Share

Chapter6.คนอะไรชื่ออืออา

            ‘หรือบาดเจ็บจนเป็นอัมพาตไปนะ’   

เหมยซิงถามตัวเองแล้วพิจารณาจากท่าทางของเขา  นางลองยกแขนของเขาขึ้นและปล่อยลง ท่อนแขนทิ้งตัวลงราวกับกิ่งไม้ร่วง  นางสบตากับดวงตาที่มีแววตื่นตระหนกคู่นั้นแล้วหันไปบอกน้อง ๆ ที่รุมล้อมอยู่ให้ถอยห่างออกไปข้างนอกก่อน  เมื่อในห้องโกโรโกโสไม่มีใครแล้ว นางจึงสูดลมหายใจลึกแล้วส่งยิ้มให้กำลังใจเขา

            “ที่นี่ไม่ผู้อื่นแล้ว เจ้าตั้งใจฟังข้าดี ๆ นะ”  นางชี้นิ้วที่หน้าตัวเองประกอบคำพูด “เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ ถ้าเข้าใจสิ่งที่หรือได้ยิน เจ้าพยักหน้าหนึ่งครั้งนะ”

            แม้คำพูดของนางจะฟังขัดหู แต่ซุนเว่ยหมินจำเป็นต้องทำตาม เขาฝืนพยักหน้าได้หนึ่งครั้งก็เหงื่อซึมออกมาอีกระลอก

            “ดี” นางพยักหน้ารับ  “คราวนี้ลองเปล่งเสียงซิ อา....”

            “....อ..อา...”

            “ดี”  นางยิ้มให้เขาเป็นของรางวัล “ข้าชื่อเหมยซิง เจ้าลองพูดชื่อตัวเองซิ”

            “....อือ...อา...”

            ‘คนอะไรชื่ออืออา’

นางขมวดคิ้วแต่ส่งยิ้มให้ แต่เห็นเขาพยายามเปล่งเสียงหลายครั้งก็ยังเป็นเสียงอือ ๆ อา ๆ อยู่ นางเลยเดาว่าเขาพูดได้แค่นี้ คงมิใช่ชื่อจริงของเขาหรอก

            “เอาเถอะ เจ้าเพิ่งฟื้นค่อย ๆ สภาพร่างกายอาจจะยังปรับตัวไม่ได้” นางไม่อยากให้คนป่วยต้องวิตกกังวลจนเกินไปนัก “หิวน้ำหรือไม่ เจ้าหลับไปสามวันสามคืนเชียว ตื่นมาคงจะหิวแล้วซินะ”

            ได้ยินคำว่าหิว ร่างกายก็เหมือนจะส่งสัญญาณออกไปว่าหิว ซุนเว่ยหมินที่ไม่เคยรู้จักคำว่าอดยากเวลานี้ต้องการทั้งน้ำ อาหาร และคนปรนนิบัติรับใช้อย่างยิ่ง

            “คงจะหิวจริง ๆ ดียิ่งนัก”  แสดงว่าร่างกายกำลังปรับฟื้นตัวเอง  เหมยซิงพึมพำบอกตัวเองแล้วประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกขึ้นจากที่นอนเก่า ๆ  จะให้เขานั่งแต่หลังงองุ้มเหมือนคนไม่มีแรงจะทรงตัวให้หลังตั้งตรงได้  เหมยซิงเห็นเขานั่งได้โดยไม่ล้มแล้วจึงเอี้ยวตัวไปรินน้ำแล้วจ่อที่ปากของเขา  แต่มือสองข้างไม่สามารถยกขึ้นรับถ้วยน้ำได้ มันทิ้งลงข้างตัวอย่างสงบนิ่ง มีเพียงแววตาของเขาที่แสดงความรู้สึกผิดออกมา

            “ไม่เป็นไร ข้าจะป้อนให้ เจ้าค่อย ๆ ดื่ม ใช่...แบบนี้แหละ ช้า ๆ นะ”

            นางประคองถ้วยน้ำให้เขาได้ดื่มทีละนิด  เพราะความกระหายทำให้อีกฝ่ายสำลัก แต่นางไม่สนใจว่าเขาจะสำลักน้ำลายเปื้อนเปรอะตัวนาง

            “บ้านของข้าอยู่ตีนเขา ห่างไกลจากหมู่บ้านสักหน่อย  ในบ้านของเรามีพ่อบุญธรรมกับน้องชายสามคน และน้องสาวคนเล็กชื่อเหมยลี่ เจ้าพบนางแล้ว” 

            นางพูดพลางรินน้ำอีกชามแล้วค่อย ๆ ป้อนให้เขาอย่างใจเย็น อาศัยว่าตัวเองเคยทำงานพิเศษดูแลผู้ป่วยติดเตียงเมื่อโลกโน้น นางจึงไม่รู้สึกรังเกียจสิ่งที่เขาทำ เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจ และยังดูเศร้าหมองที่ตนเองไม่อาจทำอะไรได้

เหมยซิงยิ้มให้ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา นางนึกถึงเมื่อครั้งที่ยังเป็น ‘พันดาว’ เพราะความจน และแม่ไม่ได้ส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้  นางจึงทำงานพิเศษสารพัด  เพื่อนบ้านมีคุณตาที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ลูกหลานคอยดูแลจ้างพยาบาลประจำ แต่อย่างไรไม่รู้ ลูกหลานดูแลกันเอง ตอนนั้นนางอยู่ใกล้ ๆ รั้วบ้านติดกัน แรก ๆ ก็แค่ถูกเพื่อนบ้านไหว้วานซื้อของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ จนบ่อย ๆเข้าก็ให้นางมาช่วยดูแลเป็นบางช่วงเวลาที่คนในบ้านออกไปธุระนอกบ้าน  นางจึงได้เรียนรู้การดูแลผู้ป่วยติดเตียงไปด้วย แม้จะไม่ได้เรียนกับทางโรงเรียนโดยตรงแต่ก็ได้เรียนกับผู้ชำนาญที่ทำให้นางดูแลคนเจ็บป่วยที่ช่วยตัวเองไม่ได้

            หญิงสาวเผลอยิ้มคนเดียว การเป็นคนจนนี่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก ความจนและการถูกมารดาทอดทิ้ง เป็นสิ่งผลักดันให้นางไปข้างหน้า นางทำงานแทบทุกอย่างที่ทำได้ ขอเป็นเพียงงานที่สุจริตไม่ผิดศีลธรรม และไม่กระทบเวลาเรียน นอกจากงานสตั๊นต์เกิร์ลแล้ว งานเกมโชว์หน้ากล้องหลายรายการนางก็ทำมาแล้ว 

            ซุนเว่ยหมินลอบสังเกตหญิงสาวตรงหน้า รูปร่างนางผอมบางยิ่งนัก นางรวบผมขึ้นง่าย ๆ มีเพียงปิ่นไม้ธรรมดาปักเส้นผมสีดำของนาง เสื้อผ้าก็แสนเก่าเต็มไปด้วยรอยปะชุน แต่นางกลับยิ้มได้อย่างสดใส นางผละจากเขาไปครู่หนึ่งกลับมาพร้อมผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้าให้เขา เพราะเมื่อครู่รีบดื่มน้ำเร็วเกินไปจนสำลัก นางจึงจำเป็นต้องเช็ดลำคอ และหน้าอกให้  เมื่อดวงตาที่เป็นสิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวได้ก้มมองไปตามมือเรียวที่เคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายเขา  ชายหนุ่มถึงกับตัวเกร็งไปทันที

            “เป็นอะไรไป เจ็บรึ”  นางเอ่ยถามเมื่อรู้สึกได้ทันทีว่าเขาตัวเกร็งขึ้นมา “ไม่เป็นไรนะ ข้าจะทำเบา ๆ”

            เขาไม่รู้สึกเจ็บ แต่ที่ตระหนกตกใจเพราะเมื่อมองร่างกายส่วนที่นางเลื่อนเสื้อเนื้อหยาบออก  ผิวกายของเขาควรไม่ขาวซีดเช่นนี้ ซ้ำยังมีปานอยู่ใต้ราวนมด้านซ้ายอีก

            ‘นี่ไม่ใช่ร่างกายของเขา ร่างของเขาต้องกำยำแข็งแกร่งไม่ใช่ผอมบางเช่นนี้!’

            ซุนเว่ยหมินอยากได้กระจกเหลือเกิน เขาอยากเห็นนักว่าใบหน้านี้จะใช่ใบหน้าของ ‘ซุนเว่ยหมิน’ หรือไม่  มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาแน่ ๆ  เขาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้.... ก่อนหน้านี้กี่วันกัน เขาไม่อาจจดจำได้แม่นยำนัก  ถ้าไม่นับรวมวันที่หมดสติไปนั้น เขาเดินทางมาที่หมู่บ้านชนบทแห่งนี้ เขาถือราชโองการออกตรวจเยี่ยมราษฎรตามหัวเมืองต่าง ๆ  นานครบปีจึงได้เวลาเดินทางกลับ  ไม่คิดว่าการเดินทางที่ปลอดภัยมาตลอดนั้น จะมาถูกคนลอบสังหารเอาช่วงการเดินทางกลับนี่เอง  

            หากมิใช่เพราะถูกลอบใช้ยาพิษ ทำเอาไร้เรี่ยวแรงต่อสู้  ชายชุดดำแค่ยี่สิบสามสิบคนนั้นไม่คณามือของคนอย่างซุนเว่ยหมินเป็นแน่    สุดท้ายที่จำได้คือเสียงระเบิดดังสนั่น หินก้อนใหญ่กลิ้งลงมาจากเขากระทบร่างของเขาตามมาด้วยความเจ็บปวดยากจะบรรยาย 

            แต่เหตุใดเมื่อลืมตาอีกครั้ง เขากลับมาอยู่ในร่างของชายผอมบางผิวขาวซีดดุจคนป่วยใกล้ตายเช่นนี้ ซ้ำยังไม่อาจขยับตัวได้อีก ได้แต่ส่งเสียงครางอืออาในลำคอเท่านั้น!

            เหมยซิงเห็นท่าทางตื่นตระหนกของอีกฝ่ายแล้วก็สงสารจับใจ  นึกถึงตัวเองตอนที่ตื่นฟื้นมาอยู่ในร่างเด็กสาวอายุสิบหก  นางไม่รู้ว่าคนรอบข้างเป็นใครและอยู่ที่ใด  ยังโชคดีที่พ่อบุญธรรมกับน้อง ๆ เป็นคนจิตใจดี แม้นางเปลี่ยนไป จำอะไรไม่ได้ ก็มิได้รังเกียจ  แต่คนผู้นี้ขยับตัวไม่ได้ พูดจาสื่อสารกับใครไม่รู้เรื่อง ช่างน่าเวทนากว่านางยิ่งนัก

            “ฟื้นแล้วรึ”    ติงเชาเดินเข้ามาด้วยการพยุงของเด็ก ๆ  สองสามวันมานี้อาการดีขึ้นจึงพอลุกขึ้นเดินเหินได้บ้าง แต่ก็ยังต้องมีคนช่วยประคอง ทว่าก็ยังดีกว่านอนนิ่ง ๆ อยู่บนที่นอนเช่นที่ผ่านมา 

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status