ในงานการกุศลเงียบสนิท ออร่าของฉี๋อีหยุนเหมือนราชินีระดับสูงที่ครอบงำผู้นำทางธุรกิจเหล่านั้น ในเวลานี้ เทียนฉางเฉิงค้นพบเรื่องน่าสนุกทำให้ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มย่น เขาพบว่าดวงตาของฉี๋อีหยุนเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม เมื่อมองไปที่พวกผู้ชาย แต่เมื่อเธอมองไปที่หานซานเฉียน กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง สายตานั้นมีเสน่ห์ ดูเหมือนจะพิสูจน์อะไรบางอย่างให้หานซานเฉียนเห็น “น่าสนใจ น่าสนใจมาก”เทียนฉางเฉิงอดหัวเราะไม่ได้ โชคดีที่เทียนหลิงเอ๋อร์รอดพ้นจากอันตราย และกลายเป็นน้องสาวของหานซานเฉียน มิฉะนั้นเธอจะมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอีกคนแน่นอน “คุณปู่ มีอะไรน่าสนใจเหรอคะ?”เทียนหลิงเอ๋อร์ถามด้วยความสงสัย เทียนฉางเฉิงลูบเคราและพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้ชอบอาจารย์ของฉัน” “หานซานเฉียน!” เทียนหลิงเอ๋อร์มองไปที่ฉี๋อีหยุนด้วยความประหลาดใจ และพูดว่า “เธอชอบหานซานเฉียน คุณปู่ดูผิดหรือเปล่าคะ” “ปู่อยู่มาหลายสิบปีแล้วดูไม่ผิดหรอก สายตาแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ชอบแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?” เทียนฉางเฉิงกล่าวอย่างหนักแน่น เทียนหลิงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นออกมาอย่างสนุกสนาน เธอคือผู้หญิงอีกคนที่ถูกหานซานเฉียนพิชิต แม้ว่
“ปู่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ” เทียนฉางเฉิงกล่าว“ถ้าเขาจะเปลี่ยนใจ หนูจะไม่เชื่อในความรักอีกเลย” เทียนหลิงเอ๋อร์ถอนหายใจและพูดเสียงแผ่วเบาในเวลานี้ฉี๋อีหยุนเดินจากเวทีกลับมาหาซูหยิงเซี่ย คนเหล่านั้นคิดว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซูหยิงเซี่ยและบริษัทของเหล่าพวกเจียงฟู่ต่างก็ถูกตระกูลซูโค่นล้ม ประเด็นนี้พวกเขาจึงไม่กล้ามีปัญหากับฉี๋อีหยุนต่อหานซานเฉียนขนลุกไปทั้งตัว ภูมิหลังตระกูลของฉี๋อีหยุนไม่ได้อยู่ในหยุนเฉิง นี่เป็นผลจากการสอบสวนของเขา และแน่นอนเพราะสถานการณ์ในหยุนเฉิงนั้นชัดเจนมาก และเป็นไปไม่ได้ที่ฉี๋อีหยุนจะซ่อนตัวได้อย่างแยบยลกล่าวคือ เธอกล้าแสดงความโกรธเคืองต่อหน้าสาธารณชน แต่เธอวางแผนไว้แล้วว่าจะใช้ซูหยิงเซี่ยเพื่อทำให้คนเหล่านั้นรู้จักถอย เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กล้าตอบโต้เมืองนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นแผนที่น่ากลัวทุกย่างก้าว ดูไร้ร่องรอย และจะไม่ปล่อยให้ซูหยิงเซี่ยรู้ตัวว่าเธอถูกหลอกใช้ยิ่งเป็นแบบนี้ หานซานเฉียนก็ยิ่งรู้สึกกลัวเธอมากขึ้นเท่านั้นก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนซี้ แต่ตอนนี้หานซานเฉียนคิดว่า
หลังจากงานการกุศลจบลง เผิงฟางก็ดึงหานซานเฉียนเข้ามาหาและกล่าวคำขอบคุณ เธอกังวลอนาคตของบ้านแห่งรักตลอดเวลา และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้มีหานซานเฉียนยื่นมือเข้ามาช่วย เธอจึงรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก สำหรับหานซานเฉียนแล้ว เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย เมื่อได้รับคำขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเผิงฟาง เขาก็รู้สึกละอายเล็กน้อย เผิงฟางได้อุทิศทุกอย่างเพื่อบ้านแห่งรักแต่เขาทำได้ไม่ถึงครึ่งของเธอด้วยซ้ำ ถึงแม้จะมีคุณงานความดีมากมาย แต่เมื่อเทียบกับความทุ่มเทของเผิงฟาง ไม่ต่างจากหิ่งห้อยกับแสงจันทร์ “พี่เผิง ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของบ้านแห่งรักนะครับ ถ้าพี่พูดแบบนี้อีกผมจะไม่ไปที่นั่นแล้วนะครับ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ เผิงฟางหยุดคำพูดที่กำลังจะออกจากปากและพูดว่า “โอเค โอเค ฉันไม่พูดแล้ว ถ้าเธอมีเวลาก็มาบ่อย ๆ นะ เด็ก ๆ คงคิดถึงเธอ” “แน่นอนครับ” หานซานเฉียนเดินไปส่งเผิงฟางที่ประตูสโมสร เฉินหลิงเหยาและฉี๋อีหยุนก็ออกไปด้วยกัน ขณะที่เธอทั้งสองออกไป เห็นได้ชัดว่าเฉินหลิงเหยากำลังจับมือฉี๋อีหยุน ด้วยนิสัยของเฉินหลิงเหยา เธออาจจะพูดอะไรบางอย่างกับฉี๋อีหยุน อย่างไรก็ตาม หานซานเฉ
“เธอชอบหานซานเฉียนเหรอ?” เฉินหลิงเหยาถาม “เธอก็ชอบเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกเลย” ฉี๋อีหยุนกล่าว “ฉันไม่เหมือนเธอ ถึงฉันจะชอบเขา แต่ฉันก็ไม่มีวันทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูหยิงเซี่ยเด็ดขาด” เฉินหลิงเหยาฝังความรู้สึกนี้ไว้ลึกสุดใจและคิดมาตลอดว่าจะฝังมันไว้ตลอดไป แต่ฉี๋อีหยุนไม่ใช่ เธอสัมผัสได้ถึงความก้าวร้าวรุนแรงของฉี๋อีหยุน เฉินหลิงเหยารู้ว่าฉี๋อีหยุนคนปัจจุบันไม่ใช่เด็กสาวอ่อนแอที่เธอเคยเป็นอีกต่อไป เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนรักทั้งสาม เธอจึงมีหน้าที่ต้องเตือนฉี๋อีหยุน “ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเอง การที่เขาจะเลือกแบบไหนนั้น เธอไปบังคับเขาไม่ได้หรอก ฉี๋อีหยุนพูดเบา ๆ เฉินหลิงเหยากัดฟัน เธอไม่คิดว่าขนาดเธอพูดชัดเจนแบบนี้แล้ว ท่าทางของฉี๋อีหยุนก็ยังดื้อรั้น “หรือเธออยากเห็นความสัมพันธ์เพื่อนรักของเราสามคน ถูกทำลายด้วยเงื้อมมือของเธอเหรอ?” เฉินหลิงเหยาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันไม่เคยคิดจะทำลายความรู้สึกของใคร ฉันแค่คิดว่าเขามีสิทธิ์เลือก” พูดจบฉี๋อีหยุนก็หันหลังและเดินจากไป เฉินหลิงเหยากำหมัดแน่น และตะโกนใส่หลังฉี๋อีหยุน “เธออย่าลืมว่าเมื่อก่อนที่เธอถ
เมื่อเจี่ยงเชิงเห็นหานซานเฉียน เขาก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้เห็นด้วยตาของเขาเองว่าหลิวฮวาเสียชีวิตต่อหน้าเขาอย่างไร ความกลัวที่มีต่อหานซานเฉียนก็แทรกซึมเข้าไปในกระดูกของเขา จู่ ๆ สวี่ฟางพลันสูญเสียความเย่อหยิ่งที่เธอมี และค่อย ๆ เดินไปหาเจี่ยงหว่าน ราวกับว่าเธอกำลังขอให้เจี่ยงหว่านปกป้อง เจี่ยงหว่านเคยหยิ่งยโสต่อหน้าหานซานเฉียน และซูหยิงเซี่ยเพราะหลิ่วจื้อเจี๋ย แต่หลังจากประสบกับเหตุการณ์ในเมืองปินเซี่ยน เธอก็จำช่องว่างระหว่างตัวเธอกับซูหยิงเซี่ยได้อย่างชัดเจน ในตอนนี้ต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเจี่ยงหงยืนกรานที่จะมาหยุนเฉิงครั้งนี้ เจี่ยงหว่านก็คงไม่อยากให้ตัวเองเสียหน้าแบบนี้ เมื่อหานซานเฉียนเห็นเหอถิงนั่งอยู่บนพื้น สีหน้าของเขาก็เย็นชาทันที แม้ว่าเขาจะรู้นานแล้วว่าตระกูลเจี่ยงไม่ปลอดภัย แต่เขาคิดไม่ถึงว่านี่แค่วันแรก พวกเขาก็ทำขนาดนี้! หานซานเฉียนเดินไปหาเหอถิงและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ป้าเหอ ใครเป็นคนทำป้าครับ?” เมื่อเจี่ยงเชิงได้ยิน เขาก็ตื่นตระหนกและพูดว่า “ไม่เกี่ยวกับฉันนะ เธอเผลอล้ม
“พวกเธอไม่ต้องกังวลหรอก ฉันเป็นใหญ่สุดในบ้านหลังนี้” เจี่ยงหลานกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เจี่ยงหงพยักหน้าด้วยความโล่งใจ แม้ว่าหานซานเฉียนจะมีอิทธิพล แต่อย่างน้อยเขาก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเจี่ยงหลาน และลูกสาวของเธอก็ยังมีความสามารถมาก ซูหยิงเซี่ยเดินไปข้าง ๆ เจี่ยงหลาน และเตือนเบา ๆ ว่า “อย่าพูดเกินไป ถ้าซานเฉียนโกรธ หนูไม่รู้ด้วยนะคะ” ต่อหน้าทุกคน เจี่ยงหลานไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่ในใจเธอไม่กล้าพูดเกินไป หานซานเฉียนเพิ่งไว้หน้าเธอและเธอก็ไม่สามารถหยิ่งผยองได้ หลังจากพูดในสิ่งที่อยากพูดแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง “ซานเฉียน ถ้าคุณอยากสอนบทเรียนให้เจียงเชิง ฉันจะสนับสนุนคุณโดยไม่มีเงื่อนไขค่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หานซานเฉียนส่ายยิ้มเจื่อน ๆ และพูดว่า “ตอนนี้แม่ดูเหมือนแทบอยากจะกินผมไม่ไหวแล้ว ยิ่งไปสอนบทเรียนให้เจียงเชิง ยิ่งเหมือนเป็นการตบหน้าเธอไม่ใช่เหรอครับ” ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจ พลางเดินไปจับมือหานซานเฉียนและพูดว่า “หรือว่าครั้งนี้ คุณจะไว้หน้าเธอเหรอคะ?” หานซานเฉียนหัวเราะและพูดว่า “ในเมื่อภรรยาทูนหัวของผมพูดไปแล้ว มีเหรอผมจะไม่ไว้หน้า” เม
“ซูกั๋วเย่า ยังไม่ทันใช้เงินของคุณเลย คุณเริ่มรู้สึกลำบากใจแล้วเหรอ? พวกเขาคือครอบครัวของฉันนะ ถ้าพวกเขามาเที่ยว ฉันควรไล่พวกเขาออกไปเหรอ?” เจี่ยงหลานมองซูกั๋วเย่าด้วยสายตาไม่พอใจ “คุณไม่เข้าใจผม ผมกังวลว่าพวกเขาจะไม่กลับไป” ซูกั๋วเย่ากล่าว “ไม่กลับไป? ไม่กลับไปได้ยังไง ถ้าพวกเขาไม่กลับบ้านแล้วจะอยู่ทำอะไร?” เจี่ยงหลานงง “ปกติคุณดูเหมือนเป็นคนรู้ทันคน ทำไมถึงคิดไม่ออกล่ะ ตอนนี้หยิงเซี่ยเป็นประธาน คุณไม่คิดเหรอว่าพวกเขามาร่วมครอบครัวของเรา และขอให้หยิงเซี่ยจัดการเรื่องงานให้?” ซูกั๋วเย่าอธิบาย คำพูดเหล่านี้ทำให้เจี่ยงหลานหยุดชะงัก เธอรู้ดีว่าญาติของเธอวัน ๆ เอาแต่ทำตัวไร้เปล่าประโยชน์ แต่ให้พวกเขาเข้ามาทำตัวเป็นแมลงหวี่ในบริษัทคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน “เป็นไปไม่ได้หรอก” เจี่ยงหลานกล่าว “คุณยังไม่มั่นใจคำพูดของตัวเองเลย จะให้ผมบอกชัด ๆ ไหม?” ซูกั๋วเย่ากล่าว เดิมทีเจี่ยงหลานคิดแผนการเดินทางของพรุ่งนี้ไว้หมดแล้ว ว่าจะพาพวกเขาไปดูความแตกต่างระหว่าหยุนเฉิงและปินเซี่ยน แต่สิ่งที่ซูกั๋วเย่าพูด ทำให้เธอชะงักไปชั่วขณะ ถ้าเรื่องเป็นไปตามที่ซูกั๋วเย่าพูดจริง ๆ เธอคงต้องคิดหาวิ
หลินซูเจินอยู่ในห้อง เธอนั่งอยู่บนเตียงและไม่ได้นอนเลย “เป็นยังไงบ้าง ตกลงไหม?” หลินซูเจินถาม เจี่ยงหงยิ้มมีเลศนัยและพูดว่า “มีอะไรที่ผมจัดการไม่ได้บ้าง?” หลินซูเจินยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดี ถ้าฉันได้อยู่ที่นี่ไปตลอด ฉันคงอิ่มเอมใจไปตลอดชีวิต” เจี่ยงหงมองไปรอบ ๆ ห้องที่หรูหรา พร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า “ใช่แล้ว สถานที่ที่หรูหราแบบนี้ มีใครไม่อยากมาอยู่บ้าง แถมยังมีคนรับใช้คอยดูแล กว่าจะได้เสวยสุข ถึงแม้จะช้าไปหน่อย แต่ในที่สุดมันก็มาถึง”เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงของเจี่ยงหง ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่นี่สักพัก นึกย้อนกลับไปตอนที่แม่เฒ่าตระกูลซูยังมีชีวิตอยู่ ในใจก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่แม่เฒ่าตระกูลซูไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้เพราะศักดิ์ศรีของเธอ และเห็นได้ชัดว่าเจี่ยงหงไม่ได้อยากเสียหน้า นี่อาจเป็นคุณสมบัติเด่นของตระกูลเจี่ยง ทั้งสามชั่วอายุคนเหมือนกันหมด มีเพียงซูหยิงเซี่ยเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ ในห้องรับแขก เจี่ยงหลานอยู่ในสภาพสิ้นหวัง เธอรู้ว่าซูหยิงเซี่ยคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่นอน แต่เจี่ยงหงได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และเธอไม่มีทางเลือกอื่น