“คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่ง” ซ่งจีปลดล็อกรถอย่างภาคภูมิใจ พลางชี้ไปที่รถเบนซ์แล้วพูดกับหานซานเฉียน “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากเป็นก้างขวางคอ และผมก็ต้องหาวิธีที่แก้ปัญหาให้บ้านแห่งรักด้วย” หานซานเฉียนกล่าว “ยังจะอวดดีอีกนะ โอเค ผมจะไม่แฉคุณ คุณมีความสุขก็ทำไปเถอะ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนล่ะ” ซ่งจีพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากขึ้นรถแล้วทั้งสองก็ขับออกไป ต่งซานพูดกับซ่งจีในรถว่า “คุณไม่เคยมีปัญากับเขา แล้วทำไมคุณถึงต้องทำให้เขาลำบากใจด้วยคะ" “ผมทนฟังผู้ชายขี้โม้แบบนี้ไม่ได้ คุณก็ดูเขาสิ เป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แล้วยังคุยโวว่าตัวเองสามารถแก้ปัญหาเรื่องบ้านแห่งรักได้ เขามีอำนาจมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซ่งจีพูดอย่างเหยียดหยาม “ไม่ว่าเขาจะมีอำนาจหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่เขามีใจคิดจะช่วย” ต่งซานกล่าว “คุณยังไร้เดียงสาเกินไป มีใจแล้วมีประโยชน์ไหม? เขาแค่คุยโม้ต่อหน้าผม เพื่อสนองความไร้สาระของเขาเองไม่ใช่เหรอ? ผมไม่ฉีกหน้าเขาก็ถือว่าไว้หน้าคุณแล้วนะ” ซ่งจีพูดต่งซานถอนหายใจ ในใจเธอหวังจริง ๆ ว่าหานซานเฉียนจะช่วยได้ ถ้าเขาไม่สามารถช่วยได้ บ้านแห่งรักอาจจะพังลงได้“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ
หลังจากที่เทียนหลิงเอ๋อร์ออกมา เทียนฉางเฉิงก็ไม่มีโอกาสพูดต่อ เขาจึงปล่อยให้หานซานเฉียนไป แม้แต่ขึ้นรถเขาไปเขาก็ไม่กล่าวลากับเทียนฉางเฉิง ในขณะนี้ เทียนหลิงเอ๋อร์มีเพียงหานซานเฉียนในสายตา เทียนฉางเฉิงก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่นให้กับสิ่งนี้ “พี่หายไปไหนมา ไม่ได้ข่าวซะนานเลย” เทียนหลิงเอ๋อร์ถามหานซานเฉียนในรถ “ฉันไปถ่ายพรีเวดดิ้งกับซูหยิงเซี่ยที่เกาะจีเหยียนมา” หานซานเฉียนกล่าว เมื่อได้ยินคำว่าหยิงเซี่ย สีหน้าของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็นิ่งเฉยทันที ถ้ารู้ว่าเขาไปเกาะจีเหยียนกับซูหยิงเซี่ยมา เธอจะไม่ถามคำถามนี้เลย “พี่รู้ไหมว่าร้านอยู่ไหน?” เทียนหลิงเอ๋อร์รีบเปลี่ยนเรื่อง“ฉันเพิ่งกลับมา ฉันจะรู้ได้ยังไง แต่มันเป็นสถานที่ที่สามารถดึงดูดคุณหนูเทียนได้ คงไม่เลวใช่ไหม” หานซานเฉียนกล่าว “ฉันก็ไม่รู้ว่ามันดีไม่ดี แค่โฆษณามันดึงดูดจนคนเกือบทั้งเมืองรู้จัก ฉันจะเปิดแผนที่ให้ แล้วพี่ก็ขับไปตามเส้นทางนะคะ” เทียนหลิงเอ๋อร์หยิบโทรศัพท์ออกมา และจงใจเปิดมันต่อหน้าหานซานเฉียน ภาพพักหน้าจอคือภาพถ่ายของหานซานเฉียน เทียนหลิงเอ๋อร์รีบเปิดแผนที่อย่างรวดเร็ว เธอเชื่อว่าหานซานเฉียนได้เห็นสิ่งที่เธ
“คุณหนูเทียน คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมา ผมโชคดีที่ได้พบคุณครั้งหนึ่งที่โรงยิมมวยของคุณท่านเทียน ไม่รู้ว่าคุณจำได้ไหม” เจ้าของร้านพูดด้วยรอยยิ้ม “จำไม่ได้ค่ะ ร้านของคุณยังมีโต๊ะว่างไหมคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดตามตรง เมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดของเจ้าของร้าน ปากหานซานเฉียนก็กระตุก วันนี้เทียนหลิงเอ๋อร์ต้องไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้ว อย่างน้อยก็ดูแลอารมณ์ของเจ้าของร้านบ้าง “มี มี มีครับ มีแน่นอน คุณเทียนเชิญตามผมมาได้เลยครับ” เจ้าของร้านรีบพูดโดยไม่สนใจท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อร์ เพราะนี่คือคุณหนูคนโตของตระกูลเทียน นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มารับประทานอาหารที่ร้านของเขา เมื่อเดินเข้าไปในร้านอาหาร หานซานเฉียนมองแขกจำนวนมากที่อยู่ข้างใน แต่เขาไม่คิดว่าจะเจอคนรู้จัก และอีกฝ่ายก็เห็นเขาเช่นกัน “หานซานเฉียน เจ้าบ้านั่นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ซ่งจีพูดด้วยท่าทางระแวดระวัง “คงบังเอิญ ถ้าคุณมา เขาก็มาได้” ต่งชานไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร แล้วจะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากบังเอิญเจอกันที่ร้านข้าว? “มันช่างบังเอิญจริง ๆ ผมคิดว่าเขาอาจจะตั้งใจตามเรามา ผมบอกแล้วว่าเขามีเจตนาไม่ดีกับคุณ แต่คุณก็ยังไม่เชื่อ” ซ่งจีพู
เทียนหลิงเอ๋อร์ไม่พอใจมากที่ซ่งจีบุกรุกเข้าไปในห้อง เพราะกว่าจะมีโอกาสได้กินข้าวกับหานซานเฉียน แม้แต่เทียนฉางเฉิงก็ไม่กล้ารบกวนเธอ การบุกรุกเข้ามาของซ่งจีนั้น เป็นการทำลายบรรยากาศเธอโดยสิ้นเชิง“ออกไป” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม โดยไม่แม้แต่จะมองไปที่ซ่งจีซ่งจีหน้าตาเฉยเมย และแสดงท่าทางที่ดีต่อเทียนหลิงเอ๋อร์แล้วพูดว่า “สาวน้อย เธอรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? เขากำลังพยายามจะหลอกลวงเธอนะ อย่าไปหลงกลเขาเด็ดขาด ถ้าฉันไม่เข้ามาขวาง เธออาจถูกหลอกทั้งเงินทั้งเซ็กส์”เทียนหลิงเอ๋อร์อยากถูกหลอก แต่ก็น่าเสียดายที่เธอรู้ว่าหานซานเฉียนไม่สนใจเธอ“ฉันจะเตือนคุณอีกครั้ง ออกไป” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าวตอนนี้ซ่งจีไม่สบายใจ เขาทำเพื่อประโยชน์ของเด็กผู้หญิง แต่คำพูดของเธอกลับไม่มีมารยาทเลยราวกับไม่รู้ว่าเขาหวังดี“สาวน้อย เธอพูดแบบนี้ไม่ถูกนะ ฉันช่วยเธอ แต่เธอกลับไล่ฉัน เธอไม่อยากรู้เหรอว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนแบบไหน” ซ่งจีพูดเทียนหลิงเอ๋อร์มองซ่งจีด้วยหางตาและพูดว่า “คุณเป็นใคร ฉันถึงต้องการความช่วยเหลือจากคนอย่างคุณ?”หานซานเฉียนดูฉากนี้ด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าซ่งจีไม่รู้ว่าเทียนหลิงเอ๋อร์คือใคร
“คุณแน่ใจเหรอว่าผมเป็นคนหลอกลวง” หานซานเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม นอกจากหมดหนทางแล้ว เขาไม่รู้สึกโกรธ เพราะในสายตาของเขา เพลี้ยอย่างซ่งจีไม่มีค่าอะไรเลย เขาจะโมโหเพราะคนแบบนี้ได้อย่างไร “ใช่ และแน่นอนที่สุด” ซงจีพูดอย่างเย่อหยิ่ง แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่รู้อะไรเลย เขาแค่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น “เฮ้อ ไปดีกว่า ผมไม่สนใจคุณแล้ว” หานซานเฉียนถอนหายใจ แม้ว่ามันง่ายมากที่จะทุบมดให้ตาย แต่ถึงทำแบบนั้นก็ไม่รู้สึกถึงความสำเร็จ แล้วทำไมต้องเสียแรงเปล่า ซงจีเย้ยหยันและพูดว่า “คุณกลัวว่าผมจะเปิดโปงคุณล่ะสิ ไม่ต้องกังวลหรอก ผมเปิดโปงคุณก่อนไปแน่นอน” “ผมให้โอกาสคุณออกไปอย่างปลอดภัย ในเมื่อคุณต้องการอยู่ที่นี่จริง ๆ ก็อยู่ต่อไป ผมหวังว่าคุณจะรับผลที่ตามมาได้นะ” หานซานเฉียนกล่าว ซ่งจีมองท่าทางนิ่งขรึมของหานซานเฉียน และยังขู่เขาอีก ในใจก็รู้สึกดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น เขาจะปล่อยสวะแบบนี้ไปได้อย่างไร? เทียนหลิงเอ๋อร์โกรธมาก อาจกล่าวได้ว่าเธอไม่เคยโกรธมาก่อน เพราะเธอเกิดในสภาพแวดล้อมอีกแบบ จึงไม่เคยมีใครยั่วยุเธอแบบนี้ เจ้าของร้านเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารด้วยตนเอง เมื่อเขาเห็นซ่งจีก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศในห้องเห
ซ่งจีมองเทียนหลิงเอ๋อร์ จากนั้นก็มองไปที่หานซานเฉียน คนกระจอกแบบนี้จะรู้จักคุณหนูคนโตของตระกูลเทียนได้อย่างไร เขายังคงรอดชีวิตมาได้ด้วยโชคเล็กน้อย และหวังว่าตัวเองจะเดาผิด ไม่อย่างนั้นจะทำให้ตระกูลของคุณหนูเทียนขุ่นเคือง ชีวิตของเขาในหยุนเฉิงจากนี้ไปจะต้องทุกข์ทรมานแน่นอน “คุณชื่ออะไร?” เทียนหลิงเอ๋อร์ถาม ซ่งจีรู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าพุ่งผ่านร่างกายของเขา ทำให้หนังศีรษะลุกซ่าขึ้นทันที เทียนหลิงเอ๋อร์ต้องการตรวจสอบประวัติของเขาเหรอ? “คุณ...คุณหนูเทียน ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าคุณมาทานอาหารที่นี่” ซ่งจีพูดด้วยใบหน้าที่เหนื่อยหน่าย สมองของเขาว่างเปล่า และไม่กล้าคิดถึงผลที่จะตามมา “คุณว่าฉันเป็นหมาไม่ใช่เหรอ?” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดเสียงเบา ตุบ! ซ่งจี้คุกเข่าลงตรงหน้าเทียนหลิงเอ๋อร์ เมื่อครู่เขาไม่รู้จักตัวตนของเทียนหลิงเอ๋อร์ เขาจึงกล้าพูดแบบนั้น แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า คนที่อยู่ตรงหน้าคือใคร เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากคุกเข่าขอโทษ “คุณหนูเทียน ผมมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยเถอะนะครับ” ซ่งจีพูดพร้อมก้มหน้าลง “ในเมื่อตาสุนัขทั้งสองข้างของคุณมองเห็นไม่ชัด แล้วจะมีประโยชน์อะไ
เขาหาเรื่องใส่ตัว ในขณะที่ต่งซานเข้าห้องน้ำ ตอนนี้ต่งชานกลับมาที่โต๊ะของเธอ และไม่เห็นซ่งจี เธอจึงโทรหาซ่งจี เมื่อรู้ว่าซ่งจีอยู่ที่ประตูร้านอาหาร ต่งซานเดินไปที่ประตู เธอเห็นเขาคุกเข่าอยู่ จึงทำให้ต่งซานงงมาก “ซ่งจี คุณเป็นอะไรไป คุณมาคุกเข่าตรงนี้ทำไมคะ?” ต่งซานถามอย่างงุนงง จู่ ๆ ซ่งจีก็คว้ามือต่งชานและพูดว่า “ต่งซาน ช่วยผมด้วย ขอให้หานซานเฉียนช่วยผมหน่อย” ต่งซานสับสน ซ่งจีดูถูกหานซานเฉียนไว้มาก เขาจะขอให้หานซานเฉียนช่วยเขาได้อย่างไร แล้วมาอ้อนวอนเรื่องอะไร? ซ่งจีดูถูกหานซานเฉียนและมองว่าหานซานเฉียนเป็นไอ้งั่ง แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากหานซานเฉียนเป็นเพื่อนของเทียนหลิงเอ๋อร์ ถ้าเขาออกมาขอร้องบางทีอาจจะยังรอดไปได้ “เกิดอะไรขึ้นคะ?” ต่งซานถาม ซ่งจีบอกต่งซานเรื่องที่ทำให้เทียนหลิงเอ๋อร์โกรธ ต่งซานตกใจมากเมื่อได้ยิน ในความประทับใจของต่งซาน หานซานเฉียนเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดมาก และเป็นคนเงียบ ๆ ต่งซานแทบอยากถามนับครั้งไม่ถ้วนว่า หานซานเฉียนที่ชื่อเหมือนกัน หรือเป็นคนเดียวกันกับที่เขาพูดถึงกัน แต่เป็นเพราะหานซานเฉียนพูดน้อยมาก เธอจึงไม่ถาม นี่เป็นครั้งแรกที่หานซาน
เทียนหลิงเอ๋อร์ก้มหน้าลง ไม่ต้องการให้หานซานเฉียนเห็นน้ำตาตัวเอง ไหล่ทั้งสองข้างของเธอสั่นเล็กน้อย คำสารภาพครั้งแรกของเธอถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี ตอนนี้ความรู้สึกของคุณหนูเทียนแย่มาก หานซานเฉียนถอนหายใจ เทียนหลิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่ดีมาก และเธอไม่ได้เป็นเหมือนเจ้าหญิงอารมณ์ร้ายเลย แต่ก็น่าเสียดายที่ความรักแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขารับไว้ได้ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ตาม ไม่มีใครแทนที่ซูหยิงเซี่ยในหัวใจของหานซานเฉียนได้ เขาไม่มีวันทรยศซูหยิงเซี่ยแน่นอน ในห้องส่วนตัวเงียบไปครู่หนึ่ง เทียนหลิงเอ๋อร์ตาแดงพลันเช็ดน้ำตา และเงยหน้าขึ้นพูดว่า “ให้เวลาฉันหน่อยนะ ฉันจะปฏิบัติกับพี่ให้เหมือนพี่ชาย” เรื่องมันควรเป็นแบบนั้น หานซานเฉียนจึงไม่รู้สึกเจ็บ และความลังเลจะทำให้เทียนหลิงเอ๋อร์จมลึกลงไป “แม้ในฐานะพี่ชาย ฉันก็ปกป้องเธอได้ ถ้าใครกล้ารังแกเธอ บอกฉัน ฉันจะช่วยเธอเอง” หานซานเฉียนกล่าว เทียนหลิงเอ๋อร์พ่นลมหายใจอย่างแรง และพูดว่า “ฉันมีคำถามหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจ” “ทำไมพี่ถึงอยากอยู่ในตระกูลซู ทำไมพี่ถึงชอบซูหยิงเซี่ยทั้ง ๆ ที่โดนสบประมาท?” หานซานเฉียนกล่าว “อืม” เทียนหลิงเอ๋อร์พยักหน้า นี่เป็