิดกัน ในอกร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้งด้วยอารมณ์โทสะ เพราะนั่นคือคำสั่งไม่ใช่ประโยคบอกเล่าหรือขอร้องใดๆ ทั้งสิ้น
"ทำไมผมจะต้องไปรับไปส่งด้วย! เมื่อก่อนยังไปเองได้ หรือพอรู้ว่าจะมีผัวรวยเข้าหน่อย เป็นง่อยขึ้นมาทันที?] ร่างสูงดูแคลนว่าที่ภรรยาอย่างไม่ไว้หน้าใครแม้กระทั่งผู้เป็นพ่อที่พาอีกฝ่ายเข้ามา ดีที่รถผ่านพ้นไฟแดงตรงตลาดมาแล้ว ไม่อย่างนั้นคนที่พูดถึงคงจะถูกจ้องจนร่างพรุน
[ฉันสั่ง! แกมีหน้าที่ทำตามก็พอ] บิดาตอบกลับเสียงเรียบ เท่านั้นก็วางสายไป ไม่รอให้ลูกชายได้พูดอะไรผิดหูชวนทะเลาะอีก ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุให้วรธันย์แทบจะเหวี่ยงหมัดใส่กระจกรถด้วยความโมโห เขาโกรธและอึดอัดจนแทบบ้า.. แต่พอคิดว่ามีแผนจะกำจัดรินลดาไว้แล้วก็พอจะคลายความโกรธลงได้บ้าง...เล็กน้อย
"กลับบ้าน.." เสียงต่ำเอ่ยสั่งคนขับรถให้เปลี่ยนทิศทางก่อนเอนพิงเบาะแล้วหลับตาลง สูดหายใจเข้าออกลึกๆ พยายามผ่อนคลายอารมณ์ให้เย็นลงก่อนที่จะเป็นบ้าไปเสียก่อน
..
..
"มันจะไม่เป็นการบีบบังคับลูกเกินไปหรอคะ"
ฝั่งคุณสุรศักดิ์หลังวางสายจากลูกชายก็ถูกผู้เป็นภรรยาเดินมากอดแขนถามด้วยความวิตกกังวล เพราะเรื่องเดิมวรธันย์ไม่ทันจะยอมรับได้ก็มีเรื่องใหม่มาเติมไฟโทสะให้ยิ่งลุกโชนขึ้นไปอีก
"เราต้องทำให้ถูกต้อง ข่าวลือผิดๆ พวกนั้นจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก" ร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้ว่าจะยังไม่อยากบีบบังคับอะไรลูกเพิ่มในตอนนี้ แต่ข่าวลือผิดๆ ที่นายพรนำมารายงานก็ทำให้เขาไม่อาจเมินเฉยได้ เพราะในอนาคตอันใกล้รินลดาจะเข้ามาเป็นสะใภ้ในบ้าน ข่าวลือเสียหายถ้าปล่อยไว้นานอาจส่งผลกระทบถึงอนาคตได้ ไหนๆ ก็จะแต่งงานกันแล้วเปิดตัวไว้ตั้งแต่ตอนนี้แหละดี แต่ไม่พอแค่นี้หรอก.. พรุ่งนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทุกแขนงจะต้องลุกเป็นไฟ!
..
..
..
..
เรื่องนี้ดีทุกคนค่ะ ยกเว้นพระเอกกับตัวร้าย 55555
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 5 "กลับมาแล้วหรอลูก"กว่าจะช่วยพ่อกับแม่ขายของรวมเก็บร้านจนเสร็จและเดินทางกลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุลก็ปาไปสามทุ่มกว่าจวนจะสี่ทุ่มในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แต่คนที่กำลังเดินลากเท้าด้วยความเหนื่อยล้ากลับต้องแปลกใจที่ภายในบ้านอันเงียบสงบมีร่างหนึ่งของสตรีวัยกลางคนกำลังนั่งรอการกลับมาของเธออยู่ที่โซฟารับแขก"คุณหญิง...เอ่อ คุณแม่ทำไมยังไม่เข้านอนอีกล่ะคะ" เสียงหวานเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาคนถามก็รีบสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาอย่างรีบร้อนเสียเอง"ยังจ้ะ แม่แค่รู้สึก...เป็นห่วงหนูนิดหน่อยน่ะ กลับมืดค่ำ แล้วดูสิเนี่ย เหนื่อยมากเลยใช่มั้ยหื้ม? " คุณหญิงนาฏยายกยิ้มอ่อนพลางเอื้อมมือมาลูบแก้มใสแผ่วเบา ดวงตาคู่สวยมองสำรวจร่างกายบางๆ นั้นอย่างละเอียด ยิ่งเห็นเด็กสาวมีท่าทีเหนื่อยล้าเธอก็ยิ่งสงสารและเห็นใจ วันนี้อากาศดูจะร้อนกว่าทุกวันอีกฝ่ายเลยเหงื่อโทรมกายเสียขนาดนี้"นิดหน่อยค่ะ แต่หนูชินแล้ว" ร่างบางยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เพราะถึงจะเหนื่อยก็เหนื่อยเพราะทำเพื่อพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งกว่าที่ท่านทั้งสองจะเลี้ยงดูให้เธอเติบโตมาได้ถึงยี่สิบก
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 6"หลีกไป ฉันจะเข้า! "ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกวลินมา 'พิมผกา' ผู้เป็นเลขาของท่านประธานก็ไม่สามารถรั้งหล่อนให้หยุดรอหน้าห้องได้เลยสักครั้ง เช่นเดียวกับวันนี้ที่เจ้าหล่อนไม่รู้ไปกินรังแตนมาจากไหนถึงได้เดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล มาถึงก็ใช้แรงไม่น้อยผลักเธอออกไปให้พ้นทางจนเสียหลักล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้นด้วยตั้งตัวไม่ทัน ไม่แม้แต่จะชายตามองให้เสียเวลาร่างเพรียวนั้นก็กระชากประตูห้องท่านประธานเปิดออกและปิดเสียงดังจนเจ้าของห้องที่นั่งทำงานอยู่ยังสะดุ้งด้วยความตกใจ นัยน์ตาคมปราดมองผู้บุกรุกอย่างไม่พอใจ กำลังจะเอ่ยปากตักเตือนก็เป็นอันต้องเงียบไปเมื่อได้เห็นสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์! ? " น้ำเสียงเล็กแหลมตะคอกถามพร้อมกับยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูที่กำแน่นมาตลอดทางไปให้ร่างสูงดูจนเกือบจะกระแทกหน้า"คุณไปแอบมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไรคะ แล้วเกวล่ะ คุณเห็นเกวเป็นอะไร! " ร่างเพรียวเอ่ยตัดพ้อเสียงเครือแสร้งน้ำตาคลอในขณะที่ดวงตาคมยังคงไล่อ่านเนื้อหาที่อยู่บนหน้าจอโดยไม่พูดอะไร เมื่ออ่านจบก็พลันนิ่งไปนิด..ปกติข่าวพวกซุบซิบนินทาดาราคนดังเทือกนี้วรธ
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 7'หนูหญิงคือคู่หมั้นและว่าที่สะใภ้บ้านเราในอนาคตอันใกล้ ส่วนคนอื่นไม่รู้ค่ะ อาจจะเป็นแค่คู่ควงหรือคู่ขาที่มีไว้แก้เหงา...ทำนองนั้น เพราะถ้ารักกันจริงลูกชายดิฉันคงพาเข้าบ้านมาไหว้พ่อแม่นานแล้ว...'เมื่อคลิปสัมภาษณ์ที่สามสาวนำมายัดเยียดให้ดูรันจนจบ ประโยคหนึ่งที่คนในคลิปพูดกับรินลดาไว้เมื่อวานก็ผุดขึ้นมาในหัวแทบจะทันที...'ถ้าหนูคิดมากเรื่องข่าวที่ผู้หญิงคนนั้นจงใจสร้างขึ้นล่ะก็ ไม่ต้องคิดหรอกจ้ะ พรุ่งนี้ก็เงียบ..'แบบนี้นี่เอง...เพราะคุณหญิงนาฏยารู้ว่างานสังคมที่กำลังจะไปร่วมในตอนหัวค่ำจะต้องถูกสื่อทุกสำนักรุมถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงพูดเป็นนัยแบบนั้นออกมา ทั้งคุณหญิงและคุณสุรศักดิ์ต่างให้สัมภาษณ์เอนเอียงมาทางเธออย่างไม่ไว้หน้าใคร ตอบชัดตอบตรงทุกประเด็นจนบรรดานักข่าวหมดข้อสงสัยไปอย่างรวดเร็วเช้าวันนี้บรรยากาศของผู้รอบข้างจึงเปลี่ยนไปอีกหน กระแสตีกลับไปกลับมาจนตามไม่ทัน เธออุตส่าห์ทำเฉยไม่อยากยุ่งให้วุ่นวาย แต่แม่สามสาว ฟิล์ม บี ต้นอ้อ ก็ช่างหวังดีหรืออยากรู้อยากเห็นก็ไม่แน่ใจ ชอบเอาข่าวมาให้ดูและซักไซ้ไล่เรียงถามราวกับซ้อมเป็นรักข่าวก็ไ
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 8ตากลมมองตามแผ่นหลังของสามีในอนาคตอันใกล้ที่เดินไปสวมกอดผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งคู่ยิ้มให้กันหวานชื่นก่อนที่ฝ่ายหญิงนั้นจะเหยียดสายตามองมาที่เธออย่างผู้กำชัยชนะ รินลดาพยายามข่มอารมณ์ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับอะไรทั้งนั้นก่อนจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคนทั้งสองวรธันย์แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการขยับเก้าอี้ให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งในขณะที่ร่างบางต้องช่วยเหลือตัวเอง พวกเขาแสดงออกชัดว่าเธอเป็นเพียงส่วนเกิน เธอเข้าใจและไม่ถือสาแม้จะเห็นรอยยิ้มและสายตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นส่งมาอย่างออกนอกหน้าก็ตาม"นี่เกวลินเป็นคนรักของฉัน" ร่างสูงแนะนำคนข้างกายอย่างไม่ทุกข์ร้อน ดูจะจงใจเน้นย้ำสถานะของอีกฝ่ายให้เธอฟังเสียยิ่งกว่าอะไร"สวัสดีค่ะ" เสียงหวานเอ่ยทักทายเรียบๆ ไม่ได้แนะนำตัวเองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักเธอแล้วไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นวรธันย์คงแนะนำเธอกลับไปบ้างแล้ว"สวัสดีค่ะ คงไม่ว่าอะไรนะคะถ้าฉันจะขอนั่งด้วย" อีกฝ่ายแย้มยิ้มหวานหยด แกล้งถามด้วยความเกรงอกเกรงใจ ที่มองออกไม่ใช่ว่ารินลดามองคนเป็นแต่หล่อนไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองมาตั้งแรกแล้วต่างหา
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 9พอพ้นหน้าโรงแรมหรูออกมารินลดาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่ายังไม่ดึกเท่าไรก็คิดหาทางกลับบ้าน แท็กซี่นั้นเธอตัดทิ้งไปเป็นอย่างแรกเพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีด้วย แต่ชุดแบบนี้ให้ไปยืนโหนรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติร้อนๆ บวกควันรถก็ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไร ถ้ารถเมล์แอร์เย็นๆ ก็คงพอได้อยู่ ถึงจะไม่ได้มีที่ให้นั่งในเวลารีบเร่งแบบนี้ก็ไม่เป็นไรคิดได้แบบนั้นดวงตาคู่กลมก็สอดส่องหาป้ายรถเมล์ แต่ก็ไม่พบในระยะสายตามองเห็นเลยตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบ ซึ่งก็กินเวลาไปหลายนาทีและอากาศก็ร้อนจนเหงื่อซึม ยืนรอสักพักรถเมล์ปรับอากาศสายที่ต้องการขึ้นก็ผ่านมา แม้ผู้คนจะเบียดเสียดเนื่องจากเยื้อแย่งกันกลับบ้าน แต่ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับร่างบางที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะอยู่เป็นประจำใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากการจราจรติดขัด ในที่สุดรินลดาก็กลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุล ท่ามกลางความแปลกใจระคนตกใจของคุณหญิงนาฏยาที่ยังไม่เข้านอนเพราะรอติดตามสถานการณ์ของลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ทุกขณะ แต่นอกจากจะกลับไวและไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ของเจ้าลูกชายแล้วยังเห็นแค่ลูกสะใภ้เดินเข้
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 10วรธันย์กลับเข้าบ้านมาในตอนสี่ทุ่มครึ่ง ร่างกายหนักอึ้งมีอาการมึนเมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับไร้สติ เวลานี้ภายในบ้านเงียบสงัดเนื่องจากทุกคนคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว มีเพียงเขาที่จิตใจยังคงกระสับกระส่ายร้อนรุ่มจนยากจะข่มตาหลับ เป็นเหตุให้ฝืนอาการมึนๆ ขับรถจากคอนโดกลับมาบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาในเวลานี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อทุกคนต่างเข้านอนกันหมด รู้เพียงว่าทนอยู่ไม่ได้...ความรู้สึกผิดและเสียใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างไม่มีทางที่เขาจะข่มตาหลับได้แน่ตั้งใจจะกลับมาขอโทษมารดาแต่ก็ดึกเกินกว่าจะกล้าเคาะประตูเรียกเลยเอาแต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของอีกฝ่าย ถามว่าทำไมไม่รีบกลับมาตั้งแต่หัววัน ยืดอกสามศอกยอมรับตรงๆ เลยว่าไม่กล้า...ความผิดครั้งนี้ร้ายแรงจนเขาไม่อาจสู้หน้าบุพการี แม้จะระหองระแหงเรื่องแต่งงานกันมาตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขากับพ่อแม่จะทะเลาะกันรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้และไม่เคยทำให้พ่อโกรธถึงขั้นกล้าตัดความสัมพันธ์ ลูกชายเพียงคนเดียวที่เคยเป็นความหวังในทุกๆ เรื่องของพวกเขา มาวันนี้กลับถูกตั
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 11"พวกแก~ คุณธันนนนนย์!! " เสียงวีดว้ายของนักศึกษาหญิงกลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าซึ่งก็ได้แก่สามสาว ฟิล์ม บีและต้นอ้อดังขึ้นเรียกความสนใจของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการบัญชีที่เพิ่งได้เวลาเลิกเรียนพอดี ร่างบางที่เดินตามหลังมาหูผึ่งเล็กน้อยตอนได้ยินชื่อใครสักคนที่เหมือนกับว่าที่สามี ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อสามสาวหันกลับมาจ้องหน้าด้วยแววตาอิจฉาระคนหมั่นไส้สาเหตุเป็นเพราะร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่กำลังยืนทำเท่...สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง เอนกายพิงสปอร์ตคาร์สุดหรูรออยู่หน้าตึกคณะฯ ดวงหน้าคมเข้มแม้เรียบนิ่งแต่หล่อเหลาจนคนเดินผ่านเหลียวหลังกลับมามองตามคอแทบเคล็ด ไม่ต้องเดาก็มองออกว่าคงมารอใครสักคน แต่ใครกันล่ะที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น..."ไอ้หญิง! รีบๆ เดินเข้าสิ คุณเขามารอนานแล้วนะ! " สามสาวแหวกทางให้รินลดาเดินผ่านและพร้อมใจกันดันแผ่นหลังบางไปข้างหน้าอย่างเร่งเร้า อยากถามเหมือนกันว่ารู้ได้ยังไงว่าเขามารอนานแล้ว เขาอาจจะเพิ่งมาถึงก็ได้ไหม...แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้พูดออกไปให้ถูกมองแรงใส่แต่อย่างใด...พอถูกสามสาวผลักดันให้เดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างออก
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 12"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์ ไหนบอกจะช่วยกันกำจัดนังนั่นไงคะ คุณไปทำดีกับมันทำไม! ? " ความสัมพันธ์ของวรธันย์และรินลดาเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และคนที่คอยจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้ถึงได้บุกมาหาเขาที่บริษัทตั้งแต่เช้า และใช่...เลขาเขาหยุดพายุลูกนี้ไม่ได้อีกครั้ง"ผมมีวิธีของผม การรวมหัวกันรุมรังแกอีกฝ่ายแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี" ปากกายี่ห้อดังยังคงถูกมือแกร่งจับตวัดไปมาบนเอกสารสำคัญ เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบที่ยังคงเพ่งสมาธิไปที่มันมากกว่าคู่สนทนา นั่นยิ่งทำให้เกวลินเดือดดาลกว่าที่เป็น"วิธีอะไรของคุณ เกวไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรตรงไหน ตรงข้าม! คุณพามันไปกินข้าวซื้อแหวน ไม่ใช่ว่าหลงมารยามันแล้วหรือไงคะ! ? " เกวลินนับเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เขาเคยมีสัมพันธ์มา แต่วันนี้หล่อนทำให้เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นเลยสักนิด"เกวลิน...คุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของผมมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ก็เชิญที่ประตู ผมจะทำงาน" ด้วยเป็นคนใจร้อน
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 28"คุณพิมพ์ วันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะ เลื่อนงานออกไปทั้งหมด บอกศรัณซื้อยาลดไข้กับข้าวต้มมาให้ผมที่คอนโดด้วย ขอบคุณ" มือเรียวกดวางสายทันทีหลังจากพูดธุระกับผู้เป็นเลขาจบ โทรศัพท์เครื่องหรูถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่ใยดีหลังจากหมดประโยชน์ เนื่องจากเจ้าของเครื่องมีสิ่งสำคัญมากกว่าให้สนใจร่างบอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทว่าร่างกายแผ่ไอร้อนออกมาจนรู้สึกได้ คนเป็นไข้ต้องเช็ดตัว...คิดได้แบบนั้นวรธันย์จึงผละออกไปหาผ้าสะอาดกับชามใบเล็กๆ รองน้ำเกือบเต็ม ก่อนจะเดินกลับเข้ามาหาคนหลับอีกครั้งมือเรียวคว้ารีโมทมากดปิดแอร์เพราะกลัวคนป่วยจะหนาวระหว่างที่เช็ดตัวให้ ก่อนทำการขุดร่างคนป่วยขึ้นมาจากผ้าห่มผืนใหญ่ เปลื้องผ้าเธอจนหมด แล้วนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดไปตามลำตัวขาวผ่องซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยสีแดงเรื่อที่เขาฝากไว้เมื่อคืนอย่างระมัดระวังวรธันย์ข่มใจเช็ดตัวให้คนรักจนเสร็จก็ใส่เสื้อผ้ากลับคืนให้ ดึงผ้าห่มคลุมถึงลำคอก่อนกดเปิดแอร์และเพิ่มอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น ก่อนเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำบ้าง ออกมาทันตอนได้ยินเสียงก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 27รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบอบบางก็แตะลงบนที่นอนนุ่ม ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ตักตวงเอาความหอมหวานจนพอใจถูกถอนออกไปก่อนจูบซับเข้าที่ข้างขมับ พวงแก้ม ปลายคางและเลื่อนต่ำลงไปที่ซอกคอขาว ขณะที่ฝ่ามือลากไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของคนรัก กลิ่นกายหอมกรุ่นราวกับดอกไม้แรกแย้มทำสติสัมปชัญญะกระจัดกระเจิงยากที่จะควบคุมวรธันย์ห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนานมากๆ ตลอดมาเขาไม่เคยต้องอดทนกับใคร และก็คิดว่ายังทนต่อไปได้อีกนาน กระทั่งได้ยินคำว่า 'รัก' จากปากอิ่มเล็กๆ นั่น เขาถึงได้รู้ความจริงว่าความอดทนของเขามันหมดไปตั้งแต่วินาทีนั้น เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว!ด้านรินลดาเองก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปถ้าขืนเธอยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้สถานการณ์มันไหลต่อเนื่องไปแบบนี้ เธอกำลังสับสนกับความต้องการจริงๆ ของตัวเองเพราะความคิดด้านดีกับด้านลบกำลังขัดแย้งกันมั่วไปหมด...'ห้ามชิงสุกก่อนห่าม' คือประโยคที่ไม่ว่าหญิงหรือชายก็มักจะเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่พร่ำสอนกันมาตั้งแต่เล็กจนโตในสังคมไทย ทว่าเธอไม่เคยมีคนรักเลยไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ที่เขามี เขาทำตามคำสอนนั้นได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะอีกด้านหนึ่งเราก็
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 26การอยู่เฉยๆ ในห้องชุดอันแสนกว้างใหญ่มันไร้ประโยชน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากทำอะไรก็ขยับไม่ได้ดั่งใจ แต่จะให้อยู่เฉยๆ ทั้งวันรินลดาก็ทำไม่ได้ เมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอก็ตั้งใจว่าจะลงไปเดินเล่นที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างคอนโด เพราะตอนดูทีวีบังเอิญเปิดไปเจอรายการทำอาหารและขนม เลยนึกอยากทำขนมอร่อยๆ ไว้รอเจ้าของห้องกลับจากที่ทำงานร่างบางพาตัวเองค่อยๆ เดินไปที่ลิฟต์อย่างไม่รีบร้อน โชคดีที่คอนโดหรูแห่งนี้เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเลยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรือกลัวว่าจะไปยืนเก้ๆ กังๆ ขวางทางใครเข้า"หญิง! " ใครสักคนที่กำลังจะเดินสวนเข้ามาในคอนโดเรียกชื่อเธอเสียงดัง ครั้นหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มแฉ่งก่อนจะปรี่เข้ามาลูบหัวลูบหาง (?) เธอด้วยความดีใจ"พี่อิฐ! " คราแรกที่ถูกเรียกเสียงดังยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นใครรินลดาก็ออกอาการดีใจไม่ต่างกัน บุรุษเพศนั้นผ่านเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือพี่รหัสคนนี้นี่เอง"โหย ไม่เจอกันนาน คิดถึงนะเนี่ย" อิทธิพัทธ์เขย่าไหล่เล็กเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่สุดท้ายจะอดใ