วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 1
"คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่หมอต้องขอดูอาการอย่างใกล้ชิดอีกสักวันสองวัน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนก็ย้ายไปห้องพักฟื้นปกติได้" เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง.. ในที่สุดคนรอก็ได้รับข่าวดีอย่างที่ใจหวัง ทำเอาเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่รีบเข้าไปยกมือไหว้คนที่ช่วยชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเธอเสียยกใหญ่
"ขอบคุณค่ะคุณหมอ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ"
"คนที่พวกคุณควรขอบคุณไม่ใช่หมอหรอกครับ ขอตัวก่อนนะครับ" คุณหมอบอกก่อนยกยิ้มบางๆ ขณะมองไปที่ชายอีกคนที่ยังไม่หนีไปไหน อยู่ติดตามอาการคนป่วยจนการผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
เมื่อหมดหน้าที่บุรุษชุดกาวน์ก็ขอตัวออกไป สองแม่ลูกจึงตั้งสติและพากันเดินมาหาผู้มีพระคุณด้วยความตื้นตันใจ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน ค่าผ่าตัดก็ไม่ใช่ถูกๆ แต่ใครคนนั้นก็ยังยอมช่วยเหลือทุกสิ่งอย่างจนไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมดในชาตินี้
"คุณคะ.. ฉันกับลูกขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยพวกเราไว้ ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยแท้ๆ แต่คุณช่วยพวกเราถึงขนาดนี้ ฉันกับลูกซาบซึ้งมากจนไม่รู้จะตอบแทนยังไง มีอะไรที่พวกเราจะตอบแทนได้บ้างมั้ยคะ พวกเรายินดี" อรนภาพูดขณะยกมือไหว้ร่างสูงนั้นทั้งน้ำตานองหน้า ร่างบางข้างๆ ก็เช่นกัน
ความจริงแล้วที่คุณสุรศักดิ์ยอมช่วยสองแม่ลูกก็ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน เพียงเห็นเพื่อนมนุษย์กำลังเดือดร้อนต่อหน้าต่อตาก็เลยเมินเฉยไม่ได้ก็เท่านั้น แต่พออีกฝ่ายพูดมาแบบนี้เขาจึงเริ่มฉุกคิดในขณะที่สายตาก็จ้องมองลูกสาวคนสวยของคู่สนทนาไปด้วย
"อืม.. ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมก็คงไม่หวังอะไร แต่ตอนนี้มันมีเรื่องอยากจะหวัง.. อยากฟังมั้ยล่ะ" สองแม่ลูกมองหน้ากันเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายมีสิ่งที่ต้องการจากพวกเธอ ก่อนจะพยักหน้ารับฟังอย่างไม่ลังเล เพราะบุญคุณครั้งนี้ช่างยิ่งใหญ่นัก ถ้ามีอะไรที่พอจะตอบแทนได้ก็อยากจะทดแทนให้ด้วยความเต็มใจ
"ผมอยากได้ลูกสาวคุณมาเป็นสะใภ้.."
"สะ.. สะใภ้!? " คนฟังละล่ำละลักถามกลับด้วยความตกใจ คุณสุรศักดิ์จึงพยักหน้ารับ ย้ำชัดให้พวกเธอแน่ใจว่าฟังไม่ผิด
"ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันน่ะหรอคะ ทำไม.." อรนภามองหน้าลูกด้วยความรู้สึกหลากหลาย บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ก่อนจะหันไปพูดกับร่างสูงด้วยความสับสน
"ภรรยาของผมนอนอยู่ที่นี่ที่ชั้นสี่.. เธอเป็นโรคหัวใจและกำลังรอผ่าตัด ความหวังก่อนตายของภรรยาและผมก็คือการได้เห็นลูกชายเพียงคนเดียวแต่งงานเป็นฝั่งฝาและมีทายาทสืบสกุล แต่มันไม่สนใจหาเมียจริงๆ จังๆ เลยทั้งที่อายุสามสิบห้าเข้าไปแล้ว ผมก็เลยจะหาเมียให้มันและหวังว่าถ้าภรรยารู้ว่าลูกจะแต่งงานเธอจะมีกำลังใจสู้ในตอนผ่าตัด เพื่อมีชีวิตรอดอยู่จนได้เห็นหน้าหลาน.." คุณสุรศักดิ์บอกกล่าวความต้องการออกมาอย่างเที่ยงตรง ใบหน้าคมจ้องมองคู่สนทนาด้วยสายตาแน่วแน่
สองแม่ลูกพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกเห็นใจเขา แต่หัวอกคนเป็นแม่ก็สงสารลูกที่ต้องมาแต่งงานอย่างกะทันหันกับคนที่ไม่รู้จักและไม่ได้รักกัน ทว่าคนตรงหน้านี้กลับมีบุญคุณมหาศาลกับครอบครัวของเธอจนทำเอารู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมากถ้าจะปฏิเสธหรือตอบตกลง อรนภาจึงหันมามองหน้าลูกอย่างขอความคิดเห็น รินลดาก็ยิ่งเครียดเพราะกดดันที่ผู้ใหญ่ทั้งสองมองมาด้วยความคาดหวัง..
"ผมคงจะขอมากไป.." พอเห็นสองแม่ลูกมีท่าทีลำบากใจ คุณสุรศักดิ์ก็ถอดใจ เขาไม่ได้โกรธซ้ำยังเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันบังคับจิตใจใครไม่ได้ เด็กวัยนี้ควรมีอนาคตที่สดใสมากกว่าต้องมาตกลงปลงใจแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วยิ่งเป็นลูกชายนิสัยเสียของเขาด้วยแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
"ไม่เลยค่ะ หนู.. ตกลงค่ะ" รินลดารีบพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เนื่องจากผ่านการไตร่ตรองอย่างสมเหตุสมผลมาแล้ว ความจริงเธอไม่ควรคิดมากเลยด้วยซ้ำเพราะชีวิตของพ่อนั้นสำคัญต่อทั้งแม่และเธอ ถ้าไม่ได้คุณลุงคนนี้ช่วยไว้พ่อเธอก็คงไม่มีโอกาสหายใจต่อไปได้อีก กับแค่เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อพวกท่านแค่นี้เธอทำได้อยู่แล้ว!
"หญิง.." อรนภาหันไปมองหน้าลูกด้วยความลำบากใจ แต่ร่างบางนั้นกลับหันมายิ้มให้และกอบกุมมือของหล่อนไว้เพื่อปลอบใจ
"หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ คุณลุงท่านช่วยชีวิตพ่อไว้ บุญคุณมากมายขนาดนั้น ต่อให้ขอมากกว่านี้หนูก็ให้ได้" รินลดาพูดกับแม่ด้วยดวงตาสั่นไหว แม้เรื่องราวมันจะกะทันหันเกินกว่าจะรับไหวแต่เธอยังเข้มแข็งเพื่อเป็นที่พึ่งพิงของมารดาในช่วงเวลาเลวร้ายแบบนี้..
คำพูดที่ร่างบางเอ่ยกับคนเป็นแม่ทำคุณสุรศักดิ์ยกยิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจ เพราะมองออกได้ง่ายมากๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปากว่าเด็กสาวเป็นคนดี กล้าหาญและกตัญญูรู้คุณคน
"แต่ขออะไรอย่างได้มั้ยคะ" หลังสิ้นคำบอกกับแม่ร่างบางนั้นก็หันมาพูดกับเขาด้วยท่าทางเหมือนลำบากใจที่จะต้องพูดอะไรบางอย่างที่คิดอยู่ออกมา
"อะไรล่ะ" ร่างสูงถามกลับอย่างใจเย็น
"หนูยังเรียนอยู่ อีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้ว หนูขอแต่งตอนเรียนจบได้มั้ยคะ" คนตัวเล็กร้องขอออกมาด้วยความคาดหวัง
คนฟังนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ารินลดายังคงเรียนอยู่ ซึ่งอายุและวุฒิภาวะนั้นห่างจากวรธันย์มาก ท่าทางก็ดูเรียบร้อยไม่ทันคน เลยเริ่มกลัวว่าจะเอาลูกชายตนไม่อยู่ แต่ในเมื่อเลือกแล้ว.. สุดท้ายก็ต้องยอมพยักหน้ารับแต่โดยดี
"ขอบคุณค่ะ" รินลดายกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ที่เมตตา และไม่กดดันเธอมากจนเกินไป
"ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะ" คุณสุรศักดิ์ถามต่อด้วยยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่ายเลย เพราะมัวแต่วุ่นวายกับอาการคนป่วยจนลืมทุกอย่างไป
"หนูชื่อหญิงค่ะ แม่หนูชื่ออร พ่อชื่อสม" ร่างบางแนะนำตัวเองพร้อมด้วยพ่อกับแม่เสร็จสรรพ ทำคนฟังต้องแนะนำครอบครัวตัวเองกลับไปบ้าง เพราะอีกไม่นานรินลดาก็ต้องรู้จักทุกคน
"ฉันชื่อศักดิ์ เมียชื่อนาฏ แต่เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ ส่วนไอ้ลูกชายชื่อธันย์ ไม่นานก็คงได้เจอ" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกเรียบๆ ไม่เชิงน่าเกรงขามไปเสียทีเดียว ฟังดูเป็นมิตรเพียงแต่ชอบทำหน้านิ่งเท่านั้น
"เอ่อ.. ค่ะ" คนฟังยิ้มรับฝืดๆ เมื่อคำพูดของว่าที่พ่อสามีกระตุ้นให้ต้องจินตนาการไปถึงว่าที่สามีในอนาคตอันใกล้ว่าจะเป็นคนแบบไหน
"วันนี้กลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ อยู่ไปหมอก็ยังไม่ให้เยี่ยม ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายผมจะจัดการให้ นี่นามบัตร แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่" คุณสุรศักดิ์บอกพร้อมกับยื่นนามบัตรของตัวเองไปให้สองแม่ลูก พวกเธอมองหน้าเขาเลิกลั่กด้วยไม่คุ้นชินกับอะไรแบบนี้
"ขอบคุณมากๆ ค่ะ" รินลดารับมาก่อนยกมือไหว้ เท่านั้นร่างสูงก็จากไป เธอจึงยกนามบัตรใบนั้นขึ้นมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนได้พบว่านามสกุลของเขาเหมือนเธอจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่พอคิดไม่ออกก็เลิกสนใจ พาแม่กลับบ้านด้วยความสบายใจที่มีมากกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะหมดห่วงเรื่องพ่อแต่เป็นกังวลเรื่องอื่นแทน
"คิดดีแล้วหรอลูก ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักน่ะ" อรนภาพูดขึ้นในระหว่างเดินจูงมือกันเข้ามาในซอยบ้านพักที่เช่าอยู่
"จ้ะแม่ อยู่ๆ ไปก็คงจะรักกันไปเองนั่นแหละ หนูไม่เป็นไรหรอก ขอแค่พ่อปลอดภัยก็พอ" รินลดาบอกแม่ยิ้มๆ แต่คนฟังกลับอดสงสารลูกไม่ได้อยู่ดี เพราะเกิดมาจนร่างบางเลยต้องทนลำบากเคียงข้างพ่อกับแม่มาตั้งแต่เด็ก ต้องสละเวลาส่วนตัวมาช่วยพ่อแม่ขายของทุกวัน เวลาว่างก็รับสอนพิเศษให้เด็กๆ ละแวกใกล้เคียง ทำทุกอย่างเพื่อส่งตัวเองเรียน ไม่มีโอกาสได้เที่ยวเล่นอย่างเด็กคนอื่นๆ ก็เลยทำให้ไม่มีเพื่อนเลยสักคน แต่รินลดาก็ไม่เคยน้อยใจหรือเรียกร้องอะไรเลยสักอย่าง พอมาเจอเรื่องนี้อีกหัวอกคนเป็นแม่ก็ยิ่งสงสารลูก..
"ขอบใจนะลูก" ร่างท้วมคว้าแก้วตาดวงใจเพียงหนึ่งเดียวเข้ามากอดแน่น ทั้งปลอบและให้กำลังใจเท่าที่จะทำได้ ใจก็ภาวนาขอให้ลูกไปเจอแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ในภายภาคหน้า ท่าทางผู้ชายคนนั้นก็น่าจะฐานะดีไม่ใช่น้อย ถ้าเขาเอ็นดูลูกสาวเธอก็คงจะได้อยู่อย่างสุขสบายมากกว่าอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ แบบนี้แน่ แค่ลูกไม่ลำบากอย่างตอนที่อยู่ด้วยกัน เธอก็พอใจแล้ว..
..
..
แกรก..
"เป็นไงบ้างหื้ม? " เสียงทุ้มเอ่ยถามคนข้างในทันทีเมื่อผ่านพ้นประตูเข้ามาในห้องพักฟื้นพิเศษ
"ทรงๆ ค่ะ.. เห็นพรบอกว่ามีเหตุฉุกเฉินทำให้มาช้า" คนบนเตียงยกยิ้มให้สามีบางๆ ก่อนถามไถ่ถึงเหตุที่ทำให้มาช้าด้วยความสนใจ
"อืม ก็ประมาณนั้นแหละ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ที่สำคัญผมมีอะไรจะบอกคุณหญิงด้วย.." ร่างสูงตอบผ่านๆ ไม่ลงรายละเอียดอะไรเพราะมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องนั้นรอคนฟังอยู่
"อะไรหรอคะ" พอเห็นสามีพูดด้วยรอยยิ้มยินดี ก็พลอยทำคนรอฟังตื่นเต้นตามไปด้วย เร่งเร้าให้อีกคนรีบบอกด้วยแววตาและคำพูด
"ผมได้ลูกสะใภ้ให้คุณหญิงแล้ว อีกไม่นานเจ้าธันย์จะต้องแต่งงาน" คนมองยิ้มขำอาการของภรรยาคนสวย ก่อนยอมบอกออกมาด้วยรอยยิ้มบางเบา ที่คนอื่นเห็นว่าหน้าโหดหรือยิ้มยากเห็นทีคงจะต้องบอกว่าไม่ใช่ เพราะคนตรงหน้าเป็นคนเดียวที่ทำให้เขายิ้มบ่อยแถมยิ้มแบบไม่รู้สึกตัวเลยสักครั้ง..
"จริงหรอคะ? ลูกยอมได้ยังไงกัน? " คุณนาฏยาแสดงอาการตื่นเต้นดีใจออกมาเมื่อได้ยิน แต่ก็ต้องเอะใจถามว่าวรธันย์ยอมได้ยังไงในเมื่อเขาเอาแต่ปฏิเสธเรื่องนี้มาโดยตลอด
"ผมบังคับเองแหละ.. ว่าที่เมียมันก็ยังไม่เคยเจอ" คุณสุรศักดิ์บอกเสียงเรียบ พอพูดมาถึงตรงนี้ก็แอบหนักใจอยู่เหมือนกัน กลัวความร้ายกาจของลูกชายตนจะทำให้รินลดาทนไม่ไหว
"ละ แล้วคุณพี่ไปได้เด็กคนนั้นมาได้ยังไงล่ะคะ มันจะไม่เกิดปัญหาทีหลังหรอ" คนเป็นภรรยาเกิดความวิตกกังวลไม่ต่างกัน ทั้งเรื่องลูกชายและเด็กผู้หญิงคนนั้นที่สามีเป็นคนหามาจากไหนก็ไม่รู้..
"ถ้าผมต้องการจริงๆ คุณหญิงก็รู้ว่าเจ้าธันย์มันขัดผมไม่ได้ เด็กคนนั้นเป็นคนดี กตัญญูกับพ่อแม่ ผมว่าคุณหญิงจะต้องชอบ" เสียงทุ้มเพิ่มระดับความเข้มเอ่ยบอกอย่างแน่วแน่ ไม่มีทางที่วรธันย์จะไม่ยอมแน่เพราะเขามีแผนสำรองไว้เรียบร้อย.. ในเมื่อให้โอกาสหลายต่อหลายครั้งแล้วเจ้าลูกชายก็ยังลอยชายไม่ยอมทำอะไรเสียที เขาก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ!
"น้องอยากเห็นจังเลยค่ะ" พอได้ยินสามีพูดอย่างนั้น คุณนาฏยาก็สนใจว่าที่ลูกสะใภ้ขึ้นมาในทันที แม้จะไม่ได้เลือกเองแต่ถ้าสามีพูดแบบนั้นเธอก็เชื่อว่าเด็กคนนั้นจะต้องเป็นคนดีอย่างที่เขาบอกอย่างแน่นอน เพราะสามีมองคนออกและมองทะลุปรุโปร่งเสียด้วย
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมพามาเจอ วันนี้นอนพักเถอะ" เสียงทุ้มเอ่ยพลางยิ้มให้บางๆ คนบนเตียงก็ล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ร่างสูงนั่งลูบศีรษะมนอยู่อย่างนั้นจนเธอหลับไป..
วันต่อมา..
วันนี้รินลดากับแม่มาเยี่ยมพ่อในช่วงสายๆ ของวัน ซึ่งคุณหมออนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้แค่ไม่กี่นาทีในชุดปลอดเชื้อ สองแม่ลูกใจชื้นขึ้นมากที่ได้ยินว่าอาการของคนป่วยดีขึ้นตามลำดับ เมื่อหมดเวลาเยี่ยม ออกมาก็ได้เจอกับคุณสุรศักดิ์อีกครั้ง เขามาเพื่อขออนุญาตแม่พาเธอไปทำความรู้จักกับภรรยาของเขา ไปถึงร่างบางก็ออกอาการเก้ๆ กังๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
"สวัสดีค่ะ" รินลดายกมือไหว้ทักทายอีกคนตามมารยาท หลังจากเดินตามว่าที่พ่อสามีมาหยุดอยู่ข้างเตียงคนป่วยในห้องพักฟื้นแบบพิเศษที่คนมีตังเท่านั้นถึงจะพักห้องแบบนี้ได้
"สวัสดีจ้ะ ชื่ออะไรน่ะเรา" คุณนาฏยาทักทายเด็กสาวกลับยิ้มๆ เห็นครั้งแรกก็ถูกใจหน้าตาสวยหวานของอีกฝ่ายเสียแล้ว ท่าทางการแต่งตัวก็ดูเรียบร้อยน่ามอง สามีของเธอไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ
"หนูชื่อหญิงค่ะ" ร่างบางตอบกลับสั้นๆ และยืนเงียบ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่าที่ถูกถามมา
"คุณพ่อเล่าเรื่องของหนูให้แม่ฟังหมดแล้วนะ.. อยากจะเปลี่ยนใจมั้ยหื้ม" สรรพนามใหม่ที่คนพูดใช้แทนตัวเองอย่างสนิทสนมทำคนฟังสะดุดหูไปเล็กน้อยก่อนหลบสายตาด้วยความเขินอาย เพราะยังไม่ชินกับการที่ต้องมีพ่อแม่เพิ่มเข้ามาอีกสองคน แต่ก็ไม่ลืมส่ายหน้าตอบคำถามกลับไป
"พี่ธันย์เขาก็เป็นคนดีนะลูก แม้จะเป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิดและปากเสียไปบ้างก็อย่าถือสาพี่เขาเลยนะ ถ้าเขาร้อนหนูต้องเย็น ถึงจะอยู่ด้วยกันยืด" คนบนเตียงบอกด้วยรอยยิ้มใจดี
ดูเหมือนทั้งสองคนจะวางแผนเรื่องนี้ไว้อย่างดิบดี จนรินลดาไม่กล้าขัดอะไร ได้แต่พยักหน้าตอบไปเท่านั้น เห็นคนป่วยยิ้มได้เธอก็ดีใจแทนครอบครัวของเขา เพราะก่อนมารู้ว่าเป็นโรคหัวใจเหมือนกับพ่อของเธอ อะไรที่มันดีต่อใจก็อยากให้ได้รับ รวมทั้งการแต่งงานในครั้งนี้ด้วย..
"ถ้าแม่กลับไปพักที่บ้านเมื่อไหร่ ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะ หมั้นกันไปก่อนก็ได้ รอหนูเรียนจบค่อยแต่ง" อีกฝ่ายยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ ใบหน้าสวยที่มีริ้วรอยของวัยดูยิ้มแย้มราวกับมีความสุขมากกับเรื่องนี้ คำบอกกล่าวนั้นทำคนฟังลำบากใจนิดๆ เพราะไม่อยากทิ้งพ่อกับแม่ไปอยู่ที่อื่น
"เอ่อ แต่หนูขอมาช่วยพ่อแม่ขายของตอนเย็นนะคะ" คิดไปคิดมามันก็ต้องเป็นไปตามประเพณีที่ฝ่ายหญิงเมื่อได้แต่งงานก็ต้องออกเรือนไปอยู่กับสามี แต่ใจนั้นไม่อยากห่างพ่อกับแม่ ร่างบางเลยขอ เวลาเพียงไม่กี่ชี่วโมงมาช่วยพวกเขาขายของในช่วงเย็นแทน เพราะถ้าขาดเธอไปสักคนพ่อกับแม่ก็ต้องทำงานหนักขึ้น พ่อเองก็เพิ่งจะผ่านการผ่าตัดใหญ่เธอจึงไม่วางใจ..
"เอาสิจ๊ะ พาพ่อกับแม่มาอยู่ด้วยก็ได้นะ" คุณนาฏยาไม่ขัด แถมมีเมตตาชวนครอบครัวของรินลดามาอยู่ร่วมชายคากันด้วย เพราะอีกไม่นานทั้งสองครอบครัวก็จะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว
"พวกเขาคงไม่มาหรอกค่ะ" ร่างบางส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ว่าชวนยังไงพ่อกับแม่ก็ไม่มาแน่ พวกเขามีความสุขกับชีวิตแบบนั้น
คนฟังเพียงพยักหน้าเข้าใจ และพูดคุยทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ นานเข้ารินลดาก็เริ่มเข้ากับว่าที่พ่อแม่สามีได้ดี ยิ่งคุยสองสามีภรรยาก็ยิ่งถูกใจร่างบางไม่น้อยเลยเหมือนกัน ที่สำคัญเธอทำให้คนป่วยยิ้มบ่อยกว่าทุกวันจนคุณสุรศักดิ์พลอยยิ้มตามไปด้วย..
นับจากวันนั้น.. ทุกครั้งที่รินลดามาเยี่ยมพ่อเธอก็จะแวะมาหาคุณนาฏยาเสมอ กระทั่งวันผ่าตัดก็มาอยู่ให้กำลังใจจนผ่านพ้นไปด้วยดี แม้จะแปลกใจไม่น้อยเลยว่าทำไมลูกชายของพวกเขาถึงไม่มาเยี่ยมคนเป็นแม่เลยทั้งที่เป็นวันสำคัญขนาดนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็โล่งอกเพราะมันยืดเวลาการเผชิญหน้าของเธอกับเขาไปอีกหลายวัน ไม่รู้ทำไมรินลดาถึงได้รู้สึกหวั่นใจแปลกๆ ที่จะต้องเจอกัน..
วันเวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งวันนี้ก็มาถึง.. วันที่ร่างบางจะต้องย้ายข้าวของไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ เธอลาพ่อกับแม่ด้วยความอาลัย แม้จะได้กลับมาช่วยงานอยู่ แต่ก็ไม่เคยต้องจากไปอยู่ที่อื่นแบบนี้ เลยอดใจหายไม่ได้..
"ไม่ว่าเจ้าธันย์มันจะพูดอะไรก็อย่าไปสนใจ เชื่อฟังแค่พ่อกับแม่ก็พอ" คุณสุรศักดิ์กับคุณนาฏยามารับว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาต่างพูดประโยคราวๆ นี้ให้เธอฟังซ้ำๆ เพราะการแต่งงานในครั้งนี้เหมือนลูกชายของพวกเขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่ไม่ว่าจะยังไงทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ให้เธอมองข้ามคำพูดหรือการกระทำที่แสดงออกถึงการคัดค้านของวรธันย์ไป คำพูดที่มีผลกับเธอจะต้องมาจากทั้งคู่เท่านั้น!
"..ค่ะ" คนฟังตอบรับพลางลอบกลืนน้ำลายฝืดๆ ใจเต้นระทึกด้วยความตื่นเต้นทั้งลำบากใจ เพราะการจับคู่ครั้งนี้มันคือการคลุมถุงชน ยังไงอีกฝ่ายก็คงจะไม่ยอมรับง่ายๆ อย่างแน่นอน
ใช้เวลาไม่นานนักรถคันหรูที่ทั้งสามคนนั่งมาก็แล่นเข้าไปหยุดนิ่งลงที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ทำเอาคนเพิ่งจะเคยมาเหยียบอึ้งทึ่งและยืนตัวเกร็งไปหมด เจ้าของบ้านพารินลดาไปแนะนำกับทุกคนภายในบ้านว่าเธอจะเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะคู่หมั้นของวรธันย์ ให้ทุกคนปฏิบัติดีและให้เกียรติเธอเหมือนเป็นเจ้านายอีกคน..
ความรวยของบ้านนี้ทำให้ร่างบางตื่นตาตื่นใจอย่างอดไม่ได้ เพราะเพียงแค่ห้องน้ำก็ใหญ่กว่าห้องเช่าเก่าๆ ที่เธอกับพ่อแม่พักอยู่แล้ว ทุกสิ่งอย่างถูกเตรียมพร้อมเพื่อต้อนรับการมาของเธอ ในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อผ้าและของใช้สำหรับผู้หญิงมากมาย ถัดไปไม่ไกลมีโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องบางไว้สำหรับทำงาน เรียกได้ว่าครบครัน เจอแบบนี้คนมองเลยได้แต่ยืนนิ่งด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก
"ชอบมั้ยลูก ต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่า" แม่สามีเดินมาแตะไหล่พร้อมเอ่ยถามยิ้มๆ เธอเป็นคนเตรียมทุกอย่างไว้เองพอเห็นปฏิกิริยาของร่างบางที่แสดงออกว่าชอบเลยรู้สึกภูมิใจ
"ชะ ชอบค่ะ.. หนูไม่ต้องการอะไรแล้ว แค่นี้ก็มากพอแล้วค่ะ" คนฟังส่ายหน้าดิก ไม่เอาอะไรเพิ่มอีก เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากอีกคนได้เป็นอย่างดี
"งั้นพักผ่อนไปก่อนนะ ก่อนหกโมงก็อาบน้ำแต่งตัวสวยๆ รอเจอพี่เขา เดี๋ยวแม่จะให้คนมาตาม" คุณนาฏยาบอก และขอตัวออกไปเพื่อให้ร่างบางมีเวลาพักและทำความคุ้นเคยกับห้องใหม่
"ค่ะ เดินระวังด้วยนะคะ" เสียงหวานพลั้งปากบอกไปตามนิสัย ด้วยเห็นว่าอีกคนเพิ่งผ่าตัดใหญ่ไปเมื่อไม่นาน คงยังไม่หายดี สิ้นคำแม่สามีก็ยกยิ้มด้วยความเอ็นดูก่อนพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป
..
..
..
..
ฝากติดตามด้วยน้าาาาา
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 2ก่อนจะถึงหกโมงเย็นตามนัดที่เจ้าของบ้านบอกไว้รินลดาก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดใหม่ที่ถูกซื้อมาแขวนไว้ให้ในตู้เสื้อผ้า ตอนแรกเธอไม่ได้คิดจะหยิบออกมาใส่เลยเพราะมองแค่เผินๆ ก็พอจะเดาราคาได้ว่าต้องแพงมากแน่ๆ เลยกะจะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของตนที่ขนมาจากบ้าน แต่ทว่าเสื้อผ้าของเธอมีแต่ชุดธรรมดาราคาถูก อย่าว่าแต่จะใส่ไปพบหน้าว่าที่สามีเลย ให้ใส่อยู่ในส่วนไหนของบ้านหลังนี้มันก็ดูไม่ได้ทั้งนั้นสุดท้ายรินลดาก็เลยต้องจำใจหยิบชุดใหม่ที่คุณนาฏยาซื้อให้มาใส่ และเฝ้ารอใครสักคนมาเรียกด้วยความตื่นเต้นชนิดที่ว่านั่งก้นไม่ติดพื้น เทียวลุกเดินไปส่องกระจกบานใหญ่ตรงห้องแต่งตัวซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แต่ถึงภาพที่ปรากฏอยู่ในกระจกจะเป็นที่น่าพึงพอใจแค่ไหนเธอก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้เป็นกังวลที่สุดก็คือว่าที่สามี.. ไม่รู้ว่าวรธันย์จะเป็นคนแบบไหน และเขาจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าเธอเป็นแค่ลูกสาวพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาๆ เท่านั้นก๊อกๆ "คุณหญิงคะ คุณผู้หญิงให้มาตามค่ะ" เวลาหกโมงเย็นนิดๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่น้ำเสียงสุภาพอ่อนหวานของใครสักคนจะดังตามหลังมา คน
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 3"เฮ้ยๆ ใจเย็นไอ้เสือ มึงจะเมาตั้งแต่สองทุ่มไม่ได้นะเว้ย"'ภาค' หนุ่มตำรวจจากกรมสืบสวนคดีพิเศษหรือที่เรียกสั้นๆ ว่าดีเอสไอทักขึ้นเสียงหลง เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่กอดคอถือหาง (?) กันมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มเอาๆ ราวกับอดอยากปากแห้งมานมนานทั้งที่คนอย่าง 'วรธันย์ อินทรเกษมกุล' ทายาทจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง 'อินทรเกษมกุล กรุ๊ป' ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟแวร์อันดับหนึ่งของประเทศไม่น่าจะห่างหายจากเรื่องพวกนี้ได้"เออ เป็นไรวะ มาถึงก็ดื่มเอาๆ หน้าบูดเหมือนตูดไอ้อ้วนเลยเนี่ย"'อาทิตย์' คู่หูรวมอาชีพของภาคผสมโรงมองงงใส่ร่างสูงอีกคน ต่างกันตรงที่เขาถูกเจ้าตัวตวัดตามองเคืองใส่หลังพูดจบเพราะดันไปเปรียบเทียบหน้าคนกับก้นหมาที่บ้านใส่กัน แต่เขาก็ได้ใส่ใจสายตาเชือดเฉือนคู่นั้น แถมยิ้มเย้ยกลับไปอีกต่างหาก"มึงก็พูดไป กูว่าตูดไอ้อ้วนยังดูดีกว่าหน้าไอ้ธันย์ตอนนี้เลยว่ะ ฮ่าๆ " ภาคแย้งขึ้น อดไม่ได้ต้องระเบิดหัวเราะร่าไปทีเพราะชอบอกชอบใจกับคำเปรียบเปรยของตนเอง ไม่ต่างจากอาทิตย์ที่รีบยกมือขึ้นแท็คทีมกันอย่างออกนอกหน้า แล้วก็พากันขำเอิ้กอ้ากต่อไป ฝ่ายจำเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 4เมื่อทานอาหารเช้าร่วมกับคุณสุรศักดิ์และคุณนาฏยาแล้ว รินลดาก็กลับขึ้นห้องเพื่อแต่งตัวใหม่เป็นชุดนักศึกษาเนื่องจากมีเรียนตอนสิบโมง เมื่อเรียบร้อยก็กลับลงมาไหว้ลาคนทั้งสอง เธอเผื่อเวลาเดินทางไว้มากโขเพราะเมื่อวานได้สังเกตลู่ทางไว้แล้วพบว่าป้ายรอรถประจำทางอยู่ตรงหน้าปากซอย ต้องเดินเท้าออกไปค่อนข้างไกล เธอเตรียมตัวพร้อมทุกอย่างทั้งร่มแบบพกพาไว้กางกันแดดและสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อที่จะได้เดินสบายเท้า แต่พอคุณสุรศักดิ์และคุณหญิงรู้เข้าก็พร้อมใจกันรีบเบรกความตั้งใจของเธอ และสั่งให้คนขับรถถอยรถยนต์คันหรูมารับถึงหน้าประตูบ้านร่างบางได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ครั้นจะแย้งว่าเธอเดินทางไปเรียนเองได้ก็ถูกมือบางของว่าที่แม่สามีดันหลังให้ขึ้นไปนั่งแหมะอยู่บนรถและลุงคนขับรถก็รีบออกตัวอย่างว่องไวราวกับแท็กทีมกันมัดมือชกให้เธอต้องจำยอม..การเดินทางมามหาวิทยาลัยของรินลดาในวันนี้ดูจะกลายเป็นที่สนใจของผู้คนที่พบเห็นไม่ใช่น้อย เธอไม่ใช่คนดังแต่เพราะรถยนต์สัญชาติอังกฤษราคาแพงที่น้อยคนนักจะกล้าซื้อมาขับกำลังทำให้เธอกลายเป็นจุดเด่น ซ้ำ 'ลุงพร' คนขับรถของคุณท่านทั้งสองยังไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 5 "กลับมาแล้วหรอลูก"กว่าจะช่วยพ่อกับแม่ขายของรวมเก็บร้านจนเสร็จและเดินทางกลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุลก็ปาไปสามทุ่มกว่าจวนจะสี่ทุ่มในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แต่คนที่กำลังเดินลากเท้าด้วยความเหนื่อยล้ากลับต้องแปลกใจที่ภายในบ้านอันเงียบสงบมีร่างหนึ่งของสตรีวัยกลางคนกำลังนั่งรอการกลับมาของเธออยู่ที่โซฟารับแขก"คุณหญิง...เอ่อ คุณแม่ทำไมยังไม่เข้านอนอีกล่ะคะ" เสียงหวานเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาคนถามก็รีบสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาอย่างรีบร้อนเสียเอง"ยังจ้ะ แม่แค่รู้สึก...เป็นห่วงหนูนิดหน่อยน่ะ กลับมืดค่ำ แล้วดูสิเนี่ย เหนื่อยมากเลยใช่มั้ยหื้ม? " คุณหญิงนาฏยายกยิ้มอ่อนพลางเอื้อมมือมาลูบแก้มใสแผ่วเบา ดวงตาคู่สวยมองสำรวจร่างกายบางๆ นั้นอย่างละเอียด ยิ่งเห็นเด็กสาวมีท่าทีเหนื่อยล้าเธอก็ยิ่งสงสารและเห็นใจ วันนี้อากาศดูจะร้อนกว่าทุกวันอีกฝ่ายเลยเหงื่อโทรมกายเสียขนาดนี้"นิดหน่อยค่ะ แต่หนูชินแล้ว" ร่างบางยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เพราะถึงจะเหนื่อยก็เหนื่อยเพราะทำเพื่อพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งกว่าที่ท่านทั้งสองจะเลี้ยงดูให้เธอเติบโตมาได้ถึงยี่สิบก
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 6"หลีกไป ฉันจะเข้า! "ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกวลินมา 'พิมผกา' ผู้เป็นเลขาของท่านประธานก็ไม่สามารถรั้งหล่อนให้หยุดรอหน้าห้องได้เลยสักครั้ง เช่นเดียวกับวันนี้ที่เจ้าหล่อนไม่รู้ไปกินรังแตนมาจากไหนถึงได้เดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล มาถึงก็ใช้แรงไม่น้อยผลักเธอออกไปให้พ้นทางจนเสียหลักล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้นด้วยตั้งตัวไม่ทัน ไม่แม้แต่จะชายตามองให้เสียเวลาร่างเพรียวนั้นก็กระชากประตูห้องท่านประธานเปิดออกและปิดเสียงดังจนเจ้าของห้องที่นั่งทำงานอยู่ยังสะดุ้งด้วยความตกใจ นัยน์ตาคมปราดมองผู้บุกรุกอย่างไม่พอใจ กำลังจะเอ่ยปากตักเตือนก็เป็นอันต้องเงียบไปเมื่อได้เห็นสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย"นี่มันหมายความว่ายังไงคะธันย์! ? " น้ำเสียงเล็กแหลมตะคอกถามพร้อมกับยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูที่กำแน่นมาตลอดทางไปให้ร่างสูงดูจนเกือบจะกระแทกหน้า"คุณไปแอบมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไรคะ แล้วเกวล่ะ คุณเห็นเกวเป็นอะไร! " ร่างเพรียวเอ่ยตัดพ้อเสียงเครือแสร้งน้ำตาคลอในขณะที่ดวงตาคมยังคงไล่อ่านเนื้อหาที่อยู่บนหน้าจอโดยไม่พูดอะไร เมื่ออ่านจบก็พลันนิ่งไปนิด..ปกติข่าวพวกซุบซิบนินทาดาราคนดังเทือกนี้วรธ
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 7'หนูหญิงคือคู่หมั้นและว่าที่สะใภ้บ้านเราในอนาคตอันใกล้ ส่วนคนอื่นไม่รู้ค่ะ อาจจะเป็นแค่คู่ควงหรือคู่ขาที่มีไว้แก้เหงา...ทำนองนั้น เพราะถ้ารักกันจริงลูกชายดิฉันคงพาเข้าบ้านมาไหว้พ่อแม่นานแล้ว...'เมื่อคลิปสัมภาษณ์ที่สามสาวนำมายัดเยียดให้ดูรันจนจบ ประโยคหนึ่งที่คนในคลิปพูดกับรินลดาไว้เมื่อวานก็ผุดขึ้นมาในหัวแทบจะทันที...'ถ้าหนูคิดมากเรื่องข่าวที่ผู้หญิงคนนั้นจงใจสร้างขึ้นล่ะก็ ไม่ต้องคิดหรอกจ้ะ พรุ่งนี้ก็เงียบ..'แบบนี้นี่เอง...เพราะคุณหญิงนาฏยารู้ว่างานสังคมที่กำลังจะไปร่วมในตอนหัวค่ำจะต้องถูกสื่อทุกสำนักรุมถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงพูดเป็นนัยแบบนั้นออกมา ทั้งคุณหญิงและคุณสุรศักดิ์ต่างให้สัมภาษณ์เอนเอียงมาทางเธออย่างไม่ไว้หน้าใคร ตอบชัดตอบตรงทุกประเด็นจนบรรดานักข่าวหมดข้อสงสัยไปอย่างรวดเร็วเช้าวันนี้บรรยากาศของผู้รอบข้างจึงเปลี่ยนไปอีกหน กระแสตีกลับไปกลับมาจนตามไม่ทัน เธออุตส่าห์ทำเฉยไม่อยากยุ่งให้วุ่นวาย แต่แม่สามสาว ฟิล์ม บี ต้นอ้อ ก็ช่างหวังดีหรืออยากรู้อยากเห็นก็ไม่แน่ใจ ชอบเอาข่าวมาให้ดูและซักไซ้ไล่เรียงถามราวกับซ้อมเป็นรักข่าวก็ไ
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 8ตากลมมองตามแผ่นหลังของสามีในอนาคตอันใกล้ที่เดินไปสวมกอดผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งคู่ยิ้มให้กันหวานชื่นก่อนที่ฝ่ายหญิงนั้นจะเหยียดสายตามองมาที่เธออย่างผู้กำชัยชนะ รินลดาพยายามข่มอารมณ์ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับอะไรทั้งนั้นก่อนจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคนทั้งสองวรธันย์แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการขยับเก้าอี้ให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งในขณะที่ร่างบางต้องช่วยเหลือตัวเอง พวกเขาแสดงออกชัดว่าเธอเป็นเพียงส่วนเกิน เธอเข้าใจและไม่ถือสาแม้จะเห็นรอยยิ้มและสายตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นส่งมาอย่างออกนอกหน้าก็ตาม"นี่เกวลินเป็นคนรักของฉัน" ร่างสูงแนะนำคนข้างกายอย่างไม่ทุกข์ร้อน ดูจะจงใจเน้นย้ำสถานะของอีกฝ่ายให้เธอฟังเสียยิ่งกว่าอะไร"สวัสดีค่ะ" เสียงหวานเอ่ยทักทายเรียบๆ ไม่ได้แนะนำตัวเองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักเธอแล้วไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นวรธันย์คงแนะนำเธอกลับไปบ้างแล้ว"สวัสดีค่ะ คงไม่ว่าอะไรนะคะถ้าฉันจะขอนั่งด้วย" อีกฝ่ายแย้มยิ้มหวานหยด แกล้งถามด้วยความเกรงอกเกรงใจ ที่มองออกไม่ใช่ว่ารินลดามองคนเป็นแต่หล่อนไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองมาตั้งแรกแล้วต่างหา
วิวาห์(ไม่)ไร้รัก Writer : Aile'N ตอนที่ 9พอพ้นหน้าโรงแรมหรูออกมารินลดาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่ายังไม่ดึกเท่าไรก็คิดหาทางกลับบ้าน แท็กซี่นั้นเธอตัดทิ้งไปเป็นอย่างแรกเพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีด้วย แต่ชุดแบบนี้ให้ไปยืนโหนรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติร้อนๆ บวกควันรถก็ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไร ถ้ารถเมล์แอร์เย็นๆ ก็คงพอได้อยู่ ถึงจะไม่ได้มีที่ให้นั่งในเวลารีบเร่งแบบนี้ก็ไม่เป็นไรคิดได้แบบนั้นดวงตาคู่กลมก็สอดส่องหาป้ายรถเมล์ แต่ก็ไม่พบในระยะสายตามองเห็นเลยตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบ ซึ่งก็กินเวลาไปหลายนาทีและอากาศก็ร้อนจนเหงื่อซึม ยืนรอสักพักรถเมล์ปรับอากาศสายที่ต้องการขึ้นก็ผ่านมา แม้ผู้คนจะเบียดเสียดเนื่องจากเยื้อแย่งกันกลับบ้าน แต่ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับร่างบางที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะอยู่เป็นประจำใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากการจราจรติดขัด ในที่สุดรินลดาก็กลับมาถึงบ้านอินทรเกษมกุล ท่ามกลางความแปลกใจระคนตกใจของคุณหญิงนาฏยาที่ยังไม่เข้านอนเพราะรอติดตามสถานการณ์ของลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ทุกขณะ แต่นอกจากจะกลับไวและไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ของเจ้าลูกชายแล้วยังเห็นแค่ลูกสะใภ้เดินเข้
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 28"คุณพิมพ์ วันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะ เลื่อนงานออกไปทั้งหมด บอกศรัณซื้อยาลดไข้กับข้าวต้มมาให้ผมที่คอนโดด้วย ขอบคุณ" มือเรียวกดวางสายทันทีหลังจากพูดธุระกับผู้เป็นเลขาจบ โทรศัพท์เครื่องหรูถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่ใยดีหลังจากหมดประโยชน์ เนื่องจากเจ้าของเครื่องมีสิ่งสำคัญมากกว่าให้สนใจร่างบอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทว่าร่างกายแผ่ไอร้อนออกมาจนรู้สึกได้ คนเป็นไข้ต้องเช็ดตัว...คิดได้แบบนั้นวรธันย์จึงผละออกไปหาผ้าสะอาดกับชามใบเล็กๆ รองน้ำเกือบเต็ม ก่อนจะเดินกลับเข้ามาหาคนหลับอีกครั้งมือเรียวคว้ารีโมทมากดปิดแอร์เพราะกลัวคนป่วยจะหนาวระหว่างที่เช็ดตัวให้ ก่อนทำการขุดร่างคนป่วยขึ้นมาจากผ้าห่มผืนใหญ่ เปลื้องผ้าเธอจนหมด แล้วนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดไปตามลำตัวขาวผ่องซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยสีแดงเรื่อที่เขาฝากไว้เมื่อคืนอย่างระมัดระวังวรธันย์ข่มใจเช็ดตัวให้คนรักจนเสร็จก็ใส่เสื้อผ้ากลับคืนให้ ดึงผ้าห่มคลุมถึงลำคอก่อนกดเปิดแอร์และเพิ่มอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น ก่อนเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำบ้าง ออกมาทันตอนได้ยินเสียงก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 27รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบอบบางก็แตะลงบนที่นอนนุ่ม ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ตักตวงเอาความหอมหวานจนพอใจถูกถอนออกไปก่อนจูบซับเข้าที่ข้างขมับ พวงแก้ม ปลายคางและเลื่อนต่ำลงไปที่ซอกคอขาว ขณะที่ฝ่ามือลากไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของคนรัก กลิ่นกายหอมกรุ่นราวกับดอกไม้แรกแย้มทำสติสัมปชัญญะกระจัดกระเจิงยากที่จะควบคุมวรธันย์ห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนานมากๆ ตลอดมาเขาไม่เคยต้องอดทนกับใคร และก็คิดว่ายังทนต่อไปได้อีกนาน กระทั่งได้ยินคำว่า 'รัก' จากปากอิ่มเล็กๆ นั่น เขาถึงได้รู้ความจริงว่าความอดทนของเขามันหมดไปตั้งแต่วินาทีนั้น เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว!ด้านรินลดาเองก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปถ้าขืนเธอยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้สถานการณ์มันไหลต่อเนื่องไปแบบนี้ เธอกำลังสับสนกับความต้องการจริงๆ ของตัวเองเพราะความคิดด้านดีกับด้านลบกำลังขัดแย้งกันมั่วไปหมด...'ห้ามชิงสุกก่อนห่าม' คือประโยคที่ไม่ว่าหญิงหรือชายก็มักจะเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่พร่ำสอนกันมาตั้งแต่เล็กจนโตในสังคมไทย ทว่าเธอไม่เคยมีคนรักเลยไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ที่เขามี เขาทำตามคำสอนนั้นได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะอีกด้านหนึ่งเราก็
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 26การอยู่เฉยๆ ในห้องชุดอันแสนกว้างใหญ่มันไร้ประโยชน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากทำอะไรก็ขยับไม่ได้ดั่งใจ แต่จะให้อยู่เฉยๆ ทั้งวันรินลดาก็ทำไม่ได้ เมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอก็ตั้งใจว่าจะลงไปเดินเล่นที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างคอนโด เพราะตอนดูทีวีบังเอิญเปิดไปเจอรายการทำอาหารและขนม เลยนึกอยากทำขนมอร่อยๆ ไว้รอเจ้าของห้องกลับจากที่ทำงานร่างบางพาตัวเองค่อยๆ เดินไปที่ลิฟต์อย่างไม่รีบร้อน โชคดีที่คอนโดหรูแห่งนี้เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเลยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรือกลัวว่าจะไปยืนเก้ๆ กังๆ ขวางทางใครเข้า"หญิง! " ใครสักคนที่กำลังจะเดินสวนเข้ามาในคอนโดเรียกชื่อเธอเสียงดัง ครั้นหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มแฉ่งก่อนจะปรี่เข้ามาลูบหัวลูบหาง (?) เธอด้วยความดีใจ"พี่อิฐ! " คราแรกที่ถูกเรียกเสียงดังยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นใครรินลดาก็ออกอาการดีใจไม่ต่างกัน บุรุษเพศนั้นผ่านเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือพี่รหัสคนนี้นี่เอง"โหย ไม่เจอกันนาน คิดถึงนะเนี่ย" อิทธิพัทธ์เขย่าไหล่เล็กเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่สุดท้ายจะอดใ