เมื่อก่อนทุกครั้งที่ซูอี้หานมาที่บริษัท เธอมักจะเชิดหน้าชูตาเสมอ เพราะถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงพนักงาน แต่ด้วยความสัมพันธ์ของเธอกับซูไห่เฉา จึงทำให้เธอรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่าคนอื่นแต่วันนี้ซูอี้หานเอาแต่ก้มหน้าตลอดทาง ไม่ว่าจะเจอใคร ซูอี้หานก็รู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มเยาะเธออยู่“วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับซูอี้หาน? จู่ ๆ ถึงได้ถ่อมตัวแบบนี้”"ใช่ แปลกจริง ๆ เมื่อก่อนพอมาถึงบริษัทยังไม่ทันได้ยืนดี ๆ ก็เริ่มชี้นิ้วสั่งคนอื่นแล้ว แต่วันนี้กลับดูเหมือนว่ากลัวคนอื่นจะเห็นตัวเองยังไงอย่างงั้น""หรือว่าเธอทำอะไรผิดมารึเปล่า?" ความคิดเห็นกระจายไปทั่ว และในไม่ช้าก็มีข่าวลือในบริษัทว่าซูอี้หานจะถูกไล่ออก นี่คือพลังของคำพูดของคนเมื่อมาถึงห้องทำงานของซูไห่เฉา ท่าทางเงอะ ๆ งะ ๆ ของซูอี้หานทำให้ซูไห่เฉารู้สึกงงมาก“เธอกำลังทำอะไร?” ซูไห่เฉาเริ่มได้กลิ่นแปลก ๆ“ฉันมีเรื่องอยากจะถามนายสักหน่อย นายต้องตอบมาตามความจริงนะ” ซูอี้หานกล่าวซูไห่เฉายิ้มอย่างเย็นชา ตั้งแต่เขาเปิดบริษัท เขาก็ไม่เคยนับญาติกับคนตระกูลซูอีกเลย อย่างมากก็แค่ให้การเงินเดือนที่แตกต่างจากพนักงานทั่วไปเท่านั้น ตอนนี้ซูอี้หานกล
สำหรับซูอี้หาน เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ มันไม่ได้สร้างความแตกต่างใด ๆ กับเธอหากคนนอกรู้เรื่องนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอได้รับรู้ความจริง และความจริงก็ตอกหน้าเธอ ทำให้เธอได้รู้ว่าความโง่เขลานั้นเป็นอย่างไร และทำให้เธอรู้ว่ามันน่าเกลียดแค่ไหนหลังจากฟองสบู่ในฝันแตกสลายจนถึงวันนี้ เธอยังรู้สึกว่าซูหยิงเซี่ยไม่สมควรได้รับสินสอดเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นเพราะการกุศลขอฉือจิง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าซูหยิงเซี่ยสมควรได้รับทั้งหมดนี้ และคนที่เป็นตัวตลกแท้จริงแล้วคือเธอเองแต่ซูอี้หานจะไม่ยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้ ตราบใดที่เธอสามารถแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยได้ในอนาคต เธอก็สามารถล้างคราบเหตุการณ์เหล่านี้ออกไปได้“ไห่เฉา ถ้านายช่วยให้ฉันได้แต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยได้ ฉันจะช่วยนายทำทุกอย่าง” ซูอี้หานกล่าวอย่างหนักแน่นซูไห่เฉายิ้มเบา ๆ ด้วยความไม่พอใจของซูอี้หานในตอนนี้ ทำให้เธอยอมทำทุกสิ่งตามที่เขาบอก อย่างไรก็ตาม ซูไห่เฉาจะยังไม่ใช้การ์ดใบนี้ เพราะมันสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นต้องใช้มันในช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อสามารถโจมตีหานซานเฉียนได้แล้ว ค่อยแทงเขาแรง
“แม่ตีหน้าตัวเองทำไมครับ” ตอนนั้นเองเด็กชายตัวเล็ก ๆ บนเตียงในโรงพยาบาลก็ตื่นขึ้นมาเห็นพอดีจึงเอ่ยถามขึ้นหญิงสาวเดินไปที่เตียงในโรงพยาบาลด้วยความตื่นเต้น จับมือเด็กน้อยแล้วพูดทั้งน้ำตาว่า "ลูกเอ๋ย ลูกรอดแล้ว มีคนบริจาคค่ารักษาพยาบาลให้ลูก ลูกจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว" เด็กน้อยยังคงอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น เขาฟังคำพูดของแม่ด้วยความงุนงง และยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เขาก็เป็นคนที่มีเหตุผลและรู้ความ และเขารู้ดีว่าต้องใช้เงินมากมายแค่ไหนในการรักษาตัวเอง แล้วจะมีคนยอมบริจาคเงินมากมายนี้ให้เขาได้อย่างไร“แม่ครับ แม่คงจะเหนื่อยเกินไป ที่นี่ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเรา” เด็กน้อยพูดด้วยความปวดใจหญิงสาวหันศีรษะไปมอง และเห็นว่าจงเหลียงออกไปแล้วเธอจึงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามออกไปทันที แต่พอเปิดประตูก็ไม่พบร่างของจงเหลียงเสียแล้ว นั่นทำให้หญิงวัยกลางคนตกตะลึงไปชั่วขณะหรือว่าทุกอย่างเมื่อครู่เป็นเพียงภาพหลอน? ตอนนั้นเองพยาบาลเดินมาที่วอร์ดเพื่อตรวจร่างกายของเด็กน้อยหญิงสาวจับมือพยาบาลแล้วถามเธอว่า "คุณพยาบาล คุณเห็นชายอายุประมาณสามสิบ รูปร่างผอมสูง ที่บอกว่าเขาจะจ
ที่หานซานเฉียนออกจากโรงพยาบาล นั่นเป็นเพราะเขาไม่ชอบสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลจริง ๆ ยิ่งเขาพักฟื้น เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายเพราะยาฆ่าเชื้อและกลิ่นฉุนของยา ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เขาต้องทำในเวลานี้คือการพักผ่อน เพราะงั้นกลับมาพักที่บ้านก็คงไม่ต่างกัน“ตอนนี้คุณอาศัยอยู่ในสถานที่แบบนี้เหรอ?”เมื่อมองไปที่บ้านเช่าของหานซานเฉียน ฉี๋อีหยุนก็ถึงกับหมดคำจะพูด แม้ว่าเขาจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขาได้หลังจากหย่าร้าง แต่ก็ไม่น่าจะต้องลดระดับลงมาขนาดนี้ อย่างไรเขาก็เป็นนายน้อยของตระกูลหานนะ“ทำไมล่ะ? น้ำไฟก็มีครบ แถมยังมีมุ้งลวดอีกด้วย ดีกว่าสะพานลอยตั้งเยอะ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม“คุณนี่ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆ จำเป็นต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคนจรจัดด้วยรึไง?” ฉี๋อีหยุนไม่เข้าใจความคิดของหานซานเฉียน ด้วยตัวตนของเขาทำไมจะต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคนจรจัดแบบนั้นด้วย? “คนเราไม่มีความแตกต่างไม่ว่าจะสูงหรือต่ำ ก็ล้วนแต่มีเลือดมีเนื้อ แล้วทำไมจะเปรียบเทียบกันไม่ได้” หานซานเฉียนกล่าว"สถานะของคนจะเหมือนกันได้ยังไง ตรรกวิทยาของคุณข้าง ๆ คู ๆ ชะมัด" ฉี๋อีหยุนผลักหานซานเฉียนเข้าไปในบ้านแ
ที่พ่อของฉี๋อีหยุนเลี้ยงลูกแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลักเหตุและผล นั่นทำให้หานซานเฉียนรู้สึกชื่นชมเขาไม่น้อย “เทียบกับผู้หญิงที่ร่ำรวยคนอื่น ๆ คุณโชคดีมากแล้ว” หานซานเฉียนนกล่าวฉี๋อีหยุนที่กำลังเช็ดขี้เถ้าอยู่นั้นหยุดชะงัก เธอหันไปมองหานซานเฉียนและพูดว่า "คุณรู้ไหมว่าอะไรคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผู้หญิง?"เปลือกตาของหานซานเฉียนกระตุกเมื่อรู้ว่าฉี๋อีหยุนต้องการพูดอะไร แต่เมื่อเขากำลังจะเปลี่ยนเรื่อง ฉี๋อีหยุนก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที "ผู้หญิงไม่ต้องการยืนอยู่บนตำแหน่งที่สูงหรืออาชีพที่แข็งแกร่ง ในความคิดของฉัน ความสุขที่สุดสำหรับผู้หญิงคือการได้อยู่กับผู้ชายที่เธอชอบ มีลูกสาวเป็นของตัวเอง และได้คอยดูแลสามีและลูก ๆ ของเธอ”ดวงตาของฉี๋อีหยุนแผดเผา เห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่เธอชอบคือหานซานเฉียน และจากท่าทีของเธอ ดูเหมือนว่าเธอยังคงรอคำตอบของหานซานเฉียนอยู่ ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนมา หานซานเฉียนก็รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากแม้ว่าเขาจะปฏิเสธฉี๋อีหยุนมากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว แต่เขารู้ดีว่าการปฏิเสธทุกครั้งนั้นสร้างบาดแผลต่อเธอไม่น้อยการได้ใช้เ
เมื่อความคิดที่ว่าฉี๋อีหยุนเป็นแฟนของหานซานเฉียนเกิดขึ้นในใจของมี่เฟยเอ๋อร์ เธอก็ส่ายหัวปฏิเสธความคิดนี้ทันทีผู้หญิงคนนี้ต้องถูกเขาหลอกแน่ ไม่อย่างงั้นหน้าตาสวย ๆ แบบเธอจะมาคบกับไอ้คนธรรมดาคนนี้ทำไม! มี่เฟยเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยสายตาดูถูก หากไม่ใช่การลักพาตัวหรือการหลอกล่อ เขาคงไม่มีทางมีแฟนได้หรอกตอนนั้นเอง มี่เฟยเอ๋อร์ก็คิดเองเออเอง เธออยากจะช่วยฉี๋อีหยุน ไม่อยากให้เธอโดนหลอก และต้องบอกให้เธอรู้ให้ได้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนแบบไหนขณะที่หยางเหมิงกำลังคุยกับหานซานเฉียนอยู่นั้น มี่เฟยเอ๋อร์ก็เดินเข้าไปหาฉี๋อีหยุนอย่างเงียบ ๆ และถามเธอเสียงเบา "คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นคนแบบไหน?"เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกถามฉี๋อีหยุนจึงรู้สึกงุนงง หานซานเฉียนเป็นคนแบบไหน เธอยังต้องพูดอีกเหรอ?"คุณมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไปเหรอ?" ฉี๋อีหยุนถาม ในเมื่อมี่เฟยเอ๋อร์ถามคำถามนี้ แสดงว่าเธอมีบางอย่างที่อยากจะพูด และฉี๋อีหยุนอยากรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร“ถึงแม้ว่าฉันจะรู้จักเขาได้ไม่นาน แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนกระจอกคนนึง คุณสวยขนาดนี้แต่ยังเต็มใจอยู่กับเขา แสดงว่าเขาต้องหลอกอะไรคุณแน่ ๆ” มี่เฟยเอ๋อร์พูดฉี๋อีหยุนยิ้มจาง
“ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวไปทำความสะอาดต่อก่อนนะ” ฉี๋อีหยุนกล่าวมี่เฟยเอ๋อร์ยิ้มเยาะ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเพียงแจกันว่างเปล่า ที่มาทำความสะอาดให้ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่เท่านั้น เป็นคนแบบไหนก็คบเพื่อนแบบนั้น คนที่ไร้ประโยชน์อย่างเขา ก็คบเพื่อนที่ไร้ความสามารถแบบนี้สินะ "อย่ามัวแต่ลุ่มหลงเขานักเลย ไม่ช้าก็เร็วคุณจะต้องเสียใจ" หลังจากพูดจบ มี่เฟยเอ๋อร์ก็เดินออกมาจากฉี๋อีหยุน"หยางเหมิง กลับกันเถอะ" มี่เฟยเอ๋อร์พูดกับหยางเหมิงหยางเหมิงที่กำลังพูดคุยกับหานซานเฉียนอย่างออกรส เมื่อเธอได้ยินมี่เฟยเอ๋อร์เรียก เธอก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเสียดายออกมา แต่เธอรู้ว่าหากเธอยังอยู่ต่อ เมื่อกลับไปที่บ้านเธอจะต้องถูกมี่เฟยเอ๋อร์ดุแน่ ๆ"พี่หาน งั้นพี่ก็พักผ่อนเยอะ ๆ นะ ไว้ว่างเมื่อไหร่ฉันค่อยแวะมาหาพี่อีก" หยางเหมิงพูดกับหานซานเฉียนหานซานเฉียนพยักหน้า และในขณะที่เขากำลังจะพูด มี่เฟยเอ๋อร์ก็แทรกขึ้น "เธอมีเวลาว่างเยอะนักรึไง? งานตั้งเยอะในบริษัทมีไม่ทำ ยังจะมัวมาเสียเวลาไปกับสิ่งไร้ประโยชน์แบบนี้ เธออยากถูกไล่ออกเหรอ?”หยางเหมิงทำหน้าลำบากใจ มี่เฟยเอ๋อร์พูดแบบนี้ต่อหน้าหานซานเฉียน แล้วหานซานเฉีย
หยางเหมิงไม่ได้รู้สึกว่าหานซานเฉียนเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่เธอรู้ว่าหากมี่เฟยเอ๋อร์ได้ปักใจเชื่อไปแล้ว ก็ยากที่กล่อมเธอให้เชื่อในความเป็นไปได้อื่น ๆ และในความคิดของมี่เฟยเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ดูไม่ดีอยู่แล้ว หากเธอช่วยหานซานเฉียนพูดในในเวลานี้ มีแต่จะทำให้มี่เฟยเอ๋อร์โกรธมากขึ้นกว่าเดิม“พี่เฟยเอ๋อร์ เรามาคิดว่าคืนนี้จะกินอะไรกันดีกว่า เรื่องระหว่างพวกเขาสองคนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย” หยางเหมิงกล่าวมี่เฟยเอ๋อร์พยักหน้าและพูดว่า "คืนนี้ฉันจะลดความอ้วน ใครใช้ให้เธอซื้อตะกร้าผลไม้ดี ๆ ให้เขา ไม่ต้องใช้เงินแล้วรึไง?"หยางเหมิงยิ้มอย่างเขินอายและพูดว่า "พี่เฟยเอ๋อร์ ก็ฉันหาผลไม้เน่าไม่เจอนี่นา มันก็ช่วยไม่ได้ ครั้งหน้าฉันจะระวังมากกว่านี้"ครึ่งเดือนต่อมา หานซานเฉียนพักฟื้นอยู่ที่บ้าน และกลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทุก ๆ สองถึงสามวัน โดยพื้นฐานแล้วการฟื้นตัวไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้วและอีกครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจากรถเข็น และสามารถเดินเองได้แล้วในวันนี้ ฉี๋อีหยุนซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนกำลังทำอาหารกลางวันให้กับหานซานเฉียนอยู่ในครัว ในช่วงเวลานี้เธอดูแลงานบ้านเกือบทั้งหมด และดูแลห