Share

บทที่ 2

คิดถึงตรงนี้แล้ว ฉันอยากตบหน้าเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้ของเผยลี่ซูแรง ๆ สักหนึ่งฉาด

“ฉันจะพาลูกย้ายโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ให้วินิจฉัยใหม่! สัญญาฉบับนี้ฉันไม่เซ็นเด็ดขาด!”

เมื่อเห็นสีหน้าโกรธแค้นของฉัน เผยลี่ซูก็ขมวดคิ้ว

“เจียงเหยียน คุณอย่าโวยวายไร้เหตุผล เมื่อคืนคุณกลับไปแล้ว ผมก็เฝ้าอยู่ที่นี่ทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ขั้นตอนการช่วยชีวิตผมก็เห็นหมด”

“ผมรู้ว่าคุณเจ็บปวดมาก แต่เรื่องเป็นอย่างนี้แล้ว คุณควบคุมอารมณ์ตัวเองดี ๆ หน่อยได้ไหม?”

ฉันหัวเราะเย้ยหยัน

“คุณจะให้แม่คนหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าลูกจะอยู่หรือตาย ควบคุมอารมณ์ให้ดีงั้นเหรอ?”

“ทำไมฉันกลับไปเมื่อคืน ก็เพราะแม่คุณบอกว่ารู้สึกไม่ดีที่หัวใจ ต้องการให้ฉันไปดูแลไม่ใช่หรือไง?”

สีหน้าเผยลี่ซูเผยให้เห็นความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

“คุณอย่ามาโทษแม่ผมบ้าง โทษตัวผมบ้าง เป็นเพราะเสี่ยวหยวนโชคไม่ดีต่างหาก”

“เรื่องเซ็นสัญญา เมื่อกี้คุณตกลงแล้วเห็น ๆ กลับไปกลับมาอย่างนี้ ไม่คิดว่าตัวเองอารมณ์อ่อนไหวไปหน่อยเหรอ?”

เห็นสีหน้าทองไม่รู้ร้อนของเขาแล้ว ฉันก็ไม่อยากพูดอะไรอีก

ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการย้ายโรงพยาบาล รับการวินิจฉัยและรักษาใหม่

เผยลี่ซูที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นที่ยืนเท้าเปล่าสาดน้ำเล่นกับลูกสาวในบ้านเช่าเล็ก ๆ อีกต่อไป

ฉันผลักประตูห้องทำงานออกอย่างเต็มแรง เดินเข้าไปในห้องไอซียู กดหมายเลขที่คุ้นเคยในโทรศัพท์

แต่งงานกับเผยลี่ซูมาเจ็ดปี ฉันก็ตัดขาดกับคนในครอบครัวมาเจ็ดปี

เพียงเพราะว่าพ่อแม่กับพี่ชายคัดค้านสุดตัวไม่ให้พวกเราแต่งงานกัน ฉันทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลของครอบครัว ไปผจญภัยในเมืองอื่นกับเผยลี่ซู

แต่ตอนนี้ คนที่ช่วยฉันได้ ก็มีแต่คนในครอบครัวที่ไม่เคยทอดทิ้งฉัน

โทรติดแล้ว ยังไม่มีเวลาได้อธิบายเหตุที่มาที่ไป ฉันได้แต่อึกอัก พูดเพียงประโยคเดียว ก็ร้องไห้จนพูดไม่รู้เรื่อง

“พ่อคะ แม่คะ ช่วยลูกสาวหนูด้วย ตอนนี้เขาต้องย้ายไปโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในมณฑล…”

พ่อแม่ไม่ติดใจเรื่องเก่าแล้ว รีบติดต่อทีมรักษาพยาบาลชั้นนำทั่วมณฑลอย่างรวดเร็ว

วางสายแล้ว ฉันเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนัง

อีกสองชั่วโมงกว่าทีมส่งตัวผู้ป่วยจะมาถึง

ตอนนี้เผยลี่ซูตามมาอย่างร้อนรน

“เจียงเหยียน ทำไมคุณอยู่ที่นี่! เลิกโวยวายไร้เหตุผลได้แล้ว ไปเซ็นสัญญากับผมเถอะ เราได้ตกลงแล้วก่อนหน้านี้ ทีมแพทย์ทั้งทีมรออยู่นะ”

ฉันไม่มองเขา จ้องไปที่ประตูห้องไอซียูเท่านั้น

เห็นฉันโต้ตอบ เผยลี่ซูก็ดูร้อนใจขึ้นมาให้เห็น

“อย่ามัวนิ่งอยู่ รีบไปเถอะ อย่าให้คุณหมอผิดหวัง”

ฉันหันหน้าไปมองเขา

“ลูกสาวยังนอนอยู่ในไอซียู คุณก็รีบคิดจะเอาอวัยวะเขาออกจนทนไม่ไหวขนาดนี้เลยเหรอ?”

เผยลี่ซูดูลุกลี้ลุกลนขึ้นมาบ้างทันที

“คุณว่าอะไรนะ นี่คือลูกสาวเรา ผมจะทำตัวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานได้อย่างไร”

“แต่ตอนนี้ลูกสมองตายแล้ว ไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว เป็นแค่ศพเดินได้ศพหนึ่งเท่านั้น!”

“นอกจากนั้นการบริจาคอวัยวะนี่ มีความหมายมาก เมื่อก่อนลูกยังเคยพูดตอนดูทีวีว่า อยากให้ชีวิตตัวเองยิ่งมีคุณค่า อย่างนี้เป็นการทำตามความปรารถนาของลูกพอดีไม่ใช่เหรอ?”

ได้ฟังคำพูดนี้แล้ว ฉันก็ถูกแผดเผาด้วยไฟโทสะ

หลายเดือนก่อน จู่ ๆ เผยลี่ซูก็ให้พวกเราดูสารคดีเพื่อสาธารณประโยชน์เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะด้วยกัน

ตอนนั้นลูกดูจนน้ำตาไหลพรากจริง ๆ เด็กน้อยอย่างเขามีจิตใจงดงามเช่นนี้

แต่นึกไม่ถึงว่า จิตใจที่งดงามของลูกกับความเชื่อมั่นจากฉัน กลับกลายเป็นพื้นฐานให้เผยลี่ซูวางแผนนี้

ฉันตบหน้าเขาด้านขวาสุดแรง

“ไสหัวไปให้พ้น! ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ใครก็ห้ามแตะลูกสาวฉัน ฉันจะเปลี่ยนโรงพยาบาล!”

เผยลี่ซูเซถอยหลัง เอามือปิดหน้า ดูน่าสมเพชเวทนา ทนไม่ไหว ตะคอกขึ้นมา

“คุณติดค้างในใจ ดึงดันจะเก็บลูกไว้บนโลกนี้ต่อไป ให้ลูกอยู่แบบตายทั้งเป็น มีความหมายอะไรกัน?”

“กล้ามเนื้อลูกจะฝ่อ จะเกิดแผลกดทับ ทั้งตัวจะเน่าเปื่อย อยู่ทั้งที่เน่าเปื่อยนะ! ทำให้ลูกต้องทุกข์ทรมานอย่างนี้ ทำไมไม่ให้ลูกจากไปอย่างสงบ!”

ฉันจ้องสามีที่เหมือนคนแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้า ภายใต้คำพูดที่สวยหรูดูดี คือความโฉดชั่วที่วางแผนมาอย่างยาวนานทั้งนั้น

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status