เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องน้ำหญิงไม่หยุด แต่ไม่มีเสียงตอบกลับใด ๆ หานซานเฉียนพูดกับจงเหลียงเสียงเย็น "ถ้าญาติของคุณทำสิ่งอุกอาจ คุณก็ควรคิดหาวิธีช่วยตัวเองไว้ด้วย"จู่ ๆ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ก็ผุดขึ้นบนหน้าผากของจงเหลียง เขาใช้มือเช็ดมัน ในใจอยากจะทุบจงเหยียนให้ตายแม้ว่าเขาจะรู้ว่าจงเหยียนทำเรื่องสกปรกในที่ทำงาน แต่เขาก็ไม่ได้ก่อเหตุอุกอาจใด ๆ ดังนั้นจงเหลียงจึงเมินเฉย เขาไม่คิดว่าการตามใจนี้จะนำมาสู่ผลลัพธ์เช่นนี้จงเหลียงรู้ว่าหากจงเหยียนก่อเรื่องขาดสติลงไปจริง ๆ เขาก็จะซวยไปด้วยแน่นอนทั้งสองเดินเข้าไปในห้องน้ำ มีเพียงห้องเดียวที่ประตูปิดอยู่ เห็นได้ชัดว่าหยางเหมิงอยู่ข้างในจงเหลียงพูดเสียงทุ้ม "จงเหยียน ถ้าแกอยู่ข้างในก็รีบไสหัวออกมาซะ"จงเหยียนตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ เขาไม่ได้กลัวเพื่อนของหยางเหมิง แต่จงเหลียงมาได้อย่างไร?หยางเหมิงรู้สึกงงเล็กน้อย เธอโทรหาหานซานเฉียน แต่จงเหลียงปรากฏตัวได้อย่างไร? หรือว่าหานซานเฉียนรู้จักกับจงเหลียงอย่างนั้นเหรอ?ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในห้องน้ำ จงเหลียงถึงกับอยากจะฆ่าใครสักคน เขากัดฟันและพูดว่า "ฉันจะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย รีบ
ยิ่งหยางเหมิงคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้นเธอไม่เคยคิดไม่เคยฝัน ว่าเธอจะได้เป็นเพื่อนบ้านกับผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้! แต่ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่ทำให้หยางเหมิงไม่เข้าใจ ในเมื่อเขาเป็นนายน้อยของตระกูลหานในเหยียนจิงแล้ว ทำไมเขาถึงเช่าบ้านอยู่ล่ะ?"ถ้าไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นก็ออกไปกันก่อนเถอะ ยังไงนี่ก็เป็นห้องน้ำหญิง" หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มหยางเหมิงพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว และเดินตามหานซานเฉียนออกมาจากห้องน้ำ"พี่หาน พี่..." หยางเหมิงต้องการถามสิ่งที่เธอสงสัย แต่หานซานเฉียนแทรกขึ้นเสียก่อน "ไม่สำคัญว่าฉันจะเป็นใคร แต่เรื่องในวันนี้ เธอต้องช่วยฉันเก็บเป็นความลับ โอเคไหม? แม้แต่มี่เฟยเอ๋อร์ก็ห้ามบอก" หยางเหมิงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า "พี่ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่พูดแม้แต่คำเดียว"“ดีมาก ไม่มีอะไรแล้ว เธอกลับไปทำงานเถอะ” หานซานเฉียนกล่าว"ฉันมีหนึ่งคำถาม พี่ช่วยสนองความสงสัยของฉันหน่อยได้ไหม?" หยางเหมิงถามอย่างแผ่วเบา“ถามมาสิ ถ้าไม่ได้มีอะไรสำคัญ ฉันก็ตอบให้ได้” หานซานเฉียนกล่าว“พี่มีอำนาจมากขนาดนี้ ทำไมพี่ยังเช่าบ้านอยู่ล่ะ?” หยางเหมิงถามอย่างงุนงง ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ
หลังจากที่หานซานเฉียนออกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว เขาก็ไม่ได้โทรหาซูหยิงเซี่ย แต่เลือกที่จะเชื่อเธอแทน ในเมื่อซูหยิงเซี่ยสัญญาแล้ว เธอก็ไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับใครแน่นอน และในเมื่อไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นคนทำ หานซานเฉียนจึงต้องระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกหักหลังอีกครั้งเมื่อขับรถมาถึงคลับเมจิกซิตี้ หานซานเฉียนก็เห็นว่าม่อหยางกำลังฝึกชกมวยกับกระสอบทรายอยู่ ทำไมจู่ ๆ ลุงวัยกลางคนคนนี้ถึงได้ลุกขึ้นมาขยันแบบนี้?“ม่อหยาง นี่นายกำลังทำอะไร?” หานซานเฉียนถามด้วยความงุนงง“ต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง คนอื่นจะได้ข่มขู่ไม่ได้น่ะสิ ขาของฉันยังใช้งานได้อีกหลายสิบปี” ม่อหยางพูดหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ชายคนนี้ยังเก็บคำพูดมาใส่ใจจริง ๆ“นายไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยหรอกหน่า” หานซานเฉียนกล่าวม่อหยางย่นจมูกและพูดว่า “ฉันจิตใจคับแคบ เพราะงั้นอย่ามายุ่งกับฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกน้องสะใภ้แน่ ว่าตอนนี้นายอยู่กับผู้หญิงสวยทุกวัน"เมื่อหานซานเฉียนได้ยินแบบนั้น เขาก็ชูกำปั้นให้ม่อหยาง ไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น หากซูหยิงเซี่ยรู้เรื่องนี้ เพราะเธอสนิทกั
หานซานเฉียนเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่ข้างนอกสักพัก เมื่อใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นเขาถึงได้กลับบ้าน เมื่อเปิดประตูหานซานเฉียนก็เห็นฉี๋อีหยุนลุกขึ้นมาจากโซฟา และพูดกับเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น "คุณหิวไหม เดี๋ยวฉันจะไปอุ่นอาหารให้นะ"หานซานเฉียนไม่คิดว่าฉี๋อีหยุนยังไม่จากไป และดวงตาสีแดงของเธอ บอกว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา ซึ่งนั่นทำให้หานซานเฉียนทำอะไรไม่ถูกเขาคิดว่าหลังจากฉี๋อีหยุนจากไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะชัดเจนมากขึ้น แต่ฉี๋อีหยุนยังไม่ได้จากไป เรื่องนี้จึงทำให้เขาลำบากใจเมื่อมาถึงประตูห้องครัว เขาเห็นฉี๋อีหยุนกำลังปรุงอาหารอย่างชำนาญ หานซานเฉียนพูดขึ้นว่า "ทำไมคุณต้องปล่อยให้ตัวเองมีบาดแผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า"ฉี๋อีหยุนขยี้ตาของเธอและพูดขึ้น "ควันนี้ทำให้คนสำลักจริง ๆ ฉันสำลักจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว คุณออกไปรอที่ห้องนั่งเล่นเถอะ"หานซานเฉียนไม่ได้ออกไป แต่เดินเข้าไปในครัว และหยุดที่ด้านข้างฉี๋อีหยุนแทน ก่อนจะพูดขึ้น "คุณรู้ดีว่าไม่ว่าคุณทำอะไรเพื่อผมสักแค่ไหน คุณก็จะไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ"“ตอนนี้คือสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันขอดูแลคุณในฐานะเพื่อนคนนึงไม่ได
ไม่ว่าหานซานเฉียนจะพูดหรือทำอะไร ฉี๋อีหยุนก็ยังแน่วแน่ไม่สั่นไหว เธอเชื่อว่าทางที่เธอเลือกนั้นถูกต้อง และเธอจะไม่เสียใจหานซานเฉียนที่ทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉี๋อีหยุนอยู่ที่บ้านต่อ เขาใจร้ายมามากพอแล้ว จะให้ใช้ความรุนแรงไล่เธอก็ไม่ได้ อย่างไรซะพวกเขาก็ยังคงต้องร่วมมือกันคืนนั้นหานซานเฉียนลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำตอนกลางดึก และได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ ดังมาจากห้องของฉี๋อีหยุน ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หานซานเฉียนใจอ่อน สำหรับเขา ความรักคือการภักดีไม่เปลี่ยนแปลง เขาจะไม่ปล่อยให้ซูหยิงเซี่ยต้องมาเจ็บปวดเพราะเขาแสดงความสงสารต่อฉี๋อีหยุนเด็ดขาดวันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนตื่นขึ้นมาวิ่งตอนเช้าตามปกติ และพบกับมี่เฟยเอ๋อร์ที่ประตูลิฟต์หานซานเฉียนรู้ว่ามี่เฟยเอ๋อร์เปลี่ยนเวลาออกบ้านไปนานแล้ว เพราะฉะนั้นการเจอกันในวันนี้ต้องเป็นความตั้งใจของมี่เฟยเอ๋อร์ และมันน่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อวานนี้ เพราะเขาปรากฏตัวที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว และได้รับการต้อนรับจากจงเหลียงเป็นการส่วนตัวพอประตูลิฟต์ปิดลง มี่เฟยเอ๋อร์ก็ถามหานซานเฉียนทันที "คุณกับจงเหลียงเป็นอะไรกัน?
หลังจากต่อคิวเกือบสิบนาที เมื่อใกล้จะถึงคิวของหานซานเฉียน ก็มีชายร่างใหญ่ที่สักลายที่แขนแทรกคิว และผลักเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหน้าหานซานเฉียนออกไปเด็กหญิงผมหางม้าดูเหมือนว่าเธอคือนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบ เอกสารในมือของเธอก็กระจัดกระจายไปทั่วพื้นชายร่างใหญ่ที่สักลายที่แขนกล่าวกับเด็กหญิงตัวน้อยด้วยใบหน้าล้อเลียน "ของแค่นี้ยังถือไม่ดี คนหนุ่มสาวสมัยนี้ร่างกายอ่อนแอกันจริง ๆ" ชายร่างใหญ่พูดพร้อมกับจงใจโชว์กล้ามใหญ่ ๆ ของตนเด็กหญิงนั่งยอง ๆ บนพื้นและหยิบเอกสารอย่างลนลาน ชายร่างใหญ่คนนั้นไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างใด กลับยิ้มราวกับว่าเขามีความสุขที่ได้เห็นฉากนี้“มองอะไร ฉันแทรกคิวแล้วไง พวกแกจะทำอะไรฉันได้?” เมื่อชายร่างใหญ่เห็นว่ามีคนจ้องมาที่เขาด้วยสายตาไม่พอใจ เขาจึงตวาดคนเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงข่มขู่การแทรกคิวเป็นสิ่งที่คนดี ๆ เขาไม่ทำกัน แต่ชายร่างใหญ่ไม่ได้ดูเป็นคนดีตั้งแต่แรก แม้ว่าคนเหล่านั้นอยากจะด่าเขา แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร หลังจากได้ยินคำขู่ของชายร่างใหญ่ ทุกคนต่างก็ก้มหัวลงหานซานเฉียนคุกเข่าลง และช่วยเด็กหญิงเก็บเอกสารก่อนจะพูดขึ้นว่า "เป็นอะไรไหม?"เด็กหญิงส่า
"นี่... นี่มันสุดยอดมากเลย!""ไม่คิดเลยว่าชายกล้ามโตแท้จริงแล้วเป็นแค่ที่คนท่าดีทีเหลว"“แค่ที่คนท่าดีทีเหลวอะไร เห็นได้ชัดว่าคน ๆ นั้นมีพลังมากกว่า ถ้าเขาเป็นที่ท่าดีทีเหลว คุณกล้าเข้าไปจัดการเองไหมล่ะ?”“ไม่กล้า ไม่กล้า คนตัวโตขนาดนี้สามารถส่งฉันเข้าโรงพยาบาลได้ด้วยหมัดเดียว ฉันจะกล้าได้ยังไงล่ะ”ท่ามกลางความประหลาดใจของฝูงชน หานซานเฉียนดูนิ่งสงบ และเดินไปหาชายร่างใหญ่ที่สักลายที่แขนชายร่างใหญ่เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกเตะกระเด็นมาบนแผ่นเหล็ก และเห็นว่าหานซานเฉียนกำลังเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงด้วยความตกใจ พลางพูดอย่างตะกุกตะกัก "นะ...นายอย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา”“ฉันยังไม่ได้เรียนสะกดคำว่าตายเลย จะไม่สอนฉันแล้วเหรอ?” หานซานเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม“มะ ไม่สอนแล้ว เพื่อน ฉันผิดไปแล้ว” ชายร่างใหญ่ยอมรับความขี้ขลาด เพราะเขารู้ดีว่าขนาดแค่กระบวนท่าเดียวเขาก็น่วมขนาดนี้ หากสู้กันต่อไปคนที่บาดเจ็บก็เป็นตัวเขาเองอยู่ดี พอได้ยินแบบนั้น คนที่มุงดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เมื่อครู่ยังจะสอนหานซานเฉียนสะกดคำว่าตายอยู่เลย ตอนนี้กลับยอมแพ้แล้วซะงั้น ความหยิ่งผยองเมื่อครู่นี้หายไปหมดแล้ว
มีร่างหนึ่งที่แอบมองอยู่ในระยะไกลด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ตั้งแต่หานซานเฉียนมีเรื่องกับชายร่างใหญ่ที่สักลายที่แขน เธอก็ยืนดูอยู่ตรงนี้ และเฝ้ามองว่าหานซานเฉียนเอาชนะชายร่างใหญ่คนนั้นได้อย่างไรอย่างเงียบ ๆเขาเป็นเพียงไอ้กระจอกไม่ใช่เหรอ แต่ทั้งชั้นล่างในยูนิต หรือที่ไนท์คลับเมจิกซิตี้ ทำไมเขาถึงไม่เคยออกหน้าล่ะ? หรือว่าเขาแค่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นกัน? เหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนั้นก็ด้วย เขาพูดเองว่าถ้าไม่ใช่เพราะหยางเหมิง เขาก็ไม่มีทางปรากฏตัวมี่เฟยเอ๋อร์กัดฟันกรอด ภาพลักษณ์ของหานซานเฉียนที่เป็นเพียงไอ้คนกระจอกฝังแน่นในใจจิตเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับต้องผลักภาพลักษณ์นั้นออกไปด้วยตัวเธอเอง เพราะท่าทีของหานซานเฉียนไม่น่าจะใช่แค่คนกระจอกอย่างเป็นแน่ มีคนยืนต่อคิวตั้งมากมาย แต่มีเพียงหานซานเฉียนคนเดียวเท่านั้นที่ออกหน้าและจัดการชายร่างใหญ่จนหนีไป นี่เป็นสิ่งที่คนกระจอกทำได้งั้นเหรอ?เหตุผลที่เขาทำตัวเป็นคนกระจอกต่อหน้ามี่เฟยเอ๋อร์ อาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องการทำอะไรเพื่อเธอเท่านั้นเอง มี่เฟยเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึก มีคนจำนวนมากที่ตามจีบเธอ และบางคนถึงกับจงใจจัดฉากเป็นฮีโร่ต่อหน้าเธอ แต