“แน่นอนว่าฉันไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายเสรีภาพในชีวิตของคุณ แต่ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องหยางเหมิง เพราะเธอคือน้องที่ฉันสนิทด้วย” มี่เฟยเอ๋อร์กล่าว“ถ้าเธอคิดว่าฉันมาหาหยางเหมิงที่นี่ล่ะก็สบายใจได้ ฉันมาหาจงเหลียง” หานซานเฉียนกล่าวมี่เฟยเอ๋อร์ยิ้ม มาหาจงเหลียงอย่างนั้นเหรอ? นี่มันไม่มีความน่าเชื่อยิ่งกว่ามาหาหยางเหมิงซะอีกจงเหลียงคือผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว หากต้องการพบเขาจะต้องนัดหมายก่อนล่วงหน้า จะเข้ามาพบเขาง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร นอกจากนี้ มี่เฟยเอ๋อร์คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าคนอย่างหานซานเฉียนมีคุณสมบัติอะไรถึงจะเข้าพบจงเหลียงได้"รีบออกไปซะ อย่ามาล้อเล่นที่นี่ แม้แต่ในฐานะเพื่อนบ้านฉันก็รู้สึกอับอายแทนคุณจริง ๆ พี่จงไม่ใช่คนที่ใครก็ได้จะเขาพบได้ง่าย ๆ" มี่เฟยเอ๋อร์พูดอย่างเหยียดหยาม“ดูเหมือนว่าถ้าไม่ให้เขาออกมารับฉันด้วยตัวเอง เธอก็คงไม่ถอยสินะ?” หานซานเฉียนยิ้มมี่เฟยเอ๋อร์มองหานซานเฉียนอย่างเยาะเย้ย เขาคุยโวจนติดเป็นนิสัยแล้วหรือไง? ยังกล้าบอกว่าจะให้จงเหลียงออกมารับเขาด้วยตัวเองอีก นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตจริง ๆ เหรอ?"การที่คุณมาคุยโวต่อหน
“ไว้ฉันจะจัดการกับเธอทีหลัง”หลังจากที่จงเหลียงพูดจบ เขาก็หันไปหาหานซานเฉียนและพูดว่า "ไปที่ห้องทำงานฉันกันเถอะ"หานซานเฉียนพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินผ่านมี่เฟยเอ๋อร์ไปหลังจากที่ทั้งสองจากไป มี่เฟยเอ๋อร์ถึงตระหนักได้ว่าคนอื่น ๆ มองมาที่เธอแปลก ๆ ราวกับว่าพวกเขารู้จักตัวตนของหานซานเฉียนอยู่แล้วตั้งแต่ต้นมี่เฟยเอ๋อร์เดินไปหาพนักงานคนหนึ่ง และกำลังจะถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหานซานเฉียนกับจงเหลียง แต่คน ๆ นั้นก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า "ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น อย่ามาถามฉันเลย และก็อย่าเข้าใกล้ฉันมากเกินไป เดี๋ยวฉันจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย”ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีท่าทางแบบเดียวกัน ทุกคนต่างพากันตีตัวออกห่าง ราวกับว่ามี่เฟยเอ๋อร์คือโรคระบาดเมื่อเดินไปถึงห้องทำงาน หลังจากปิดประตูลง จงเหลียงก็โค้งตัวและพูดกับหานซานเฉียน "นายน้อย ผมดูแลได้ไม่ดี ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้นายน้อยเอง""นายคิดว่าฉันจะคิดเล็กคิดน้อยกับพนักงานธรรมดาคนนึงหรือไง?" หานซานเฉียนเดินไปที่หน้าต่าง มี่เฟยเอ๋อร์เป็นเพียงพนักงานตัวเล็ก ๆ ที่เขาสามารถไล่ออกตอนไหนก็ได้ แต่เพราะเห็นแก่หยางเหมิง เขาจึงยังไม่ไล่เธอออก “นายน้อยมาหาผมที่นี
เมื่อมองไปที่หมายเลขผู้โทร หานซานเฉียนก็ขมวดคิ้ว ทำไมจู่ ๆ หยางเหมิงถึงโทรมาหาเขา แม้ว่าหยางเหมิงจะรู้ว่าเขาอยู่ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว แต่เธอก็ไม่น่าจะโทรมารบกวนเขา แถมตอนนี้เขายังอยู่ในห้องทำงานของจงเหลียง และจงเหลียงก็เป็นเจ้านายของเธออีกด้วย ด้วยนิสัยของหยางเหมิงแล้ว เธอไม่น่าจะกล้ารบกวนเขาแบบนี้หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในบริษัท? หานซานเฉียนชำเลืองมองจงเหลียงก่อนจะกดรับสาย“หยางเหมิง มีอะไรเหรอ?” หานซานเฉียนถาม“พี่หาน พี่อยู่ที่ไหน ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม” หยางเหมิงพูดอย่างร้อนรนเมื่อได้ยินคำพูดของหยางเหมิง แสดงว่าเธอยังไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว"ฉันอยู่ในบริษัทของพวกเธอ" หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มหยางเหมิงที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และน้ำเสียงของเธอก็ดูสับสน "พี่มาทำอะไรที่บริษัทของพวกเรา?"“เธอควรบอกมาก่อนว่าโทรหาฉันทำไม” หานซานเฉียนยิ้มจากนั้นหยางเหมิงก็รีบเข้าเรื่อง "ในบริษัทมีคนโรคจิต ตอนนี้เขาเฝ้าอยู่ที่ประตูห้องน้ำหญิง ฉันไม่กล้าออกไป""ทำไมเธอถึงไม่โทรไปขอความช่วยเหลือจากมี่เฟยเอ๋อร์ล่ะ?" หานซานเฉียนถามอย่างสงส
แต่เมื่อหยางเหมิงเปิดประตูออกมา คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับทำให้เธอตกใจสุดขีด! เพราะมันไม่ใช่เพื่อนร่วมงานหญิง แต่คือจงเหยียน!"จงเหยียน คุณ... คุณเข้ามาในห้องน้ำผู้หญิงได้ยังไง" หยางเหมิงถาม และมองไปที่จงเหยียนด้วยความหวาดกลัวจงเหยียนตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาก้าวมาข้างหน้าสองก้าวก่อนจะรีบปิดปากหยางเหมิง เพื่อป้องกันไม่ให้เธอส่งเสียง จากนั้นก็ลากเธอกลับเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับปิดประตู ความกังวลใจ ความกลัว ความตื่นเต้น และอารมณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นในใจของจงเหยียน แม้เขาจะกลัวว่าจะถูกเปิดโปง แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ความตื่นเต้นได้ครอบงำเขามากกว่า "หยางเหมิง เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันมีความสัมพันธ์ยังไงกับจงเหลียง ถ้าเธอไม่อยากตกงานก็ควรเชื่อฟังฉันซะ" จงเหยียนขู่หยางเหมิงเสียงต่ำหยางเหมิงรู้สึกถึงการหายใจที่หื่นกระหายของจงเหยียน เธอจึงพูดด้วยความกลัว "จงเหยียน คุณอย่าหุนหันพลันแล่น อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ ไม่งั้นคุณจะเสียใจทีหลังแน่""เสียใจ?" จงเหยียนยิ้มหยันและพูดว่า "จงเหลียงเป็นญาติของฉัน ถึงจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะปกป้องฉัน อยู่ดี ๆ แล้วฉันจะเสียใจทำไม แต่หากวันนี้มีโอกาสแล้วฉันกับเธอยังไม่มีอะไรเกิ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องน้ำหญิงไม่หยุด แต่ไม่มีเสียงตอบกลับใด ๆ หานซานเฉียนพูดกับจงเหลียงเสียงเย็น "ถ้าญาติของคุณทำสิ่งอุกอาจ คุณก็ควรคิดหาวิธีช่วยตัวเองไว้ด้วย"จู่ ๆ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ก็ผุดขึ้นบนหน้าผากของจงเหลียง เขาใช้มือเช็ดมัน ในใจอยากจะทุบจงเหยียนให้ตายแม้ว่าเขาจะรู้ว่าจงเหยียนทำเรื่องสกปรกในที่ทำงาน แต่เขาก็ไม่ได้ก่อเหตุอุกอาจใด ๆ ดังนั้นจงเหลียงจึงเมินเฉย เขาไม่คิดว่าการตามใจนี้จะนำมาสู่ผลลัพธ์เช่นนี้จงเหลียงรู้ว่าหากจงเหยียนก่อเรื่องขาดสติลงไปจริง ๆ เขาก็จะซวยไปด้วยแน่นอนทั้งสองเดินเข้าไปในห้องน้ำ มีเพียงห้องเดียวที่ประตูปิดอยู่ เห็นได้ชัดว่าหยางเหมิงอยู่ข้างในจงเหลียงพูดเสียงทุ้ม "จงเหยียน ถ้าแกอยู่ข้างในก็รีบไสหัวออกมาซะ"จงเหยียนตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ เขาไม่ได้กลัวเพื่อนของหยางเหมิง แต่จงเหลียงมาได้อย่างไร?หยางเหมิงรู้สึกงงเล็กน้อย เธอโทรหาหานซานเฉียน แต่จงเหลียงปรากฏตัวได้อย่างไร? หรือว่าหานซานเฉียนรู้จักกับจงเหลียงอย่างนั้นเหรอ?ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในห้องน้ำ จงเหลียงถึงกับอยากจะฆ่าใครสักคน เขากัดฟันและพูดว่า "ฉันจะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย รีบ
ยิ่งหยางเหมิงคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้นเธอไม่เคยคิดไม่เคยฝัน ว่าเธอจะได้เป็นเพื่อนบ้านกับผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้! แต่ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่ทำให้หยางเหมิงไม่เข้าใจ ในเมื่อเขาเป็นนายน้อยของตระกูลหานในเหยียนจิงแล้ว ทำไมเขาถึงเช่าบ้านอยู่ล่ะ?"ถ้าไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นก็ออกไปกันก่อนเถอะ ยังไงนี่ก็เป็นห้องน้ำหญิง" หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มหยางเหมิงพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว และเดินตามหานซานเฉียนออกมาจากห้องน้ำ"พี่หาน พี่..." หยางเหมิงต้องการถามสิ่งที่เธอสงสัย แต่หานซานเฉียนแทรกขึ้นเสียก่อน "ไม่สำคัญว่าฉันจะเป็นใคร แต่เรื่องในวันนี้ เธอต้องช่วยฉันเก็บเป็นความลับ โอเคไหม? แม้แต่มี่เฟยเอ๋อร์ก็ห้ามบอก" หยางเหมิงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า "พี่ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่พูดแม้แต่คำเดียว"“ดีมาก ไม่มีอะไรแล้ว เธอกลับไปทำงานเถอะ” หานซานเฉียนกล่าว"ฉันมีหนึ่งคำถาม พี่ช่วยสนองความสงสัยของฉันหน่อยได้ไหม?" หยางเหมิงถามอย่างแผ่วเบา“ถามมาสิ ถ้าไม่ได้มีอะไรสำคัญ ฉันก็ตอบให้ได้” หานซานเฉียนกล่าว“พี่มีอำนาจมากขนาดนี้ ทำไมพี่ยังเช่าบ้านอยู่ล่ะ?” หยางเหมิงถามอย่างงุนงง ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ
หลังจากที่หานซานเฉียนออกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว เขาก็ไม่ได้โทรหาซูหยิงเซี่ย แต่เลือกที่จะเชื่อเธอแทน ในเมื่อซูหยิงเซี่ยสัญญาแล้ว เธอก็ไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับใครแน่นอน และในเมื่อไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นคนทำ หานซานเฉียนจึงต้องระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกหักหลังอีกครั้งเมื่อขับรถมาถึงคลับเมจิกซิตี้ หานซานเฉียนก็เห็นว่าม่อหยางกำลังฝึกชกมวยกับกระสอบทรายอยู่ ทำไมจู่ ๆ ลุงวัยกลางคนคนนี้ถึงได้ลุกขึ้นมาขยันแบบนี้?“ม่อหยาง นี่นายกำลังทำอะไร?” หานซานเฉียนถามด้วยความงุนงง“ต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง คนอื่นจะได้ข่มขู่ไม่ได้น่ะสิ ขาของฉันยังใช้งานได้อีกหลายสิบปี” ม่อหยางพูดหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ชายคนนี้ยังเก็บคำพูดมาใส่ใจจริง ๆ“นายไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยหรอกหน่า” หานซานเฉียนกล่าวม่อหยางย่นจมูกและพูดว่า “ฉันจิตใจคับแคบ เพราะงั้นอย่ามายุ่งกับฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกน้องสะใภ้แน่ ว่าตอนนี้นายอยู่กับผู้หญิงสวยทุกวัน"เมื่อหานซานเฉียนได้ยินแบบนั้น เขาก็ชูกำปั้นให้ม่อหยาง ไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น หากซูหยิงเซี่ยรู้เรื่องนี้ เพราะเธอสนิทกั
หานซานเฉียนเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่ข้างนอกสักพัก เมื่อใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นเขาถึงได้กลับบ้าน เมื่อเปิดประตูหานซานเฉียนก็เห็นฉี๋อีหยุนลุกขึ้นมาจากโซฟา และพูดกับเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น "คุณหิวไหม เดี๋ยวฉันจะไปอุ่นอาหารให้นะ"หานซานเฉียนไม่คิดว่าฉี๋อีหยุนยังไม่จากไป และดวงตาสีแดงของเธอ บอกว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา ซึ่งนั่นทำให้หานซานเฉียนทำอะไรไม่ถูกเขาคิดว่าหลังจากฉี๋อีหยุนจากไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะชัดเจนมากขึ้น แต่ฉี๋อีหยุนยังไม่ได้จากไป เรื่องนี้จึงทำให้เขาลำบากใจเมื่อมาถึงประตูห้องครัว เขาเห็นฉี๋อีหยุนกำลังปรุงอาหารอย่างชำนาญ หานซานเฉียนพูดขึ้นว่า "ทำไมคุณต้องปล่อยให้ตัวเองมีบาดแผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า"ฉี๋อีหยุนขยี้ตาของเธอและพูดขึ้น "ควันนี้ทำให้คนสำลักจริง ๆ ฉันสำลักจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว คุณออกไปรอที่ห้องนั่งเล่นเถอะ"หานซานเฉียนไม่ได้ออกไป แต่เดินเข้าไปในครัว และหยุดที่ด้านข้างฉี๋อีหยุนแทน ก่อนจะพูดขึ้น "คุณรู้ดีว่าไม่ว่าคุณทำอะไรเพื่อผมสักแค่ไหน คุณก็จะไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ"“ตอนนี้คือสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันขอดูแลคุณในฐานะเพื่อนคนนึงไม่ได