หลินซูเจินอยู่ในห้อง เธอนั่งอยู่บนเตียงและไม่ได้นอนเลย “เป็นยังไงบ้าง ตกลงไหม?” หลินซูเจินถาม เจี่ยงหงยิ้มมีเลศนัยและพูดว่า “มีอะไรที่ผมจัดการไม่ได้บ้าง?” หลินซูเจินยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดี ถ้าฉันได้อยู่ที่นี่ไปตลอด ฉันคงอิ่มเอมใจไปตลอดชีวิต” เจี่ยงหงมองไปรอบ ๆ ห้องที่หรูหรา พร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า “ใช่แล้ว สถานที่ที่หรูหราแบบนี้ มีใครไม่อยากมาอยู่บ้าง แถมยังมีคนรับใช้คอยดูแล กว่าจะได้เสวยสุข ถึงแม้จะช้าไปหน่อย แต่ในที่สุดมันก็มาถึง”เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงของเจี่ยงหง ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่นี่สักพัก นึกย้อนกลับไปตอนที่แม่เฒ่าตระกูลซูยังมีชีวิตอยู่ ในใจก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่แม่เฒ่าตระกูลซูไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้เพราะศักดิ์ศรีของเธอ และเห็นได้ชัดว่าเจี่ยงหงไม่ได้อยากเสียหน้า นี่อาจเป็นคุณสมบัติเด่นของตระกูลเจี่ยง ทั้งสามชั่วอายุคนเหมือนกันหมด มีเพียงซูหยิงเซี่ยเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ ในห้องรับแขก เจี่ยงหลานอยู่ในสภาพสิ้นหวัง เธอรู้ว่าซูหยิงเซี่ยคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่นอน แต่เจี่ยงหงได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และเธอไม่มีทางเลือกอื่น
เจี่ยงหลานไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซูหยิงเซี่ยถึงปฏิเสธเรื่องนี้ สมาชิกของตระกูลเจี่ยงเป็นญาติสนิทของเธอ และเจี่ยงหลานก็รู้ความสามารถของพวกเขาดีกว่าใคร ๆ แต่เจี่ยงหงพูดออกมาแล้ว เธอจึงทำได้เพียงพยายามให้ดีที่สุด และนิสัยของซูหยิงเซี่ย แค่ขอร้องด้วยสารพัดวิธี เธอยิ่งมั่นใจว่าเธอสามารถโน้มน้าวซูหยิงเซี่ยได้ “อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ให้แม่อธิบายให้ลูกฟังก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น” เจี่ยงหลานพูดเบา ๆ หานซานเฉียนกลับไปที่ห้อง เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ ไม่ว่าซูหยิงเซี่ยจะตัดสินใจอย่างไร หานซานเฉียนก็จะเคารพมัน หานซานเฉียนนั่งอยู่ข้างเตียง หยิบอุปกรณ์เซ็นเซอร์ออกมาจากกระเป๋าเงินของเขา มันมีขนาดเล็กมากและอาจหายได้ง่าย แต่สำหรับหานซานเฉียนไม่ใช่ เพราะวันหนึ่งเขาดูมันหลายครั้งมาก เมื่อนับเวลาดูแล้วนั้น ตี้สู่ได้ไปนานแล้ว เขาคงจะเข้าไปอยู่ในเรือนจำตี้ซินแล้ว แต่เซ็นเซอร์กลับไม่ตอบสนองมาสักพัก อาจจะมีอะไรผิดปกติกับเขา หรือว่าจริง ๆ แล้วเรือนจำตี้ซินไม่มีหานเทียนหยาง? เมื่อใดก็ตามที่หานซานเฉียนคิดเรื่องนี้ เขาจะรู้สึกกระสับกระส่าย เขาหวังว่าหานเทียนหยางจะยังมีชีวิตอยู่ เขาคาดหวังมากและกังวลว่าควา
แต่เมื่อย่างเท้าเข้ามาใกล้ ตี้สู่ก็ถูกทุบตีอย่างไร้ความปราณี และหลังจากการทุบตีเสร็จ คนเหล่านั้นก็จากไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้พาตี้สู่ออกไปด้วย ตี้สู่นอนอยู่บนพื้น และกระโจนเข้าไปในห้องมืดอีกครั้ง เขารู้สึกสิ้นหวังเป็นครั้งแรก นี่คือสิ่งที่ต้องเจอในเรือนจำตี้ซิน? ไม่เพียงแต่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดมิดเท่านั้น แต่พวกเขายังถูกถูกทุบตีอีกด้วย? "ฉันอยู่ท่ามกลางแมลงสาบ ไม่มีใครเอาชนะฉันได้!” ตี้สู่พูดพร้อมกัดฟัน จู่ ๆ ห้องก็เริ่มสั่น และคราวนี้ความถี่ในการสั่นมากกว่าครั้งก่อน ๆ พวกแกทั้งแก๊งไม่กลัวเหรอว่าพังสถานที่ห่วย ๆ นี้แล้วมันจะฝังพวกแกทั้งเป็นด้วย” ตี้สู่ตกใจมาก จนตัวสั่นด้วยความกลัว ทำให้เขาแน่ใจมากขึ้นว่าเรือนจำตี้ซินนั้นอยู่ในชั้นใต้ดิน คฤหาสน์บนภูเขา หลังจากที่หานซานเฉียนเก็บเซ็นเซอร์ดีแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็บังเอิญกลับมาที่ห้องพอดี เมื่อเห็นท่าทางซึมหงอยไหล่ตกของซูหยิงเซี่ยก็พอจะเดาได้ “คุณตอบตกลงไหม?” หานซานเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยกัดริมฝีปาก เธอไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่เธอไม่สามารถเอาชนะเจี่ยงหลานได้ “ซานเฉียน คุณจะไม่ตำหนิฉันใช่ไหมคะ” ซูหยิงเซี่ยก้มหน้า แล
เทียนฉางเฉิงดูถูกเขาในใจ ชายแก่คนนี้มักสร้างปัญหา และหาเหตุผลที่ฟังขึ้น ยังคิดว่าตัวเองเดาไม่ออกจริง ๆ เหรอว่าเขาต้องการจะทำอะไร? “นิสัยของนาย ชอบการแข่งขันมากเกินไป สู้กันมากี่ปี่ต่อกี่ปี นายก็ยังไม่เข้าใจอีก มีครั้งไหนบ้างที่นายไม่แพ้ฉัน?” เทียนฉางเฉิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ คำพูดเหล่านี้ทำให้สีหน้าของหลัวปินมืดลงทันที และเป็นเพราะเขาไม่เคยชนะเทียนฉางเฉิง ดังนั้นเขาจึงคับแค้นใจ ถ้าแค้นนี้ไม่ได้แก้ เขาคงหลับตาไม่ลง แม้ในขณะที่เขากำลังจะตาย ยิ่งไปกว่านั้น หลัวปินต้องวางแผนอนาคตให้กับหลัวสวี้เหยา หากตระกูลหลัวและตระกูลเทียนสามารถแต่งงานได้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของหลัวสวี้เหยาในอนาคต แน่นอนว่าความเห็นแก่ตัวของหลัวปินไม่ได้จำกัดอยู่แค่จุดนี้ เขารู้ว่าเทียนฉางเฉิงให้ความสำคัญกับเทียนหลิงเอ๋อร์มาก และมีทรัพย์สมบัตรของตระกูลจำนวนมากที่จะให้เทียนหลิงเอ๋อร์ในอนาคต ถ้าเทียนหลิงเอ๋อร์แต่งงานกับหลัวสวี้เหยา ทรัพย์สินของตระกูลนี้ก็เหมือนทรัพย์สินของตระกูลหลัวไม่ใช่เหรอ? หลัวปินวางแผนแบบนี้มานานแล้ว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว “อย่าชะล่าใจไป ครั้งนี้ฉันมั่นใจว่าฉันชนะ รีบเอาไอ
“ปู่ต่างหากที่หดหัว” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดอย่างโกรธเคือง เทียนฉางเฉิงรีบดุ “หลิงเอ๋อร์ พูดแบบนั้นกับปู่หลัวได้อย่างไร” แม้ว่าเทียนฉางเฉิงจะรู้ว่าหลัวปินจงใจยั่วยุเทียนหลิงเอ๋อร์ แต่เทียนหลิงเอ๋อร์อายุน้อยกว่า จะไปพูดกับหลัวปินด้วยน้ำเสียงแบบนั้นได้อย่างไร “ไม่เป็นไร ฉันจะคิดเล็กคิดน้อยกับหลิงเอ๋อร์ทำไม แต่หลิงเอ๋อร์ ต่อให้เธอช่วยเขาพูดมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก ในฐานะลูกผู้ชาย ก็ต้องมีความรับผิดชอบ เขาไม่กล้าปรากฏตัว จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว มันน่าอายนะ” หลัวปินยิ้ม “หนูจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ” หลังจากพูดจบ เทียนหลิงเอ๋อร์ก็หยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา เทียนฉางเฉิงยิ้มเจื่อน ๆ เทียนหลิงเอ๋อร์ตกหลุมพรางของหลัวปินโดยไม่รู้ตัว “หลัวปิน นายไม่ควรเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ มันไม่มีประโยชน์หรอก” เทียนฉางเฉิงถอนหายใจ หานซานเฉียนเป็นเสือที่ดุร้าย จุดจบความโกรธของเสือคือตายไร้ศพ เขาถือว่าเตือนหลัวปินในฐานะเพื่อนเก่า หลัวปินไม่สนใจ และไม่เข้าใจสิ่งที่เทียนฉางเฉิงพูด หลังจากที่หานซานเฉียนส่งซูหยิงเซี่ยไปทำงาน เขาก็รับสายเทียนหลิงเอ๋อร์ทันทีที่เขามาถึงคลับเมจิกซิตี้
ระหว่างที่หานซานเฉียนไปสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งลงจอดที่สนามบินหยุนเฉิง หญิงมีเสน่ห์วัยสามสิบก้าวลงจากเครื่องบินสูงพร้อมกับบอดี้การ์ดหลายคน เมื่อมองแวบแรก ตัวตนของเธอนั้นไม่ธรรมดา เธอมีรูปร่างที่ดีมาก และแทบจะไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ท่าทางที่มีเสน่ห์ของเธอทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคนแปลกหน้าไม่ควรเข้าใกล้เธอ อีกทั้งเธอก็มีออร่าที่น่าเกรงขาม แค่ยืนเฉย ๆ ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอเป็นคนระดับสูง ออร่าแบบนี้ต้องมาจากตระกูลใหญ่เท่านั้น “พี่เหยียนจะไปหาเขาเมื่อไหร่ครับ” ข้าง ๆ ผู้หญิงมีเสน่ห์เป็นผู้ชายที่ดูเหมือนผู้ช่วยเอ่ยถาม หานเหยียนยิ้มอย่างเหยียดหยามและกล่าวว่า “ญาติที่ไม่ได้มีสายเลือดโดยตรง มีเหตุผลอะไรถึงให้ฉันไปพบเขาด้วยตัวเอง และถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฉันจะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้ยังไง ไปหาเขา และให้เขาใช้เวลาอยุ่ต่อหน้าฉันให้เร็วที่สุด ฉันไม่อยากเสียเวลาเพราะเขา” หานเหยียนเป็นลูกสาวของตระกูลหานในเขตจีนของสหรัฐอเมริกา ตระกูลหานในอเมริกามีความเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับตระกูลหานในเหยียนจิง แต่ความสัมพันธ์นี้เริ่มต้นจากรุ่นก่อนของหานเทียนหยาง ดังนั้นจึงมีประวัติศาสต
เมื่อมาถึงโรงแรมเพนนินซูล่า หานเหยียนก็รู้สึกขยะแขยงอีกครั้ง โรงแรมที่ดีที่สุดนั้นอยู่ในสภาพเส็งเคร็ง ยิ่งทำให้เธอเกลียดผู้ชายที่ชื่อหานซานเฉียนมากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไร้ประโยชน์ เธอคงไม่ต้องเดินทางไกล เพื่อมาสถานที่ขยะในหยุนเฉิงแบบนี้งั้นเหรอ เมื่อหานซานเฉียนมาถึงสถาบันศิลปะการต่อสู้ สีหน้าบูดบึ้งของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็ชัดเจนขึ้นทันที เธอวิ่งเหยาะ ๆ มาหาหานซานเฉียน “พี่ไม่เหมาะจะเป็นพี่ชายเลย เพิ่งมาถึงตอนนี้เนี่ยนะ” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าว หลังจากที่หานซานเฉียนวางสาย เธอก็รีบลุกลนไม่หยุด “รอพี่มีเงินก่อนนะ พี่จะสร้างจรวด ต่อไปเร็วกว่านี้แน่ ๆ” หานซานเฉียนกล่าว เทียนหลิงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก แม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่เธอก็เข้าใจคำพูดเสียดสีของหานซานเฉียน จู่ ๆ เตาสือเอ้อร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หานซานเฉียนก็เครียดขึ้นมาทันที หรือเขาเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งแล้ว? จากสายตาของเตาสือเอ้อร์ หานซานเฉียนเห็นชายวัยกลางคนยืนเคร่งขรึมอยู่ข้างหลัวปิน เขาดูไม่ธรรมดา แต่ถึงกับทำให้เตาสือเอ้อร์มีปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ? เมื่อหลัวปินเห็นหานซานเฉียน เขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เพราะครั้งที่แล้วเ
เจตนาฆ่าในสายตาของโจวป๋อทำให้หลัวปินเย็นวูบถึงกระดูกสันหลัง แม้ว่าเขาจะไม่รู้รายละเอียดของโจวป๋อ แต่เขาก็พอเดาตัวตนของโจวป๋อได้ เขาน่าจะเป็นพวกอันธพาลไม่กลัวตาย เขาดูอันตรายมาก หลัวปินถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเงินจะสำคัญ แต่ชีวิตก็สำคัญยิ่งกว่า “เขาเอาเงินจากคุณไปเท่าไหร่ ผมจะคืนให้” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ โจวป๋อชำเลืองมองหานวานเฉียนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ต้องการให้ใครช่วยเรื่องคืนเงิน และหลัวปินก็ไม่กล้าขอเงินเขาคืน “หานซานเฉียน เขาเอาเงินของฉันไป นายควรช่วยฉันทำอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้เขาผิดสัญญา แก้ปัญหาด้วยเงินได้ไหม?” ในฐานะนักธุรกิจ แวบแรกหลัวปินคิดถึงการชดเชยค่าเสียหาย โดยจิตใต้สำนึกต้องการรีดไถหานซานเฉียน หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ หลัวปินเต็มไปด้วยความโลภของนักธุรกิจ ตอนนี้เขายังต้องการเพิ่มผลประโยชน์สูงสุด “ผมขอถอนคำพูด ไม่คืนให้แล้ว ถ้าคุณมีความสามารถก็ไปขอเขาเองสิ” หานซานเฉียนกล่าว หลัวปินสีหน้าประหลาดใจ จู่ ๆ หานซานเฉียนก็ยื่นข้อเสนอที่เขาไม่คาดคิด แต่ตอนนี้นอกจากรีดไถไม่สำเร็จ เขากลับสูญเสียทุกอย่าง แต่ไม่กล้าบ่นสักคำ เพราะเจตนาฆ่าในส