“แน่นอนว่าฉันไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายเสรีภาพในชีวิตของคุณ แต่ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องหยางเหมิง เพราะเธอคือน้องที่ฉันสนิทด้วย” มี่เฟยเอ๋อร์กล่าว“ถ้าเธอคิดว่าฉันมาหาหยางเหมิงที่นี่ล่ะก็สบายใจได้ ฉันมาหาจงเหลียง” หานซานเฉียนกล่าวมี่เฟยเอ๋อร์ยิ้ม มาหาจงเหลียงอย่างนั้นเหรอ? นี่มันไม่มีความน่าเชื่อยิ่งกว่ามาหาหยางเหมิงซะอีกจงเหลียงคือผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว หากต้องการพบเขาจะต้องนัดหมายก่อนล่วงหน้า จะเข้ามาพบเขาง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร นอกจากนี้ มี่เฟยเอ๋อร์คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าคนอย่างหานซานเฉียนมีคุณสมบัติอะไรถึงจะเข้าพบจงเหลียงได้"รีบออกไปซะ อย่ามาล้อเล่นที่นี่ แม้แต่ในฐานะเพื่อนบ้านฉันก็รู้สึกอับอายแทนคุณจริง ๆ พี่จงไม่ใช่คนที่ใครก็ได้จะเขาพบได้ง่าย ๆ" มี่เฟยเอ๋อร์พูดอย่างเหยียดหยาม“ดูเหมือนว่าถ้าไม่ให้เขาออกมารับฉันด้วยตัวเอง เธอก็คงไม่ถอยสินะ?” หานซานเฉียนยิ้มมี่เฟยเอ๋อร์มองหานซานเฉียนอย่างเยาะเย้ย เขาคุยโวจนติดเป็นนิสัยแล้วหรือไง? ยังกล้าบอกว่าจะให้จงเหลียงออกมารับเขาด้วยตัวเองอีก นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตจริง ๆ เหรอ?"การที่คุณมาคุยโวต่อหน
“ไว้ฉันจะจัดการกับเธอทีหลัง”หลังจากที่จงเหลียงพูดจบ เขาก็หันไปหาหานซานเฉียนและพูดว่า "ไปที่ห้องทำงานฉันกันเถอะ"หานซานเฉียนพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินผ่านมี่เฟยเอ๋อร์ไปหลังจากที่ทั้งสองจากไป มี่เฟยเอ๋อร์ถึงตระหนักได้ว่าคนอื่น ๆ มองมาที่เธอแปลก ๆ ราวกับว่าพวกเขารู้จักตัวตนของหานซานเฉียนอยู่แล้วตั้งแต่ต้นมี่เฟยเอ๋อร์เดินไปหาพนักงานคนหนึ่ง และกำลังจะถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหานซานเฉียนกับจงเหลียง แต่คน ๆ นั้นก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า "ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น อย่ามาถามฉันเลย และก็อย่าเข้าใกล้ฉันมากเกินไป เดี๋ยวฉันจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย”ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีท่าทางแบบเดียวกัน ทุกคนต่างพากันตีตัวออกห่าง ราวกับว่ามี่เฟยเอ๋อร์คือโรคระบาดเมื่อเดินไปถึงห้องทำงาน หลังจากปิดประตูลง จงเหลียงก็โค้งตัวและพูดกับหานซานเฉียน "นายน้อย ผมดูแลได้ไม่ดี ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้นายน้อยเอง""นายคิดว่าฉันจะคิดเล็กคิดน้อยกับพนักงานธรรมดาคนนึงหรือไง?" หานซานเฉียนเดินไปที่หน้าต่าง มี่เฟยเอ๋อร์เป็นเพียงพนักงานตัวเล็ก ๆ ที่เขาสามารถไล่ออกตอนไหนก็ได้ แต่เพราะเห็นแก่หยางเหมิง เขาจึงยังไม่ไล่เธอออก “นายน้อยมาหาผมที่นี
เมื่อมองไปที่หมายเลขผู้โทร หานซานเฉียนก็ขมวดคิ้ว ทำไมจู่ ๆ หยางเหมิงถึงโทรมาหาเขา แม้ว่าหยางเหมิงจะรู้ว่าเขาอยู่ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว แต่เธอก็ไม่น่าจะโทรมารบกวนเขา แถมตอนนี้เขายังอยู่ในห้องทำงานของจงเหลียง และจงเหลียงก็เป็นเจ้านายของเธออีกด้วย ด้วยนิสัยของหยางเหมิงแล้ว เธอไม่น่าจะกล้ารบกวนเขาแบบนี้หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในบริษัท? หานซานเฉียนชำเลืองมองจงเหลียงก่อนจะกดรับสาย“หยางเหมิง มีอะไรเหรอ?” หานซานเฉียนถาม“พี่หาน พี่อยู่ที่ไหน ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม” หยางเหมิงพูดอย่างร้อนรนเมื่อได้ยินคำพูดของหยางเหมิง แสดงว่าเธอยังไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว"ฉันอยู่ในบริษัทของพวกเธอ" หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มหยางเหมิงที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และน้ำเสียงของเธอก็ดูสับสน "พี่มาทำอะไรที่บริษัทของพวกเรา?"“เธอควรบอกมาก่อนว่าโทรหาฉันทำไม” หานซานเฉียนยิ้มจากนั้นหยางเหมิงก็รีบเข้าเรื่อง "ในบริษัทมีคนโรคจิต ตอนนี้เขาเฝ้าอยู่ที่ประตูห้องน้ำหญิง ฉันไม่กล้าออกไป""ทำไมเธอถึงไม่โทรไปขอความช่วยเหลือจากมี่เฟยเอ๋อร์ล่ะ?" หานซานเฉียนถามอย่างสงส
แต่เมื่อหยางเหมิงเปิดประตูออกมา คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับทำให้เธอตกใจสุดขีด! เพราะมันไม่ใช่เพื่อนร่วมงานหญิง แต่คือจงเหยียน!"จงเหยียน คุณ... คุณเข้ามาในห้องน้ำผู้หญิงได้ยังไง" หยางเหมิงถาม และมองไปที่จงเหยียนด้วยความหวาดกลัวจงเหยียนตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาก้าวมาข้างหน้าสองก้าวก่อนจะรีบปิดปากหยางเหมิง เพื่อป้องกันไม่ให้เธอส่งเสียง จากนั้นก็ลากเธอกลับเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับปิดประตู ความกังวลใจ ความกลัว ความตื่นเต้น และอารมณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นในใจของจงเหยียน แม้เขาจะกลัวว่าจะถูกเปิดโปง แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ความตื่นเต้นได้ครอบงำเขามากกว่า "หยางเหมิง เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันมีความสัมพันธ์ยังไงกับจงเหลียง ถ้าเธอไม่อยากตกงานก็ควรเชื่อฟังฉันซะ" จงเหยียนขู่หยางเหมิงเสียงต่ำหยางเหมิงรู้สึกถึงการหายใจที่หื่นกระหายของจงเหยียน เธอจึงพูดด้วยความกลัว "จงเหยียน คุณอย่าหุนหันพลันแล่น อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ ไม่งั้นคุณจะเสียใจทีหลังแน่""เสียใจ?" จงเหยียนยิ้มหยันและพูดว่า "จงเหลียงเป็นญาติของฉัน ถึงจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะปกป้องฉัน อยู่ดี ๆ แล้วฉันจะเสียใจทำไม แต่หากวันนี้มีโอกาสแล้วฉันกับเธอยังไม่มีอะไรเกิ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องน้ำหญิงไม่หยุด แต่ไม่มีเสียงตอบกลับใด ๆ หานซานเฉียนพูดกับจงเหลียงเสียงเย็น "ถ้าญาติของคุณทำสิ่งอุกอาจ คุณก็ควรคิดหาวิธีช่วยตัวเองไว้ด้วย"จู่ ๆ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ก็ผุดขึ้นบนหน้าผากของจงเหลียง เขาใช้มือเช็ดมัน ในใจอยากจะทุบจงเหยียนให้ตายแม้ว่าเขาจะรู้ว่าจงเหยียนทำเรื่องสกปรกในที่ทำงาน แต่เขาก็ไม่ได้ก่อเหตุอุกอาจใด ๆ ดังนั้นจงเหลียงจึงเมินเฉย เขาไม่คิดว่าการตามใจนี้จะนำมาสู่ผลลัพธ์เช่นนี้จงเหลียงรู้ว่าหากจงเหยียนก่อเรื่องขาดสติลงไปจริง ๆ เขาก็จะซวยไปด้วยแน่นอนทั้งสองเดินเข้าไปในห้องน้ำ มีเพียงห้องเดียวที่ประตูปิดอยู่ เห็นได้ชัดว่าหยางเหมิงอยู่ข้างในจงเหลียงพูดเสียงทุ้ม "จงเหยียน ถ้าแกอยู่ข้างในก็รีบไสหัวออกมาซะ"จงเหยียนตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ เขาไม่ได้กลัวเพื่อนของหยางเหมิง แต่จงเหลียงมาได้อย่างไร?หยางเหมิงรู้สึกงงเล็กน้อย เธอโทรหาหานซานเฉียน แต่จงเหลียงปรากฏตัวได้อย่างไร? หรือว่าหานซานเฉียนรู้จักกับจงเหลียงอย่างนั้นเหรอ?ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในห้องน้ำ จงเหลียงถึงกับอยากจะฆ่าใครสักคน เขากัดฟันและพูดว่า "ฉันจะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย รีบ
ยิ่งหยางเหมิงคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้นเธอไม่เคยคิดไม่เคยฝัน ว่าเธอจะได้เป็นเพื่อนบ้านกับผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้! แต่ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่ทำให้หยางเหมิงไม่เข้าใจ ในเมื่อเขาเป็นนายน้อยของตระกูลหานในเหยียนจิงแล้ว ทำไมเขาถึงเช่าบ้านอยู่ล่ะ?"ถ้าไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นก็ออกไปกันก่อนเถอะ ยังไงนี่ก็เป็นห้องน้ำหญิง" หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มหยางเหมิงพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว และเดินตามหานซานเฉียนออกมาจากห้องน้ำ"พี่หาน พี่..." หยางเหมิงต้องการถามสิ่งที่เธอสงสัย แต่หานซานเฉียนแทรกขึ้นเสียก่อน "ไม่สำคัญว่าฉันจะเป็นใคร แต่เรื่องในวันนี้ เธอต้องช่วยฉันเก็บเป็นความลับ โอเคไหม? แม้แต่มี่เฟยเอ๋อร์ก็ห้ามบอก" หยางเหมิงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า "พี่ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่พูดแม้แต่คำเดียว"“ดีมาก ไม่มีอะไรแล้ว เธอกลับไปทำงานเถอะ” หานซานเฉียนกล่าว"ฉันมีหนึ่งคำถาม พี่ช่วยสนองความสงสัยของฉันหน่อยได้ไหม?" หยางเหมิงถามอย่างแผ่วเบา“ถามมาสิ ถ้าไม่ได้มีอะไรสำคัญ ฉันก็ตอบให้ได้” หานซานเฉียนกล่าว“พี่มีอำนาจมากขนาดนี้ ทำไมพี่ยังเช่าบ้านอยู่ล่ะ?” หยางเหมิงถามอย่างงุนงง ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ
หลังจากที่หานซานเฉียนออกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว เขาก็ไม่ได้โทรหาซูหยิงเซี่ย แต่เลือกที่จะเชื่อเธอแทน ในเมื่อซูหยิงเซี่ยสัญญาแล้ว เธอก็ไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับใครแน่นอน และในเมื่อไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นคนทำ หานซานเฉียนจึงต้องระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกหักหลังอีกครั้งเมื่อขับรถมาถึงคลับเมจิกซิตี้ หานซานเฉียนก็เห็นว่าม่อหยางกำลังฝึกชกมวยกับกระสอบทรายอยู่ ทำไมจู่ ๆ ลุงวัยกลางคนคนนี้ถึงได้ลุกขึ้นมาขยันแบบนี้?“ม่อหยาง นี่นายกำลังทำอะไร?” หานซานเฉียนถามด้วยความงุนงง“ต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง คนอื่นจะได้ข่มขู่ไม่ได้น่ะสิ ขาของฉันยังใช้งานได้อีกหลายสิบปี” ม่อหยางพูดหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ชายคนนี้ยังเก็บคำพูดมาใส่ใจจริง ๆ“นายไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยหรอกหน่า” หานซานเฉียนกล่าวม่อหยางย่นจมูกและพูดว่า “ฉันจิตใจคับแคบ เพราะงั้นอย่ามายุ่งกับฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกน้องสะใภ้แน่ ว่าตอนนี้นายอยู่กับผู้หญิงสวยทุกวัน"เมื่อหานซานเฉียนได้ยินแบบนั้น เขาก็ชูกำปั้นให้ม่อหยาง ไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น หากซูหยิงเซี่ยรู้เรื่องนี้ เพราะเธอสนิทกั
หานซานเฉียนเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่ข้างนอกสักพัก เมื่อใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นเขาถึงได้กลับบ้าน เมื่อเปิดประตูหานซานเฉียนก็เห็นฉี๋อีหยุนลุกขึ้นมาจากโซฟา และพูดกับเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น "คุณหิวไหม เดี๋ยวฉันจะไปอุ่นอาหารให้นะ"หานซานเฉียนไม่คิดว่าฉี๋อีหยุนยังไม่จากไป และดวงตาสีแดงของเธอ บอกว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา ซึ่งนั่นทำให้หานซานเฉียนทำอะไรไม่ถูกเขาคิดว่าหลังจากฉี๋อีหยุนจากไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะชัดเจนมากขึ้น แต่ฉี๋อีหยุนยังไม่ได้จากไป เรื่องนี้จึงทำให้เขาลำบากใจเมื่อมาถึงประตูห้องครัว เขาเห็นฉี๋อีหยุนกำลังปรุงอาหารอย่างชำนาญ หานซานเฉียนพูดขึ้นว่า "ทำไมคุณต้องปล่อยให้ตัวเองมีบาดแผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า"ฉี๋อีหยุนขยี้ตาของเธอและพูดขึ้น "ควันนี้ทำให้คนสำลักจริง ๆ ฉันสำลักจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว คุณออกไปรอที่ห้องนั่งเล่นเถอะ"หานซานเฉียนไม่ได้ออกไป แต่เดินเข้าไปในครัว และหยุดที่ด้านข้างฉี๋อีหยุนแทน ก่อนจะพูดขึ้น "คุณรู้ดีว่าไม่ว่าคุณทำอะไรเพื่อผมสักแค่ไหน คุณก็จะไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ"“ตอนนี้คือสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันขอดูแลคุณในฐานะเพื่อนคนนึงไม่ได
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ