หลังจากตระกูลเทียนปล่อยข่าวเรื่องงานการกุศล ชุมชนธุรกิจทั้งหมดในหยุนเฉิงก็พร้อมเคลื่อนไหว เนื่องจากสถานการณ์ของบริษัทตระกูลซู พวกเขาจึงกังวลว่าตนเองจะถูกตระกูลซูจับตามอง ดังนั้นถ้าตอนนี้สามารถทำให้ตระกูลเทียนพอใจได้ นี่จะเป็นโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะปกป้องตัวเอง ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องการรับบัตรเข้าชมงานการกุศล ในห้องของประธานโรงแรมเพนนินซูล่า ฉี๋อีหยุนไม่สวมแว่นตา ดูมีเสน่ห์แม้อยู่ในชุดธรรมดา ความงามของเธอแผ่ออกมาจากเรือนร่าง และทุกการเคลื่อนไหวของเธอต่างทำให้ใครต่อใครพากันเคลิบเคลิ้ม “สำหรับนายแล้ว การที่จะได้บัตรเข้าชมงานการกุศลมามันไม่ใช่เรื่องยากเลยนี่” ฉี๋อีหยุนพูดกับตงฮ้าว เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉี๋อีหยุน ในใจของตงฮ้าวยากมากที่จะยอมรับ เพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้ชายคนอื่นเห็นด้านนี้ของเธอ แต่เขาไม่มีสิทธิ์จะหยุดสิ่งที่ฉี๋อีหยุนกำลังจะทำ ถ้าฉี๋อีหยุนไปเข้าร่วมงานการกุศล มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน และจะมีสายตาหื่นกระหายมากมายที่มองมาที่ฉี๋อีหยุน ที่สำคัญกว่านั้น ตงฮ้าวรู้ว่าเธอกำลังไปหาใคร “คุณหนูครับ งานการกุศลแบบนี้มีความหมายอะไรให้คุณต้องเข้าร่วมด้วยเหรอครับ?” ตงฮ้าวกล่าว
โดยธรรมชาติแล้ว หานซานเฉียนจะไม่ถามสิ่งที่อีกฝ่ายไม่อยากพูด “รูปภาพทั้งหมดแต่งแล้ว คุณลองเลือก และดูว่าจะทำกรอบอะไร ตกแต่งแบบไหน หรือจะทำเครื่องประดับเล็ก ๆ ก็ได้นะครับ” หยางเฉินกล่าว เมื่อทั้งสองเลือกภาพถ่าย พวกเขาจึงรู้ว่าทำไมหยางเฉินถึงมีชื่อเสียงโด่งดังในอินเทอร์เน็ต ทักษะการถ่ายภาพของเขาดีมาก ทุกภาพสวยสมบูรณ์แบบจนทำให้ซูหยิงเซี่ยสับสน เพราะเธอไม่รู้ว่าจะเลือกอันไหนดี “ทำอย่างไรดี ฉันอยากแขวนทุกภาพไว้ที่บ้านเลยค่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียนด้วยความสับสน “เอาไปทำเป็นวอลล์เปเปอร์ และปิดผนังทั้งหมดในบ้านดีไหมครับ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้า แม้ว่าเธอต้องการทำแบบนั้นมาก แต่มันก็เว่อร์เกินไป ถ้าแขกมาบ้าน เธอคงอายแย่ ขณะที่ทั้งสองกำลังเลือกรูปถ่าย หยางเฉินก็คุยกับสวีถงอยู่เคาน์เตอร์ “พี่เฉิน คุณป้าเป็นยังไงบ้างคะ?” สวีถงถาม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หยางเฉินก็ถอนหายใจและพูดอย่างอ่อนแรง “ก็ยังเหมือนเดิม เมื่อวานพี่ไปโรงพยาบาลมา หมอก็พูดกับพี่ว่าให้ทำใจ แต่...” หยางเฉินยังพูดไม่จบประโยค แต่สวีถงรู้ว่าเขาตัดสินใจอย่างไร เมื่อเห็นความเศร้าที่ไม่อาจปกปิดในดว
จางเฉียงไม่ใช่คนที่กล้าสร้างปัญหา จริง ๆ เขาเป็นอันธพาลทั่วไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่คนที่มีอำนาจ เขาอาศัยลูกน้องไม่กี่คนเพื่อครองพื้นที่นี้ ความจริงแล้วคนที่ซื่อสัตย์เหล่านั้นกำลังถูกรังแก ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะไม่กล้า แต่เขาคุ้นเคยกับหยางเฉินเป็นอย่างดี และรู้ว่าหยางเฉินไม่ตอบโต้ “หยางเฉิน อย่าแสร้งทำเลย ถ้าแกขับรถไปเจอทางตัน แกจนตรอกแล้ว ถ้าแกทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันจะทำให้อีแก่นั่นที่นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลทรมาน แกเชื่อไหม?” จางเฉียงพูดด้วยสายตาโหดเหี้ยม เมื่อได้ยินประโยคนี้ ความโกรธของหยางเฉินก็สลายไปในทันที เขาพูดอย่างอ่อนแรง “พี่เฉียง ขอเวลาผมอีกสองสามวันนะครับ แล้วผมจะหาเงินมาให้พี่แน่นอน” “อย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็ก ฉันต้องการเงินตอนนี้ แกลองคิดดู ฉันจะให้เวลาสิบนาที” จางเฉียงพูดอย่างหนักแน่น ในขณะนั้น หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยกำลังเลือกรูปภาพอยู่ในร้าน และเกือบจะเลือกได้แล้ว พวกเขากำลังจะขอให้หยางเฉินช่วยเลือกดูรูปที่พวกเขาเลือก แต่หันมองซ้ายขวากลับไม่เห็นร่างของหยางเฉิน “อ้าว พวกเขาไปไหนกันแล้วล่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยความสับสน “แม้แต่สวีถงก็ไม่อยู่” หานซานเฉียน
เมื่อจางเฉียงเห็นการตอบโต้ จู่ ๆ เขาก็ร้อนตัว ไอหมอนี่คงไม่รู้จักม่อหยางจริง ๆ ใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงขี้โม้เกินไปแล้ว แต่หลังจากพิจารณาหานซานเฉียนอย่างถี่ถ้วน ดูยังไงเขาก็ไม่เหมือนคนที่มีอำนาจเลย คงไม่รู้จักม่อหยางจริง ๆ หรอก บางทีเขาอาจจะแค่วางท่า เมื่อคิดถึงสิ่งนี้จางเฉียงก็ผ่อนคลายลงและพูดว่า “นี่ นายยังจะเสแสร้งกับฉันอีกเหรอ นายเนี่ยนะจะรู้จักม่อหยาง ตลกแล้ว” “ม่อหยาง ฉันได้ยินมาว่านายมีลูกพี่ลูกน้อง เมื่อคืนยังมาดื่มกับเขาด้วย ฉันบังเอิญเจอเขา นายอยากมาพบปะเขาสักหน่อยไหม?” หานซานเฉียนพูดหลังจากต่อสายหาม่อหยาง จางเฉียงไม่ได้ยินเสียงที่ปลายสาย แต่ด้วยน้ำเสียงของหานซานเฉียน เขายิ่งแน่ใจว่าหานซานเฉียนกำลังคุยโม้ ทั้งหยุนเฉิง แม้แต่ตระกูลเทียนก็ยังไม่กล้าพูดกับม่อหยางด้วยน้ำเสียงแบบนั้น เป็นไปได้อย่างไร เขามีสิทธิ์เรียกชื่อม่อหยางได้อย่างไร? “แสดงเก่งนี่ เสียดายที่ไม่ได้เป็นนักแสดง วันนี้ฉันมาดูนายคุยโวโอ้อวดได้ยังไง” จางเฉียงยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม ลูกน้องสองสามคนกำลังจับตาดูซูหยิงเซี่ย ซึ่งทำให้หานซานเฉียนรู้สึกไม่สบายใจมาก ขยะพวกนี้ไม่มีสิทธิ์พอที่จะมองซูหยิงเซี่
สิบกว่านาทีต่อมา รถยนต์เอ็มวีพีก็แล่นเข้ามาในซอย เมื่อเห็นรถคันนี้ จางเฉียงจึงนำกลุ่มคนของเขาไปขวางรถไว้ทันที ท่าทางแบบนี้คงจะเก็บค่าผ่านทางแน่ ๆ หลังจากเสียงแตรดังขึ้น ประตูรถก็ถูกเปิดออก หลินหย่งลงจากรถมาก่อน เมื่อเห็นหลินหย่ง จางเฉียงพลันรู้สึกหายใจไม่ออกทันที ม่อหยางลงจากรถตามมา ขาของจางเฉียงพลันอ่อนแรง เขาอาจจะลืมคำสาบานของตัวเองไปหมดแล้ว “ซานเฉียน ฉันมีลูกพี่ลูกน้องตั้งแต่เมื่อไหร่ นายไปเอามาจากไหน?” ม่อหยางเดินไปหาหานซานเฉียนด้วยท่าทางงงงวย หานซานเฉียนชี้ไปที่จางเฉียงและพูดว่า “นี่ไง คนที่อ้างว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาย เมื่อคืนเขาไม่ได้ดื่มกับนายที่คลับเมจิกซิตี้เหรอ?” “แกเป็นใคร?” ม่อหยางขมวดคิ้ว และพูดด้วยความไม่พอใจ กล้าอ้างชื่อของเขาไปหลอกลวงคนอื่น จางเฉียงหน้าถอดสี เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองคุยโม้ แต่หานซานเฉียนกลับพูดจริง เป็นคนพาลจริง ๆ เขาโทรหาม่อหยางจริง! “พี่...พี่หยาง ผมแค่พูดไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย ตอนแรกผมแค่อยากจะเล่นขำ ๆ แต่ผมคิดไม่ถึง...คิดไม่ถึงว่า...” จางเฉียงกำลังจะร้องไห้ ใครจะไปคิดว่าหานซานเฉียนจะเรียกม่อหยางมาได้จริง! “คิดไม่ถึงว่าผมจะเรียกลูกพ
หยางเฉินยืนอยู่ด้วยท่าทางฮึกเหิม โอกาสที่หานซานเฉียนมอบให้เป็นทางเดียวที่เขาสามารถเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ได้ ค่ารักษาพยาบาลของแม่บุญธรรมไม่สามารถจ่ายได้ด้วยงานปัจจุบันของเขาเพียงอย่างเดียว นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกอยู่ที่เกาะจีเหยียน สำหรับเขาแล้ว นี่คือการเดิมพัน ถ้าเขาชนะ เขาไม่เพียงแต่จะได้ชีวิตใหม่เท่านั้น แต่ยังได้ค่ารักษาพยาบาลของแม่บุญธรรมด้วย “แม่ ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ ผมจะช่วยแม่เอง แม้ว่าสุดท้ายจะไม่เหลืออะไร ผมก็ไม่เสียใจ” “แม่เลี้ยงผมมายังไง ผมจะปกป้องแม่อย่างนั้น แม่คือญาติคนเดียวของผมในโลกนี้ ผมจะไม่ยอมให้สารเลวที่ไหนมาพรากแม่ไปง่าย ๆ ในสตูดิโอ ซูหยิงเซี่ยได้บอกสวีถงถึงรูปภาพที่เธอเลือกแล้ว ซึ่งหมายความว่าเธอได้อธิบายเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หายซานเฉียนสังเกตเห็นทางทางของซูหยิงเซี่ยไม่ค่อยร่าเริง โดยเฉพาะดวงตาของเธอค่อนข้างเศร้า ระหว่างทางกลับบ้าน หานซานเฉียนอดเอ่ยถามซูหยิงเซี่ยไม่ได้ “คุณเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมจู่ ๆ คุณถึงซึมไปล่ะ?” ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจและพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าทำไมหยางเฉินถึงไม่มีเงิน?” หานซานเชียนยกคิ้วและพ
ซูหยิงเซี่ยมองหานซานเฉียนด้วยความโกรธ ถ้าเธอไม่เปิดใจ เธอคงอึดอัดตาย คำพูดของหานซานเฉียนเป็นการโจมตีด้านข้างซูหยิงเซี่ยจริง ๆ แต่เขาไม่คิดว่าผลที่ตามมากลับเป็นจุดยืนที่มั่นคงของซูหยิงเซี่ย เว้นแต่เขาจะเริ่มเอง ซูหยิงเซี่ยจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก แต่หากซูหยิงเซี่ยไม่นำ หานซานเฉียนจะกล้าได้อย่างไร? หานซานเฉียนไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของความฉลาดของตัวเองคืออะไร ในใจของเขายังคงมีความสุข รู้สึกว่าตัวเองได้ใช้เวลาที่เหมาะสมในการเตือนซูหยิงเซี่ย และคิดว่าวันที่ดีจะมาถึงในไม่ช้า ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน พรุ่งนี้เป็นงานการกุศล ซูหยิงเซี่ยต้องเตรียมชุดสำหรับงานนี้ และหานซานเฉียนก็ต้องเข้าร่วมด้วย ดังนั้นเธอจึงช่วยหานซานเฉียนเลือกชุดที่เป็นทางการ หลังจากนั้นไม่นาน เฉินหลิงเหยาก็โทรมา ตอนนี้เธอเป็นหัวหน้าระดับกลางของบริษัทตระกูลซู เธอได้รับความเมตตาจากซูหยิงเซี่ย เธอจึงได้เข้าร่วมการงานการกุศลในวันพรุ่งนี้ด้วย แต่เธอไม่มีเสื้อผ้า เธอจึงต้องการยืมชุดจากซูหยิงเซี่ย เมื่อเฉินหลิงเหยามาถึงบ้าน หานซานเฉียนก็โดนบังคับให้ออกจากห้อง “ป้าเหอ เจียงหยิงหยิงเป็นยังไงบ้างครับ?” หานซานเฉียนถามเหอถิง เมื่อพูดถ
“สวยไหม?” ที่โรงแรมเพนนินซูล่า ฉี๋อีหยุนสวมชุดสีแดงยืนอยู่ตรงหน้าตงฮ้าว สีแดงสดที่สะดุดตาทำให้ฉี๋อีหยุนเหมือนดอกกุหลาบที่ละเอียดอ่อน ดูมีเสน่ห์ และดึงดูดใจผู้คน ผิวขาวตัดกับกระโปรงสีแดงเด่นชัด ทำให้ผู้คนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฉี๋อีหยุนเรียกได้ว่าหญิงงามที่สวยมาก แทบทำให้บ้านเมืองล่มสลาย ในสมัยโบราณ เธอต้องเป็นสาวงามที่สามารถทำให้ประเทศสั่นคลอนได้ ตงฮ้าวไม่สามารถละสายตาจากฉี๋อีหยุนที่อยู่ตรงหน้าได้ เขาใช้สมองอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถหาคำเปรียบฉี๋อีหยุนในตอนนี้ได้เลย มีคำนับหมื่นในโลก และไม่มีคำใดที่คู่ควรกับเธอในขณะนี้ “คุณหนูครับ ถ้าความงามสามารถพิชิตโลกได้ แค่คุณยกนิ้ว โลกทั้งใบก็เป็นของคุณแล้วครับ” ดงฮ้าวกล่าว ฉี๋อีหยุนยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ถ้าเขาพูดแบบนี้กับฉัน ฉันคงมีความสุขมาก แต่น่าเสียดายที่นายไม่ใช่เขา” ดงฮ้าวก้มหน้าลงด้วยเจตนาฆ่าที่ไม่อาจซ่อนเร้นในสายตาของเขา ตงฮ้าวรู้ตัวว่าเขาเป็นใครในสายตาของฉี๋อีหยุน และฉี๋อีหยุนก็แสดงด้านที่สวยงามให้เขาเห็น ซึ่งทำให้ตงฮ้าวอิจฉามาก และอยากจะหั่นหานซานเฉียนออกเป็นชิ้น ๆ “คุณหนู เขาไม่คู่ควรกับคุณเลย” ตงฮ้าวกัดฟันพ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ