ตอนที่ 3
ไม่ทันตั้งตัว
หลายวันมานี้มีคนเข้าออกจวนตลอด ท่านแม่ของนางก็ดูเหมือนกำลังยุ่งเรื่องอันใดสักอย่างอยู่เช่นเดียวกัน นางถามพี่ใหญ่ว่าท่านแม่ยุ่งอยู่กับอะไรก็ได้คำตอบมาว่าไม่รู้เช่นเดียวกัน
ช่วงสายประจวบเหมาะกับได้พบท่านแม่อยู่ที่ศาลารับลมจึงได้เดินเข้าไปหวังสอบถามให้กระจ่าง
“ท่านแม่ หลายวันมานี้ลูกเห็นว่าท่านเหมือนมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการเลย ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่ากำลังยุ่งเรื่องใดกัน”
“ยุ่งเรื่องรายการสินสอดแล้วก็สินเดิมเจ้าสาวอยู่ แต่ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ แม่ให้พ่อบ้านเจียงกับแม่บ้านหลีไปคอยควบคุมจัดการแทนแล้ว”
“มิใช่ว่าเรื่องนี้ควรเรียบร้อยไปตั้งนานแล้วมิใช่หรือ หรือว่าทางสกุลจี้เพิ่มสินสอดให้พี่สาวข้าอีก หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าว่าที่พี่เขยข้าผู้นี้ใจป้ำไม่เบา พี่สาวแต่งไปต้องไม่ลำบากแน่จริงหรือไม่พี่สาว” นางเอ่ยเย้าผู้เป็นพี่สาวพร้อมทำหน้าตาทะเล้นตั้งใจจะแหย่ให้นางเขินเล่น
ลู่ชิงอี้ที่ถูกเย้าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางทำเพียงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ใบหน้าแดงด้วยความเขินอายจนต้องก้มหน้าลงมองพื้น
“เรื่องมงคลของพี่สาวเจ้าเรียบร้อยหมดแล้ว ที่ข้ายุ่งวุ่นวายอยู่หลายวันนี้ก็เพราะเรื่องมงคลของเจ้าต่างหากเล่า”
สิ้นประโยคที่ท่านแม่นางเอ่ยออกมาลู่เข่อชิงที่ได้ยินก็ถึงกับหัวเราะออกมาจนเหนื่อย
“ท่านแม่ท่านอย่าได้เอ่ยล้อเล่นออกมาเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะขำจนเหนื่อยตายเอาได้”
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้า เรื่องสำคัญเช่นการแต่งงานของเจ้าแม่อย่างข้าจะนำมาล้อเล่นได้อย่างไร”
“ท่านแม่ จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่จู่ๆ ข้าที่ไม่แม้แต่เคยจะหมั้นหมายมาก่อนเลยสักครั้งจู่ๆ ก็จะแต่งงานเนี่ยนะ ว่าที่สามีข้าคือผู้ใดข้ายังไม่รู้เลย แล้วจะมาบอกว่าข้าจะต้องแต่งงานได้เช่นไร ถามความยินยอมข้าหรือยังเจ้าค่ะ”
“เรื่องการหมั้นหมายของเจ้าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน แม่ตอบรับหนังสือสู่ขอจากสกุลหนิงให้เจ้าหมั้นหมายกับบุตรชายคนโตของสกุลหนิง เดิมทีก็ตั้งใจว่าจะรอจังหวะก่อนแล้วจึงรีบบอกกล่าวเจ้าแต่ก็ยุ่งจนไม่ได้พบหน้าจึงไม่ได้บอกออกไป”
“ท่านแม่ ยกเลิกการหมั้นหมายได้หรือไม่เจ้าคะ หมั้นแล้วก็ถอนหมั้นได้มิใช่หรือ ข้ากับคุณชายสกุลหนิงนั้นไม่เคยพบกันแม้สักครั้งท่านจะเร่งจับคู่ข้าด้วยเหตุใดเจ้าคะ” หญิงสาวร้องขออย่างลนลาน
“ถอนหมั้นไม่ได้แล้ว” ลู่ฮูหยินกล่าว
“ถ้าท่านแม่ไม่ถอนหมั้นให้ข้า ข้าบอกเลยว่าจะกลับเขาลั่วหานเดี๋ยวนี้และไม่กลับมาอีก” ลู่เข่อชิงยื่นคำขาด
“ถอนหมั้นไม่ได้ อีกทั้งสิบวันข้างหน้าเจ้าต้องก้าวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวเพื่อแต่งงาน”
“ท่านแม่!!!”
“ผู้ที่เจ้าจะแต่งด้วยคือบุตรชายคนโตของแม่ทัพรักษาวังหนิงเฟิ่ง บุตรชายเขาหนิงเฟยอวี้เองก็มีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพพิทักษ์ชายแดน เรื่องนี้ถึงพระกรรณฝ่าบาททรงยินดีกับสกุลหนิงและสกุลลู่เราจนประทานสมรสพระราชทานให้ อีกสิบวันแม่ทัพหนิงจะกลับถึงเมืองหลวงฝ่าบาทมีบัญชาให้จัดงานมงคลในทันที ลู่เข่อชิงบุตรสาวคนดีของแม่ไหนเจ้าตอบแม่มาทีสิว่างานแต่งงานนี้ไม่เกิดขึ้นได้หรือไม่”
นางได้ฟังความทั้งหมดก็ตกใจจนพูดไม่ออก แขนขาก็พลั้นไร้เรียวแรงไปชั่วขณะจนพี่สาวต้องเขามาประคองนางนั่งลงที่เก้าอี้
“โทษของการขัดราชโองการร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิตทั้งตระกูล เจ้าเองก็คงจะรู้ใช่หรือไม่”
“…………..”
“สกุลลู่เราหากไม่จัดงานแต่งก็คงต้องเปลี่ยนมาจัดงานศพแทนแล้ว”
หากจะถามว่านางกลับเรือนมาได้อย่างไรนั้น ก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับพี่สาวนางและสาวใช้อีกสองคนที่ช่วยกันหอบหิ้วร่างอันแทบจะไร้วิญญาณของนางกลับมา
“จิบชาร้อนๆ เสียหน่อยจะได้ผ่อนคลายขึ้น” ผู้เป็นพี่สาวรินชายื่นให้น้องสาวของนางด้วยตัวเอง
“ข้าผ่อนคลายไม่ได้หรอกท่านพี่ อีกสิบวันข้าต้องแต่งงานทั้งๆ พี่เพิ่งรู้ว่าตัวเองต้องแต่งโดยจำยอมไม่สามารถหลบหลีกหนีใดๆ ได้ ข้าทั้งตกใจทั้งไม่ทันได้ตั้งตัว ข้าเพิ่งอายุสิบเจ็ดยังอยากฝึกฝนวิชากระบี่ อยากไปทัศนาจรเที่ยวเล่นอย่างอิสระพี่สาวเข้าใจข้าใช่หรือไม่”
“ข้าเข้าใจ แต่เรื่องบางเรื่องในเมื่อแก้ไขไม่ได้แล้วเราก็ทำได้แค่เผชิญกับมันไม่ใช่หรือ บางทีหากคิดในแง่ดีการแต่งงานของเจ้าอาจเป็นสวรรค์ลิขิตเอาไว้ ผู้ที่เจ้าจะแต่งด้วยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ วรยุทธ์และวิชาการต่อสู้ต้องไม่ธรรมดาแน่ ในอนาคตเจ้าสามารถฝึกฝนและขอคำชี้แนะจากเขาได้มิใช่หรือ อีกทั้งแต่งไปแล้วเจ้าตามสามีไปที่ชายแดนก็จะได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย อีกทั้งท่านแม่และครอบครัวของเราก็จะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วงเจ้าเพราะต่อจากนี้เจ้าก็จะมีสามีให้สามารถพึ่งพิงได้ เขาจะปกป้องเจ้าดูแลเจ้าแทนพวกข้าได้”
“มันจะกลายเป็นเรื่องดีเช่นนั้นได้จริงหรือ”
“แน่นอนว่าข้าและทุกคนในสกุลลู่ต่างก็ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น”
คืนนี้ลู่เข่อชิงนอนไม่หลับทั้งคืน นางเก็บคำที่พี่สาวแนะนำให้คิดแต่สิ่งดีๆ ในที่สุดนางก็คิดได้ อย่างไรชาตินี้ท่านพ่อท่านแม่ของนางก็ไม่คิดจะให้นางไม่แต่งงานอยู่แล้ว การปล่อยให้กราบอาจารย์เรียนวิชากระบี่ก็ถือว่าตามใจนางมากแล้ว อย่างไรก็ต้องแต่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็ควรยอมรับให้ได้อย่างที่พี่สาวของนางได้เอ่ยไว้
นางควรดีใจเสียด้วยซ้ำที่ได้แต่งกับแม่ทัพกล้า และได้รับสมรสพระราชทานเป็นหน้าเป็นตากับสกุลลู่ นางเองก็คือบุตรสาวสกุลลู่อย่างไรก็ควรนึกถึงส่วนรวมก่อนตัวเองเป็นหลักอยู่แล้ว
ก็แค่แต่งงานเอง แค่เปลี่ยนที่นอน ไม่เห็นจะมีสิ่งใดยากไปเลยนี่ แรกฝึกกระบี่ยังยากกว่าจนเทียบกันไม่ได้ อีกทั้งต่อจากนี้นางก็จะมีคู่ประลองวรยุทธ์ด้วยเป็นประจำภายหน้าใครจะรู้ไม่แน่วิชากระบี่และวรยุทธ์นางอาจจะก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
ลู่เข่อชิงคิดตกได้ในที่สุด เห็นทีนางจะต้องรีบข่มตาหลับแล้วจะ มามัวคิดมากไม่ได้ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาฝึกเพลงกระบี่แต่เช้า ยามแต่งไป แล้วจะได้ไม่มิขายหน้า
หนิงเฟยอวี้ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ หลังจากการทูลเรื่องการทหารในค่ายที่ชายแดนช่วงหนึ่งปีนี้กับฝ่าบาทเรียบร้อยแล้วกับได้รับราชโองการสมรสพระราชทานในทันที อีกทั้งพรุ่งนี้ก็คืองานมงคลของเขาแล้ว
ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งมาถึงเมืองหลวงและเพิ่งไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเมื่อครู่แต่งานแต่งกับจัดเตรียมงานเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และทุกอย่างจะเริ่มตามฤกษ์มงคลที่กำหนดไว้ในราชโองการในวันพรุ่งนี้
เป็นกฎเด็ดขาดที่ว่าแม่ทัพเมื่อกลับมาแล้วต้องตรงไปที่วังหลวงในทันที เขาจึงไม่ได้กลับไปที่สกุลหนิงก่อน ยามกลับมาถึงเห็นทุกมุมของสกุลหนิงยามนี้ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยผ้าแดงมงคลและกระดาษมงคล
“เฟยอวี้เจ้ากลับมาแล้วหรือ เร็วเข้าเจ้ารีบไปลองชุดพิธีของเจ้าหน่อยว่าพอดีหรือไม่ จะได้เร่งแก้ให้เสร็จทันภายในคืนนี้” ชายหนุ่มโดนท่านแม่ของตนดึงตัวไปในทันทีเมื่อก้าวเข้ามาในจวน
“ท่านแม่…”
“เจ้าหิวหรือไม่แม่ให้คนไปยกสำรับมาแล้ว เจ้าลองชุดเสร็จก็รับประทานได้ทันที งานสมรสพระราชทานจะให้เกิดข้อผิดพลาดแม้เล็กน้อยไม่ได้เจ้าว่าไหม”
“ขอรับท่านแม่”
ดูเหมือนว่าข้อผิดพลาดเดียวในงานมงคลนี้จะมีเพียงแค่ข้าเพิ่งรู้ว่าจะต้องแต่งงานเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนเท่านั้น นอกนั้นเรื่องทุกอย่างดูเหมือนท่านแม่จะเตรียมพร้อมแล้วสำหรับงานมงคลของเขาในวันพรุ่งนี้
“ต้องยกความดีความชอบให้พ่อเจ้านะ แม่เพิ่งสู่ของคุณหนูสามลู่เข่อชิงได้ก็ได้รับสมรสพระราชทานเลย”
“ท่านแม่เป็นคนจัดการเรื่องสู่ขอกับสกุลลู่ด้วยตัวเองหรือขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ที่แรกเขานึกไปว่าเป็นฝ่าบาทที่เป็นผู้ที่เลือกให้เขาแต่งกับสกุลลู่ของราชครู
“เป็นแม่ที่สู่ขอว่าที่สะใภ้สกุลลู่ผู้นี้ด้วยตัวเอง นางต้องเป็นสตรีที่เรียบร้อนอ่อนโยนอ่อนหวานเหมาะกับเจ้าที่สุดเป็นแน่ แม้แม่จะไม่เคยเจอนางแต่ก็รู้จักลู่ฮูหยินและพี่สาวคนโตดีพวกนางล้วนเป็นบุปผางามในห้องหอชั้นดีเชี่ยวล่ะ ลูกได้แต่งกับนางจะต้องไม่ผิดหวังแน่เชื่อแม่” หนิงฮูหยินเอ่ยอย่างมั่นใจ
ลู่ฮูหยินมีชื่อเสียงด้านมารยาทการวางตัวอีกทั้งยังอ่อนโยนนักบุตรสาวนางย่อมเหมือนนางอย่างแน่นอน หนิงฮูหยินรู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อยยามเอ่ยถึงว่าที่สะใภ้
“ท่านแม่ชอบนางลูกก็พอใจแล้วขอรับ” แต่เดิมในหัวเขาไม่เคยมีเรื่องแต่งภรรยาอยู่แล้ว เพราะให้ความสนใจอยู่กับกองทัพและค่ายทหาร ยามนี้การแต่งงานก็คือหน้าที่หนึ่งสำหรับบุตรชายสกุลหนิง เขาแน่นอนว่าย่อมต้องทำตามท่านแม่และท่านพ่อรวมไปถึงราชโองการอยู่แล้ว
ใจเขาไม่เคยมีหญิงใด อีกทั้งก็เลยวัยแต่งงานมาแล้ว แต่งงานให้เสร็จเรียบร้อยจะได้หันไปสนใจงานทหารได้อย่างเต็มที่ก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน
ตอนที่ 4เจ้าสาวขึ้นเกี้ยวด้วยเป็นเพราะมีเวลากระชั้นชิดชุดเจ้าสาวที่แต่เดิมเตรียมเอาไว้สำหรับคุณหนูใหญ่สกุลลู่กลับเป็นคุณหนูสามที่ได้สวมใส่เข้าพิธีแทนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ต้องปักลายมงคลก็เพิ่งจะแล้วเสร็จไปเมื่อวาน โชคดีที่แม้ลู่เข่อชิงนั้นจะสนใจด้านวรยุทธ์มากเป็นพิเศษ แต่ด้านเย็บปักถักร้อยก็พอที่จะใช้ได้อยู่ ไม่ถึงขั้นประณีตวิจิตรแต่ก็ไม่ได้ดูไร้ฝีมือ แค่ลงมือปักลายมงคลเล็กๆ น้อยๆ ลงบนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวจึงไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของเล็กของท่านแม่ผู้มีชื่อเสียงด้านเพียบพร้อมอ่อนหวานอย่างไรก็ย่อมต้องมีฝีมือติดตัวเอาไว้อยู่แล้ว แม้จะไม่ได้ทำให้ท่านแม่สามารถภาคภูมิใจได้มากอย่างพี่สาวแต่ก็ไม่ทำให้ท่านแม่ต้องผิดหวังเลยจะดีกว่าลู่เข่อชิงจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกทองเหลืองเบื้องหน้าอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่สวมใส่ชุดเจ้าสาว จัดแจงทรงผมประดับมงกุฎเจ้าสาวเสร็จเรียบร้อยแล้วในกระจกนั้นเป็นเงาสะท้อนของนางที่เหมือนกับไม่ใช่นางหญิงสาวผู้นี้ดูสวยงามเรียบร้อยไม่ต่างจากท่านแม่และพี่สาวที่ ยืนอยู่ข้างๆ นาง ไม่ใช่หญิงสาวที่มักจะเกล้าผมรวบขึ้นอย่างง่ายๆ เสื้อผ้า ก็สวมแต่สีเรียบ
ตอนที่ 5ค่ำคืนวสันต์มีค่าดุจทองพันชั่งทุกทิศทางที่กระบี่ของนางพุ่งไปยังเขานั้นถูกหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่นางถือกระบี่แต่เขามีเพียงมือเปล่าเท่านั้นก็ยังดูไม่เสียเปรียบนางเลยสิบกระบี่ถูกเขารับมือได้ทั้งหมด อีกทั้งใช้ความเร็วในการเคลื่อนตัวเข้ามาโอบนางจากด้านหลังกุมมือลงมาทับกับที่นางกุมกระบี่อ่อนเอาไว้ ไม่นานกระบี่จากมือนางก็ถูกชิงไปไว้ในมือขอเขาเป็นที่เรียบร้อย“ท่านแม่ทัพเก่งกาจสมคำร่ำลือ”“แต่เจ้ากลับดูต่างไปจากคำร่ำลือมากทีเดียว” ชายหนุ่มตอบกลับทันที พร้อมทั้งโยนกระบี่ขึ้นไปปักที่เสาไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล“ร่ำลือว่าอย่างไรบ้างหรือเจ้าคะ ลือว่าข้างดงาม เรียบร้อยอ่อนหวานเป็นยอดสตรีในห้องหอใช่หรือไม่” นางเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวใหญ่ที่บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิ ดและทอดมองอาหารเหล่านี้ด้วยสายตาเป็นประกาย“เหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น” เขาเอ่ยตอบก่อนจะเดินมานั่งลงที่ เก้าอี้ใกล้ๆ กับที่ร่างบางที่เมื่อครู่จ้องจะหันปลายกระบี่ใส่เขาไม่หยุด “เจ้านั่งลงก่อนเถอะ พวกเรากินไปคุยไปก็ได้” “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ” ผู้ที่สวมใส่ชุดมงคลสีสดเอ่ย ออก
ตอนที่ 6ฮูหยินน้อยคนใหม่ลู่เข่อชิงไล่ดับตะเกียงภายในห้อง เหลือเพียงตะเกียงมงคลที่วางอยู่ที่โต๊ะกลางห้องเท่านั้นที่ไม่ได้ดับ เรียบร้อยแล้วจึงเลิกม่านกั้นเตียงขึ้นถอดรองเท้าก้าวขึ้นเตียงนอนไป พื้นที่ด้านในถูกผู้เป็นสามียึดครองเอาไว้แล้ว นางจึงต้องนอนลงที่ฝั่งด้านนอกโดยปริยาย“ไหนเมื่อครู่เจ้าเอ่ยออกมาพร้อมท่าทางมั่นอกมั่นใจถึงเพียงนั้น เหตุใดพอขึ้นเตียงมาแล้วกับนอนนิ่งเช่นนี้ล่ะ” หนิงเฟยอวี้เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้า เขาหันมานอนตะแคงจ้องมองไปทางนางอย่างนึกสนุกร่างเล็กของหญิงสาวเปลี่ยนจากนอนตัวตรงเป็นหันตะแคงไป ทางบุรุษที่อยู่ด้านใน พวกเขาในตอนนี้จึงตะแคงหันหน้าเข้าหากันเป็นที่ เรียบร้อยอีกทั้งยามนี้ฮูหยินตัวน้อยของเขายังทอดสายตามายังเขาอย่าง แสนซื่อ“จริงๆ แล้วข้านั้นรู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นัก นอกจากท่าน พ่อ พี่ชาย และอาจารย์ ข้าก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับบุรุษใดอีก พวกเราเองก็เพิ่ง เคยเจอกัน แม้ท่านแม่จะบอกข้าแล้วว่าสามีภรรยาใกล้ชิดแนบชิดกันไม่ใช่เรื่องผิด และถึงแม้ข้าจะใจกล้าเพียงใดแต่ไม่คุ้นชินก็เหมือนกับว่าจะทำสิ่งใดไม่ค่อยสะดวกใจนัก”“ที่เจ้ากล่าวมามิใช่ข้าไม่สามารถเข้าใจได้”นาง
ตอนที่ 7กลับบ้านเดิม“อาจือ อีกสองวันท่านแม่ทัพต้องกลับเมืองว่านอัน ข้าเองก็ต้องเดินทางไปพร้อมกับเขาด้วย เรื่องสินเดิมและข้าวของที่นำมาเจ้ายังไม่ต้องนำออกมาจัดแจงให้เก็บเอาไว้ในหีบเช่นเดิมก่อนเอาไว้ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วข้าค่อยถามเขา” นางเอ่ยกับสาวใช้ส่วนตัวของนางที่ตามมาจากจวนสกุลลู่อาจือนั้นเป็นหญิงสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง ตั้งแต่ที่นางกลับมาที่สกุลลู่ก็มีอาจือนี่แหละที่คอยตามรับใช้อยู่ข้างๆ มาตลอด“เจ้าค่ะคุณหนู”“พรุ่งนี้ข้ากับท่านแม่ทัพจะกลับไปเยี่ยมเยียนที่สกุลลู่เจ้าติดตามข้าไปด้วยกันก็แล้วกัน มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องถามเจ้า”“เรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”“เมืองว่านอันนั้นอยู่ไกลจากเมืองหลวงนัก หากเจ้าไม่อยาก ติดตามไปด้วยกันกับข้าก็สามารถกลับไปอยู่ที่จวนสกุลลู่ดังเดิมได้”“บ่าวยินดีตามไปรับใช้คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูพาข้าไปเมืองว่าน อันด้วยนะเจ้าคะ” อาจือตอบกลับผู้เป็นคุณหนูของนางในทันที“เช่นนั้นพรุ่งนี้กลับจวนสกุลลู่ไปแล้วเจ้าก็จงบอกลาสหายของ เจ้าให้เรียบร้อยก็แล้วกัน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไปจากที่เมืองหลวงนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีกครั้ง”สามีของนางกลับมาถึงจวนก็ถึงเวลาอาหารเย็น
ตอนที่ 8แยกจากกันครั้งนี้เพื่อพบกันใหม่“สามี…ท่านใจดียิ่ง” นางเอ่ยชมเขาพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้“เจ้าจะได้สบายใจ ไม่เช่นนั้นตลอดทางไปเมืองว่านอันเจ้าก็คง ไม่อาจสงบใจได้”หากนางไม่อาจสบายใจได้ก็จะไม่มีความสุข ไม่ร่าเริงเหมือนที่ เป็น เขารู้สึกไม่ค่อยชินเวลาที่เห็นนางเศร้าใจเช่นนี้“ข้าเยี่ยมท่านย่าเรียบร้อยแล้วจะเร่งไปหาท่านไม่เถลไถลที่อื่นอย่างแน่นอน”“เสี่ยวฉีเป็นคนติดตามของข้า พรุ่งนี้เจ้าออกเดินทางไปเยี่ยมท่านย่าพร้อมท่านพ่อตาก็ให้เขาไปคอยติดตามเจ้า เสี่ยวฉีคุ้นเคยกับทางไปเมืองว่านอันเป็นอย่างดีภายหลังการเดินทางของเจ้าจะได้ไม่มีสิ่งใดติดขัด”“เช่นนั้นสัมภาระของข้าที่ต้องนำไปที่เมืองว่านอันจะทำอย่างไรดีเจ้าค่ะ หากข้าให้อาจือติดตามไปเมืองว่านอันพร้อมท่านเพื่อดูแลความเรียบร้อยของสัมภาระข้าได้หรือไม่”“ก็ดีเหมือนกัน ปกติแล้วข้าไม่ค่อยอยู่จวนแม่ทัพในเมืองว่านอัน จะอยู่ที่ค่ายทหารเป็นส่วนใหญ่ ให้นางไปจัดแจงเรือนนอนให้เจ้าล่วงหน้าก็จะเป็นอันดี ตอนเจ้าไปถึงจะได้มีที่พักสบายหน่อย”จู่ๆ ขณะที่รถม้ายังเคลื่อนตัวไป ภายในรถม้ายามนี้ที่เพิ่งเงียบไร้ซึ่งบทสนทนา นางกลับพบว่าตนเพิ่งจะได้มองดูบุรุษผ
ตอนที่ 9ผู้ใดกันแน่ที่ต้องรู้สึกอับอายเดินทางสามวันสามคืนในที่สุดก็มาถึงบ้านเดิมของพวกนางสกุล ลู่ บ้านเดิมของสกุลลู่นั้นอยู่ที่เมืองเหลียงตอนนี้มีเพียงท่านย่าของนาง หรือก็คือฮูหยินหนิงผู้เฒ่าที่อยู่ที่นี่เท่านั้นตอนที่มาถึงบ้านเดิมสกุลลู่ทั้งท่านแม่และก็พี่สาวของต่างก็ตกใจที่เห็นนางมาด้วยกันกับท่านพ่อ แต่พอนางอธิบายว่าสามีของนางเป็นผู้อนุญาตให้แวะมาดูท่านย่าให้สบายใจก่อนแล้วค่อยตามไปหาเขา ท่านแม่ของนางก็เอ่ยชมลูกเขยสามของบ้านเสียยกใหญ่ทีเดียวนางกลับท่านพ่อมาถึงก็เกือบจะเป็นเวลาบ่ายแล้ว ท่านแม่บอกว่าท่านย่านั้นเพิ่งทานยาแล้วหลับไป รอช่วงเย็นก่อนท่านพ่อกับนางคอยเข้าไปเยี่ยมท่านย่า“ฮูหยิน อาการป่วยของท่านแม่ข้าเป็นเช่นไรบ้าง” เป็นท่านพ่อของนางที่เอ่ยถามออกมา“ท่านแม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ท่านหมอที่มาทำการรักษาท่านบอกว่าท่านแม่ล้มป่วยเพราะความเครียด ใจนางป่วยจึงพาให้ร่างกายอ่อนแอจนล้มป่วยไปด้วย”“ท่านย่าอยู่ที่บ้านเดิมที่ท่านชอบมิใช่หรือเจ้าคะ จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านย่าเครียดจนล้มป่วยได้กัน” ลู่เข่อชิงเอ่ยถามท่านแม่นางด้วยความสงสัย ปกติแล้วท่านย่าเล็กที่อยู่จวนติดกันซึ่งเป็นน้องสาวแท้
ตอนที่ 10สกุลลู่ข้าให้พวกเจ้ารังแกได้หรือท่านพ่อท่านแม่และท่านย่าของนางเพราะกลัวว่าหากทำเป็นเรื่องใหญ่จะทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของคนในสกุลลู่ได้ อีกทั้งพวกท่านต่างก็เป็นผู้ใหญ่ท่านพ่อนางเป็นถึงราชครูในราชสำนักย่อมต้องรักษาชื่อเสียงสกุลไม่อาจทำสิ่งใดตามใจคิดพวกท่านคงทำได้เพียงให้งานแต่งสกุลจี้ในวันนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปทวงถามสกุลจี้ในวันอื่นอย่างสุภาพชนกระทำกัน ทั้งๆ ที่สกุลจี้นั้นถือว่าไม่ไว้หน้าสกุลลู่ของเราเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นกล้าทิ้งการหมั้นหมายที่มีมานานกระทั่งวันมงคลสมรสก็กำหนดเอาไว้แล้วในเมื่อพวกผู้ใหญ่ไม่สะดวกที่จะออกหน้าในวันนี้ นางที่เป็นผู้เยาว์ของสกุลลู่ก็จะเป็นผู้ออกหน้าชำระความในครั้งนี้ให้เองลู่เข่อชิงตั้งใจที่จะมาถึงจวนสกุลจี้หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวมาถึง แล้วและเจ้าสาวก้าวเข้าไปยังห้องโถงเพื่อทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน บิดาของจี้เทียนนั้นเป็นนายอำเภอจึงพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้างถึงตำแหน่งจะเป็น เพียงขุนนางเล็กๆ ในท้องถิ่น ไม่อาจเทียบได้กับท่านพ่อของนางแต่ก็ถือ ว่าเป็นฐานะที่ไม่ธรรมดาในเมืองนี้ เวลานี้จึงมีแขกมาร่วมงานไม่น้อยเลยทีเดียว“ถึงฤกษ์มงคลแล้ว เริ่มทำพิธีได้”เสียงข
บทนำมงคลคู่หนึ่งขบวนรับตัวเจ้าสาว หนึ่งเกี้ยวแปดคนหามที่ถูกตกแต่งอย่างประณีตงดงามดูหรูหราไม่น้อย ด้านหน้าสุดของขบวนมีเจ้าบ่าวควบอาชานำทางด้วยท่าทีสง่างาม ตลอดเส้นทางที่ขบวนเกี้ยวเคลื่อนไปเสียงดนตรีบรรเลงนำขบวนไม่มีหยุด ท่วงทำนองครื่นเครงทำให้ดูครึกครื้นบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและกลิ่นอายแห่งความมงคลเป็นสุขสาวใช้หลายคนที่ติดตามมาพร้อมกับขบวนในมือต่างก็หิ้วตะกร้าติดมือมาด้วย ในนั้นเต็มไปด้วยลูกกวาดมงคลที่ถูกแจกจ่ายให้ผู้คนไปตลอดเส้นทาง ทุกคนที่ได้รับล้วนพากันอวยพรงานมงคลนี้กันด้วยความยินดีอย่างถ้วนหน้าสกุลหนิงจัดงานมงคลทั้งทีย่อมไม่ธรรมดา ยิ่งเป็นงานมงคลคู่ของแม่ทัพใหญ่หนิงเฟยอวี้บุตรชายคนโตของสกุลหนิงที่มีพร้อมทั้งยศทั้งตำแหน่งย่อมต้องจัดให้ยิ่งให้สมเกียรติของทั้งสกุลหนิงและเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่สกุลลู่ที่กำลังจะเกี่ยวดองเป็นญาติสนิทยิ่งต้องเผยให้เห็นถึงความใจกว้างจริงใจหากกล่าวว่าสกุลหนิงเป็นสกุลบู๋ สกุลลู่เองก็ถือว่าเป็นสกุลบุนที่เลื่องชื่อ สกุลใหญ่สองสกุลจะเกี่ยวดองกันย่อมต้องเป็นข่าวใหญ่ในเมืองหลวง กลายเป็นหัวข้อน่าสนใจให้พูดถึงกันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวงานมงคลนี้จึงเป
ตอนที่ 10สกุลลู่ข้าให้พวกเจ้ารังแกได้หรือท่านพ่อท่านแม่และท่านย่าของนางเพราะกลัวว่าหากทำเป็นเรื่องใหญ่จะทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของคนในสกุลลู่ได้ อีกทั้งพวกท่านต่างก็เป็นผู้ใหญ่ท่านพ่อนางเป็นถึงราชครูในราชสำนักย่อมต้องรักษาชื่อเสียงสกุลไม่อาจทำสิ่งใดตามใจคิดพวกท่านคงทำได้เพียงให้งานแต่งสกุลจี้ในวันนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปทวงถามสกุลจี้ในวันอื่นอย่างสุภาพชนกระทำกัน ทั้งๆ ที่สกุลจี้นั้นถือว่าไม่ไว้หน้าสกุลลู่ของเราเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นกล้าทิ้งการหมั้นหมายที่มีมานานกระทั่งวันมงคลสมรสก็กำหนดเอาไว้แล้วในเมื่อพวกผู้ใหญ่ไม่สะดวกที่จะออกหน้าในวันนี้ นางที่เป็นผู้เยาว์ของสกุลลู่ก็จะเป็นผู้ออกหน้าชำระความในครั้งนี้ให้เองลู่เข่อชิงตั้งใจที่จะมาถึงจวนสกุลจี้หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวมาถึง แล้วและเจ้าสาวก้าวเข้าไปยังห้องโถงเพื่อทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน บิดาของจี้เทียนนั้นเป็นนายอำเภอจึงพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้างถึงตำแหน่งจะเป็น เพียงขุนนางเล็กๆ ในท้องถิ่น ไม่อาจเทียบได้กับท่านพ่อของนางแต่ก็ถือ ว่าเป็นฐานะที่ไม่ธรรมดาในเมืองนี้ เวลานี้จึงมีแขกมาร่วมงานไม่น้อยเลยทีเดียว“ถึงฤกษ์มงคลแล้ว เริ่มทำพิธีได้”เสียงข
ตอนที่ 9ผู้ใดกันแน่ที่ต้องรู้สึกอับอายเดินทางสามวันสามคืนในที่สุดก็มาถึงบ้านเดิมของพวกนางสกุล ลู่ บ้านเดิมของสกุลลู่นั้นอยู่ที่เมืองเหลียงตอนนี้มีเพียงท่านย่าของนาง หรือก็คือฮูหยินหนิงผู้เฒ่าที่อยู่ที่นี่เท่านั้นตอนที่มาถึงบ้านเดิมสกุลลู่ทั้งท่านแม่และก็พี่สาวของต่างก็ตกใจที่เห็นนางมาด้วยกันกับท่านพ่อ แต่พอนางอธิบายว่าสามีของนางเป็นผู้อนุญาตให้แวะมาดูท่านย่าให้สบายใจก่อนแล้วค่อยตามไปหาเขา ท่านแม่ของนางก็เอ่ยชมลูกเขยสามของบ้านเสียยกใหญ่ทีเดียวนางกลับท่านพ่อมาถึงก็เกือบจะเป็นเวลาบ่ายแล้ว ท่านแม่บอกว่าท่านย่านั้นเพิ่งทานยาแล้วหลับไป รอช่วงเย็นก่อนท่านพ่อกับนางคอยเข้าไปเยี่ยมท่านย่า“ฮูหยิน อาการป่วยของท่านแม่ข้าเป็นเช่นไรบ้าง” เป็นท่านพ่อของนางที่เอ่ยถามออกมา“ท่านแม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ท่านหมอที่มาทำการรักษาท่านบอกว่าท่านแม่ล้มป่วยเพราะความเครียด ใจนางป่วยจึงพาให้ร่างกายอ่อนแอจนล้มป่วยไปด้วย”“ท่านย่าอยู่ที่บ้านเดิมที่ท่านชอบมิใช่หรือเจ้าคะ จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านย่าเครียดจนล้มป่วยได้กัน” ลู่เข่อชิงเอ่ยถามท่านแม่นางด้วยความสงสัย ปกติแล้วท่านย่าเล็กที่อยู่จวนติดกันซึ่งเป็นน้องสาวแท้
ตอนที่ 8แยกจากกันครั้งนี้เพื่อพบกันใหม่“สามี…ท่านใจดียิ่ง” นางเอ่ยชมเขาพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้“เจ้าจะได้สบายใจ ไม่เช่นนั้นตลอดทางไปเมืองว่านอันเจ้าก็คง ไม่อาจสงบใจได้”หากนางไม่อาจสบายใจได้ก็จะไม่มีความสุข ไม่ร่าเริงเหมือนที่ เป็น เขารู้สึกไม่ค่อยชินเวลาที่เห็นนางเศร้าใจเช่นนี้“ข้าเยี่ยมท่านย่าเรียบร้อยแล้วจะเร่งไปหาท่านไม่เถลไถลที่อื่นอย่างแน่นอน”“เสี่ยวฉีเป็นคนติดตามของข้า พรุ่งนี้เจ้าออกเดินทางไปเยี่ยมท่านย่าพร้อมท่านพ่อตาก็ให้เขาไปคอยติดตามเจ้า เสี่ยวฉีคุ้นเคยกับทางไปเมืองว่านอันเป็นอย่างดีภายหลังการเดินทางของเจ้าจะได้ไม่มีสิ่งใดติดขัด”“เช่นนั้นสัมภาระของข้าที่ต้องนำไปที่เมืองว่านอันจะทำอย่างไรดีเจ้าค่ะ หากข้าให้อาจือติดตามไปเมืองว่านอันพร้อมท่านเพื่อดูแลความเรียบร้อยของสัมภาระข้าได้หรือไม่”“ก็ดีเหมือนกัน ปกติแล้วข้าไม่ค่อยอยู่จวนแม่ทัพในเมืองว่านอัน จะอยู่ที่ค่ายทหารเป็นส่วนใหญ่ ให้นางไปจัดแจงเรือนนอนให้เจ้าล่วงหน้าก็จะเป็นอันดี ตอนเจ้าไปถึงจะได้มีที่พักสบายหน่อย”จู่ๆ ขณะที่รถม้ายังเคลื่อนตัวไป ภายในรถม้ายามนี้ที่เพิ่งเงียบไร้ซึ่งบทสนทนา นางกลับพบว่าตนเพิ่งจะได้มองดูบุรุษผ
ตอนที่ 7กลับบ้านเดิม“อาจือ อีกสองวันท่านแม่ทัพต้องกลับเมืองว่านอัน ข้าเองก็ต้องเดินทางไปพร้อมกับเขาด้วย เรื่องสินเดิมและข้าวของที่นำมาเจ้ายังไม่ต้องนำออกมาจัดแจงให้เก็บเอาไว้ในหีบเช่นเดิมก่อนเอาไว้ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วข้าค่อยถามเขา” นางเอ่ยกับสาวใช้ส่วนตัวของนางที่ตามมาจากจวนสกุลลู่อาจือนั้นเป็นหญิงสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง ตั้งแต่ที่นางกลับมาที่สกุลลู่ก็มีอาจือนี่แหละที่คอยตามรับใช้อยู่ข้างๆ มาตลอด“เจ้าค่ะคุณหนู”“พรุ่งนี้ข้ากับท่านแม่ทัพจะกลับไปเยี่ยมเยียนที่สกุลลู่เจ้าติดตามข้าไปด้วยกันก็แล้วกัน มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องถามเจ้า”“เรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”“เมืองว่านอันนั้นอยู่ไกลจากเมืองหลวงนัก หากเจ้าไม่อยาก ติดตามไปด้วยกันกับข้าก็สามารถกลับไปอยู่ที่จวนสกุลลู่ดังเดิมได้”“บ่าวยินดีตามไปรับใช้คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูพาข้าไปเมืองว่าน อันด้วยนะเจ้าคะ” อาจือตอบกลับผู้เป็นคุณหนูของนางในทันที“เช่นนั้นพรุ่งนี้กลับจวนสกุลลู่ไปแล้วเจ้าก็จงบอกลาสหายของ เจ้าให้เรียบร้อยก็แล้วกัน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไปจากที่เมืองหลวงนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีกครั้ง”สามีของนางกลับมาถึงจวนก็ถึงเวลาอาหารเย็น
ตอนที่ 6ฮูหยินน้อยคนใหม่ลู่เข่อชิงไล่ดับตะเกียงภายในห้อง เหลือเพียงตะเกียงมงคลที่วางอยู่ที่โต๊ะกลางห้องเท่านั้นที่ไม่ได้ดับ เรียบร้อยแล้วจึงเลิกม่านกั้นเตียงขึ้นถอดรองเท้าก้าวขึ้นเตียงนอนไป พื้นที่ด้านในถูกผู้เป็นสามียึดครองเอาไว้แล้ว นางจึงต้องนอนลงที่ฝั่งด้านนอกโดยปริยาย“ไหนเมื่อครู่เจ้าเอ่ยออกมาพร้อมท่าทางมั่นอกมั่นใจถึงเพียงนั้น เหตุใดพอขึ้นเตียงมาแล้วกับนอนนิ่งเช่นนี้ล่ะ” หนิงเฟยอวี้เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้า เขาหันมานอนตะแคงจ้องมองไปทางนางอย่างนึกสนุกร่างเล็กของหญิงสาวเปลี่ยนจากนอนตัวตรงเป็นหันตะแคงไป ทางบุรุษที่อยู่ด้านใน พวกเขาในตอนนี้จึงตะแคงหันหน้าเข้าหากันเป็นที่ เรียบร้อยอีกทั้งยามนี้ฮูหยินตัวน้อยของเขายังทอดสายตามายังเขาอย่าง แสนซื่อ“จริงๆ แล้วข้านั้นรู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นัก นอกจากท่าน พ่อ พี่ชาย และอาจารย์ ข้าก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับบุรุษใดอีก พวกเราเองก็เพิ่ง เคยเจอกัน แม้ท่านแม่จะบอกข้าแล้วว่าสามีภรรยาใกล้ชิดแนบชิดกันไม่ใช่เรื่องผิด และถึงแม้ข้าจะใจกล้าเพียงใดแต่ไม่คุ้นชินก็เหมือนกับว่าจะทำสิ่งใดไม่ค่อยสะดวกใจนัก”“ที่เจ้ากล่าวมามิใช่ข้าไม่สามารถเข้าใจได้”นาง
ตอนที่ 5ค่ำคืนวสันต์มีค่าดุจทองพันชั่งทุกทิศทางที่กระบี่ของนางพุ่งไปยังเขานั้นถูกหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่นางถือกระบี่แต่เขามีเพียงมือเปล่าเท่านั้นก็ยังดูไม่เสียเปรียบนางเลยสิบกระบี่ถูกเขารับมือได้ทั้งหมด อีกทั้งใช้ความเร็วในการเคลื่อนตัวเข้ามาโอบนางจากด้านหลังกุมมือลงมาทับกับที่นางกุมกระบี่อ่อนเอาไว้ ไม่นานกระบี่จากมือนางก็ถูกชิงไปไว้ในมือขอเขาเป็นที่เรียบร้อย“ท่านแม่ทัพเก่งกาจสมคำร่ำลือ”“แต่เจ้ากลับดูต่างไปจากคำร่ำลือมากทีเดียว” ชายหนุ่มตอบกลับทันที พร้อมทั้งโยนกระบี่ขึ้นไปปักที่เสาไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล“ร่ำลือว่าอย่างไรบ้างหรือเจ้าคะ ลือว่าข้างดงาม เรียบร้อยอ่อนหวานเป็นยอดสตรีในห้องหอใช่หรือไม่” นางเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวใหญ่ที่บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิ ดและทอดมองอาหารเหล่านี้ด้วยสายตาเป็นประกาย“เหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น” เขาเอ่ยตอบก่อนจะเดินมานั่งลงที่ เก้าอี้ใกล้ๆ กับที่ร่างบางที่เมื่อครู่จ้องจะหันปลายกระบี่ใส่เขาไม่หยุด “เจ้านั่งลงก่อนเถอะ พวกเรากินไปคุยไปก็ได้” “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ” ผู้ที่สวมใส่ชุดมงคลสีสดเอ่ย ออก
ตอนที่ 4เจ้าสาวขึ้นเกี้ยวด้วยเป็นเพราะมีเวลากระชั้นชิดชุดเจ้าสาวที่แต่เดิมเตรียมเอาไว้สำหรับคุณหนูใหญ่สกุลลู่กลับเป็นคุณหนูสามที่ได้สวมใส่เข้าพิธีแทนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ต้องปักลายมงคลก็เพิ่งจะแล้วเสร็จไปเมื่อวาน โชคดีที่แม้ลู่เข่อชิงนั้นจะสนใจด้านวรยุทธ์มากเป็นพิเศษ แต่ด้านเย็บปักถักร้อยก็พอที่จะใช้ได้อยู่ ไม่ถึงขั้นประณีตวิจิตรแต่ก็ไม่ได้ดูไร้ฝีมือ แค่ลงมือปักลายมงคลเล็กๆ น้อยๆ ลงบนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวจึงไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของเล็กของท่านแม่ผู้มีชื่อเสียงด้านเพียบพร้อมอ่อนหวานอย่างไรก็ย่อมต้องมีฝีมือติดตัวเอาไว้อยู่แล้ว แม้จะไม่ได้ทำให้ท่านแม่สามารถภาคภูมิใจได้มากอย่างพี่สาวแต่ก็ไม่ทำให้ท่านแม่ต้องผิดหวังเลยจะดีกว่าลู่เข่อชิงจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกทองเหลืองเบื้องหน้าอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่สวมใส่ชุดเจ้าสาว จัดแจงทรงผมประดับมงกุฎเจ้าสาวเสร็จเรียบร้อยแล้วในกระจกนั้นเป็นเงาสะท้อนของนางที่เหมือนกับไม่ใช่นางหญิงสาวผู้นี้ดูสวยงามเรียบร้อยไม่ต่างจากท่านแม่และพี่สาวที่ ยืนอยู่ข้างๆ นาง ไม่ใช่หญิงสาวที่มักจะเกล้าผมรวบขึ้นอย่างง่ายๆ เสื้อผ้า ก็สวมแต่สีเรียบ
ตอนที่ 3ไม่ทันตั้งตัวหลายวันมานี้มีคนเข้าออกจวนตลอด ท่านแม่ของนางก็ดูเหมือนกำลังยุ่งเรื่องอันใดสักอย่างอยู่เช่นเดียวกัน นางถามพี่ใหญ่ว่าท่านแม่ยุ่งอยู่กับอะไรก็ได้คำตอบมาว่าไม่รู้เช่นเดียวกันช่วงสายประจวบเหมาะกับได้พบท่านแม่อยู่ที่ศาลารับลมจึงได้เดินเข้าไปหวังสอบถามให้กระจ่าง“ท่านแม่ หลายวันมานี้ลูกเห็นว่าท่านเหมือนมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการเลย ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่ากำลังยุ่งเรื่องใดกัน”“ยุ่งเรื่องรายการสินสอดแล้วก็สินเดิมเจ้าสาวอยู่ แต่ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ แม่ให้พ่อบ้านเจียงกับแม่บ้านหลีไปคอยควบคุมจัดการแทนแล้ว”“มิใช่ว่าเรื่องนี้ควรเรียบร้อยไปตั้งนานแล้วมิใช่หรือ หรือว่าทางสกุลจี้เพิ่มสินสอดให้พี่สาวข้าอีก หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าว่าที่พี่เขยข้าผู้นี้ใจป้ำไม่เบา พี่สาวแต่งไปต้องไม่ลำบากแน่จริงหรือไม่พี่สาว” นางเอ่ยเย้าผู้เป็นพี่สาวพร้อมทำหน้าตาทะเล้นตั้งใจจะแหย่ให้นางเขินเล่นลู่ชิงอี้ที่ถูกเย้าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางทำเพียงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ใบหน้าแดงด้วยความเขินอายจนต้องก้มหน้าลงมองพื้น“เรื่องมงคลของพี่สาวเจ้าเรียบร้อยหมดแล้ว ที่ข้ายุ่งวุ่นวายอยู่หลายวันนี้ก็เพราะเรื่องมงคล
ตอนที่ 2 สู่ขอ“ท่านพี่ ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านหน่อยเจ้าค่ะ”“ฮูหยินมีเรื่องใดก็เอ่ยมาตามตรงได้เลยระหว่างพวกเราสามีภรรยามีเรื่องใดที่ยากจะเอ่ยปากอีก”“เป็นเรื่องการแต่งงานของเฟยอวี้เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าเห็นควรหาสะใภ้ตบแต่งเข้าจวนให้เรียบร้อยเสียที เฟยอวี้ลูกชายของท่านพี่วันๆ อยู่กับพวกเหล่าทหารเห็นทีว่าหากยังไม่รีบช่วยเขาหาภรรยาสักคนคงต้องรอไปอีกหลายปีทีเดียว”“ฮูหยินไปร่วมงานชมบุปผามาเมื่อวานได้พบเจอกับบุตรสาวสกุลใดที่ถูกใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่” ผู้เป็นสามีเอ่ยถาม ในใจเขาพอจะคาดเดาเรื่องบางอย่างได้บ้างแล้ว“ข้าตอบท่านพี่อย่างไม่ปิดบังนะเจ้าคะ เมื่อวานข้าได้พบกับลู่ฮูหยินและบุตรสาว ท่าทางนางถอดแบบมารดามาทั้งหมด ดูเรียบร้อยอ่อนโยนยิ่งนัก ข้าคิดว่าบุตรสาวสกุลลู่เหมาะสมกับเฟยอวี้ของเราเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ”“ข้าเชื่อสายตาฮูหยิน หากเจ้าคิดว่าเหมาะสมก็จัดการเรื่องทาบทามสู่ขอเสียเลยก็แล้วกัน” แน่นอนว่า“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมเยี่ยนลู่ฮูหยินด้วยตัวเองและพูดคุยเรื่องทาบทามสู่ขอให้เรียบร้อย”“เจ้ารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง อีกเรื่องที่ข้าจะบอกฮูหยินเมื่อครู่มีจดหมายจากเฟยอวี้มาถึงพอดี เขียนมาว่าอีกส