ทันใดนั้นห้องโถงที่เสียงดังก็เงียบลง มันเงียบมากจนแทบได้ยินเสียงเข็มตก เพียงเพราะมีเงาสีแดงปรากฏขึ้นที่ประตู ดูเหมือนว่าเธอจะสามารถครอบงำผู้คนที่ได้เห็นตอนเธอออกมา สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เธอ มีผู้หญิงที่แต่งตัวหรูหรามากมายในที่แห่งนั้น สังคมชนชั้นสูงทำให้พวกเธอดูแตกต่างจากคนทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับเงาสีแดงนี้ พวกเธอทั้งหมดกลับถูกบดบัง และทำให้คนอื่น ๆ ละอายใจ “นี่...นี่ใครกัน สวยเกินบรรยายจริง ๆ” “สวยมาก ออร่าอย่างกับคนชนชั้นสูง” “หยุนเฉิงมีคนสวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” ท่ามกลางเสียงถอนหายใจของผู้คนนับไม่ถ้วน ฉี๋อีหยุนกลายเป็นจุดสนใจของผู้คน ตอนนี้งานการกุศลไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ผู้ชายในที่นั้นอยากรู้มากว่าเธอเป็นใคร มาจากตระกูลไหน และเธอมีแฟนหรือสามีหรือยัง “หยิงเซี่ย ฉัน...ฉันไม่ได้ตาลายใช่ไหม เธอ เธอคืออีหยุนเหรอ?” เฉินหลิงเหยาตกตะลึง แม้ว่าเธอจะรู้จักฉี๋อีหยุนมาหลายปี แต่เฉินหลิงเหยาก็ไม่เคยเห็นด้านนี้ของฉี๋อีหยุนเลย ทำให้วินาทีนั้นเธอเหลือเชื่อมาก ซูหยิงเซี่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน ความประทับใจที่ฉี๋อีหยุนมอบให้เธอนั้นอ่อนโยน แต่ตอนนี้เธอกลั
เนื่องจากท่าทางของฉี๋อีหยุน งานการกุศลจึงกลายเป็นงานเฟ้นหาสาวงาม ผู้ชายที่มาร่วมงานไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อย ทุกคนต่างมีความปรารถนาที่จะเก็บฉี๋อีหยุนไว้ในสต็อกของตัวเอง บางคนอยากเลี้ยงดู บางคนรู้สึกตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ถ้าไม่ใช่ฉี๋อีหยุนในชีวิตนี้ก็จะไม่แต่งงาน โชคดีที่มีเทียนฉางเฉิงอยู่ที่นั่นด้วย เหตุการณ์จึงไม่วุ่นวาย เมื่อเขาออกมาควบคุมสถานการณ์ งานการกุศลก็ดำเนินไปอย่างเป็นเรียบร้อย ในขณะที่เทียนฉางเฉิงและเผิงฟางกำลังพูด ในความเป็นจริงแล้วผู้คนที่อยู่ตรงนั้นไม่สนใจฟังเลย สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ฉี๋อีหยุน พวกเขาต้องการข้อมูลติดต่อของฉี๋อีหยุนโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ชวนฉี๋อีหยุนไปทานข้าวคืนนี้ ไม่อย่างนั้นคู่แข่งที่มากเกินไปจะทำให้ตัวแปรเรื่องนี้เปลี่ยน สำหรับฉี๋อีหยุน สายตาของเธอจับจ้องไปที่หานซานเฉียนไม่เปลี่ยนเลย แม้ว่าเธอจะสามารถทำให้ซูหยิงเซี่ยหายไป เพื่อให้ได้หานซานเฉียนมา แต่ซูหยิงเซี่ยก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอ และเธอก็ไม่แน่ใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรถ้าเธอทำแบบนั้น ดังนั้นฉี๋อีหยุนจึงไม่ทำแบบนี้นอกจากเธอจะโดนบังคับ แต่เธอที่เป็นจุดสนใจของคนอื่น ๆ มีเพียงหานซ
“นี่…นี่คือฉี๋อีหยุนที่เรารู้จักจริง ๆ เหรอ?” เฉินหลิงเหยาพูดด้วยความตกใจ ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้า เธอไม่แน่ใจ เพราะเธอก็รู้สึกเหมือนกับเฉินหลิงเหยา “จู่ ๆ อีหยุนก็แปลกไป” ซูหยิงเซี่ยหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูด ใบหน้าของหานซานเฉียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซูหยิงเซี่ยเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง ความไม่คุ้นเคยของซูหยิงเซี่ยที่มีต่อฉี๋อีหยุนไม่ได้มาจากการเปลี่ยนแปลงของฉี๋อีหยุน แต่เป็นเพราะเธอแสดงด้านที่แท้จริงของเธอ เธอไม่เคยเปลี่ยน ฉี๋อีหยุนที่ซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยารู้จัก คือด้านที่เธอสวมหน้ากาก และหน้ากากนี้เธอสวมมันมานานเกินไป นานกว่าหานซานเฉียนด้วยซ้ำ ผู้หญิงแบบนี้สร้างภาพลวงตาให้หานซานเฉียนกลัว แน่นอนว่าเขาไม่กลัวหรอก แต่รู้สึกว่าเมื่อผู้หญิงที่อดทนมาตลอดเผยตัวตนที่แท้จริง จะต้องทำให้เกิดเรื่องใหญ่แน่ ๆ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เหตุผลที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะเขา! “เธอ...เธอคิดว่าเธอจะทำอะไรก็ได้เพราะเธอสวยหรอ” “รู้ไหมว่าเราเป็นใคร? กล้าดียังไงมาเมินเรา” “ฮึ่ม เธอทำให้ทุกคนไม่พอใจด้วยประโยคเดียว เธอเคยคิดไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น?” ความงามของฉี๋อีหยุนเอาชนะใจคนจำนวนมาก แต่คำพูดของเธอก็ทำให้หลาย
ในงานการกุศลเงียบสนิท ออร่าของฉี๋อีหยุนเหมือนราชินีระดับสูงที่ครอบงำผู้นำทางธุรกิจเหล่านั้น ในเวลานี้ เทียนฉางเฉิงค้นพบเรื่องน่าสนุกทำให้ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มย่น เขาพบว่าดวงตาของฉี๋อีหยุนเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม เมื่อมองไปที่พวกผู้ชาย แต่เมื่อเธอมองไปที่หานซานเฉียน กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง สายตานั้นมีเสน่ห์ ดูเหมือนจะพิสูจน์อะไรบางอย่างให้หานซานเฉียนเห็น “น่าสนใจ น่าสนใจมาก”เทียนฉางเฉิงอดหัวเราะไม่ได้ โชคดีที่เทียนหลิงเอ๋อร์รอดพ้นจากอันตราย และกลายเป็นน้องสาวของหานซานเฉียน มิฉะนั้นเธอจะมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอีกคนแน่นอน “คุณปู่ มีอะไรน่าสนใจเหรอคะ?”เทียนหลิงเอ๋อร์ถามด้วยความสงสัย เทียนฉางเฉิงลูบเคราและพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้ชอบอาจารย์ของฉัน” “หานซานเฉียน!” เทียนหลิงเอ๋อร์มองไปที่ฉี๋อีหยุนด้วยความประหลาดใจ และพูดว่า “เธอชอบหานซานเฉียน คุณปู่ดูผิดหรือเปล่าคะ” “ปู่อยู่มาหลายสิบปีแล้วดูไม่ผิดหรอก สายตาแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ชอบแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?” เทียนฉางเฉิงกล่าวอย่างหนักแน่น เทียนหลิงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นออกมาอย่างสนุกสนาน เธอคือผู้หญิงอีกคนที่ถูกหานซานเฉียนพิชิต แม้ว่
“ปู่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ” เทียนฉางเฉิงกล่าว“ถ้าเขาจะเปลี่ยนใจ หนูจะไม่เชื่อในความรักอีกเลย” เทียนหลิงเอ๋อร์ถอนหายใจและพูดเสียงแผ่วเบาในเวลานี้ฉี๋อีหยุนเดินจากเวทีกลับมาหาซูหยิงเซี่ย คนเหล่านั้นคิดว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซูหยิงเซี่ยและบริษัทของเหล่าพวกเจียงฟู่ต่างก็ถูกตระกูลซูโค่นล้ม ประเด็นนี้พวกเขาจึงไม่กล้ามีปัญหากับฉี๋อีหยุนต่อหานซานเฉียนขนลุกไปทั้งตัว ภูมิหลังตระกูลของฉี๋อีหยุนไม่ได้อยู่ในหยุนเฉิง นี่เป็นผลจากการสอบสวนของเขา และแน่นอนเพราะสถานการณ์ในหยุนเฉิงนั้นชัดเจนมาก และเป็นไปไม่ได้ที่ฉี๋อีหยุนจะซ่อนตัวได้อย่างแยบยลกล่าวคือ เธอกล้าแสดงความโกรธเคืองต่อหน้าสาธารณชน แต่เธอวางแผนไว้แล้วว่าจะใช้ซูหยิงเซี่ยเพื่อทำให้คนเหล่านั้นรู้จักถอย เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กล้าตอบโต้เมืองนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นแผนที่น่ากลัวทุกย่างก้าว ดูไร้ร่องรอย และจะไม่ปล่อยให้ซูหยิงเซี่ยรู้ตัวว่าเธอถูกหลอกใช้ยิ่งเป็นแบบนี้ หานซานเฉียนก็ยิ่งรู้สึกกลัวเธอมากขึ้นเท่านั้นก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนซี้ แต่ตอนนี้หานซานเฉียนคิดว่า
หลังจากงานการกุศลจบลง เผิงฟางก็ดึงหานซานเฉียนเข้ามาหาและกล่าวคำขอบคุณ เธอกังวลอนาคตของบ้านแห่งรักตลอดเวลา และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้มีหานซานเฉียนยื่นมือเข้ามาช่วย เธอจึงรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก สำหรับหานซานเฉียนแล้ว เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย เมื่อได้รับคำขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเผิงฟาง เขาก็รู้สึกละอายเล็กน้อย เผิงฟางได้อุทิศทุกอย่างเพื่อบ้านแห่งรักแต่เขาทำได้ไม่ถึงครึ่งของเธอด้วยซ้ำ ถึงแม้จะมีคุณงานความดีมากมาย แต่เมื่อเทียบกับความทุ่มเทของเผิงฟาง ไม่ต่างจากหิ่งห้อยกับแสงจันทร์ “พี่เผิง ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของบ้านแห่งรักนะครับ ถ้าพี่พูดแบบนี้อีกผมจะไม่ไปที่นั่นแล้วนะครับ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ เผิงฟางหยุดคำพูดที่กำลังจะออกจากปากและพูดว่า “โอเค โอเค ฉันไม่พูดแล้ว ถ้าเธอมีเวลาก็มาบ่อย ๆ นะ เด็ก ๆ คงคิดถึงเธอ” “แน่นอนครับ” หานซานเฉียนเดินไปส่งเผิงฟางที่ประตูสโมสร เฉินหลิงเหยาและฉี๋อีหยุนก็ออกไปด้วยกัน ขณะที่เธอทั้งสองออกไป เห็นได้ชัดว่าเฉินหลิงเหยากำลังจับมือฉี๋อีหยุน ด้วยนิสัยของเฉินหลิงเหยา เธออาจจะพูดอะไรบางอย่างกับฉี๋อีหยุน อย่างไรก็ตาม หานซานเฉ
“เธอชอบหานซานเฉียนเหรอ?” เฉินหลิงเหยาถาม “เธอก็ชอบเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกเลย” ฉี๋อีหยุนกล่าว “ฉันไม่เหมือนเธอ ถึงฉันจะชอบเขา แต่ฉันก็ไม่มีวันทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูหยิงเซี่ยเด็ดขาด” เฉินหลิงเหยาฝังความรู้สึกนี้ไว้ลึกสุดใจและคิดมาตลอดว่าจะฝังมันไว้ตลอดไป แต่ฉี๋อีหยุนไม่ใช่ เธอสัมผัสได้ถึงความก้าวร้าวรุนแรงของฉี๋อีหยุน เฉินหลิงเหยารู้ว่าฉี๋อีหยุนคนปัจจุบันไม่ใช่เด็กสาวอ่อนแอที่เธอเคยเป็นอีกต่อไป เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนรักทั้งสาม เธอจึงมีหน้าที่ต้องเตือนฉี๋อีหยุน “ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเอง การที่เขาจะเลือกแบบไหนนั้น เธอไปบังคับเขาไม่ได้หรอก ฉี๋อีหยุนพูดเบา ๆ เฉินหลิงเหยากัดฟัน เธอไม่คิดว่าขนาดเธอพูดชัดเจนแบบนี้แล้ว ท่าทางของฉี๋อีหยุนก็ยังดื้อรั้น “หรือเธออยากเห็นความสัมพันธ์เพื่อนรักของเราสามคน ถูกทำลายด้วยเงื้อมมือของเธอเหรอ?” เฉินหลิงเหยาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันไม่เคยคิดจะทำลายความรู้สึกของใคร ฉันแค่คิดว่าเขามีสิทธิ์เลือก” พูดจบฉี๋อีหยุนก็หันหลังและเดินจากไป เฉินหลิงเหยากำหมัดแน่น และตะโกนใส่หลังฉี๋อีหยุน “เธออย่าลืมว่าเมื่อก่อนที่เธอถ
เมื่อเจี่ยงเชิงเห็นหานซานเฉียน เขาก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้เห็นด้วยตาของเขาเองว่าหลิวฮวาเสียชีวิตต่อหน้าเขาอย่างไร ความกลัวที่มีต่อหานซานเฉียนก็แทรกซึมเข้าไปในกระดูกของเขา จู่ ๆ สวี่ฟางพลันสูญเสียความเย่อหยิ่งที่เธอมี และค่อย ๆ เดินไปหาเจี่ยงหว่าน ราวกับว่าเธอกำลังขอให้เจี่ยงหว่านปกป้อง เจี่ยงหว่านเคยหยิ่งยโสต่อหน้าหานซานเฉียน และซูหยิงเซี่ยเพราะหลิ่วจื้อเจี๋ย แต่หลังจากประสบกับเหตุการณ์ในเมืองปินเซี่ยน เธอก็จำช่องว่างระหว่างตัวเธอกับซูหยิงเซี่ยได้อย่างชัดเจน ในตอนนี้ต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเจี่ยงหงยืนกรานที่จะมาหยุนเฉิงครั้งนี้ เจี่ยงหว่านก็คงไม่อยากให้ตัวเองเสียหน้าแบบนี้ เมื่อหานซานเฉียนเห็นเหอถิงนั่งอยู่บนพื้น สีหน้าของเขาก็เย็นชาทันที แม้ว่าเขาจะรู้นานแล้วว่าตระกูลเจี่ยงไม่ปลอดภัย แต่เขาคิดไม่ถึงว่านี่แค่วันแรก พวกเขาก็ทำขนาดนี้! หานซานเฉียนเดินไปหาเหอถิงและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ป้าเหอ ใครเป็นคนทำป้าครับ?” เมื่อเจี่ยงเชิงได้ยิน เขาก็ตื่นตระหนกและพูดว่า “ไม่เกี่ยวกับฉันนะ เธอเผลอล้ม