โดยธรรมชาติแล้ว หานซานเฉียนจะไม่ถามสิ่งที่อีกฝ่ายไม่อยากพูด “รูปภาพทั้งหมดแต่งแล้ว คุณลองเลือก และดูว่าจะทำกรอบอะไร ตกแต่งแบบไหน หรือจะทำเครื่องประดับเล็ก ๆ ก็ได้นะครับ” หยางเฉินกล่าว เมื่อทั้งสองเลือกภาพถ่าย พวกเขาจึงรู้ว่าทำไมหยางเฉินถึงมีชื่อเสียงโด่งดังในอินเทอร์เน็ต ทักษะการถ่ายภาพของเขาดีมาก ทุกภาพสวยสมบูรณ์แบบจนทำให้ซูหยิงเซี่ยสับสน เพราะเธอไม่รู้ว่าจะเลือกอันไหนดี “ทำอย่างไรดี ฉันอยากแขวนทุกภาพไว้ที่บ้านเลยค่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียนด้วยความสับสน “เอาไปทำเป็นวอลล์เปเปอร์ และปิดผนังทั้งหมดในบ้านดีไหมครับ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้า แม้ว่าเธอต้องการทำแบบนั้นมาก แต่มันก็เว่อร์เกินไป ถ้าแขกมาบ้าน เธอคงอายแย่ ขณะที่ทั้งสองกำลังเลือกรูปถ่าย หยางเฉินก็คุยกับสวีถงอยู่เคาน์เตอร์ “พี่เฉิน คุณป้าเป็นยังไงบ้างคะ?” สวีถงถาม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หยางเฉินก็ถอนหายใจและพูดอย่างอ่อนแรง “ก็ยังเหมือนเดิม เมื่อวานพี่ไปโรงพยาบาลมา หมอก็พูดกับพี่ว่าให้ทำใจ แต่...” หยางเฉินยังพูดไม่จบประโยค แต่สวีถงรู้ว่าเขาตัดสินใจอย่างไร เมื่อเห็นความเศร้าที่ไม่อาจปกปิดในดว
จางเฉียงไม่ใช่คนที่กล้าสร้างปัญหา จริง ๆ เขาเป็นอันธพาลทั่วไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่คนที่มีอำนาจ เขาอาศัยลูกน้องไม่กี่คนเพื่อครองพื้นที่นี้ ความจริงแล้วคนที่ซื่อสัตย์เหล่านั้นกำลังถูกรังแก ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะไม่กล้า แต่เขาคุ้นเคยกับหยางเฉินเป็นอย่างดี และรู้ว่าหยางเฉินไม่ตอบโต้ “หยางเฉิน อย่าแสร้งทำเลย ถ้าแกขับรถไปเจอทางตัน แกจนตรอกแล้ว ถ้าแกทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันจะทำให้อีแก่นั่นที่นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลทรมาน แกเชื่อไหม?” จางเฉียงพูดด้วยสายตาโหดเหี้ยม เมื่อได้ยินประโยคนี้ ความโกรธของหยางเฉินก็สลายไปในทันที เขาพูดอย่างอ่อนแรง “พี่เฉียง ขอเวลาผมอีกสองสามวันนะครับ แล้วผมจะหาเงินมาให้พี่แน่นอน” “อย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็ก ฉันต้องการเงินตอนนี้ แกลองคิดดู ฉันจะให้เวลาสิบนาที” จางเฉียงพูดอย่างหนักแน่น ในขณะนั้น หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยกำลังเลือกรูปภาพอยู่ในร้าน และเกือบจะเลือกได้แล้ว พวกเขากำลังจะขอให้หยางเฉินช่วยเลือกดูรูปที่พวกเขาเลือก แต่หันมองซ้ายขวากลับไม่เห็นร่างของหยางเฉิน “อ้าว พวกเขาไปไหนกันแล้วล่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยความสับสน “แม้แต่สวีถงก็ไม่อยู่” หานซานเฉียน
เมื่อจางเฉียงเห็นการตอบโต้ จู่ ๆ เขาก็ร้อนตัว ไอหมอนี่คงไม่รู้จักม่อหยางจริง ๆ ใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงขี้โม้เกินไปแล้ว แต่หลังจากพิจารณาหานซานเฉียนอย่างถี่ถ้วน ดูยังไงเขาก็ไม่เหมือนคนที่มีอำนาจเลย คงไม่รู้จักม่อหยางจริง ๆ หรอก บางทีเขาอาจจะแค่วางท่า เมื่อคิดถึงสิ่งนี้จางเฉียงก็ผ่อนคลายลงและพูดว่า “นี่ นายยังจะเสแสร้งกับฉันอีกเหรอ นายเนี่ยนะจะรู้จักม่อหยาง ตลกแล้ว” “ม่อหยาง ฉันได้ยินมาว่านายมีลูกพี่ลูกน้อง เมื่อคืนยังมาดื่มกับเขาด้วย ฉันบังเอิญเจอเขา นายอยากมาพบปะเขาสักหน่อยไหม?” หานซานเฉียนพูดหลังจากต่อสายหาม่อหยาง จางเฉียงไม่ได้ยินเสียงที่ปลายสาย แต่ด้วยน้ำเสียงของหานซานเฉียน เขายิ่งแน่ใจว่าหานซานเฉียนกำลังคุยโม้ ทั้งหยุนเฉิง แม้แต่ตระกูลเทียนก็ยังไม่กล้าพูดกับม่อหยางด้วยน้ำเสียงแบบนั้น เป็นไปได้อย่างไร เขามีสิทธิ์เรียกชื่อม่อหยางได้อย่างไร? “แสดงเก่งนี่ เสียดายที่ไม่ได้เป็นนักแสดง วันนี้ฉันมาดูนายคุยโวโอ้อวดได้ยังไง” จางเฉียงยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม ลูกน้องสองสามคนกำลังจับตาดูซูหยิงเซี่ย ซึ่งทำให้หานซานเฉียนรู้สึกไม่สบายใจมาก ขยะพวกนี้ไม่มีสิทธิ์พอที่จะมองซูหยิงเซี่
สิบกว่านาทีต่อมา รถยนต์เอ็มวีพีก็แล่นเข้ามาในซอย เมื่อเห็นรถคันนี้ จางเฉียงจึงนำกลุ่มคนของเขาไปขวางรถไว้ทันที ท่าทางแบบนี้คงจะเก็บค่าผ่านทางแน่ ๆ หลังจากเสียงแตรดังขึ้น ประตูรถก็ถูกเปิดออก หลินหย่งลงจากรถมาก่อน เมื่อเห็นหลินหย่ง จางเฉียงพลันรู้สึกหายใจไม่ออกทันที ม่อหยางลงจากรถตามมา ขาของจางเฉียงพลันอ่อนแรง เขาอาจจะลืมคำสาบานของตัวเองไปหมดแล้ว “ซานเฉียน ฉันมีลูกพี่ลูกน้องตั้งแต่เมื่อไหร่ นายไปเอามาจากไหน?” ม่อหยางเดินไปหาหานซานเฉียนด้วยท่าทางงงงวย หานซานเฉียนชี้ไปที่จางเฉียงและพูดว่า “นี่ไง คนที่อ้างว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาย เมื่อคืนเขาไม่ได้ดื่มกับนายที่คลับเมจิกซิตี้เหรอ?” “แกเป็นใคร?” ม่อหยางขมวดคิ้ว และพูดด้วยความไม่พอใจ กล้าอ้างชื่อของเขาไปหลอกลวงคนอื่น จางเฉียงหน้าถอดสี เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองคุยโม้ แต่หานซานเฉียนกลับพูดจริง เป็นคนพาลจริง ๆ เขาโทรหาม่อหยางจริง! “พี่...พี่หยาง ผมแค่พูดไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย ตอนแรกผมแค่อยากจะเล่นขำ ๆ แต่ผมคิดไม่ถึง...คิดไม่ถึงว่า...” จางเฉียงกำลังจะร้องไห้ ใครจะไปคิดว่าหานซานเฉียนจะเรียกม่อหยางมาได้จริง! “คิดไม่ถึงว่าผมจะเรียกลูกพ
หยางเฉินยืนอยู่ด้วยท่าทางฮึกเหิม โอกาสที่หานซานเฉียนมอบให้เป็นทางเดียวที่เขาสามารถเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ได้ ค่ารักษาพยาบาลของแม่บุญธรรมไม่สามารถจ่ายได้ด้วยงานปัจจุบันของเขาเพียงอย่างเดียว นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกอยู่ที่เกาะจีเหยียน สำหรับเขาแล้ว นี่คือการเดิมพัน ถ้าเขาชนะ เขาไม่เพียงแต่จะได้ชีวิตใหม่เท่านั้น แต่ยังได้ค่ารักษาพยาบาลของแม่บุญธรรมด้วย “แม่ ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ ผมจะช่วยแม่เอง แม้ว่าสุดท้ายจะไม่เหลืออะไร ผมก็ไม่เสียใจ” “แม่เลี้ยงผมมายังไง ผมจะปกป้องแม่อย่างนั้น แม่คือญาติคนเดียวของผมในโลกนี้ ผมจะไม่ยอมให้สารเลวที่ไหนมาพรากแม่ไปง่าย ๆ ในสตูดิโอ ซูหยิงเซี่ยได้บอกสวีถงถึงรูปภาพที่เธอเลือกแล้ว ซึ่งหมายความว่าเธอได้อธิบายเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หายซานเฉียนสังเกตเห็นทางทางของซูหยิงเซี่ยไม่ค่อยร่าเริง โดยเฉพาะดวงตาของเธอค่อนข้างเศร้า ระหว่างทางกลับบ้าน หานซานเฉียนอดเอ่ยถามซูหยิงเซี่ยไม่ได้ “คุณเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมจู่ ๆ คุณถึงซึมไปล่ะ?” ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจและพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าทำไมหยางเฉินถึงไม่มีเงิน?” หานซานเชียนยกคิ้วและพ
ซูหยิงเซี่ยมองหานซานเฉียนด้วยความโกรธ ถ้าเธอไม่เปิดใจ เธอคงอึดอัดตาย คำพูดของหานซานเฉียนเป็นการโจมตีด้านข้างซูหยิงเซี่ยจริง ๆ แต่เขาไม่คิดว่าผลที่ตามมากลับเป็นจุดยืนที่มั่นคงของซูหยิงเซี่ย เว้นแต่เขาจะเริ่มเอง ซูหยิงเซี่ยจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก แต่หากซูหยิงเซี่ยไม่นำ หานซานเฉียนจะกล้าได้อย่างไร? หานซานเฉียนไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของความฉลาดของตัวเองคืออะไร ในใจของเขายังคงมีความสุข รู้สึกว่าตัวเองได้ใช้เวลาที่เหมาะสมในการเตือนซูหยิงเซี่ย และคิดว่าวันที่ดีจะมาถึงในไม่ช้า ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน พรุ่งนี้เป็นงานการกุศล ซูหยิงเซี่ยต้องเตรียมชุดสำหรับงานนี้ และหานซานเฉียนก็ต้องเข้าร่วมด้วย ดังนั้นเธอจึงช่วยหานซานเฉียนเลือกชุดที่เป็นทางการ หลังจากนั้นไม่นาน เฉินหลิงเหยาก็โทรมา ตอนนี้เธอเป็นหัวหน้าระดับกลางของบริษัทตระกูลซู เธอได้รับความเมตตาจากซูหยิงเซี่ย เธอจึงได้เข้าร่วมการงานการกุศลในวันพรุ่งนี้ด้วย แต่เธอไม่มีเสื้อผ้า เธอจึงต้องการยืมชุดจากซูหยิงเซี่ย เมื่อเฉินหลิงเหยามาถึงบ้าน หานซานเฉียนก็โดนบังคับให้ออกจากห้อง “ป้าเหอ เจียงหยิงหยิงเป็นยังไงบ้างครับ?” หานซานเฉียนถามเหอถิง เมื่อพูดถ
“สวยไหม?” ที่โรงแรมเพนนินซูล่า ฉี๋อีหยุนสวมชุดสีแดงยืนอยู่ตรงหน้าตงฮ้าว สีแดงสดที่สะดุดตาทำให้ฉี๋อีหยุนเหมือนดอกกุหลาบที่ละเอียดอ่อน ดูมีเสน่ห์ และดึงดูดใจผู้คน ผิวขาวตัดกับกระโปรงสีแดงเด่นชัด ทำให้ผู้คนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฉี๋อีหยุนเรียกได้ว่าหญิงงามที่สวยมาก แทบทำให้บ้านเมืองล่มสลาย ในสมัยโบราณ เธอต้องเป็นสาวงามที่สามารถทำให้ประเทศสั่นคลอนได้ ตงฮ้าวไม่สามารถละสายตาจากฉี๋อีหยุนที่อยู่ตรงหน้าได้ เขาใช้สมองอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถหาคำเปรียบฉี๋อีหยุนในตอนนี้ได้เลย มีคำนับหมื่นในโลก และไม่มีคำใดที่คู่ควรกับเธอในขณะนี้ “คุณหนูครับ ถ้าความงามสามารถพิชิตโลกได้ แค่คุณยกนิ้ว โลกทั้งใบก็เป็นของคุณแล้วครับ” ดงฮ้าวกล่าว ฉี๋อีหยุนยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ถ้าเขาพูดแบบนี้กับฉัน ฉันคงมีความสุขมาก แต่น่าเสียดายที่นายไม่ใช่เขา” ดงฮ้าวก้มหน้าลงด้วยเจตนาฆ่าที่ไม่อาจซ่อนเร้นในสายตาของเขา ตงฮ้าวรู้ตัวว่าเขาเป็นใครในสายตาของฉี๋อีหยุน และฉี๋อีหยุนก็แสดงด้านที่สวยงามให้เขาเห็น ซึ่งทำให้ตงฮ้าวอิจฉามาก และอยากจะหั่นหานซานเฉียนออกเป็นชิ้น ๆ “คุณหนู เขาไม่คู่ควรกับคุณเลย” ตงฮ้าวกัดฟันพ
“พวกคุณคุยอะไรกันเหรอคะ?” เมื่อเห็นทั้งสองกระซิบกัน ซูหยิงเซี่ยจึงถามด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เมื่อคืนฉันแย่งห้องของเขา ฉันก็เลยขอโทษเขาน่ะ” เฉินหลิงเหยากล่าว ซูหยิงเซี่ยยิ้มเจื่อนและพูดว่า “ขอโทษทำไม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่พี่สาวน้องสาวนอนด้วยกัน” เฉินหลิงเหยามองไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาภาคภูมิใจ และพูดด้วยเสียงทุ้ม “ได้ยินหรือยัง นี่มันไม่ใช่ครั้งแรก” หานซานเฉียนโกรธมาก จนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด พลันปลอบตัวเองในใจ เฉินหลิงเหยาเป็นผู้หญิง แม้ว่าพวกเขาจะนอนด้วยกันก็ไม่สำคัญอะไร หลังทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเขาทั้งสามก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหานซานเฉียนก็ขับรถออกไป งานการกุศลจัดขึ้นในสโมสรส่วนตัวของตระกูลเทียน ซึ่งโดยปกติจะไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม และใช้เฉพาะในช่วงงานสำคัญเท่านั้น แต่ครั้งนี้ตระกูลเทียนสามารถจัดการประชุมการกุศลที่นี่ได้ แสดงว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากจริง ๆ นี่คือสิ่งที่เทียนฉางเฉิงและเทียนหงฮุยคิด หานซานเฉียนกลายเป็นพี่ชายของเทียนหลิงเอ๋อร์ แม้ว่าบ้านแห่งรักจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์มากมายต่อชื่อเสียงของตระกูลเทียน แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะทำเรื่อง