ตอนที่ 9
ผู้ใดกันแน่ที่ต้องรู้สึกอับอาย
เดินทางสามวันสามคืนในที่สุดก็มาถึงบ้านเดิมของพวกนางสกุล ลู่ บ้านเดิมของสกุลลู่นั้นอยู่ที่เมืองเหลียงตอนนี้มีเพียงท่านย่าของนาง หรือก็คือฮูหยินหนิงผู้เฒ่าที่อยู่ที่นี่เท่านั้น
ตอนที่มาถึงบ้านเดิมสกุลลู่ทั้งท่านแม่และก็พี่สาวของต่างก็ตกใจที่เห็นนางมาด้วยกันกับท่านพ่อ แต่พอนางอธิบายว่าสามีของนางเป็นผู้อนุญาตให้แวะมาดูท่านย่าให้สบายใจก่อนแล้วค่อยตามไปหาเขา ท่านแม่ของนางก็เอ่ยชมลูกเขยสามของบ้านเสียยกใหญ่ทีเดียว
นางกลับท่านพ่อมาถึงก็เกือบจะเป็นเวลาบ่ายแล้ว ท่านแม่บอกว่าท่านย่านั้นเพิ่งทานยาแล้วหลับไป รอช่วงเย็นก่อนท่านพ่อกับนางคอยเข้าไปเยี่ยมท่านย่า
“ฮูหยิน อาการป่วยของท่านแม่ข้าเป็นเช่นไรบ้าง” เป็นท่านพ่อของนางที่เอ่ยถามออกมา
“ท่านแม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ท่านหมอที่มาทำการรักษาท่านบอกว่าท่านแม่ล้มป่วยเพราะความเครียด ใจนางป่วยจึงพาให้ร่างกายอ่อนแอจนล้มป่วยไปด้วย”
“ท่านย่าอยู่ที่บ้านเดิมที่ท่านชอบมิใช่หรือเจ้าคะ จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านย่าเครียดจนล้มป่วยได้กัน” ลู่เข่อชิงเอ่ยถามท่านแม่นางด้วยความสงสัย ปกติแล้วท่านย่าเล็กที่อยู่จวนติดกันซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่านย่าก็มักจะมาคุยเล่นกับท่านย่าของนางเสมอไม่ใช่หรือ ด้านลูกหลานทางท่านย่าเล็กเองก็คอยมาเยี่ยมเยี่ยนดูแลท่านย่าของนางอยู่ตลอด
พี่สาวของนางเองก็เพิ่งกลับไปเยี่ยมท่านแม่ที่เมืองหลวงได้ไม่นานปกติก็อยู่กับท่านย่าที่นี่ ถึงขั้นตั้งใจจะแต่งงานอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนท่านย่าอีกด้วย
“เป็นเรื่องของจี้เทียน” พี่สาวนางเป็นผู้เอ่ยตอบแทนท่านแม่ สีหน้าของนางดูไม่ค่อยดีนักยามเมื่อเอ่ยขึ้น
“จี้เทียน สกุลจี้ ไม่ใช่ว่าเขาคือว่าที่พี่เขยที่เคยได้ยินมาใช่หรือไม่” นางเอ่ยถาม
จี้เทียนผู้นี้ไม่ใช่ว่าเหลือแค่ทำพิธีรับตัวเจ้าสาวเข้าจวนก็เป็นอันเกี่ยวดองกันสำเร็จแล้วหรอกหรือ การหมั้นหมายกันของคนผู้นี้กับพี่สาวนางมีมานานไม่ต่ำกว่าสองปีแล้วนี่นา
“เรื่องอันใดกันหรือฮูหยิน”
“เจ้าจี้เทียนผู้นั้นทำสตรีท้องพร้อมกันถึงสองคน หลายวันก่อนคนสกุลจี้ก็มาถึงจวนเพื่อพบท่านแม่ว่าต้องการให้ชิงอี้ของเราเข้าจวนในฐานะภรรยารองคนที่สอง ท่านแม่สามีได้ยินแล้วก็ไล่ตะเพิดคนแซ่จี้นั่นออกไป โมโหเครียดจนล้มป่วยตั้งแต่วันนั้น”
“เป็นเพราะเรื่องของข้าทำให้ท่านย่าต้องล้มป่วยเช่นนี้” พี่สาวผู้ เรียบร้อยเพียบพร้อมของนางก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
“นี่ไม่ใช่ความผิดของพี่หญิงเสียหน่อย เหตุใดท่านต้องรู้สึกผิด ด้วย ผู้ที่ควรรู้สึกผิดคือชายชั่วสกุลจี้ผู้นั้นต่างหาก” หญิงสาวเอ่ยอย่างโมโห
ในใจคิดอยากจะไปทวงถามความยุติธรรมให้สกุลลู่ซะเดี๋ยวนี้
“เสี่ยวเข่อชิง เจ้าไม่ต้องโมโหไป เรื่องนี้พ่อจะต้องให้สกุลจี้ชดใช้ ให้ได้”
ท่านพ่อในยามนี้ก็คงไม่ต่างจากนางที่มีความโมโหสุมอยู่ในใจ เพียงแต่ท่านเป็นผู้ใหญ่รู้จักอดทนอดกลั้นได้มากต่างจากนาง
สาวใช้เข้ามาแจ้งว่าท่านย่าของนางตื่นแล้ว เมื่อได้ยินว่านางและท่านพ่อมาก็ให้เร่งมาเรียกพวกนางให้เข้าไปหา
แน่นอนว่าเวลานี้ท่านย่าสำคัญที่สุด นางและท่านพ่อจึงเร่งไปพบท่านย่าในทันที
“ลูกชายข้า หลานชิงเอ๋อร์ พวกเจ้ามาแล้วหรือ” ท่านย่าที่ยามนี้เอนตัวพิงกับเสาเตียงเอ่ยเรียกนางสองพ่อลูกให้เข้าไปหาด้วยรอยยิ้มดีใจยิ่ง
“ท่านแม่…ลูกมาแล้วขอรับ”
“หลานก็มาแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”
ลู่เข่อชิงรู้สึกว่านางคิดไม่ผิดที่เลือกมาที่นี่พร้อมกันกับท่านพ่อ ท่านย่านางในเวลานี้ดูแก่ชราลงมากแล้วจริงๆ แม้นางไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ท่านตั้งแต่เด็กอย่างพี่สาวแต่ก็รับรู้ได้ว่าท่านย่านั้นก็รักนางไม่ต่างจากพี่สาว เลย ตอนสนทนากันเมื่อครู่ยังเอ่ยถามถึงเรื่องงานแต่งของ อีกทั้งยังชื่นชมยินดีกับการสมรสของนาง ซ้ำยังกล่าวอีกว่าดีที่ได้แต่งกับบุรุษที่เก่งกาจและมีเกียรติเช่นนี้
หลังจากที่ท่านพ่อออกไปแล้ว ท่านย่าก็บอกให้นางรั้งอยู่พูดคุยต่อเป็นเพื่อนก่อน ยามนี้ภายในห้องจึงมีเพียงท่านย่า แม่บ้านคนสนิทของท่านย่าและก็นางเท่านั้น
“ตอนที่แม่เจ้าบอกว่าเจ้าแต่งงานแล้ว ย่าได้ยินก็ตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าลิงทะโมนอย่างเจ้าจะแต่งก่อนพี่สาวอีกทั้งได้แต่งกับสกุลดีสกุลที่มีเกียรติยิ่ง”
“หลานเองก็จับพลัดจับผลูไปเจ้าค่ะ รู้ตัวอีกทีก็ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไปแล้ว”
“หลายเขยสามดีต่อเจ้าหรือไม่ ได้ยินว่าเขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่น่าจะเป็นคนเคร่งครัดไม่เบา”
“เขาดีต่อข้ายิ่งเจ้าค่ะ ไม่ได้เคร่งครัดอะไร ข้ารู้สึกว่าเขาดูจะเป็นคนสบายๆ เสียด้วยซ้ำ”
“ฟังเจ้าพูดมาเช่นนี้ย่าก็ไม่มีอะไรต้องห่วงเจ้าแล้ว แต่กับพี่สาวเจ้าอี้เอ๋อร์นี่สิ”
“พี่สาวของข้าเพียบพร้อมเพียงใดมีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ แต่เดิมพี่สาวข้าก็คู่ควรกับบุรุษชั้นยอด ไม่ได้แต่งกับคนสกุลจี้ก็ไม่ได้ถือว่าเราเสียอะไร ทางสกุลจี้ต่างหากที่ไม่มีวาสนา ท่านย่าอย่าได้เก็บไปคิดให้ไม่สบายใจเลยเจ้าค่ะ”
“เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก พี่สาวเจ้าหมั้นหมายมานานแต่สุดท้ายกลับไม่ได้แต่ง เจ้าจี้เทียนนั้นไปคว้าสตรีอื่นมาแทนที่นางพร้อมกันถึงสองคน เช่นนี้แล้วจะมีผู้ใดคิดว่าพี่สาวเจ้าเพียบพร้อมอยู่อีกบ้าง นี่งานแต่งเจ้าชั่วนั่นก็จะมีมาถึงในอีกสองวันแล้ว ไม่เท่ากับกำลังเหยียบหน้าสกุลลู่เราหรอกหรือ”
“ท่านพ่อบอกจะให้สกุลจี้ชดใช้ ข้าเองก็เช่นเดียวกันเจ้าค่ะ”
“พี่สาว ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” ลู่เข่อชิงเอ่ยถามพี่ใหญ่ของนางอย่างเป็นห่วง “เมื่อครู่ท่านกินข้าวไปไม่กี่คำเท่านั้นอิ่มแล้วแน่หรือ”
“ข้ากินไม่ลงน่ะ”
“ไม่ใช่ท่านเสียใจเพราะไม่ได้แต่งกลับเจ้าคนแซ่จี้นั่นหรอกนะ ท่านรักเจ้านั่นหรือเจ้าคะ”
“ข้าไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่ให้กับจี้เทียนเลย เมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ไม่เคยรัก เพียงแต่ตอนนี้รู้สึกอับอายยิ่งนัก ทุกคนในเมืองต่างรู้ว่าข้าเคยหมั้นหมายจนเกือบจะแต่งเข้าจวนสกุลจี้อยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็กลายเป็นวิวาห์ล่ม เข่อชิงข้าคงไม่อาจสู้หน้าใครได้อีก”
“พี่สาวท่านไม่จำเป็นต้องอาย เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดท่าน จี้เทียนผู้นั้นต่างหากที่ควรอับอายไม่ใช่ท่าน” นางเอ่ยย้ำ “ข้ารู้มาว่าอีก สองวันจะถึงงานแต่งจี้เทียนผู้นั้น ข้าขอสัญญากับท่านเลยว่าจะทำให้จี้ เทียนผู้นี้อับอายจนแทบทรากแผ่นดินหนี!!!”
ช่วงสายวันต่อมานางตั้งใจไปที่ร้านอาภรณ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเพื่อเลือกหาชุดสวยๆ ที่เหมาะแก่การให้นางสวมไปร่วมงานมงคลของสกุลจี้ที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้
โชคดีที่มีชุดตัวหนึ่งที่เพิ่งตัดเย็บเสร็จตรงตามกับความต้องการของนางพอดี หลังจากวัดตัวแล้วก็เหลือเพียงปรับแก้เล็กน้อยเท่านั้นชุดก็พร้อมให้สวมใส่ได้แล้ว
ไม่เท่านั้นร้านเครื่องประดับขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างๆ กันพอดีก็คือสิ่งที่นางหมายใจเอาไว้เช่นเดียวกัน หญิงสาวเข้าไปภายในร้านเพียงไม่นานก็ได้เครื่องประดับติดมือกลับมาอีกชุดหนึ่ง
“เสี่ยวฉี พรุ่งนี้ข้าจะไปที่หนึ่งเจ้าตามข้าไปด้วยก็แล้วกัน”
“ขอรับฮูหยินน้อย”
ลู่เข่อชิงตั้งใจขอยืมตัวสาวใช้คนสนิทของพี่สาวนางอย่างอาลั่วมาช่วยนางแต่งหน้าทำผมตามที่คิดเอาไว้นั่นก็คือแต่งแต้มใบหน้าให้ดูฉูดฉาดโทนชมพูหวาน และก้าวผมทรงสำหรับสตรีที่ออกเรือนแล้วเท่านั้นที่ทำได้พร้อมกับใส่เครื่องประดับหรูหราครบชุด ปิ่นปักผมระย้าด้ามเป็นทองคำแท้ทั้งหมดอีกทั้งตกแต่งปิ่นให้สวยงานด้วยอัญมณีหลากหลาย
ชุดที่นางสวมก็เป็นอาภรณ์ที่ตัดอย่างประณีตเนื้อผ้าอย่างดีเป็นของแพงหายากล้ำค่านัก สีส้มสดงดงามตามอาภรณ์ปักเป็นดอกโบตั๋นราวกับมีชีวิตหลายสิบดอกบานสะพรั่งอยู่บนอาภรณ์ตัวงาม
เมื่อทุกอย่างถูกสวมลงบนตัวของคุณหนูสามลู่เข่อชิงแล้วนั้นสาวใช้อย่างอาลั่วถึงกับตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเลยทีเดียว
ปกติแล้วคุณหนูสามมักไม่ชอบแต่งหน้ามีเพียงทาแป้งเติมชาดเพียงเล็กน้อย เสื้อผ้าที่สวมก็มักเป็นแบบเรียบง่าย เน้นสะดวกในการเคลื่อนไหวเป็นที่สุด ยามนี้เมื่อความงามได้ถูกแต่งเติมจนครบครั้นเหมือนเช่นในวันวิวาห์ก็ทำให้บังเกิดหญิงงามที่หาตัวจับได้อยากอีกหนึ่งคน
อาลั่วนั้นสามารถพูดออกมาได้เต็มปากเลยว่าคุณหนูสาวลู่เข่อชิงนั้นงดงามไม่ต่างจากคุณหนูใหญ่และฮูหยินเลย
“อาลั่วประเดี๋ยวเจ้าออกนอกจวนไปพร้อมข้า วันนี้ข้าขอยืมตัวเจ้าจากพี่หญิงเอาไว้แล้ว วันนี้ให้เจ้าติดตามเป็นสาวใช้ของข้า”
“เจ้าค่ะคุณหนูสาม บ่าวทราบแล้ว” อาลั่วแม้จะมีเรื่องสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามออกไป นางทำเพียงรับคำสั่งและออกไปเพื่อไปจัดการเปลี่ยนชุดของตัวเองบ้างเพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมออกไปข้างนอกตามคำสั่งของคุณหนูสามที่วันนี้นางต้องตามไปรับใช้
ตอนที่ 10สกุลลู่ข้าให้พวกเจ้ารังแกได้หรือท่านพ่อท่านแม่และท่านย่าของนางเพราะกลัวว่าหากทำเป็นเรื่องใหญ่จะทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของคนในสกุลลู่ได้ อีกทั้งพวกท่านต่างก็เป็นผู้ใหญ่ท่านพ่อนางเป็นถึงราชครูในราชสำนักย่อมต้องรักษาชื่อเสียงสกุลไม่อาจทำสิ่งใดตามใจคิดพวกท่านคงทำได้เพียงให้งานแต่งสกุลจี้ในวันนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปทวงถามสกุลจี้ในวันอื่นอย่างสุภาพชนกระทำกัน ทั้งๆ ที่สกุลจี้นั้นถือว่าไม่ไว้หน้าสกุลลู่ของเราเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นกล้าทิ้งการหมั้นหมายที่มีมานานกระทั่งวันมงคลสมรสก็กำหนดเอาไว้แล้วในเมื่อพวกผู้ใหญ่ไม่สะดวกที่จะออกหน้าในวันนี้ นางที่เป็นผู้เยาว์ของสกุลลู่ก็จะเป็นผู้ออกหน้าชำระความในครั้งนี้ให้เองลู่เข่อชิงตั้งใจที่จะมาถึงจวนสกุลจี้หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวมาถึง แล้วและเจ้าสาวก้าวเข้าไปยังห้องโถงเพื่อทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน บิดาของจี้เทียนนั้นเป็นนายอำเภอจึงพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้างถึงตำแหน่งจะเป็น เพียงขุนนางเล็กๆ ในท้องถิ่น ไม่อาจเทียบได้กับท่านพ่อของนางแต่ก็ถือ ว่าเป็นฐานะที่ไม่ธรรมดาในเมืองนี้ เวลานี้จึงมีแขกมาร่วมงานไม่น้อยเลยทีเดียว“ถึงฤกษ์มงคลแล้ว เริ่มทำพิธีได้”เสียงข
ตอนที่ 11 จดหมายจากภรรยา[ถึงสามีข้าหนิงเฟยอวี้]วันก่อนหลังจากกลับจากการพังงานสมรสของสกุลจี้ ข้านั้นถูกท่านแม่ลงโทษโดยการให้คุกเข่าอยู่ที่ศาลบรรพชนหนึ่งชั่วยามโทษฐานที่ทำอะไรไม่ปรึกษานางและท่านพ่อก่อน ซึ่งข้าก็เข้าใจดีจึงยินดีรับการลงโทษอย่างเต็มใจยิ่ง หลังจากนั้นท่านแม่ก็ลงครัวทำอาหารมากมายให้ข้า แม้นางไม่ได้เอ่ยออกมาแต่ก็ทำให้ข้ารับรู้ได้ว่าท่านแม่เองก็พึงใจกับสิ่งที่ข้าทำลงไปอยู่บ้าง ส่วนด้านท่านพ่อและท่านย่าเองก็เอ่ยชมนางไม่ขาดปาก ว่านางช่างกล้าหาญและกระทำการได้ดี ยิ่งพี่สาวคนโตของข้า นางก็ดูเหมือนว่าจะชอบใจเช่นเดียวกัน ตอนนี้สกุลจี้ถูกนางทำเสียจนอับอายไปทั่วทั้งเมือง เห็นท่านพ่อและท่านแม่พูดคุยกันว่าหลังจากท่านย่าหายดีแล้วจะพาท่านและพี่สาวกลับไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกันตอนนี้อาการของท่านย่าดีวันดีคืน ท่านพ่อจะเดินทางกลับไปก่อนเพราะใกล้ครบกำหนดเวลาที่ขอลาเอาไว้ เห็นว่ามอบหมายให้ท่านแม่และพี่ใหญ่ข้าพาท่านย่ากลับไปที่เมืองหลวงแล้วท่านพ่อจะมารอรับครึ่งทางอีกไม่เกินหนึ่งเดือนข้าก็คงสามารถเดินทางไปหาท่านพี่ได้แล้ว หวังว่าถึงเวลานั้นท่านพี่จะไม่ลืมฮูหยินของท่านไปแ
ตอนที่ 12คุณหนูของข้านั้นดียิ่งผ่านมาครึ่งเดือนอาการป่วยของท่านย่าก็หายดีแล้ว ท่านไม่ต้องกินยาทุกวันอีก มีเพียงยาบำรุงร่างกายที่ยังต้องกินอยู่ไม่ขาด อีกสิบวันถึงจะครบกำหนดหนึ่งเดือน ตามที่มีกำหนดการให้ท่านแม่และพี่ใหญ่นางพาท่านย่าเดินทางกลับไปที่เมืองหลวง แต่หลายวันมานี้อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ท่านแม่จึงอยากจะพาท่านย่ากลับไปที่เมืองหลวงเร็วขึ้นสักหน่อยจึงได้เปลี่ยนกำหนดการเดินทางท่านย่านางเองก็เห็นด้วย ทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่ารีบเดินทางหน่อยก็ดีเหมือนกันไม่เช่นนั้นแล้วหากอากาศเย็นลงมากกว่านี้นางคงทนนั่งรถม้าไปไม่ไหวแน่“ของที่จะนำไปด้วยก็เตรียมเรียบร้อยแล้วนี่ พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็ออกเดินทางได้แล้วกระมัง” เป็นท่านย่าของนางที่เอ่ยขึ้น“ท่านแม่ท่านเพิ่งจะหายป่วย หากไม่อยากเดินทางตอนที่อากาศหนาวเช่นนี้ รอให้สิ้นฤดูแล้วพวกเราค่อยเดินทางกันก็ได้นะเจ้าคะ” ท่านแม่ของนางเอ่ยเสนอ“ข้าอยากจะเดินทางเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลา อีกอย่างที่เมืองหลวงเวลานี้มีเพียงสามีเจ้าอยู่เพียงคนเดียว เจ้าไม่เป็นห่วงหรืออย่างไร”“บ่าวรับใช้อยู่กันเต็มเรือนไม่มีสิ่งใดที่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ ที่สำ
ตอนที่ 13จอมยุทธ์หญิงผดุงคุณธรรมเสี่ยวฉีบอกกับนางว่า หากไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วล่ะก็เดินทางอีกสองวันก็จะถึงเมืองว่านอันแล้ว การเดินทางในครั้งนี้หากไม่ใช่แวะพักเพียงครู่เดียวก่อนฟ้ามืดที่ต้องค้างแรมเสี่ยวฉีก็จะเลือกให้นางพักที่โรงเตี๊ยมในเวลากลางคืน เขายังบอกอีกว่าเป็นคำสั่งของผู้เป็นนายของตนว่าอยากให้นางนอนพักในที่ที่สบายหน่อย “ฮูหยินด้านหน้ามีโรงเตี๊ยมอยู่ ฟ้าใกล้มืดเต็มทีแล้ว คืนนี้พวกเราคงต้องค้างที่นี่ก่อน” เสียงของเสี่ยวฉีที่ดังอยู่ใกล้ๆ กับหน้าต่างด้านข้างทำให้นางสั่งให้สาวใช้ที่ติดตามมาด้วยพร้อมกับเสี่ยวฉีและคนขับรถม้าตั้งแต่ออกมาจากจวนสกุลหนิงที่เมืองหลวงเปิดหน้าต่างออก“ได้ เอาตามที่เจ้าเห็นสมควรเถิด” หญิงสาวเอ่ยตอบ“ฮูหยินต้องการให้ข้าส่งจดหมายไปถึงนายท่านหรือไม่ขอรับว่าฮูหยินใกล้จะไปถึงแล้ว”“ไม่ต้องหรอก เขางานยุ่งไม่ใช่หรือเอาไว้พวกเราไปถึงแล้วเจ้าค่อยไปแจ้งก็แล้วกัน”“ขอรับข้าเข้าใจแล้ว”พวกนางทั้งสี่มาถึงหน้าโรงเตี๊ยมก็ได้ยินเสียงดังโวยวายร้องขอความช่วยเหลือมาจากด้านในโรงเตี๊ยมที่ตอนนี้ประตูด้านหน้านั้นถูกปิดสนิทเอาไว้อยู่ลู่เข่อชิงไม่รอช้ารีบก้าวลงจา
ตอนที่ 14ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด 1แม่นางสองคนที่นางให้ร่วมทางไปด้วยนั้นเป็นพี่น้องกัน พวกนางแซ่เว่ย พี่สาวเว่ยหลาน น้องสาวเว่ยหลัน พวกนางเล่าว่าเพิ่งกลับจากเยี่ยมบ้านที่อำเภอใกล้ ๆ กำลังจะเดินทางไปอำเภอหนาน พวกนางทำงานอยู่ที่นั่น"พวกข้าเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดา สองปีก่อนท่านพ่อด่วนจากไป พวกข้ายังมีท่านแม่ที่เจ็บป่วยหนักกับน้องชายที่เพิ่งจะแปดขวบอีกคนที่ต้องหาเงินไปเลี้ยงดูประทังชีวิต" "หญิงสาวอย่างพวกข้าคิดหาเงินก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกข้าไม่เกี่ยงงานก็จริงแต่จะหางานที่พอกับรายจ่ายที่ต้องจ่ายนั้นไม่ง่ายเลย""วันหนึ่งพี่สาวที่อยู่บ้านใกล้ๆ กันนางกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ข้าขอให้พี่สาวคนนั้นแนะนำงานที่รายได้ดีให้หน่อยนางจึงพาพวกข้าไปทำงานด้วย" เว่ยหลานผู้เป็นพี่สาวเป็นผู้เอ่ย"แม่นางเจ้าคงพอเดาได้ว่างานที่ได้เงินดีนั้นจะเป็นงานประเภทไหนกัน" "แม่นางเว่ยพวกเจ้าไม่ต้องเล่าแล้วก็ได้ เรื่องส่วนตัวของพวกเจ้าไม่ต้องเอ่ยออกมาทั้งหมดหรอก" ลู่เข่อชิงกลัวว่าพวกนางจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาชีวิตของพวกตน อีกทั้งสองพี่น้องยังเพิ่งจะเจอเรื่องร้ายๆ มาเมื่อคืนตอนที่ลู่เข่อชิงถามออกไปว่าเหตุใด
ตอนที่ 15ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด 2 “ข้าไม่มีใครที่พอจะช่วยเหลือได้แล้ว มีเพียงแม่นางลู่เท่านั้น” เว่ยหลานเอ่ยพร้อมกับน้ำตา นางจับมือแม่นางลู่เอาไว้ไม่ยอมปล่อย“แม่นางเว่ยใจเย็นก่อน หากช่วยได้ข้าต้องช่วยเจ้ากับแม่นางเว่ยหลันเต็มที่แน่” หญิงสาวปลอบใจแม่นางเว่ยอย่างรู้สึกสงสารเห็นใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมากก่อนหน้านี้ตอนที่นางให้เสี่ยวหน่ายเปิดประตูให้แม่นางเว่ยเข้ามา พอแม่นางเว่ยเห็นนางก็ไม่รอช้าคุกเข่าลงกับพื้นและโขกศีรษะลงกับพื้นห้องพักเบื้องหน้าโต๊ะที่นางนั่งอยู่พอดีลู่เข่อชิงเห็นเช่นนั้นก็รีบร้อนลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อประคองนางให้ขึ้นมานั่งพูดกันดีๆ ว่าเหตุใดจึงได้ต้องทำถึงเช่นนี้แม่นางเว่ยหลานจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นางฟังทั้งหมดพร้อมกับสะอื้นไห้ไปไม่หยุด นางเองก็คอยเอ่ยปลอบใจเป็นระยะๆแม่นางเว่ยหลันหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน แม่นางเว่ยคนพี่เล่าว่าเมื่อคืนมีสหายนางรำของหอบุปผาชวนเว่ยหลันออกไปเดินเที่ยวซื้อของที่ตลาดกลางคืน นางรู้สึกไม่ค่อยจะสบายจึงนอนพักไม่ได้ไปด้วย รู้ตัวว่าน้องสาวและสหายหายไปอีกทีก็ตอนเช้าแล้วที่ไปเคาะเรียกที่ห้องพักของผู้เป็นน้องสาวแต่ก็ไม่พบตัว ที่ห้องพักข
ตอนที่ 16แผนการลู่เข่อชิงพาเว่ยหลานกลับมาพักที่โรงเตี๊ยมก่อน ยามนี้พวกนางไม่อาจทำสิ่งใดได้ นอกเสียจากรอฟังข่าวจากทางหน่วยลาดตระเวนแม่นางเว่ยหลานในเวลานี้ดูไร้ชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง นางแทบจะไม่ยอมทานอะไรเลยด้วยซ้ำ นางและเสี่ยวหน่ายเกลี้ยกล่อมอยู่นานถึงได้ยอมกินโจ๊กถึงแม้จะกินไปไม่กี่คำก็ตามที แต่ก็ดีกว่าไม่กินอะไรเลยก่อนกลับมา หัวหน้าหน่วยลานตะเวนกล่าวว่าคืนนี้พวกเขาจะวางแผนแบ่งหกลุ่มทำงานค้นหาครั้งใหญ่ในเมือง หากพบเจอแม่นางเว่ยผู้น้องจะรีบแจ้งมาทันทีนางเองก็ภาวนาของให้เจอโดยเร็วเช่นกันแต่แล้วสวรรค์คงไม่เป็นใจ ต่อให้ค้นหาทั้งคืนก็ค้นหาไม่พบ แต่ คนตายต้องเห็นศพ คนเป็นต้องเห็นตัว เป็นไปได้หรือว่าคนหลายคนที่หายตัวไปจะหายจากอำเภอหนานไปได้เอง ทั้งๆ ที่หัวหน้าประตู ทางเข้าออกอำเภอหนานก็ยืนยันว่าเวลากลางคืนจนกระทั่งเช้าใครก็ไม่สามารถเข้าออกได้ อีกทั้งการเข้าออกในทุกเวลาของทุกคนทั้งขาเข้าและ ขาออกก็ถูกตรวจสอบอย่างเคร่งครัดทุกคนคืนหนึ่งสำหรับคนที่เฝ้ารอคอยด้วยความหวังดูเหมือนจะผ่าน พ้นไปได้อย่างยากลำบาก เพียงแค่สองวันเท่านั้นแม่นางเว่ยหลานที่เคย งดงามสดใส ราวกับเป็นคนละคน นางดูทรุดโทรม
ตอนที่ 17เหล่าบุรุษย่อมพ่ายแพ้ต่อหญิงงาม"แม่นางลู่ ข้ารู้สึกซึ้งในน้ำใจของเจ้านัก ที่ยื่นมือช่วยเหลือข้า แต่เจ้าทำเช่นนี้จะไม่เป็นไรแน่หรือ เจ้ามากจากสกุลขุนนาง แม้ข้าจะโง่เขลาเพียงใดก็คงต้องรู้ว่าสามีแม่นางลู่ก็คงเป็นบุรุษจากสกุลใหญ่แน่ หากสามีท่านรู้เข้าอาจสร้างปัญหาให้พวกเจ้าได้" ไม่มีบุรุษใดชมชอบให้ภรรยาของตนแต่งกายเปิดเผยให้บุรุษอื่นได้เห็นอยู่แล้ว เว่ยหลานอยากเห็นแก่ตัวแต่ก็ทำไม่ได้เพราะอย่างไรแม่นางลู่ก็คือผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือพวกนางสองพี่น้อง"ไม่มีปัญหาแน่ สามีข้าใช่ว่าจะอยู่แถวนี้ซะเมื่อไหร่ หลังจากเสร็จเรื่องแล้วทุกคนปล่อยผ่านไม่เอาไปเล่าให้สามีข้าฟังก็พอแล้ว""สาวใช้ของแม่นางลู่กับเสี่ยวฉีผู้ติดตามของท่าน แม่นางลู่แน่ใจหรือว่าพวกเขาจะไม่เปิดปากแน่"นางยิ้มออกมาเก้อๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น "เอ่อ ความจริงแล้วพวกเขาล้วนแต่เป็นคนของสามีข้าทั้งหมดเลย"".........." เว่ยหลานได้ยินถึงกับเงียบไป"แต่พวกเขาไม่กล้าแน่ ไม่ต้องห่วงๆ หากเกิดเรื่องใดขึ้น ข้ารับผิดชอบเอง ใครๆ ก็ไม่ต้องยุ่งทั้งนั้น" นางเอ่ยอย่างมั่นใจ "สามีข้าเขาใจดีกับข้าไม่น้อยเชี่ยวล่ะ เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้ายังไม่เห็นต้อง
ตอนที่ 40 บทส่งท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับหลงเฟยอวี้ ทำให้ในจวนเข้มงวดขึ้น ไม่มีการรับสาวใช้คนใหม่อีก หากจำเป็นก็จะเรียกใช้แต่พวกรับจ้างมาเช้าเย็นกลับเท่านั้นคืนนั้นเหตุเกิดเพราะมีหญิงสาวนางหนึ่งมีแผนการร้ายมาตั้งแต่แรก สวมตัวตนเข้ามาตั้งใจวางยาคนในจวนที่รับหน้าที่ดูแลเฝ้ายามที่เรือนหนังสือจนสลบไม่ได้สติ อีกทั้งวางยาปลุกกำหนัดท่านแม่ทัพใหญ่เพื่อจะจับท่านแม่ทัพให้ได้แต่กลับไม่ได้ผล สุดท้ายสตรีนางนั้นก็หนีหัวซุกหัวซุนออกไปจากเมืองหนิงเฟยอวี้ถึงขั้นวาดภาพของสตรีผู้นั้นและติดประกาศว่านางเป็นสตรีไร้ยางอายและทำเรื่องไร้ศีลธรรมถึงสามวันสามคืน เพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้มีผู้ใดทำผิดอีก“ท่านพี่ลำบากท่านแล้วนะเจ้าคะ” นางเอ่ยปลอบผู้เป็นสามีใครจะคิดไปถึงกันเล่าว่าท่านแม่ทัพใหญ่ผู้น่าเกรงขามที่ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าน่าหวั่นเกรงนั้นเวลานี้กับร้องขอให้นางปลอบใจเขาไม่หยุดทั้งๆ ที่ก็ผ่านเหตุการณ์เช่นนั้นมาหลายวันแล้ว“ภาพสตรีไร้ยางอายผู้นั้นยังติดตาข้าไม่หาย” เขาเอ่ยอย่างออดอ้อน สองมือเอื้อมไปยุ่งวุ่นวายกับปมอาภรณ์ของภรรยาไม่หยุด “ภรรยาต้องลำบากให้เจ้าให้เขาได้มองเจ้านานๆ ให้เต็มตาเสียหน่อยแ
ตอนที่ 39ไร้วี่แววข่าวดีหนึ่งปีผ่านไป ชีวิตที่เมืองว่านอันของลู่เข่อชิงนั้นถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น ครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนก่อนหน้านี้ที่แม่นางหลงซานมาก่อเรื่องเอาไว้ก็ไม่มีผู้อื่นนอกจากคนในจวนรู้เรื่อง และนางกับสามีก็ตั้งใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสถานการณ์ที่ชายแดนแถบนี้ถือได้ว่ามั่นคงเป็นอย่างดี ราชสำนักมีข้อตกลงเพื่อยุติสงครามได้อย่างมั่นคงยาวนานแล้ว อีกไม่นานจะมีการส่งองค์หญิงมาสมรสถือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อย่างเป็นทางการสงครามสงบแน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านย่อมดีกว่าเดิม มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นการค้าการขายในอนาคตไปยังแคว้นข้างเคียงอาจจะนำพามาซึ่งความมั่งคั่งของประชาชนสืบไปวันก่อนนางได้ยินมาว่า ท่านพี่ของนางเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ไปรับองค์หญิงที่จะมาสมรสเชื่อมสัมพันธ์ เรื่องวันเวลาและการจัดเตรียมขบวนการรับองค์หญิงนั้นเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดลู่เข่อชิงยังแอบคิดไว้ว่าหากได้วันเวลาที่แน่นอนแล้ว ไม่แน่ว่านางอาจจะของติดขบวนรับองค์หญิงเพื่อไปท่องเที่ยวด้วย"สองปีแล้ว ฮูหยินแต่งเข้าจวนมาสองปีแล้ว แต่กับยังไร้ความเคลื่อนไหว" "ฮูหยินมีปัญหาอ
ตอนที่ 38 ไร้ค่า น่ารังเกลียด ลู่เข่อชิงในยามนี้กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าของตนซึ่งสะท้อนให้ เห็นในกระจกทองเหลืองบานใหญ่ตรงหน้าอย่างพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลง ใบหน้าของนางดูงดงามขึ้น ดูน่ามองกว่าแต่ก่อนมากนัก ไม่อาจกว่าว่างามเป็นหนึ่งเหนือผู้ใดได้อย่างเต็มปาก แต่ก็ถือว่างามพอตัวอยู่ไม่น้อยหน้าผู้ใด อาจเป็นเพราะได้แม่บ้านหลิง สาวใช้คนสนิทอย่างพวกอาจืออาหน่ายช่วยกันบำรุงใบหน้าและผิวพรรณให้นางอย่างเอาใจใส่พิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งเรียวคิ้วโค้งเรียวดุจกิ่งหลิว ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากอวบอิ่ม ใบหน้าของนางในยามนี้ไร้สิ่งใดแต่งเติม แต่กับดูน่าหลงใหลไม่น้อยตัวนางในยามนี้ยังคิดว่าตนนั้นมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สตรีที่ออกเรือนแล้วเช่นนางพึงมีขึ้นมาเองกระมัง“เอาชุดตัวแดงมาให้ข้าสวมอีกชั้นก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ข้างกายตนหลังจากนางเอ่ยปากไป อาหน่ายก็ไปนำชุดที่นางต้องการมาให้ และช่วยนางสวมจนเสร็จเรียบร้อย“คืนนี้ท่านแม่ทัพไม่กลับจวน บ่าวนอนเป็นเพื่อนฮูหยินนะเจ้าคะ”“ก็ได้ ข้าจะอ่านตำราอีกสักพักจึงจะเข้านอน ระหว่างนี้เจ้าก็ไปจัดการตัวเองก็แล้วกัน” นางเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่ง
ตอนที่ 37ไว้ใจได้?ยามสายของเช้าวันนี้ ลู่เข่อชิงใช้เวลาอยู่ในสวนที่เหล่าต้นไม้ใบหญ้ากำลังเบ่งบานน่ามองเป็นที่สุด เพื่อจัดการสวนดูแลสวนเล็กๆ น้อยๆ อย่างรดน้ำ พรวนดิน โดยมีสองสาวใช้คนสนิททั้งสองคอยเป็นลูกมือพวกนางล้วนช่วยกันลงแรงอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมีสาวใช้ผู้หนึ่งเข้ารายงาน ลู่เข่อชิงถึงได้ละสายตาจากต้นไม้ในมือที่กำลังปลูก“ฮูหยินเจ้าคะ แม่บ้านหลิงให้บ่าวมาถามท่านว่า มีแม่นางแซ่หลงมาขอพบท่านเจ้าค่ะ แจ้งว่านางมาจากหมู่บ้านกลางหุบเขานอกเมือง ฮูหยินจะให้เข้าพบหรือไม่เจ้าคะ”แม่นางแซ่หลง จากหมู่บ้านกลางหุบเขาเช่นนั้นหรือ คงจะเป็นแม่นางหลงซานผู้นั้นเป็นแน่เมื่อคาดว่าเป็นผู้ใดที่มาเยือนได้แล้ว หญิงสาวแม้จะสงสัยว่าเหตุใดแม่นางหลงซานผู้นั้นที่ดูไม่ชอบนางจู่ๆ ถึงได้มาเยือนถึงจวนได้ครั้งก่อนที่หมู่บ้านกลางหุบเขา หัวหน้าหมู่บ้านผู้เป็นบิดาของแม่นางหลงดูแลต้อนรับพวกนางเป็นอย่างดี แน่นอนว่ายามนี้แม่นางหลงมาเยือนถึงจวนย่อมต้องให้พบหน้าแน่อยู่แล้ว“เจ้าให้แม่บ้านหลิงเชิญแม่นางหลงเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยจบก็ก้มลงพรวนดินใส่ต้นไม้ต่อ“เจ้าค่ะ”สาวใช้คนนั้นรับคำแล้วก็เดินออกไป มุ่งหน้าสู่ด้านหน้าประตู
ตอนที่ 36สามีภรรยารักใคร่ ลู่เข่อชิงเริ่มคุ้นชินกับจวนแม่ทัพเป็นอย่างดี ตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพก็เริ่มเข้าที่ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความช่วยเหลือของเหล่าผู้คนในจวนด้านวรยุทธ์นางยังคงฝึกฝนอยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับความชี้แนะกับผู้อื่นอีกหลายคน เรียกได้ว่าคนในจวนแม่ทัพหากพอเป็นวรยุทธ์อยู่บ้างล้วนถูกนางดึงมาปะมือด้วยไม่ได้ขาดถึงเรื่องในครัว เห็นได้ชัดเจนว่าฝีมือทำอาหารของนางนั้นก้าวหน้าขึ้นได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยๆ ก็ไม่ทำสิ่งใดไหม้จนดูไม่ได้อีกส่วนสามีของนางแม่ทัพหนุ่มผู้เก่งกาจหาญกล้า เขาล้วนยังคงยุ่งอยู่กับการทหารเช่นเดิม ทว่าถึงแม้จะยุ่งเพียงใดกับไม่เคยละเลยนางผู้เป็นภรรยา ซ้ำหากได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในยามค่ำคืนก็มักจะคลอเคลียไม่ห่าง ชีวิตแต่งงานของนางจึงนับว่าหวานชื่นเป็นอย่างมากวันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส่ แดดอ่อนๆ นางจึงออกมาเดินเล่นนอกจวนกับอาจือและเสี่ยวหน่าย บังเอิญวันนี้มีความครึกครื้นครั้งใหญ่ที่กลางถนนหัวมุมพอดีเรื่องครึกครื้นที่ว่าก็คือมีคณะท้าดวลสัญจรผ่านมาตั้งเวทีประลอง เห็นว่าเป็นคณะท้าดวลซึ่งมีการวางเดิมพัน แลกเปลี่ยนอาวุธกับเงินทองหากผู้ที่ท้าดวลชนะสาม
ตอนที่ 35 ภัยเงียบ “ก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าเหตุใดวันนี้พี่หญิงถึงมาหาข้าถึงที่นี่ได้” ชายหนุ่มเจ้าของบ่อนพนันเอ่ยทักญาติผู้พี่ของตนที่จู่ๆ ก็มาหาอย่างกะทันหัน อีกทั้งปกติแล้วนางนั้นมักจะไม่ยอมมาเหยียบบ่อนพนันแห่งนี้ของเขาเลย ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้ดีว่านางก็คงจะกลัวใครพบเห็นว่าเข้ามาในที่เช่นนี้และจะทำให้เสื่อมเสียชายหนุ่มรินน้ำชาด้วยตนเองก่อนที่จะยื่นให้ญาติผู้พี่ซึ่งนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้าม “ดื่มชาสงบอารมณ์ก่อนเถอะ เรื่องแม่ทัพใหญ่หนิงที่ท่านมีใจให้มานานมีฮูหยินแล้วแถมเป็นสมรสพระราชทาน ใครๆ เขาก็รู้กันไปทั่วแล้ว”“เจ้ายังจะมาซ้ำเติมข้าอีก ใช่ได้ที่ไหนกัน” นางเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งกระแทกจอกน้ำชาที่หมดแล้วลงกับโต๊ะอย่างแรง“พี่หญิงท่านอ่อยบุรุษมาหลายปี ไม่สำเร็จก็ควรจะยอมรับได้แล้ว เศรษฐี ขุนนางในเมืองก็มีตั้งมาก ท่านเลือกสักคนแล้วลงมือจับให้อยู่ได้แล้ว” เขาแนะนำ อย่างไรญาติผู้พี่ของเขานางก็ถือได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ดูจากภายนอกก็ดูอ่อนหนาวน่ารักน่าเอ็นดู ท่าทางเช่นนี้ล่อลวงบุรุษได้ไม่ยาก นางมั่วแต่เสียเวลายั่วยวนแม่ทัพหนิงที่ไม่ได้สนใจนางเลยอยู่ตั้งนาน ช่างน่าเสียดายเวลายิ่งนั
ตอนที่ 34ฮูหยินอย่างเป็นทางการฤดูใบไม้ผลิอันเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาวนกลับมาถึงอีกครั้ง ทั่วทั้งบริเวณที่เคยถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวบัดนี้กลับคืนสู่ความเขียวขจีอีกครั้งหลายวันก่อนแม่บ้านหลิงได้มาหารือกับนางเรื่องการจัดสวน และการลงต้นไม้ดอกไม้ในจวนใหม่ เพราะว่าก่อนหน้านี้ภายในจวนไม่ได้จัดการอย่างเป็นระบบระเบียบนักเนื่องจากท่านแม่ทัพไม่มีเวลาสนใจ ทว่ายามนี้ในจวนมีฮูหยินแล้ว เรื่องทั้งหมดจึงควรเข้าที่เข้าทางได้แล้วลู่เข่อชิงจึงช่วยกันกับแม่บ้านหลิง ช่วยกันดูว่าควรจัดวางต้นไม้ ดอกไม้อย่างไรดี เดิมที่นางก็คิดว่าทุกอย่างในตอนนี้แม้จะดูธรรมดาไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร“ฮูหยินตอนท่านมาที่จวนเป็นฤดูวสันต์ อีกทั้งเดิมทีที่จวนเรานี้ไม่มีนายหญิงเช่นท่านมาก่อน จวนแม่ทัพเลยไม่มีแขก ทว่ายามนี้อย่างไรฮูหยินน้อยเช่นท่านก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ในอนาคตย่อมต้องต้อนรับแขกไม่น้อยทีเดียว”นางเข้าใจที่แม่บ้านหลิงต้องการสื่อได้ดี ทั้งสวนและการตกแต่งในจวนล้วนแล้วเป็นหน้าเป็นตาของท่านแม่ทัพทั้งสิ้น จะอย่างไรก็ควรให้สมฐานะแม่ทัพใหญ่ของเขา“เช่นนั้นหากข้าอยากให้ ในสวนกลางจวนมีน้ำตกจำลองเล็กๆ เล่าเป็นอย่างไร”“คงจ
ตอนที่ 33 ค่ำคืนวสันต์ผลิบานหนิงเฟยอวี้อ่านจดหมายที่ท่านแม่ของเขาเขียนมาถามไถล เรื่องราวของตัวเขาและภรรยาว่ายามนี้เป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังดู เหมือนว่าท่านแม่จะใส่ใจว่าลู่เข่อชิงนางจะปรับตัวได้หรือไม่ ชายหนุ่มเขียนจดหมายตอบกลับในส่วนของตนเองเสร็จ เรียบร้อยก็จัดวางเอาไว้บนโต๊ะอักษรเอาไว้ก่อน และตั้งใจว่าจะให้ลู่ เข่อชิงเขียนตอบกลับไปด้วยตัวนางเองอีกหนึ่งฉบับท่านแม่ของเขาจะได้ วางใจ เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วก็เห็นว่าทางฮูหยินตัวน้อยของตนนั้นคง น่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และยามนี้คงกำลังรอเขาให้กลับไปอยู่ ชายหนุ่มจึงตรงกลับไปยังเรือนนอนของตนและฮูหยินทันที เมื่อมาถึงเรือนนอนก็เห็นว่ามีสาวใช้สองคนกำลังยืนเฝ้าอยู่หน้า เรือน เขาโบกมือไล่พวกนางให้กลับไปโดยไม่ได้ส่งเสียงโดยปกติแล้วในวันที่เขาไม่ได้กลับมานอนที่จวน ภายในห้องก็จะมีสาวใช้คนสนิทของเข่อชิงคือเสี่ยวหน่ายและอาจือผลัดกันมานอนเฝ้าอยู่ห้องด้านนอกฮูหยินของเขา ด้านนอกก็จะมีสาวใช้เฝ้าอยู่จนถึงยามดึก เผื่อว่าฮูหยินจะต้องการเรียกใช้สิ่งใดขึ้นมาจะได้สะดวก ทว่าหากเขาอยู่ที่จวน เข้านอนที่ห้องพร้อมกับฮูหยินก็ไม่ต้องให
ตอนที่ 32 การเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริงเวลานี้แม่บ้านหลิงจำต้องเร่งพาฮูหยินน้อยของนางกลับเข้า เรือนนอนเพื่อที่จะได้นั่งคุยสอบถามเรื่องที่ทำให้ตัวนางและอาจือนิ่งค้าง ไปเมื่อครั้งเดินเล่นเป็นเพื่อนผู้เป็นนายอยู่ด้านนอกตัวนางรู้ดี ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดที่คุณหนูจากสกุลขุน นางอีกทั้งยังเป็นหญิงสาวใสซื่อจะไม่เข้าใจเรื่องราวลึกซึ้งระหว่างสามี ภรรยาที่ควรเกิดขึ้นในห้องหอ เรื่องเช่นนี้ฮูหยินไม่ทราบนั้นเข้าใจได้ แต่ท่านแม่ทัพที่เป็นบุรุษ ย่อมไม่มีทางไม่ทราบอย่างแน่นอน“ฮูหยิน ข้าน้อยคงต้องบังอาจของถามคำถามบางอย่างที่อาจจะดูไม่ควรกับท่านนะเจ้าคะ” แม่บ้านหลิงจำต้องกล่าวขึ้น หากนับอาวุโสแล้วที่จวนแม่ทัพแห่งนี้อย่างไรผู้ที่จะชี้แนะเรื่องเช่นนี้กับฮูหยินได้ก็คงจะมีเพียงแค่นางเท่านั้นเพื่อคุณหนู และคุณชายน้อยของจวนในอนาคต อย่างไรนางก็ จำต้องชี้แนะเรื่องนี้ให้สำเร็จให้จงได้“เป็นคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าถามที่ด้านนอกใช่หรือไม่” “ใช่เจ้าค่ะ” แม่บ้านหลิงขานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เช่นนั้นแม่บ้านหลิงก็ถามได้เต็มที่เลย ข้าจะตอบทั้งหมด” “ก่อนอื่นเลย ยามอยู่ในห้องด้วยกันฮูหยินกับท่าน