จางเฉียงไม่ใช่คนที่กล้าสร้างปัญหา จริง ๆ เขาเป็นอันธพาลทั่วไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่คนที่มีอำนาจ เขาอาศัยลูกน้องไม่กี่คนเพื่อครองพื้นที่นี้ ความจริงแล้วคนที่ซื่อสัตย์เหล่านั้นกำลังถูกรังแก ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะไม่กล้า แต่เขาคุ้นเคยกับหยางเฉินเป็นอย่างดี และรู้ว่าหยางเฉินไม่ตอบโต้ “หยางเฉิน อย่าแสร้งทำเลย ถ้าแกขับรถไปเจอทางตัน แกจนตรอกแล้ว ถ้าแกทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันจะทำให้อีแก่นั่นที่นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลทรมาน แกเชื่อไหม?” จางเฉียงพูดด้วยสายตาโหดเหี้ยม เมื่อได้ยินประโยคนี้ ความโกรธของหยางเฉินก็สลายไปในทันที เขาพูดอย่างอ่อนแรง “พี่เฉียง ขอเวลาผมอีกสองสามวันนะครับ แล้วผมจะหาเงินมาให้พี่แน่นอน” “อย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็ก ฉันต้องการเงินตอนนี้ แกลองคิดดู ฉันจะให้เวลาสิบนาที” จางเฉียงพูดอย่างหนักแน่น ในขณะนั้น หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยกำลังเลือกรูปภาพอยู่ในร้าน และเกือบจะเลือกได้แล้ว พวกเขากำลังจะขอให้หยางเฉินช่วยเลือกดูรูปที่พวกเขาเลือก แต่หันมองซ้ายขวากลับไม่เห็นร่างของหยางเฉิน “อ้าว พวกเขาไปไหนกันแล้วล่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยความสับสน “แม้แต่สวีถงก็ไม่อยู่” หานซานเฉียน
เมื่อจางเฉียงเห็นการตอบโต้ จู่ ๆ เขาก็ร้อนตัว ไอหมอนี่คงไม่รู้จักม่อหยางจริง ๆ ใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงขี้โม้เกินไปแล้ว แต่หลังจากพิจารณาหานซานเฉียนอย่างถี่ถ้วน ดูยังไงเขาก็ไม่เหมือนคนที่มีอำนาจเลย คงไม่รู้จักม่อหยางจริง ๆ หรอก บางทีเขาอาจจะแค่วางท่า เมื่อคิดถึงสิ่งนี้จางเฉียงก็ผ่อนคลายลงและพูดว่า “นี่ นายยังจะเสแสร้งกับฉันอีกเหรอ นายเนี่ยนะจะรู้จักม่อหยาง ตลกแล้ว” “ม่อหยาง ฉันได้ยินมาว่านายมีลูกพี่ลูกน้อง เมื่อคืนยังมาดื่มกับเขาด้วย ฉันบังเอิญเจอเขา นายอยากมาพบปะเขาสักหน่อยไหม?” หานซานเฉียนพูดหลังจากต่อสายหาม่อหยาง จางเฉียงไม่ได้ยินเสียงที่ปลายสาย แต่ด้วยน้ำเสียงของหานซานเฉียน เขายิ่งแน่ใจว่าหานซานเฉียนกำลังคุยโม้ ทั้งหยุนเฉิง แม้แต่ตระกูลเทียนก็ยังไม่กล้าพูดกับม่อหยางด้วยน้ำเสียงแบบนั้น เป็นไปได้อย่างไร เขามีสิทธิ์เรียกชื่อม่อหยางได้อย่างไร? “แสดงเก่งนี่ เสียดายที่ไม่ได้เป็นนักแสดง วันนี้ฉันมาดูนายคุยโวโอ้อวดได้ยังไง” จางเฉียงยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม ลูกน้องสองสามคนกำลังจับตาดูซูหยิงเซี่ย ซึ่งทำให้หานซานเฉียนรู้สึกไม่สบายใจมาก ขยะพวกนี้ไม่มีสิทธิ์พอที่จะมองซูหยิงเซี่
สิบกว่านาทีต่อมา รถยนต์เอ็มวีพีก็แล่นเข้ามาในซอย เมื่อเห็นรถคันนี้ จางเฉียงจึงนำกลุ่มคนของเขาไปขวางรถไว้ทันที ท่าทางแบบนี้คงจะเก็บค่าผ่านทางแน่ ๆ หลังจากเสียงแตรดังขึ้น ประตูรถก็ถูกเปิดออก หลินหย่งลงจากรถมาก่อน เมื่อเห็นหลินหย่ง จางเฉียงพลันรู้สึกหายใจไม่ออกทันที ม่อหยางลงจากรถตามมา ขาของจางเฉียงพลันอ่อนแรง เขาอาจจะลืมคำสาบานของตัวเองไปหมดแล้ว “ซานเฉียน ฉันมีลูกพี่ลูกน้องตั้งแต่เมื่อไหร่ นายไปเอามาจากไหน?” ม่อหยางเดินไปหาหานซานเฉียนด้วยท่าทางงงงวย หานซานเฉียนชี้ไปที่จางเฉียงและพูดว่า “นี่ไง คนที่อ้างว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาย เมื่อคืนเขาไม่ได้ดื่มกับนายที่คลับเมจิกซิตี้เหรอ?” “แกเป็นใคร?” ม่อหยางขมวดคิ้ว และพูดด้วยความไม่พอใจ กล้าอ้างชื่อของเขาไปหลอกลวงคนอื่น จางเฉียงหน้าถอดสี เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองคุยโม้ แต่หานซานเฉียนกลับพูดจริง เป็นคนพาลจริง ๆ เขาโทรหาม่อหยางจริง! “พี่...พี่หยาง ผมแค่พูดไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย ตอนแรกผมแค่อยากจะเล่นขำ ๆ แต่ผมคิดไม่ถึง...คิดไม่ถึงว่า...” จางเฉียงกำลังจะร้องไห้ ใครจะไปคิดว่าหานซานเฉียนจะเรียกม่อหยางมาได้จริง! “คิดไม่ถึงว่าผมจะเรียกลูกพ
หยางเฉินยืนอยู่ด้วยท่าทางฮึกเหิม โอกาสที่หานซานเฉียนมอบให้เป็นทางเดียวที่เขาสามารถเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ได้ ค่ารักษาพยาบาลของแม่บุญธรรมไม่สามารถจ่ายได้ด้วยงานปัจจุบันของเขาเพียงอย่างเดียว นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกอยู่ที่เกาะจีเหยียน สำหรับเขาแล้ว นี่คือการเดิมพัน ถ้าเขาชนะ เขาไม่เพียงแต่จะได้ชีวิตใหม่เท่านั้น แต่ยังได้ค่ารักษาพยาบาลของแม่บุญธรรมด้วย “แม่ ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ ผมจะช่วยแม่เอง แม้ว่าสุดท้ายจะไม่เหลืออะไร ผมก็ไม่เสียใจ” “แม่เลี้ยงผมมายังไง ผมจะปกป้องแม่อย่างนั้น แม่คือญาติคนเดียวของผมในโลกนี้ ผมจะไม่ยอมให้สารเลวที่ไหนมาพรากแม่ไปง่าย ๆ ในสตูดิโอ ซูหยิงเซี่ยได้บอกสวีถงถึงรูปภาพที่เธอเลือกแล้ว ซึ่งหมายความว่าเธอได้อธิบายเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หายซานเฉียนสังเกตเห็นทางทางของซูหยิงเซี่ยไม่ค่อยร่าเริง โดยเฉพาะดวงตาของเธอค่อนข้างเศร้า ระหว่างทางกลับบ้าน หานซานเฉียนอดเอ่ยถามซูหยิงเซี่ยไม่ได้ “คุณเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมจู่ ๆ คุณถึงซึมไปล่ะ?” ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจและพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าทำไมหยางเฉินถึงไม่มีเงิน?” หานซานเชียนยกคิ้วและพ
ซูหยิงเซี่ยมองหานซานเฉียนด้วยความโกรธ ถ้าเธอไม่เปิดใจ เธอคงอึดอัดตาย คำพูดของหานซานเฉียนเป็นการโจมตีด้านข้างซูหยิงเซี่ยจริง ๆ แต่เขาไม่คิดว่าผลที่ตามมากลับเป็นจุดยืนที่มั่นคงของซูหยิงเซี่ย เว้นแต่เขาจะเริ่มเอง ซูหยิงเซี่ยจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก แต่หากซูหยิงเซี่ยไม่นำ หานซานเฉียนจะกล้าได้อย่างไร? หานซานเฉียนไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของความฉลาดของตัวเองคืออะไร ในใจของเขายังคงมีความสุข รู้สึกว่าตัวเองได้ใช้เวลาที่เหมาะสมในการเตือนซูหยิงเซี่ย และคิดว่าวันที่ดีจะมาถึงในไม่ช้า ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน พรุ่งนี้เป็นงานการกุศล ซูหยิงเซี่ยต้องเตรียมชุดสำหรับงานนี้ และหานซานเฉียนก็ต้องเข้าร่วมด้วย ดังนั้นเธอจึงช่วยหานซานเฉียนเลือกชุดที่เป็นทางการ หลังจากนั้นไม่นาน เฉินหลิงเหยาก็โทรมา ตอนนี้เธอเป็นหัวหน้าระดับกลางของบริษัทตระกูลซู เธอได้รับความเมตตาจากซูหยิงเซี่ย เธอจึงได้เข้าร่วมการงานการกุศลในวันพรุ่งนี้ด้วย แต่เธอไม่มีเสื้อผ้า เธอจึงต้องการยืมชุดจากซูหยิงเซี่ย เมื่อเฉินหลิงเหยามาถึงบ้าน หานซานเฉียนก็โดนบังคับให้ออกจากห้อง “ป้าเหอ เจียงหยิงหยิงเป็นยังไงบ้างครับ?” หานซานเฉียนถามเหอถิง เมื่อพูดถ
“สวยไหม?” ที่โรงแรมเพนนินซูล่า ฉี๋อีหยุนสวมชุดสีแดงยืนอยู่ตรงหน้าตงฮ้าว สีแดงสดที่สะดุดตาทำให้ฉี๋อีหยุนเหมือนดอกกุหลาบที่ละเอียดอ่อน ดูมีเสน่ห์ และดึงดูดใจผู้คน ผิวขาวตัดกับกระโปรงสีแดงเด่นชัด ทำให้ผู้คนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฉี๋อีหยุนเรียกได้ว่าหญิงงามที่สวยมาก แทบทำให้บ้านเมืองล่มสลาย ในสมัยโบราณ เธอต้องเป็นสาวงามที่สามารถทำให้ประเทศสั่นคลอนได้ ตงฮ้าวไม่สามารถละสายตาจากฉี๋อีหยุนที่อยู่ตรงหน้าได้ เขาใช้สมองอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถหาคำเปรียบฉี๋อีหยุนในตอนนี้ได้เลย มีคำนับหมื่นในโลก และไม่มีคำใดที่คู่ควรกับเธอในขณะนี้ “คุณหนูครับ ถ้าความงามสามารถพิชิตโลกได้ แค่คุณยกนิ้ว โลกทั้งใบก็เป็นของคุณแล้วครับ” ดงฮ้าวกล่าว ฉี๋อีหยุนยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ถ้าเขาพูดแบบนี้กับฉัน ฉันคงมีความสุขมาก แต่น่าเสียดายที่นายไม่ใช่เขา” ดงฮ้าวก้มหน้าลงด้วยเจตนาฆ่าที่ไม่อาจซ่อนเร้นในสายตาของเขา ตงฮ้าวรู้ตัวว่าเขาเป็นใครในสายตาของฉี๋อีหยุน และฉี๋อีหยุนก็แสดงด้านที่สวยงามให้เขาเห็น ซึ่งทำให้ตงฮ้าวอิจฉามาก และอยากจะหั่นหานซานเฉียนออกเป็นชิ้น ๆ “คุณหนู เขาไม่คู่ควรกับคุณเลย” ตงฮ้าวกัดฟันพ
“พวกคุณคุยอะไรกันเหรอคะ?” เมื่อเห็นทั้งสองกระซิบกัน ซูหยิงเซี่ยจึงถามด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เมื่อคืนฉันแย่งห้องของเขา ฉันก็เลยขอโทษเขาน่ะ” เฉินหลิงเหยากล่าว ซูหยิงเซี่ยยิ้มเจื่อนและพูดว่า “ขอโทษทำไม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่พี่สาวน้องสาวนอนด้วยกัน” เฉินหลิงเหยามองไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาภาคภูมิใจ และพูดด้วยเสียงทุ้ม “ได้ยินหรือยัง นี่มันไม่ใช่ครั้งแรก” หานซานเฉียนโกรธมาก จนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด พลันปลอบตัวเองในใจ เฉินหลิงเหยาเป็นผู้หญิง แม้ว่าพวกเขาจะนอนด้วยกันก็ไม่สำคัญอะไร หลังทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเขาทั้งสามก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหานซานเฉียนก็ขับรถออกไป งานการกุศลจัดขึ้นในสโมสรส่วนตัวของตระกูลเทียน ซึ่งโดยปกติจะไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม และใช้เฉพาะในช่วงงานสำคัญเท่านั้น แต่ครั้งนี้ตระกูลเทียนสามารถจัดการประชุมการกุศลที่นี่ได้ แสดงว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากจริง ๆ นี่คือสิ่งที่เทียนฉางเฉิงและเทียนหงฮุยคิด หานซานเฉียนกลายเป็นพี่ชายของเทียนหลิงเอ๋อร์ แม้ว่าบ้านแห่งรักจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์มากมายต่อชื่อเสียงของตระกูลเทียน แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะทำเรื่อง
“พี่เผิง เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก พี่หลงเชื่อได้ยังไงคะ” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม ข่าวลือเกี่ยวกับหานซานเฉียนในหยุนเฉิงล้วนเป็นฝีมือของซูไห่เฉา เขาจงใจจะบิดเบือนความจริง แม้ว่าจะมีข้อเท็จจริงอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ซูไห่เฉาใส่ร้ายป้ายสี ถ้าไม่ใช่เพราะซูไห่เฉา คนทั้งหยุนเฉิงจะหาว่าหานซานเฉียนเป็นสวะได้อย่างไร เผิงฟางดูเคอะเขิน ก่อนหน้านั้นเธอคิดเหมือนคนส่วนใหญ่ และเชื่อข่าวลือเพราะมีคนพูดมากเกินไป และเธอก็ได้ยินมากเกินไป แม้ว่ามันจะเป็นเท็จ แต่ก็ง่ายที่จะเชื่อว่ามันเป็นความจริง “ใช่ ข่าวลือนี่มันน่ากลัวจริง ๆ” เผิงฟางมองซูหยิงเซี่ย เธอจับมือหานซานเฉียน ดูสนิทแนบแน่นมาก ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่เหมือนกับที่โลกภายนอกพูดกัน จากจุดนี้เห็นได้ชัดว่าข่าวลือเชื่อถือไม่ได้เลย “พี่เผิง เราเข้าไปข้างในกันก่อนเถอะครับ” หานซานเฉียนพูด “ฉันต้องรอต่งซานก่อน” เผิงฟางกล่าว “ต่งซานมาด้วยเหรอครับ?” หานซานเฉียนถามด้วยความประหลาดใจ เผิงฟางพยักหน้าและอธิบาย “ฉันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ฉันก็เลยโทรหาเธอ และขอให้เธอเข้าร่วมในฐานะพนักงาน ถ้าฉันรู้ว่าเธอมาด้วย ฉันคงไม่ต้องรบกวนต่งซาน” หลังจากนั้นไ