หยางเฉินยืนอยู่ด้วยท่าทางฮึกเหิม โอกาสที่หานซานเฉียนมอบให้เป็นทางเดียวที่เขาสามารถเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ได้ ค่ารักษาพยาบาลของแม่บุญธรรมไม่สามารถจ่ายได้ด้วยงานปัจจุบันของเขาเพียงอย่างเดียว นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกอยู่ที่เกาะจีเหยียน สำหรับเขาแล้ว นี่คือการเดิมพัน ถ้าเขาชนะ เขาไม่เพียงแต่จะได้ชีวิตใหม่เท่านั้น แต่ยังได้ค่ารักษาพยาบาลของแม่บุญธรรมด้วย “แม่ ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ ผมจะช่วยแม่เอง แม้ว่าสุดท้ายจะไม่เหลืออะไร ผมก็ไม่เสียใจ” “แม่เลี้ยงผมมายังไง ผมจะปกป้องแม่อย่างนั้น แม่คือญาติคนเดียวของผมในโลกนี้ ผมจะไม่ยอมให้สารเลวที่ไหนมาพรากแม่ไปง่าย ๆ ในสตูดิโอ ซูหยิงเซี่ยได้บอกสวีถงถึงรูปภาพที่เธอเลือกแล้ว ซึ่งหมายความว่าเธอได้อธิบายเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หายซานเฉียนสังเกตเห็นทางทางของซูหยิงเซี่ยไม่ค่อยร่าเริง โดยเฉพาะดวงตาของเธอค่อนข้างเศร้า ระหว่างทางกลับบ้าน หานซานเฉียนอดเอ่ยถามซูหยิงเซี่ยไม่ได้ “คุณเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมจู่ ๆ คุณถึงซึมไปล่ะ?” ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจและพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าทำไมหยางเฉินถึงไม่มีเงิน?” หานซานเชียนยกคิ้วและพ
ซูหยิงเซี่ยมองหานซานเฉียนด้วยความโกรธ ถ้าเธอไม่เปิดใจ เธอคงอึดอัดตาย คำพูดของหานซานเฉียนเป็นการโจมตีด้านข้างซูหยิงเซี่ยจริง ๆ แต่เขาไม่คิดว่าผลที่ตามมากลับเป็นจุดยืนที่มั่นคงของซูหยิงเซี่ย เว้นแต่เขาจะเริ่มเอง ซูหยิงเซี่ยจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก แต่หากซูหยิงเซี่ยไม่นำ หานซานเฉียนจะกล้าได้อย่างไร? หานซานเฉียนไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของความฉลาดของตัวเองคืออะไร ในใจของเขายังคงมีความสุข รู้สึกว่าตัวเองได้ใช้เวลาที่เหมาะสมในการเตือนซูหยิงเซี่ย และคิดว่าวันที่ดีจะมาถึงในไม่ช้า ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน พรุ่งนี้เป็นงานการกุศล ซูหยิงเซี่ยต้องเตรียมชุดสำหรับงานนี้ และหานซานเฉียนก็ต้องเข้าร่วมด้วย ดังนั้นเธอจึงช่วยหานซานเฉียนเลือกชุดที่เป็นทางการ หลังจากนั้นไม่นาน เฉินหลิงเหยาก็โทรมา ตอนนี้เธอเป็นหัวหน้าระดับกลางของบริษัทตระกูลซู เธอได้รับความเมตตาจากซูหยิงเซี่ย เธอจึงได้เข้าร่วมการงานการกุศลในวันพรุ่งนี้ด้วย แต่เธอไม่มีเสื้อผ้า เธอจึงต้องการยืมชุดจากซูหยิงเซี่ย เมื่อเฉินหลิงเหยามาถึงบ้าน หานซานเฉียนก็โดนบังคับให้ออกจากห้อง “ป้าเหอ เจียงหยิงหยิงเป็นยังไงบ้างครับ?” หานซานเฉียนถามเหอถิง เมื่อพูดถ
“สวยไหม?” ที่โรงแรมเพนนินซูล่า ฉี๋อีหยุนสวมชุดสีแดงยืนอยู่ตรงหน้าตงฮ้าว สีแดงสดที่สะดุดตาทำให้ฉี๋อีหยุนเหมือนดอกกุหลาบที่ละเอียดอ่อน ดูมีเสน่ห์ และดึงดูดใจผู้คน ผิวขาวตัดกับกระโปรงสีแดงเด่นชัด ทำให้ผู้คนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฉี๋อีหยุนเรียกได้ว่าหญิงงามที่สวยมาก แทบทำให้บ้านเมืองล่มสลาย ในสมัยโบราณ เธอต้องเป็นสาวงามที่สามารถทำให้ประเทศสั่นคลอนได้ ตงฮ้าวไม่สามารถละสายตาจากฉี๋อีหยุนที่อยู่ตรงหน้าได้ เขาใช้สมองอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถหาคำเปรียบฉี๋อีหยุนในตอนนี้ได้เลย มีคำนับหมื่นในโลก และไม่มีคำใดที่คู่ควรกับเธอในขณะนี้ “คุณหนูครับ ถ้าความงามสามารถพิชิตโลกได้ แค่คุณยกนิ้ว โลกทั้งใบก็เป็นของคุณแล้วครับ” ดงฮ้าวกล่าว ฉี๋อีหยุนยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ถ้าเขาพูดแบบนี้กับฉัน ฉันคงมีความสุขมาก แต่น่าเสียดายที่นายไม่ใช่เขา” ดงฮ้าวก้มหน้าลงด้วยเจตนาฆ่าที่ไม่อาจซ่อนเร้นในสายตาของเขา ตงฮ้าวรู้ตัวว่าเขาเป็นใครในสายตาของฉี๋อีหยุน และฉี๋อีหยุนก็แสดงด้านที่สวยงามให้เขาเห็น ซึ่งทำให้ตงฮ้าวอิจฉามาก และอยากจะหั่นหานซานเฉียนออกเป็นชิ้น ๆ “คุณหนู เขาไม่คู่ควรกับคุณเลย” ตงฮ้าวกัดฟันพ
“พวกคุณคุยอะไรกันเหรอคะ?” เมื่อเห็นทั้งสองกระซิบกัน ซูหยิงเซี่ยจึงถามด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เมื่อคืนฉันแย่งห้องของเขา ฉันก็เลยขอโทษเขาน่ะ” เฉินหลิงเหยากล่าว ซูหยิงเซี่ยยิ้มเจื่อนและพูดว่า “ขอโทษทำไม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่พี่สาวน้องสาวนอนด้วยกัน” เฉินหลิงเหยามองไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาภาคภูมิใจ และพูดด้วยเสียงทุ้ม “ได้ยินหรือยัง นี่มันไม่ใช่ครั้งแรก” หานซานเฉียนโกรธมาก จนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด พลันปลอบตัวเองในใจ เฉินหลิงเหยาเป็นผู้หญิง แม้ว่าพวกเขาจะนอนด้วยกันก็ไม่สำคัญอะไร หลังทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเขาทั้งสามก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหานซานเฉียนก็ขับรถออกไป งานการกุศลจัดขึ้นในสโมสรส่วนตัวของตระกูลเทียน ซึ่งโดยปกติจะไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม และใช้เฉพาะในช่วงงานสำคัญเท่านั้น แต่ครั้งนี้ตระกูลเทียนสามารถจัดการประชุมการกุศลที่นี่ได้ แสดงว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากจริง ๆ นี่คือสิ่งที่เทียนฉางเฉิงและเทียนหงฮุยคิด หานซานเฉียนกลายเป็นพี่ชายของเทียนหลิงเอ๋อร์ แม้ว่าบ้านแห่งรักจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์มากมายต่อชื่อเสียงของตระกูลเทียน แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะทำเรื่อง
“พี่เผิง เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก พี่หลงเชื่อได้ยังไงคะ” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม ข่าวลือเกี่ยวกับหานซานเฉียนในหยุนเฉิงล้วนเป็นฝีมือของซูไห่เฉา เขาจงใจจะบิดเบือนความจริง แม้ว่าจะมีข้อเท็จจริงอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ซูไห่เฉาใส่ร้ายป้ายสี ถ้าไม่ใช่เพราะซูไห่เฉา คนทั้งหยุนเฉิงจะหาว่าหานซานเฉียนเป็นสวะได้อย่างไร เผิงฟางดูเคอะเขิน ก่อนหน้านั้นเธอคิดเหมือนคนส่วนใหญ่ และเชื่อข่าวลือเพราะมีคนพูดมากเกินไป และเธอก็ได้ยินมากเกินไป แม้ว่ามันจะเป็นเท็จ แต่ก็ง่ายที่จะเชื่อว่ามันเป็นความจริง “ใช่ ข่าวลือนี่มันน่ากลัวจริง ๆ” เผิงฟางมองซูหยิงเซี่ย เธอจับมือหานซานเฉียน ดูสนิทแนบแน่นมาก ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่เหมือนกับที่โลกภายนอกพูดกัน จากจุดนี้เห็นได้ชัดว่าข่าวลือเชื่อถือไม่ได้เลย “พี่เผิง เราเข้าไปข้างในกันก่อนเถอะครับ” หานซานเฉียนพูด “ฉันต้องรอต่งซานก่อน” เผิงฟางกล่าว “ต่งซานมาด้วยเหรอครับ?” หานซานเฉียนถามด้วยความประหลาดใจ เผิงฟางพยักหน้าและอธิบาย “ฉันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ฉันก็เลยโทรหาเธอ และขอให้เธอเข้าร่วมในฐานะพนักงาน ถ้าฉันรู้ว่าเธอมาด้วย ฉันคงไม่ต้องรบกวนต่งซาน” หลังจากนั้นไ
ทันใดนั้นห้องโถงที่เสียงดังก็เงียบลง มันเงียบมากจนแทบได้ยินเสียงเข็มตก เพียงเพราะมีเงาสีแดงปรากฏขึ้นที่ประตู ดูเหมือนว่าเธอจะสามารถครอบงำผู้คนที่ได้เห็นตอนเธอออกมา สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เธอ มีผู้หญิงที่แต่งตัวหรูหรามากมายในที่แห่งนั้น สังคมชนชั้นสูงทำให้พวกเธอดูแตกต่างจากคนทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับเงาสีแดงนี้ พวกเธอทั้งหมดกลับถูกบดบัง และทำให้คนอื่น ๆ ละอายใจ “นี่...นี่ใครกัน สวยเกินบรรยายจริง ๆ” “สวยมาก ออร่าอย่างกับคนชนชั้นสูง” “หยุนเฉิงมีคนสวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” ท่ามกลางเสียงถอนหายใจของผู้คนนับไม่ถ้วน ฉี๋อีหยุนกลายเป็นจุดสนใจของผู้คน ตอนนี้งานการกุศลไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ผู้ชายในที่นั้นอยากรู้มากว่าเธอเป็นใคร มาจากตระกูลไหน และเธอมีแฟนหรือสามีหรือยัง “หยิงเซี่ย ฉัน...ฉันไม่ได้ตาลายใช่ไหม เธอ เธอคืออีหยุนเหรอ?” เฉินหลิงเหยาตกตะลึง แม้ว่าเธอจะรู้จักฉี๋อีหยุนมาหลายปี แต่เฉินหลิงเหยาก็ไม่เคยเห็นด้านนี้ของฉี๋อีหยุนเลย ทำให้วินาทีนั้นเธอเหลือเชื่อมาก ซูหยิงเซี่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน ความประทับใจที่ฉี๋อีหยุนมอบให้เธอนั้นอ่อนโยน แต่ตอนนี้เธอกลั
เนื่องจากท่าทางของฉี๋อีหยุน งานการกุศลจึงกลายเป็นงานเฟ้นหาสาวงาม ผู้ชายที่มาร่วมงานไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อย ทุกคนต่างมีความปรารถนาที่จะเก็บฉี๋อีหยุนไว้ในสต็อกของตัวเอง บางคนอยากเลี้ยงดู บางคนรู้สึกตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ถ้าไม่ใช่ฉี๋อีหยุนในชีวิตนี้ก็จะไม่แต่งงาน โชคดีที่มีเทียนฉางเฉิงอยู่ที่นั่นด้วย เหตุการณ์จึงไม่วุ่นวาย เมื่อเขาออกมาควบคุมสถานการณ์ งานการกุศลก็ดำเนินไปอย่างเป็นเรียบร้อย ในขณะที่เทียนฉางเฉิงและเผิงฟางกำลังพูด ในความเป็นจริงแล้วผู้คนที่อยู่ตรงนั้นไม่สนใจฟังเลย สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ฉี๋อีหยุน พวกเขาต้องการข้อมูลติดต่อของฉี๋อีหยุนโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ชวนฉี๋อีหยุนไปทานข้าวคืนนี้ ไม่อย่างนั้นคู่แข่งที่มากเกินไปจะทำให้ตัวแปรเรื่องนี้เปลี่ยน สำหรับฉี๋อีหยุน สายตาของเธอจับจ้องไปที่หานซานเฉียนไม่เปลี่ยนเลย แม้ว่าเธอจะสามารถทำให้ซูหยิงเซี่ยหายไป เพื่อให้ได้หานซานเฉียนมา แต่ซูหยิงเซี่ยก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอ และเธอก็ไม่แน่ใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรถ้าเธอทำแบบนั้น ดังนั้นฉี๋อีหยุนจึงไม่ทำแบบนี้นอกจากเธอจะโดนบังคับ แต่เธอที่เป็นจุดสนใจของคนอื่น ๆ มีเพียงหานซ
“นี่…นี่คือฉี๋อีหยุนที่เรารู้จักจริง ๆ เหรอ?” เฉินหลิงเหยาพูดด้วยความตกใจ ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้า เธอไม่แน่ใจ เพราะเธอก็รู้สึกเหมือนกับเฉินหลิงเหยา “จู่ ๆ อีหยุนก็แปลกไป” ซูหยิงเซี่ยหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูด ใบหน้าของหานซานเฉียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซูหยิงเซี่ยเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง ความไม่คุ้นเคยของซูหยิงเซี่ยที่มีต่อฉี๋อีหยุนไม่ได้มาจากการเปลี่ยนแปลงของฉี๋อีหยุน แต่เป็นเพราะเธอแสดงด้านที่แท้จริงของเธอ เธอไม่เคยเปลี่ยน ฉี๋อีหยุนที่ซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยารู้จัก คือด้านที่เธอสวมหน้ากาก และหน้ากากนี้เธอสวมมันมานานเกินไป นานกว่าหานซานเฉียนด้วยซ้ำ ผู้หญิงแบบนี้สร้างภาพลวงตาให้หานซานเฉียนกลัว แน่นอนว่าเขาไม่กลัวหรอก แต่รู้สึกว่าเมื่อผู้หญิงที่อดทนมาตลอดเผยตัวตนที่แท้จริง จะต้องทำให้เกิดเรื่องใหญ่แน่ ๆ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เหตุผลที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะเขา! “เธอ...เธอคิดว่าเธอจะทำอะไรก็ได้เพราะเธอสวยหรอ” “รู้ไหมว่าเราเป็นใคร? กล้าดียังไงมาเมินเรา” “ฮึ่ม เธอทำให้ทุกคนไม่พอใจด้วยประโยคเดียว เธอเคยคิดไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น?” ความงามของฉี๋อีหยุนเอาชนะใจคนจำนวนมาก แต่คำพูดของเธอก็ทำให้หลาย