“วิธีล่อลวงด้วยมารยาหญิง ก็มีจริง ๆ นั่นแหละ แต่ไม่ใช่ฉัน”ขณะที่พูด พวกเราก็ถึงห้อง 701ฉันพยักหน้าให้พนักงาน เธอนำคีย์การ์ดออกมา เสียงติ๊ดดังขึ้น ประตูเปิดออก“อ๊า ใครเนี่ย!”ในห้องเงียบลงในชั่วพริบตา สักพัก เสียงหลิ่วเจินก็ดังออกมาเผยลี่ซูกลับต้องตะลึง“หลิ่วเจิน? คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”เขาก้าวยาว ๆ ก็เข้ามาถึงในห้อง หลิ่วเจินหน้าแดงเรื่อ ใช้ผ้าขนหนูปิดบังเรือนร่างตัวเองไว้ รีบขวางเขาไว้อย่างลุกลี้ลุกลน“คุณทำอะไรเนี่ย ฉันกำลังอาบน้ำอยู่นะ”เผยลี่ซูกวาดสายตามองในห้องแวบหนึ่ง“อยู่ดี ๆ คุณเปิดห้องที่นี่ทำไม?”ฉันพิงวงกบประตูอยู่อย่างสบาย ๆ“เผยลี่ซู สถานการณ์แบบนี้ยังต้องอธิบายอีกเหรอ?”หลิ่วเจินมองฉันอย่างโกรธแค้น ขวางอยู่ที่ทางเข้าห้อง และทำท่าจะปิดประตู“วันนี้มีประชุมสัมมนาที่โรงแรม ฉันประชุมเสร็จก็แวะขึ้นมาหน่อย…พวกคุณรอฉันใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน”ฉันขัดขวางมือไม้ของเธอไว้ด้วยความหูตาไว ควักโทรศัพท์ออกมา“ช่างเถอะ พูดอย่างเดียวไม่มีหลักฐาน ดูเอาเองดีกว่านะ”ในโทรศัพท์เปิดคลิปกล้องวงจรปิดตอนหนึ่งอยู่ ได้มาจากโรงพยาบาลคราวก่อนพอดีแต่ว่าคราวนี้ พื้นหลังเป็น
เมืองนี้ไม่ใหญ่ วันถัดมา ข่าวฉาวที่สะเทือนทั้งเมืองก็แพร่สะพัดไปทั่วแล้วผอ.จางไม่กล้าแจ้งตำรวจ ยิ่งไม่กล้าถามหาความรับผิดชอบ ได้แต่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตัวเองแบบหมดอาลัยตายอยาก โกหกว่าตัวเองหกล้มได้รับบาดเจ็บบรรดาพยาบาลต่างก็เอามือป้องปาก แอบหัวเราะ“หน้าคนหกล้มที่ไหนมีแต่รอยฝ่ามือล่ะ?”หลิ่วเจินไม่มีหน้าไปทำงาน ได้แต่เกาะเผยลี่ซู ที่พึ่งสุดท้ายนี้ไว้ไม่ยอมปล่อย“เรื่องระหว่างฉันกับผอ.จาง เขาเป็นคนบังคับฉันทั้งนั้น เขาเป็นเจ้านายฉัน ฉันไม่มีทางเลือกเลย…”ฉันฟังบทสนทนาของพวกเขาจากนอกห้อง เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ยังไม่พอหรอก เผยลี่ซู ชายโฉดคนนี้ ยังติดค้างเรื่องระทึกใจเรื่องสุดท้ายโชคดีที่ฉันก็เตรียมไว้นานแล้วหนึ่งชั่วโมงถัดมา ฉันรอเผยลี่ซูอยู่ที่ข้างรถเขา ไฟโทสะบนใบหน้าเผยลี่ซูมอดลงไปเยอะแล้ว หลิ่วเจินตามติดเขาอยู่ด้านหลังเมื่อเห็นฉัน หลิ่วเจินทั้งอายทั้งโกรธ“เธอก็บรรลุเป้าหมายแล้ว ยังจะเอายังไงอีก?”ฉันต้องที่เธออย่างเฉยชา“ยังจะเอายังไงอีกงั้นเหรอ? เผยลี่ซู สัญญาหย่าเซ็นหรือยัง?”เผยลี่ซูโยนสัญญาหย่าลงที่เท้าฉัน“เจียงเหยียน ผมกับคุณตัดขาดกันแล้ว จากวันนี้ไป ผ
ร่างกายที่ยังเล็กของลูกสาวเต็มไปด้วยอุปกรณ์และท่อ ใบหน้าอันซีดเผือดมีความแดงจากการเจ็บป่วยปรากฏให้เห็นฉันขยี้ตาซ้ำ ๆ นึกไม่ถึงว่าจะกลับมาสู่ฉากที่คุ้นเคยนี้ และได้เห็นภาพที่ทำให้ฉันเจ็บปวดใจแทบขาดเมื่อชาติที่แล้วอีกครั้งฉันตัวสั่นเทา เอื้อมไปจับมืออุ่น ๆ ของลูก หัวใจเจ็บแปลบ น้ำตาไหลอาบแก้ม“แม่คิดถึงลูกจัง คิดถึงมาก ๆ แม่ขอโทษลูกจริง ๆ …”เผยลี่ซูสามีของฉันตบไหล่ฉันอยู่ข้าง ๆ“อย่ารบกวนลูกเลย ออกไปเถอะ ถึงเวลาแล้ว”หลังพยาบาลห้ามปราม ฉันขยับขาสองข้างที่อ่อนแรง เดินออกจากห้องไอซียูพร้อมเผยลี่ซูเข้าไปนั่งในห้องทำงานแคบ ๆ ห้องหนึ่งแล้ว เขาก็ยัดปากกาด้ามหนึ่งใส่มือฉัน“คุณก็เห็นแล้วว่าหลังจากสมองตาย ลูกทุกข์ทรมานทุกวินาทีที่ยังมีลมหายใจอยู่”“สัญญาบริจาคอวัยวะนี่ เซ็น ๆ ไปเถอะ ให้ลูกได้หลุดพ้น”ได้ยินน้ำเสียงเขาที่ไม่แยแสขนาดนี้ ความเกลียดชังก็โหมกระหน่ำในพริบตา แผดเผาหยาดน้ำตาของฉันจนแห้งไปฉันใช้ปากกาตบโต๊ะอย่างรุนแรง สะบัดมือของเขาที่วางอยู่บนหัวไหล่ของฉันออก“ฉันไม่เซ็น! ลูกสาวฉันยังไม่ได้สมองตายแน่นอน!”เผยลี่ซูชะงักไปชั่วขณะ“เมื่อกี้คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ? คำวินิจฉัย
คิดถึงตรงนี้แล้ว ฉันอยากตบหน้าเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้ของเผยลี่ซูแรง ๆ สักหนึ่งฉาด“ฉันจะพาลูกย้ายโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ให้วินิจฉัยใหม่! สัญญาฉบับนี้ฉันไม่เซ็นเด็ดขาด!”เมื่อเห็นสีหน้าโกรธแค้นของฉัน เผยลี่ซูก็ขมวดคิ้ว“เจียงเหยียน คุณอย่าโวยวายไร้เหตุผล เมื่อคืนคุณกลับไปแล้ว ผมก็เฝ้าอยู่ที่นี่ทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ขั้นตอนการช่วยชีวิตผมก็เห็นหมด”“ผมรู้ว่าคุณเจ็บปวดมาก แต่เรื่องเป็นอย่างนี้แล้ว คุณควบคุมอารมณ์ตัวเองดี ๆ หน่อยได้ไหม?”ฉันหัวเราะเย้ยหยัน“คุณจะให้แม่คนหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าลูกจะอยู่หรือตาย ควบคุมอารมณ์ให้ดีงั้นเหรอ?”“ทำไมฉันกลับไปเมื่อคืน ก็เพราะแม่คุณบอกว่ารู้สึกไม่ดีที่หัวใจ ต้องการให้ฉันไปดูแลไม่ใช่หรือไง?”สีหน้าเผยลี่ซูเผยให้เห็นความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย“คุณอย่ามาโทษแม่ผมบ้าง โทษตัวผมบ้าง เป็นเพราะเสี่ยวหยวนโชคไม่ดีต่างหาก”“เรื่องเซ็นสัญญา เมื่อกี้คุณตกลงแล้วเห็น ๆ กลับไปกลับมาอย่างนี้ ไม่คิดว่าตัวเองอารมณ์อ่อนไหวไปหน่อยเหรอ?”เห็นสีหน้าทองไม่รู้ร้อนของเขาแล้ว ฉันก็ไม่อยากพูดอะไรอีกตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการย้ายโรงพยาบาล รับการวินิจฉัยและรักษาใหม่
ในขณะที่ต่างคนต่างไม่ยอมกัน ก็มีร่างหนึ่งถลาเข้ามาดึงเผยลี่ซูไว้ “ลูกแม่ ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม?”เป็นแม่สามีนั่นเอง เธอมองใบหน้าบวมแดงของเผยลี่ซูด้วยความสงสาร แล้วก็ด่าว่าฉันอย่างโกรธเกรี้ยว“เจียงเหยียน! เธอตบลี่ซูจนเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร? นางมารร้ายชัด ๆ !”“ตอนนี้สถานการณ์ของเสี่ยวหยวนก็หมดหวังแล้ว นี่ก็ไม่ใช่ความผิดลี่ซูด้วย อย่ามาลงที่เขาสิ!”“อีกอย่าง แค่เซ็นสัญญาบริจาคจะเป็นอะไรไป คนตายแล้วก็ฟื้นไม่ได้! อย่างไรก็ต้องเผาอยู่ดี เธอจะทำไม จะเอาลูกไปไว้ที่บ้าน คอยเฝ้าตลอดหรือไง?”แม่สามียิ่งพูดยิ่งอารมณ์ยิ่งรุนแรง สิ่งที่พูดออกมายิ่งไร้เหตุผล ฉันโกรธจนทนไม่ไหว ตาแดงก่ำ ง้างมือ ตบเข้าไปอีกหนึ่งฉาดที่ใบหน้าด้านซ้ายของเผยลี่ซูสองฉาดติดกัน เผยลี่ซูเหมือนจะถูกตบจนมึนงง แม่สามีก็ไม่นึกว่าจะเป็นเช่นนี้ กรีดร้องและไปลูบหน้าลูกชาย สงสารใจจะขาดฉันมองมือของตัวเองที่ตบจนแดงอย่างนิ่ง ๆ “เจ็บไหมล่ะ? เจ็บก็ถูกแล้ว ลูกใคร ใครก็เจ็บ!”“รีบไปให้พ้น! ขืนพูดอีกคำละก็ ฉันจะเอากระติกน้ำร้อนฟาด!”แม่สามีจ้องตาเขม็ง โกรธจนปากสั่น“นางมารร้าย! นางมารร้ายแท้ ๆ!”สถานการณ์ชุลมุนไปหมด เผยลี่ซูอดก
เผยลี่ซูเห็นดีเห็นงามด้วยทันที“ในฐานะคนในครอบครัว ผมยินยอม!”เมื่อเห็นว่าพยาบาลเดินถือเข็มฉีดยาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ฉันดิ้นรนร้องตะโกนอย่างสิ้นหวัง แต่รอบ ๆ ไม่มีใครสักคนช่วยฉัน“หยุดนะ! ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้น เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ชะงักในที่สุดเจียงเจ๋อ พี่ชายฉัน ก็พาทีมรักษาพยาบาลมาทันอาศัยจังหวะที่ยามและพยาบาลตะลึงงันอยู่ ฉันผลักพวกเขาออก รีบวิ่งก้าวยาว ๆ ไปอยู่ข้างพี่ชาย“พี่ รีบช่วยเสี่ยวหยวนที!พี่ตบไหล่เบา ๆ เพื่อปลอบโยนฉัน และระเบิดอารมณ์โกรธขึ้งใส่เผยลี่ซู“นายกำลังช่วยคนอื่นทำร้ายลูกเมียนายหรือไง?”“หนังสือรับรองว่าเสี่ยวหยวนสมองตายล่ะ? เอาออกมาซิ!”ทั้งตัวฉันสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ เหงื่อเย็นออกเต็มหลังจนเปียกโชกถ้าพี่มาไม่ถึงก่อนเวลา ฉันก็จะถูกฉีดยาระงับประสาท แล้วก็คงไม่พ้นต้องถูกบังคับให้เซ็นสัญญา ต้องสูญเสียเสี่ยวหยวนไปตลอดกาล!หลิ่วเจินตั้งสติ มองที่พี่ชายฉันอย่างจองหอง“คุณเป็นใคร?”“ที่นี่คือห้องไอซียูในโรงพยาบาลนะ! ยามล่ะ? ญาติสายตรงของผู้ป่วยให้อยู่ต่อได้ คนที่ไม่เกี่ยวข้องอื่น ๆ กำจัดออกไปให้หมด”พี
หลิ่วเจินได้ยินแล้ว ก็กัดริมฝีปาก ก้มหน้า ทำท่าจะร้องไห้“ฉันไม่เข้าใจ เรื่องนี้คนในครอบครัวยินยอมแล้วเห็น ๆ ทีมเรายุ่งมาทั้งวัน สื่อที่เชิญมาก็รออยู่อย่างวิตกกังวล…”“ตอนนี้เพียงเพราะสมาชิกครอบครัวคนหนึ่งรับความจริงไม่ได้ ก็จะต้องบีบบังคับกันถึงขั้นนี้เลยเหรอคะ?”หมอชั้นผู้น้อยและพยาบาลที่อยู่รอบ ๆ ก็ทนไม่ไหว ออกโรงปกป้อง “ใช่ค่ะ คุณหมอหลิ่วเหนื่อยยากขนาดไหน พวกเราก็เห็นกันทั้งนั้น!”“ลำบาก ทุ่มเทแล้วได้อะไร เรื่องโวยหมอไร้สาระเรื่องหนึ่ง ทำให้สิ่งที่คุณหมอทำทั้งหมดเสียเปล่า!”“คุณผู้หญิงคนนี้ตกลงเซ็นสัญญาแล้วแท้ ๆ มีครอบครัวที่ต้องการอวัยวะรออยู่อีกตั้งเท่าไร ตอนพวกเขาได้ยินข่าวดีใจกันขนาดไหน! ตอนนี้กลับมาทำให้มีความหวังแล้วจากไป โหดร้ายเกินไปแล้ว”เผยลี่ซูก็ไปยืนอยู่หลังหลิ่วเจิน สนับสนุนเธออย่างแน่วแน่“ในฐานะคนในครอบครัว ผมไม่มีข้อสงสัยในการวินิจฉัยของคุณหมอหลิ่วเจินแม้แต่นิดเดียว”“เจียงเหยียน คุณโวยวายมานานพอแล้ว! ตอนนี้ยังพาคนมากมายขนาดนี้มากดดันอีก ทำเกินไปแล้วนะ!”ฉันรู้สึกขมขื่นขึ้นมา สายตาที่คนรอบข้างสงสัย เหยียดยาม โกรธเกลียดพุ่งตรงมาที่ฉันหมด กดดันจนฉันหายใจไม่
ฉันตะโกนอย่างมั่นใจเต็มที่“เผยลี่ซู ในเมื่อคุณบีบฉันขึ้นมาเรื่อย ๆ ไม่ยอมปล่อย งั้นฉันจะให้คุณได้สมใจ!”เพิ่งสิ้นเสียงพูด จอใหญ่นอกห้องพักผู้ป่วยที่เดิมทีเงียบอยู่ จู่ ๆ ก็มีเสียงออดอ้อนของหลิ่วเจินดังออกมา“จริง ๆ เหรอ? คุณนี่ใจร้ายจังเลย ฉันกลัวหน่อย ๆ แล้วนะเนี่ย”สายตาทุกคนถูกดึงดูดไปทางนั้น สิ่งที่ฉายอยู่บนจอใหญ่ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคลิปกล้องวงจรปิดตอนหนึ่งจากห้องทำงานส่วนตัวของหลิ่วเจินเห็นเพียงหลิ่วเจินกอดคอเผยลี่ซูด้วยจริตมารยาร้อยเล่มเกวียน ขึ้นคร่อมขาเขา หันหน้าเข้าหากัน พูดพลางส่ายเอวเล็กน้อย“พอเถอะ พอเถอะ หยุดขยับได้แล้ว ถ้าของขึ้นขึ้นมาคุณจะรับผิดชอบเหรอ?”เผยลี่ซูมองที่หลิ่วเจิน สีหน้าหื่นกระหาย“ผมไม่ใจร้ายกับเสี่ยวหยวน แล้วจะช่วยอวิ๋นอวิ๋น ลูกสาวผมกับคุณได้ยังไงล่ะ?”“ไอซียูวันหนึ่งตั้งหลายแสน ยังไม่รู้ว่าจะช่วยกลับมาได้หรือเปล่า แทนที่จะเททรัพย์สมบัติที่บ้านหมดหน้าตักไปกับเขาและยัยแกนั่น เก็บไว้ให้อวิ๋นอวิ๋นของพวกเราดีกว่า”“เอาตามนี้แหละน่า ร่างกายอวิ๋นอวิ๋นก็ทนไม่ไหวแล้ว รีรอต่อไปไม่ได้อีก! โอกาสนี้หายากมาก คุณรีบลงมือซะ!”แสงแวบขึ้นมาในดวงตาทั้งสองของหลิ