หยางเหมิงไม่ได้รู้สึกว่าหานซานเฉียนเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่เธอรู้ว่าหากมี่เฟยเอ๋อร์ได้ปักใจเชื่อไปแล้ว ก็ยากที่กล่อมเธอให้เชื่อในความเป็นไปได้อื่น ๆ และในความคิดของมี่เฟยเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ดูไม่ดีอยู่แล้ว หากเธอช่วยหานซานเฉียนพูดในในเวลานี้ มีแต่จะทำให้มี่เฟยเอ๋อร์โกรธมากขึ้นกว่าเดิม“พี่เฟยเอ๋อร์ เรามาคิดว่าคืนนี้จะกินอะไรกันดีกว่า เรื่องระหว่างพวกเขาสองคนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย” หยางเหมิงกล่าวมี่เฟยเอ๋อร์พยักหน้าและพูดว่า "คืนนี้ฉันจะลดความอ้วน ใครใช้ให้เธอซื้อตะกร้าผลไม้ดี ๆ ให้เขา ไม่ต้องใช้เงินแล้วรึไง?"หยางเหมิงยิ้มอย่างเขินอายและพูดว่า "พี่เฟยเอ๋อร์ ก็ฉันหาผลไม้เน่าไม่เจอนี่นา มันก็ช่วยไม่ได้ ครั้งหน้าฉันจะระวังมากกว่านี้"ครึ่งเดือนต่อมา หานซานเฉียนพักฟื้นอยู่ที่บ้าน และกลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทุก ๆ สองถึงสามวัน โดยพื้นฐานแล้วการฟื้นตัวไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้วและอีกครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจากรถเข็น และสามารถเดินเองได้แล้วในวันนี้ ฉี๋อีหยุนซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนกำลังทำอาหารกลางวันให้กับหานซานเฉียนอยู่ในครัว ในช่วงเวลานี้เธอดูแลงานบ้านเกือบทั้งหมด และดูแลห
หยางซิงขมวดคิ้วและแอบชำเลืองมองหานซานเฉียน เพราะสิ่งที่เขาพูดเป็นเพียงความรู้สึกของเขาเท่านั้น และเขากลัวว่าหากพูดออกไปหานซานเฉียนจะไม่เห็นด้วย“มีอะไรก็พูดมา อย่ามัวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อย่างกับผู้หญิง” หานซานเฉียนเร่งเร้า“พี่ซานเฉียน ผมก็แค่พูดไปเรื่อย พี่ลองฟังดูก็พอ ถ้าพี่คิดว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นไม่ถูก พี่ก็คิดเสียว่าไม่ได้ยินก็แล้วกันนะ” หยางซิงกล่าว"ถ้านายยังพูดไร้สาระไม่เลิก ฉันจะจองแพ็คเกจที่โรงพยาบาลให้นายสักครึ่งเดือนเป็นไง?" หานซานเฉียนพูดเสียงเย็นหยางซิงมีไหวพริบจึงรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว "ผมคิดว่าเรื่องนี้มันราบรื่นเกินไป ราบรื่นซะจนน่าแปลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ครอบครัวที่มีปัญหามาตลอด กลับยอมตกลงที่จะขายบ้านง่าย ๆ ตอนนั้นนักพัฒนาพยายามหารือและเกลี้ยกล่อมพวกเขา และถึงขนาดบีบบังคับพวกเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอม แต่ครั้งนี้กลับยอมตกลงอย่างง่ายดาย”“พี่ซานเฉียน พี่อาจไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในหมู่บ้านเฉิงจง งั้นผมจะเล่าให้พี่ฟัง เมื่อก่อนครอบครัวเหล่านี้ถึงกับจะกระโดดลงมาจากตึกเพียงเพราะเรื่องรื้อถอนอาคาร นั่นเป็นเหตุผลที่นักพัฒนาหลายคนบอกว่าสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนข
“แน่นอนว่าฉันไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายเสรีภาพในชีวิตของคุณ แต่ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องหยางเหมิง เพราะเธอคือน้องที่ฉันสนิทด้วย” มี่เฟยเอ๋อร์กล่าว“ถ้าเธอคิดว่าฉันมาหาหยางเหมิงที่นี่ล่ะก็สบายใจได้ ฉันมาหาจงเหลียง” หานซานเฉียนกล่าวมี่เฟยเอ๋อร์ยิ้ม มาหาจงเหลียงอย่างนั้นเหรอ? นี่มันไม่มีความน่าเชื่อยิ่งกว่ามาหาหยางเหมิงซะอีกจงเหลียงคือผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว หากต้องการพบเขาจะต้องนัดหมายก่อนล่วงหน้า จะเข้ามาพบเขาง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร นอกจากนี้ มี่เฟยเอ๋อร์คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าคนอย่างหานซานเฉียนมีคุณสมบัติอะไรถึงจะเข้าพบจงเหลียงได้"รีบออกไปซะ อย่ามาล้อเล่นที่นี่ แม้แต่ในฐานะเพื่อนบ้านฉันก็รู้สึกอับอายแทนคุณจริง ๆ พี่จงไม่ใช่คนที่ใครก็ได้จะเขาพบได้ง่าย ๆ" มี่เฟยเอ๋อร์พูดอย่างเหยียดหยาม“ดูเหมือนว่าถ้าไม่ให้เขาออกมารับฉันด้วยตัวเอง เธอก็คงไม่ถอยสินะ?” หานซานเฉียนยิ้มมี่เฟยเอ๋อร์มองหานซานเฉียนอย่างเยาะเย้ย เขาคุยโวจนติดเป็นนิสัยแล้วหรือไง? ยังกล้าบอกว่าจะให้จงเหลียงออกมารับเขาด้วยตัวเองอีก นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตจริง ๆ เหรอ?"การที่คุณมาคุยโวต่อหน
“ไว้ฉันจะจัดการกับเธอทีหลัง”หลังจากที่จงเหลียงพูดจบ เขาก็หันไปหาหานซานเฉียนและพูดว่า "ไปที่ห้องทำงานฉันกันเถอะ"หานซานเฉียนพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินผ่านมี่เฟยเอ๋อร์ไปหลังจากที่ทั้งสองจากไป มี่เฟยเอ๋อร์ถึงตระหนักได้ว่าคนอื่น ๆ มองมาที่เธอแปลก ๆ ราวกับว่าพวกเขารู้จักตัวตนของหานซานเฉียนอยู่แล้วตั้งแต่ต้นมี่เฟยเอ๋อร์เดินไปหาพนักงานคนหนึ่ง และกำลังจะถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหานซานเฉียนกับจงเหลียง แต่คน ๆ นั้นก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า "ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น อย่ามาถามฉันเลย และก็อย่าเข้าใกล้ฉันมากเกินไป เดี๋ยวฉันจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย”ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีท่าทางแบบเดียวกัน ทุกคนต่างพากันตีตัวออกห่าง ราวกับว่ามี่เฟยเอ๋อร์คือโรคระบาดเมื่อเดินไปถึงห้องทำงาน หลังจากปิดประตูลง จงเหลียงก็โค้งตัวและพูดกับหานซานเฉียน "นายน้อย ผมดูแลได้ไม่ดี ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้นายน้อยเอง""นายคิดว่าฉันจะคิดเล็กคิดน้อยกับพนักงานธรรมดาคนนึงหรือไง?" หานซานเฉียนเดินไปที่หน้าต่าง มี่เฟยเอ๋อร์เป็นเพียงพนักงานตัวเล็ก ๆ ที่เขาสามารถไล่ออกตอนไหนก็ได้ แต่เพราะเห็นแก่หยางเหมิง เขาจึงยังไม่ไล่เธอออก “นายน้อยมาหาผมที่นี
เมื่อมองไปที่หมายเลขผู้โทร หานซานเฉียนก็ขมวดคิ้ว ทำไมจู่ ๆ หยางเหมิงถึงโทรมาหาเขา แม้ว่าหยางเหมิงจะรู้ว่าเขาอยู่ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว แต่เธอก็ไม่น่าจะโทรมารบกวนเขา แถมตอนนี้เขายังอยู่ในห้องทำงานของจงเหลียง และจงเหลียงก็เป็นเจ้านายของเธออีกด้วย ด้วยนิสัยของหยางเหมิงแล้ว เธอไม่น่าจะกล้ารบกวนเขาแบบนี้หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในบริษัท? หานซานเฉียนชำเลืองมองจงเหลียงก่อนจะกดรับสาย“หยางเหมิง มีอะไรเหรอ?” หานซานเฉียนถาม“พี่หาน พี่อยู่ที่ไหน ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม” หยางเหมิงพูดอย่างร้อนรนเมื่อได้ยินคำพูดของหยางเหมิง แสดงว่าเธอยังไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว"ฉันอยู่ในบริษัทของพวกเธอ" หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มหยางเหมิงที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และน้ำเสียงของเธอก็ดูสับสน "พี่มาทำอะไรที่บริษัทของพวกเรา?"“เธอควรบอกมาก่อนว่าโทรหาฉันทำไม” หานซานเฉียนยิ้มจากนั้นหยางเหมิงก็รีบเข้าเรื่อง "ในบริษัทมีคนโรคจิต ตอนนี้เขาเฝ้าอยู่ที่ประตูห้องน้ำหญิง ฉันไม่กล้าออกไป""ทำไมเธอถึงไม่โทรไปขอความช่วยเหลือจากมี่เฟยเอ๋อร์ล่ะ?" หานซานเฉียนถามอย่างสงส
แต่เมื่อหยางเหมิงเปิดประตูออกมา คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับทำให้เธอตกใจสุดขีด! เพราะมันไม่ใช่เพื่อนร่วมงานหญิง แต่คือจงเหยียน!"จงเหยียน คุณ... คุณเข้ามาในห้องน้ำผู้หญิงได้ยังไง" หยางเหมิงถาม และมองไปที่จงเหยียนด้วยความหวาดกลัวจงเหยียนตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาก้าวมาข้างหน้าสองก้าวก่อนจะรีบปิดปากหยางเหมิง เพื่อป้องกันไม่ให้เธอส่งเสียง จากนั้นก็ลากเธอกลับเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับปิดประตู ความกังวลใจ ความกลัว ความตื่นเต้น และอารมณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นในใจของจงเหยียน แม้เขาจะกลัวว่าจะถูกเปิดโปง แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ความตื่นเต้นได้ครอบงำเขามากกว่า "หยางเหมิง เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันมีความสัมพันธ์ยังไงกับจงเหลียง ถ้าเธอไม่อยากตกงานก็ควรเชื่อฟังฉันซะ" จงเหยียนขู่หยางเหมิงเสียงต่ำหยางเหมิงรู้สึกถึงการหายใจที่หื่นกระหายของจงเหยียน เธอจึงพูดด้วยความกลัว "จงเหยียน คุณอย่าหุนหันพลันแล่น อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ ไม่งั้นคุณจะเสียใจทีหลังแน่""เสียใจ?" จงเหยียนยิ้มหยันและพูดว่า "จงเหลียงเป็นญาติของฉัน ถึงจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะปกป้องฉัน อยู่ดี ๆ แล้วฉันจะเสียใจทำไม แต่หากวันนี้มีโอกาสแล้วฉันกับเธอยังไม่มีอะไรเกิ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องน้ำหญิงไม่หยุด แต่ไม่มีเสียงตอบกลับใด ๆ หานซานเฉียนพูดกับจงเหลียงเสียงเย็น "ถ้าญาติของคุณทำสิ่งอุกอาจ คุณก็ควรคิดหาวิธีช่วยตัวเองไว้ด้วย"จู่ ๆ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ก็ผุดขึ้นบนหน้าผากของจงเหลียง เขาใช้มือเช็ดมัน ในใจอยากจะทุบจงเหยียนให้ตายแม้ว่าเขาจะรู้ว่าจงเหยียนทำเรื่องสกปรกในที่ทำงาน แต่เขาก็ไม่ได้ก่อเหตุอุกอาจใด ๆ ดังนั้นจงเหลียงจึงเมินเฉย เขาไม่คิดว่าการตามใจนี้จะนำมาสู่ผลลัพธ์เช่นนี้จงเหลียงรู้ว่าหากจงเหยียนก่อเรื่องขาดสติลงไปจริง ๆ เขาก็จะซวยไปด้วยแน่นอนทั้งสองเดินเข้าไปในห้องน้ำ มีเพียงห้องเดียวที่ประตูปิดอยู่ เห็นได้ชัดว่าหยางเหมิงอยู่ข้างในจงเหลียงพูดเสียงทุ้ม "จงเหยียน ถ้าแกอยู่ข้างในก็รีบไสหัวออกมาซะ"จงเหยียนตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ เขาไม่ได้กลัวเพื่อนของหยางเหมิง แต่จงเหลียงมาได้อย่างไร?หยางเหมิงรู้สึกงงเล็กน้อย เธอโทรหาหานซานเฉียน แต่จงเหลียงปรากฏตัวได้อย่างไร? หรือว่าหานซานเฉียนรู้จักกับจงเหลียงอย่างนั้นเหรอ?ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในห้องน้ำ จงเหลียงถึงกับอยากจะฆ่าใครสักคน เขากัดฟันและพูดว่า "ฉันจะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย รีบ
ยิ่งหยางเหมิงคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้นเธอไม่เคยคิดไม่เคยฝัน ว่าเธอจะได้เป็นเพื่อนบ้านกับผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้! แต่ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่ทำให้หยางเหมิงไม่เข้าใจ ในเมื่อเขาเป็นนายน้อยของตระกูลหานในเหยียนจิงแล้ว ทำไมเขาถึงเช่าบ้านอยู่ล่ะ?"ถ้าไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นก็ออกไปกันก่อนเถอะ ยังไงนี่ก็เป็นห้องน้ำหญิง" หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มหยางเหมิงพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว และเดินตามหานซานเฉียนออกมาจากห้องน้ำ"พี่หาน พี่..." หยางเหมิงต้องการถามสิ่งที่เธอสงสัย แต่หานซานเฉียนแทรกขึ้นเสียก่อน "ไม่สำคัญว่าฉันจะเป็นใคร แต่เรื่องในวันนี้ เธอต้องช่วยฉันเก็บเป็นความลับ โอเคไหม? แม้แต่มี่เฟยเอ๋อร์ก็ห้ามบอก" หยางเหมิงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า "พี่ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่พูดแม้แต่คำเดียว"“ดีมาก ไม่มีอะไรแล้ว เธอกลับไปทำงานเถอะ” หานซานเฉียนกล่าว"ฉันมีหนึ่งคำถาม พี่ช่วยสนองความสงสัยของฉันหน่อยได้ไหม?" หยางเหมิงถามอย่างแผ่วเบา“ถามมาสิ ถ้าไม่ได้มีอะไรสำคัญ ฉันก็ตอบให้ได้” หานซานเฉียนกล่าว“พี่มีอำนาจมากขนาดนี้ ทำไมพี่ยังเช่าบ้านอยู่ล่ะ?” หยางเหมิงถามอย่างงุนงง ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ