เมื่อเทียนหลิงเอ๋อร์กลับถึงบ้าน เทียนฉางเฉิงกำลังดื่มชาในห้องรับแขก แม้ว่าเขาจะดูสบาย ๆ แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอเทียนหลิงเอ๋อร์ ในวันเดียวกัน เทียนหลิงเอ๋อร์สังเกตเห็นว่าเทียนฉางเฉิงกำลังมองตัวเองจากหางตา เธอจงใจไม่ทักทายเทียนฉางเฉิง และเดินตรงไปที่ห้องของตัวเอง เทียนฉางเฉิงเริ่มหมดความอดทนเมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ เขาอยากถามว่ามื้ออาหารเป็นอย่างไรบ้าง และมาส่งเทียนหลิงเออร์ได้อย่างไร “หลานสาวที่รัก อยากลองชาใหม่ของปู่ไหม?” เทียนฉางเฉิงถาม “ลองชาใหม่หรือคุยเรื่องร้านอาหารคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์หยุดชะงักและพูด ความคิดของเทียนฉางเฉิงถูกมองผ่าน เขาเก้อเขินและพูดว่า “ปู่ไม่ได้เป็นห่วงหนูหรอก มาเร็ว ๆ มาเล่าให้ปู่ฟังหน่อยเป็นยังไงบ้าง” เทียนหลิงเอ๋อร์ก้มหน้าไหล่ตก และเดินไปด้านหน้าของเทียนฉางเฉิง เมื่อมองไปที่ก้นบึ้งหัวใจ เทียนฉางเฉิงรู้ว่าเทียนหลิงเอ๋อร์ไม่มีความสุขหลังจากได้ไปกินข้าวมื้อนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรแปลก เพราะหานซานเฉียนเคยปฏิเสธอย่างชัดเจนมาก่อน “เขาบอกว่าเขาคิดกับหนูแค่น้องสาวค่ะ” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เทียนฉางเฉิงถอนหายใจและพูดว่า “อันที่จริง หนํน่า
“พ่อ เรื่องที่ทำให้พ่อมีความสุขเกี่ยวกับหานซานเฉียนหรือเปล่าครับ” เทียนหงฮุยถาม “อืม” เทียนฉางเฉิงพยักหน้าตอบ เทียนหงฮุยอดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้เขา และแทบรอไม่ไหวที่จะพูดว่า “พ่อ อย่าอุบไว้สิ มีอะไรดี ๆ ก็บอกผมบ้าง” เทียนฉางเฉิงชำเลืองมองที่เทียนหงฮุย รอยตีนกาที่หางตาของเขานั้นแทบจะฆ่าแมลงวันได้ และพูดว่า “ตอนนี้ลูกสาวของแกคือ น้องสาวของหานซานเฉียน และหานซานเฉียนบอกว่าเขาจะปกป้องเธอ แกว่าควรมีความสุขไหม?” เทียนหงฮุยมองด้วยสายตาเหลือเชื่อ คำพูดของหานซานเฉียนเทียบเท่ากับการปกป้องตระกูลเทียน! “พ่อ พ่อพูดจริงเหรอครับ?” เทียนหงฮุยตื่นเต้น “เทียนหลิงเอ๋อร์บอกฉันด้วยตัวเอง ยังไม่จริงอีกเหรอ?” เทียนฉางเฉิงกล่าว “เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก! เทียนหงฮุยยกกำปั้นของเขา และพูดว่า “ผมคิดไม่ถึงว่าเทียนหลิงเอ๋อร์จะโชคดีขนาดนี้ มี...” “พ่อ พวกท่านกำลังพูดถึงอะไรกันอยู่เหรอคะ?” จู่ ๆ เทียนหลิงเอ๋อร์ก็เดินมาที่ห้องรับแขก เทียนหงฮุยชะงัก และหยุดสิ่งที่เขากำลังจะพูดทันที “หลิงเอ๋อร์ ยังไม่ลูกยังไม่ไปนอนอีก” เทียนหงฮุยถาม “หนูลืมบอกว่า หานซานเฉียนอยากให้เราบริจาคเงินให้กับบ้านแห่งรักค่ะ ซึ่งมีเด็กท
หลังจากตระกูลเทียนปล่อยข่าวเรื่องงานการกุศล ชุมชนธุรกิจทั้งหมดในหยุนเฉิงก็พร้อมเคลื่อนไหว เนื่องจากสถานการณ์ของบริษัทตระกูลซู พวกเขาจึงกังวลว่าตนเองจะถูกตระกูลซูจับตามอง ดังนั้นถ้าตอนนี้สามารถทำให้ตระกูลเทียนพอใจได้ นี่จะเป็นโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะปกป้องตัวเอง ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องการรับบัตรเข้าชมงานการกุศล ในห้องของประธานโรงแรมเพนนินซูล่า ฉี๋อีหยุนไม่สวมแว่นตา ดูมีเสน่ห์แม้อยู่ในชุดธรรมดา ความงามของเธอแผ่ออกมาจากเรือนร่าง และทุกการเคลื่อนไหวของเธอต่างทำให้ใครต่อใครพากันเคลิบเคลิ้ม “สำหรับนายแล้ว การที่จะได้บัตรเข้าชมงานการกุศลมามันไม่ใช่เรื่องยากเลยนี่” ฉี๋อีหยุนพูดกับตงฮ้าว เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉี๋อีหยุน ในใจของตงฮ้าวยากมากที่จะยอมรับ เพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้ชายคนอื่นเห็นด้านนี้ของเธอ แต่เขาไม่มีสิทธิ์จะหยุดสิ่งที่ฉี๋อีหยุนกำลังจะทำ ถ้าฉี๋อีหยุนไปเข้าร่วมงานการกุศล มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน และจะมีสายตาหื่นกระหายมากมายที่มองมาที่ฉี๋อีหยุน ที่สำคัญกว่านั้น ตงฮ้าวรู้ว่าเธอกำลังไปหาใคร “คุณหนูครับ งานการกุศลแบบนี้มีความหมายอะไรให้คุณต้องเข้าร่วมด้วยเหรอครับ?” ตงฮ้าวกล่าว
โดยธรรมชาติแล้ว หานซานเฉียนจะไม่ถามสิ่งที่อีกฝ่ายไม่อยากพูด “รูปภาพทั้งหมดแต่งแล้ว คุณลองเลือก และดูว่าจะทำกรอบอะไร ตกแต่งแบบไหน หรือจะทำเครื่องประดับเล็ก ๆ ก็ได้นะครับ” หยางเฉินกล่าว เมื่อทั้งสองเลือกภาพถ่าย พวกเขาจึงรู้ว่าทำไมหยางเฉินถึงมีชื่อเสียงโด่งดังในอินเทอร์เน็ต ทักษะการถ่ายภาพของเขาดีมาก ทุกภาพสวยสมบูรณ์แบบจนทำให้ซูหยิงเซี่ยสับสน เพราะเธอไม่รู้ว่าจะเลือกอันไหนดี “ทำอย่างไรดี ฉันอยากแขวนทุกภาพไว้ที่บ้านเลยค่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียนด้วยความสับสน “เอาไปทำเป็นวอลล์เปเปอร์ และปิดผนังทั้งหมดในบ้านดีไหมครับ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้า แม้ว่าเธอต้องการทำแบบนั้นมาก แต่มันก็เว่อร์เกินไป ถ้าแขกมาบ้าน เธอคงอายแย่ ขณะที่ทั้งสองกำลังเลือกรูปถ่าย หยางเฉินก็คุยกับสวีถงอยู่เคาน์เตอร์ “พี่เฉิน คุณป้าเป็นยังไงบ้างคะ?” สวีถงถาม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หยางเฉินก็ถอนหายใจและพูดอย่างอ่อนแรง “ก็ยังเหมือนเดิม เมื่อวานพี่ไปโรงพยาบาลมา หมอก็พูดกับพี่ว่าให้ทำใจ แต่...” หยางเฉินยังพูดไม่จบประโยค แต่สวีถงรู้ว่าเขาตัดสินใจอย่างไร เมื่อเห็นความเศร้าที่ไม่อาจปกปิดในดว
จางเฉียงไม่ใช่คนที่กล้าสร้างปัญหา จริง ๆ เขาเป็นอันธพาลทั่วไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่คนที่มีอำนาจ เขาอาศัยลูกน้องไม่กี่คนเพื่อครองพื้นที่นี้ ความจริงแล้วคนที่ซื่อสัตย์เหล่านั้นกำลังถูกรังแก ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะไม่กล้า แต่เขาคุ้นเคยกับหยางเฉินเป็นอย่างดี และรู้ว่าหยางเฉินไม่ตอบโต้ “หยางเฉิน อย่าแสร้งทำเลย ถ้าแกขับรถไปเจอทางตัน แกจนตรอกแล้ว ถ้าแกทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันจะทำให้อีแก่นั่นที่นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลทรมาน แกเชื่อไหม?” จางเฉียงพูดด้วยสายตาโหดเหี้ยม เมื่อได้ยินประโยคนี้ ความโกรธของหยางเฉินก็สลายไปในทันที เขาพูดอย่างอ่อนแรง “พี่เฉียง ขอเวลาผมอีกสองสามวันนะครับ แล้วผมจะหาเงินมาให้พี่แน่นอน” “อย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็ก ฉันต้องการเงินตอนนี้ แกลองคิดดู ฉันจะให้เวลาสิบนาที” จางเฉียงพูดอย่างหนักแน่น ในขณะนั้น หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยกำลังเลือกรูปภาพอยู่ในร้าน และเกือบจะเลือกได้แล้ว พวกเขากำลังจะขอให้หยางเฉินช่วยเลือกดูรูปที่พวกเขาเลือก แต่หันมองซ้ายขวากลับไม่เห็นร่างของหยางเฉิน “อ้าว พวกเขาไปไหนกันแล้วล่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยความสับสน “แม้แต่สวีถงก็ไม่อยู่” หานซานเฉียน
เมื่อจางเฉียงเห็นการตอบโต้ จู่ ๆ เขาก็ร้อนตัว ไอหมอนี่คงไม่รู้จักม่อหยางจริง ๆ ใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงขี้โม้เกินไปแล้ว แต่หลังจากพิจารณาหานซานเฉียนอย่างถี่ถ้วน ดูยังไงเขาก็ไม่เหมือนคนที่มีอำนาจเลย คงไม่รู้จักม่อหยางจริง ๆ หรอก บางทีเขาอาจจะแค่วางท่า เมื่อคิดถึงสิ่งนี้จางเฉียงก็ผ่อนคลายลงและพูดว่า “นี่ นายยังจะเสแสร้งกับฉันอีกเหรอ นายเนี่ยนะจะรู้จักม่อหยาง ตลกแล้ว” “ม่อหยาง ฉันได้ยินมาว่านายมีลูกพี่ลูกน้อง เมื่อคืนยังมาดื่มกับเขาด้วย ฉันบังเอิญเจอเขา นายอยากมาพบปะเขาสักหน่อยไหม?” หานซานเฉียนพูดหลังจากต่อสายหาม่อหยาง จางเฉียงไม่ได้ยินเสียงที่ปลายสาย แต่ด้วยน้ำเสียงของหานซานเฉียน เขายิ่งแน่ใจว่าหานซานเฉียนกำลังคุยโม้ ทั้งหยุนเฉิง แม้แต่ตระกูลเทียนก็ยังไม่กล้าพูดกับม่อหยางด้วยน้ำเสียงแบบนั้น เป็นไปได้อย่างไร เขามีสิทธิ์เรียกชื่อม่อหยางได้อย่างไร? “แสดงเก่งนี่ เสียดายที่ไม่ได้เป็นนักแสดง วันนี้ฉันมาดูนายคุยโวโอ้อวดได้ยังไง” จางเฉียงยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม ลูกน้องสองสามคนกำลังจับตาดูซูหยิงเซี่ย ซึ่งทำให้หานซานเฉียนรู้สึกไม่สบายใจมาก ขยะพวกนี้ไม่มีสิทธิ์พอที่จะมองซูหยิงเซี่
สิบกว่านาทีต่อมา รถยนต์เอ็มวีพีก็แล่นเข้ามาในซอย เมื่อเห็นรถคันนี้ จางเฉียงจึงนำกลุ่มคนของเขาไปขวางรถไว้ทันที ท่าทางแบบนี้คงจะเก็บค่าผ่านทางแน่ ๆ หลังจากเสียงแตรดังขึ้น ประตูรถก็ถูกเปิดออก หลินหย่งลงจากรถมาก่อน เมื่อเห็นหลินหย่ง จางเฉียงพลันรู้สึกหายใจไม่ออกทันที ม่อหยางลงจากรถตามมา ขาของจางเฉียงพลันอ่อนแรง เขาอาจจะลืมคำสาบานของตัวเองไปหมดแล้ว “ซานเฉียน ฉันมีลูกพี่ลูกน้องตั้งแต่เมื่อไหร่ นายไปเอามาจากไหน?” ม่อหยางเดินไปหาหานซานเฉียนด้วยท่าทางงงงวย หานซานเฉียนชี้ไปที่จางเฉียงและพูดว่า “นี่ไง คนที่อ้างว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาย เมื่อคืนเขาไม่ได้ดื่มกับนายที่คลับเมจิกซิตี้เหรอ?” “แกเป็นใคร?” ม่อหยางขมวดคิ้ว และพูดด้วยความไม่พอใจ กล้าอ้างชื่อของเขาไปหลอกลวงคนอื่น จางเฉียงหน้าถอดสี เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองคุยโม้ แต่หานซานเฉียนกลับพูดจริง เป็นคนพาลจริง ๆ เขาโทรหาม่อหยางจริง! “พี่...พี่หยาง ผมแค่พูดไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย ตอนแรกผมแค่อยากจะเล่นขำ ๆ แต่ผมคิดไม่ถึง...คิดไม่ถึงว่า...” จางเฉียงกำลังจะร้องไห้ ใครจะไปคิดว่าหานซานเฉียนจะเรียกม่อหยางมาได้จริง! “คิดไม่ถึงว่าผมจะเรียกลูกพ
หยางเฉินยืนอยู่ด้วยท่าทางฮึกเหิม โอกาสที่หานซานเฉียนมอบให้เป็นทางเดียวที่เขาสามารถเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ได้ ค่ารักษาพยาบาลของแม่บุญธรรมไม่สามารถจ่ายได้ด้วยงานปัจจุบันของเขาเพียงอย่างเดียว นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกอยู่ที่เกาะจีเหยียน สำหรับเขาแล้ว นี่คือการเดิมพัน ถ้าเขาชนะ เขาไม่เพียงแต่จะได้ชีวิตใหม่เท่านั้น แต่ยังได้ค่ารักษาพยาบาลของแม่บุญธรรมด้วย “แม่ ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ ผมจะช่วยแม่เอง แม้ว่าสุดท้ายจะไม่เหลืออะไร ผมก็ไม่เสียใจ” “แม่เลี้ยงผมมายังไง ผมจะปกป้องแม่อย่างนั้น แม่คือญาติคนเดียวของผมในโลกนี้ ผมจะไม่ยอมให้สารเลวที่ไหนมาพรากแม่ไปง่าย ๆ ในสตูดิโอ ซูหยิงเซี่ยได้บอกสวีถงถึงรูปภาพที่เธอเลือกแล้ว ซึ่งหมายความว่าเธอได้อธิบายเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หายซานเฉียนสังเกตเห็นทางทางของซูหยิงเซี่ยไม่ค่อยร่าเริง โดยเฉพาะดวงตาของเธอค่อนข้างเศร้า ระหว่างทางกลับบ้าน หานซานเฉียนอดเอ่ยถามซูหยิงเซี่ยไม่ได้ “คุณเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมจู่ ๆ คุณถึงซึมไปล่ะ?” ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจและพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าทำไมหยางเฉินถึงไม่มีเงิน?” หานซานเชียนยกคิ้วและพ