ตอนที่ 1
คุณหนูสกุลลู่
ณ งานชมบุปผาแห่งเมืองหลวงวันนี้ฟ่านฮูหยินเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเช่นทุกครั้ง ภายในงานมีฮูหยินและคุณหนูมากมายมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยสังสรรค์ทำความรู้จักทำความสนิทสนมต่อกัน
ผู้ที่จะถูกเชื้อเชิญมาให้ร่วมงานนั้นล้วนเป็นเหล่าฮูหยินและคุณหนูของขุนนางในราชสำนัก ไม่ก็สกุลใหญ่ที่มีชื่อเสียง งานพบปะของเหล่าสตรีในที่นี่เปรียบได้กับการกระชับมิตรเพื่อผลประโยชน์ของสามีของพวกนางด้วย
ลู่ฮูหยินนั้นก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเชื้อเชิญให้มารวมงานทุกครั้งที่มีการจัดงานขึ้นไม่เคยขาด
ครั้งก่อนนางใช้ข้ออ้างว่าป่วยปฏิเสธไปครั้งหนึ่งแล้ว รอบนี้ที่ถูกเชื้อเชิญจึงได้แต่จำใดพาบุตรสาวคนโตของตนมาร่วมงานอย่างเสียไม่ได้ มิเช่นนั้นหากครั้งนี้นางยังไม่ยอมมาอีกผู้คนอาจจะได้พากันพูดไปว่านางเกิดขัดแย้งกับฟ่านฮูหยินจึงไม่ยอมมาร่วมงาน
นางจะปล่อยให้ลือออกไปเช่นนั้นไม่ได้ เพราะอย่างไรฟ่านฮูหยินกับนางก็ถือว่ามีมิตรภาพต่อกันมากว่าสิบปี
“ลู่ฮูหยินเจ้ามาแล้วหรือข้ากำลังรอเจ้าอยู่ทีเดียว”
“ก่อนออกจากจวน รถม้าข้ามีปัญหาเล็กน้อยจึงได้ล่าช้า ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”
“มาช้าแค่นิดหน่อยเท่านั้น ไม่ถือเป็นอันใด ด้านหลังของเจ้าคือหลานชิงอี้ใช่หรือไม่ นางไปอยู่กับท่านย่าที่บ้านเดิมถึงสองปีกลับมาครั้งนี้โตขึ้นมาก รูปโฉมก็งดงามกว่าเดิมอีก” ฟ่านฮูหยินเอ่ย
“คารวะฟ่านฮูหยินเจ้าค่ะ” ลู่ชิงอี้เอ่ยขึ้นเสียงหวาน พร้อมทั้งย่อกายคารวะฟ่านฮูหยินด้วยท่าทางอ่อนน้อมมารยาทงดงามยิ่ง
“ท่าทีเจ้าเรียบร้อยสง่างามเหมือนท่านแม่เจ้าไม่มีผิดทีเดียว” ฟ่านฮูหยินเอ่ยชมขึ้นอย่างเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้า
“ขอบพระคุณฟ่านฮูหยินที่เอ่ยชมเจ้าค่ะ”
“ไปเถอะรีบเข้าไปในงาน คนในนั้นเอ่ยถามถึงเจ้าอยู่หลายคนทีเดียว วันนี้มีคุณหนูหลายบ้านติดตามท่านแม่มาเช่นเดียวกันกับเจ้า เข้าไปแล้วก็ลองทำความรู้จักพวกนางดู”
สตรีทั้งสามเข้าไปในงานชมบุปผาพร้อมกัน
และแน่นอนว่าทันทีที่แม่ลูกสกุลลู่ย่างเท้าเข้าไปในงานก็กลายเป็นจุดสนใจในทันที
เหตุที่ทำให้พวกนางกลายเป็นจุดสนใจได้ในทันทีนั้นก็คงเป็นความเรียบร้อยและอ่อนโยนอย่างยิ่งถึงขั้นที่แม้จะแค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ยังทำให้คนอื่นที่มองไปยังพวกนางรู้สึกได้ถึงความอ่อนหวานอ่อนโยนนั้น
“ฟ่านฮูหยินทางนั้นดูครึกครื่นนัก เป็นฮูหยินจากสกุลไหนหรือจึงได้เป็นจุดสนใจเช่นนี้”
“ลู่ฮูหยินกับบุตรสาวของนางลู่ชิงอี้”
“ฮูหยินสกุลลู่หรือ ครั้งก่อนจำได้ว่านางไม่ได้มา ครั้งนี้พากลับพาบุตรสาวมาด้วยหรือ”
“บุตรสาวนางเพิ่งกลับจากบ้านเดิมของท่านย่านาง ที่พามาด้วยก็เพราะจะพามาเปิดหูเปิดตาด้วย เมื่อครู่ข้าได้คุยกับนางช่างเป็นหญิงสาวที่ไม่ต่างจากมารดานางเลยเรียบร้อยอ่อนหวานเหมือนกันไม่มีผิด” ฟ่านฮูหยินอดที่จะเอ่ยชมออกมาไม่ได้
“ข้ามองจากไกลๆ ก็คิดว่านางเหมือนมารดาไม่ผิดเช่นกันอีกทั้งยังงดงามไม่น้อยจริงๆ อย่างที่เจ้าว่า” หนิงฮูหยินเองก็เห็นพ้องต้องกัน
“หากไม่ใช่ว่าบุตรชายทั้งสามคนของข้าล้วนแล้วแต่ตบแต่งสะใภ้ไปจนหมดแล้ว หลังจากวันนี้ข้าก็คงบอกเจ้าได้เลยว่าข้าจะต้องเร่งไปทำการสู่ขอที่สกุลลู่อย่างแน่นอน” น้ำเสียงของนางนั้นแฝงความเสียดายอยู่ไม่น้อยทีเดียว
“ท่านยังดี บุตรชายท่านยังแต่งลูกสะใภ้เข้าจวนให้ทุกคน แต่ข้านี่สิบุตรชายเพียงคนเดียวของสกุลอยู่ค่ายทหารที่ชายแดนนานจึงจะกลับบ้านสักที อายุก็เลยวัยแต่งงานมาไม่น้อยแล้ว”
“นี่ก็ไม่ใช่ว่าเหมาะแล้วหรือ ข้าไม่อาจสู่ขอลูกสะใภ้จากสกุลลู่ได้ แต่เจ้าสามารถสู่ขอได้ เจ้าเห็นว่าเป็นอย่างไร”
“หญิงสาวที่เรียบร้อยอ่อนหวานดูเหมือนจะเหมาะกับลูกชายข้า เป็นบุตรสาวจากสกุลลู่นี่แหละ ข้าตัดสินใจแล้วจะสู่ขอบุตรสาวสกุลลู่ให้บุตรชายข้าหนิงเฟยอวี้”
หนิงฮูหยินกล่าวออกมาด้วยใบหน้าและน้ำเสียงจริงจัง ด้านฟ่านฮูหยินเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยเป็นอย่างดี
พวกนางพากันไปพูดคุยกับลู่ฮูหยินและบุตรสาวแต่ยังไม่ได้เอ่ยทาบทามแต่อย่างไร เพราะตั้งใจว่าจะไปเยือนที่จวนสกุลลู่และทำการพูดคุยอย่างจริงจังจึงจะเหมาะสมกว่าที่งานชมบุปผานี้
บรรยากาศจวนราชครูลู่โดยปกติยามเช้าจะค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงนกร้อง และเสียงสายลมพัดเบาๆ เท่านั้น แต่จู่ๆ ยามที่ลู่ฮูหยินและบุตรสาวคนโตกำลังเดินชมสวนอยู่อย่างสบายอารมณ์อยู่นั้น ก็มีเสียงตะโกนดังลั่นมาจากหน้าประตูจวน
“ท่านแม่ พี่ใหญ่ ข้ากลับมาแล้ว!!!” เสียงตะโกนนำมาแต่ไกล ไม่นานก็ปรากฎร่างหญิงสาววัยแรกแย้มที่มีใบหน้ายิ้มแย้มดูทะเล้นตามมาโผล่เข้ากอดนางอย่างรวดเร็ว
“มาถึงก็ส่งเสียงดังเลยนะลูกคนนี้ เสียงมาก่อนคนเสียอีกใช่ได้ที่ไหนกัน”
“ก็ข้าคิดถึงพวกท่านนี่เจ้าคะ” นางเอ่ยพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้หินเบื้องหน้าตน แล้วก็หยิบของว่างบนโต๊ะเข้าปากทันที “พี่ใหญ่เป็นขนมที่ท่านทำใช่ไหมเจ้าคะรสชาติอร่อยยิ่งนัก เป็นหนึ่งในใต้หล้าได้เลยนะเนี่ย”
“น้องสามเจ้าปากหวานเกินไปแล้ว หนึ่งในต้าหล้าข้าจะกล้ารับไว้ได้อย่างไร แล้วนี่เจ้าทานอะไรมาหรือยังพี่เข้าครัวไปดูอาหารให้เจ้าดีหรือไม่”
“รบกวนพี่ใหญ่แล้ว ข้าหิวข้าวมากจริงๆ ตั้งใจหิ้วท้องมากินฝีมือทานโดยเฉพาะเลยนะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นเจ้ารอพี่ประเดี๋ยวก็แล้วกัน” นางเอ่ยกับน้องสาว ก่อนจะตรงไปที่โรงครัวของจวนในทันที
“จดหมายครั้งก่อนที่เจ้าเขียนมา ไม่ใช่ว่าบอกว่าจะติดตามอาจารย์เจ้าท่องเที่ยวพร้อมพี่รองเจ้ามิใช่หรืออย่างไร” ลู่ฮูหยินเอ่ยถามบุตรสาวคนเล็กของนาง
“ข้าโดนท่านอาจารย์และพี่รองทิ้งแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงเศร้า มือก็ยังหยิบขนมชิ้นที่สามเข้าปากต่อไป
ลู่เข่อชิงนั้นตั้งแต่แปดขวบก็ได้กราบอาจารย์คนเดียวกันกับพี่ชายคนรองของตนที่เขาลั่วหาน และอยู่ฝึกฝนอยู่ที่นั่นเลยมาหนึ่งปีจึงจะลงเขากลับมาสักครั้งเป็นเวลาเพียงไม่ถึงสิบวันพร้อมทั้งพี่ชายคนรอง
ที่ว่าฝากตัวเป็นศิษย์นั้นไม่ใช่ว่าเกิดจากความยินยอมของทั้งท่านพ่อท่านแม่ของนางหรือกระทั่งท่านอาจารย์ซือเต๋อผู้ที่นางกราบเป็นอาจารย์เองก็เหมือนกัน
จำได้ว่าตอนนั้นนางติดตามท่านพ่อท่านแม่ไปเยี่ยมพี่ชาย (เมื่อก่อนสามปีพี่ชายนางจึงจะกลับบ้านสักครั้ง แต่เมื่อมีนางจึงเปลี่ยนมากลับทุกปี) แล้วก็อยากเรียนวิชากระบี่อ่อนที่นั่นจึงดึงดันไม่อยู่ต่อไม่อยากกลับ สุดท้ายก็ก่อกวนอาจารย์ซือเต๋อครั้งใหญ่จนท่านรำคาญทนไม่ไหวจึงได้จำใจรับนางเป็นศิษย์
นางไปเพื่อเรียนวิชากระบี่อ่อนแต่พี่ชายคนรองของนางไม่ได้ไปเพื่อศึกษาวิชากระบี่เช่นเดียวกัน แม้จะกราบอาจารย์คนเดียวกัน แต่ที่พี่ชายนางไปศึกษานั้นกับเป็นการวิเคราะห์อะไรสักอย่างที่ดูยากยิ่ง
ครั้งหนึ่งนางเคยคิดสงสัยว่าทั้งที่บิดาของพวกนางเป็นถึงราชครู อีกทั้งยังเปิดสำนักศึกษาเป็นของตัวเอง เหตุใดพี่รองจึงต้องไปศึกษาที่อื่นด้วย นางเคยถามดูก็ได้คำตอบกลับมาว่า เรื่องที่พี่รองอยากเรียนอาจารย์ซือเต๋อเป็นผู้ที่สอนได้ลึกมากที่สุด ท่านพ่อเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่รองนางเลือก
“พวกเขาหลอกให้ข้าลงเขาไปซื้อของแล้วก็แอบพากันหนีไปเจ้าค่ะท่านแม่” มีเพียงจดหมายเพียงฉบับเดียวเท่านั้นเหลือทิ้งเอาไว้ให้นางเมื่อกลับไปถึง
‘ทัศนาจรครั้งนี้ไม่รู้จุดสิ้นสุด กี่วัน กี่ปีไม่อาจรู้ได้ เจ้ากลับจวนสกุลลู่ไปเสียเถอะ’
“เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว เดิมทีแม่เองก็ไม่อยากให้เจ้าไปทัศนาจรอะไรนั่นนักหรอก ไม่รู้ว่าอันตรายขนาดไหน เจ้าเป็นสตรีเป็นลูกสาวคนเล็กของแม่ เพียงชั่วขณะจิตไม่มีไม่ห่วงเจ้าเลย” ลู่ฮูหยินเสียงสั่นเมื่อเอ่ยจบก็เอื้อมมือไปจับมือบุตรสาวของนางมากุมเอาไว้
“ท่านแม่ลูกต้องขออภัยที่ทำให้ท่านต้องคอยเป็นกังวลเพราะข้านะเจ้าคะ” คำพูดที่ออกจากปากท่านแม่เมื่อครู่ทำเอา นางถึงกลับลืมความไม่พอใจที่ถูกอาจารย์ทิ้งไปเลย
ในใจบังเกิดความดีใจขึ้นมาที่ได้กลับมาอยู่กับท่านแม่และครอบครัวอีกครั้ง
ทั้งที่ท่านพ่อท่านแม่ห่วงนางมากก็ยังยอมตามใจให้นางได้เอาแต่ใจตนเองอยู่หลายปี
“แม่ไม่เคยถือโกรธเจ้า กลับมาแล้วก็ดี กลับมาแล้วก็ดีเป็นอย่างยิ่ง” ลู่ฮูหยินเอ่ยทั้งน้ำตา อีกทั้งยังโอบกอดบุตรสาวเอาไว้แน่นด้วยความปิติยิ่ง
ตอนที่ 2 สู่ขอ“ท่านพี่ ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านหน่อยเจ้าค่ะ”“ฮูหยินมีเรื่องใดก็เอ่ยมาตามตรงได้เลยระหว่างพวกเราสามีภรรยามีเรื่องใดที่ยากจะเอ่ยปากอีก”“เป็นเรื่องการแต่งงานของเฟยอวี้เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าเห็นควรหาสะใภ้ตบแต่งเข้าจวนให้เรียบร้อยเสียที เฟยอวี้ลูกชายของท่านพี่วันๆ อยู่กับพวกเหล่าทหารเห็นทีว่าหากยังไม่รีบช่วยเขาหาภรรยาสักคนคงต้องรอไปอีกหลายปีทีเดียว”“ฮูหยินไปร่วมงานชมบุปผามาเมื่อวานได้พบเจอกับบุตรสาวสกุลใดที่ถูกใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่” ผู้เป็นสามีเอ่ยถาม ในใจเขาพอจะคาดเดาเรื่องบางอย่างได้บ้างแล้ว“ข้าตอบท่านพี่อย่างไม่ปิดบังนะเจ้าคะ เมื่อวานข้าได้พบกับลู่ฮูหยินและบุตรสาว ท่าทางนางถอดแบบมารดามาทั้งหมด ดูเรียบร้อยอ่อนโยนยิ่งนัก ข้าคิดว่าบุตรสาวสกุลลู่เหมาะสมกับเฟยอวี้ของเราเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ”“ข้าเชื่อสายตาฮูหยิน หากเจ้าคิดว่าเหมาะสมก็จัดการเรื่องทาบทามสู่ขอเสียเลยก็แล้วกัน” แน่นอนว่า“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมเยี่ยนลู่ฮูหยินด้วยตัวเองและพูดคุยเรื่องทาบทามสู่ขอให้เรียบร้อย”“เจ้ารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง อีกเรื่องที่ข้าจะบอกฮูหยินเมื่อครู่มีจดหมายจากเฟยอวี้มาถึงพอดี เขียนมาว่าอีกส
ตอนที่ 3ไม่ทันตั้งตัวหลายวันมานี้มีคนเข้าออกจวนตลอด ท่านแม่ของนางก็ดูเหมือนกำลังยุ่งเรื่องอันใดสักอย่างอยู่เช่นเดียวกัน นางถามพี่ใหญ่ว่าท่านแม่ยุ่งอยู่กับอะไรก็ได้คำตอบมาว่าไม่รู้เช่นเดียวกันช่วงสายประจวบเหมาะกับได้พบท่านแม่อยู่ที่ศาลารับลมจึงได้เดินเข้าไปหวังสอบถามให้กระจ่าง“ท่านแม่ หลายวันมานี้ลูกเห็นว่าท่านเหมือนมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการเลย ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่ากำลังยุ่งเรื่องใดกัน”“ยุ่งเรื่องรายการสินสอดแล้วก็สินเดิมเจ้าสาวอยู่ แต่ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ แม่ให้พ่อบ้านเจียงกับแม่บ้านหลีไปคอยควบคุมจัดการแทนแล้ว”“มิใช่ว่าเรื่องนี้ควรเรียบร้อยไปตั้งนานแล้วมิใช่หรือ หรือว่าทางสกุลจี้เพิ่มสินสอดให้พี่สาวข้าอีก หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าว่าที่พี่เขยข้าผู้นี้ใจป้ำไม่เบา พี่สาวแต่งไปต้องไม่ลำบากแน่จริงหรือไม่พี่สาว” นางเอ่ยเย้าผู้เป็นพี่สาวพร้อมทำหน้าตาทะเล้นตั้งใจจะแหย่ให้นางเขินเล่นลู่ชิงอี้ที่ถูกเย้าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางทำเพียงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ใบหน้าแดงด้วยความเขินอายจนต้องก้มหน้าลงมองพื้น“เรื่องมงคลของพี่สาวเจ้าเรียบร้อยหมดแล้ว ที่ข้ายุ่งวุ่นวายอยู่หลายวันนี้ก็เพราะเรื่องมงคล
ตอนที่ 4เจ้าสาวขึ้นเกี้ยวด้วยเป็นเพราะมีเวลากระชั้นชิดชุดเจ้าสาวที่แต่เดิมเตรียมเอาไว้สำหรับคุณหนูใหญ่สกุลลู่กลับเป็นคุณหนูสามที่ได้สวมใส่เข้าพิธีแทนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ต้องปักลายมงคลก็เพิ่งจะแล้วเสร็จไปเมื่อวาน โชคดีที่แม้ลู่เข่อชิงนั้นจะสนใจด้านวรยุทธ์มากเป็นพิเศษ แต่ด้านเย็บปักถักร้อยก็พอที่จะใช้ได้อยู่ ไม่ถึงขั้นประณีตวิจิตรแต่ก็ไม่ได้ดูไร้ฝีมือ แค่ลงมือปักลายมงคลเล็กๆ น้อยๆ ลงบนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวจึงไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของเล็กของท่านแม่ผู้มีชื่อเสียงด้านเพียบพร้อมอ่อนหวานอย่างไรก็ย่อมต้องมีฝีมือติดตัวเอาไว้อยู่แล้ว แม้จะไม่ได้ทำให้ท่านแม่สามารถภาคภูมิใจได้มากอย่างพี่สาวแต่ก็ไม่ทำให้ท่านแม่ต้องผิดหวังเลยจะดีกว่าลู่เข่อชิงจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกทองเหลืองเบื้องหน้าอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่สวมใส่ชุดเจ้าสาว จัดแจงทรงผมประดับมงกุฎเจ้าสาวเสร็จเรียบร้อยแล้วในกระจกนั้นเป็นเงาสะท้อนของนางที่เหมือนกับไม่ใช่นางหญิงสาวผู้นี้ดูสวยงามเรียบร้อยไม่ต่างจากท่านแม่และพี่สาวที่ ยืนอยู่ข้างๆ นาง ไม่ใช่หญิงสาวที่มักจะเกล้าผมรวบขึ้นอย่างง่ายๆ เสื้อผ้า ก็สวมแต่สีเรียบ
ตอนที่ 5ค่ำคืนวสันต์มีค่าดุจทองพันชั่งทุกทิศทางที่กระบี่ของนางพุ่งไปยังเขานั้นถูกหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่นางถือกระบี่แต่เขามีเพียงมือเปล่าเท่านั้นก็ยังดูไม่เสียเปรียบนางเลยสิบกระบี่ถูกเขารับมือได้ทั้งหมด อีกทั้งใช้ความเร็วในการเคลื่อนตัวเข้ามาโอบนางจากด้านหลังกุมมือลงมาทับกับที่นางกุมกระบี่อ่อนเอาไว้ ไม่นานกระบี่จากมือนางก็ถูกชิงไปไว้ในมือขอเขาเป็นที่เรียบร้อย“ท่านแม่ทัพเก่งกาจสมคำร่ำลือ”“แต่เจ้ากลับดูต่างไปจากคำร่ำลือมากทีเดียว” ชายหนุ่มตอบกลับทันที พร้อมทั้งโยนกระบี่ขึ้นไปปักที่เสาไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล“ร่ำลือว่าอย่างไรบ้างหรือเจ้าคะ ลือว่าข้างดงาม เรียบร้อยอ่อนหวานเป็นยอดสตรีในห้องหอใช่หรือไม่” นางเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวใหญ่ที่บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิ ดและทอดมองอาหารเหล่านี้ด้วยสายตาเป็นประกาย“เหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น” เขาเอ่ยตอบก่อนจะเดินมานั่งลงที่ เก้าอี้ใกล้ๆ กับที่ร่างบางที่เมื่อครู่จ้องจะหันปลายกระบี่ใส่เขาไม่หยุด “เจ้านั่งลงก่อนเถอะ พวกเรากินไปคุยไปก็ได้” “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ” ผู้ที่สวมใส่ชุดมงคลสีสดเอ่ย ออก
ตอนที่ 6ฮูหยินน้อยคนใหม่ลู่เข่อชิงไล่ดับตะเกียงภายในห้อง เหลือเพียงตะเกียงมงคลที่วางอยู่ที่โต๊ะกลางห้องเท่านั้นที่ไม่ได้ดับ เรียบร้อยแล้วจึงเลิกม่านกั้นเตียงขึ้นถอดรองเท้าก้าวขึ้นเตียงนอนไป พื้นที่ด้านในถูกผู้เป็นสามียึดครองเอาไว้แล้ว นางจึงต้องนอนลงที่ฝั่งด้านนอกโดยปริยาย“ไหนเมื่อครู่เจ้าเอ่ยออกมาพร้อมท่าทางมั่นอกมั่นใจถึงเพียงนั้น เหตุใดพอขึ้นเตียงมาแล้วกับนอนนิ่งเช่นนี้ล่ะ” หนิงเฟยอวี้เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้า เขาหันมานอนตะแคงจ้องมองไปทางนางอย่างนึกสนุกร่างเล็กของหญิงสาวเปลี่ยนจากนอนตัวตรงเป็นหันตะแคงไป ทางบุรุษที่อยู่ด้านใน พวกเขาในตอนนี้จึงตะแคงหันหน้าเข้าหากันเป็นที่ เรียบร้อยอีกทั้งยามนี้ฮูหยินตัวน้อยของเขายังทอดสายตามายังเขาอย่าง แสนซื่อ“จริงๆ แล้วข้านั้นรู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นัก นอกจากท่าน พ่อ พี่ชาย และอาจารย์ ข้าก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับบุรุษใดอีก พวกเราเองก็เพิ่ง เคยเจอกัน แม้ท่านแม่จะบอกข้าแล้วว่าสามีภรรยาใกล้ชิดแนบชิดกันไม่ใช่เรื่องผิด และถึงแม้ข้าจะใจกล้าเพียงใดแต่ไม่คุ้นชินก็เหมือนกับว่าจะทำสิ่งใดไม่ค่อยสะดวกใจนัก”“ที่เจ้ากล่าวมามิใช่ข้าไม่สามารถเข้าใจได้”นาง
ตอนที่ 7กลับบ้านเดิม“อาจือ อีกสองวันท่านแม่ทัพต้องกลับเมืองว่านอัน ข้าเองก็ต้องเดินทางไปพร้อมกับเขาด้วย เรื่องสินเดิมและข้าวของที่นำมาเจ้ายังไม่ต้องนำออกมาจัดแจงให้เก็บเอาไว้ในหีบเช่นเดิมก่อนเอาไว้ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วข้าค่อยถามเขา” นางเอ่ยกับสาวใช้ส่วนตัวของนางที่ตามมาจากจวนสกุลลู่อาจือนั้นเป็นหญิงสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง ตั้งแต่ที่นางกลับมาที่สกุลลู่ก็มีอาจือนี่แหละที่คอยตามรับใช้อยู่ข้างๆ มาตลอด“เจ้าค่ะคุณหนู”“พรุ่งนี้ข้ากับท่านแม่ทัพจะกลับไปเยี่ยมเยียนที่สกุลลู่เจ้าติดตามข้าไปด้วยกันก็แล้วกัน มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องถามเจ้า”“เรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”“เมืองว่านอันนั้นอยู่ไกลจากเมืองหลวงนัก หากเจ้าไม่อยาก ติดตามไปด้วยกันกับข้าก็สามารถกลับไปอยู่ที่จวนสกุลลู่ดังเดิมได้”“บ่าวยินดีตามไปรับใช้คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูพาข้าไปเมืองว่าน อันด้วยนะเจ้าคะ” อาจือตอบกลับผู้เป็นคุณหนูของนางในทันที“เช่นนั้นพรุ่งนี้กลับจวนสกุลลู่ไปแล้วเจ้าก็จงบอกลาสหายของ เจ้าให้เรียบร้อยก็แล้วกัน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไปจากที่เมืองหลวงนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีกครั้ง”สามีของนางกลับมาถึงจวนก็ถึงเวลาอาหารเย็น
ตอนที่ 8แยกจากกันครั้งนี้เพื่อพบกันใหม่“สามี…ท่านใจดียิ่ง” นางเอ่ยชมเขาพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้“เจ้าจะได้สบายใจ ไม่เช่นนั้นตลอดทางไปเมืองว่านอันเจ้าก็คง ไม่อาจสงบใจได้”หากนางไม่อาจสบายใจได้ก็จะไม่มีความสุข ไม่ร่าเริงเหมือนที่ เป็น เขารู้สึกไม่ค่อยชินเวลาที่เห็นนางเศร้าใจเช่นนี้“ข้าเยี่ยมท่านย่าเรียบร้อยแล้วจะเร่งไปหาท่านไม่เถลไถลที่อื่นอย่างแน่นอน”“เสี่ยวฉีเป็นคนติดตามของข้า พรุ่งนี้เจ้าออกเดินทางไปเยี่ยมท่านย่าพร้อมท่านพ่อตาก็ให้เขาไปคอยติดตามเจ้า เสี่ยวฉีคุ้นเคยกับทางไปเมืองว่านอันเป็นอย่างดีภายหลังการเดินทางของเจ้าจะได้ไม่มีสิ่งใดติดขัด”“เช่นนั้นสัมภาระของข้าที่ต้องนำไปที่เมืองว่านอันจะทำอย่างไรดีเจ้าค่ะ หากข้าให้อาจือติดตามไปเมืองว่านอันพร้อมท่านเพื่อดูแลความเรียบร้อยของสัมภาระข้าได้หรือไม่”“ก็ดีเหมือนกัน ปกติแล้วข้าไม่ค่อยอยู่จวนแม่ทัพในเมืองว่านอัน จะอยู่ที่ค่ายทหารเป็นส่วนใหญ่ ให้นางไปจัดแจงเรือนนอนให้เจ้าล่วงหน้าก็จะเป็นอันดี ตอนเจ้าไปถึงจะได้มีที่พักสบายหน่อย”จู่ๆ ขณะที่รถม้ายังเคลื่อนตัวไป ภายในรถม้ายามนี้ที่เพิ่งเงียบไร้ซึ่งบทสนทนา นางกลับพบว่าตนเพิ่งจะได้มองดูบุรุษผ
ตอนที่ 9ผู้ใดกันแน่ที่ต้องรู้สึกอับอายเดินทางสามวันสามคืนในที่สุดก็มาถึงบ้านเดิมของพวกนางสกุล ลู่ บ้านเดิมของสกุลลู่นั้นอยู่ที่เมืองเหลียงตอนนี้มีเพียงท่านย่าของนาง หรือก็คือฮูหยินหนิงผู้เฒ่าที่อยู่ที่นี่เท่านั้นตอนที่มาถึงบ้านเดิมสกุลลู่ทั้งท่านแม่และก็พี่สาวของต่างก็ตกใจที่เห็นนางมาด้วยกันกับท่านพ่อ แต่พอนางอธิบายว่าสามีของนางเป็นผู้อนุญาตให้แวะมาดูท่านย่าให้สบายใจก่อนแล้วค่อยตามไปหาเขา ท่านแม่ของนางก็เอ่ยชมลูกเขยสามของบ้านเสียยกใหญ่ทีเดียวนางกลับท่านพ่อมาถึงก็เกือบจะเป็นเวลาบ่ายแล้ว ท่านแม่บอกว่าท่านย่านั้นเพิ่งทานยาแล้วหลับไป รอช่วงเย็นก่อนท่านพ่อกับนางคอยเข้าไปเยี่ยมท่านย่า“ฮูหยิน อาการป่วยของท่านแม่ข้าเป็นเช่นไรบ้าง” เป็นท่านพ่อของนางที่เอ่ยถามออกมา“ท่านแม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ท่านหมอที่มาทำการรักษาท่านบอกว่าท่านแม่ล้มป่วยเพราะความเครียด ใจนางป่วยจึงพาให้ร่างกายอ่อนแอจนล้มป่วยไปด้วย”“ท่านย่าอยู่ที่บ้านเดิมที่ท่านชอบมิใช่หรือเจ้าคะ จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านย่าเครียดจนล้มป่วยได้กัน” ลู่เข่อชิงเอ่ยถามท่านแม่นางด้วยความสงสัย ปกติแล้วท่านย่าเล็กที่อยู่จวนติดกันซึ่งเป็นน้องสาวแท้
ตอนที่ 40 บทส่งท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับหลงเฟยอวี้ ทำให้ในจวนเข้มงวดขึ้น ไม่มีการรับสาวใช้คนใหม่อีก หากจำเป็นก็จะเรียกใช้แต่พวกรับจ้างมาเช้าเย็นกลับเท่านั้นคืนนั้นเหตุเกิดเพราะมีหญิงสาวนางหนึ่งมีแผนการร้ายมาตั้งแต่แรก สวมตัวตนเข้ามาตั้งใจวางยาคนในจวนที่รับหน้าที่ดูแลเฝ้ายามที่เรือนหนังสือจนสลบไม่ได้สติ อีกทั้งวางยาปลุกกำหนัดท่านแม่ทัพใหญ่เพื่อจะจับท่านแม่ทัพให้ได้แต่กลับไม่ได้ผล สุดท้ายสตรีนางนั้นก็หนีหัวซุกหัวซุนออกไปจากเมืองหนิงเฟยอวี้ถึงขั้นวาดภาพของสตรีผู้นั้นและติดประกาศว่านางเป็นสตรีไร้ยางอายและทำเรื่องไร้ศีลธรรมถึงสามวันสามคืน เพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้มีผู้ใดทำผิดอีก“ท่านพี่ลำบากท่านแล้วนะเจ้าคะ” นางเอ่ยปลอบผู้เป็นสามีใครจะคิดไปถึงกันเล่าว่าท่านแม่ทัพใหญ่ผู้น่าเกรงขามที่ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าน่าหวั่นเกรงนั้นเวลานี้กับร้องขอให้นางปลอบใจเขาไม่หยุดทั้งๆ ที่ก็ผ่านเหตุการณ์เช่นนั้นมาหลายวันแล้ว“ภาพสตรีไร้ยางอายผู้นั้นยังติดตาข้าไม่หาย” เขาเอ่ยอย่างออดอ้อน สองมือเอื้อมไปยุ่งวุ่นวายกับปมอาภรณ์ของภรรยาไม่หยุด “ภรรยาต้องลำบากให้เจ้าให้เขาได้มองเจ้านานๆ ให้เต็มตาเสียหน่อยแ
ตอนที่ 39ไร้วี่แววข่าวดีหนึ่งปีผ่านไป ชีวิตที่เมืองว่านอันของลู่เข่อชิงนั้นถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น ครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนก่อนหน้านี้ที่แม่นางหลงซานมาก่อเรื่องเอาไว้ก็ไม่มีผู้อื่นนอกจากคนในจวนรู้เรื่อง และนางกับสามีก็ตั้งใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสถานการณ์ที่ชายแดนแถบนี้ถือได้ว่ามั่นคงเป็นอย่างดี ราชสำนักมีข้อตกลงเพื่อยุติสงครามได้อย่างมั่นคงยาวนานแล้ว อีกไม่นานจะมีการส่งองค์หญิงมาสมรสถือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อย่างเป็นทางการสงครามสงบแน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านย่อมดีกว่าเดิม มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นการค้าการขายในอนาคตไปยังแคว้นข้างเคียงอาจจะนำพามาซึ่งความมั่งคั่งของประชาชนสืบไปวันก่อนนางได้ยินมาว่า ท่านพี่ของนางเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ไปรับองค์หญิงที่จะมาสมรสเชื่อมสัมพันธ์ เรื่องวันเวลาและการจัดเตรียมขบวนการรับองค์หญิงนั้นเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดลู่เข่อชิงยังแอบคิดไว้ว่าหากได้วันเวลาที่แน่นอนแล้ว ไม่แน่ว่านางอาจจะของติดขบวนรับองค์หญิงเพื่อไปท่องเที่ยวด้วย"สองปีแล้ว ฮูหยินแต่งเข้าจวนมาสองปีแล้ว แต่กับยังไร้ความเคลื่อนไหว" "ฮูหยินมีปัญหาอ
ตอนที่ 38 ไร้ค่า น่ารังเกลียด ลู่เข่อชิงในยามนี้กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าของตนซึ่งสะท้อนให้ เห็นในกระจกทองเหลืองบานใหญ่ตรงหน้าอย่างพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลง ใบหน้าของนางดูงดงามขึ้น ดูน่ามองกว่าแต่ก่อนมากนัก ไม่อาจกว่าว่างามเป็นหนึ่งเหนือผู้ใดได้อย่างเต็มปาก แต่ก็ถือว่างามพอตัวอยู่ไม่น้อยหน้าผู้ใด อาจเป็นเพราะได้แม่บ้านหลิง สาวใช้คนสนิทอย่างพวกอาจืออาหน่ายช่วยกันบำรุงใบหน้าและผิวพรรณให้นางอย่างเอาใจใส่พิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งเรียวคิ้วโค้งเรียวดุจกิ่งหลิว ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากอวบอิ่ม ใบหน้าของนางในยามนี้ไร้สิ่งใดแต่งเติม แต่กับดูน่าหลงใหลไม่น้อยตัวนางในยามนี้ยังคิดว่าตนนั้นมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สตรีที่ออกเรือนแล้วเช่นนางพึงมีขึ้นมาเองกระมัง“เอาชุดตัวแดงมาให้ข้าสวมอีกชั้นก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ข้างกายตนหลังจากนางเอ่ยปากไป อาหน่ายก็ไปนำชุดที่นางต้องการมาให้ และช่วยนางสวมจนเสร็จเรียบร้อย“คืนนี้ท่านแม่ทัพไม่กลับจวน บ่าวนอนเป็นเพื่อนฮูหยินนะเจ้าคะ”“ก็ได้ ข้าจะอ่านตำราอีกสักพักจึงจะเข้านอน ระหว่างนี้เจ้าก็ไปจัดการตัวเองก็แล้วกัน” นางเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่ง
ตอนที่ 37ไว้ใจได้?ยามสายของเช้าวันนี้ ลู่เข่อชิงใช้เวลาอยู่ในสวนที่เหล่าต้นไม้ใบหญ้ากำลังเบ่งบานน่ามองเป็นที่สุด เพื่อจัดการสวนดูแลสวนเล็กๆ น้อยๆ อย่างรดน้ำ พรวนดิน โดยมีสองสาวใช้คนสนิททั้งสองคอยเป็นลูกมือพวกนางล้วนช่วยกันลงแรงอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมีสาวใช้ผู้หนึ่งเข้ารายงาน ลู่เข่อชิงถึงได้ละสายตาจากต้นไม้ในมือที่กำลังปลูก“ฮูหยินเจ้าคะ แม่บ้านหลิงให้บ่าวมาถามท่านว่า มีแม่นางแซ่หลงมาขอพบท่านเจ้าค่ะ แจ้งว่านางมาจากหมู่บ้านกลางหุบเขานอกเมือง ฮูหยินจะให้เข้าพบหรือไม่เจ้าคะ”แม่นางแซ่หลง จากหมู่บ้านกลางหุบเขาเช่นนั้นหรือ คงจะเป็นแม่นางหลงซานผู้นั้นเป็นแน่เมื่อคาดว่าเป็นผู้ใดที่มาเยือนได้แล้ว หญิงสาวแม้จะสงสัยว่าเหตุใดแม่นางหลงซานผู้นั้นที่ดูไม่ชอบนางจู่ๆ ถึงได้มาเยือนถึงจวนได้ครั้งก่อนที่หมู่บ้านกลางหุบเขา หัวหน้าหมู่บ้านผู้เป็นบิดาของแม่นางหลงดูแลต้อนรับพวกนางเป็นอย่างดี แน่นอนว่ายามนี้แม่นางหลงมาเยือนถึงจวนย่อมต้องให้พบหน้าแน่อยู่แล้ว“เจ้าให้แม่บ้านหลิงเชิญแม่นางหลงเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยจบก็ก้มลงพรวนดินใส่ต้นไม้ต่อ“เจ้าค่ะ”สาวใช้คนนั้นรับคำแล้วก็เดินออกไป มุ่งหน้าสู่ด้านหน้าประตู
ตอนที่ 36สามีภรรยารักใคร่ ลู่เข่อชิงเริ่มคุ้นชินกับจวนแม่ทัพเป็นอย่างดี ตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพก็เริ่มเข้าที่ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความช่วยเหลือของเหล่าผู้คนในจวนด้านวรยุทธ์นางยังคงฝึกฝนอยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับความชี้แนะกับผู้อื่นอีกหลายคน เรียกได้ว่าคนในจวนแม่ทัพหากพอเป็นวรยุทธ์อยู่บ้างล้วนถูกนางดึงมาปะมือด้วยไม่ได้ขาดถึงเรื่องในครัว เห็นได้ชัดเจนว่าฝีมือทำอาหารของนางนั้นก้าวหน้าขึ้นได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยๆ ก็ไม่ทำสิ่งใดไหม้จนดูไม่ได้อีกส่วนสามีของนางแม่ทัพหนุ่มผู้เก่งกาจหาญกล้า เขาล้วนยังคงยุ่งอยู่กับการทหารเช่นเดิม ทว่าถึงแม้จะยุ่งเพียงใดกับไม่เคยละเลยนางผู้เป็นภรรยา ซ้ำหากได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในยามค่ำคืนก็มักจะคลอเคลียไม่ห่าง ชีวิตแต่งงานของนางจึงนับว่าหวานชื่นเป็นอย่างมากวันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส่ แดดอ่อนๆ นางจึงออกมาเดินเล่นนอกจวนกับอาจือและเสี่ยวหน่าย บังเอิญวันนี้มีความครึกครื้นครั้งใหญ่ที่กลางถนนหัวมุมพอดีเรื่องครึกครื้นที่ว่าก็คือมีคณะท้าดวลสัญจรผ่านมาตั้งเวทีประลอง เห็นว่าเป็นคณะท้าดวลซึ่งมีการวางเดิมพัน แลกเปลี่ยนอาวุธกับเงินทองหากผู้ที่ท้าดวลชนะสาม
ตอนที่ 35 ภัยเงียบ “ก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าเหตุใดวันนี้พี่หญิงถึงมาหาข้าถึงที่นี่ได้” ชายหนุ่มเจ้าของบ่อนพนันเอ่ยทักญาติผู้พี่ของตนที่จู่ๆ ก็มาหาอย่างกะทันหัน อีกทั้งปกติแล้วนางนั้นมักจะไม่ยอมมาเหยียบบ่อนพนันแห่งนี้ของเขาเลย ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้ดีว่านางก็คงจะกลัวใครพบเห็นว่าเข้ามาในที่เช่นนี้และจะทำให้เสื่อมเสียชายหนุ่มรินน้ำชาด้วยตนเองก่อนที่จะยื่นให้ญาติผู้พี่ซึ่งนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้าม “ดื่มชาสงบอารมณ์ก่อนเถอะ เรื่องแม่ทัพใหญ่หนิงที่ท่านมีใจให้มานานมีฮูหยินแล้วแถมเป็นสมรสพระราชทาน ใครๆ เขาก็รู้กันไปทั่วแล้ว”“เจ้ายังจะมาซ้ำเติมข้าอีก ใช่ได้ที่ไหนกัน” นางเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งกระแทกจอกน้ำชาที่หมดแล้วลงกับโต๊ะอย่างแรง“พี่หญิงท่านอ่อยบุรุษมาหลายปี ไม่สำเร็จก็ควรจะยอมรับได้แล้ว เศรษฐี ขุนนางในเมืองก็มีตั้งมาก ท่านเลือกสักคนแล้วลงมือจับให้อยู่ได้แล้ว” เขาแนะนำ อย่างไรญาติผู้พี่ของเขานางก็ถือได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ดูจากภายนอกก็ดูอ่อนหนาวน่ารักน่าเอ็นดู ท่าทางเช่นนี้ล่อลวงบุรุษได้ไม่ยาก นางมั่วแต่เสียเวลายั่วยวนแม่ทัพหนิงที่ไม่ได้สนใจนางเลยอยู่ตั้งนาน ช่างน่าเสียดายเวลายิ่งนั
ตอนที่ 34ฮูหยินอย่างเป็นทางการฤดูใบไม้ผลิอันเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาวนกลับมาถึงอีกครั้ง ทั่วทั้งบริเวณที่เคยถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวบัดนี้กลับคืนสู่ความเขียวขจีอีกครั้งหลายวันก่อนแม่บ้านหลิงได้มาหารือกับนางเรื่องการจัดสวน และการลงต้นไม้ดอกไม้ในจวนใหม่ เพราะว่าก่อนหน้านี้ภายในจวนไม่ได้จัดการอย่างเป็นระบบระเบียบนักเนื่องจากท่านแม่ทัพไม่มีเวลาสนใจ ทว่ายามนี้ในจวนมีฮูหยินแล้ว เรื่องทั้งหมดจึงควรเข้าที่เข้าทางได้แล้วลู่เข่อชิงจึงช่วยกันกับแม่บ้านหลิง ช่วยกันดูว่าควรจัดวางต้นไม้ ดอกไม้อย่างไรดี เดิมที่นางก็คิดว่าทุกอย่างในตอนนี้แม้จะดูธรรมดาไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร“ฮูหยินตอนท่านมาที่จวนเป็นฤดูวสันต์ อีกทั้งเดิมทีที่จวนเรานี้ไม่มีนายหญิงเช่นท่านมาก่อน จวนแม่ทัพเลยไม่มีแขก ทว่ายามนี้อย่างไรฮูหยินน้อยเช่นท่านก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ในอนาคตย่อมต้องต้อนรับแขกไม่น้อยทีเดียว”นางเข้าใจที่แม่บ้านหลิงต้องการสื่อได้ดี ทั้งสวนและการตกแต่งในจวนล้วนแล้วเป็นหน้าเป็นตาของท่านแม่ทัพทั้งสิ้น จะอย่างไรก็ควรให้สมฐานะแม่ทัพใหญ่ของเขา“เช่นนั้นหากข้าอยากให้ ในสวนกลางจวนมีน้ำตกจำลองเล็กๆ เล่าเป็นอย่างไร”“คงจ
ตอนที่ 33 ค่ำคืนวสันต์ผลิบานหนิงเฟยอวี้อ่านจดหมายที่ท่านแม่ของเขาเขียนมาถามไถล เรื่องราวของตัวเขาและภรรยาว่ายามนี้เป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังดู เหมือนว่าท่านแม่จะใส่ใจว่าลู่เข่อชิงนางจะปรับตัวได้หรือไม่ ชายหนุ่มเขียนจดหมายตอบกลับในส่วนของตนเองเสร็จ เรียบร้อยก็จัดวางเอาไว้บนโต๊ะอักษรเอาไว้ก่อน และตั้งใจว่าจะให้ลู่ เข่อชิงเขียนตอบกลับไปด้วยตัวนางเองอีกหนึ่งฉบับท่านแม่ของเขาจะได้ วางใจ เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วก็เห็นว่าทางฮูหยินตัวน้อยของตนนั้นคง น่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และยามนี้คงกำลังรอเขาให้กลับไปอยู่ ชายหนุ่มจึงตรงกลับไปยังเรือนนอนของตนและฮูหยินทันที เมื่อมาถึงเรือนนอนก็เห็นว่ามีสาวใช้สองคนกำลังยืนเฝ้าอยู่หน้า เรือน เขาโบกมือไล่พวกนางให้กลับไปโดยไม่ได้ส่งเสียงโดยปกติแล้วในวันที่เขาไม่ได้กลับมานอนที่จวน ภายในห้องก็จะมีสาวใช้คนสนิทของเข่อชิงคือเสี่ยวหน่ายและอาจือผลัดกันมานอนเฝ้าอยู่ห้องด้านนอกฮูหยินของเขา ด้านนอกก็จะมีสาวใช้เฝ้าอยู่จนถึงยามดึก เผื่อว่าฮูหยินจะต้องการเรียกใช้สิ่งใดขึ้นมาจะได้สะดวก ทว่าหากเขาอยู่ที่จวน เข้านอนที่ห้องพร้อมกับฮูหยินก็ไม่ต้องให
ตอนที่ 32 การเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริงเวลานี้แม่บ้านหลิงจำต้องเร่งพาฮูหยินน้อยของนางกลับเข้า เรือนนอนเพื่อที่จะได้นั่งคุยสอบถามเรื่องที่ทำให้ตัวนางและอาจือนิ่งค้าง ไปเมื่อครั้งเดินเล่นเป็นเพื่อนผู้เป็นนายอยู่ด้านนอกตัวนางรู้ดี ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดที่คุณหนูจากสกุลขุน นางอีกทั้งยังเป็นหญิงสาวใสซื่อจะไม่เข้าใจเรื่องราวลึกซึ้งระหว่างสามี ภรรยาที่ควรเกิดขึ้นในห้องหอ เรื่องเช่นนี้ฮูหยินไม่ทราบนั้นเข้าใจได้ แต่ท่านแม่ทัพที่เป็นบุรุษ ย่อมไม่มีทางไม่ทราบอย่างแน่นอน“ฮูหยิน ข้าน้อยคงต้องบังอาจของถามคำถามบางอย่างที่อาจจะดูไม่ควรกับท่านนะเจ้าคะ” แม่บ้านหลิงจำต้องกล่าวขึ้น หากนับอาวุโสแล้วที่จวนแม่ทัพแห่งนี้อย่างไรผู้ที่จะชี้แนะเรื่องเช่นนี้กับฮูหยินได้ก็คงจะมีเพียงแค่นางเท่านั้นเพื่อคุณหนู และคุณชายน้อยของจวนในอนาคต อย่างไรนางก็ จำต้องชี้แนะเรื่องนี้ให้สำเร็จให้จงได้“เป็นคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าถามที่ด้านนอกใช่หรือไม่” “ใช่เจ้าค่ะ” แม่บ้านหลิงขานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เช่นนั้นแม่บ้านหลิงก็ถามได้เต็มที่เลย ข้าจะตอบทั้งหมด” “ก่อนอื่นเลย ยามอยู่ในห้องด้วยกันฮูหยินกับท่าน