ตอนที่ 7
กลับบ้านเดิม
“อาจือ อีกสองวันท่านแม่ทัพต้องกลับเมืองว่านอัน ข้าเองก็ต้องเดินทางไปพร้อมกับเขาด้วย เรื่องสินเดิมและข้าวของที่นำมาเจ้ายังไม่ต้องนำออกมาจัดแจงให้เก็บเอาไว้ในหีบเช่นเดิมก่อนเอาไว้ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วข้าค่อยถามเขา” นางเอ่ยกับสาวใช้ส่วนตัวของนางที่ตามมาจากจวนสกุลลู่
อาจือนั้นเป็นหญิงสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง ตั้งแต่ที่นางกลับมาที่สกุลลู่ก็มีอาจือนี่แหละที่คอยตามรับใช้อยู่ข้างๆ มาตลอด
“เจ้าค่ะคุณหนู”
“พรุ่งนี้ข้ากับท่านแม่ทัพจะกลับไปเยี่ยมเยียนที่สกุลลู่เจ้าติดตามข้าไปด้วยกันก็แล้วกัน มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องถามเจ้า”
“เรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
“เมืองว่านอันนั้นอยู่ไกลจากเมืองหลวงนัก หากเจ้าไม่อยาก ติดตามไปด้วยกันกับข้าก็สามารถกลับไปอยู่ที่จวนสกุลลู่ดังเดิมได้”
“บ่าวยินดีตามไปรับใช้คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูพาข้าไปเมืองว่าน อันด้วยนะเจ้าคะ” อาจือตอบกลับผู้เป็นคุณหนูของนางในทันที
“เช่นนั้นพรุ่งนี้กลับจวนสกุลลู่ไปแล้วเจ้าก็จงบอกลาสหายของ เจ้าให้เรียบร้อยก็แล้วกัน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไปจากที่เมืองหลวงนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีกครั้ง”
สามีของนางกลับมาถึงจวนก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี นางและ เขาไปร่วมรับประทานอาหารพร้อมกับท่านพ่อและท่านแม่สามี เหมือนกับตอนเช้า
พวกเขาพูดคุยกันเรื่องที่นางจะกลับไปเยี่ยมบ้านและเรื่องที่นาง และท่านแม่ทัพจะไปต้องเดินทางไปจากเมืองหลวงในอีกไม่กี่วัน
ท่านพ่อและท่านแม่สามียังคงเอ็นดูนางอย่างมาก ท่านแม่สามีถึงขั้นเอ่ยปากว่ายังไม่อยากห่างจากนางเลย เพิ่งจะได้นางมาเป็นลูกสาวอีกคนก็ต้องอยู่ห่างกันเสียแล้ว อีกอย่างก็เสียดายอีกครึ่งเดินบุตรสาวคนเล็กหรือก็คือน้องสาวของสามีนางจะกลับมาจากไปเยี่ยมญาติที่บ้านเดิม
“น่าเสียดายเจ้าน่าจะได้พบหนิงอันนางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเฟยอวี้”
“หากท่านแม่อยากให้เข่อชิงอยู่กับท่านอีกสักพักก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ข้าเร่งกลับไปที่เมืองว่านอันก่อน นางค่อยตามไปที่หลังก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
“ท่านแม่ ข้าอยู่เป็นเพื่อนท่านรอเจอน้องสามีอีกสักเดือนสองเดือนดีหรือไม่” นางเองก็เห็นด้วย ในเมื่อหนิงเฟยอวี้เอ่ยออกมาเองว่าให้นางตามไปที่หลังเขาได้ อีกอย่างนางจะได้ใช้เวลาอยู่ใกล้กับท่านแม่และทุกคนในสกุลลู่อีกสักพัก
“ไม่เป็นไร ลูกสะใภ้เจ้าไปพร้อมกับเฟยอวี้น่ะดีแล้ว พวกเจ้าสามีภรรยาเพิ่งแต่งกันไม่กี่วันก็ต้องแยกกันอยู่ไกลกันจะดีได้อย่างไร” ท่านแม่สามีของนางรีบเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าท่านแม่สามีเสียใจที่นางจะต้องจากไป แต่ตอนนี้ท่าทีของอาการเสียใจนั้นกลับหายไปไม่เหลือแม้สักน้อยนิด
จบมื้ออาหาร ท่านแม่สามีให้นางกลับเรือนไปก่อน นางเองก็ทำตามแต่โดยดี เมื่อกลับถึงห้องก็ได้อาจือช่วยยกน้ำมาให้ล้างเนื้อล้างตัวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อเสร็จเรียบร้อยนางก็คว้าตำราเล่มหนึ่งที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาระหว่างรอผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางกลับมา
หนิงเฟยอวี้นั้นส่งสัญญาณไม่ให้สาวใช้ปลุกฮูหยินตัวน้อยของ เขาที่กำลังหลับอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวอีกทั้งในมือยังถือหนังสือเล่มหนึ่งเอาไว้
เขาเอ่ยสั่งเสียงเบาให้สาวใช้ออกไปก่อนจะลงมือผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และล้างเนื้อล้างตัวด้วยตัวเอง เดิมทีเขาอยู่ที่ค่ายทหารก็ไม่มีคนคอยปรนนิบัติอยู่แล้วจึงไม่ค่อยชินที่จะต้องให้คนมาคอยอยู่รับใช้
เจ้าของรูปร่างสูงใหญ่มีเพียงชุดตัวในเท่านั้นติดกาย ปกติแล้ว ชายหนุ่มชินที่จะไม่สวมเสื้อนอนเสียด้วยซ้ำ แต่กลัวว่าหากภรรยาตัวน้อย ของเขาตื่นขึ้นมาเห็นแล้วนางอาจจะยังทำตัวไม่ค่อยถูกจึงได้เลือกที่จะไม่ทำให้นางตกใจดีกว่า
เพราะถ้าหากทำให้นางตกใจกลัวเกรงว่าในอนาคตจะไม่ใช่เรื่อง ง่ายที่จะทำให้นางเคยชินกับเรือนกายของเขา ก็แต่งภรรยาอายุยังน้อยนางยังใสซื่อไม่ค่อยรู้เรื่องเช่นนั้นนัก เขาในฐานะสามีก็ไม่ควรเร่งรัดนาง นัก ถึงจะตั้งใจไม่เร่งรัดนางแต่ก็ห้ามไม่ให้คอยแกล้งนางได้ยากจริงๆ
หนังสือเล่มบางในมือนางถูกเขาค่อยๆ หยิบออกมาจนได้ หน้าปกที่เขียนว่ายอดตำราอันดับกระบี่ ทำเอาเขาอดจะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูไม่ได้จริง ๆ
ฮูหยินตัวน้อยของเขาหลงใหลในเรื่องกระบี่จริงๆ แต่ถึงนางจะชอบกระบี่มากก็ยังยอมงดฝึกกระบี่ตามที่เขาต้องการ (เพราะกลัวว่าท่านแม่ของเขาจะตกใจจนเป็นลมไปถ้าเห็นนางจับกระบี่แทนที่จะเป็นเข็มปักผ้าหรือเครื่องดนตรีสักชิ้น)
“อือ”
ยามที่เขาช้อนตัวนางขึ้นมาเพื่ออุ้มไปที่เตียงใหญ่นั้น ร่างเล็กก็ รู้สึกตัวตื่นอย่างงัวเงีย ดวงตางามมองขึ้นมาที่ใบหน้าของเขาอย่างพิจารณา หลังจากเห็นว่าเป็นเขาแล้วจึงหลับตาลงไปอีกครั้ง
“มาแล้วหรือ”
“มาแล้ว…เจ้านอนเถอะ” ชายหนุ่มกล่าวตอบ วงแขนของเขาประคองอุ้มนางเอาไว้อย่างดีส่งนางถึงเตียงใหญ่อย่างนุ่มนวลปลอดภัย
หลังจากวางนางลงบนเตียง ร่างเล็กที่เมื่อครู่หลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็กลิ้งตัวเข้าไปนอนด้านในสุดของเตียงในทันที อีกทั้งร่างเล็กยังเกี่ยวผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองได้อย่างคล่องแคล่ว
เขาเองก็ก้าวขึ้นเตียงตามนางไป เอนตัวลงนอนอยู่ฝั่งด้านนอกของเตียง หลับตาลงไม่นานก็เหมือนว่าใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทราเต็มที บรรยากาศเงียบสงบภายในจวนทำเอาเขาไม่รู้สึกระแวงหรือต้องคอยระมัดระวังเหมือนอยู่ที่ค่ายทหาร
ครั้งเมื่อใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทราเต็มทีกลับมีร่างเล็กกลิ้งเข้ามาซุกตัวเข้ากับอกเขาเช่นเดียวกันกับเมื่อคืนไม่มีผิด
“เกือบจะลืมแนบชิดกับท่านแล้ว”
ชายหนุ่มที่กำลังจะหลับถึงกลับตาสว่างในทันที ส่วนนางที่จู่ๆ ก็ซุกตัวเข้ามานั้นกลับหลับไปได้อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ทิ้งความอดกลั้นอย่างหนึ่งเอาไว้ให้ผู้เป็นสามีได้ฝึกฝนตนเองไปกว่าเกือบค่อนชั่วยามถึงได้ ข่มตาหลับลงได้ในที่สุด
ลู่เข่อชิงไม่คิดว่าเมื่อนางกลับมาที่สกุลลู่ท่านแม่และพี่สาวจะไม่ อยู่ มีเพียงท่านพ่อเท่านั้นที่อยู่ที่จวนในเวลานี้
“ท่านย่าเจ้าล้มป่วยกะทันหัน แม่เจ้ากับพี่สาวเจ้าล่วงหน้าไปที่ บ้านเดิมก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวาน”
“เหตุใดไม่มีคนไปแจ้งข่าวให้ข้าทราบเลยเจ้าคะ”
“เจ้าเพิ่งแต่งออกไป งานมงคลก็เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสองวันด้วยซ้ำ แม่เจ้าไม่อยากให้เจ้ามีเรื่องให้ต้องกังวล”
“ท่านพ่อยิ่งพวกท่านปิดบังข้ายิ่งกังวลนะเจ้าคะ ท่านย่าไม่ได้เจ็บป่วยอันใดมากใช่หรือไม่” หญิงสาวเอ่ยถาม
“เห็นว่าแค่เจ็บป่วยธรรมดาเท่านั้น ลุงเจ้าส่งจดหมายมาเช่นนั้น ท่านย่าเจ้าเองก็ชรามากแล้วถูกลมเย็นเล็กน้อยก็ล้มป่วยได้ง่ายเป็นเรื่องปกติ”
“ท่านพ่อสายตาท่านหลอกข้าไม่ได้หรอกนะเจ้าค่ะ อีกอย่างหากไม่มีเรื่องอะไรหนักหนาท่านแม่จะรีบร้อนไปได้อย่างไร” นางกล่าวขึ้น
“พ่อจะไปหลอกอะไรเจ้า ย่าเจ้าป่วย ท่านแม่ข้าป่วยจะไม่ห่วงนางได้อย่างไร นี่ข้าก็เพิ่งจัดการเรื่องขอลาพักเรียบร้อยจะไปเยี่ยมนางที่บ้านเดิม ไม่ได้เจอนางนานแล้วก็คิดถึงอยู่มากทีเดียว จึงว่าจะถือโอกาสนี้ไปรับท่านย่าเจ้ากลับมาอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกันอีกครั้ง”
“ท่านพ่อพูดเรื่องจริงใช่หรือไม่”
“ข้าย่อมต้องเอ่ยเรื่องจริง อีกอย่างไม่ใช่เจ้าไม่รู้นิสัยมารดาของเจ้านางน่ะคิดมากขนาดไหน กตัญญูขนาดไหน นางเร่งเดินทางไปก็เป็นเรื่องปกติ”
“แม่ทัพหนิง เจ้าอุตส่าห์มาเยี่ยมเยี่ยนต้องขออภัยด้วยที่สกุลลู่ต้อนรับได้ไม่ดี”
“ท่านพ่อตาอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลยขอรับ ของที่ข้านำมามอบให้ในวันนี้มีโสมชั้นดีติดมาด้วย ประจวบเหมาะพอดีท่านพ่อตาจะได้นำไปให้ท่านย่าภรรยาได้บำรุงร่างกาย”
“น้ำใจของลูกเขย ข้าขอรับเอาไว้ด้วยความยินดี”
“เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ ท่านพอตาอย่าได้เกรงใจเลยขอรับ”
“ท่านพ่อ แล้วนี่ท่านจะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ”
“พรุ่งนี้เช้า พวกเจ้าเองก็ด้วยใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบบิดาต่อ
“เช่นนั้นก็ขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องย่าเจ้าหรอกนะ เอาไว้ข้าจะเขียนจดหมายส่งไปหา”
พวกนางอยู่ที่จวนสกุลลู่เป็นเพื่อนท่านพ่อของนางจนกระทั่งบ่ายคล้อยจึงจำต้องขอตัวกลับ
ตลอดทางที่นั่งรถม้ากลับไปยังจวนสกุลหนิงนั้น ลู่เข่อชิงยังไม่อาจปล่อยวางความเป็นห่วงและกังวลในใจได้
“ท่านพ่อตาก็บอกแล้วว่าไม่ได้มีเรื่องใหญ่อันใด เจ้ายังไม่วางใจอีกหรือ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามภรรยาตน
“ข้าไม่อาจวางใจได้จริงๆ ห้าปีได้แล้วกระมังที่ข้าไม่ได้เจอท่านย่าเลย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนตอนข้าเล็กๆ ก็มีท่านย่าคอยให้ความเอ็นดูอยู่มาก รู้หรือไม่ในบรรดาหลานสามคนท่านย่าเอ็นดูข้าที่สุดเลย” ทั้งๆที่เป็นเช่นนั้นแต่นางกลับไม่เคยได้อยู่คอยดูแลท่านเลย
“เจ้าเป็นห่วงและก็คิดถึงท่านย่าจึงไม่อาจปล่อยวางได้ใช่หรือไม่” เขาเอ่ยถามขึ้น
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปพบนางสักครั้งเถอะ บิดาเจ้าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ใช่ไม่ใช่หรือ”
“สามี…ท่านหมายความว่า”
“เจ้าไปเยี่ยมท่านย่าก่อนแล้วค่อยไปหาข้าที่เมืองว่านอันก็แล้วกัน”
ตอนที่ 8แยกจากกันครั้งนี้เพื่อพบกันใหม่“สามี…ท่านใจดียิ่ง” นางเอ่ยชมเขาพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้“เจ้าจะได้สบายใจ ไม่เช่นนั้นตลอดทางไปเมืองว่านอันเจ้าก็คง ไม่อาจสงบใจได้”หากนางไม่อาจสบายใจได้ก็จะไม่มีความสุข ไม่ร่าเริงเหมือนที่ เป็น เขารู้สึกไม่ค่อยชินเวลาที่เห็นนางเศร้าใจเช่นนี้“ข้าเยี่ยมท่านย่าเรียบร้อยแล้วจะเร่งไปหาท่านไม่เถลไถลที่อื่นอย่างแน่นอน”“เสี่ยวฉีเป็นคนติดตามของข้า พรุ่งนี้เจ้าออกเดินทางไปเยี่ยมท่านย่าพร้อมท่านพ่อตาก็ให้เขาไปคอยติดตามเจ้า เสี่ยวฉีคุ้นเคยกับทางไปเมืองว่านอันเป็นอย่างดีภายหลังการเดินทางของเจ้าจะได้ไม่มีสิ่งใดติดขัด”“เช่นนั้นสัมภาระของข้าที่ต้องนำไปที่เมืองว่านอันจะทำอย่างไรดีเจ้าค่ะ หากข้าให้อาจือติดตามไปเมืองว่านอันพร้อมท่านเพื่อดูแลความเรียบร้อยของสัมภาระข้าได้หรือไม่”“ก็ดีเหมือนกัน ปกติแล้วข้าไม่ค่อยอยู่จวนแม่ทัพในเมืองว่านอัน จะอยู่ที่ค่ายทหารเป็นส่วนใหญ่ ให้นางไปจัดแจงเรือนนอนให้เจ้าล่วงหน้าก็จะเป็นอันดี ตอนเจ้าไปถึงจะได้มีที่พักสบายหน่อย”จู่ๆ ขณะที่รถม้ายังเคลื่อนตัวไป ภายในรถม้ายามนี้ที่เพิ่งเงียบไร้ซึ่งบทสนทนา นางกลับพบว่าตนเพิ่งจะได้มองดูบุรุษผ
ตอนที่ 9ผู้ใดกันแน่ที่ต้องรู้สึกอับอายเดินทางสามวันสามคืนในที่สุดก็มาถึงบ้านเดิมของพวกนางสกุล ลู่ บ้านเดิมของสกุลลู่นั้นอยู่ที่เมืองเหลียงตอนนี้มีเพียงท่านย่าของนาง หรือก็คือฮูหยินหนิงผู้เฒ่าที่อยู่ที่นี่เท่านั้นตอนที่มาถึงบ้านเดิมสกุลลู่ทั้งท่านแม่และก็พี่สาวของต่างก็ตกใจที่เห็นนางมาด้วยกันกับท่านพ่อ แต่พอนางอธิบายว่าสามีของนางเป็นผู้อนุญาตให้แวะมาดูท่านย่าให้สบายใจก่อนแล้วค่อยตามไปหาเขา ท่านแม่ของนางก็เอ่ยชมลูกเขยสามของบ้านเสียยกใหญ่ทีเดียวนางกลับท่านพ่อมาถึงก็เกือบจะเป็นเวลาบ่ายแล้ว ท่านแม่บอกว่าท่านย่านั้นเพิ่งทานยาแล้วหลับไป รอช่วงเย็นก่อนท่านพ่อกับนางคอยเข้าไปเยี่ยมท่านย่า“ฮูหยิน อาการป่วยของท่านแม่ข้าเป็นเช่นไรบ้าง” เป็นท่านพ่อของนางที่เอ่ยถามออกมา“ท่านแม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ท่านหมอที่มาทำการรักษาท่านบอกว่าท่านแม่ล้มป่วยเพราะความเครียด ใจนางป่วยจึงพาให้ร่างกายอ่อนแอจนล้มป่วยไปด้วย”“ท่านย่าอยู่ที่บ้านเดิมที่ท่านชอบมิใช่หรือเจ้าคะ จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านย่าเครียดจนล้มป่วยได้กัน” ลู่เข่อชิงเอ่ยถามท่านแม่นางด้วยความสงสัย ปกติแล้วท่านย่าเล็กที่อยู่จวนติดกันซึ่งเป็นน้องสาวแท้
ตอนที่ 10สกุลลู่ข้าให้พวกเจ้ารังแกได้หรือท่านพ่อท่านแม่และท่านย่าของนางเพราะกลัวว่าหากทำเป็นเรื่องใหญ่จะทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของคนในสกุลลู่ได้ อีกทั้งพวกท่านต่างก็เป็นผู้ใหญ่ท่านพ่อนางเป็นถึงราชครูในราชสำนักย่อมต้องรักษาชื่อเสียงสกุลไม่อาจทำสิ่งใดตามใจคิดพวกท่านคงทำได้เพียงให้งานแต่งสกุลจี้ในวันนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปทวงถามสกุลจี้ในวันอื่นอย่างสุภาพชนกระทำกัน ทั้งๆ ที่สกุลจี้นั้นถือว่าไม่ไว้หน้าสกุลลู่ของเราเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นกล้าทิ้งการหมั้นหมายที่มีมานานกระทั่งวันมงคลสมรสก็กำหนดเอาไว้แล้วในเมื่อพวกผู้ใหญ่ไม่สะดวกที่จะออกหน้าในวันนี้ นางที่เป็นผู้เยาว์ของสกุลลู่ก็จะเป็นผู้ออกหน้าชำระความในครั้งนี้ให้เองลู่เข่อชิงตั้งใจที่จะมาถึงจวนสกุลจี้หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวมาถึง แล้วและเจ้าสาวก้าวเข้าไปยังห้องโถงเพื่อทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน บิดาของจี้เทียนนั้นเป็นนายอำเภอจึงพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้างถึงตำแหน่งจะเป็น เพียงขุนนางเล็กๆ ในท้องถิ่น ไม่อาจเทียบได้กับท่านพ่อของนางแต่ก็ถือ ว่าเป็นฐานะที่ไม่ธรรมดาในเมืองนี้ เวลานี้จึงมีแขกมาร่วมงานไม่น้อยเลยทีเดียว“ถึงฤกษ์มงคลแล้ว เริ่มทำพิธีได้”เสียงข
ตอนที่ 11 จดหมายจากภรรยา[ถึงสามีข้าหนิงเฟยอวี้]วันก่อนหลังจากกลับจากการพังงานสมรสของสกุลจี้ ข้านั้นถูกท่านแม่ลงโทษโดยการให้คุกเข่าอยู่ที่ศาลบรรพชนหนึ่งชั่วยามโทษฐานที่ทำอะไรไม่ปรึกษานางและท่านพ่อก่อน ซึ่งข้าก็เข้าใจดีจึงยินดีรับการลงโทษอย่างเต็มใจยิ่ง หลังจากนั้นท่านแม่ก็ลงครัวทำอาหารมากมายให้ข้า แม้นางไม่ได้เอ่ยออกมาแต่ก็ทำให้ข้ารับรู้ได้ว่าท่านแม่เองก็พึงใจกับสิ่งที่ข้าทำลงไปอยู่บ้าง ส่วนด้านท่านพ่อและท่านย่าเองก็เอ่ยชมนางไม่ขาดปาก ว่านางช่างกล้าหาญและกระทำการได้ดี ยิ่งพี่สาวคนโตของข้า นางก็ดูเหมือนว่าจะชอบใจเช่นเดียวกัน ตอนนี้สกุลจี้ถูกนางทำเสียจนอับอายไปทั่วทั้งเมือง เห็นท่านพ่อและท่านแม่พูดคุยกันว่าหลังจากท่านย่าหายดีแล้วจะพาท่านและพี่สาวกลับไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกันตอนนี้อาการของท่านย่าดีวันดีคืน ท่านพ่อจะเดินทางกลับไปก่อนเพราะใกล้ครบกำหนดเวลาที่ขอลาเอาไว้ เห็นว่ามอบหมายให้ท่านแม่และพี่ใหญ่ข้าพาท่านย่ากลับไปที่เมืองหลวงแล้วท่านพ่อจะมารอรับครึ่งทางอีกไม่เกินหนึ่งเดือนข้าก็คงสามารถเดินทางไปหาท่านพี่ได้แล้ว หวังว่าถึงเวลานั้นท่านพี่จะไม่ลืมฮูหยินของท่านไปแ
ตอนที่ 12คุณหนูของข้านั้นดียิ่งผ่านมาครึ่งเดือนอาการป่วยของท่านย่าก็หายดีแล้ว ท่านไม่ต้องกินยาทุกวันอีก มีเพียงยาบำรุงร่างกายที่ยังต้องกินอยู่ไม่ขาด อีกสิบวันถึงจะครบกำหนดหนึ่งเดือน ตามที่มีกำหนดการให้ท่านแม่และพี่ใหญ่นางพาท่านย่าเดินทางกลับไปที่เมืองหลวง แต่หลายวันมานี้อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ท่านแม่จึงอยากจะพาท่านย่ากลับไปที่เมืองหลวงเร็วขึ้นสักหน่อยจึงได้เปลี่ยนกำหนดการเดินทางท่านย่านางเองก็เห็นด้วย ทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่ารีบเดินทางหน่อยก็ดีเหมือนกันไม่เช่นนั้นแล้วหากอากาศเย็นลงมากกว่านี้นางคงทนนั่งรถม้าไปไม่ไหวแน่“ของที่จะนำไปด้วยก็เตรียมเรียบร้อยแล้วนี่ พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็ออกเดินทางได้แล้วกระมัง” เป็นท่านย่าของนางที่เอ่ยขึ้น“ท่านแม่ท่านเพิ่งจะหายป่วย หากไม่อยากเดินทางตอนที่อากาศหนาวเช่นนี้ รอให้สิ้นฤดูแล้วพวกเราค่อยเดินทางกันก็ได้นะเจ้าคะ” ท่านแม่ของนางเอ่ยเสนอ“ข้าอยากจะเดินทางเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลา อีกอย่างที่เมืองหลวงเวลานี้มีเพียงสามีเจ้าอยู่เพียงคนเดียว เจ้าไม่เป็นห่วงหรืออย่างไร”“บ่าวรับใช้อยู่กันเต็มเรือนไม่มีสิ่งใดที่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ ที่สำ
ตอนที่ 13จอมยุทธ์หญิงผดุงคุณธรรมเสี่ยวฉีบอกกับนางว่า หากไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วล่ะก็เดินทางอีกสองวันก็จะถึงเมืองว่านอันแล้ว การเดินทางในครั้งนี้หากไม่ใช่แวะพักเพียงครู่เดียวก่อนฟ้ามืดที่ต้องค้างแรมเสี่ยวฉีก็จะเลือกให้นางพักที่โรงเตี๊ยมในเวลากลางคืน เขายังบอกอีกว่าเป็นคำสั่งของผู้เป็นนายของตนว่าอยากให้นางนอนพักในที่ที่สบายหน่อย “ฮูหยินด้านหน้ามีโรงเตี๊ยมอยู่ ฟ้าใกล้มืดเต็มทีแล้ว คืนนี้พวกเราคงต้องค้างที่นี่ก่อน” เสียงของเสี่ยวฉีที่ดังอยู่ใกล้ๆ กับหน้าต่างด้านข้างทำให้นางสั่งให้สาวใช้ที่ติดตามมาด้วยพร้อมกับเสี่ยวฉีและคนขับรถม้าตั้งแต่ออกมาจากจวนสกุลหนิงที่เมืองหลวงเปิดหน้าต่างออก“ได้ เอาตามที่เจ้าเห็นสมควรเถิด” หญิงสาวเอ่ยตอบ“ฮูหยินต้องการให้ข้าส่งจดหมายไปถึงนายท่านหรือไม่ขอรับว่าฮูหยินใกล้จะไปถึงแล้ว”“ไม่ต้องหรอก เขางานยุ่งไม่ใช่หรือเอาไว้พวกเราไปถึงแล้วเจ้าค่อยไปแจ้งก็แล้วกัน”“ขอรับข้าเข้าใจแล้ว”พวกนางทั้งสี่มาถึงหน้าโรงเตี๊ยมก็ได้ยินเสียงดังโวยวายร้องขอความช่วยเหลือมาจากด้านในโรงเตี๊ยมที่ตอนนี้ประตูด้านหน้านั้นถูกปิดสนิทเอาไว้อยู่ลู่เข่อชิงไม่รอช้ารีบก้าวลงจา
ตอนที่ 14ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด 1แม่นางสองคนที่นางให้ร่วมทางไปด้วยนั้นเป็นพี่น้องกัน พวกนางแซ่เว่ย พี่สาวเว่ยหลาน น้องสาวเว่ยหลัน พวกนางเล่าว่าเพิ่งกลับจากเยี่ยมบ้านที่อำเภอใกล้ ๆ กำลังจะเดินทางไปอำเภอหนาน พวกนางทำงานอยู่ที่นั่น"พวกข้าเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดา สองปีก่อนท่านพ่อด่วนจากไป พวกข้ายังมีท่านแม่ที่เจ็บป่วยหนักกับน้องชายที่เพิ่งจะแปดขวบอีกคนที่ต้องหาเงินไปเลี้ยงดูประทังชีวิต" "หญิงสาวอย่างพวกข้าคิดหาเงินก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกข้าไม่เกี่ยงงานก็จริงแต่จะหางานที่พอกับรายจ่ายที่ต้องจ่ายนั้นไม่ง่ายเลย""วันหนึ่งพี่สาวที่อยู่บ้านใกล้ๆ กันนางกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ข้าขอให้พี่สาวคนนั้นแนะนำงานที่รายได้ดีให้หน่อยนางจึงพาพวกข้าไปทำงานด้วย" เว่ยหลานผู้เป็นพี่สาวเป็นผู้เอ่ย"แม่นางเจ้าคงพอเดาได้ว่างานที่ได้เงินดีนั้นจะเป็นงานประเภทไหนกัน" "แม่นางเว่ยพวกเจ้าไม่ต้องเล่าแล้วก็ได้ เรื่องส่วนตัวของพวกเจ้าไม่ต้องเอ่ยออกมาทั้งหมดหรอก" ลู่เข่อชิงกลัวว่าพวกนางจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาชีวิตของพวกตน อีกทั้งสองพี่น้องยังเพิ่งจะเจอเรื่องร้ายๆ มาเมื่อคืนตอนที่ลู่เข่อชิงถามออกไปว่าเหตุใด
ตอนที่ 15ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด 2 “ข้าไม่มีใครที่พอจะช่วยเหลือได้แล้ว มีเพียงแม่นางลู่เท่านั้น” เว่ยหลานเอ่ยพร้อมกับน้ำตา นางจับมือแม่นางลู่เอาไว้ไม่ยอมปล่อย“แม่นางเว่ยใจเย็นก่อน หากช่วยได้ข้าต้องช่วยเจ้ากับแม่นางเว่ยหลันเต็มที่แน่” หญิงสาวปลอบใจแม่นางเว่ยอย่างรู้สึกสงสารเห็นใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมากก่อนหน้านี้ตอนที่นางให้เสี่ยวหน่ายเปิดประตูให้แม่นางเว่ยเข้ามา พอแม่นางเว่ยเห็นนางก็ไม่รอช้าคุกเข่าลงกับพื้นและโขกศีรษะลงกับพื้นห้องพักเบื้องหน้าโต๊ะที่นางนั่งอยู่พอดีลู่เข่อชิงเห็นเช่นนั้นก็รีบร้อนลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อประคองนางให้ขึ้นมานั่งพูดกันดีๆ ว่าเหตุใดจึงได้ต้องทำถึงเช่นนี้แม่นางเว่ยหลานจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นางฟังทั้งหมดพร้อมกับสะอื้นไห้ไปไม่หยุด นางเองก็คอยเอ่ยปลอบใจเป็นระยะๆแม่นางเว่ยหลันหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน แม่นางเว่ยคนพี่เล่าว่าเมื่อคืนมีสหายนางรำของหอบุปผาชวนเว่ยหลันออกไปเดินเที่ยวซื้อของที่ตลาดกลางคืน นางรู้สึกไม่ค่อยจะสบายจึงนอนพักไม่ได้ไปด้วย รู้ตัวว่าน้องสาวและสหายหายไปอีกทีก็ตอนเช้าแล้วที่ไปเคาะเรียกที่ห้องพักของผู้เป็นน้องสาวแต่ก็ไม่พบตัว ที่ห้องพักข
ตอนที่ 40 บทส่งท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับหลงเฟยอวี้ ทำให้ในจวนเข้มงวดขึ้น ไม่มีการรับสาวใช้คนใหม่อีก หากจำเป็นก็จะเรียกใช้แต่พวกรับจ้างมาเช้าเย็นกลับเท่านั้นคืนนั้นเหตุเกิดเพราะมีหญิงสาวนางหนึ่งมีแผนการร้ายมาตั้งแต่แรก สวมตัวตนเข้ามาตั้งใจวางยาคนในจวนที่รับหน้าที่ดูแลเฝ้ายามที่เรือนหนังสือจนสลบไม่ได้สติ อีกทั้งวางยาปลุกกำหนัดท่านแม่ทัพใหญ่เพื่อจะจับท่านแม่ทัพให้ได้แต่กลับไม่ได้ผล สุดท้ายสตรีนางนั้นก็หนีหัวซุกหัวซุนออกไปจากเมืองหนิงเฟยอวี้ถึงขั้นวาดภาพของสตรีผู้นั้นและติดประกาศว่านางเป็นสตรีไร้ยางอายและทำเรื่องไร้ศีลธรรมถึงสามวันสามคืน เพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้มีผู้ใดทำผิดอีก“ท่านพี่ลำบากท่านแล้วนะเจ้าคะ” นางเอ่ยปลอบผู้เป็นสามีใครจะคิดไปถึงกันเล่าว่าท่านแม่ทัพใหญ่ผู้น่าเกรงขามที่ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าน่าหวั่นเกรงนั้นเวลานี้กับร้องขอให้นางปลอบใจเขาไม่หยุดทั้งๆ ที่ก็ผ่านเหตุการณ์เช่นนั้นมาหลายวันแล้ว“ภาพสตรีไร้ยางอายผู้นั้นยังติดตาข้าไม่หาย” เขาเอ่ยอย่างออดอ้อน สองมือเอื้อมไปยุ่งวุ่นวายกับปมอาภรณ์ของภรรยาไม่หยุด “ภรรยาต้องลำบากให้เจ้าให้เขาได้มองเจ้านานๆ ให้เต็มตาเสียหน่อยแ
ตอนที่ 39ไร้วี่แววข่าวดีหนึ่งปีผ่านไป ชีวิตที่เมืองว่านอันของลู่เข่อชิงนั้นถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น ครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนก่อนหน้านี้ที่แม่นางหลงซานมาก่อเรื่องเอาไว้ก็ไม่มีผู้อื่นนอกจากคนในจวนรู้เรื่อง และนางกับสามีก็ตั้งใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสถานการณ์ที่ชายแดนแถบนี้ถือได้ว่ามั่นคงเป็นอย่างดี ราชสำนักมีข้อตกลงเพื่อยุติสงครามได้อย่างมั่นคงยาวนานแล้ว อีกไม่นานจะมีการส่งองค์หญิงมาสมรสถือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อย่างเป็นทางการสงครามสงบแน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านย่อมดีกว่าเดิม มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นการค้าการขายในอนาคตไปยังแคว้นข้างเคียงอาจจะนำพามาซึ่งความมั่งคั่งของประชาชนสืบไปวันก่อนนางได้ยินมาว่า ท่านพี่ของนางเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ไปรับองค์หญิงที่จะมาสมรสเชื่อมสัมพันธ์ เรื่องวันเวลาและการจัดเตรียมขบวนการรับองค์หญิงนั้นเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดลู่เข่อชิงยังแอบคิดไว้ว่าหากได้วันเวลาที่แน่นอนแล้ว ไม่แน่ว่านางอาจจะของติดขบวนรับองค์หญิงเพื่อไปท่องเที่ยวด้วย"สองปีแล้ว ฮูหยินแต่งเข้าจวนมาสองปีแล้ว แต่กับยังไร้ความเคลื่อนไหว" "ฮูหยินมีปัญหาอ
ตอนที่ 38 ไร้ค่า น่ารังเกลียด ลู่เข่อชิงในยามนี้กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าของตนซึ่งสะท้อนให้ เห็นในกระจกทองเหลืองบานใหญ่ตรงหน้าอย่างพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลง ใบหน้าของนางดูงดงามขึ้น ดูน่ามองกว่าแต่ก่อนมากนัก ไม่อาจกว่าว่างามเป็นหนึ่งเหนือผู้ใดได้อย่างเต็มปาก แต่ก็ถือว่างามพอตัวอยู่ไม่น้อยหน้าผู้ใด อาจเป็นเพราะได้แม่บ้านหลิง สาวใช้คนสนิทอย่างพวกอาจืออาหน่ายช่วยกันบำรุงใบหน้าและผิวพรรณให้นางอย่างเอาใจใส่พิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งเรียวคิ้วโค้งเรียวดุจกิ่งหลิว ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากอวบอิ่ม ใบหน้าของนางในยามนี้ไร้สิ่งใดแต่งเติม แต่กับดูน่าหลงใหลไม่น้อยตัวนางในยามนี้ยังคิดว่าตนนั้นมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สตรีที่ออกเรือนแล้วเช่นนางพึงมีขึ้นมาเองกระมัง“เอาชุดตัวแดงมาให้ข้าสวมอีกชั้นก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ข้างกายตนหลังจากนางเอ่ยปากไป อาหน่ายก็ไปนำชุดที่นางต้องการมาให้ และช่วยนางสวมจนเสร็จเรียบร้อย“คืนนี้ท่านแม่ทัพไม่กลับจวน บ่าวนอนเป็นเพื่อนฮูหยินนะเจ้าคะ”“ก็ได้ ข้าจะอ่านตำราอีกสักพักจึงจะเข้านอน ระหว่างนี้เจ้าก็ไปจัดการตัวเองก็แล้วกัน” นางเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่ง
ตอนที่ 37ไว้ใจได้?ยามสายของเช้าวันนี้ ลู่เข่อชิงใช้เวลาอยู่ในสวนที่เหล่าต้นไม้ใบหญ้ากำลังเบ่งบานน่ามองเป็นที่สุด เพื่อจัดการสวนดูแลสวนเล็กๆ น้อยๆ อย่างรดน้ำ พรวนดิน โดยมีสองสาวใช้คนสนิททั้งสองคอยเป็นลูกมือพวกนางล้วนช่วยกันลงแรงอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมีสาวใช้ผู้หนึ่งเข้ารายงาน ลู่เข่อชิงถึงได้ละสายตาจากต้นไม้ในมือที่กำลังปลูก“ฮูหยินเจ้าคะ แม่บ้านหลิงให้บ่าวมาถามท่านว่า มีแม่นางแซ่หลงมาขอพบท่านเจ้าค่ะ แจ้งว่านางมาจากหมู่บ้านกลางหุบเขานอกเมือง ฮูหยินจะให้เข้าพบหรือไม่เจ้าคะ”แม่นางแซ่หลง จากหมู่บ้านกลางหุบเขาเช่นนั้นหรือ คงจะเป็นแม่นางหลงซานผู้นั้นเป็นแน่เมื่อคาดว่าเป็นผู้ใดที่มาเยือนได้แล้ว หญิงสาวแม้จะสงสัยว่าเหตุใดแม่นางหลงซานผู้นั้นที่ดูไม่ชอบนางจู่ๆ ถึงได้มาเยือนถึงจวนได้ครั้งก่อนที่หมู่บ้านกลางหุบเขา หัวหน้าหมู่บ้านผู้เป็นบิดาของแม่นางหลงดูแลต้อนรับพวกนางเป็นอย่างดี แน่นอนว่ายามนี้แม่นางหลงมาเยือนถึงจวนย่อมต้องให้พบหน้าแน่อยู่แล้ว“เจ้าให้แม่บ้านหลิงเชิญแม่นางหลงเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยจบก็ก้มลงพรวนดินใส่ต้นไม้ต่อ“เจ้าค่ะ”สาวใช้คนนั้นรับคำแล้วก็เดินออกไป มุ่งหน้าสู่ด้านหน้าประตู
ตอนที่ 36สามีภรรยารักใคร่ ลู่เข่อชิงเริ่มคุ้นชินกับจวนแม่ทัพเป็นอย่างดี ตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพก็เริ่มเข้าที่ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความช่วยเหลือของเหล่าผู้คนในจวนด้านวรยุทธ์นางยังคงฝึกฝนอยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับความชี้แนะกับผู้อื่นอีกหลายคน เรียกได้ว่าคนในจวนแม่ทัพหากพอเป็นวรยุทธ์อยู่บ้างล้วนถูกนางดึงมาปะมือด้วยไม่ได้ขาดถึงเรื่องในครัว เห็นได้ชัดเจนว่าฝีมือทำอาหารของนางนั้นก้าวหน้าขึ้นได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยๆ ก็ไม่ทำสิ่งใดไหม้จนดูไม่ได้อีกส่วนสามีของนางแม่ทัพหนุ่มผู้เก่งกาจหาญกล้า เขาล้วนยังคงยุ่งอยู่กับการทหารเช่นเดิม ทว่าถึงแม้จะยุ่งเพียงใดกับไม่เคยละเลยนางผู้เป็นภรรยา ซ้ำหากได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในยามค่ำคืนก็มักจะคลอเคลียไม่ห่าง ชีวิตแต่งงานของนางจึงนับว่าหวานชื่นเป็นอย่างมากวันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส่ แดดอ่อนๆ นางจึงออกมาเดินเล่นนอกจวนกับอาจือและเสี่ยวหน่าย บังเอิญวันนี้มีความครึกครื้นครั้งใหญ่ที่กลางถนนหัวมุมพอดีเรื่องครึกครื้นที่ว่าก็คือมีคณะท้าดวลสัญจรผ่านมาตั้งเวทีประลอง เห็นว่าเป็นคณะท้าดวลซึ่งมีการวางเดิมพัน แลกเปลี่ยนอาวุธกับเงินทองหากผู้ที่ท้าดวลชนะสาม
ตอนที่ 35 ภัยเงียบ “ก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าเหตุใดวันนี้พี่หญิงถึงมาหาข้าถึงที่นี่ได้” ชายหนุ่มเจ้าของบ่อนพนันเอ่ยทักญาติผู้พี่ของตนที่จู่ๆ ก็มาหาอย่างกะทันหัน อีกทั้งปกติแล้วนางนั้นมักจะไม่ยอมมาเหยียบบ่อนพนันแห่งนี้ของเขาเลย ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้ดีว่านางก็คงจะกลัวใครพบเห็นว่าเข้ามาในที่เช่นนี้และจะทำให้เสื่อมเสียชายหนุ่มรินน้ำชาด้วยตนเองก่อนที่จะยื่นให้ญาติผู้พี่ซึ่งนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้าม “ดื่มชาสงบอารมณ์ก่อนเถอะ เรื่องแม่ทัพใหญ่หนิงที่ท่านมีใจให้มานานมีฮูหยินแล้วแถมเป็นสมรสพระราชทาน ใครๆ เขาก็รู้กันไปทั่วแล้ว”“เจ้ายังจะมาซ้ำเติมข้าอีก ใช่ได้ที่ไหนกัน” นางเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งกระแทกจอกน้ำชาที่หมดแล้วลงกับโต๊ะอย่างแรง“พี่หญิงท่านอ่อยบุรุษมาหลายปี ไม่สำเร็จก็ควรจะยอมรับได้แล้ว เศรษฐี ขุนนางในเมืองก็มีตั้งมาก ท่านเลือกสักคนแล้วลงมือจับให้อยู่ได้แล้ว” เขาแนะนำ อย่างไรญาติผู้พี่ของเขานางก็ถือได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ดูจากภายนอกก็ดูอ่อนหนาวน่ารักน่าเอ็นดู ท่าทางเช่นนี้ล่อลวงบุรุษได้ไม่ยาก นางมั่วแต่เสียเวลายั่วยวนแม่ทัพหนิงที่ไม่ได้สนใจนางเลยอยู่ตั้งนาน ช่างน่าเสียดายเวลายิ่งนั
ตอนที่ 34ฮูหยินอย่างเป็นทางการฤดูใบไม้ผลิอันเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาวนกลับมาถึงอีกครั้ง ทั่วทั้งบริเวณที่เคยถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวบัดนี้กลับคืนสู่ความเขียวขจีอีกครั้งหลายวันก่อนแม่บ้านหลิงได้มาหารือกับนางเรื่องการจัดสวน และการลงต้นไม้ดอกไม้ในจวนใหม่ เพราะว่าก่อนหน้านี้ภายในจวนไม่ได้จัดการอย่างเป็นระบบระเบียบนักเนื่องจากท่านแม่ทัพไม่มีเวลาสนใจ ทว่ายามนี้ในจวนมีฮูหยินแล้ว เรื่องทั้งหมดจึงควรเข้าที่เข้าทางได้แล้วลู่เข่อชิงจึงช่วยกันกับแม่บ้านหลิง ช่วยกันดูว่าควรจัดวางต้นไม้ ดอกไม้อย่างไรดี เดิมที่นางก็คิดว่าทุกอย่างในตอนนี้แม้จะดูธรรมดาไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร“ฮูหยินตอนท่านมาที่จวนเป็นฤดูวสันต์ อีกทั้งเดิมทีที่จวนเรานี้ไม่มีนายหญิงเช่นท่านมาก่อน จวนแม่ทัพเลยไม่มีแขก ทว่ายามนี้อย่างไรฮูหยินน้อยเช่นท่านก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ในอนาคตย่อมต้องต้อนรับแขกไม่น้อยทีเดียว”นางเข้าใจที่แม่บ้านหลิงต้องการสื่อได้ดี ทั้งสวนและการตกแต่งในจวนล้วนแล้วเป็นหน้าเป็นตาของท่านแม่ทัพทั้งสิ้น จะอย่างไรก็ควรให้สมฐานะแม่ทัพใหญ่ของเขา“เช่นนั้นหากข้าอยากให้ ในสวนกลางจวนมีน้ำตกจำลองเล็กๆ เล่าเป็นอย่างไร”“คงจ
ตอนที่ 33 ค่ำคืนวสันต์ผลิบานหนิงเฟยอวี้อ่านจดหมายที่ท่านแม่ของเขาเขียนมาถามไถล เรื่องราวของตัวเขาและภรรยาว่ายามนี้เป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังดู เหมือนว่าท่านแม่จะใส่ใจว่าลู่เข่อชิงนางจะปรับตัวได้หรือไม่ ชายหนุ่มเขียนจดหมายตอบกลับในส่วนของตนเองเสร็จ เรียบร้อยก็จัดวางเอาไว้บนโต๊ะอักษรเอาไว้ก่อน และตั้งใจว่าจะให้ลู่ เข่อชิงเขียนตอบกลับไปด้วยตัวนางเองอีกหนึ่งฉบับท่านแม่ของเขาจะได้ วางใจ เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วก็เห็นว่าทางฮูหยินตัวน้อยของตนนั้นคง น่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และยามนี้คงกำลังรอเขาให้กลับไปอยู่ ชายหนุ่มจึงตรงกลับไปยังเรือนนอนของตนและฮูหยินทันที เมื่อมาถึงเรือนนอนก็เห็นว่ามีสาวใช้สองคนกำลังยืนเฝ้าอยู่หน้า เรือน เขาโบกมือไล่พวกนางให้กลับไปโดยไม่ได้ส่งเสียงโดยปกติแล้วในวันที่เขาไม่ได้กลับมานอนที่จวน ภายในห้องก็จะมีสาวใช้คนสนิทของเข่อชิงคือเสี่ยวหน่ายและอาจือผลัดกันมานอนเฝ้าอยู่ห้องด้านนอกฮูหยินของเขา ด้านนอกก็จะมีสาวใช้เฝ้าอยู่จนถึงยามดึก เผื่อว่าฮูหยินจะต้องการเรียกใช้สิ่งใดขึ้นมาจะได้สะดวก ทว่าหากเขาอยู่ที่จวน เข้านอนที่ห้องพร้อมกับฮูหยินก็ไม่ต้องให
ตอนที่ 32 การเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริงเวลานี้แม่บ้านหลิงจำต้องเร่งพาฮูหยินน้อยของนางกลับเข้า เรือนนอนเพื่อที่จะได้นั่งคุยสอบถามเรื่องที่ทำให้ตัวนางและอาจือนิ่งค้าง ไปเมื่อครั้งเดินเล่นเป็นเพื่อนผู้เป็นนายอยู่ด้านนอกตัวนางรู้ดี ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดที่คุณหนูจากสกุลขุน นางอีกทั้งยังเป็นหญิงสาวใสซื่อจะไม่เข้าใจเรื่องราวลึกซึ้งระหว่างสามี ภรรยาที่ควรเกิดขึ้นในห้องหอ เรื่องเช่นนี้ฮูหยินไม่ทราบนั้นเข้าใจได้ แต่ท่านแม่ทัพที่เป็นบุรุษ ย่อมไม่มีทางไม่ทราบอย่างแน่นอน“ฮูหยิน ข้าน้อยคงต้องบังอาจของถามคำถามบางอย่างที่อาจจะดูไม่ควรกับท่านนะเจ้าคะ” แม่บ้านหลิงจำต้องกล่าวขึ้น หากนับอาวุโสแล้วที่จวนแม่ทัพแห่งนี้อย่างไรผู้ที่จะชี้แนะเรื่องเช่นนี้กับฮูหยินได้ก็คงจะมีเพียงแค่นางเท่านั้นเพื่อคุณหนู และคุณชายน้อยของจวนในอนาคต อย่างไรนางก็ จำต้องชี้แนะเรื่องนี้ให้สำเร็จให้จงได้“เป็นคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าถามที่ด้านนอกใช่หรือไม่” “ใช่เจ้าค่ะ” แม่บ้านหลิงขานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เช่นนั้นแม่บ้านหลิงก็ถามได้เต็มที่เลย ข้าจะตอบทั้งหมด” “ก่อนอื่นเลย ยามอยู่ในห้องด้วยกันฮูหยินกับท่าน