เมื่อความคิดที่ว่าฉี๋อีหยุนเป็นแฟนของหานซานเฉียนเกิดขึ้นในใจของมี่เฟยเอ๋อร์ เธอก็ส่ายหัวปฏิเสธความคิดนี้ทันทีผู้หญิงคนนี้ต้องถูกเขาหลอกแน่ ไม่อย่างงั้นหน้าตาสวย ๆ แบบเธอจะมาคบกับไอ้คนธรรมดาคนนี้ทำไม! มี่เฟยเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยสายตาดูถูก หากไม่ใช่การลักพาตัวหรือการหลอกล่อ เขาคงไม่มีทางมีแฟนได้หรอกตอนนั้นเอง มี่เฟยเอ๋อร์ก็คิดเองเออเอง เธออยากจะช่วยฉี๋อีหยุน ไม่อยากให้เธอโดนหลอก และต้องบอกให้เธอรู้ให้ได้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนแบบไหนขณะที่หยางเหมิงกำลังคุยกับหานซานเฉียนอยู่นั้น มี่เฟยเอ๋อร์ก็เดินเข้าไปหาฉี๋อีหยุนอย่างเงียบ ๆ และถามเธอเสียงเบา "คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นคนแบบไหน?"เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกถามฉี๋อีหยุนจึงรู้สึกงุนงง หานซานเฉียนเป็นคนแบบไหน เธอยังต้องพูดอีกเหรอ?"คุณมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไปเหรอ?" ฉี๋อีหยุนถาม ในเมื่อมี่เฟยเอ๋อร์ถามคำถามนี้ แสดงว่าเธอมีบางอย่างที่อยากจะพูด และฉี๋อีหยุนอยากรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร“ถึงแม้ว่าฉันจะรู้จักเขาได้ไม่นาน แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนกระจอกคนนึง คุณสวยขนาดนี้แต่ยังเต็มใจอยู่กับเขา แสดงว่าเขาต้องหลอกอะไรคุณแน่ ๆ” มี่เฟยเอ๋อร์พูดฉี๋อีหยุนยิ้มจาง
“ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวไปทำความสะอาดต่อก่อนนะ” ฉี๋อีหยุนกล่าวมี่เฟยเอ๋อร์ยิ้มเยาะ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเพียงแจกันว่างเปล่า ที่มาทำความสะอาดให้ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่เท่านั้น เป็นคนแบบไหนก็คบเพื่อนแบบนั้น คนที่ไร้ประโยชน์อย่างเขา ก็คบเพื่อนที่ไร้ความสามารถแบบนี้สินะ "อย่ามัวแต่ลุ่มหลงเขานักเลย ไม่ช้าก็เร็วคุณจะต้องเสียใจ" หลังจากพูดจบ มี่เฟยเอ๋อร์ก็เดินออกมาจากฉี๋อีหยุน"หยางเหมิง กลับกันเถอะ" มี่เฟยเอ๋อร์พูดกับหยางเหมิงหยางเหมิงที่กำลังพูดคุยกับหานซานเฉียนอย่างออกรส เมื่อเธอได้ยินมี่เฟยเอ๋อร์เรียก เธอก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเสียดายออกมา แต่เธอรู้ว่าหากเธอยังอยู่ต่อ เมื่อกลับไปที่บ้านเธอจะต้องถูกมี่เฟยเอ๋อร์ดุแน่ ๆ"พี่หาน งั้นพี่ก็พักผ่อนเยอะ ๆ นะ ไว้ว่างเมื่อไหร่ฉันค่อยแวะมาหาพี่อีก" หยางเหมิงพูดกับหานซานเฉียนหานซานเฉียนพยักหน้า และในขณะที่เขากำลังจะพูด มี่เฟยเอ๋อร์ก็แทรกขึ้น "เธอมีเวลาว่างเยอะนักรึไง? งานตั้งเยอะในบริษัทมีไม่ทำ ยังจะมัวมาเสียเวลาไปกับสิ่งไร้ประโยชน์แบบนี้ เธออยากถูกไล่ออกเหรอ?”หยางเหมิงทำหน้าลำบากใจ มี่เฟยเอ๋อร์พูดแบบนี้ต่อหน้าหานซานเฉียน แล้วหานซานเฉีย
หยางเหมิงไม่ได้รู้สึกว่าหานซานเฉียนเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่เธอรู้ว่าหากมี่เฟยเอ๋อร์ได้ปักใจเชื่อไปแล้ว ก็ยากที่กล่อมเธอให้เชื่อในความเป็นไปได้อื่น ๆ และในความคิดของมี่เฟยเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ดูไม่ดีอยู่แล้ว หากเธอช่วยหานซานเฉียนพูดในในเวลานี้ มีแต่จะทำให้มี่เฟยเอ๋อร์โกรธมากขึ้นกว่าเดิม“พี่เฟยเอ๋อร์ เรามาคิดว่าคืนนี้จะกินอะไรกันดีกว่า เรื่องระหว่างพวกเขาสองคนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย” หยางเหมิงกล่าวมี่เฟยเอ๋อร์พยักหน้าและพูดว่า "คืนนี้ฉันจะลดความอ้วน ใครใช้ให้เธอซื้อตะกร้าผลไม้ดี ๆ ให้เขา ไม่ต้องใช้เงินแล้วรึไง?"หยางเหมิงยิ้มอย่างเขินอายและพูดว่า "พี่เฟยเอ๋อร์ ก็ฉันหาผลไม้เน่าไม่เจอนี่นา มันก็ช่วยไม่ได้ ครั้งหน้าฉันจะระวังมากกว่านี้"ครึ่งเดือนต่อมา หานซานเฉียนพักฟื้นอยู่ที่บ้าน และกลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทุก ๆ สองถึงสามวัน โดยพื้นฐานแล้วการฟื้นตัวไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้วและอีกครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจากรถเข็น และสามารถเดินเองได้แล้วในวันนี้ ฉี๋อีหยุนซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนกำลังทำอาหารกลางวันให้กับหานซานเฉียนอยู่ในครัว ในช่วงเวลานี้เธอดูแลงานบ้านเกือบทั้งหมด และดูแลห
หยางซิงขมวดคิ้วและแอบชำเลืองมองหานซานเฉียน เพราะสิ่งที่เขาพูดเป็นเพียงความรู้สึกของเขาเท่านั้น และเขากลัวว่าหากพูดออกไปหานซานเฉียนจะไม่เห็นด้วย“มีอะไรก็พูดมา อย่ามัวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อย่างกับผู้หญิง” หานซานเฉียนเร่งเร้า“พี่ซานเฉียน ผมก็แค่พูดไปเรื่อย พี่ลองฟังดูก็พอ ถ้าพี่คิดว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นไม่ถูก พี่ก็คิดเสียว่าไม่ได้ยินก็แล้วกันนะ” หยางซิงกล่าว"ถ้านายยังพูดไร้สาระไม่เลิก ฉันจะจองแพ็คเกจที่โรงพยาบาลให้นายสักครึ่งเดือนเป็นไง?" หานซานเฉียนพูดเสียงเย็นหยางซิงมีไหวพริบจึงรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว "ผมคิดว่าเรื่องนี้มันราบรื่นเกินไป ราบรื่นซะจนน่าแปลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ครอบครัวที่มีปัญหามาตลอด กลับยอมตกลงที่จะขายบ้านง่าย ๆ ตอนนั้นนักพัฒนาพยายามหารือและเกลี้ยกล่อมพวกเขา และถึงขนาดบีบบังคับพวกเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอม แต่ครั้งนี้กลับยอมตกลงอย่างง่ายดาย”“พี่ซานเฉียน พี่อาจไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในหมู่บ้านเฉิงจง งั้นผมจะเล่าให้พี่ฟัง เมื่อก่อนครอบครัวเหล่านี้ถึงกับจะกระโดดลงมาจากตึกเพียงเพราะเรื่องรื้อถอนอาคาร นั่นเป็นเหตุผลที่นักพัฒนาหลายคนบอกว่าสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนข
“แน่นอนว่าฉันไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายเสรีภาพในชีวิตของคุณ แต่ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องหยางเหมิง เพราะเธอคือน้องที่ฉันสนิทด้วย” มี่เฟยเอ๋อร์กล่าว“ถ้าเธอคิดว่าฉันมาหาหยางเหมิงที่นี่ล่ะก็สบายใจได้ ฉันมาหาจงเหลียง” หานซานเฉียนกล่าวมี่เฟยเอ๋อร์ยิ้ม มาหาจงเหลียงอย่างนั้นเหรอ? นี่มันไม่มีความน่าเชื่อยิ่งกว่ามาหาหยางเหมิงซะอีกจงเหลียงคือผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว หากต้องการพบเขาจะต้องนัดหมายก่อนล่วงหน้า จะเข้ามาพบเขาง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร นอกจากนี้ มี่เฟยเอ๋อร์คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าคนอย่างหานซานเฉียนมีคุณสมบัติอะไรถึงจะเข้าพบจงเหลียงได้"รีบออกไปซะ อย่ามาล้อเล่นที่นี่ แม้แต่ในฐานะเพื่อนบ้านฉันก็รู้สึกอับอายแทนคุณจริง ๆ พี่จงไม่ใช่คนที่ใครก็ได้จะเขาพบได้ง่าย ๆ" มี่เฟยเอ๋อร์พูดอย่างเหยียดหยาม“ดูเหมือนว่าถ้าไม่ให้เขาออกมารับฉันด้วยตัวเอง เธอก็คงไม่ถอยสินะ?” หานซานเฉียนยิ้มมี่เฟยเอ๋อร์มองหานซานเฉียนอย่างเยาะเย้ย เขาคุยโวจนติดเป็นนิสัยแล้วหรือไง? ยังกล้าบอกว่าจะให้จงเหลียงออกมารับเขาด้วยตัวเองอีก นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตจริง ๆ เหรอ?"การที่คุณมาคุยโวต่อหน
“ไว้ฉันจะจัดการกับเธอทีหลัง”หลังจากที่จงเหลียงพูดจบ เขาก็หันไปหาหานซานเฉียนและพูดว่า "ไปที่ห้องทำงานฉันกันเถอะ"หานซานเฉียนพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินผ่านมี่เฟยเอ๋อร์ไปหลังจากที่ทั้งสองจากไป มี่เฟยเอ๋อร์ถึงตระหนักได้ว่าคนอื่น ๆ มองมาที่เธอแปลก ๆ ราวกับว่าพวกเขารู้จักตัวตนของหานซานเฉียนอยู่แล้วตั้งแต่ต้นมี่เฟยเอ๋อร์เดินไปหาพนักงานคนหนึ่ง และกำลังจะถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหานซานเฉียนกับจงเหลียง แต่คน ๆ นั้นก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า "ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น อย่ามาถามฉันเลย และก็อย่าเข้าใกล้ฉันมากเกินไป เดี๋ยวฉันจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย”ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีท่าทางแบบเดียวกัน ทุกคนต่างพากันตีตัวออกห่าง ราวกับว่ามี่เฟยเอ๋อร์คือโรคระบาดเมื่อเดินไปถึงห้องทำงาน หลังจากปิดประตูลง จงเหลียงก็โค้งตัวและพูดกับหานซานเฉียน "นายน้อย ผมดูแลได้ไม่ดี ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้นายน้อยเอง""นายคิดว่าฉันจะคิดเล็กคิดน้อยกับพนักงานธรรมดาคนนึงหรือไง?" หานซานเฉียนเดินไปที่หน้าต่าง มี่เฟยเอ๋อร์เป็นเพียงพนักงานตัวเล็ก ๆ ที่เขาสามารถไล่ออกตอนไหนก็ได้ แต่เพราะเห็นแก่หยางเหมิง เขาจึงยังไม่ไล่เธอออก “นายน้อยมาหาผมที่นี
เมื่อมองไปที่หมายเลขผู้โทร หานซานเฉียนก็ขมวดคิ้ว ทำไมจู่ ๆ หยางเหมิงถึงโทรมาหาเขา แม้ว่าหยางเหมิงจะรู้ว่าเขาอยู่ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว แต่เธอก็ไม่น่าจะโทรมารบกวนเขา แถมตอนนี้เขายังอยู่ในห้องทำงานของจงเหลียง และจงเหลียงก็เป็นเจ้านายของเธออีกด้วย ด้วยนิสัยของหยางเหมิงแล้ว เธอไม่น่าจะกล้ารบกวนเขาแบบนี้หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในบริษัท? หานซานเฉียนชำเลืองมองจงเหลียงก่อนจะกดรับสาย“หยางเหมิง มีอะไรเหรอ?” หานซานเฉียนถาม“พี่หาน พี่อยู่ที่ไหน ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม” หยางเหมิงพูดอย่างร้อนรนเมื่อได้ยินคำพูดของหยางเหมิง แสดงว่าเธอยังไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว"ฉันอยู่ในบริษัทของพวกเธอ" หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มหยางเหมิงที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และน้ำเสียงของเธอก็ดูสับสน "พี่มาทำอะไรที่บริษัทของพวกเรา?"“เธอควรบอกมาก่อนว่าโทรหาฉันทำไม” หานซานเฉียนยิ้มจากนั้นหยางเหมิงก็รีบเข้าเรื่อง "ในบริษัทมีคนโรคจิต ตอนนี้เขาเฝ้าอยู่ที่ประตูห้องน้ำหญิง ฉันไม่กล้าออกไป""ทำไมเธอถึงไม่โทรไปขอความช่วยเหลือจากมี่เฟยเอ๋อร์ล่ะ?" หานซานเฉียนถามอย่างสงส
แต่เมื่อหยางเหมิงเปิดประตูออกมา คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับทำให้เธอตกใจสุดขีด! เพราะมันไม่ใช่เพื่อนร่วมงานหญิง แต่คือจงเหยียน!"จงเหยียน คุณ... คุณเข้ามาในห้องน้ำผู้หญิงได้ยังไง" หยางเหมิงถาม และมองไปที่จงเหยียนด้วยความหวาดกลัวจงเหยียนตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาก้าวมาข้างหน้าสองก้าวก่อนจะรีบปิดปากหยางเหมิง เพื่อป้องกันไม่ให้เธอส่งเสียง จากนั้นก็ลากเธอกลับเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับปิดประตู ความกังวลใจ ความกลัว ความตื่นเต้น และอารมณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นในใจของจงเหยียน แม้เขาจะกลัวว่าจะถูกเปิดโปง แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ความตื่นเต้นได้ครอบงำเขามากกว่า "หยางเหมิง เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันมีความสัมพันธ์ยังไงกับจงเหลียง ถ้าเธอไม่อยากตกงานก็ควรเชื่อฟังฉันซะ" จงเหยียนขู่หยางเหมิงเสียงต่ำหยางเหมิงรู้สึกถึงการหายใจที่หื่นกระหายของจงเหยียน เธอจึงพูดด้วยความกลัว "จงเหยียน คุณอย่าหุนหันพลันแล่น อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ ไม่งั้นคุณจะเสียใจทีหลังแน่""เสียใจ?" จงเหยียนยิ้มหยันและพูดว่า "จงเหลียงเป็นญาติของฉัน ถึงจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะปกป้องฉัน อยู่ดี ๆ แล้วฉันจะเสียใจทำไม แต่หากวันนี้มีโอกาสแล้วฉันกับเธอยังไม่มีอะไรเกิ