ท่าทางของฉี๋อีหยุนที่ขดตัวอยู่บนโซฟานั้นดูตลกมาก ตอนนี้เธอค่อนข้างกลัวการพบหน้าหานซานเฉียน เพราะเธอกังวลว่าเขาจะไล่เธอออกไปอีก ดังนั้นวิธีเดียวที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไปได้นั่นก็คือการหลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องนี้กับหานซานเฉียน หากไม่มีความจำเป็นต้องเจอก็อย่าเจอหน้ากันจะดีกว่าแต่หานซานเฉียนมีกุญแจ ถ้าเขากลับมา เขาก็เปิดประตูเองได้นี่นา จะเคาะประตูทำไม?ฉี๋อีหยุนก้าวไปที่ประตูเบา ๆ และเมื่อมองผ่านช่องตาแมวเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที“นายมาทำอะไรที่นี่?” ฉี๋อีหยุนเปิดประตูออกไปพร้อมกับถามตงฮ้าวเสียงเย็น “คุณหนูครับ ผมแค่อยากจะมาหาคุณหนู” ตงฮ้าวพูดฉี๋อีหยุนพูดอย่างเย็นชา "ถ้าฉันไม่ได้สั่งนายไม่จำเป็นต้องมาหาฉัน ถ้ามีอะไรฉันจะโทรไปเอง"ตงฮ้าวมาที่นี่เพียงเพราะเขาคิดถึงฉี๋อีหยุน เขารู้ดีว่าความรู้สึกของฉี๋อีหยุนที่มีต่อหานซานเฉียนนั้นไม่สามารถถอนตัวได้แล้ว เขาหวังเพียงว่าการปรากฏตัวของเขาจะทำให้ฉี๋อีหยุนสงบลงได้บ้างตงฮ้าวคิดเสมอว่าหานซานเฉียนไม่คู่ควรกับการทุ่มเทของฉี๋อีหยุน และฉี๋อีหยุนก็เพียงแค่ต้องการใช้หานซานเฉียนแก้ปัญหาของตระกูลฉี๋เท
ขณะนั้นเอง เจ้านายก็มาถึงบริษัท ฮวงถิงถิงรีบเข้าไปทักทายเขาด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ และทั้งสองก็ตรงไปที่ห้องทำงาน ฉีหลานถอนหายใจและจัดการไฟล์งานต่อเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบฮวงถิงถิงเดินมาหาฉีหลาน และพูดเบา ๆ ว่า "ฉีหลาน ฉันว่าฮวงถิงถิงจงใจเล่นงานเธอแน่ ๆ ไม่อย่างงั้นทำไมถึงได้มอบหมายงานที่สำคัญแบบนี้ให้เธอทำกันล่ะ อีกอย่างบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ จะมาร่วมมือกับบริษัทเล็ก ๆ ของเราได้ยังไง”ฉีหลานรู้ว่าฮวงถิงถิงกำลังกลั่นแกล้งเธอ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้เธอยิ่งต้องการพิสูจน์ตัวเองแม้ว่าโอกาสจะริบหรี่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความเป็นไปได้เลย สำหรับเธอแล้วนี่เป็นการท้าทายตัวเองเช่นกัน“เมื่อกี้เธอบอกให้ฉันแต่งตัวเซ็กซี่ มันหมายความว่าอะไรเหรอคะ?” ฉีหลานถามอย่างงงงวยเพื่อนร่วมงานถอนหายใจ อิจฉาในความใสซื่อของเธอ นึกถึงตัวเองตอนพึ่งจบจากมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ เธอก็ไม่เข้าใจอะไรเลยเช่นกัน แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในถังสีขนาดใหญ่ของสังคม เธอก็ถูกย้อมสีจนความใสหายไปนานแล้ว“ต้องการให้เธอไปยั่วยวนจงเหลียงด้วยความสวยของเธอน่ะสิ เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เธอยังไม่รู้เลยงั้นเหรอ?” เ
“เพื่อนของเธอเนี่ยนะจะรู้จักจงเหลียง นี่เธอล้อฉันเล่นหรือไง?” ฮวงถิงถิงพูดพร้อมกับหัวเราะลั่นเจ้านายเองก็ส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ เห็นได้ชัดว่าฉีหลานกำลังพูดโกหก ถ้าเธอมีเส้นสายแบบนั้นจริง จะมาทำงานที่บริษะทของเขาทำไมกันล่ะ ไปทำงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวไม่ดีกว่าเหรอ "ฉีหลาน นึกไม่ถึงเลยนะว่าเธอที่ไม่รู้อะไรเลย แต่กลับอวดเก่งจริง ๆ" ฮวงถิงถิงพูดต่อพลางกุมท้องตัวเองฉีหลานก้มศีรษะลง เธอก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คน ๆ นั้นพูดไว้เมื่อตอนเช้าเป็นความจริงหรือเปล่า แต่เมื่อครู่จู่ ๆ เธอก็หุนหันพลันแล่นพูดออกไปแบบนั้น ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่พูดออกไปเมื่อครู่นี้แล้ว หากคน ๆ นั้นแค่พูดเล่น เรื่องนี้ได้กลายเป็นเรื่องตลกของเธอแน่เจ้านายถอนหายใจและพูดว่า "ฉีหลาน เธอไม่จำเป็นต้องพูดโกหกหรอก สำหรับฉันมันไม่สำคัญว่าเพื่อนของเธอจะรู้จักจงเหลียงจริงไหมแต่เธอต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองกับฉันต่างหาก เข้าใจไหม?""ไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันจะทำอย่างแน่นอน" ฉีหลานกล่าว แม้ว่าสิ่งที่คน ๆ นั้นพูดไว้ในตอนเช้าจะเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น แต่เธอก็จะคิดหาวิธีอื่นเพื่อให้งานนี้สำเร็จให้ได้“ได้
เหตุผลที่ฮวงถิงถิงเสนอให้ฉีหลานทำงานนี้ เพราะเรู้ว่าหล่อนไม่มีทางทำสำเร็จได้ แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เธอจะมั่นใจในตัวเองมากขนาดนี้ คนรุ่นใหม่ไฟแรงเสียจริง เธอไม่รู้จักอันตรายของสังคมอะไรเลย นับประสาอะไรกับการรู้จักตัวเอง"ฉีหลานเอ๋ยฉีหลาน เธอนี่ชั่งไร้เดียงสาซะจริง ดูเหมือนว่าเธอจะเหมาะกับสภาพแวดล้อมในโรงเรียนมากที่สุดแล้ว เธอรู้หรือเปล่าว่าสังคมที่แท้จริงคืออะไร?" ฮวงถิงถิงกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยามฉีหลานเพิ่งจะเข้าสู่สังคมเป็นครั้งแรก มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอไม่เข้าใจ ตัวอย่างเช่น ทำไมฮวงถิงถิงถึงได้กลั่นแกล้งเธออย่างไม่มีเหตุผล เธอเพิ่งจะมาทำงานที่บริษัทไม่นาน และไม่เคยไปยั่วยุฮวงถิงถิงเลยด้วยซ้ำ"หากฉันเจรจาได้สำเร็จ ฉันจะทำให้หัวหน้ารับรู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของคุณในบริษัท และฉันจะบอกเขาว่า คุณมีแต่จะทำให้การพัฒนาของบริษัทล่าช้าลงเท่านั้น" ในเมื่อฉีหลานกับฮวงถิงถิงมองหน้ากันไม่ติดแล้ว เธอจึงจำเป็นต้องระวังคำพูดของตัวเองแล้ว เพราะสุดท้ายถ้าไม่ใช่ถูกไล่ออกก็ต้องถูกเจ้านายเห็นค่า เพื่อนร่วมงานหลายคนในบริษัทที่ไม่ชอบใจฮวงถิงถิง พวกเขาหวังว่าจะมีใครสักคนสามารถจัดการและควบคุมพฤติกรร
เมื่อฉีหลานนั่งแท็กซี่มาถึงหน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว ความมั่นใจของเธอก็ลดลงกว่าครึ่ง ที่เธอแสดงความมั่นใจต่อหน้าฮวงถิงถิงเพียงเพราะตอนนั้นเธอโกรธจนทนไม่ได้ ไม่ได้คิดว่าตัวเองสามารถจัดการเรื่องนี้ได้จริง แต่พอเอาเข้าจริง เมื่อมาถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว และกำลังจะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ ฉีหลานก็รู้ดีว่าความเป็นไปได้ในการเจรจาครั้งนี้นั้นริบหรี่เหลือเกิน หรือแม้แต่การที่เธอจะได้เข้าพบจงเหลียงนั้นก็ไม่มีความเป็นไปได้เลย และฉีหลานก็แทบไม่เชื่อกับสิ่งที่หานซานเฉียนพูดไว้เมื่อเช้านี้ นี่ไม่ใช่ละครทีวีที่แค่ซื้ออาหารเช้าก็ได้พบกับคนที่เปลี่ยนโชคชะตาชีวิตของเธอได้ เรื่องดี ๆ แบบนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?ขณะที่ฉีหลานกำลังลังเลอยู่ที่หน้าประตูอยู่นั้น จู่ ๆ ผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นเลขาก็เดินมาข้าง ๆ เธอ และถามอย่างสุภาพว่า "ไม่ทราบว่าคุณคือคุณฉีหรือเปล่าคะ?"เมื่อถูกถามอย่างสุภาพ ฉีหลานก็ตกตะลึง เธอรู้นามสกุลของเธอได้อย่างไร?หลังจากที่อึ้งอยู่เป็นเวลานาน ฉีหลานก็รู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาท จึงรีบตอบกลับไปว่า "ใช่ค่ะ ฉันนามสกุลฉี แต่... แต่ฉันไม่น่าจะใช่คนที่คุณกำลังมองหาหรอกค่ะ"
ฉีหลานออกมาจากห้องทำงานของจงเหลียง และเดินออกมาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว เธอรู้สึกราวกับฝัน ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะได้พบจงเหลียงจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังอดทนฟังเนื้อหาที่เธอเตรียมมาทั้งหมด แถมพรุ่งนี้เขายังจะไปที่บริษัทเธออีกด้วย นี่ถือว่าให้เกียรติเธอมากแล้ว ไม่ว่าสุดท้ายเขาจะตกลงร่วมมือหรือไม่ก็ตาม แต่นี่ก็ถือว่าเธอทำภารกิจสำเร็จแล้ว"พี่หาน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่า?" ฉีหลานพึมพำกับตัวเอง ที่เรื่องมันราบรื่นแบบนี้ต้องมีเหตุผลแน่ ๆ และสิ่งเดียวที่ฉีหลานคิดออกนั่นก็คือพี่หานที่ร้านน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋คนนั้น"นายน้อย บริษัทนี้เป็นเพียงบริษัทออกแบบเล็ก ๆ คุณแน่ใจเหรอครับว่าต้องการร่วมมือกับพวกเขา" ในห้องทำงาน หลังจากที่ฉีหลานออกไปแล้ว จงเหลียงก็ถามหานซานเฉียน ตั้งแต่ที่ฉีหลานปรากฏตัว หานซานเฉียนก็จงใจหันหน้าไปทางประตูเฉลียง และหันหลังให้กับพวกเขา ดังนั้นฉีหลานจึงไม่รู้ว่าเขาคือใคร การช่วยเหลือฉีหลานเป็นเพียงการพายเรือตามน้ำเท่านั้น หรือจะเรียกว่าโชคชะตาก็ได้ เขาไม่ต้องการให้ฉีหลานรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เปิดเผยตัวตนต่อหน้าเธอ"คุณประเมินเอาเองก็แล้วกัน
หลังจากที่เจ้านายตื่นจากความตกใจ เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นและถามฉีหลานว่า "เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม จงเหลียงจะมาที่บริษัทของเราจริง ๆ เหรอ?"“หัวหน้าคะ เขาเป็นคนบอกกับฉันเอง เขาจะมาแน่นอนค่ะ” ฉีหลานกล่าวเจ้านายเดินไปหาฉีหลานและจับมือเธอโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น "ฉีหลาน ถ้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวตกลงร่วมมือกับบริษัทเราขึ้นมาจริง ๆ เธอจะเป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ของบริษัทเรา และในอนาคตเราจะตอบแทนเธออย่างดีเลย"เมื่อเห็นท่าทีของเจ้านายที่มีต่อฉีหลานแล้ว ฮวงถิงถิงก็กัดฟัน เธอเตรียมเรื่องนี้โดยหวังว่าฉีหลานจะลาออกโดยสมัครใจ เพราะเธอทำงานไม่สำเร็จ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะได้รับคุณค่าจากเจ้านายมากขึ้นจากเรื่องนี้ฮวงถิงถิงรู้จักข้อบกพร่องของตัวเองดี เธอรู้ว่าในสายตาของเจ้านาย เธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับผลประโยชน์ได้เลย นับประสาอะไรกับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้"หัวหน้า คุณเชื่อในสิ่งที่เธอพูดจริงเหรอ?จงเหลียงจะมาที่บริษัทของเราได้ยังไงกันคะ" ฮวงถิงถิงพูดกับเจ้านาย เธอยังคงคิดว่าฉีหลานพูดโกหก แม้ว่าเธอจะคิดหาเหตุผลที่ฉีหลานต้องโกหกไม่ได้ แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อว่าฉีหลานสามา
มิตรภาพระหว่างมี่เฟยเอ๋อร์กับฮวงถิงถิงไม่ดีขนาดที่เธอจะต้องทำสิ่งนี้ให้ และถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอจะดี เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปเปลี่ยนตารางงานของจงเหลียงได้ตามอำเภอใจ "ฮวงถิงถิง เธอมองฉันสูงไปแล้ว ฉันเป็นแค่พนักงานธรรมดา ๆ คนนึงในบริษัท ฉันจะเปลี่ยนตารางงานของพี่จงตามอำเภอใจได้ยังไง ขอโทษด้วยนะ ฉันทำไม่ได้จริง ๆ" มี่เฟยเอ๋อร์กล่าวฮวงถิงถิงกัดฟัน แม้ว่ามันก็สมเหตุสมผลแล้วที่มี่เฟยเอ๋อร์จะไม่ช่วย แต่เธอก็ยังรู้สึกเกลียดมี่เฟยเอ๋อร์เพราะเรื่องนี้อยู่ดี"พูดตามตรงเลยแล้วกัน ต้องทำยังไงเธอถึงจะยอมช่วยฉัน" ฮวงถิงถิงกล่าวมี่เฟยเอ๋อร์ยิ้มอย่างเหยียดหยาม ฮวงถิงถิงมีสิทธิ์อะไรมาทำท่าทางหยิ่งยโส ราวกับว่าเธอคือคนรับใช้ของเธอแบบนี้“ที่ฉันรับสายเธอ ก็เพราะเห็นแก่มิตรภาพเมื่อก่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็อย่าโทรหาฉันอีก” หลังจากมี่เฟยเอ๋อร์พูดจบเธอก็กดวางสายทันทีฮวงถิงถิงเกือบจะโยนโทรศัพท์ทิ้ง แต่คิดได้ว่าเธอเพิ่งซื้อมาใหม่ได้ไม่นาน สุดท้ายจึงไม่กล้าที่จะโยนมันก่อนหน้านี้ฮวงถิงถิงแทบจะไม่เชื่อว่าจงเหลียงจะมาที่บริษัทของเธอ แต่ตอนนี้ได้รับการยืนยันจากมี่เฟยเอ๋อร์แล้ว เธอรู้ได้ทันทีว่าเมื่อพร