ตอนที่ 8
แยกจากกันครั้งนี้เพื่อพบกันใหม่
“สามี…ท่านใจดียิ่ง” นางเอ่ยชมเขาพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้
“เจ้าจะได้สบายใจ ไม่เช่นนั้นตลอดทางไปเมืองว่านอันเจ้าก็คง ไม่อาจสงบใจได้”
หากนางไม่อาจสบายใจได้ก็จะไม่มีความสุข ไม่ร่าเริงเหมือนที่ เป็น เขารู้สึกไม่ค่อยชินเวลาที่เห็นนางเศร้าใจเช่นนี้
“ข้าเยี่ยมท่านย่าเรียบร้อยแล้วจะเร่งไปหาท่านไม่เถลไถลที่อื่นอย่างแน่นอน”
“เสี่ยวฉีเป็นคนติดตามของข้า พรุ่งนี้เจ้าออกเดินทางไปเยี่ยมท่านย่าพร้อมท่านพ่อตาก็ให้เขาไปคอยติดตามเจ้า เสี่ยวฉีคุ้นเคยกับทางไปเมืองว่านอันเป็นอย่างดีภายหลังการเดินทางของเจ้าจะได้ไม่มีสิ่งใดติดขัด”
“เช่นนั้นสัมภาระของข้าที่ต้องนำไปที่เมืองว่านอันจะทำอย่างไรดีเจ้าค่ะ หากข้าให้อาจือติดตามไปเมืองว่านอันพร้อมท่านเพื่อดูแลความเรียบร้อยของสัมภาระข้าได้หรือไม่”
“ก็ดีเหมือนกัน ปกติแล้วข้าไม่ค่อยอยู่จวนแม่ทัพในเมืองว่านอัน จะอยู่ที่ค่ายทหารเป็นส่วนใหญ่ ให้นางไปจัดแจงเรือนนอนให้เจ้าล่วงหน้าก็จะเป็นอันดี ตอนเจ้าไปถึงจะได้มีที่พักสบายหน่อย”
จู่ๆ ขณะที่รถม้ายังเคลื่อนตัวไป ภายในรถม้ายามนี้ที่เพิ่งเงียบไร้ซึ่งบทสนทนา นางกลับพบว่าตนเพิ่งจะได้มองดูบุรุษผู้ซึ่งมีสถานะเป็นสามีของนางอย่างชัดเจน
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ที่นางสามารถพึ่งพาได้อย่างแท้จริงไม่ต่างจากครอบครัวสกุลลู่ นางสามารถพึ่งพาเขาได้โดยที่ไม่ต้องร้องขอเสียด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่พวกเราเพิ่งแต่งงานกันเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจนางถึงขนาดนี้ แต่เหมือนว่าเขาใส่ใจแม้กระทั่งท่าทีและความรู้สึกของนาง อีกอย่างนางรู้ดีว่าตนนั้นเป็นสตรีที่มีข้อบกพร่องอยู่มากแต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่เคยเอาข้อบกพร่องของนางมาใส่ใจ
เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ย่อมต้องเข้มงวดและจริงจังเคร่งครัดเป็นธรรมดา แต่นางกลับไม่รู้สึกว่าเขาแสดงท่าทีต่อนางเช่นนั้น กลับกันเขามักจะแกล้งนางเล่นเสียด้วยซ้ำ สองวันมานี้ที่ได้อยู่ด้วยกันนางพบว่าหากเขาแกล้งนางได้สำเร็จก็จะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
นางรู้สึกว่าตนนั้นโชคดีที่ได้แต่งกับสามีเช่นเขาที่ไม่ได้ชอบบังคับ ให้นางต้องเป็นในสิ่งที่เขาต้องการแต่กลับคอยใส่ใจและดูไม่ให้นางก่อเรื่อง
“ท่านพี่ข้าขอบคุณท่านมากจากใจเลย” นางกล่าวขึ้นเป็น จังหวะเดียวกันกับที่รถม้าหยุดตัวลง พร้อมทั้งมีเสียงจากด้านนอกดังขึ้น มาว่ากลับมาถึงจวนสกุลหนิงแล้ว
“ขอบคุณเพียงอย่างเดียวดูเหมือนจะไม่คอยจริงใจเท่าไหร่นัก” ชายหนุ่มกล่าว
“เช่นนั้นท่านอยากได้สิ่งใด”
เจ้าของร่างสูงไม่ได้เอ่ยตอบภรรยา เขาเพียงยกมือตบเบาๆ ที่ ใบหน้าของตนสองครั้งเท่านั้น
“สามี ท่านอยากให้ข้าตบท่านหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างใสซื่อ
หนิงเฟยอวี้ที่ได้ยินนางพูดออกมาเช่นนั้นถึงกับหน้าตึงไปเลย “ช่างเถอะ ถึงจวนแล้วพวกเราลงไปกันเถอะ” เขาเอ่ยเสร็จก็เตรียมที่จะ ลุกขึ้น ทว่ายังไม่ทันได้ลุกก็ถูกเจ้าของร่างเล็กผู้เป็นภรรยาเข้ามากดที่ไหล่ กว้างทั้งสองข้างให้เขานั่งลงที่เดิม
“ทำไมหรือ”
“ข้ายังไม่ได้ตอบแทนท่านเลย” ลู่เข่อชิงเอ่ยจบก็ประทับจุมพิตเบาๆ ลงที่ข้างแก้มของผู้เป็นสามีอย่างแผ่วเบาครู่หนึ่ง
ผู้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ เพียงจุมพิตเบาๆ ของฮูหยินตัวน้อยก็ทำให้ เขาถึงกับตัวแข็งทือไปเลย เพราะไม่คิดว่านางจะทำจริงๆ
“แทนคำขอบคุณของข้า” นางกล่าวก่อนจะรีบร้อนลงจากรถม้า ไปในทันทีพร้อมกับใบหน้าร้อนผ่าวของตน
จุมพิตเขาก่อนเช่นนั้นคงไม่ถูกมองว่าเป็นสตรีใจกล้าเกินงามไป หรือนะ แต่คงไม่เป็นไรหรอกนางไม่ได้ไปจุมพิตชายอื่นนี่จะได้ต้องกลัวนั่นสามีที่ถูกต้องของนางนะ จะมีอันใดไปไม่ควรไปได้กัน
คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่หนิงเฟยอวี้ต้องข่มใจตนเอาไว้ไม่ให้ จับฮูหยินตัวน้อยกลืนลงท้องไปอย่างที่ต้องการ นางยังคงซุกเข้าหาอ้อมอกเขาเช่นคืนก่อนๆ และหลับสนิทไปอย่างสบายใจ
ชายหนุ่มคิดว่าเขาจะอดกลั้นปล่อยนางที่ยังไม่ประสาไปก่อน หลังจากที่นางกลับเมืองว่านอันแล้วจึงจะค่อยๆ สอนให้ได้รู้ว่าความหมายอย่างแท้จริงว่าการสนิทสนมแนบชิดจริงๆ ระหว่างสามีภรรยานั้นควรเป็นเช่นไรกันแน่
ประตูทางออกเมืองหลวงยามนี้มีขบวนเดินทางของหนิงเฟยอวี้หยุดรออยู่ เมื่อค่ำวานเขาได้สั่งให้คนไปแจ้งท่านพ่อตาแล้วว่าจะให้ฮูหยินน้อยของเขาไปบ้านเดิมพร้อมกับท่านด้วย และนัดเจอกันที่ประตูทางออกทิศตะวันออกของเมือง
เขารอเพื่อที่จะส่งฮูหยินตนให้ท่านพ่อตาด้วยตัวเองแล้วจึงคอยมุ่งหน้าไปยังจุดหมายของตน
“เจ้าสามารถส่งจดหมายหาข้าได้ทุก ๆ เจ็ดวันหากเจ้าต้องการ” ชายหนุ่มเอ่ยกับสตรีตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายตน
“หากข้าเขียนเรื่องไร้สาระไปท่านพี่ก็จะยอมอ่านใช่หรือไม่” นางถามพร้อมรอยยิ้มกวน
“เจ้าอยากเขียนเล่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่เจ้า เขียนเสร็จแล้วก็ให้เสี่ยวฉีจัดการส่งให้เจ้า”
“ลายมือข้าไม่ค่อยสวย หากท่านอ่านไม่เข้าใจจะโมโหเอาได้นะเจ้าคะ”
“พอดีเลย จะได้ถือโอกาสนี้ช่วยเจ้าฝึกเขียนอักษรเสียด้วยเลยเป็นอย่างไร”
“เหมือนข้าจะหลงกลเข้าให้แล้ว” นี่นางต้องคัดจดหมายส่งไปให้เขาหรือนี่ นางไม่น่าเอ่ยถึงเรื่องลายมือออกไปเลย
“ความจริงแล้วข้าคิดว่าลายมือเจ้าก็ไม่ได้แย่อะไรนัก”
“จริงหรือเจ้าคะ แต่ดูเหมือนว่าท่านพี่จะไม่เคยเห็นข้าเขียน อักษรแล้วรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ”
“ในหนังสือสมรสของเรามีลายมือของเจ้าลงชื่อเอาไว้มิใช่หรือ ข้าเห็นจากในนั้น”
“ตอนที่ลงชื่อนั้นข้าตั้งใจเขียนลงไปเป็นอย่างมากย่อมต้องสวยอยู่แล้ว อีกอย่างท่านแม่คอยจ้องข้าเขียนอยู่หากไม่สวยนางคงให้ข้าเขียนอันใหม่จนกว่าจะสวยเป็นแน่ อีกอย่างข้าจะบอกท่านให้ว่าก่อนหน้าลงชื่อท่านแม่ให้ข้าคัดชื่อตัวเองกว่าสิบรอบเชียวล่ะ”
“เพราะหนังสือแต่งงานของเรา ทำเอาฮูหยินต้องลำบากแล้ว”
“ไม่ง่ายเลยจริงๆ” นางเอ่ยอย่างขึงขัง “แต่เรื่องนี้มีสิ่งหนึ่งที่พอจะทดแทนความลำบากของข้าได้เป็นอย่างมาก”
“สิ่งใดหรือ”
“ถังหูลู่สักไม้ก็พอ”
“ข้าเหมาให้ฮูหยินทั้งหมดเลยยังได้”
“ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ไม้เดียว ไม่สิ สองไม้ก็พอ”
เขาพยักหน้าเพียงครั้งเดียว เสี่ยวฉีก็ไปจัดการซื้อถังหูลู่สองไม้มาในทันที
“อร่อยหรือไม่” เขาเอ่ยถามภรรยาตัวน้อยที่กำลังกัดกินถังหูลู่ในมืออย่างมีความสุข ถังหูลู่สองไม้นางเอาไว้กินเองไม้หนึ่ง ส่วนอีกไม้ให้อาจือสาวใช้ของนางกิน
“อร่อย ท่านลองชิมสักคำสิ” ร่างเล็กไม่เอ่ยเปล่า นางยังยื่นถังหูลู่ในมือของตนมาที่เขาเป็นเชิงต้องการป้อนให้
หนิงเฟยอวี้ไม่ขัดความตั้งใจของนางอยู่แล้ว เขางับถังหูลู่ที่นางป้อนให้คำหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “หวาน”
“เพราะหวานนี่แหละเจ้าค่ะ ใครได้กินก็จะอารมณ์ดีมีความสุขไงเจ้าคะ”
“เจ้าชอบก็พอ ซื้อเพิ่มอีกสักหลายไม้ดีหรือไม่หากเจ้าชอบจะได้นำติดไปไว้กินระหว่างท่านด้วย”
“ของกินระหว่างทางท่านแม่สามีเตรียมให้มาเยอะแล้วเจ้าค่ะ แค่นั้นก็ไม่น่าจะกินหมดแล้ว”
หนึ่งก้านธูปต่อมาท่านพ่อของนางก็มาถึง
หนิงเฟยอวี้ประคองฮูหยินของตนขึ้นรถม้าของท่านพ่อตาด้วยตัวเอง ยามที่รถม้าจะเคลื่อนตัวออกไปหญิงสาวในรถม้าก็เลื่อนเปิดหน้าต่างออกแล้วโบกมือให้เขาพร้อมรอยยิ้มแสนหวานของนางที่สองสามวันมานี้เขารู้สึกว่าตนจะชอบรอยยิ้มของนางเข้าให้แล้ว
รถม้าของภรรยาแยกไปยังอีกเส้นทาง ส่วนขบวนเดินทางของเขาก็ไปอีกเส้นทางหนึ่ง พวกเราทั้งคู่แยกจากกันไปคนละเส้นทางเพื่อที่ในอนาคตจะได้กลับมาใช้ชีวิตด้วยกันอีกครั้ง
ไม่นานนางก็จะไปหาเขาแล้วพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างแท้จริง
ตอนที่ 9ผู้ใดกันแน่ที่ต้องรู้สึกอับอายเดินทางสามวันสามคืนในที่สุดก็มาถึงบ้านเดิมของพวกนางสกุล ลู่ บ้านเดิมของสกุลลู่นั้นอยู่ที่เมืองเหลียงตอนนี้มีเพียงท่านย่าของนาง หรือก็คือฮูหยินหนิงผู้เฒ่าที่อยู่ที่นี่เท่านั้นตอนที่มาถึงบ้านเดิมสกุลลู่ทั้งท่านแม่และก็พี่สาวของต่างก็ตกใจที่เห็นนางมาด้วยกันกับท่านพ่อ แต่พอนางอธิบายว่าสามีของนางเป็นผู้อนุญาตให้แวะมาดูท่านย่าให้สบายใจก่อนแล้วค่อยตามไปหาเขา ท่านแม่ของนางก็เอ่ยชมลูกเขยสามของบ้านเสียยกใหญ่ทีเดียวนางกลับท่านพ่อมาถึงก็เกือบจะเป็นเวลาบ่ายแล้ว ท่านแม่บอกว่าท่านย่านั้นเพิ่งทานยาแล้วหลับไป รอช่วงเย็นก่อนท่านพ่อกับนางคอยเข้าไปเยี่ยมท่านย่า“ฮูหยิน อาการป่วยของท่านแม่ข้าเป็นเช่นไรบ้าง” เป็นท่านพ่อของนางที่เอ่ยถามออกมา“ท่านแม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ท่านหมอที่มาทำการรักษาท่านบอกว่าท่านแม่ล้มป่วยเพราะความเครียด ใจนางป่วยจึงพาให้ร่างกายอ่อนแอจนล้มป่วยไปด้วย”“ท่านย่าอยู่ที่บ้านเดิมที่ท่านชอบมิใช่หรือเจ้าคะ จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านย่าเครียดจนล้มป่วยได้กัน” ลู่เข่อชิงเอ่ยถามท่านแม่นางด้วยความสงสัย ปกติแล้วท่านย่าเล็กที่อยู่จวนติดกันซึ่งเป็นน้องสาวแท้
ตอนที่ 10สกุลลู่ข้าให้พวกเจ้ารังแกได้หรือท่านพ่อท่านแม่และท่านย่าของนางเพราะกลัวว่าหากทำเป็นเรื่องใหญ่จะทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของคนในสกุลลู่ได้ อีกทั้งพวกท่านต่างก็เป็นผู้ใหญ่ท่านพ่อนางเป็นถึงราชครูในราชสำนักย่อมต้องรักษาชื่อเสียงสกุลไม่อาจทำสิ่งใดตามใจคิดพวกท่านคงทำได้เพียงให้งานแต่งสกุลจี้ในวันนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปทวงถามสกุลจี้ในวันอื่นอย่างสุภาพชนกระทำกัน ทั้งๆ ที่สกุลจี้นั้นถือว่าไม่ไว้หน้าสกุลลู่ของเราเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นกล้าทิ้งการหมั้นหมายที่มีมานานกระทั่งวันมงคลสมรสก็กำหนดเอาไว้แล้วในเมื่อพวกผู้ใหญ่ไม่สะดวกที่จะออกหน้าในวันนี้ นางที่เป็นผู้เยาว์ของสกุลลู่ก็จะเป็นผู้ออกหน้าชำระความในครั้งนี้ให้เองลู่เข่อชิงตั้งใจที่จะมาถึงจวนสกุลจี้หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวมาถึง แล้วและเจ้าสาวก้าวเข้าไปยังห้องโถงเพื่อทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน บิดาของจี้เทียนนั้นเป็นนายอำเภอจึงพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้างถึงตำแหน่งจะเป็น เพียงขุนนางเล็กๆ ในท้องถิ่น ไม่อาจเทียบได้กับท่านพ่อของนางแต่ก็ถือ ว่าเป็นฐานะที่ไม่ธรรมดาในเมืองนี้ เวลานี้จึงมีแขกมาร่วมงานไม่น้อยเลยทีเดียว“ถึงฤกษ์มงคลแล้ว เริ่มทำพิธีได้”เสียงข
ตอนที่ 11 จดหมายจากภรรยา[ถึงสามีข้าหนิงเฟยอวี้]วันก่อนหลังจากกลับจากการพังงานสมรสของสกุลจี้ ข้านั้นถูกท่านแม่ลงโทษโดยการให้คุกเข่าอยู่ที่ศาลบรรพชนหนึ่งชั่วยามโทษฐานที่ทำอะไรไม่ปรึกษานางและท่านพ่อก่อน ซึ่งข้าก็เข้าใจดีจึงยินดีรับการลงโทษอย่างเต็มใจยิ่ง หลังจากนั้นท่านแม่ก็ลงครัวทำอาหารมากมายให้ข้า แม้นางไม่ได้เอ่ยออกมาแต่ก็ทำให้ข้ารับรู้ได้ว่าท่านแม่เองก็พึงใจกับสิ่งที่ข้าทำลงไปอยู่บ้าง ส่วนด้านท่านพ่อและท่านย่าเองก็เอ่ยชมนางไม่ขาดปาก ว่านางช่างกล้าหาญและกระทำการได้ดี ยิ่งพี่สาวคนโตของข้า นางก็ดูเหมือนว่าจะชอบใจเช่นเดียวกัน ตอนนี้สกุลจี้ถูกนางทำเสียจนอับอายไปทั่วทั้งเมือง เห็นท่านพ่อและท่านแม่พูดคุยกันว่าหลังจากท่านย่าหายดีแล้วจะพาท่านและพี่สาวกลับไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกันตอนนี้อาการของท่านย่าดีวันดีคืน ท่านพ่อจะเดินทางกลับไปก่อนเพราะใกล้ครบกำหนดเวลาที่ขอลาเอาไว้ เห็นว่ามอบหมายให้ท่านแม่และพี่ใหญ่ข้าพาท่านย่ากลับไปที่เมืองหลวงแล้วท่านพ่อจะมารอรับครึ่งทางอีกไม่เกินหนึ่งเดือนข้าก็คงสามารถเดินทางไปหาท่านพี่ได้แล้ว หวังว่าถึงเวลานั้นท่านพี่จะไม่ลืมฮูหยินของท่านไปแ
ตอนที่ 12คุณหนูของข้านั้นดียิ่งผ่านมาครึ่งเดือนอาการป่วยของท่านย่าก็หายดีแล้ว ท่านไม่ต้องกินยาทุกวันอีก มีเพียงยาบำรุงร่างกายที่ยังต้องกินอยู่ไม่ขาด อีกสิบวันถึงจะครบกำหนดหนึ่งเดือน ตามที่มีกำหนดการให้ท่านแม่และพี่ใหญ่นางพาท่านย่าเดินทางกลับไปที่เมืองหลวง แต่หลายวันมานี้อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ท่านแม่จึงอยากจะพาท่านย่ากลับไปที่เมืองหลวงเร็วขึ้นสักหน่อยจึงได้เปลี่ยนกำหนดการเดินทางท่านย่านางเองก็เห็นด้วย ทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่ารีบเดินทางหน่อยก็ดีเหมือนกันไม่เช่นนั้นแล้วหากอากาศเย็นลงมากกว่านี้นางคงทนนั่งรถม้าไปไม่ไหวแน่“ของที่จะนำไปด้วยก็เตรียมเรียบร้อยแล้วนี่ พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็ออกเดินทางได้แล้วกระมัง” เป็นท่านย่าของนางที่เอ่ยขึ้น“ท่านแม่ท่านเพิ่งจะหายป่วย หากไม่อยากเดินทางตอนที่อากาศหนาวเช่นนี้ รอให้สิ้นฤดูแล้วพวกเราค่อยเดินทางกันก็ได้นะเจ้าคะ” ท่านแม่ของนางเอ่ยเสนอ“ข้าอยากจะเดินทางเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลา อีกอย่างที่เมืองหลวงเวลานี้มีเพียงสามีเจ้าอยู่เพียงคนเดียว เจ้าไม่เป็นห่วงหรืออย่างไร”“บ่าวรับใช้อยู่กันเต็มเรือนไม่มีสิ่งใดที่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ ที่สำ
ตอนที่ 13จอมยุทธ์หญิงผดุงคุณธรรมเสี่ยวฉีบอกกับนางว่า หากไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วล่ะก็เดินทางอีกสองวันก็จะถึงเมืองว่านอันแล้ว การเดินทางในครั้งนี้หากไม่ใช่แวะพักเพียงครู่เดียวก่อนฟ้ามืดที่ต้องค้างแรมเสี่ยวฉีก็จะเลือกให้นางพักที่โรงเตี๊ยมในเวลากลางคืน เขายังบอกอีกว่าเป็นคำสั่งของผู้เป็นนายของตนว่าอยากให้นางนอนพักในที่ที่สบายหน่อย “ฮูหยินด้านหน้ามีโรงเตี๊ยมอยู่ ฟ้าใกล้มืดเต็มทีแล้ว คืนนี้พวกเราคงต้องค้างที่นี่ก่อน” เสียงของเสี่ยวฉีที่ดังอยู่ใกล้ๆ กับหน้าต่างด้านข้างทำให้นางสั่งให้สาวใช้ที่ติดตามมาด้วยพร้อมกับเสี่ยวฉีและคนขับรถม้าตั้งแต่ออกมาจากจวนสกุลหนิงที่เมืองหลวงเปิดหน้าต่างออก“ได้ เอาตามที่เจ้าเห็นสมควรเถิด” หญิงสาวเอ่ยตอบ“ฮูหยินต้องการให้ข้าส่งจดหมายไปถึงนายท่านหรือไม่ขอรับว่าฮูหยินใกล้จะไปถึงแล้ว”“ไม่ต้องหรอก เขางานยุ่งไม่ใช่หรือเอาไว้พวกเราไปถึงแล้วเจ้าค่อยไปแจ้งก็แล้วกัน”“ขอรับข้าเข้าใจแล้ว”พวกนางทั้งสี่มาถึงหน้าโรงเตี๊ยมก็ได้ยินเสียงดังโวยวายร้องขอความช่วยเหลือมาจากด้านในโรงเตี๊ยมที่ตอนนี้ประตูด้านหน้านั้นถูกปิดสนิทเอาไว้อยู่ลู่เข่อชิงไม่รอช้ารีบก้าวลงจา
ตอนที่ 14ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด 1แม่นางสองคนที่นางให้ร่วมทางไปด้วยนั้นเป็นพี่น้องกัน พวกนางแซ่เว่ย พี่สาวเว่ยหลาน น้องสาวเว่ยหลัน พวกนางเล่าว่าเพิ่งกลับจากเยี่ยมบ้านที่อำเภอใกล้ ๆ กำลังจะเดินทางไปอำเภอหนาน พวกนางทำงานอยู่ที่นั่น"พวกข้าเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดา สองปีก่อนท่านพ่อด่วนจากไป พวกข้ายังมีท่านแม่ที่เจ็บป่วยหนักกับน้องชายที่เพิ่งจะแปดขวบอีกคนที่ต้องหาเงินไปเลี้ยงดูประทังชีวิต" "หญิงสาวอย่างพวกข้าคิดหาเงินก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกข้าไม่เกี่ยงงานก็จริงแต่จะหางานที่พอกับรายจ่ายที่ต้องจ่ายนั้นไม่ง่ายเลย""วันหนึ่งพี่สาวที่อยู่บ้านใกล้ๆ กันนางกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ข้าขอให้พี่สาวคนนั้นแนะนำงานที่รายได้ดีให้หน่อยนางจึงพาพวกข้าไปทำงานด้วย" เว่ยหลานผู้เป็นพี่สาวเป็นผู้เอ่ย"แม่นางเจ้าคงพอเดาได้ว่างานที่ได้เงินดีนั้นจะเป็นงานประเภทไหนกัน" "แม่นางเว่ยพวกเจ้าไม่ต้องเล่าแล้วก็ได้ เรื่องส่วนตัวของพวกเจ้าไม่ต้องเอ่ยออกมาทั้งหมดหรอก" ลู่เข่อชิงกลัวว่าพวกนางจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาชีวิตของพวกตน อีกทั้งสองพี่น้องยังเพิ่งจะเจอเรื่องร้ายๆ มาเมื่อคืนตอนที่ลู่เข่อชิงถามออกไปว่าเหตุใด
ตอนที่ 15ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด 2 “ข้าไม่มีใครที่พอจะช่วยเหลือได้แล้ว มีเพียงแม่นางลู่เท่านั้น” เว่ยหลานเอ่ยพร้อมกับน้ำตา นางจับมือแม่นางลู่เอาไว้ไม่ยอมปล่อย“แม่นางเว่ยใจเย็นก่อน หากช่วยได้ข้าต้องช่วยเจ้ากับแม่นางเว่ยหลันเต็มที่แน่” หญิงสาวปลอบใจแม่นางเว่ยอย่างรู้สึกสงสารเห็นใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมากก่อนหน้านี้ตอนที่นางให้เสี่ยวหน่ายเปิดประตูให้แม่นางเว่ยเข้ามา พอแม่นางเว่ยเห็นนางก็ไม่รอช้าคุกเข่าลงกับพื้นและโขกศีรษะลงกับพื้นห้องพักเบื้องหน้าโต๊ะที่นางนั่งอยู่พอดีลู่เข่อชิงเห็นเช่นนั้นก็รีบร้อนลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อประคองนางให้ขึ้นมานั่งพูดกันดีๆ ว่าเหตุใดจึงได้ต้องทำถึงเช่นนี้แม่นางเว่ยหลานจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นางฟังทั้งหมดพร้อมกับสะอื้นไห้ไปไม่หยุด นางเองก็คอยเอ่ยปลอบใจเป็นระยะๆแม่นางเว่ยหลันหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน แม่นางเว่ยคนพี่เล่าว่าเมื่อคืนมีสหายนางรำของหอบุปผาชวนเว่ยหลันออกไปเดินเที่ยวซื้อของที่ตลาดกลางคืน นางรู้สึกไม่ค่อยจะสบายจึงนอนพักไม่ได้ไปด้วย รู้ตัวว่าน้องสาวและสหายหายไปอีกทีก็ตอนเช้าแล้วที่ไปเคาะเรียกที่ห้องพักของผู้เป็นน้องสาวแต่ก็ไม่พบตัว ที่ห้องพักข
ตอนที่ 16แผนการลู่เข่อชิงพาเว่ยหลานกลับมาพักที่โรงเตี๊ยมก่อน ยามนี้พวกนางไม่อาจทำสิ่งใดได้ นอกเสียจากรอฟังข่าวจากทางหน่วยลาดตระเวนแม่นางเว่ยหลานในเวลานี้ดูไร้ชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง นางแทบจะไม่ยอมทานอะไรเลยด้วยซ้ำ นางและเสี่ยวหน่ายเกลี้ยกล่อมอยู่นานถึงได้ยอมกินโจ๊กถึงแม้จะกินไปไม่กี่คำก็ตามที แต่ก็ดีกว่าไม่กินอะไรเลยก่อนกลับมา หัวหน้าหน่วยลานตะเวนกล่าวว่าคืนนี้พวกเขาจะวางแผนแบ่งหกลุ่มทำงานค้นหาครั้งใหญ่ในเมือง หากพบเจอแม่นางเว่ยผู้น้องจะรีบแจ้งมาทันทีนางเองก็ภาวนาของให้เจอโดยเร็วเช่นกันแต่แล้วสวรรค์คงไม่เป็นใจ ต่อให้ค้นหาทั้งคืนก็ค้นหาไม่พบ แต่ คนตายต้องเห็นศพ คนเป็นต้องเห็นตัว เป็นไปได้หรือว่าคนหลายคนที่หายตัวไปจะหายจากอำเภอหนานไปได้เอง ทั้งๆ ที่หัวหน้าประตู ทางเข้าออกอำเภอหนานก็ยืนยันว่าเวลากลางคืนจนกระทั่งเช้าใครก็ไม่สามารถเข้าออกได้ อีกทั้งการเข้าออกในทุกเวลาของทุกคนทั้งขาเข้าและ ขาออกก็ถูกตรวจสอบอย่างเคร่งครัดทุกคนคืนหนึ่งสำหรับคนที่เฝ้ารอคอยด้วยความหวังดูเหมือนจะผ่าน พ้นไปได้อย่างยากลำบาก เพียงแค่สองวันเท่านั้นแม่นางเว่ยหลานที่เคย งดงามสดใส ราวกับเป็นคนละคน นางดูทรุดโทรม
ตอนที่ 40 บทส่งท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับหลงเฟยอวี้ ทำให้ในจวนเข้มงวดขึ้น ไม่มีการรับสาวใช้คนใหม่อีก หากจำเป็นก็จะเรียกใช้แต่พวกรับจ้างมาเช้าเย็นกลับเท่านั้นคืนนั้นเหตุเกิดเพราะมีหญิงสาวนางหนึ่งมีแผนการร้ายมาตั้งแต่แรก สวมตัวตนเข้ามาตั้งใจวางยาคนในจวนที่รับหน้าที่ดูแลเฝ้ายามที่เรือนหนังสือจนสลบไม่ได้สติ อีกทั้งวางยาปลุกกำหนัดท่านแม่ทัพใหญ่เพื่อจะจับท่านแม่ทัพให้ได้แต่กลับไม่ได้ผล สุดท้ายสตรีนางนั้นก็หนีหัวซุกหัวซุนออกไปจากเมืองหนิงเฟยอวี้ถึงขั้นวาดภาพของสตรีผู้นั้นและติดประกาศว่านางเป็นสตรีไร้ยางอายและทำเรื่องไร้ศีลธรรมถึงสามวันสามคืน เพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้มีผู้ใดทำผิดอีก“ท่านพี่ลำบากท่านแล้วนะเจ้าคะ” นางเอ่ยปลอบผู้เป็นสามีใครจะคิดไปถึงกันเล่าว่าท่านแม่ทัพใหญ่ผู้น่าเกรงขามที่ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าน่าหวั่นเกรงนั้นเวลานี้กับร้องขอให้นางปลอบใจเขาไม่หยุดทั้งๆ ที่ก็ผ่านเหตุการณ์เช่นนั้นมาหลายวันแล้ว“ภาพสตรีไร้ยางอายผู้นั้นยังติดตาข้าไม่หาย” เขาเอ่ยอย่างออดอ้อน สองมือเอื้อมไปยุ่งวุ่นวายกับปมอาภรณ์ของภรรยาไม่หยุด “ภรรยาต้องลำบากให้เจ้าให้เขาได้มองเจ้านานๆ ให้เต็มตาเสียหน่อยแ
ตอนที่ 39ไร้วี่แววข่าวดีหนึ่งปีผ่านไป ชีวิตที่เมืองว่านอันของลู่เข่อชิงนั้นถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น ครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนก่อนหน้านี้ที่แม่นางหลงซานมาก่อเรื่องเอาไว้ก็ไม่มีผู้อื่นนอกจากคนในจวนรู้เรื่อง และนางกับสามีก็ตั้งใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสถานการณ์ที่ชายแดนแถบนี้ถือได้ว่ามั่นคงเป็นอย่างดี ราชสำนักมีข้อตกลงเพื่อยุติสงครามได้อย่างมั่นคงยาวนานแล้ว อีกไม่นานจะมีการส่งองค์หญิงมาสมรสถือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อย่างเป็นทางการสงครามสงบแน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านย่อมดีกว่าเดิม มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นการค้าการขายในอนาคตไปยังแคว้นข้างเคียงอาจจะนำพามาซึ่งความมั่งคั่งของประชาชนสืบไปวันก่อนนางได้ยินมาว่า ท่านพี่ของนางเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ไปรับองค์หญิงที่จะมาสมรสเชื่อมสัมพันธ์ เรื่องวันเวลาและการจัดเตรียมขบวนการรับองค์หญิงนั้นเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดลู่เข่อชิงยังแอบคิดไว้ว่าหากได้วันเวลาที่แน่นอนแล้ว ไม่แน่ว่านางอาจจะของติดขบวนรับองค์หญิงเพื่อไปท่องเที่ยวด้วย"สองปีแล้ว ฮูหยินแต่งเข้าจวนมาสองปีแล้ว แต่กับยังไร้ความเคลื่อนไหว" "ฮูหยินมีปัญหาอ
ตอนที่ 38 ไร้ค่า น่ารังเกลียด ลู่เข่อชิงในยามนี้กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าของตนซึ่งสะท้อนให้ เห็นในกระจกทองเหลืองบานใหญ่ตรงหน้าอย่างพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลง ใบหน้าของนางดูงดงามขึ้น ดูน่ามองกว่าแต่ก่อนมากนัก ไม่อาจกว่าว่างามเป็นหนึ่งเหนือผู้ใดได้อย่างเต็มปาก แต่ก็ถือว่างามพอตัวอยู่ไม่น้อยหน้าผู้ใด อาจเป็นเพราะได้แม่บ้านหลิง สาวใช้คนสนิทอย่างพวกอาจืออาหน่ายช่วยกันบำรุงใบหน้าและผิวพรรณให้นางอย่างเอาใจใส่พิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งเรียวคิ้วโค้งเรียวดุจกิ่งหลิว ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากอวบอิ่ม ใบหน้าของนางในยามนี้ไร้สิ่งใดแต่งเติม แต่กับดูน่าหลงใหลไม่น้อยตัวนางในยามนี้ยังคิดว่าตนนั้นมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สตรีที่ออกเรือนแล้วเช่นนางพึงมีขึ้นมาเองกระมัง“เอาชุดตัวแดงมาให้ข้าสวมอีกชั้นก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ข้างกายตนหลังจากนางเอ่ยปากไป อาหน่ายก็ไปนำชุดที่นางต้องการมาให้ และช่วยนางสวมจนเสร็จเรียบร้อย“คืนนี้ท่านแม่ทัพไม่กลับจวน บ่าวนอนเป็นเพื่อนฮูหยินนะเจ้าคะ”“ก็ได้ ข้าจะอ่านตำราอีกสักพักจึงจะเข้านอน ระหว่างนี้เจ้าก็ไปจัดการตัวเองก็แล้วกัน” นางเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่ง
ตอนที่ 37ไว้ใจได้?ยามสายของเช้าวันนี้ ลู่เข่อชิงใช้เวลาอยู่ในสวนที่เหล่าต้นไม้ใบหญ้ากำลังเบ่งบานน่ามองเป็นที่สุด เพื่อจัดการสวนดูแลสวนเล็กๆ น้อยๆ อย่างรดน้ำ พรวนดิน โดยมีสองสาวใช้คนสนิททั้งสองคอยเป็นลูกมือพวกนางล้วนช่วยกันลงแรงอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมีสาวใช้ผู้หนึ่งเข้ารายงาน ลู่เข่อชิงถึงได้ละสายตาจากต้นไม้ในมือที่กำลังปลูก“ฮูหยินเจ้าคะ แม่บ้านหลิงให้บ่าวมาถามท่านว่า มีแม่นางแซ่หลงมาขอพบท่านเจ้าค่ะ แจ้งว่านางมาจากหมู่บ้านกลางหุบเขานอกเมือง ฮูหยินจะให้เข้าพบหรือไม่เจ้าคะ”แม่นางแซ่หลง จากหมู่บ้านกลางหุบเขาเช่นนั้นหรือ คงจะเป็นแม่นางหลงซานผู้นั้นเป็นแน่เมื่อคาดว่าเป็นผู้ใดที่มาเยือนได้แล้ว หญิงสาวแม้จะสงสัยว่าเหตุใดแม่นางหลงซานผู้นั้นที่ดูไม่ชอบนางจู่ๆ ถึงได้มาเยือนถึงจวนได้ครั้งก่อนที่หมู่บ้านกลางหุบเขา หัวหน้าหมู่บ้านผู้เป็นบิดาของแม่นางหลงดูแลต้อนรับพวกนางเป็นอย่างดี แน่นอนว่ายามนี้แม่นางหลงมาเยือนถึงจวนย่อมต้องให้พบหน้าแน่อยู่แล้ว“เจ้าให้แม่บ้านหลิงเชิญแม่นางหลงเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยจบก็ก้มลงพรวนดินใส่ต้นไม้ต่อ“เจ้าค่ะ”สาวใช้คนนั้นรับคำแล้วก็เดินออกไป มุ่งหน้าสู่ด้านหน้าประตู
ตอนที่ 36สามีภรรยารักใคร่ ลู่เข่อชิงเริ่มคุ้นชินกับจวนแม่ทัพเป็นอย่างดี ตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพก็เริ่มเข้าที่ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความช่วยเหลือของเหล่าผู้คนในจวนด้านวรยุทธ์นางยังคงฝึกฝนอยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับความชี้แนะกับผู้อื่นอีกหลายคน เรียกได้ว่าคนในจวนแม่ทัพหากพอเป็นวรยุทธ์อยู่บ้างล้วนถูกนางดึงมาปะมือด้วยไม่ได้ขาดถึงเรื่องในครัว เห็นได้ชัดเจนว่าฝีมือทำอาหารของนางนั้นก้าวหน้าขึ้นได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยๆ ก็ไม่ทำสิ่งใดไหม้จนดูไม่ได้อีกส่วนสามีของนางแม่ทัพหนุ่มผู้เก่งกาจหาญกล้า เขาล้วนยังคงยุ่งอยู่กับการทหารเช่นเดิม ทว่าถึงแม้จะยุ่งเพียงใดกับไม่เคยละเลยนางผู้เป็นภรรยา ซ้ำหากได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในยามค่ำคืนก็มักจะคลอเคลียไม่ห่าง ชีวิตแต่งงานของนางจึงนับว่าหวานชื่นเป็นอย่างมากวันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส่ แดดอ่อนๆ นางจึงออกมาเดินเล่นนอกจวนกับอาจือและเสี่ยวหน่าย บังเอิญวันนี้มีความครึกครื้นครั้งใหญ่ที่กลางถนนหัวมุมพอดีเรื่องครึกครื้นที่ว่าก็คือมีคณะท้าดวลสัญจรผ่านมาตั้งเวทีประลอง เห็นว่าเป็นคณะท้าดวลซึ่งมีการวางเดิมพัน แลกเปลี่ยนอาวุธกับเงินทองหากผู้ที่ท้าดวลชนะสาม
ตอนที่ 35 ภัยเงียบ “ก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าเหตุใดวันนี้พี่หญิงถึงมาหาข้าถึงที่นี่ได้” ชายหนุ่มเจ้าของบ่อนพนันเอ่ยทักญาติผู้พี่ของตนที่จู่ๆ ก็มาหาอย่างกะทันหัน อีกทั้งปกติแล้วนางนั้นมักจะไม่ยอมมาเหยียบบ่อนพนันแห่งนี้ของเขาเลย ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้ดีว่านางก็คงจะกลัวใครพบเห็นว่าเข้ามาในที่เช่นนี้และจะทำให้เสื่อมเสียชายหนุ่มรินน้ำชาด้วยตนเองก่อนที่จะยื่นให้ญาติผู้พี่ซึ่งนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้าม “ดื่มชาสงบอารมณ์ก่อนเถอะ เรื่องแม่ทัพใหญ่หนิงที่ท่านมีใจให้มานานมีฮูหยินแล้วแถมเป็นสมรสพระราชทาน ใครๆ เขาก็รู้กันไปทั่วแล้ว”“เจ้ายังจะมาซ้ำเติมข้าอีก ใช่ได้ที่ไหนกัน” นางเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งกระแทกจอกน้ำชาที่หมดแล้วลงกับโต๊ะอย่างแรง“พี่หญิงท่านอ่อยบุรุษมาหลายปี ไม่สำเร็จก็ควรจะยอมรับได้แล้ว เศรษฐี ขุนนางในเมืองก็มีตั้งมาก ท่านเลือกสักคนแล้วลงมือจับให้อยู่ได้แล้ว” เขาแนะนำ อย่างไรญาติผู้พี่ของเขานางก็ถือได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ดูจากภายนอกก็ดูอ่อนหนาวน่ารักน่าเอ็นดู ท่าทางเช่นนี้ล่อลวงบุรุษได้ไม่ยาก นางมั่วแต่เสียเวลายั่วยวนแม่ทัพหนิงที่ไม่ได้สนใจนางเลยอยู่ตั้งนาน ช่างน่าเสียดายเวลายิ่งนั
ตอนที่ 34ฮูหยินอย่างเป็นทางการฤดูใบไม้ผลิอันเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาวนกลับมาถึงอีกครั้ง ทั่วทั้งบริเวณที่เคยถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวบัดนี้กลับคืนสู่ความเขียวขจีอีกครั้งหลายวันก่อนแม่บ้านหลิงได้มาหารือกับนางเรื่องการจัดสวน และการลงต้นไม้ดอกไม้ในจวนใหม่ เพราะว่าก่อนหน้านี้ภายในจวนไม่ได้จัดการอย่างเป็นระบบระเบียบนักเนื่องจากท่านแม่ทัพไม่มีเวลาสนใจ ทว่ายามนี้ในจวนมีฮูหยินแล้ว เรื่องทั้งหมดจึงควรเข้าที่เข้าทางได้แล้วลู่เข่อชิงจึงช่วยกันกับแม่บ้านหลิง ช่วยกันดูว่าควรจัดวางต้นไม้ ดอกไม้อย่างไรดี เดิมที่นางก็คิดว่าทุกอย่างในตอนนี้แม้จะดูธรรมดาไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร“ฮูหยินตอนท่านมาที่จวนเป็นฤดูวสันต์ อีกทั้งเดิมทีที่จวนเรานี้ไม่มีนายหญิงเช่นท่านมาก่อน จวนแม่ทัพเลยไม่มีแขก ทว่ายามนี้อย่างไรฮูหยินน้อยเช่นท่านก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ในอนาคตย่อมต้องต้อนรับแขกไม่น้อยทีเดียว”นางเข้าใจที่แม่บ้านหลิงต้องการสื่อได้ดี ทั้งสวนและการตกแต่งในจวนล้วนแล้วเป็นหน้าเป็นตาของท่านแม่ทัพทั้งสิ้น จะอย่างไรก็ควรให้สมฐานะแม่ทัพใหญ่ของเขา“เช่นนั้นหากข้าอยากให้ ในสวนกลางจวนมีน้ำตกจำลองเล็กๆ เล่าเป็นอย่างไร”“คงจ
ตอนที่ 33 ค่ำคืนวสันต์ผลิบานหนิงเฟยอวี้อ่านจดหมายที่ท่านแม่ของเขาเขียนมาถามไถล เรื่องราวของตัวเขาและภรรยาว่ายามนี้เป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังดู เหมือนว่าท่านแม่จะใส่ใจว่าลู่เข่อชิงนางจะปรับตัวได้หรือไม่ ชายหนุ่มเขียนจดหมายตอบกลับในส่วนของตนเองเสร็จ เรียบร้อยก็จัดวางเอาไว้บนโต๊ะอักษรเอาไว้ก่อน และตั้งใจว่าจะให้ลู่ เข่อชิงเขียนตอบกลับไปด้วยตัวนางเองอีกหนึ่งฉบับท่านแม่ของเขาจะได้ วางใจ เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วก็เห็นว่าทางฮูหยินตัวน้อยของตนนั้นคง น่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และยามนี้คงกำลังรอเขาให้กลับไปอยู่ ชายหนุ่มจึงตรงกลับไปยังเรือนนอนของตนและฮูหยินทันที เมื่อมาถึงเรือนนอนก็เห็นว่ามีสาวใช้สองคนกำลังยืนเฝ้าอยู่หน้า เรือน เขาโบกมือไล่พวกนางให้กลับไปโดยไม่ได้ส่งเสียงโดยปกติแล้วในวันที่เขาไม่ได้กลับมานอนที่จวน ภายในห้องก็จะมีสาวใช้คนสนิทของเข่อชิงคือเสี่ยวหน่ายและอาจือผลัดกันมานอนเฝ้าอยู่ห้องด้านนอกฮูหยินของเขา ด้านนอกก็จะมีสาวใช้เฝ้าอยู่จนถึงยามดึก เผื่อว่าฮูหยินจะต้องการเรียกใช้สิ่งใดขึ้นมาจะได้สะดวก ทว่าหากเขาอยู่ที่จวน เข้านอนที่ห้องพร้อมกับฮูหยินก็ไม่ต้องให
ตอนที่ 32 การเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริงเวลานี้แม่บ้านหลิงจำต้องเร่งพาฮูหยินน้อยของนางกลับเข้า เรือนนอนเพื่อที่จะได้นั่งคุยสอบถามเรื่องที่ทำให้ตัวนางและอาจือนิ่งค้าง ไปเมื่อครั้งเดินเล่นเป็นเพื่อนผู้เป็นนายอยู่ด้านนอกตัวนางรู้ดี ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดที่คุณหนูจากสกุลขุน นางอีกทั้งยังเป็นหญิงสาวใสซื่อจะไม่เข้าใจเรื่องราวลึกซึ้งระหว่างสามี ภรรยาที่ควรเกิดขึ้นในห้องหอ เรื่องเช่นนี้ฮูหยินไม่ทราบนั้นเข้าใจได้ แต่ท่านแม่ทัพที่เป็นบุรุษ ย่อมไม่มีทางไม่ทราบอย่างแน่นอน“ฮูหยิน ข้าน้อยคงต้องบังอาจของถามคำถามบางอย่างที่อาจจะดูไม่ควรกับท่านนะเจ้าคะ” แม่บ้านหลิงจำต้องกล่าวขึ้น หากนับอาวุโสแล้วที่จวนแม่ทัพแห่งนี้อย่างไรผู้ที่จะชี้แนะเรื่องเช่นนี้กับฮูหยินได้ก็คงจะมีเพียงแค่นางเท่านั้นเพื่อคุณหนู และคุณชายน้อยของจวนในอนาคต อย่างไรนางก็ จำต้องชี้แนะเรื่องนี้ให้สำเร็จให้จงได้“เป็นคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าถามที่ด้านนอกใช่หรือไม่” “ใช่เจ้าค่ะ” แม่บ้านหลิงขานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เช่นนั้นแม่บ้านหลิงก็ถามได้เต็มที่เลย ข้าจะตอบทั้งหมด” “ก่อนอื่นเลย ยามอยู่ในห้องด้วยกันฮูหยินกับท่าน