ตอนที่ 10
สกุลลู่ข้าให้พวกเจ้ารังแกได้หรือ
ท่านพ่อท่านแม่และท่านย่าของนางเพราะกลัวว่าหากทำเป็นเรื่องใหญ่จะทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของคนในสกุลลู่ได้ อีกทั้งพวกท่านต่างก็เป็นผู้ใหญ่ท่านพ่อนางเป็นถึงราชครูในราชสำนักย่อมต้องรักษาชื่อเสียงสกุลไม่อาจทำสิ่งใดตามใจคิด
พวกท่านคงทำได้เพียงให้งานแต่งสกุลจี้ในวันนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปทวงถามสกุลจี้ในวันอื่นอย่างสุภาพชนกระทำกัน ทั้งๆ ที่สกุลจี้นั้นถือว่าไม่ไว้หน้าสกุลลู่ของเราเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นกล้าทิ้งการหมั้นหมายที่มีมานานกระทั่งวันมงคลสมรสก็กำหนดเอาไว้แล้ว
ในเมื่อพวกผู้ใหญ่ไม่สะดวกที่จะออกหน้าในวันนี้ นางที่เป็นผู้เยาว์ของสกุลลู่ก็จะเป็นผู้ออกหน้าชำระความในครั้งนี้ให้เอง
ลู่เข่อชิงตั้งใจที่จะมาถึงจวนสกุลจี้หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวมาถึง แล้วและเจ้าสาวก้าวเข้าไปยังห้องโถงเพื่อทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน บิดาของจี้เทียนนั้นเป็นนายอำเภอจึงพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้างถึงตำแหน่งจะเป็น เพียงขุนนางเล็กๆ ในท้องถิ่น ไม่อาจเทียบได้กับท่านพ่อของนางแต่ก็ถือ ว่าเป็นฐานะที่ไม่ธรรมดาในเมืองนี้ เวลานี้จึงมีแขกมาร่วมงานไม่น้อยเลยทีเดียว
“ถึงฤกษ์มงคลแล้ว เริ่มทำพิธีได้”
เสียงของผู้ดำเนินพิธีประกาศก้อง ลู่เข่อชิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้างขึ้นมาทันที นางไม่รอช้าก้าวเท้าเข้าไปยังโถงทำพิธีและยืนอยู่ตรงกลางโถงแทนที่จะแยกไปยืนด้านข้างเช่นเดียวกับแขกคนอื่นๆ
“แม่นางผู้นั้น พิธีคำนับฟ้าดินของคู่บ่าวสาวกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว รบกวนแม่นางรีบเดินมาด้านข้างเถิด”
ที่ผู้นำพิธีเอ่ยบอกก็คือนาง หญิงสาวได้ยินที่เขาเอ่ยแต่ก็ไม่ได้ขยับออกให้อย่างที่ต้องการ นางเพียงยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ทำท่าทีราวกับกำลังยืนรอชมเรื่องสนุกอยู่
แขกต่างๆ ที่มาร่วมงานเริ่มหันมาสนใจที่นางเพิ่มขึ้น ลู่เข่อชิงต้องการให้เป็นเช่นนี้แต่แรกจึงตั้งใจแต่งตัวสวยงามหรูหราเช่นนี้มาโดยเฉพาะ
“สตรีผู้นั้นคือผู้ใดกันเหตุใดจึงแต่งตัวงดงามแข่งกับเจ้าสาว เช่นนี้”
“คุณหนูสกุลไหนกัน ดูเหมือนจะเป็นคุณหนูสกุลใหญ่นะ”
“ไม่เห็นทรงผมที่นางทำมาหรือ นั่นเป็นทรงผมสำหรับสตรีที่ ออกเรือนแล้วเท่านั้น”
พวกแขกเริ่มพูดคุยกันถึงนาง และสนใจที่นางมากยิ่งขึ้นแทนที่ จะสนใจเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ยืนรอทำพิธีอยู่เบื้องหน้า
“พวกเจ้ามัวยืนรออะไรกันอยู่ รีบเชิญคนออกไปสิ”
จี้เทียนที่ยืนอยู่ตำแหน่งเจ้าบ่าวคงจะรอไม่ไหวแล้ว จึงรีบเรียกให้สาวใช้ในจวนที่อยู่รอบๆ เตรียมที่จะประชิดตัวนาง
แค่สาวใช้ไม่กี่คนนี้หรือจะสามารถเข้าถึงตัวนางได้ เพียงแค่เสี่ยวฉีเดินออกมากันด้านหน้านางพร้อมดาบในมือ สาวใช้เหล่านั้นก็หยุดการเคลื่อนไหวไปโดยปริยายแล้ว
“จวนสกุลจี้รับแขกกันเช่นนี้หรือ ช่างไร้มารยาทนัก”
“เหมือนว่าเจ้าตั้งใจจะมาป่วนงานมากกว่ามาเป็นแขกกระมัง”
“จี้ฮูหยินกล่าวเช่นนี้เหมือนว่ากำลังดูแคลนน้ำใจข้าและคนสกุล ลู่อยู่เลย”
“คุณหนูสามสกุลลู่ ลู่เข่อชิง?” จี้เทียนพูดชื่อนางขึ้นมา
“ข้าตั้งใจมาร่วมยินดีกับงานมงคลของพวกท่านสกุลจี้แทนทุกคนในสกุลลู่ แม้การที่สกุลจี้ไม่ไว้หน้าสกุลลู่นึกอยากยกเลิกการหมั้นหมายทั้งที่กำหนดวันแต่งงานเอาไว้เรียบร้อยแล้วจะเป็นการกระทำอันไร้การศึกษาเป็นอย่างยิ่งก็เถอะ แต่สกุลลู่เราไม่คิดถือสาสกุลเล็กๆ อย่างสกุลจี้หรอกนะพวกท่านวางใจได้” ลู่เข่อชิงเอ่ยขึ้นเสียงดัง
“สองสกุลไม่อาจเกี่ยวดองกันได้สำเร็จนับเป็นเรื่องน่าเสียดาย คุณหนูสามเจ้ายังเด็กเรื่องราวของผู้ใหญ่ใช่ว่าเจ้าจะเข้าใจได้ทั้งหมดหรอกนะ” จี้ฮูหยินเอ่ยออกมา “หากในวันนี้คุณหนูสามตั้งใจจะมาแสดงความยินดีจริงข้าและทุกคนก็ยินดีต้อนรับ ข้ายินดีคอยพูดคุยเป็นเพียงเจ้าตลอดงานเอง”
“จริงอยู่ที่ข้ายังเด็กนักในสายตาจี้ฮูหยินและผู้อื่น แต่ก็ไม่ใช่ว่าข้าไม่รู้ความเลย เมื่อก่อนสกุลจี้ใจกล้ามาสู่ขอพี่ใหญ่ข้าทั้งๆ ที่ฐานะของสกุลต่างกัน สกุลลู่ข้าเปิดใจยอมให้โอกาสสกุลจี้ของพวกท่าน แล้วสุดท้ายเล่าสิ่งใดคือที่พวกเราที่ใจกว้างขนาดนี้ได้รับกลับมา แค่ความซื่อสัตย์ของจี้เทียนผู้นี้ก็ยังให้พี่สาวข้าไม่ได้เลย”
“ลู่เข่อชิง เจ้าจะเกินไปแล้ว!!!” จี้เทียนเอ่ยออกมาเสียงดังด้วยความโมโห
“น้อยไปเสียด้วยซ้ำ พี่ใหญ่ข้าเพียบพร้อมทั้งชาติสกุลรูปโฉมก็งดงามจับตา เดิมทีเจ้าไม่คู่ควรกับนางเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้แต่งกับเจ้าสกุลลู่ข้าต้องจัดงานฉลองสามวันสามคืนเสียด้วยซ้ำ งานแต่งเล็กๆ เช่นนี้ จะเหมาะกับพี่ใหญ่ข้าได้อย่างไร ถุย”
“หญิงสกุลลู่อย่างพี่สาวเจ้ามีดีอะไรกัน หากนางดีจริงพี่จี้เทียนก็ คงไม่เปลี่ยนใจมาแต่งกับข้า” ว่าที่ฮูหยินที่กำลังจะเข้าพิธีของจี้เทียน สะบัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเข้ามาหานางหลังจากที่เฝ้าดูเหตุการณ์เงียบๆ มานานอย่างอดทนเพราะไม่อยากเสียภาพลักษณ์หญิงสาวผู้เรียบร้อยไปต่อหน้าคนมากมาย
“เจ้ากล่าวผิดแล้ว ต้องเอ่ยว่าพี่ใหญ่ข้านางดีมากจนเกินไป ไม่ เหมาะกับคนเลวอย่างว่าที่สามีที่กำลังจะเข้าพิธีของเจ้า แม่นางเจ้าแต่ง กับจี้เทียนผู้นี้ไม่คิดสั้นไปหน่อยหรือ ได้ยินว่าเจ้าเองก็เป็นถึงบุตรสาวคน หนึ่งของเจ้าเมืองนี่ นอกจากจี้เทียนผู้นี้แล้วยังสามารถแต่งไปกับสกุลที่ ดีกว่านี้มาก”
“ข้าได้แต่งกับพี่จี้เทียนที่ข้ารักยังมีอะไรที่ดีกว่านี้อีกเล่า แค่ พี่สาวเจ้าไม่ได้แต่งกับเขายังถึงขั้นต้องให้เจ้ามาสร้างเรื่องวุ่นวายที่นี่”
“นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าหากเจ้าไม่ใช่คุณหนูจวนเจ้าเมือง ต่อให้เจ้ากำลังตั้งครรภ์เช่นตอนนี้ก็คงไม่ได้แต่ง”
เพียงแค่นางพูดถึงเรื่องที่เจ้าสาวในวันนี้กำลังตั้งครรภ์ แขกก็พากันซุบซิบกันอย่างสนุกปาก
“ไม่รู้ว่าเจ้ารู้หรือยังว่านอกจากเจ้า จี้เทียนผู้นี้ยังทำสตรีตั้งครรภ์ด้วยอีกคนหนึ่ง ถือเป็นเรื่องมงคลซ่อนมงคลเลยจริงๆ”
“พี่จี้เทียนนี่มันเรื่องอะไรกัน เรื่องที่นางพูดเป็นจริงอย่างนั้น หรือ” สตรีที่สวมชุดเจ้าสาวเริ่มคาดคั้นว่าที่สามีของนาง
“เจ้าหยุดบ้าสักที สามีบ้านไหนบ้างไม่มีอนุน่ะ” จี้เทียนที่เริ่มหัว เสียตะคอกใส่ว่าที่ฮูหยินของตนจนนางตัวสั่น
“พวกท่านทั้งหลายช่วยกันดูเอาเถอะ จี้เทียนผู้นี้เป็นบุรุษที่ดี หรือไม่ ข้าคิดว่าหากเขาไม่ทำคุณหนูจวงตั้งครรภ์ท่านเจ้าเมืองจวงคงไม่ยอมให้แต่งกันเป็นแน่ใช่หรือไม่ท่านเจ้าเมืองจวง” นางแกล้งเอ่ยถาม เสียงดังไปทางแท่นทำพิธีที่มีท่านเจ้าเมืองยืนอยู่
“เจ้าหยุดพูดเรื่องบ้าๆ แล้วออกไปได้แล้วสกุลจี้ไม่ต้อนรับเจ้า” จี้เทียนหันมาตะคอกใส่นาง พร้อมกับเดินต้องเข้ามาหาด้วยท่าทีคุกคาม เสี่ยวฉีก็ยังทำหน้าที่ปกป้องนางได้ดีก้าวมาผลักครั้งหนึ่งจี้เทียนก็กระเด็น ไปไกลหลายก้าว
“ข้าก็ไม่ได้อยากมาเหยียบนักหรอกนะ กลับไปแล้วคงต้องสั่ง ให้สาวใช้ต้มน้ำให้ข้าล้างเท้าไล่ความอัปมงคลหลายรอบเชียวล่ะ” นาง เอ่ยพลางตั้งใจยิ้มเยาะตบท้ายก่อนจะก้าวเท้าเตรียมกลับออกไป
“สตรีปากร้ายเช่นเจ้าผู้ใดแต่งด้วยก็คงต้องซวยไปตลอดชีวิต” จี้ เทียนตะโกนไล่หลังตามไป
“การแต่งงานของข้าเจ้าวิจารณ์และไม่พอใจได้หรือ” นางหันกลับไปถาม
“สตรีเช่นเจ้าจะแต่งไปได้ดีถึงขั้นไหนกันเชี่ยว พวกสกุลใหญ่แต่งกันเพราะชาติสกุลก็เท่านั้น ก็แค่งานแต่งจอมปลอมไร้ค่า”
“จี้เทียน…สมรสพระราชทานจากฝ่าบาทให้เจ้ามาวิจารณ์ได้หรือ เสี่ยวฉีจัดการส่งจี้เทียนผู้นี้ไปรับโทษที่ศาลเดี๋ยวนี้!!! โทษฐานกล้าวิจารณ์ฝ่าบาท”
จบคำสั่งของนางเสี่ยวฉีก็จัดการจับตัวจี้เทียนในทันที
“เห็นทีงานมงคลในวันนี้คงต้องเป็นโมฆะแล้ว”
นางเอ่ยเสียงดังฟังชัดทุกถ้อยคำ ท่าทีเต็มไปด้วยความพอใจและยิ้มเยาะพวกคนสกุลจี้ที่มองมายังนางอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเข้ามาทำอันใดกับนางอีกหลังจากที่เห็นจี้เทียนถูกลากออกไป เพราะนางเอ่ยถึงบารมีของฝ่าบาทขึ้นมา
แน่นอนว่าสมรสพระราชทานมิใช่ว่าเป็นใครก็จะได้รับได้ง่ายๆ ตัวนางในยามนี้คนสกุลจี้ย่อมต้องยอมอยู่อย่างสงบเพราะกลัวอำนาจฝ่ายสามีของนาง แม้พวกเขาจะไม่รู้แน่ชัดว่านางสมรสกับผู้ใดกันแน่ แต่เมื่อได้รับสมรสพระราชทานได้ย่อมไม่ใช่คนที่สกุลเล็กๆ อย่างสกุลจี้จะหาเรื่องได้แน่นอน
หลังจากนี้เรื่องของนางคงจะถูกสืบจนรู้แน่ชัดว่านางสมรสกับหนิงเฟยอวี้ที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ เมื่อรู้แล้วยิ่งไม่กล้ายุ่งกับพวกนางสกุลลู่อีก ไม่อาจแก้แค้นเอาคืนได้อีก ทำได้เพียงกลืนความแค้นลงคอตนไปเสียจนหมด
ลู่เข่อชิงเมื่อขึ้นมานั่งบนรถม้าก็ไม่ลืมที่จะกำชับอาลั่ว
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เจ้ากลับไปเล่าให้พี่ใหญ่ข้าฟังอย่างให้ขาด ตกบกพร่อง เอาให้นางได้รู้ว่าจี้เทียนผู้นั้นถูกข้าทำให้เป็นเช่นใดไปแล้ว บ้าง”
“เจ้าค่ะคุณหนู บ่าวจะเล่าออกไปให้หมด”
ตอนที่ 11 จดหมายจากภรรยา[ถึงสามีข้าหนิงเฟยอวี้]วันก่อนหลังจากกลับจากการพังงานสมรสของสกุลจี้ ข้านั้นถูกท่านแม่ลงโทษโดยการให้คุกเข่าอยู่ที่ศาลบรรพชนหนึ่งชั่วยามโทษฐานที่ทำอะไรไม่ปรึกษานางและท่านพ่อก่อน ซึ่งข้าก็เข้าใจดีจึงยินดีรับการลงโทษอย่างเต็มใจยิ่ง หลังจากนั้นท่านแม่ก็ลงครัวทำอาหารมากมายให้ข้า แม้นางไม่ได้เอ่ยออกมาแต่ก็ทำให้ข้ารับรู้ได้ว่าท่านแม่เองก็พึงใจกับสิ่งที่ข้าทำลงไปอยู่บ้าง ส่วนด้านท่านพ่อและท่านย่าเองก็เอ่ยชมนางไม่ขาดปาก ว่านางช่างกล้าหาญและกระทำการได้ดี ยิ่งพี่สาวคนโตของข้า นางก็ดูเหมือนว่าจะชอบใจเช่นเดียวกัน ตอนนี้สกุลจี้ถูกนางทำเสียจนอับอายไปทั่วทั้งเมือง เห็นท่านพ่อและท่านแม่พูดคุยกันว่าหลังจากท่านย่าหายดีแล้วจะพาท่านและพี่สาวกลับไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกันตอนนี้อาการของท่านย่าดีวันดีคืน ท่านพ่อจะเดินทางกลับไปก่อนเพราะใกล้ครบกำหนดเวลาที่ขอลาเอาไว้ เห็นว่ามอบหมายให้ท่านแม่และพี่ใหญ่ข้าพาท่านย่ากลับไปที่เมืองหลวงแล้วท่านพ่อจะมารอรับครึ่งทางอีกไม่เกินหนึ่งเดือนข้าก็คงสามารถเดินทางไปหาท่านพี่ได้แล้ว หวังว่าถึงเวลานั้นท่านพี่จะไม่ลืมฮูหยินของท่านไปแ
ตอนที่ 12คุณหนูของข้านั้นดียิ่งผ่านมาครึ่งเดือนอาการป่วยของท่านย่าก็หายดีแล้ว ท่านไม่ต้องกินยาทุกวันอีก มีเพียงยาบำรุงร่างกายที่ยังต้องกินอยู่ไม่ขาด อีกสิบวันถึงจะครบกำหนดหนึ่งเดือน ตามที่มีกำหนดการให้ท่านแม่และพี่ใหญ่นางพาท่านย่าเดินทางกลับไปที่เมืองหลวง แต่หลายวันมานี้อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ท่านแม่จึงอยากจะพาท่านย่ากลับไปที่เมืองหลวงเร็วขึ้นสักหน่อยจึงได้เปลี่ยนกำหนดการเดินทางท่านย่านางเองก็เห็นด้วย ทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่ารีบเดินทางหน่อยก็ดีเหมือนกันไม่เช่นนั้นแล้วหากอากาศเย็นลงมากกว่านี้นางคงทนนั่งรถม้าไปไม่ไหวแน่“ของที่จะนำไปด้วยก็เตรียมเรียบร้อยแล้วนี่ พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็ออกเดินทางได้แล้วกระมัง” เป็นท่านย่าของนางที่เอ่ยขึ้น“ท่านแม่ท่านเพิ่งจะหายป่วย หากไม่อยากเดินทางตอนที่อากาศหนาวเช่นนี้ รอให้สิ้นฤดูแล้วพวกเราค่อยเดินทางกันก็ได้นะเจ้าคะ” ท่านแม่ของนางเอ่ยเสนอ“ข้าอยากจะเดินทางเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลา อีกอย่างที่เมืองหลวงเวลานี้มีเพียงสามีเจ้าอยู่เพียงคนเดียว เจ้าไม่เป็นห่วงหรืออย่างไร”“บ่าวรับใช้อยู่กันเต็มเรือนไม่มีสิ่งใดที่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ ที่สำ
ตอนที่ 13จอมยุทธ์หญิงผดุงคุณธรรมเสี่ยวฉีบอกกับนางว่า หากไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วล่ะก็เดินทางอีกสองวันก็จะถึงเมืองว่านอันแล้ว การเดินทางในครั้งนี้หากไม่ใช่แวะพักเพียงครู่เดียวก่อนฟ้ามืดที่ต้องค้างแรมเสี่ยวฉีก็จะเลือกให้นางพักที่โรงเตี๊ยมในเวลากลางคืน เขายังบอกอีกว่าเป็นคำสั่งของผู้เป็นนายของตนว่าอยากให้นางนอนพักในที่ที่สบายหน่อย “ฮูหยินด้านหน้ามีโรงเตี๊ยมอยู่ ฟ้าใกล้มืดเต็มทีแล้ว คืนนี้พวกเราคงต้องค้างที่นี่ก่อน” เสียงของเสี่ยวฉีที่ดังอยู่ใกล้ๆ กับหน้าต่างด้านข้างทำให้นางสั่งให้สาวใช้ที่ติดตามมาด้วยพร้อมกับเสี่ยวฉีและคนขับรถม้าตั้งแต่ออกมาจากจวนสกุลหนิงที่เมืองหลวงเปิดหน้าต่างออก“ได้ เอาตามที่เจ้าเห็นสมควรเถิด” หญิงสาวเอ่ยตอบ“ฮูหยินต้องการให้ข้าส่งจดหมายไปถึงนายท่านหรือไม่ขอรับว่าฮูหยินใกล้จะไปถึงแล้ว”“ไม่ต้องหรอก เขางานยุ่งไม่ใช่หรือเอาไว้พวกเราไปถึงแล้วเจ้าค่อยไปแจ้งก็แล้วกัน”“ขอรับข้าเข้าใจแล้ว”พวกนางทั้งสี่มาถึงหน้าโรงเตี๊ยมก็ได้ยินเสียงดังโวยวายร้องขอความช่วยเหลือมาจากด้านในโรงเตี๊ยมที่ตอนนี้ประตูด้านหน้านั้นถูกปิดสนิทเอาไว้อยู่ลู่เข่อชิงไม่รอช้ารีบก้าวลงจา
ตอนที่ 14ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด 1แม่นางสองคนที่นางให้ร่วมทางไปด้วยนั้นเป็นพี่น้องกัน พวกนางแซ่เว่ย พี่สาวเว่ยหลาน น้องสาวเว่ยหลัน พวกนางเล่าว่าเพิ่งกลับจากเยี่ยมบ้านที่อำเภอใกล้ ๆ กำลังจะเดินทางไปอำเภอหนาน พวกนางทำงานอยู่ที่นั่น"พวกข้าเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดา สองปีก่อนท่านพ่อด่วนจากไป พวกข้ายังมีท่านแม่ที่เจ็บป่วยหนักกับน้องชายที่เพิ่งจะแปดขวบอีกคนที่ต้องหาเงินไปเลี้ยงดูประทังชีวิต" "หญิงสาวอย่างพวกข้าคิดหาเงินก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกข้าไม่เกี่ยงงานก็จริงแต่จะหางานที่พอกับรายจ่ายที่ต้องจ่ายนั้นไม่ง่ายเลย""วันหนึ่งพี่สาวที่อยู่บ้านใกล้ๆ กันนางกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ข้าขอให้พี่สาวคนนั้นแนะนำงานที่รายได้ดีให้หน่อยนางจึงพาพวกข้าไปทำงานด้วย" เว่ยหลานผู้เป็นพี่สาวเป็นผู้เอ่ย"แม่นางเจ้าคงพอเดาได้ว่างานที่ได้เงินดีนั้นจะเป็นงานประเภทไหนกัน" "แม่นางเว่ยพวกเจ้าไม่ต้องเล่าแล้วก็ได้ เรื่องส่วนตัวของพวกเจ้าไม่ต้องเอ่ยออกมาทั้งหมดหรอก" ลู่เข่อชิงกลัวว่าพวกนางจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาชีวิตของพวกตน อีกทั้งสองพี่น้องยังเพิ่งจะเจอเรื่องร้ายๆ มาเมื่อคืนตอนที่ลู่เข่อชิงถามออกไปว่าเหตุใด
ตอนที่ 15ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด 2 “ข้าไม่มีใครที่พอจะช่วยเหลือได้แล้ว มีเพียงแม่นางลู่เท่านั้น” เว่ยหลานเอ่ยพร้อมกับน้ำตา นางจับมือแม่นางลู่เอาไว้ไม่ยอมปล่อย“แม่นางเว่ยใจเย็นก่อน หากช่วยได้ข้าต้องช่วยเจ้ากับแม่นางเว่ยหลันเต็มที่แน่” หญิงสาวปลอบใจแม่นางเว่ยอย่างรู้สึกสงสารเห็นใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมากก่อนหน้านี้ตอนที่นางให้เสี่ยวหน่ายเปิดประตูให้แม่นางเว่ยเข้ามา พอแม่นางเว่ยเห็นนางก็ไม่รอช้าคุกเข่าลงกับพื้นและโขกศีรษะลงกับพื้นห้องพักเบื้องหน้าโต๊ะที่นางนั่งอยู่พอดีลู่เข่อชิงเห็นเช่นนั้นก็รีบร้อนลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อประคองนางให้ขึ้นมานั่งพูดกันดีๆ ว่าเหตุใดจึงได้ต้องทำถึงเช่นนี้แม่นางเว่ยหลานจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นางฟังทั้งหมดพร้อมกับสะอื้นไห้ไปไม่หยุด นางเองก็คอยเอ่ยปลอบใจเป็นระยะๆแม่นางเว่ยหลันหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน แม่นางเว่ยคนพี่เล่าว่าเมื่อคืนมีสหายนางรำของหอบุปผาชวนเว่ยหลันออกไปเดินเที่ยวซื้อของที่ตลาดกลางคืน นางรู้สึกไม่ค่อยจะสบายจึงนอนพักไม่ได้ไปด้วย รู้ตัวว่าน้องสาวและสหายหายไปอีกทีก็ตอนเช้าแล้วที่ไปเคาะเรียกที่ห้องพักของผู้เป็นน้องสาวแต่ก็ไม่พบตัว ที่ห้องพักข
ตอนที่ 16แผนการลู่เข่อชิงพาเว่ยหลานกลับมาพักที่โรงเตี๊ยมก่อน ยามนี้พวกนางไม่อาจทำสิ่งใดได้ นอกเสียจากรอฟังข่าวจากทางหน่วยลาดตระเวนแม่นางเว่ยหลานในเวลานี้ดูไร้ชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง นางแทบจะไม่ยอมทานอะไรเลยด้วยซ้ำ นางและเสี่ยวหน่ายเกลี้ยกล่อมอยู่นานถึงได้ยอมกินโจ๊กถึงแม้จะกินไปไม่กี่คำก็ตามที แต่ก็ดีกว่าไม่กินอะไรเลยก่อนกลับมา หัวหน้าหน่วยลานตะเวนกล่าวว่าคืนนี้พวกเขาจะวางแผนแบ่งหกลุ่มทำงานค้นหาครั้งใหญ่ในเมือง หากพบเจอแม่นางเว่ยผู้น้องจะรีบแจ้งมาทันทีนางเองก็ภาวนาของให้เจอโดยเร็วเช่นกันแต่แล้วสวรรค์คงไม่เป็นใจ ต่อให้ค้นหาทั้งคืนก็ค้นหาไม่พบ แต่ คนตายต้องเห็นศพ คนเป็นต้องเห็นตัว เป็นไปได้หรือว่าคนหลายคนที่หายตัวไปจะหายจากอำเภอหนานไปได้เอง ทั้งๆ ที่หัวหน้าประตู ทางเข้าออกอำเภอหนานก็ยืนยันว่าเวลากลางคืนจนกระทั่งเช้าใครก็ไม่สามารถเข้าออกได้ อีกทั้งการเข้าออกในทุกเวลาของทุกคนทั้งขาเข้าและ ขาออกก็ถูกตรวจสอบอย่างเคร่งครัดทุกคนคืนหนึ่งสำหรับคนที่เฝ้ารอคอยด้วยความหวังดูเหมือนจะผ่าน พ้นไปได้อย่างยากลำบาก เพียงแค่สองวันเท่านั้นแม่นางเว่ยหลานที่เคย งดงามสดใส ราวกับเป็นคนละคน นางดูทรุดโทรม
ตอนที่ 17เหล่าบุรุษย่อมพ่ายแพ้ต่อหญิงงาม"แม่นางลู่ ข้ารู้สึกซึ้งในน้ำใจของเจ้านัก ที่ยื่นมือช่วยเหลือข้า แต่เจ้าทำเช่นนี้จะไม่เป็นไรแน่หรือ เจ้ามากจากสกุลขุนนาง แม้ข้าจะโง่เขลาเพียงใดก็คงต้องรู้ว่าสามีแม่นางลู่ก็คงเป็นบุรุษจากสกุลใหญ่แน่ หากสามีท่านรู้เข้าอาจสร้างปัญหาให้พวกเจ้าได้" ไม่มีบุรุษใดชมชอบให้ภรรยาของตนแต่งกายเปิดเผยให้บุรุษอื่นได้เห็นอยู่แล้ว เว่ยหลานอยากเห็นแก่ตัวแต่ก็ทำไม่ได้เพราะอย่างไรแม่นางลู่ก็คือผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือพวกนางสองพี่น้อง"ไม่มีปัญหาแน่ สามีข้าใช่ว่าจะอยู่แถวนี้ซะเมื่อไหร่ หลังจากเสร็จเรื่องแล้วทุกคนปล่อยผ่านไม่เอาไปเล่าให้สามีข้าฟังก็พอแล้ว""สาวใช้ของแม่นางลู่กับเสี่ยวฉีผู้ติดตามของท่าน แม่นางลู่แน่ใจหรือว่าพวกเขาจะไม่เปิดปากแน่"นางยิ้มออกมาเก้อๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น "เอ่อ ความจริงแล้วพวกเขาล้วนแต่เป็นคนของสามีข้าทั้งหมดเลย"".........." เว่ยหลานได้ยินถึงกับเงียบไป"แต่พวกเขาไม่กล้าแน่ ไม่ต้องห่วงๆ หากเกิดเรื่องใดขึ้น ข้ารับผิดชอบเอง ใครๆ ก็ไม่ต้องยุ่งทั้งนั้น" นางเอ่ยอย่างมั่นใจ "สามีข้าเขาใจดีกับข้าไม่น้อยเชี่ยวล่ะ เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้ายังไม่เห็นต้อง
ตอนที่ 18หนาวหรือไม่เหล่าบุรุษด้านนอกกำลังคุ้มคลั่งหลงใหลจนวุ่นวายไปหมด สามบุรุษที่อยู่ในห้องรับรองที่ชั้นสองก็พากันยืนเงียบไปเลยเมื่อครู่ยามนางปรากฏต่างทำเอาพวกเขาทั้งสามตลึงไปเลยในทันที“ข้าแทบไม่อยากเชื่อสายตา หญิงงามเมื่อครู่คือแม่นางลู่จริงๆ หรือ” ซีเจ๋อเป็นผู้เอ่ยขึ้น แม้ในยามปกติแม่นางลู่ในสายตาเขาจะเป็นสตรีงามอยู่แล้วแต่เมื่อครู่กลับมีความงามจับใจเพิ่มขึ้นเป็นร้อยๆ เท่า คลายกลับว่าบุรุษใดหากเผลอไปสบตานางเข้าก็จะต้องตกบ่วงที่นางสร้างเอาไว้อย่างไร้ทางหนี“ข้าเองก็แทบไม่เชื่อสิ่งที่เห็นเหมือนกันกับเจ้า ตอนเจอนางครั้งแรก เหมือนกับนางพร้อมที่จะสู้และมีเรื่องพร้อมชนกับทุกอย่าง ต่างจากสตรี งามที่ทำให้บุรุษย่อมสยบแทบเท้าเช่นเมื่อครู่นัก หากนางคิดจะเอาดีทาง นี้ข้าคิดว่าต้องไปได้ดีแน่” รองแม่ทัพคังเอ่ยสิ่งที่เขาคิดออกมาบ้าง“เสี่ยวฉี เจ้าก็คิดเช่นเดียวกันกับพวกข้าใช่ไหม” เป็นซีเจ๋อที่เป็นผู้เอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าสหายของตนนั้นดูไม่ได้สนใจสิ่งที่พวกเขาสองคนสนทนากันเลย อีกทั้งดูเหมือนว่าในหัวของเขากำลังคิดสิ่งอื่นที่ดูจะหนักใจจนต้องคิดหนักอยู่“ข้าต้องคิดอะไร?” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไป
ตอนที่ 40 บทส่งท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับหลงเฟยอวี้ ทำให้ในจวนเข้มงวดขึ้น ไม่มีการรับสาวใช้คนใหม่อีก หากจำเป็นก็จะเรียกใช้แต่พวกรับจ้างมาเช้าเย็นกลับเท่านั้นคืนนั้นเหตุเกิดเพราะมีหญิงสาวนางหนึ่งมีแผนการร้ายมาตั้งแต่แรก สวมตัวตนเข้ามาตั้งใจวางยาคนในจวนที่รับหน้าที่ดูแลเฝ้ายามที่เรือนหนังสือจนสลบไม่ได้สติ อีกทั้งวางยาปลุกกำหนัดท่านแม่ทัพใหญ่เพื่อจะจับท่านแม่ทัพให้ได้แต่กลับไม่ได้ผล สุดท้ายสตรีนางนั้นก็หนีหัวซุกหัวซุนออกไปจากเมืองหนิงเฟยอวี้ถึงขั้นวาดภาพของสตรีผู้นั้นและติดประกาศว่านางเป็นสตรีไร้ยางอายและทำเรื่องไร้ศีลธรรมถึงสามวันสามคืน เพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้มีผู้ใดทำผิดอีก“ท่านพี่ลำบากท่านแล้วนะเจ้าคะ” นางเอ่ยปลอบผู้เป็นสามีใครจะคิดไปถึงกันเล่าว่าท่านแม่ทัพใหญ่ผู้น่าเกรงขามที่ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าน่าหวั่นเกรงนั้นเวลานี้กับร้องขอให้นางปลอบใจเขาไม่หยุดทั้งๆ ที่ก็ผ่านเหตุการณ์เช่นนั้นมาหลายวันแล้ว“ภาพสตรีไร้ยางอายผู้นั้นยังติดตาข้าไม่หาย” เขาเอ่ยอย่างออดอ้อน สองมือเอื้อมไปยุ่งวุ่นวายกับปมอาภรณ์ของภรรยาไม่หยุด “ภรรยาต้องลำบากให้เจ้าให้เขาได้มองเจ้านานๆ ให้เต็มตาเสียหน่อยแ
ตอนที่ 39ไร้วี่แววข่าวดีหนึ่งปีผ่านไป ชีวิตที่เมืองว่านอันของลู่เข่อชิงนั้นถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น ครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนก่อนหน้านี้ที่แม่นางหลงซานมาก่อเรื่องเอาไว้ก็ไม่มีผู้อื่นนอกจากคนในจวนรู้เรื่อง และนางกับสามีก็ตั้งใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสถานการณ์ที่ชายแดนแถบนี้ถือได้ว่ามั่นคงเป็นอย่างดี ราชสำนักมีข้อตกลงเพื่อยุติสงครามได้อย่างมั่นคงยาวนานแล้ว อีกไม่นานจะมีการส่งองค์หญิงมาสมรสถือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อย่างเป็นทางการสงครามสงบแน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านย่อมดีกว่าเดิม มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นการค้าการขายในอนาคตไปยังแคว้นข้างเคียงอาจจะนำพามาซึ่งความมั่งคั่งของประชาชนสืบไปวันก่อนนางได้ยินมาว่า ท่านพี่ของนางเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ไปรับองค์หญิงที่จะมาสมรสเชื่อมสัมพันธ์ เรื่องวันเวลาและการจัดเตรียมขบวนการรับองค์หญิงนั้นเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดลู่เข่อชิงยังแอบคิดไว้ว่าหากได้วันเวลาที่แน่นอนแล้ว ไม่แน่ว่านางอาจจะของติดขบวนรับองค์หญิงเพื่อไปท่องเที่ยวด้วย"สองปีแล้ว ฮูหยินแต่งเข้าจวนมาสองปีแล้ว แต่กับยังไร้ความเคลื่อนไหว" "ฮูหยินมีปัญหาอ
ตอนที่ 38 ไร้ค่า น่ารังเกลียด ลู่เข่อชิงในยามนี้กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าของตนซึ่งสะท้อนให้ เห็นในกระจกทองเหลืองบานใหญ่ตรงหน้าอย่างพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลง ใบหน้าของนางดูงดงามขึ้น ดูน่ามองกว่าแต่ก่อนมากนัก ไม่อาจกว่าว่างามเป็นหนึ่งเหนือผู้ใดได้อย่างเต็มปาก แต่ก็ถือว่างามพอตัวอยู่ไม่น้อยหน้าผู้ใด อาจเป็นเพราะได้แม่บ้านหลิง สาวใช้คนสนิทอย่างพวกอาจืออาหน่ายช่วยกันบำรุงใบหน้าและผิวพรรณให้นางอย่างเอาใจใส่พิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งเรียวคิ้วโค้งเรียวดุจกิ่งหลิว ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากอวบอิ่ม ใบหน้าของนางในยามนี้ไร้สิ่งใดแต่งเติม แต่กับดูน่าหลงใหลไม่น้อยตัวนางในยามนี้ยังคิดว่าตนนั้นมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สตรีที่ออกเรือนแล้วเช่นนางพึงมีขึ้นมาเองกระมัง“เอาชุดตัวแดงมาให้ข้าสวมอีกชั้นก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ข้างกายตนหลังจากนางเอ่ยปากไป อาหน่ายก็ไปนำชุดที่นางต้องการมาให้ และช่วยนางสวมจนเสร็จเรียบร้อย“คืนนี้ท่านแม่ทัพไม่กลับจวน บ่าวนอนเป็นเพื่อนฮูหยินนะเจ้าคะ”“ก็ได้ ข้าจะอ่านตำราอีกสักพักจึงจะเข้านอน ระหว่างนี้เจ้าก็ไปจัดการตัวเองก็แล้วกัน” นางเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่ง
ตอนที่ 37ไว้ใจได้?ยามสายของเช้าวันนี้ ลู่เข่อชิงใช้เวลาอยู่ในสวนที่เหล่าต้นไม้ใบหญ้ากำลังเบ่งบานน่ามองเป็นที่สุด เพื่อจัดการสวนดูแลสวนเล็กๆ น้อยๆ อย่างรดน้ำ พรวนดิน โดยมีสองสาวใช้คนสนิททั้งสองคอยเป็นลูกมือพวกนางล้วนช่วยกันลงแรงอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมีสาวใช้ผู้หนึ่งเข้ารายงาน ลู่เข่อชิงถึงได้ละสายตาจากต้นไม้ในมือที่กำลังปลูก“ฮูหยินเจ้าคะ แม่บ้านหลิงให้บ่าวมาถามท่านว่า มีแม่นางแซ่หลงมาขอพบท่านเจ้าค่ะ แจ้งว่านางมาจากหมู่บ้านกลางหุบเขานอกเมือง ฮูหยินจะให้เข้าพบหรือไม่เจ้าคะ”แม่นางแซ่หลง จากหมู่บ้านกลางหุบเขาเช่นนั้นหรือ คงจะเป็นแม่นางหลงซานผู้นั้นเป็นแน่เมื่อคาดว่าเป็นผู้ใดที่มาเยือนได้แล้ว หญิงสาวแม้จะสงสัยว่าเหตุใดแม่นางหลงซานผู้นั้นที่ดูไม่ชอบนางจู่ๆ ถึงได้มาเยือนถึงจวนได้ครั้งก่อนที่หมู่บ้านกลางหุบเขา หัวหน้าหมู่บ้านผู้เป็นบิดาของแม่นางหลงดูแลต้อนรับพวกนางเป็นอย่างดี แน่นอนว่ายามนี้แม่นางหลงมาเยือนถึงจวนย่อมต้องให้พบหน้าแน่อยู่แล้ว“เจ้าให้แม่บ้านหลิงเชิญแม่นางหลงเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยจบก็ก้มลงพรวนดินใส่ต้นไม้ต่อ“เจ้าค่ะ”สาวใช้คนนั้นรับคำแล้วก็เดินออกไป มุ่งหน้าสู่ด้านหน้าประตู
ตอนที่ 36สามีภรรยารักใคร่ ลู่เข่อชิงเริ่มคุ้นชินกับจวนแม่ทัพเป็นอย่างดี ตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพก็เริ่มเข้าที่ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความช่วยเหลือของเหล่าผู้คนในจวนด้านวรยุทธ์นางยังคงฝึกฝนอยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับความชี้แนะกับผู้อื่นอีกหลายคน เรียกได้ว่าคนในจวนแม่ทัพหากพอเป็นวรยุทธ์อยู่บ้างล้วนถูกนางดึงมาปะมือด้วยไม่ได้ขาดถึงเรื่องในครัว เห็นได้ชัดเจนว่าฝีมือทำอาหารของนางนั้นก้าวหน้าขึ้นได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยๆ ก็ไม่ทำสิ่งใดไหม้จนดูไม่ได้อีกส่วนสามีของนางแม่ทัพหนุ่มผู้เก่งกาจหาญกล้า เขาล้วนยังคงยุ่งอยู่กับการทหารเช่นเดิม ทว่าถึงแม้จะยุ่งเพียงใดกับไม่เคยละเลยนางผู้เป็นภรรยา ซ้ำหากได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในยามค่ำคืนก็มักจะคลอเคลียไม่ห่าง ชีวิตแต่งงานของนางจึงนับว่าหวานชื่นเป็นอย่างมากวันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส่ แดดอ่อนๆ นางจึงออกมาเดินเล่นนอกจวนกับอาจือและเสี่ยวหน่าย บังเอิญวันนี้มีความครึกครื้นครั้งใหญ่ที่กลางถนนหัวมุมพอดีเรื่องครึกครื้นที่ว่าก็คือมีคณะท้าดวลสัญจรผ่านมาตั้งเวทีประลอง เห็นว่าเป็นคณะท้าดวลซึ่งมีการวางเดิมพัน แลกเปลี่ยนอาวุธกับเงินทองหากผู้ที่ท้าดวลชนะสาม
ตอนที่ 35 ภัยเงียบ “ก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าเหตุใดวันนี้พี่หญิงถึงมาหาข้าถึงที่นี่ได้” ชายหนุ่มเจ้าของบ่อนพนันเอ่ยทักญาติผู้พี่ของตนที่จู่ๆ ก็มาหาอย่างกะทันหัน อีกทั้งปกติแล้วนางนั้นมักจะไม่ยอมมาเหยียบบ่อนพนันแห่งนี้ของเขาเลย ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้ดีว่านางก็คงจะกลัวใครพบเห็นว่าเข้ามาในที่เช่นนี้และจะทำให้เสื่อมเสียชายหนุ่มรินน้ำชาด้วยตนเองก่อนที่จะยื่นให้ญาติผู้พี่ซึ่งนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้าม “ดื่มชาสงบอารมณ์ก่อนเถอะ เรื่องแม่ทัพใหญ่หนิงที่ท่านมีใจให้มานานมีฮูหยินแล้วแถมเป็นสมรสพระราชทาน ใครๆ เขาก็รู้กันไปทั่วแล้ว”“เจ้ายังจะมาซ้ำเติมข้าอีก ใช่ได้ที่ไหนกัน” นางเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งกระแทกจอกน้ำชาที่หมดแล้วลงกับโต๊ะอย่างแรง“พี่หญิงท่านอ่อยบุรุษมาหลายปี ไม่สำเร็จก็ควรจะยอมรับได้แล้ว เศรษฐี ขุนนางในเมืองก็มีตั้งมาก ท่านเลือกสักคนแล้วลงมือจับให้อยู่ได้แล้ว” เขาแนะนำ อย่างไรญาติผู้พี่ของเขานางก็ถือได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ดูจากภายนอกก็ดูอ่อนหนาวน่ารักน่าเอ็นดู ท่าทางเช่นนี้ล่อลวงบุรุษได้ไม่ยาก นางมั่วแต่เสียเวลายั่วยวนแม่ทัพหนิงที่ไม่ได้สนใจนางเลยอยู่ตั้งนาน ช่างน่าเสียดายเวลายิ่งนั
ตอนที่ 34ฮูหยินอย่างเป็นทางการฤดูใบไม้ผลิอันเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาวนกลับมาถึงอีกครั้ง ทั่วทั้งบริเวณที่เคยถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวบัดนี้กลับคืนสู่ความเขียวขจีอีกครั้งหลายวันก่อนแม่บ้านหลิงได้มาหารือกับนางเรื่องการจัดสวน และการลงต้นไม้ดอกไม้ในจวนใหม่ เพราะว่าก่อนหน้านี้ภายในจวนไม่ได้จัดการอย่างเป็นระบบระเบียบนักเนื่องจากท่านแม่ทัพไม่มีเวลาสนใจ ทว่ายามนี้ในจวนมีฮูหยินแล้ว เรื่องทั้งหมดจึงควรเข้าที่เข้าทางได้แล้วลู่เข่อชิงจึงช่วยกันกับแม่บ้านหลิง ช่วยกันดูว่าควรจัดวางต้นไม้ ดอกไม้อย่างไรดี เดิมที่นางก็คิดว่าทุกอย่างในตอนนี้แม้จะดูธรรมดาไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร“ฮูหยินตอนท่านมาที่จวนเป็นฤดูวสันต์ อีกทั้งเดิมทีที่จวนเรานี้ไม่มีนายหญิงเช่นท่านมาก่อน จวนแม่ทัพเลยไม่มีแขก ทว่ายามนี้อย่างไรฮูหยินน้อยเช่นท่านก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ในอนาคตย่อมต้องต้อนรับแขกไม่น้อยทีเดียว”นางเข้าใจที่แม่บ้านหลิงต้องการสื่อได้ดี ทั้งสวนและการตกแต่งในจวนล้วนแล้วเป็นหน้าเป็นตาของท่านแม่ทัพทั้งสิ้น จะอย่างไรก็ควรให้สมฐานะแม่ทัพใหญ่ของเขา“เช่นนั้นหากข้าอยากให้ ในสวนกลางจวนมีน้ำตกจำลองเล็กๆ เล่าเป็นอย่างไร”“คงจ
ตอนที่ 33 ค่ำคืนวสันต์ผลิบานหนิงเฟยอวี้อ่านจดหมายที่ท่านแม่ของเขาเขียนมาถามไถล เรื่องราวของตัวเขาและภรรยาว่ายามนี้เป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังดู เหมือนว่าท่านแม่จะใส่ใจว่าลู่เข่อชิงนางจะปรับตัวได้หรือไม่ ชายหนุ่มเขียนจดหมายตอบกลับในส่วนของตนเองเสร็จ เรียบร้อยก็จัดวางเอาไว้บนโต๊ะอักษรเอาไว้ก่อน และตั้งใจว่าจะให้ลู่ เข่อชิงเขียนตอบกลับไปด้วยตัวนางเองอีกหนึ่งฉบับท่านแม่ของเขาจะได้ วางใจ เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วก็เห็นว่าทางฮูหยินตัวน้อยของตนนั้นคง น่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และยามนี้คงกำลังรอเขาให้กลับไปอยู่ ชายหนุ่มจึงตรงกลับไปยังเรือนนอนของตนและฮูหยินทันที เมื่อมาถึงเรือนนอนก็เห็นว่ามีสาวใช้สองคนกำลังยืนเฝ้าอยู่หน้า เรือน เขาโบกมือไล่พวกนางให้กลับไปโดยไม่ได้ส่งเสียงโดยปกติแล้วในวันที่เขาไม่ได้กลับมานอนที่จวน ภายในห้องก็จะมีสาวใช้คนสนิทของเข่อชิงคือเสี่ยวหน่ายและอาจือผลัดกันมานอนเฝ้าอยู่ห้องด้านนอกฮูหยินของเขา ด้านนอกก็จะมีสาวใช้เฝ้าอยู่จนถึงยามดึก เผื่อว่าฮูหยินจะต้องการเรียกใช้สิ่งใดขึ้นมาจะได้สะดวก ทว่าหากเขาอยู่ที่จวน เข้านอนที่ห้องพร้อมกับฮูหยินก็ไม่ต้องให
ตอนที่ 32 การเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริงเวลานี้แม่บ้านหลิงจำต้องเร่งพาฮูหยินน้อยของนางกลับเข้า เรือนนอนเพื่อที่จะได้นั่งคุยสอบถามเรื่องที่ทำให้ตัวนางและอาจือนิ่งค้าง ไปเมื่อครั้งเดินเล่นเป็นเพื่อนผู้เป็นนายอยู่ด้านนอกตัวนางรู้ดี ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดที่คุณหนูจากสกุลขุน นางอีกทั้งยังเป็นหญิงสาวใสซื่อจะไม่เข้าใจเรื่องราวลึกซึ้งระหว่างสามี ภรรยาที่ควรเกิดขึ้นในห้องหอ เรื่องเช่นนี้ฮูหยินไม่ทราบนั้นเข้าใจได้ แต่ท่านแม่ทัพที่เป็นบุรุษ ย่อมไม่มีทางไม่ทราบอย่างแน่นอน“ฮูหยิน ข้าน้อยคงต้องบังอาจของถามคำถามบางอย่างที่อาจจะดูไม่ควรกับท่านนะเจ้าคะ” แม่บ้านหลิงจำต้องกล่าวขึ้น หากนับอาวุโสแล้วที่จวนแม่ทัพแห่งนี้อย่างไรผู้ที่จะชี้แนะเรื่องเช่นนี้กับฮูหยินได้ก็คงจะมีเพียงแค่นางเท่านั้นเพื่อคุณหนู และคุณชายน้อยของจวนในอนาคต อย่างไรนางก็ จำต้องชี้แนะเรื่องนี้ให้สำเร็จให้จงได้“เป็นคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าถามที่ด้านนอกใช่หรือไม่” “ใช่เจ้าค่ะ” แม่บ้านหลิงขานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เช่นนั้นแม่บ้านหลิงก็ถามได้เต็มที่เลย ข้าจะตอบทั้งหมด” “ก่อนอื่นเลย ยามอยู่ในห้องด้วยกันฮูหยินกับท่าน