Share

Chapter 3.  ตื่น

ติงเชาที่นอนป่วยบนฟูกเก่า ๆ มองการเคลื่อนไหวผ่านช่องหน้าต่างเห็นเหมยซิงควงไม้ไผ่ลำนั้นอย่างคล่องแคล่วแล้ว  ก็ประหลาดใจนัก  เขาเห็นความแตกต่างของเหมยซิงหลังจากฟื้นจาก....

ชายหนุ่มวัยสี่สิบถอนหายใจอย่างปวดร้าว ไม่คิดว่าลูกสาวบุญธรรมจะกตัญญูถึงเพียงนี้  ยอมไปทำงานเป็นหญิงรับใช้เพื่อหาเงินมาเลี้ยงน้อง ๆ  เขาย่อมรู้ว่าการทำงานเป็นบ่าวไพร่มิใช่เรื่องสบาย อาจถูกกดขี่จากผู้อื่นได้  เขาหวังให้นางใช้ชีวิตเรียบง่าย เขาทำได้เพียงแค่สอนหาของป่านำไปขายเลี้ยงชีพ  เหมยซิงของเขามองโลกงดงามเกินไป  นางถูกทำร้ายหนักหนาเพียงใดหนอ  จึงอยู่ในสภาพนั้น  เขาไม่เชื่อสุดจิตสุดใจว่าลูกรักจะเป็นขโมยได้  ยังไม่ทันมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง นางถูกหามทิ้งในป่าช้าอย่างอนาถ   ยามนั้นเขาคิดเพียงขอได้เห็นหน้าลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย  ได้ฝังนางอย่างสงบ แต่นางกลับฟื้นขึ้นมา  ดวงตาของนางจ้องมองเขาราวกับจะยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองก่อนหมดสติไปอีกครั้ง เขาที่ขาพิการต้องแบกร่างเบาหวิวของลูกสาวขึ้นหลังกลับมาที่กระท่อมหลังน้อย  โชคดีที่พวกเขาอาศัยอยู่ตีนเขาห่างไกลในเมือง  ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเหมยซิงอีก  เขาเองกลับเป็นฝ่ายลังเลที่จะไปทวงความยุติธรรมดีหรือไม่  แต่เห็นนางฟื้นอีกครั้ง และจำอะไรไม่ได้ เขาจึงล้มเลิกไป

ติงเชาเห็นความห่างเหินของเหมยซิงกับตนก็อดถอนหายใจไม่ได้  แต่อย่างไรนางก็เป็นหญิง และเป็นเพียงลูกบุญธรรมที่เขาเก็บมาเลี้ยง  สนิทสนมเกินไปย่อมไม่ดี แต่กระนั้นเหมยซิงก็ยังดีกับน้อง ๆ ทุกคน

“ท่านพ่อตื่นหรือยังเจ้าคะ”  เหมยซิงโผล่หน้าเข้ามาถาม  นางพูดจาเลียนแบบเหมยลี่  เพราะมีประสบการณ์จากการเป็นนักแสดงมา เลยพูดจาทำนองนี้นางฝึกเล็กน้อยก็คุ้นชินแล้ว

“ตื่นแล้ว”

“ข้าต้มโจ๊กไว้แล้ว ท่านลุกขึ้นมากินสักนิดเถิด” 

นางเข้าไปประคองพ่อบุญธรรมให้ลุกขึ้นนั่ง  เสียดายที่นางไม่รู้เรื่องสมุนไพรอะไรนัก  แต่หลังจากฟื้นมาในร่างเหมยซิงได้ครบเดือน  นางชินกับสภาพร่างกายนี้แล้ว และคิดว่าถึงเวลาที่ต้องขึ้นเขาสำรวจดูอะไร ๆ เสียหน่อย   หากจะต้องใช้ชีวิตในโลกนี้ก็คงต้องหาหนทางใช้ชีวิตแบบโบราณเสียหน่อย เด็ก ๆ ต้องกินอาหารให้เต็มท้อง พื้นที่หลังผ่านสงครามมากำลังฟื้นตัว นางคงจะพอหาอะไรมาเพาะปลูก  นางมีแรงงานเป็นเด็กชายสามคน ส่วนน้องเล็กให้คอยดูแลปรนนิบัติพ่อบุญธรรมไปก็แล้วกัน

“ท่านพ่อ ข้าอยากขอยืมอุปกรณ์ล่าสัตว์ของท่าน”

“หือ? เจ้าใช้เป็นหรือไร”  ติงเชาอดถามกลับไม่ได้

“แค่เอาไว้ป้องกันตัว”  นางหมายถึงมีดพร้าไม่ได้หมายถึงธนูเก่า ๆ นั้น  นางชำนาญไม้พลองมากกว่า แม้ชีวิตของพันดาว ใช้ไม้พลองเป็นเครื่องมือการแสดง แต่ในโลกของเหมยซิง นางคงจะได้ใช้มันป้องกันตัว 

แถวนี้ไม่เคยได้ยินเรื่องสัตว์ร้ายมานานแล้ว  เขาจึงวางใจให้ลูกสาวคนโตเข้าป่า “เอาติงหยี่ ไปด้วยกันซิ”

“ไม่ดีกว่า ข้าอยากไปตามลำพัง”   ความจริงนางอยากหาที่ฝึกฝนร่างกายด้วย ศิลปะการต่อสู้ที่ลุงทองดีสอนมา หากไม่ฝึกฝนอยู่เสมอ นางกลัวว่าตนเองจะลืมแม่ไม้หมัดมวยที่เรียนมาเสียหมด   ไม่รู้ว่าคนที่นี่มี

วรยุทธแบบในภาพยนตร์จีนกำลังภายในที่เคยดูมาหรือเปล่านะ

“แต่”

“ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ” เหมยซิงหัวเราะร่า “คนที่เคยถูกทิ้งในป่าช้าอย่างข้าคงไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก”.

            หัดเข้าป่าล่าสัตว์อยู่รวมสัปดาห์  เหมยซิงก็ได้กระต่ายป่าตัวอวบมาเป็นอาหารให้น้อง ๆ เด็ก ๆ ตื่นเต้นกันมาก  นางเองได้รับการสั่งสอนจากติงเชา  แม้พ่อบุญธรรมนอนป่วยอยู่บนที่นอนเสียส่วนใหญ่ แต่พอพยุงตัวลุกขึ้นได้ สอนนางใช้เครื่องมือล่าสัตว์  เอาธนูออกมาซ่อมแซมให้นางได้ฝึกใช้  เพราะร่างกายที่ฝึกฝนออกกำลังกายสม่ำเสมอทำให้เรี่ยวแรงกลับคืน

แรก ๆ นางกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อยที่ต้องฆ่าสัตว์ที่จับมา  นางไม่ใช่พวกไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ไม่เคยออกล่า และฆ่าเองเช่นนี้  อยู่อีกโลกก็แค่กำเงินไปจ่ายตลาด มีทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว ปลา หรือไก่ให้เลือกกินได้สารพัด  แต่ต้องทำเพื่อปากท้อง นางเริ่มทำใจได้   นางเก็บเห็ดลงมาจากเขาให้พ่อบุญธรรมช่วยดูว่าชนิดไหนกินได้บ้าง โชคดีที่บรรดาน้องชายถนัดเรื่องจับปลา พวกเขาสอนนางให้จับปลาในธารน้ำไม่ไกลนัก

            พันดาวหรือเหมยซิงเริ่มคุ้นชินกับชีวิตใหม่นี้ แม้ไร้เทคโนโลยีที่คุ้นเคย แต่เมื่อปรับตัวได้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว  แต่กระนั้นเงินก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญอยู่ดี  นางยังไม่รู้ว่าจะหาเงินได้อย่างไร จะหาของป่าไปขาย ตัวเองไม่ค่อยรู้จักอะไรดีนัก อาจต้องรอให้พ่อบุญธรรมแข็งแรงกว่านี้จะได้สอนนางได้มากขึ้น  ในโลกที่จากมาพันดาวเคยออกค่ายอาสาหลายครั้ง  รวมทั้งงานในกองถ่ายก็ไม่ได้สบายนัก หลายครั้งที่ออกกองถ่ายต่างจังหวัดก็ยังคิดอยู่ว่าคล้ายกับโลกใบนี้มากนัก

            จะเรียกว่าอะไรดี  พันดาวพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง เป็นโลกคู่ขนานแบบในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น จะมีโอกาสกลับไปโลกเดิมไหม?  ตอนจากมาจำได้แค่ว่ามีระเบิดกับไฟคลอก  หากต้องอยู่ในสถานการณ์เดียวกันถึงจะกลับไปได้  นางจะไปหาระเบิดและไฟคลอกที่ไหน แล้วมั่นใจได้อย่างไรว่าจะกลับไปสู่โลกเดิมได้  หากกลับไปแล้วร่างตัวเองเละเทะจะเป็นอย่างไร  หรือบางทีเหมยซิงในโลกนี้ไปอยู่ในร่างพันดาวในโลกโน้น  แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เหมยซิงผู้อ่อนแอบอบบางอายุเพียงสิบหกใช้ชีวิตในโลกร่างของพันดาวที่อายุยี่สิบหกได้ยังไง

 ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว พันดาวได้แต่ภาวนาว่าหากตัวเองกลับไปไม่ได้จริง ๆ ก็ขอให้ตายอย่างสงบเถอะนะ  อย่างน้อยลุงทองดีก็ได้เงินประกันชีวิตที่ทำไว้ และประกันอุบัติเหตุจากทีมงานคงมากพอไม่ทำให้ลุงทองดีต้องลำบาก  แต่ในระหว่างนี้พันดาวทำตัวให้คุ้นเคยกับเหมยซิง จึงฝึกพูดจาตามประสาคนที่นี่  ไม่ว่าอะไรก็ตามทำให้พันดาวมาอยู่ในร่างของเหมยซิง  นางจะพยายามใช้ชีวิตในโลกนี้ต่อไป

หญิงสาวตบแก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติ จากนี้พันดาวคือเหมยซิง และฟื้นจากป่าช้ามาสี่สิบห้าวันแล้ว นางมีน้องสาวที่แสนน่ารัก และน้องชายยอดกตัญญู รวมทั้งพ่อบุญธรรมที่มีใจเมตตา  กระท่อมหลังน้อยอยู่เชิงเขา นางพอหาอาหารจากป่าเขานั้นได้บ้าง แต่อย่างไรนางต้องการข้าวสาร และแป้งเพื่อทำอาหาร ต้องการเสื้อผ้า และยารักษาโรคให้พ่อบุญธรรม แน่นอนว่าต้องใช้เงิน  ถึงแม้ร่างนี้จะอายุสิบหกแต่ความคิดของนางก็ยังเป็นพันดาวที่อายุยี่สิบหกอยู่ดี

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status