Share

วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
ผู้แต่ง: เพลงมีนา

Chapter 1. บทนำ

          ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำให้หญิงสาวในชุดสาวจีนโบราณสีชมพูอ่อนหวานถึงกับก้าวเท้าไม่ออก  ราวกับเท้าทั้งสองถูกตะปูตอกตรึงไว้  ชายหนุ่มที่เธอรักและเชื่อใจกำลังจูบดูดดื่มกับหญิงสาวอีกคน!

            “ดาว ได้เวลาเข้าฉากแล้ว”

            หญิงสาวเจ้าของชื่อได้สติ  แม้มีแต่เสียงตะโกนเรียกแต่คนเรียกอยู่ไกลนักจึงไม่มีใครรู้ว่าในที่ลับตาคนมีพระเอกหนุ่มที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงกับนางเอกสาวบุคลิกชวนให้คนทะนุถนอมกอดจูบดูดดื่มไม่สนใจฟ้าสนใจฟ้าดิน

            เป็นชายหนุ่มที่ได้ยินเสียงตะโกนนั้น ทำให้เขาชะงักและผละจากนางเอกสาวที่อ่อนระทวยในวงแขน  เสี้ยววินาทีสั้น ๆ ‘พันดาว’ สบตากับ ‘ศรัณย์’  มีบางอย่างในดวงตาของเขาที่ทำให้เธอสะบัดหน้าหนีหันหลังเดินตัวตรงจากมาอย่างไม่คิดจะหันกลับไปมองอีก

            ร่างเพรียวเดินมารับกระบี่ปลอม นักแสดงตัวประกอบหลายคนอยู่ในชุดจีนโบราณ  และหลายคนที่เป็นทีมงานกองถ่ายภาพยนตร์ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนสบาย ๆ  ช่างเมคอัพเข้ามาแต่งหน้าให้พันดาวอีกเล็กน้อย อีกคนจูงม้าสีน้ำตาลสวยเข้ามาอย่างรู้คิวงาน   ผู้ช่วยอีกคนเข้ามาซักซ้อมคิวการแสดง  พันดาวมองเลยไปยังคู่พระเอกนางเอกที่เดินออกมาจากด้านหลังพร้อมกัน โดยไม่มีใครรู้ว่าสองคนนี้ไปทำอะไรกันมา แต่ดวงตาของพันดาวอดมองริมฝีปากที่เจ่อบวมเล็กน้อย  เธอไม่ได้สนใจนางเอกสาวที่แต่งกายชุดเดียวกับเธอนัก   ถ้าจะพูดให้ถูกคือเธอแต่งกายแบบเดียวกับนางเอกคนนั้น เพราะเธอกำลังเล่นเป็นนางเอก 

            “ดาวพร้อมไหม!”

            “พร้อมค่ะ”

            เธอตอบแล้วตวัดสายตากลับ  ตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า  เธอจะพลาดไม่ได้ เพราะนั้นหมายถึงชีวิตของเธอเอง

            “เอาเทคเดียวผ่านเลยนะ”

            พันดาวตอบด้วยรอยยิ้มเป็นรอยยิ้มของคนที่มั่นใจตัวเอง  เธอเป็นสตั๊นต์เกิร์ลมาตั้งแต่อายุสิบแปด ตอนนี้อายุยี่สิบหก ประสบการณ์ล้นเหลือ เคยร่วมงานกับทีมภาพยนตร์ต่างประเทศหลายครั้ง เหมือนเช่นที่ครั้งนี้เดินทางมาไกลถึงประเทศจีน แต่กระนั้นหญิงสาวก็รวบรวมสมาธิไม่อยู่ในความประมาท

            หญิงสาวมองสัญญาณจากผู้กำกับ  แสงไฟ กล้องถ่ายภาพยนตร์กำลังทำงาน  มันควรจะเป็นแค่ฉากง่าย ๆ แค่ควบม้าผ่านระเบิด และเปลวไฟเหล่านั้น   พันดาวจดจำจุดที่วางระเบิดได้แม่นยำ  ก่อนถ่ายทำยังเดินสำรวจดูด้วยตนเองหลายรอบ  ด้วยความที่ทำงานด้านนี้มานาน สนิทสนมกับฝ่ายเอฟเฟกต์อย่างดี และด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มีมาตั้งแต่เด็ก  หากมีเวลาว่างก็มักจะเข้าไปคลุกคลีกับฝ่ายนี้ กลิ่นน้ำมัน กลิ่นดินปืน เทคนิกการระเบิดให้ปลอดภัย ทำให้เธอมั่นใจว่าตัวเองปลอดภัย

ความจริงมันควรเป็นฉากอันแสนสง่างาม  นางเอกควบม้าไปช่วยพระเอกที่ติดพันศึกอยู่ทัพหน้า  นั้นเป็นเรื่องราวในอดีตภพที่ทำให้ทั้งสองให้คำมั่นสัญญาจะรักกันไปทุกชาติ มันเป็นเพียงฉากหนึ่งในภาพยนตร์  แต่บางเรื่องราวที่เข้ามากระทบใจมันกรีดลึกลงเนื้อหัวใจของเธอ  แผลที่มองไม่เห็น แต่กระนั้นก็ไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองเจ็บนั้น  เจ็บเพราะตัวเองโง่งมกับคำรักหวานหูหรือเพราะถูกหักหลัง

            หญิงสาวบนหลังอาชาสีน้ำตาลแสนงามสง่า ม้าตัวนี้เป็นม้าสำหรับการแสดงจึงไม่ตื่นตกใจง่าย ๆ และถูกฝึกซ้อมมาอย่างดี  พันดาวควบม้าด้วยความชำนาญผ่านจุดระเบิดต่าง ๆ อย่างสวยงาม และคาดว่าจะได้มุมภาพที่ออกมาดูดีไม่ต้องมาถ่ายซ่อมอีก  เหลือเพียงแค่กระโดดข้ามเพลิงกองนั้น  ก่อนที่ม้าจะกระโดดข้ามกองเพลิง  หางตาเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง  แม้บังคับใจให้ไม่วอกแวก ทว่าสิ่งนั้นกลับกระโจนผ่านมาหยุดหน้าม้าของเธอ

            สุนัขจิ้งจอกสีขาวพิสุทธิ์

ดวงตางามเบิกกว้างอย่างตกใจ  กลับมีเสียงระเบิดจากด้านข้าง  ม้าตื่นตกใจเสียจังหวะ เสียงระเบิดดังขึ้นซ้อนกันอีกหลายครั้งจนหญิงสาวหูอื้อ  รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างตัวเองกระเด็นออกจากหลังม้า

            นั้นเป็นความรู้สึกสุดท้ายที่หญิงสาวจดจำได้.

.....

          ดวงตาที่ปิดสนิทลืมขึ้นทันที คนผวาตื่นทำท่าเหมือนหายใจไม่ออก  จ้องมองม่านมุ้งจนแน่ใจว่าตนเองนอนอยู่ที่ใดแล้วจึงระบายลมหายใจยาว  เมื่อปรับลมหายใจของตนเองได้เป็นปกติแล้ว ร่างผอมบางก็ยันตัวเองลุกขึ้นจากที่นอน  เพราะฝันซ้ำเรื่องเดิมทำให้ผวาตื่น  เจ้าของร่างยกหลังมือปาดเหงื่อที่ชื้นเต็มใบหน้าก่อนผลักม่านมุ้งออก

            เสียงนกร้อง เสียงไก่ขัน และท้องฟ้าที่เริ่มระเรื่อด้วยแสงแห่งรุ่งอรุณ  หญิงสาวเริ่มชินกับสถานที่แห่งใหม่นี่แล้ว  ครบเดือนพอดีที่ ‘พันดาว’ ตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของหญิงสาวผอมบางวัยสิบหกปีนาม ‘เหมยซิง’  หญิงสาวยังจำได้ดีว่าตอนที่ได้สตินั้น  ยังคิดไปว่าเป็นการหยอกเล่นกันสนุก ๆ ของทีมงานในกองถ่ายภาพยนตร์  แต่เมื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ หากล้องที่อาจหลบซ่อนอยู่แล้วพบเพียงความว่างเปล่า  อาการมึนงงเหมือนศีรษะถูกกระทบกระเทือนเป็นเรื่องจริง  และยังมีรอยช้ำตามเนื้อตัวเอีก นางก้มมองสภาพตัวเอง  จัดฉากหรือสถานที่ได้  เสื้อผ้าย่อมเปลี่ยนได้  แต่รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไม่ได้  นางก้มมองสภาพตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ ถามหากระจกเหมือนคนโง่ แต่ใครจะรู้ว่าบ้านนี้ยากจนกระทั้งกระจกยังไม่มี  ฉับพลันนึกถึงน้ำจึงวิ่งไปส่องเงาตัวเองในอ่างน้ำ ลูบคลำใบหน้าตนเองอย่างแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรแปะทับใบหน้าตนเอง

            ใบหน้านี้ละม้ายคล้ายกับใบหน้าของ ‘พันดาว’ ในวัยสิบหกปีจริง ๆ  เพียงแต่เมื่อครั้งที่นางอายุสิบหกนั้นเป็นนักเรียนมัธยมไว้ผมยาวประบ่า  แต่เจ้าของร่างนี้ผมยาวถึงกลางหลังซ้ำยังผอมแห้งจนแทบจะปลิวลมอีกต่างหาก

            ‘เหมยซิง’

            พันดาวได้ยินเสียงชายวัยสี่สิบเรียกอย่างเป็นห่วง  เมื่อเห็นใบหน้าคนเรียกที่ท่าทางเหมือนคนป่วย และยังเดินลากขาซ้ายอีก หัวใจที่ตื่นตระหนกก็ยิ่งหดเกร็ง

            นี่มันอะไรกัน!

            กว่าจะตั้งสติยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้นั้น ก็ข้ามไปอีกวัน

            ความฝันที่ฝันซ้ำ ๆ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคือเรื่องจริงในอีกภพหนึ่งของพันดาว  ความทรงจำสุดท้ายที่ก่อนจะลืมตามาที่โลกที่ไม่รู้จักแห่งนี้

            หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงนอน พับที่นอนเรียบร้อยแล้วก็ใช้มือสางผมยาวยุ่งของตัวเองก่อนขมวดเป็นมวยง่าย ๆ เสียบด้วยปิ่นไม้ที่เหลาเอง   ในกระท่อมหลังน้อยแบ่งห้องนอนได้สองห้อง ห้องใหญ่เป็นของ ‘ติงเชา’  ที่นางและเด็กอีกสี่คนเรียก ‘พ่อบุญธรรม’   เด็ก ๆ ในบ้าน เป็นผู้ชายสามคนอายุไล่เลี่ยกันประมาณแปดขวบ คือ ติงหยี่  ติงเกา ติงปิง ส่วนเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ ‘เหมยลี่

            แท้จริงแล้ว ‘พันดาว’ ไม่มีความทรงจำของ ‘เหมยซิง’ อยู่เลย  อาศัยว่าตัวเองหมดสติไปสามวันสามคืน จำอะไรไม่ได้ทำให้ทุกคนค่อย ๆ เล่าที่มาที่ไปของตัวเอง และตัวนางด้วย

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status