“คุณแน่ใจเหรอว่าผมเป็นคนหลอกลวง” หานซานเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม นอกจากหมดหนทางแล้ว เขาไม่รู้สึกโกรธ เพราะในสายตาของเขา เพลี้ยอย่างซ่งจีไม่มีค่าอะไรเลย เขาจะโมโหเพราะคนแบบนี้ได้อย่างไร “ใช่ และแน่นอนที่สุด” ซงจีพูดอย่างเย่อหยิ่ง แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่รู้อะไรเลย เขาแค่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น “เฮ้อ ไปดีกว่า ผมไม่สนใจคุณแล้ว” หานซานเฉียนถอนหายใจ แม้ว่ามันง่ายมากที่จะทุบมดให้ตาย แต่ถึงทำแบบนั้นก็ไม่รู้สึกถึงความสำเร็จ แล้วทำไมต้องเสียแรงเปล่า ซงจีเย้ยหยันและพูดว่า “คุณกลัวว่าผมจะเปิดโปงคุณล่ะสิ ไม่ต้องกังวลหรอก ผมเปิดโปงคุณก่อนไปแน่นอน” “ผมให้โอกาสคุณออกไปอย่างปลอดภัย ในเมื่อคุณต้องการอยู่ที่นี่จริง ๆ ก็อยู่ต่อไป ผมหวังว่าคุณจะรับผลที่ตามมาได้นะ” หานซานเฉียนกล่าว ซ่งจีมองท่าทางนิ่งขรึมของหานซานเฉียน และยังขู่เขาอีก ในใจก็รู้สึกดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น เขาจะปล่อยสวะแบบนี้ไปได้อย่างไร? เทียนหลิงเอ๋อร์โกรธมาก อาจกล่าวได้ว่าเธอไม่เคยโกรธมาก่อน เพราะเธอเกิดในสภาพแวดล้อมอีกแบบ จึงไม่เคยมีใครยั่วยุเธอแบบนี้ เจ้าของร้านเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารด้วยตนเอง เมื่อเขาเห็นซ่งจีก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศในห้องเห
ซ่งจีมองเทียนหลิงเอ๋อร์ จากนั้นก็มองไปที่หานซานเฉียน คนกระจอกแบบนี้จะรู้จักคุณหนูคนโตของตระกูลเทียนได้อย่างไร เขายังคงรอดชีวิตมาได้ด้วยโชคเล็กน้อย และหวังว่าตัวเองจะเดาผิด ไม่อย่างนั้นจะทำให้ตระกูลของคุณหนูเทียนขุ่นเคือง ชีวิตของเขาในหยุนเฉิงจากนี้ไปจะต้องทุกข์ทรมานแน่นอน “คุณชื่ออะไร?” เทียนหลิงเอ๋อร์ถาม ซ่งจีรู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าพุ่งผ่านร่างกายของเขา ทำให้หนังศีรษะลุกซ่าขึ้นทันที เทียนหลิงเอ๋อร์ต้องการตรวจสอบประวัติของเขาเหรอ? “คุณ...คุณหนูเทียน ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าคุณมาทานอาหารที่นี่” ซ่งจีพูดด้วยใบหน้าที่เหนื่อยหน่าย สมองของเขาว่างเปล่า และไม่กล้าคิดถึงผลที่จะตามมา “คุณว่าฉันเป็นหมาไม่ใช่เหรอ?” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดเสียงเบา ตุบ! ซ่งจี้คุกเข่าลงตรงหน้าเทียนหลิงเอ๋อร์ เมื่อครู่เขาไม่รู้จักตัวตนของเทียนหลิงเอ๋อร์ เขาจึงกล้าพูดแบบนั้น แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า คนที่อยู่ตรงหน้าคือใคร เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากคุกเข่าขอโทษ “คุณหนูเทียน ผมมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยเถอะนะครับ” ซ่งจีพูดพร้อมก้มหน้าลง “ในเมื่อตาสุนัขทั้งสองข้างของคุณมองเห็นไม่ชัด แล้วจะมีประโยชน์อะไ
เขาหาเรื่องใส่ตัว ในขณะที่ต่งซานเข้าห้องน้ำ ตอนนี้ต่งชานกลับมาที่โต๊ะของเธอ และไม่เห็นซ่งจี เธอจึงโทรหาซ่งจี เมื่อรู้ว่าซ่งจีอยู่ที่ประตูร้านอาหาร ต่งซานเดินไปที่ประตู เธอเห็นเขาคุกเข่าอยู่ จึงทำให้ต่งซานงงมาก “ซ่งจี คุณเป็นอะไรไป คุณมาคุกเข่าตรงนี้ทำไมคะ?” ต่งซานถามอย่างงุนงง จู่ ๆ ซ่งจีก็คว้ามือต่งชานและพูดว่า “ต่งซาน ช่วยผมด้วย ขอให้หานซานเฉียนช่วยผมหน่อย” ต่งซานสับสน ซ่งจีดูถูกหานซานเฉียนไว้มาก เขาจะขอให้หานซานเฉียนช่วยเขาได้อย่างไร แล้วมาอ้อนวอนเรื่องอะไร? ซ่งจีดูถูกหานซานเฉียนและมองว่าหานซานเฉียนเป็นไอ้งั่ง แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากหานซานเฉียนเป็นเพื่อนของเทียนหลิงเอ๋อร์ ถ้าเขาออกมาขอร้องบางทีอาจจะยังรอดไปได้ “เกิดอะไรขึ้นคะ?” ต่งซานถาม ซ่งจีบอกต่งซานเรื่องที่ทำให้เทียนหลิงเอ๋อร์โกรธ ต่งซานตกใจมากเมื่อได้ยิน ในความประทับใจของต่งซาน หานซานเฉียนเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดมาก และเป็นคนเงียบ ๆ ต่งซานแทบอยากถามนับครั้งไม่ถ้วนว่า หานซานเฉียนที่ชื่อเหมือนกัน หรือเป็นคนเดียวกันกับที่เขาพูดถึงกัน แต่เป็นเพราะหานซานเฉียนพูดน้อยมาก เธอจึงไม่ถาม นี่เป็นครั้งแรกที่หานซาน
เทียนหลิงเอ๋อร์ก้มหน้าลง ไม่ต้องการให้หานซานเฉียนเห็นน้ำตาตัวเอง ไหล่ทั้งสองข้างของเธอสั่นเล็กน้อย คำสารภาพครั้งแรกของเธอถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี ตอนนี้ความรู้สึกของคุณหนูเทียนแย่มาก หานซานเฉียนถอนหายใจ เทียนหลิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่ดีมาก และเธอไม่ได้เป็นเหมือนเจ้าหญิงอารมณ์ร้ายเลย แต่ก็น่าเสียดายที่ความรักแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขารับไว้ได้ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ตาม ไม่มีใครแทนที่ซูหยิงเซี่ยในหัวใจของหานซานเฉียนได้ เขาไม่มีวันทรยศซูหยิงเซี่ยแน่นอน ในห้องส่วนตัวเงียบไปครู่หนึ่ง เทียนหลิงเอ๋อร์ตาแดงพลันเช็ดน้ำตา และเงยหน้าขึ้นพูดว่า “ให้เวลาฉันหน่อยนะ ฉันจะปฏิบัติกับพี่ให้เหมือนพี่ชาย” เรื่องมันควรเป็นแบบนั้น หานซานเฉียนจึงไม่รู้สึกเจ็บ และความลังเลจะทำให้เทียนหลิงเอ๋อร์จมลึกลงไป “แม้ในฐานะพี่ชาย ฉันก็ปกป้องเธอได้ ถ้าใครกล้ารังแกเธอ บอกฉัน ฉันจะช่วยเธอเอง” หานซานเฉียนกล่าว เทียนหลิงเอ๋อร์พ่นลมหายใจอย่างแรง และพูดว่า “ฉันมีคำถามหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจ” “ทำไมพี่ถึงอยากอยู่ในตระกูลซู ทำไมพี่ถึงชอบซูหยิงเซี่ยทั้ง ๆ ที่โดนสบประมาท?” หานซานเฉียนกล่าว “อืม” เทียนหลิงเอ๋อร์พยักหน้า นี่เป็
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งสองก็เดินไปที่ประตูร้านอาหารและเห็นต่งซานกับซ่งจีกำลังรออยู่เป็นเวลานานแล้ว ซ่งจีก้มหน้าลง ใบหน้าของเขาเศร้าหมอง ไม่มีความเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งคิดได้ว่าคำพูดของหานซานเฉียนที่บ้านแห่งรักอาจไม่ใช่การโอ้อวด ถ้าเขาเป็นคนธรรมดาจริง เขาจะรู้จักเทียนหลิงเออร์ผู้ทรงอิทธิพลได้อย่างไร? ต่งซานรู้สึกว่าจู่ ๆ หานซานเฉียนแปลกไป นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าหานซานเฉียนแตกต่างออกไป “หานซานเฉียน ซ่งจีบอกฉันเรื่องเมื่อครู่นี้แล้ว ฉันอยากขอร้องแทนเขา” ต่งซานพูดตรง ๆ โดยไม่อ้อมค้อม หานซานเฉียนชำเลืองซ่งจี แม้ว่าเขาจะไม่ชอบผู้ชายคนนี้ แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องเล่นเขาถึงตาย อย่างไรก็ตาม ซ่งจีไม่ได้ทำให้เขาขุ่นเคือง แต่เทียนหลิงเอ๋อร์ไม่ใช่ “ต่งซาน ฉันตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะฉันไม่ใช่คนที่โกรธเขา” หานซานเฉียนกล่าว ต่งซานก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง ถ้าหานซานเฉียนไม่ช่วย เธอก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว "เทียนหลิงเอ๋อร์ อย่าเลย อย่าไปยุ่งกับเศษขยะแบบนี้เลย เธอจะพูดได้ยังไงว่าตัวเองเป็นคุณหนูแห่งตระกูลเทียน เสียเวลาเปล่า หรือเธออยากลดสถานะคุณหนูแห่งตระกูลเทียนเหรอ?” หานซานเ
เมื่อเทียนหลิงเอ๋อร์กลับถึงบ้าน เทียนฉางเฉิงกำลังดื่มชาในห้องรับแขก แม้ว่าเขาจะดูสบาย ๆ แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอเทียนหลิงเอ๋อร์ ในวันเดียวกัน เทียนหลิงเอ๋อร์สังเกตเห็นว่าเทียนฉางเฉิงกำลังมองตัวเองจากหางตา เธอจงใจไม่ทักทายเทียนฉางเฉิง และเดินตรงไปที่ห้องของตัวเอง เทียนฉางเฉิงเริ่มหมดความอดทนเมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ เขาอยากถามว่ามื้ออาหารเป็นอย่างไรบ้าง และมาส่งเทียนหลิงเออร์ได้อย่างไร “หลานสาวที่รัก อยากลองชาใหม่ของปู่ไหม?” เทียนฉางเฉิงถาม “ลองชาใหม่หรือคุยเรื่องร้านอาหารคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์หยุดชะงักและพูด ความคิดของเทียนฉางเฉิงถูกมองผ่าน เขาเก้อเขินและพูดว่า “ปู่ไม่ได้เป็นห่วงหนูหรอก มาเร็ว ๆ มาเล่าให้ปู่ฟังหน่อยเป็นยังไงบ้าง” เทียนหลิงเอ๋อร์ก้มหน้าไหล่ตก และเดินไปด้านหน้าของเทียนฉางเฉิง เมื่อมองไปที่ก้นบึ้งหัวใจ เทียนฉางเฉิงรู้ว่าเทียนหลิงเอ๋อร์ไม่มีความสุขหลังจากได้ไปกินข้าวมื้อนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรแปลก เพราะหานซานเฉียนเคยปฏิเสธอย่างชัดเจนมาก่อน “เขาบอกว่าเขาคิดกับหนูแค่น้องสาวค่ะ” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เทียนฉางเฉิงถอนหายใจและพูดว่า “อันที่จริง หนํน่า
“พ่อ เรื่องที่ทำให้พ่อมีความสุขเกี่ยวกับหานซานเฉียนหรือเปล่าครับ” เทียนหงฮุยถาม “อืม” เทียนฉางเฉิงพยักหน้าตอบ เทียนหงฮุยอดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้เขา และแทบรอไม่ไหวที่จะพูดว่า “พ่อ อย่าอุบไว้สิ มีอะไรดี ๆ ก็บอกผมบ้าง” เทียนฉางเฉิงชำเลืองมองที่เทียนหงฮุย รอยตีนกาที่หางตาของเขานั้นแทบจะฆ่าแมลงวันได้ และพูดว่า “ตอนนี้ลูกสาวของแกคือ น้องสาวของหานซานเฉียน และหานซานเฉียนบอกว่าเขาจะปกป้องเธอ แกว่าควรมีความสุขไหม?” เทียนหงฮุยมองด้วยสายตาเหลือเชื่อ คำพูดของหานซานเฉียนเทียบเท่ากับการปกป้องตระกูลเทียน! “พ่อ พ่อพูดจริงเหรอครับ?” เทียนหงฮุยตื่นเต้น “เทียนหลิงเอ๋อร์บอกฉันด้วยตัวเอง ยังไม่จริงอีกเหรอ?” เทียนฉางเฉิงกล่าว “เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก! เทียนหงฮุยยกกำปั้นของเขา และพูดว่า “ผมคิดไม่ถึงว่าเทียนหลิงเอ๋อร์จะโชคดีขนาดนี้ มี...” “พ่อ พวกท่านกำลังพูดถึงอะไรกันอยู่เหรอคะ?” จู่ ๆ เทียนหลิงเอ๋อร์ก็เดินมาที่ห้องรับแขก เทียนหงฮุยชะงัก และหยุดสิ่งที่เขากำลังจะพูดทันที “หลิงเอ๋อร์ ยังไม่ลูกยังไม่ไปนอนอีก” เทียนหงฮุยถาม “หนูลืมบอกว่า หานซานเฉียนอยากให้เราบริจาคเงินให้กับบ้านแห่งรักค่ะ ซึ่งมีเด็กท
หลังจากตระกูลเทียนปล่อยข่าวเรื่องงานการกุศล ชุมชนธุรกิจทั้งหมดในหยุนเฉิงก็พร้อมเคลื่อนไหว เนื่องจากสถานการณ์ของบริษัทตระกูลซู พวกเขาจึงกังวลว่าตนเองจะถูกตระกูลซูจับตามอง ดังนั้นถ้าตอนนี้สามารถทำให้ตระกูลเทียนพอใจได้ นี่จะเป็นโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะปกป้องตัวเอง ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องการรับบัตรเข้าชมงานการกุศล ในห้องของประธานโรงแรมเพนนินซูล่า ฉี๋อีหยุนไม่สวมแว่นตา ดูมีเสน่ห์แม้อยู่ในชุดธรรมดา ความงามของเธอแผ่ออกมาจากเรือนร่าง และทุกการเคลื่อนไหวของเธอต่างทำให้ใครต่อใครพากันเคลิบเคลิ้ม “สำหรับนายแล้ว การที่จะได้บัตรเข้าชมงานการกุศลมามันไม่ใช่เรื่องยากเลยนี่” ฉี๋อีหยุนพูดกับตงฮ้าว เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉี๋อีหยุน ในใจของตงฮ้าวยากมากที่จะยอมรับ เพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้ชายคนอื่นเห็นด้านนี้ของเธอ แต่เขาไม่มีสิทธิ์จะหยุดสิ่งที่ฉี๋อีหยุนกำลังจะทำ ถ้าฉี๋อีหยุนไปเข้าร่วมงานการกุศล มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน และจะมีสายตาหื่นกระหายมากมายที่มองมาที่ฉี๋อีหยุน ที่สำคัญกว่านั้น ตงฮ้าวรู้ว่าเธอกำลังไปหาใคร “คุณหนูครับ งานการกุศลแบบนี้มีความหมายอะไรให้คุณต้องเข้าร่วมด้วยเหรอครับ?” ตงฮ้าวกล่าว