ตอนที่ 5
ค่ำคืนวสันต์มีค่าดุจทองพันชั่ง
ทุกทิศทางที่กระบี่ของนางพุ่งไปยังเขานั้นถูกหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่นางถือกระบี่แต่เขามีเพียงมือเปล่าเท่านั้นก็ยังดูไม่เสียเปรียบนางเลย
สิบกระบี่ถูกเขารับมือได้ทั้งหมด อีกทั้งใช้ความเร็วในการเคลื่อนตัวเข้ามาโอบนางจากด้านหลังกุมมือลงมาทับกับที่นางกุมกระบี่อ่อนเอาไว้ ไม่นานกระบี่จากมือนางก็ถูกชิงไปไว้ในมือขอเขาเป็นที่เรียบร้อย
“ท่านแม่ทัพเก่งกาจสมคำร่ำลือ”
“แต่เจ้ากลับดูต่างไปจากคำร่ำลือมากทีเดียว” ชายหนุ่มตอบกลับทันที พร้อมทั้งโยนกระบี่ขึ้นไปปักที่เสาไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล
“ร่ำลือว่าอย่างไรบ้างหรือเจ้าคะ ลือว่าข้างดงาม เรียบร้อยอ่อนหวานเป็นยอดสตรีในห้องหอใช่หรือไม่” นางเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวใหญ่ที่บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิ ดและทอดมองอาหารเหล่านี้ด้วยสายตาเป็นประกาย
“เหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น” เขาเอ่ยตอบก่อนจะเดินมานั่งลงที่ เก้าอี้ใกล้ๆ กับที่ร่างบางที่เมื่อครู่จ้องจะหันปลายกระบี่ใส่เขาไม่หยุด “เจ้านั่งลงก่อนเถอะ พวกเรากินไปคุยไปก็ได้”
“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ” ผู้ที่สวมใส่ชุดมงคลสีสดเอ่ย ออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ ก่อนจะนั่งลงแล้วจับตะเกียบคีบอาหารทานด้วย ใบหน้ามีความสุข
“อาหารบนโต๊ะมากมาย เจ้าหิวทำไมจึงไม่ทานก่อนเล่า” ชาย หนุ่มเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่เฝ้ามองนางคีบอาหารใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
“แม่สื่อกำชับข้าเอาไว้ ให้รอกินพร้อมหน้ากับสามี” นางเอ่ย ตอบอย่างซื่อๆ “อ่า…ใช่แล้วดูเหมือนว่านางจะสั่งเอาไว้อีกอย่าง” ไม่พูด เปล่าหญิงสาวลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะใกล้ๆ กับเตียงนอน ก่อนจะหยิบถาดที่มี กาเหล้าและจอกสุราวางเอาไว้คู่หนึ่งเดินประคองมาวางที่โต๊ะอาหาร
“ที่เจ้านำมาคงเป็นสุรามงคลกระมัง”
“ใช่แล้ว แม่สื่อนางกำชับเอาไว้ เหล้ามงคลนี้ต้องดื่มห้ามลืมเด็ดขาด” เจ้าของมือเล็กรินชาลงจอกสุราทั้งสองเป็นที่เรียบร้อย ไม่เท่านั้นนางยังยกเก้าอี้ของตนไปใกล้ผู้เป็นสามี
หนิงเหยอวี้มองดูการกระทำของนาง พลางคิดว่าช่างเป็นสตรีผู้ ใส่ซื่อต่างไปจากยามที่ถือกระบี่ก่อนหน้ายิ่งนัก
“แม่สื่อบอกว่าสุรามงคง สามีภรรยาคล้องแขนกันดื่มจะดีที่สุด”
“ได้เช่นนั้นทำอย่างเจ้าว่า”
นางช่างเชื่อฟังนัก แม้จะดูซุกซุนทะเล้นแต่กลับเชื่อฟัง ดูแล้วก็ เป็นสตรีหัวอ่อนที่สอนได้อีกทั้งไม่แข็งกระด่างจนเกินไป
ดูเหมือนที่เขาแต่งฮูหยินนี้จะไม่ได้ภรรยาที่เรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ได้ภรรยาที่ซื่อและซุกซนไม่เบามาแทน
สองสามีภรรยาทำการคล้องแขนป้อนสุราให้อีกฝ่ายจนเสร็จสิ้น
“สุราดี” ลู่เข่อชิงเอ่ยขึ้น
“มีเพียงแค่สุราเท่านั้นที่ดีหรือ?”
“สามีท่านก็ดียิ่ง เมื่อครู่ได้มองท่านใกล้ๆ จึงได้โอกาสพิจารณารูปโฉมของท่าน ข้าพบว่าท่านนอกจากจะร่างกายกำยำใหญ่โตกว่าบุรุษทั่วไปหน้าตาก็หล่อเหลาคมเข้มไม่น้อยทีเดียว” อีกทั้งเมื่อครู่ตอนได้ พูดคุยกันก็พบว่าดูเหมือนเขาจะเป็นคนใจเย็น อีกทั้งไม่ขี้โมโห นางแต่งกับเขาจึงรู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้โชคดีอยู่หน่อยๆ
“ยังมีอีกหรือไม่ข้อดีของข้า”
“แน่นอนว่าย่อมมีอีกมาก แต่ที่ข้าชอบมากที่สุดก็คือท่านเก่งวรยุทธ์ วิชัยยุทธ์ เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว เป็นผู้มีความสามารถที่หาตัว จับได้ยาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสามีจะช่วยชี้แนะวรยุทธ์ให้บ่อยๆ” นางพูดออกมาด้วยสายตาเป็นประกาย วาดฝันไปถึงความก้าวหน้าของตน
ยามนางชื่นชมรูปโฉมและร่างกายของเขากับไม่ได้ดูหลงใหล เช่นเดียวกับยามเอ่ยถึงวรยุทธเลย
ตอนนี้หนิงเฟยอวี้จึงรู้สึกว่าเหมือนเขาจะได้ลูกศิษย์เพิ่มไม่ใช่ ภรรยา
“ฮูหยิน…ไม่รู้ว่ามีผู้ใดบอกเจ้าหรือไม่ว่าการแต่งงานกับการกราบ ไหว้อาจารย์ฝากตัวเป็นศิษย์นั้นต่างกัน”
“เรื่องเช่นนี้ข้าย่อมรู้ดี แต่ไม่ใช่ว่าหากได้พร้อมกันทั้งสามีทั้งอาจารย์ในคนเดียวจะเป็นเรื่องดีและคุ้มค่าที่สุดหรอกหรือ”
“โลภมากจนเกินไปอาจเป็นผลเสียต่อตัวเจ้าเองรู้หรือไม่ หากข้าทำหน้าที่ได้ดีเป็นทั้งสามีและอาจารย์ให้เจ้าได้แล้วเจ้าล่ะสามารถเป็นภรรยาที่ดีและลูกศิษย์ที่ดีได้หรือไม่”
“แน่นอนว่าข้าย่อมไม่เคยนึกหวั่นอยู่แล้ว ทั้งภรรยาที่ดีและลูกศิษย์ที่ดีข้าล้วนทำได้ดีทั้งหมด” หญิงสาวกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ
“ดี…เช่นนั้นเริ่มจากหน้าที่ภรรยาที่ดีก่อนก็แล้วกัน เจ้าว่าคืนแรกของวันวิวาห์เช่นนี้ ภรรยาที่ดีควรต้องทำสิ่งใด”
“อ่อ!!! เรื่องนี้ข้ารู้ ท่านแม่สอนข้ามาแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอันใดเลย”
“ที่แท้ภรรยาก็ร่ำเรียนมาแล้ว เช่นนั้นก็รบกวนภรรยาช่วยนำสิ่งที่เรียนมานั้นมาใช้สักทีเถิด”
“ไม่มีปัญหา สามีท่านเองก็ให้ความร่วมมือ ไปล้างมือล้างหน้าถอดชุดตัวนอกออกก่อน ข้าเองขอเวลาจัดการแกะผมกับเหล่าเครื่องประดับกับชุดตัวนอกของข้าก่อน”
“ได้ ข้าเองก็ไม่มีปัญหา” ชายหนุ่มรับคำ ก่อนจะลุกเดินไปที่หลังฉากกั้นที่เป็นส่วนของห้องอาบน้ำเพื่อจัดการความเรียบร้อยของตัวเอง ในใจนึกไปถึงท่าทีไม่ร้อนไม่หนาวของฮูหยินตัวน้อยที่ดูไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดของเขาแล้วก็ไม่แน่ใจว่าที่นางกล่าวว่าเข้าใจดีนั้นคือเข้าใจดีไปในทิศทางใด
หลังจากที่เขาจัดการตัวเองเสร็จฮูหยินตัวน้อยของเขาก็ถึงได้เข้าไปจัดการตัวเองที่ห้องอาบน้ำต่อ นางทิ้งท้ายสั่งให้เขาขึ้นไปรอบนเตียงก่อนได้เลย ม่านกั้นเตียงจึงถูกเขาปล่อยลงมาเสร็จสรรพ เจ้าของร่างสูงใหญ่เอนตัวลงนอนด้านในเตียงกว้างอย่างรอคอยฮูหยินตัวน้อยของตนว่านางจะตามเขาขึ้นเตียงมงคลมาเมื่อไหร่
ตอนที่ 6ฮูหยินน้อยคนใหม่ลู่เข่อชิงไล่ดับตะเกียงภายในห้อง เหลือเพียงตะเกียงมงคลที่วางอยู่ที่โต๊ะกลางห้องเท่านั้นที่ไม่ได้ดับ เรียบร้อยแล้วจึงเลิกม่านกั้นเตียงขึ้นถอดรองเท้าก้าวขึ้นเตียงนอนไป พื้นที่ด้านในถูกผู้เป็นสามียึดครองเอาไว้แล้ว นางจึงต้องนอนลงที่ฝั่งด้านนอกโดยปริยาย“ไหนเมื่อครู่เจ้าเอ่ยออกมาพร้อมท่าทางมั่นอกมั่นใจถึงเพียงนั้น เหตุใดพอขึ้นเตียงมาแล้วกับนอนนิ่งเช่นนี้ล่ะ” หนิงเฟยอวี้เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้า เขาหันมานอนตะแคงจ้องมองไปทางนางอย่างนึกสนุกร่างเล็กของหญิงสาวเปลี่ยนจากนอนตัวตรงเป็นหันตะแคงไป ทางบุรุษที่อยู่ด้านใน พวกเขาในตอนนี้จึงตะแคงหันหน้าเข้าหากันเป็นที่ เรียบร้อยอีกทั้งยามนี้ฮูหยินตัวน้อยของเขายังทอดสายตามายังเขาอย่าง แสนซื่อ“จริงๆ แล้วข้านั้นรู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นัก นอกจากท่าน พ่อ พี่ชาย และอาจารย์ ข้าก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับบุรุษใดอีก พวกเราเองก็เพิ่ง เคยเจอกัน แม้ท่านแม่จะบอกข้าแล้วว่าสามีภรรยาใกล้ชิดแนบชิดกันไม่ใช่เรื่องผิด และถึงแม้ข้าจะใจกล้าเพียงใดแต่ไม่คุ้นชินก็เหมือนกับว่าจะทำสิ่งใดไม่ค่อยสะดวกใจนัก”“ที่เจ้ากล่าวมามิใช่ข้าไม่สามารถเข้าใจได้”นาง
ตอนที่ 7กลับบ้านเดิม“อาจือ อีกสองวันท่านแม่ทัพต้องกลับเมืองว่านอัน ข้าเองก็ต้องเดินทางไปพร้อมกับเขาด้วย เรื่องสินเดิมและข้าวของที่นำมาเจ้ายังไม่ต้องนำออกมาจัดแจงให้เก็บเอาไว้ในหีบเช่นเดิมก่อนเอาไว้ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วข้าค่อยถามเขา” นางเอ่ยกับสาวใช้ส่วนตัวของนางที่ตามมาจากจวนสกุลลู่อาจือนั้นเป็นหญิงสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง ตั้งแต่ที่นางกลับมาที่สกุลลู่ก็มีอาจือนี่แหละที่คอยตามรับใช้อยู่ข้างๆ มาตลอด“เจ้าค่ะคุณหนู”“พรุ่งนี้ข้ากับท่านแม่ทัพจะกลับไปเยี่ยมเยียนที่สกุลลู่เจ้าติดตามข้าไปด้วยกันก็แล้วกัน มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องถามเจ้า”“เรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”“เมืองว่านอันนั้นอยู่ไกลจากเมืองหลวงนัก หากเจ้าไม่อยาก ติดตามไปด้วยกันกับข้าก็สามารถกลับไปอยู่ที่จวนสกุลลู่ดังเดิมได้”“บ่าวยินดีตามไปรับใช้คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูพาข้าไปเมืองว่าน อันด้วยนะเจ้าคะ” อาจือตอบกลับผู้เป็นคุณหนูของนางในทันที“เช่นนั้นพรุ่งนี้กลับจวนสกุลลู่ไปแล้วเจ้าก็จงบอกลาสหายของ เจ้าให้เรียบร้อยก็แล้วกัน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไปจากที่เมืองหลวงนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีกครั้ง”สามีของนางกลับมาถึงจวนก็ถึงเวลาอาหารเย็น
ตอนที่ 8แยกจากกันครั้งนี้เพื่อพบกันใหม่“สามี…ท่านใจดียิ่ง” นางเอ่ยชมเขาพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้“เจ้าจะได้สบายใจ ไม่เช่นนั้นตลอดทางไปเมืองว่านอันเจ้าก็คง ไม่อาจสงบใจได้”หากนางไม่อาจสบายใจได้ก็จะไม่มีความสุข ไม่ร่าเริงเหมือนที่ เป็น เขารู้สึกไม่ค่อยชินเวลาที่เห็นนางเศร้าใจเช่นนี้“ข้าเยี่ยมท่านย่าเรียบร้อยแล้วจะเร่งไปหาท่านไม่เถลไถลที่อื่นอย่างแน่นอน”“เสี่ยวฉีเป็นคนติดตามของข้า พรุ่งนี้เจ้าออกเดินทางไปเยี่ยมท่านย่าพร้อมท่านพ่อตาก็ให้เขาไปคอยติดตามเจ้า เสี่ยวฉีคุ้นเคยกับทางไปเมืองว่านอันเป็นอย่างดีภายหลังการเดินทางของเจ้าจะได้ไม่มีสิ่งใดติดขัด”“เช่นนั้นสัมภาระของข้าที่ต้องนำไปที่เมืองว่านอันจะทำอย่างไรดีเจ้าค่ะ หากข้าให้อาจือติดตามไปเมืองว่านอันพร้อมท่านเพื่อดูแลความเรียบร้อยของสัมภาระข้าได้หรือไม่”“ก็ดีเหมือนกัน ปกติแล้วข้าไม่ค่อยอยู่จวนแม่ทัพในเมืองว่านอัน จะอยู่ที่ค่ายทหารเป็นส่วนใหญ่ ให้นางไปจัดแจงเรือนนอนให้เจ้าล่วงหน้าก็จะเป็นอันดี ตอนเจ้าไปถึงจะได้มีที่พักสบายหน่อย”จู่ๆ ขณะที่รถม้ายังเคลื่อนตัวไป ภายในรถม้ายามนี้ที่เพิ่งเงียบไร้ซึ่งบทสนทนา นางกลับพบว่าตนเพิ่งจะได้มองดูบุรุษผ
ตอนที่ 9ผู้ใดกันแน่ที่ต้องรู้สึกอับอายเดินทางสามวันสามคืนในที่สุดก็มาถึงบ้านเดิมของพวกนางสกุล ลู่ บ้านเดิมของสกุลลู่นั้นอยู่ที่เมืองเหลียงตอนนี้มีเพียงท่านย่าของนาง หรือก็คือฮูหยินหนิงผู้เฒ่าที่อยู่ที่นี่เท่านั้นตอนที่มาถึงบ้านเดิมสกุลลู่ทั้งท่านแม่และก็พี่สาวของต่างก็ตกใจที่เห็นนางมาด้วยกันกับท่านพ่อ แต่พอนางอธิบายว่าสามีของนางเป็นผู้อนุญาตให้แวะมาดูท่านย่าให้สบายใจก่อนแล้วค่อยตามไปหาเขา ท่านแม่ของนางก็เอ่ยชมลูกเขยสามของบ้านเสียยกใหญ่ทีเดียวนางกลับท่านพ่อมาถึงก็เกือบจะเป็นเวลาบ่ายแล้ว ท่านแม่บอกว่าท่านย่านั้นเพิ่งทานยาแล้วหลับไป รอช่วงเย็นก่อนท่านพ่อกับนางคอยเข้าไปเยี่ยมท่านย่า“ฮูหยิน อาการป่วยของท่านแม่ข้าเป็นเช่นไรบ้าง” เป็นท่านพ่อของนางที่เอ่ยถามออกมา“ท่านแม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ท่านหมอที่มาทำการรักษาท่านบอกว่าท่านแม่ล้มป่วยเพราะความเครียด ใจนางป่วยจึงพาให้ร่างกายอ่อนแอจนล้มป่วยไปด้วย”“ท่านย่าอยู่ที่บ้านเดิมที่ท่านชอบมิใช่หรือเจ้าคะ จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านย่าเครียดจนล้มป่วยได้กัน” ลู่เข่อชิงเอ่ยถามท่านแม่นางด้วยความสงสัย ปกติแล้วท่านย่าเล็กที่อยู่จวนติดกันซึ่งเป็นน้องสาวแท้
ตอนที่ 10สกุลลู่ข้าให้พวกเจ้ารังแกได้หรือท่านพ่อท่านแม่และท่านย่าของนางเพราะกลัวว่าหากทำเป็นเรื่องใหญ่จะทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของคนในสกุลลู่ได้ อีกทั้งพวกท่านต่างก็เป็นผู้ใหญ่ท่านพ่อนางเป็นถึงราชครูในราชสำนักย่อมต้องรักษาชื่อเสียงสกุลไม่อาจทำสิ่งใดตามใจคิดพวกท่านคงทำได้เพียงให้งานแต่งสกุลจี้ในวันนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปทวงถามสกุลจี้ในวันอื่นอย่างสุภาพชนกระทำกัน ทั้งๆ ที่สกุลจี้นั้นถือว่าไม่ไว้หน้าสกุลลู่ของเราเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นกล้าทิ้งการหมั้นหมายที่มีมานานกระทั่งวันมงคลสมรสก็กำหนดเอาไว้แล้วในเมื่อพวกผู้ใหญ่ไม่สะดวกที่จะออกหน้าในวันนี้ นางที่เป็นผู้เยาว์ของสกุลลู่ก็จะเป็นผู้ออกหน้าชำระความในครั้งนี้ให้เองลู่เข่อชิงตั้งใจที่จะมาถึงจวนสกุลจี้หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวมาถึง แล้วและเจ้าสาวก้าวเข้าไปยังห้องโถงเพื่อทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน บิดาของจี้เทียนนั้นเป็นนายอำเภอจึงพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้างถึงตำแหน่งจะเป็น เพียงขุนนางเล็กๆ ในท้องถิ่น ไม่อาจเทียบได้กับท่านพ่อของนางแต่ก็ถือ ว่าเป็นฐานะที่ไม่ธรรมดาในเมืองนี้ เวลานี้จึงมีแขกมาร่วมงานไม่น้อยเลยทีเดียว“ถึงฤกษ์มงคลแล้ว เริ่มทำพิธีได้”เสียงข
บทนำมงคลคู่หนึ่งขบวนรับตัวเจ้าสาว หนึ่งเกี้ยวแปดคนหามที่ถูกตกแต่งอย่างประณีตงดงามดูหรูหราไม่น้อย ด้านหน้าสุดของขบวนมีเจ้าบ่าวควบอาชานำทางด้วยท่าทีสง่างาม ตลอดเส้นทางที่ขบวนเกี้ยวเคลื่อนไปเสียงดนตรีบรรเลงนำขบวนไม่มีหยุด ท่วงทำนองครื่นเครงทำให้ดูครึกครื้นบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและกลิ่นอายแห่งความมงคลเป็นสุขสาวใช้หลายคนที่ติดตามมาพร้อมกับขบวนในมือต่างก็หิ้วตะกร้าติดมือมาด้วย ในนั้นเต็มไปด้วยลูกกวาดมงคลที่ถูกแจกจ่ายให้ผู้คนไปตลอดเส้นทาง ทุกคนที่ได้รับล้วนพากันอวยพรงานมงคลนี้กันด้วยความยินดีอย่างถ้วนหน้าสกุลหนิงจัดงานมงคลทั้งทีย่อมไม่ธรรมดา ยิ่งเป็นงานมงคลคู่ของแม่ทัพใหญ่หนิงเฟยอวี้บุตรชายคนโตของสกุลหนิงที่มีพร้อมทั้งยศทั้งตำแหน่งย่อมต้องจัดให้ยิ่งให้สมเกียรติของทั้งสกุลหนิงและเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่สกุลลู่ที่กำลังจะเกี่ยวดองเป็นญาติสนิทยิ่งต้องเผยให้เห็นถึงความใจกว้างจริงใจหากกล่าวว่าสกุลหนิงเป็นสกุลบู๋ สกุลลู่เองก็ถือว่าเป็นสกุลบุนที่เลื่องชื่อ สกุลใหญ่สองสกุลจะเกี่ยวดองกันย่อมต้องเป็นข่าวใหญ่ในเมืองหลวง กลายเป็นหัวข้อน่าสนใจให้พูดถึงกันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวงานมงคลนี้จึงเป
ตอนที่ 1คุณหนูสกุลลู่ณ งานชมบุปผาแห่งเมืองหลวงวันนี้ฟ่านฮูหยินเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเช่นทุกครั้ง ภายในงานมีฮูหยินและคุณหนูมากมายมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยสังสรรค์ทำความรู้จักทำความสนิทสนมต่อกันผู้ที่จะถูกเชื้อเชิญมาให้ร่วมงานนั้นล้วนเป็นเหล่าฮูหยินและคุณหนูของขุนนางในราชสำนัก ไม่ก็สกุลใหญ่ที่มีชื่อเสียง งานพบปะของเหล่าสตรีในที่นี่เปรียบได้กับการกระชับมิตรเพื่อผลประโยชน์ของสามีของพวกนางด้วยลู่ฮูหยินนั้นก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเชื้อเชิญให้มารวมงานทุกครั้งที่มีการจัดงานขึ้นไม่เคยขาดครั้งก่อนนางใช้ข้ออ้างว่าป่วยปฏิเสธไปครั้งหนึ่งแล้ว รอบนี้ที่ถูกเชื้อเชิญจึงได้แต่จำใดพาบุตรสาวคนโตของตนมาร่วมงานอย่างเสียไม่ได้ มิเช่นนั้นหากครั้งนี้นางยังไม่ยอมมาอีกผู้คนอาจจะได้พากันพูดไปว่านางเกิดขัดแย้งกับฟ่านฮูหยินจึงไม่ยอมมาร่วมงานนางจะปล่อยให้ลือออกไปเช่นนั้นไม่ได้ เพราะอย่างไรฟ่านฮูหยินกับนางก็ถือว่ามีมิตรภาพต่อกันมากว่าสิบปี“ลู่ฮูหยินเจ้ามาแล้วหรือข้ากำลังรอเจ้าอยู่ทีเดียว”“ก่อนออกจากจวน รถม้าข้ามีปัญหาเล็กน้อยจึงได้ล่าช้า ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”“มาช้าแค่นิดหน่อยเท่านั้น ไม่ถือเป็นอันใด ด้านหลังของเจ้า
ตอนที่ 2 สู่ขอ“ท่านพี่ ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านหน่อยเจ้าค่ะ”“ฮูหยินมีเรื่องใดก็เอ่ยมาตามตรงได้เลยระหว่างพวกเราสามีภรรยามีเรื่องใดที่ยากจะเอ่ยปากอีก”“เป็นเรื่องการแต่งงานของเฟยอวี้เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าเห็นควรหาสะใภ้ตบแต่งเข้าจวนให้เรียบร้อยเสียที เฟยอวี้ลูกชายของท่านพี่วันๆ อยู่กับพวกเหล่าทหารเห็นทีว่าหากยังไม่รีบช่วยเขาหาภรรยาสักคนคงต้องรอไปอีกหลายปีทีเดียว”“ฮูหยินไปร่วมงานชมบุปผามาเมื่อวานได้พบเจอกับบุตรสาวสกุลใดที่ถูกใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่” ผู้เป็นสามีเอ่ยถาม ในใจเขาพอจะคาดเดาเรื่องบางอย่างได้บ้างแล้ว“ข้าตอบท่านพี่อย่างไม่ปิดบังนะเจ้าคะ เมื่อวานข้าได้พบกับลู่ฮูหยินและบุตรสาว ท่าทางนางถอดแบบมารดามาทั้งหมด ดูเรียบร้อยอ่อนโยนยิ่งนัก ข้าคิดว่าบุตรสาวสกุลลู่เหมาะสมกับเฟยอวี้ของเราเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ”“ข้าเชื่อสายตาฮูหยิน หากเจ้าคิดว่าเหมาะสมก็จัดการเรื่องทาบทามสู่ขอเสียเลยก็แล้วกัน” แน่นอนว่า“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมเยี่ยนลู่ฮูหยินด้วยตัวเองและพูดคุยเรื่องทาบทามสู่ขอให้เรียบร้อย”“เจ้ารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง อีกเรื่องที่ข้าจะบอกฮูหยินเมื่อครู่มีจดหมายจากเฟยอวี้มาถึงพอดี เขียนมาว่าอีกส
ตอนที่ 10สกุลลู่ข้าให้พวกเจ้ารังแกได้หรือท่านพ่อท่านแม่และท่านย่าของนางเพราะกลัวว่าหากทำเป็นเรื่องใหญ่จะทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของคนในสกุลลู่ได้ อีกทั้งพวกท่านต่างก็เป็นผู้ใหญ่ท่านพ่อนางเป็นถึงราชครูในราชสำนักย่อมต้องรักษาชื่อเสียงสกุลไม่อาจทำสิ่งใดตามใจคิดพวกท่านคงทำได้เพียงให้งานแต่งสกุลจี้ในวันนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปทวงถามสกุลจี้ในวันอื่นอย่างสุภาพชนกระทำกัน ทั้งๆ ที่สกุลจี้นั้นถือว่าไม่ไว้หน้าสกุลลู่ของเราเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นกล้าทิ้งการหมั้นหมายที่มีมานานกระทั่งวันมงคลสมรสก็กำหนดเอาไว้แล้วในเมื่อพวกผู้ใหญ่ไม่สะดวกที่จะออกหน้าในวันนี้ นางที่เป็นผู้เยาว์ของสกุลลู่ก็จะเป็นผู้ออกหน้าชำระความในครั้งนี้ให้เองลู่เข่อชิงตั้งใจที่จะมาถึงจวนสกุลจี้หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวมาถึง แล้วและเจ้าสาวก้าวเข้าไปยังห้องโถงเพื่อทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน บิดาของจี้เทียนนั้นเป็นนายอำเภอจึงพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้างถึงตำแหน่งจะเป็น เพียงขุนนางเล็กๆ ในท้องถิ่น ไม่อาจเทียบได้กับท่านพ่อของนางแต่ก็ถือ ว่าเป็นฐานะที่ไม่ธรรมดาในเมืองนี้ เวลานี้จึงมีแขกมาร่วมงานไม่น้อยเลยทีเดียว“ถึงฤกษ์มงคลแล้ว เริ่มทำพิธีได้”เสียงข
ตอนที่ 9ผู้ใดกันแน่ที่ต้องรู้สึกอับอายเดินทางสามวันสามคืนในที่สุดก็มาถึงบ้านเดิมของพวกนางสกุล ลู่ บ้านเดิมของสกุลลู่นั้นอยู่ที่เมืองเหลียงตอนนี้มีเพียงท่านย่าของนาง หรือก็คือฮูหยินหนิงผู้เฒ่าที่อยู่ที่นี่เท่านั้นตอนที่มาถึงบ้านเดิมสกุลลู่ทั้งท่านแม่และก็พี่สาวของต่างก็ตกใจที่เห็นนางมาด้วยกันกับท่านพ่อ แต่พอนางอธิบายว่าสามีของนางเป็นผู้อนุญาตให้แวะมาดูท่านย่าให้สบายใจก่อนแล้วค่อยตามไปหาเขา ท่านแม่ของนางก็เอ่ยชมลูกเขยสามของบ้านเสียยกใหญ่ทีเดียวนางกลับท่านพ่อมาถึงก็เกือบจะเป็นเวลาบ่ายแล้ว ท่านแม่บอกว่าท่านย่านั้นเพิ่งทานยาแล้วหลับไป รอช่วงเย็นก่อนท่านพ่อกับนางคอยเข้าไปเยี่ยมท่านย่า“ฮูหยิน อาการป่วยของท่านแม่ข้าเป็นเช่นไรบ้าง” เป็นท่านพ่อของนางที่เอ่ยถามออกมา“ท่านแม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ท่านหมอที่มาทำการรักษาท่านบอกว่าท่านแม่ล้มป่วยเพราะความเครียด ใจนางป่วยจึงพาให้ร่างกายอ่อนแอจนล้มป่วยไปด้วย”“ท่านย่าอยู่ที่บ้านเดิมที่ท่านชอบมิใช่หรือเจ้าคะ จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านย่าเครียดจนล้มป่วยได้กัน” ลู่เข่อชิงเอ่ยถามท่านแม่นางด้วยความสงสัย ปกติแล้วท่านย่าเล็กที่อยู่จวนติดกันซึ่งเป็นน้องสาวแท้
ตอนที่ 8แยกจากกันครั้งนี้เพื่อพบกันใหม่“สามี…ท่านใจดียิ่ง” นางเอ่ยชมเขาพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้“เจ้าจะได้สบายใจ ไม่เช่นนั้นตลอดทางไปเมืองว่านอันเจ้าก็คง ไม่อาจสงบใจได้”หากนางไม่อาจสบายใจได้ก็จะไม่มีความสุข ไม่ร่าเริงเหมือนที่ เป็น เขารู้สึกไม่ค่อยชินเวลาที่เห็นนางเศร้าใจเช่นนี้“ข้าเยี่ยมท่านย่าเรียบร้อยแล้วจะเร่งไปหาท่านไม่เถลไถลที่อื่นอย่างแน่นอน”“เสี่ยวฉีเป็นคนติดตามของข้า พรุ่งนี้เจ้าออกเดินทางไปเยี่ยมท่านย่าพร้อมท่านพ่อตาก็ให้เขาไปคอยติดตามเจ้า เสี่ยวฉีคุ้นเคยกับทางไปเมืองว่านอันเป็นอย่างดีภายหลังการเดินทางของเจ้าจะได้ไม่มีสิ่งใดติดขัด”“เช่นนั้นสัมภาระของข้าที่ต้องนำไปที่เมืองว่านอันจะทำอย่างไรดีเจ้าค่ะ หากข้าให้อาจือติดตามไปเมืองว่านอันพร้อมท่านเพื่อดูแลความเรียบร้อยของสัมภาระข้าได้หรือไม่”“ก็ดีเหมือนกัน ปกติแล้วข้าไม่ค่อยอยู่จวนแม่ทัพในเมืองว่านอัน จะอยู่ที่ค่ายทหารเป็นส่วนใหญ่ ให้นางไปจัดแจงเรือนนอนให้เจ้าล่วงหน้าก็จะเป็นอันดี ตอนเจ้าไปถึงจะได้มีที่พักสบายหน่อย”จู่ๆ ขณะที่รถม้ายังเคลื่อนตัวไป ภายในรถม้ายามนี้ที่เพิ่งเงียบไร้ซึ่งบทสนทนา นางกลับพบว่าตนเพิ่งจะได้มองดูบุรุษผ
ตอนที่ 7กลับบ้านเดิม“อาจือ อีกสองวันท่านแม่ทัพต้องกลับเมืองว่านอัน ข้าเองก็ต้องเดินทางไปพร้อมกับเขาด้วย เรื่องสินเดิมและข้าวของที่นำมาเจ้ายังไม่ต้องนำออกมาจัดแจงให้เก็บเอาไว้ในหีบเช่นเดิมก่อนเอาไว้ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วข้าค่อยถามเขา” นางเอ่ยกับสาวใช้ส่วนตัวของนางที่ตามมาจากจวนสกุลลู่อาจือนั้นเป็นหญิงสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง ตั้งแต่ที่นางกลับมาที่สกุลลู่ก็มีอาจือนี่แหละที่คอยตามรับใช้อยู่ข้างๆ มาตลอด“เจ้าค่ะคุณหนู”“พรุ่งนี้ข้ากับท่านแม่ทัพจะกลับไปเยี่ยมเยียนที่สกุลลู่เจ้าติดตามข้าไปด้วยกันก็แล้วกัน มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องถามเจ้า”“เรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”“เมืองว่านอันนั้นอยู่ไกลจากเมืองหลวงนัก หากเจ้าไม่อยาก ติดตามไปด้วยกันกับข้าก็สามารถกลับไปอยู่ที่จวนสกุลลู่ดังเดิมได้”“บ่าวยินดีตามไปรับใช้คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูพาข้าไปเมืองว่าน อันด้วยนะเจ้าคะ” อาจือตอบกลับผู้เป็นคุณหนูของนางในทันที“เช่นนั้นพรุ่งนี้กลับจวนสกุลลู่ไปแล้วเจ้าก็จงบอกลาสหายของ เจ้าให้เรียบร้อยก็แล้วกัน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไปจากที่เมืองหลวงนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีกครั้ง”สามีของนางกลับมาถึงจวนก็ถึงเวลาอาหารเย็น
ตอนที่ 6ฮูหยินน้อยคนใหม่ลู่เข่อชิงไล่ดับตะเกียงภายในห้อง เหลือเพียงตะเกียงมงคลที่วางอยู่ที่โต๊ะกลางห้องเท่านั้นที่ไม่ได้ดับ เรียบร้อยแล้วจึงเลิกม่านกั้นเตียงขึ้นถอดรองเท้าก้าวขึ้นเตียงนอนไป พื้นที่ด้านในถูกผู้เป็นสามียึดครองเอาไว้แล้ว นางจึงต้องนอนลงที่ฝั่งด้านนอกโดยปริยาย“ไหนเมื่อครู่เจ้าเอ่ยออกมาพร้อมท่าทางมั่นอกมั่นใจถึงเพียงนั้น เหตุใดพอขึ้นเตียงมาแล้วกับนอนนิ่งเช่นนี้ล่ะ” หนิงเฟยอวี้เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้า เขาหันมานอนตะแคงจ้องมองไปทางนางอย่างนึกสนุกร่างเล็กของหญิงสาวเปลี่ยนจากนอนตัวตรงเป็นหันตะแคงไป ทางบุรุษที่อยู่ด้านใน พวกเขาในตอนนี้จึงตะแคงหันหน้าเข้าหากันเป็นที่ เรียบร้อยอีกทั้งยามนี้ฮูหยินตัวน้อยของเขายังทอดสายตามายังเขาอย่าง แสนซื่อ“จริงๆ แล้วข้านั้นรู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นัก นอกจากท่าน พ่อ พี่ชาย และอาจารย์ ข้าก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับบุรุษใดอีก พวกเราเองก็เพิ่ง เคยเจอกัน แม้ท่านแม่จะบอกข้าแล้วว่าสามีภรรยาใกล้ชิดแนบชิดกันไม่ใช่เรื่องผิด และถึงแม้ข้าจะใจกล้าเพียงใดแต่ไม่คุ้นชินก็เหมือนกับว่าจะทำสิ่งใดไม่ค่อยสะดวกใจนัก”“ที่เจ้ากล่าวมามิใช่ข้าไม่สามารถเข้าใจได้”นาง
ตอนที่ 5ค่ำคืนวสันต์มีค่าดุจทองพันชั่งทุกทิศทางที่กระบี่ของนางพุ่งไปยังเขานั้นถูกหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่นางถือกระบี่แต่เขามีเพียงมือเปล่าเท่านั้นก็ยังดูไม่เสียเปรียบนางเลยสิบกระบี่ถูกเขารับมือได้ทั้งหมด อีกทั้งใช้ความเร็วในการเคลื่อนตัวเข้ามาโอบนางจากด้านหลังกุมมือลงมาทับกับที่นางกุมกระบี่อ่อนเอาไว้ ไม่นานกระบี่จากมือนางก็ถูกชิงไปไว้ในมือขอเขาเป็นที่เรียบร้อย“ท่านแม่ทัพเก่งกาจสมคำร่ำลือ”“แต่เจ้ากลับดูต่างไปจากคำร่ำลือมากทีเดียว” ชายหนุ่มตอบกลับทันที พร้อมทั้งโยนกระบี่ขึ้นไปปักที่เสาไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล“ร่ำลือว่าอย่างไรบ้างหรือเจ้าคะ ลือว่าข้างดงาม เรียบร้อยอ่อนหวานเป็นยอดสตรีในห้องหอใช่หรือไม่” นางเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวใหญ่ที่บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิ ดและทอดมองอาหารเหล่านี้ด้วยสายตาเป็นประกาย“เหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น” เขาเอ่ยตอบก่อนจะเดินมานั่งลงที่ เก้าอี้ใกล้ๆ กับที่ร่างบางที่เมื่อครู่จ้องจะหันปลายกระบี่ใส่เขาไม่หยุด “เจ้านั่งลงก่อนเถอะ พวกเรากินไปคุยไปก็ได้” “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ” ผู้ที่สวมใส่ชุดมงคลสีสดเอ่ย ออก
ตอนที่ 4เจ้าสาวขึ้นเกี้ยวด้วยเป็นเพราะมีเวลากระชั้นชิดชุดเจ้าสาวที่แต่เดิมเตรียมเอาไว้สำหรับคุณหนูใหญ่สกุลลู่กลับเป็นคุณหนูสามที่ได้สวมใส่เข้าพิธีแทนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ต้องปักลายมงคลก็เพิ่งจะแล้วเสร็จไปเมื่อวาน โชคดีที่แม้ลู่เข่อชิงนั้นจะสนใจด้านวรยุทธ์มากเป็นพิเศษ แต่ด้านเย็บปักถักร้อยก็พอที่จะใช้ได้อยู่ ไม่ถึงขั้นประณีตวิจิตรแต่ก็ไม่ได้ดูไร้ฝีมือ แค่ลงมือปักลายมงคลเล็กๆ น้อยๆ ลงบนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวจึงไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของเล็กของท่านแม่ผู้มีชื่อเสียงด้านเพียบพร้อมอ่อนหวานอย่างไรก็ย่อมต้องมีฝีมือติดตัวเอาไว้อยู่แล้ว แม้จะไม่ได้ทำให้ท่านแม่สามารถภาคภูมิใจได้มากอย่างพี่สาวแต่ก็ไม่ทำให้ท่านแม่ต้องผิดหวังเลยจะดีกว่าลู่เข่อชิงจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกทองเหลืองเบื้องหน้าอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่สวมใส่ชุดเจ้าสาว จัดแจงทรงผมประดับมงกุฎเจ้าสาวเสร็จเรียบร้อยแล้วในกระจกนั้นเป็นเงาสะท้อนของนางที่เหมือนกับไม่ใช่นางหญิงสาวผู้นี้ดูสวยงามเรียบร้อยไม่ต่างจากท่านแม่และพี่สาวที่ ยืนอยู่ข้างๆ นาง ไม่ใช่หญิงสาวที่มักจะเกล้าผมรวบขึ้นอย่างง่ายๆ เสื้อผ้า ก็สวมแต่สีเรียบ
ตอนที่ 3ไม่ทันตั้งตัวหลายวันมานี้มีคนเข้าออกจวนตลอด ท่านแม่ของนางก็ดูเหมือนกำลังยุ่งเรื่องอันใดสักอย่างอยู่เช่นเดียวกัน นางถามพี่ใหญ่ว่าท่านแม่ยุ่งอยู่กับอะไรก็ได้คำตอบมาว่าไม่รู้เช่นเดียวกันช่วงสายประจวบเหมาะกับได้พบท่านแม่อยู่ที่ศาลารับลมจึงได้เดินเข้าไปหวังสอบถามให้กระจ่าง“ท่านแม่ หลายวันมานี้ลูกเห็นว่าท่านเหมือนมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการเลย ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่ากำลังยุ่งเรื่องใดกัน”“ยุ่งเรื่องรายการสินสอดแล้วก็สินเดิมเจ้าสาวอยู่ แต่ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ แม่ให้พ่อบ้านเจียงกับแม่บ้านหลีไปคอยควบคุมจัดการแทนแล้ว”“มิใช่ว่าเรื่องนี้ควรเรียบร้อยไปตั้งนานแล้วมิใช่หรือ หรือว่าทางสกุลจี้เพิ่มสินสอดให้พี่สาวข้าอีก หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าว่าที่พี่เขยข้าผู้นี้ใจป้ำไม่เบา พี่สาวแต่งไปต้องไม่ลำบากแน่จริงหรือไม่พี่สาว” นางเอ่ยเย้าผู้เป็นพี่สาวพร้อมทำหน้าตาทะเล้นตั้งใจจะแหย่ให้นางเขินเล่นลู่ชิงอี้ที่ถูกเย้าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางทำเพียงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ใบหน้าแดงด้วยความเขินอายจนต้องก้มหน้าลงมองพื้น“เรื่องมงคลของพี่สาวเจ้าเรียบร้อยหมดแล้ว ที่ข้ายุ่งวุ่นวายอยู่หลายวันนี้ก็เพราะเรื่องมงคล
ตอนที่ 2 สู่ขอ“ท่านพี่ ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านหน่อยเจ้าค่ะ”“ฮูหยินมีเรื่องใดก็เอ่ยมาตามตรงได้เลยระหว่างพวกเราสามีภรรยามีเรื่องใดที่ยากจะเอ่ยปากอีก”“เป็นเรื่องการแต่งงานของเฟยอวี้เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าเห็นควรหาสะใภ้ตบแต่งเข้าจวนให้เรียบร้อยเสียที เฟยอวี้ลูกชายของท่านพี่วันๆ อยู่กับพวกเหล่าทหารเห็นทีว่าหากยังไม่รีบช่วยเขาหาภรรยาสักคนคงต้องรอไปอีกหลายปีทีเดียว”“ฮูหยินไปร่วมงานชมบุปผามาเมื่อวานได้พบเจอกับบุตรสาวสกุลใดที่ถูกใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่” ผู้เป็นสามีเอ่ยถาม ในใจเขาพอจะคาดเดาเรื่องบางอย่างได้บ้างแล้ว“ข้าตอบท่านพี่อย่างไม่ปิดบังนะเจ้าคะ เมื่อวานข้าได้พบกับลู่ฮูหยินและบุตรสาว ท่าทางนางถอดแบบมารดามาทั้งหมด ดูเรียบร้อยอ่อนโยนยิ่งนัก ข้าคิดว่าบุตรสาวสกุลลู่เหมาะสมกับเฟยอวี้ของเราเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ”“ข้าเชื่อสายตาฮูหยิน หากเจ้าคิดว่าเหมาะสมก็จัดการเรื่องทาบทามสู่ขอเสียเลยก็แล้วกัน” แน่นอนว่า“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมเยี่ยนลู่ฮูหยินด้วยตัวเองและพูดคุยเรื่องทาบทามสู่ขอให้เรียบร้อย”“เจ้ารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง อีกเรื่องที่ข้าจะบอกฮูหยินเมื่อครู่มีจดหมายจากเฟยอวี้มาถึงพอดี เขียนมาว่าอีกส